ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

    ลำดับตอนที่ #21 : ทำอย่างไรเวลาไปสัมมนา ( 3 )

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.26K
      3
      7 เม.ย. 48









                                                    หมายเหตุ    เขียนวันที่ 7 เม.ย. 48   หนัก  85.5  กิโลกรัม





                                                   สวัสดีครับ  วันนี้ก่อนที่จะเข้าเรื่อง ผมมีสาระน่ารู้มาบอกครับ ท่านที่ติดตามอ่านมาตลอดคงพอทราบกันแล้วว่า การอดนอน  การไม่กินอาหารเช้า และการกินอาหารที่มากเกินไปมีผลเสียอย่างไรกันบ้าง แต่วันนี้ผมจะมาบอกเพิ่มเติมว่าพฤติกรรมเหล่านั้นมีผลเสียต่อสมองของเราๆท่านๆอย่างไร วันนี้ไม่มาเจาะใจครับ แต่มาเจาะสมองแทน



                                                   เริ่มที่การอดนอนก่อน ได้ยินมาว่ามีหลายคนพยายามที่จะอดนอนเพื่อที่จะลดน้ำหนัก ถ้าอดนอนแล้วจะลดได้จริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผลเสียที่ตามมานี่สิ ยาวเป็นหางว่าวเลย อย่างแรกที่พอจะนึกออกกันก็คือ ช่วงเวลากลางวันก็จะทำให้เกิดอาการง่วง ซึ่งจะทำให้เกิดการเรียนหรือทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพตามมา ส่วนผลต่อสมองนั้น ถ้าสมองได้รับการพักผ่อนอย่างไม่เพียงพอแล้ว เซลล์สมองบางส่วนอาจตายได้



                                                   ส่วนการไม่กินอาหารเช้านั้น บางท่านก็ใช้เป็นวิธีหนึ่งในการลดน้ำหนัก ซึ่งหลายท่านก็สามารถทำได้ แต่อาหารเช้านั้นจำเป็นอย่างยิ่งครับ ถ้าเราไม่กินอาหารเช้าจะมีผลทำให้สมองได้สารอาหารที่ไม่เพียงพอได้ อาจทำให้การเรียนหรือการทำงานในช่วงเช้าไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่คร   ส่นการกินมากเกินไปนั้น นอกจากผลเสียต่างๆที่หลายๆท่านทราบกันดี ผลเสียที่มีต่อสมองก็มีเหมือนกันคือจะมีผลทำให้ความจำสั้นครับ ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับน้องๆที่กำลังอยู่ในวัยเรียน



                                                   ขอพูดถึงเมื่อวานตอนเย็นหน่อยครับ พอผมกลับไปถึงบ้าน พักนิดนึงก็เริ่มเดินขึ้น-ลงบันไดเลย เมื่อวานนี้ทำได้ประมาณ 30 นาทีก็เลิกครับ แล้วผมก็นอนประมาณ 5 ทุ่ม นอนหลับสนิทมาก ตื่นมาอีกทีก็ตี 5 เลย ถือว่าเช้านี้เป็นเช้าที่สดชื่นเอามากๆครับ เป็นเช้าที่ 66 ของการอยู่ในโปรแกรมลดน้ำหนัก การนอน 5 ทุ่มแล้วมาตื่นเอาตี 5 เลยถือเป็นการนอนในอุดมคติของผมจริงๆ รู้สึกว่าเป็นการได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ พอตื่นขึ้นมาสมองก็ปลอดโปร่ง ชั่งน้ำหนักได้ 85.5 กิโลกรัมก็ถือว่าใช้ได้เพราะลดไปครึ่งกิโลฯ ผมออกจากบ้านประมาณ 6 โมงครึ่ง มาถึงที่ทำงานประมาณ 7 โมงครึ่ง วันนี้รถไม่ค่อยติด พอเอาของมาเก็บไว้ที่ห้อง ผมก็เดินไปกินอาหารที่ร้านไกลที่สุดเท่าที่จะเดินได้ ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ออฟฟิตอยู่ชั้น 3 ครับ แต่เดินขึ้น-ลงบันไดตลอด



