ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิทยานิพนธ์ดาร์คแลนด์

    ลำดับตอนที่ #2 : ปริญญาตรี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 886
      2
      30 มี.ค. 57

    คณะพันธุ์ศาสตร์






    ส่งอาจารย์
    ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์พันธา พฤษา






    ...............................................



    บทนำ

    บทที่1

     
    ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
         
     โลกถือกำเนิดมาเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว หลังจากที่จักวาลได้สร้างกาแลคซี่นี้ขึ้นมา มีเพียงแรงโน้มถ่วงเท่านั้น ที่หลอมรวมให้เศษฝุ่น ก้อนหิน อนุภาคเล็กๆต่างๆมากมาย ให้กลายเป็น"ดาวเคราะห์" และดาวเคราะห์จะต้องไม่มีแสงสว่างในตัวเอง ถ้ามีแสงสว่างในตัวเองเรียกว่าดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ส่วนใหญ่โคจรในรัศมีดาวฤกษ์ เช่น สุริยะจักร เป็นต้น และยังมีดาวเคราะห์ที่โคจรดาวเคราะห์ด้วยกันเอง เช่น โลก 
         ดาวเคราะห์และจักรวาลถูกสรรค์สร้างมาเพื่อสิ่งใดนั้นไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่ทว่า มันมีความพิเศษในแบบของมัน อุณหภูมิ เป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งสภาพแวดล้อม ธาตุต่างๆถ้าอยู่ในช่วงเหมาะสมหรือพอดิบพอดี มันจะถือกำเนิดสิ่งหนึ่งขึ้นมา เรียกว่า "สิ่งมีชีวิต"
         สิ่งมีชีวิต ประกอบด้วยธาตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคาร์บอน ออกซิเจน และอื่นๆ สิ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างมาก 

         เมื่อโลกมีสิ่งมีชีวิตขึ้นมา สิ่งนั้นเริ่มแรกจะประกอบด้วยเซลล์เดียว แล้วใช้เวลาพัฒนาวิวัฒนาการหลายล้านปี จากเผ่าพันธุ์เดียวกลายเป็นล้านๆเผ่าพันธุ์ และนี่เองที่เป็นจุดสนใจในการศึกษาเผ่าพันธุ์ต่างๆที่ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้...
    เมื่อเวลาผ่านไป โลกเปลี่ยนแปลงขึ้น มีสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ เกิดขึ้น ซึ่งวิวัฒนาการมาจากเผ่าพันธุ์ลิง พวกเขามีสมอง มีความคิดช่างสังเกต สร้างสิ่งใหม่ๆขึ้นมา กลายเป็นอาณาจักร เป็นแคว้น แต่ทว่า มนุษย์ที่มีหลากเผ่าพันธุ์จนบางครั้งเราก็แยกไม่ออกว่ามนุษย์มีพลังเหนือธรรมชาติหรือไม่? แล้วถ้ามี จะแยกไปอีกเป็นเผ่าพันธุ์หนึ่ง ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อน อาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง ที่ๆมีอากาศบริสุทธิ์ ที่ๆมีพลังเหนือธรรมชาติ ที่ๆมีแต่สิ่งงดงามแปลกตา แต่มันไม่ได้อยู่บนพื้นโลก อาจจะอยู่อีกโลกหนึ่งเรียกว่า "มิติ" และข้าพเจ้าก็จะไปศึกษาเผ่าพันธุ์ต่างๆที่ไม่เคยมีอยู่บนโลกมนุษย์มาก่อน อาจจะเป็นเพียงตำนาน หรือ เป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น หรืออาจจะมีอยู่จริง แต่ถูกพวกที่มีอำนาจมากกว่าล้างเผ่าพันธุ์ไปแล้วก็เป็นได้..


    วัตถุประสงค์ของงานวิจัย
    1.เพื่อศึกษาลักษณะเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต
    2.เพื่อศึกษาความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิต
    3.เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่นๆได้อย่างเหมาะ


    ขอบเขตของการวิจัย
    1.  ขอบเขตของเนื้อหา:การศึกษาครั้งนี้มุ่งศึกษาลักษณะ วัฒนธรรม สภาพที่อยู่,ถิ่นอาศัย ของเผ่าพันธุ์
    2.  ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยข้อที่  1-2
    3.  ศึกษาที่แคว้นเนพีอา

     
    ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
       
    1.  ผลที่ได้รับจากการศึกษาในครั้งนี้จะทำให้ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับ
    ลักษณะ วัฒนธรรม สภาพที่อยู่,ถิ่นอาศัย ของเผ่าพันธุ์ว่าเป็นอย่างไร
       2.  ข้อค้นพบจากงานวิจัยในครั้งนี้สามารถนำไปศึกษา บันทึกปัญหาเผ่าพันธุ์ ข้อดี ข้อด้อยต่างๆได้ และนำไปพัฒนาในการดำรงชีวิตอยู่กับเผ่าพันธุ์อื่นๆได้

    เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
     1.  เนพีอา แคว้นในตำนานที่สาบสูญ
     2.  วิวัฒนาการ
     3.  สัตว์ในเทพนิยายและตำนาน
     4.
    ประวัติศาตร์ดาร์คแลนด์
    ..........................................................................................


