ลำดับตอนที่ #82
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #82 : ผมน้ำหนักขึ้นอ่ะ พร้อมๆกับมีครูฝึกส่วนตัวกับเขาแล้วนะ
                    มีเรื่องด่วนมาแจ้งให้ทราบครับว่า 1 สัปดาห์ผ่านไป น้ำหนักขึ้นมา 4 กก.ครับจาก 72.5 เป็น 76.5 กก. แต่อย่าเพิ่งตกใจว่าเป็นโยโย่หรือเรื่องของวิธีการที่ใช้นะครับ แต่เป็นเพราะเหตุการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามากกว่า
                    สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์ที่งานเยอะมากๆทั้งงานหลวงและงานราษฎร์จนผมไม่มีเวลาอัพเดทบทความในเด็กดีเลย และที่สำคัญก็คือมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องกินมากขึ้นและไม่มีเวลาที่จะออกกำลังกายเลย และที่สำคัญผมแทบไม่ได้ชั่งน้ำหนักเลย พอมาชั่งเมื่อเช้าก็ตกใจเล็กน้อย แต่คิดอยู่แล้วครับว่ายังไงน้ำหนักก็ต้องเพิ่ม ผมขอเล่าประสบการณ์ในวันหนึ่งที่ผมเจอมาแล้วดูว่าอะไรต่อมิอะไรมันช่างผิดแผนไปหมดให้ฟังก็แล้วกันนะครับ
                    มีอยู่วันผมตื่นสายเพราะเมื่อคืนนอนดึก ก็เลยทำให้ต้องมากินข้าวเช้าเอาตอน 10 โมง พอถึงเที่ยงก็ยังไม่อยากกินอะไร วันนั้นตอนบ่าย 2 ผมต้องออกต่างจังหวัดด่วน ผมก็เลยคิดว่าเอาไว้กินข้าวตอนบ่ายครึ่งก็แล้วกัน แต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าผมมีงานติดพันหลายอย่างจนไม่มีเวลากินข้าวเลย พอทำงานทุกอย่างเสร็จก็บ่ายสองพอดี ก็เลยต้องรีบขึ้นรถเพื่อเดินทางเลย
                    ขณะนั่งอยู่ในรถก็คิดเสมอว่า เดี๋ยวพอไปถึงเวลาสักประมาณ 4 โมง ครึ่งก็จะแว๊บไปกินข้าว แต่ผลปรากฏว่าพอไปถึงก็มีงานติดพันเลยครับ ทำให้ไม่มีเวลากินข้าวอีกจนกลับถึงกรุงเทพฯประมาณ 3 ทุ่ม ช่วงนั้นหิวจับใจเลยครับ ไม่เคยหิวแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ตอนนั้นก็ไม่ใช่ช่วงที่งดมื้อเย็นซะด้วย แล้วก็เพิ่งทำงานมาเหนื่อยมากๆเลยครับ
                    คิดอยู่เหมือนกันว่าจะกินดีหรือไม่กินดี แต่มาสรุปว่าต้องกินเพราะคืนนั้นต้องเคลียร์งานอีกปึกหนึ่งครับ ถ้าไม่กินกลัวจะไปไม่รอด แต่พอกินข้าวไป 1 จาน ผมกลับหิวมากกว่าเดิม อย่าเพิ่มตกใจไปนะครับ เพราะนี่คือจุดเปราะบางที่สุดของผม และผมยังไม่เคยเล่าเลย เพราะที่ผ่านมา เกือบ 7 เดือน ผมยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย ลืมบอกไปครับว่าแถวนั้นไม่มีสลัดหรืออาหารที่แคลอรี่ต่ำซะด้วย แต่ถึงมีผมก็อาจไม่กินเพราะตอนนั้นมันเหนื่อยแบบสุดๆ และหิวแบบสุดๆด้วย ผมก็เลยกินข้าวอีก กว่าจะอิ่มแบบที่ตัวเองต้องการก็ปาเข้าไปทั้งหมด 3 จานกับน้ำปั่นอีก 2 แก้ว แต่ในภาวะแบบนั้น ยังไงก็ต้องกินครับ เพราะมันไม่ไหวแล้ว คือปล่อยให้ความหิวเข้าครอบงำจนตาลาย ถ้าท่านที่อ่านมาตั้งแต่ต้นจะเห็นว่า ผมไม่เคยปล่อยให้ตัวเองหิวเลยตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา แต่วันนั้นมันสุดๆจริงๆ