                                                  เช้าที่ 66 นี้ผมถือโอกาสเปลี่ยนเมนูจากเกาเหลาโฟเป็นข้าวแกงดู เพื่อปรับตัวให้สอดรับกับโปรแกรมควบคุมน้ำหนักต่อไป การที่ผมร่างโปรแกรม 4 เดือน ผมแบ่งเป็น 2 ช่วงๆละ 2 เดือนคือ 2 เดือนซ่อม 2 เดือนสร้าง (ชื่อมันคล้ายๆกับโครงการของใครหว่า) 2 เดือนซ่อมของผมนั้นคือการเปลี่ยนพฤติกรรมเคยชินที่ไม่ดีให้กลายเป็นพฤติกรรมเคยชินแบบใหม่ที่มีคุณภาพทั้งพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย รวมทั้งพฤติกรรมโดยรวมในการใช้ชีวิตด้วย เช่น การนอน การใช้สมอง เป็นต้น  ส่วน 2 เดือนสร้างก็คือการปรับให้พฤติกรรมเคยชินอันใหม่เตรียมฝังรากลึกอยู่ในจิตใต้สำนึกของผมเท่าที่มันจะฝังลงไปได้ เช้านี้ที่ผมเปลี่ยนมากินข้าว เพราะต้องการออกกำลังกายช่วงเย็นให้หนักขึ้นอีกหน่อย เลยเสริมคาร์โบไฮเดรตเพื่อเอาแรง แต่ก็กินไม่มากครับ เมื่อเช้าสั่งข้าวราดผัดกระเพราไก่กับผัดดอกกะหล่ำ ผมกินกับข้าวหมดเกลี้ยงแต่เหลือข้าวเปล่าๆไว้ครึ่งจาน แต่ก็อิ่มครับ มีคนแนะว่าก่อนกินข้าวเช้าให้กินน้ำไปก่อนครึ่งขวด แล้วค่อยกินข้าว และก็ไม่ควรกินจนอิ่ม เอาให้อิ่มแค่ 80 %ก็พอ แล้วก็กินน้ำตามไปอีกครึ่งขวด มันก็จะอิ่มพอดี และไม่อิ่มมากเกินไปด้วย ผมว่าสูตรนี้เข้าท่าดีครับ แต่กลางวันนี้ไม่รู้จะกินอะไรบ้างเพราะเป็นงานเลี้ยงวันสงกรานต์ครับ คงไปเลือกกินที่งานเลยก็แล้วกัน



                                                 ขอปิดท้ายเกี่ยวกับสัมมนาที่ผมไปในวันที่ 3-5 มี.ค.48 ครับเพราะนั่นเป็นสัมมนาที่มักจะพบได้บ่อยกว่าสัมมนาช่วงวันที่ 4-5 เม.ย.ที่เพิ่งผ่านมา ช่วง 3-5 เมื่อเดือนที่แล้วนั้น ตอนเย็นหลังกินข้าวจะเป็นช่วงพักผ่อนตามอัธยาศัยครับ ผมว่าช่วงนี้สำคัญมากสำหรับการออกกำลังกาย ผมเลือกเดินเลาะชายหาดไปเรื่อยๆ เดินไปไกลมาก แต่มันก็เพลินดี ทางซ้ายมือเป็นด้านหลังของโรงแรมต่างๆส่วนทางขวามือเป็นทะเล ได้บรรยากาศดีมากๆเลยครับ ทำให้เดินได้นานกว่าที่เคย พอกลับมาที่บ้านเย็นวันที่ 5 มี.ค. 48 ผมก็ชั่งน้ำหนักเลย ปรากฏว่าลดเหลือ 95 ผมดีใจสุดๆเลย เพราะผมได้แก้ปัญหาน้ำหนักคงที่ๆ 96 ได้แล้ว หลังจากนั้นน้ำหนักตัวก็ลดลงเรื่อยๆเลยครับ จนมาคาอยู่ที่ 89 ในวันที่ 21 มี.ค 48 ผมหนัก 89 กิโลกรัมพอดี และก็เป็นวันแรกที่ผมเข้ามาเขียนบทความลงในเว็บนี้ การเล่าย้อนอดีตก็ถือว่าเสร็จสิ้นด้วยประการฉะนี้ครับ ตอนต่อๆไป ผมก็จะเริ่มลุยและนับถอยหลังจาก 85.5 ลงไปเรื่อยๆ หวังว่าคงไม่เกิดปัญหาอะไรตามมาอีกนะครับ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงๆก็ต้องวางแผนแก้ปัญหากันต่อไป



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×