    บทที่2
     
         

    ตอนที่1
       ตำนานดาร์คแลนด์

     
          มีตำนานปรัมปราเล่าว่า25000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช การสถาปนาดาร์คแลนด์
    มหาจักรวาลเต็มไปด้วยอาณาจักรน้อยใหญ่มากมาย
    ยมทูตทั้งห้าแห่งนรกได้ร่วมสร้างดินแดนเร้นรับในม่านหมอกขึ้น
    ตั้งนามว่า อาณาจักรดาร์คแลนด์
    เพื่อรวมศาสตร์มืด ความเร้นลับ เป็นที่อยู่อาศัยของ เทพ ภูติ ผี ปีศาจ วิญญาณ สัตว์หลากชนิด ซึ่งเป็นขบถต่อเเสงสว่าง
    ยมทูตทั้งห้า ได้นำชิ้นส่วนวิญญาณของตนหล่อหลอมออกมาเป็นชายชาวดาร์คสายเลือดบริสุทธิ์คนเเรก ชื่อ อัทรา
    เเละเป็นหญิงชาวดาร์คสายเลือดบริสุทธิ์คนแรกชื่อ เอรินเทรีย
    จากนั้นยมทูตทั้งห้าก็ทิ้งวิญญาณหลับใหลอย่างสงบสุข
    ไม่มีใครรู้ว่าวิญญาณของทั้งห้า...อยู่ที่ใด
     
    อัทรา เเละ เอรินเทรีย สถาปนาตนเป็นแกรนด์ดยุค เเละแกรนด์ดัชเชส รับหน้าที่เป็นผู้นำ
    แห่งดาร์คแลนด์ ภายใต้ธงตระกูลอันทรา ศูนย์กลางอยู่ที่เเคว้นเนพีอา ปกครองโดยสงบสุข
    ถึง 197 ยุคสมัย ประชาชนทั้งหมด เรียกตัวเองว่า...ชนเผ่าดาร์ค
    ทั้งหมด ล้วนมีจุดร่วมเดียวกันคือ... ชิงชังแสงสว่าง เเละมองเห็นความงดงามในความมืด
    และยังมีเรื่องเล่าอื่นๆอีกมากมายที่ถูกบันทึกรวมรวมเป็นประวัติศาตร์ดาร์คแลนด์
     
    ตอนที่2
       เนพีอา แคว้นในตำนานที่สาปสูญ



     
    ประัวัติความเป็นมา
        "เนพีอา"ปรากฏในตำนานดาร์คแลนด์ว่าเป็นแคว้นมายา
    ไม่เคยมีใครเคยพบมาก่อน  บัดนี้ คณะสำรวจเเห่งดาร์คแลนด์ได้ค้นพบแคว้นแห่งนี้
     
    แคว้นที่่ซ่อนในไอหมอก เเละความดำมืด
    เเคว้นที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังของอารยธรรม
    ที่สาบสูญไปกว่าหมื่นปี...
     
    เื่ชื่อว่าชาวดาร์ค...เคยมีภาษาเป็นของตัวเอง
    เเละมีราชวงค์ของตนเอง..
    มีประวัติศาตร์ที่ยาวนาน...
     
    ตอนที่3
        ตระกูลอันทราแห่งเนพีอา

        ตระกูลอันทรา เป็นตะกูลเก่าแก่มาก่อน "ยุคแห่งสงครามและการทรยศ"  ตระกูลอันทราเคยปกครองดาร์คแลนด์มายาวนาน  เชื่อว่า ทายาทแห่งอันทรา มีมนตราวิเศษที่น่าพรั่นพรึง พวกนางยังคงพยายามจะลุกขึ้นมามีอำนาจอีกหลายต่อหลายครั้ง  แม้จะถูกปรามปราม และพ่ายเเพ้ไปนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังมีฐานกำลังไม่น้อย ที่ยังรักใคร่นับถือบูชาตระกูลอันทรา ซึ่งเชื่อกันว่ามีสายเลือดาร์คอลนด์อันบริสุทธิ์ ไม่แปดเปื้อนด้วยการแต่งงานข้ามสายเลือดฐานอำนาจของอันทรา ปัจจุบันอยู่ที่เนพีอานั่นทำให้ แคว้นเนพีอา ถูกกีดกันไม่ให้มีสิทธิในการปกครองส่วนกลาง แต่นั่นก็ทำให้เนพีอา ยังเป็นแคว้นที่คงอารยธรรมชนชั้นสูงยุดโบราณไว้อย่างครบถ้วน
     
    สามพี่น้องตระกูลอันทรา


    ลอร์ด กาโยร่า ไซโนดอน เดอะซันแลนด์ ออฟ อันทรา
    ดยุคแห่งเนพีอา
    ผู้นำตระกูลอันทรา



     