                    ยังไม่พอครับท่านผู้ชม เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา หลายๆท่านคงยังจำได้กับ ฝนที่ตกกระหน่ำทั่วกรุงเทพฯ บังเอิญวันอังคารและพุธก่อนหน้านั้น ผมไม่มีเวลาเดินออกกำลังกายเลย ก็เลยตั้งใจมั่นว่า วันพฤหัสฯที่แล้วต้องออกให้ได้ แต่พอกินข้าวเย็นได้สักพักฝนก็ตกกระหน่ำแบบไม่ลืมหูลืมตา ผมยืนรอจนฝนซาลง คิดว่าเดี๋ยวคงหยุดตกแล้วก็เลยเริ่มเดิน แต่ยังไม่ทันไรครับ ฝนตกกระหน่ำลงมาจนผมไม่ทันตั้งตัว เลยต้องรีบวิ่งไปหลบในร้านอาหารข้างๆ ตอนนั้นค่อนข้างเครียดมากเลยครับ สั่งน้ำผลไม้มาดื่ม
                    แต่ฝนก็ยังตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผมนั่งอยู่นานเลยเกรงใจเขา จำเป็นต้องสั่งอาหารทั้งๆที่ข้าวเย็นก็กินไปแล้ว ออกกำลังกายก็ไม่ได้ออกอีก มันก็เลยกลายเป็นลูกติดพันที่ทำให้วันนี้น้ำหนักของผมปาเข้าไป 76.5 กก. พอดี  มีเพื่อนสนิทหลายคนถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเรียกว่าโยโย่ได้ไหม ผมตอบไปว่า ก็แล้วแต่จะคิด แต่ผมว่าไม่นะ เพราะมันไม่ได้เกิดจากความอยากแบบบ้าระห่ำของเรา แต่เกิดจากชีวิตประจำวันที่มันพาไป ผมคิดว่าหลายคนคงประสบกับปัญหาแบบนี้ค่อนข้างบ่อย
                    พอเกิดปัญหาแบบนี้ผมก็ไม่อยากคิดถึงสิ่งที่ผ่านมาครับ คิดแค่ว่า 1 สัปดาห์ต่อไปนี้จะต้องเข้มงวดและวางแผนให้ดีขึ้น สิ้นเดือนนี้เอาแค่เหลือ 74 กก. เท่ากับ 4 เดือนแรกก็พอแล้ว เดือนกันยาก็ค่อยมาว่ากันอีกที
                    มีข่าวลือหนาหูว่า คนที่ลดน้ำหนักมามากๆอย่างผมถ้าเผลอให้น้ำหนักขึ้นมาประมาณ 4 โลเนี่ย ต่อไปจะลดยากมากๆ เอาเป็นว่าอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้านี้เรามาพิสูจน์กันว่า มันจะเป็นจริงหรือไม่ เพื่อนๆ น้องๆ หลานๆทุกคนก็เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ครั้งนี้ถือว่าเป็นวิกฤติที่สำคัญของ \"ผู้ชายพร่องมันเนย\"อย่างผมโดยแท้ ยังไงก็ต้องลองลดดูครับ และเกาเหลาโฟเพื่อนยากก็จะกลับมาเป็นพระเอกตามเดิม
                  วันนี้เลยยังไม่มีเวลาเล่าเรื่องครูฝึกส่วนตัวของผมเลยครับ เอาไว้ตอนหน้าก็แล้วกันครับ เพราะตอนนี้มัน 5 ทุ่ม 25 แล้ว เห็นทีผมจะต้องรีบเผ่นโดยด่วน ตอนหน้ามาว่ากันใหม่นะครับ
 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น