    ตอนที่4
         เริ่มสำรวจ

       การบันทึกการสำรวจในครั้งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่เคยเห็น และเพิ่งเห็นมา ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้ามาอยู่ในอาณาจักรดาร์คแลนด์ มาครบ1ปี
    เริ่มแรกที่แคว้นเนพีอานี้เป็นอาณาจักรโบราณ มีเรื่องราวประวัติศาสตร์มาหลายเรื่องยาวนานมาก จนแคว้นนี้เพิ่งค้นพบเมื่อ3ปีก่อน และได้สถาปนาแคว้นนี้อย่างเป็นทางการเมื่อ ค.ศ.2011
     
       เมื่อเราเข้ามาในแคว้นนี้ แรกๆ เราอาจจะเห็นว่าพื้นที่นี้ยังไม่มีการค้นพบสิ่งใดๆนอกจากซากปรักหักพัง ต่อมาได้มีการให้ขุดแบบบันทึกการสำรวจขึ้นในพื้นที่ว่างรกร้างหรือไม่เคยมีใครขุดพบมาก่อน
    และนี่เป็นแบบบันทึกของข้าพเจ้าที่เป็นผลงานเดียวและชิ้นแรกที่ถูกบันทึกอย่างเป็นทางการของแคว้นเนพีอา "วิหารวิญญาณทมิฬ"
    และยังมีสถานที่อื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมายให้ศึกษา และจะบันทึกเป็นเรื่องราวตามลำดับที่น่าสนใจต่อไปนี้
     
    1.ทะเลสาปมายา(เผ่าพันธุ์ไซเรน)
    ทะเลสาปนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ๆน่าสนใจที่หนึ่ง ที่มีแต่เผ่าพันธุ์เงือก สวยงาม ผมยาว มีหางเป็นปลา มีเสียงไพเราะ หรือจะเรียกอีกชื่อว่า "ไซเรน"





     
       ไซเรน (Siren) เป็นสัตว์ร้ายที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งทะเลที่เป็นชายฝั่งแบบฟยอร์ด
     
         ไซเรนมีรูปร่างลักษณะเป็นเงือก บางตำราว่าตัวเป็นนก แต่หัวเป็นคน ไซเรนจะชอบร้องเพลง เสียงของไซเรนไพเราะเพราะพริ้งจนทำให้คนที่เดินเรือผ่านมายังบริเวณใกล้ เคียงที่ไซเรนอาศัยอยู่หลงทางเข้ามาตามเสียงเพลงของไซเรน และเรือที่เข้ามาจะหลงไหลในเสียงเพลงยิ่งขึ้นทำให้ออกตามหาแล้วจะตกเป็น เหยื่อของไซเรน
     
         ไซเรนมีบทบาทสำคัญในตำนานกรีก เมื่อเจสันและลูกเรืออาร์โกนอทจำเป็นต้องผ่านน่านน้ำที่ไซเรนอาศัยอยู่ แต่ออร์เฟียสได้ดีดพิณเป็นทำนองเพลงที่ไพเราะยิ่งกว่าของไซเรนดึงความสนใจ ของลูกเรืออาร์โกนอทไว้จึงผ่านมาได้อย่างปลอดภัย และในเวลาต่อมาโอดิสซีสอยากรู้ว่าเสียงเพลงของไซเรนเป็นอย่างไรจึงให้ลูก เรือทุกคนใช้ขี้ผึ้งอุดหูแล้วมัดเขาไว้กับเสากระโดงเรือ 

    2.เอคคีเซีย 
    อาณาจักรผู้อยู่แสงสว่าง(เผ่าพันธุ์ไลท์แลนด์)



     
       ปราสาทที่เชื่อว่าเป็นที่พำนักของชาวไลท์แลนด์ ซึ่งในอดีตเปนพันธมิตรที่ดี และเป็นคู่แข่งชิงดีชิงเด่นกันมานาน กับดาร์คแลนด์
    ราชวงศ์ไลท์แลนด์ มักมาพำนักที่นี่บ่อยครั้ง
    อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเหตุุบางอย่างทำให้เกิดการแตกเเยกระหว่างสองเมือง และปราสาทแห่งนี้ก็ล่มสลายไปพร้อมกับเนพีอา

    3.วิหารวิญญาณทมิฬ(เผ่าพันธุ์ภูติ,ผี,ปิศาจ)

       เดิมทีเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม อันเต็มไปด้วยรูปปั้นยมทูต 5 องค์ ผู้สร้างอาณาจักรดาร์คแลนด์ขึ้นมาตามตำนานปรัมปราโบราณ เต็มไปด้วยกลุ่มพลังงานสีดำรายล้อมวนเวียน 
     


    รูปปั้นทั้งยมทูติทั้ง5



     
    4.เผ่าอเมริส(เผ่าพันธุ์อเมริส)




    เผ่าอเรเมริสเป็นเผ่าแรก ๆ ซึ่งอยู่ใต้อำนาจของเนพีอาเดิมเป็นชนเผ่าที่ไม่มีที่มาที่ไปแน่ัชัดและไม่ปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ชาติใด ๆ  
    มีเพียงเรื่องเล่าและบันทึกถึงชนเผ่านี้ว่าเดิมเป็นอมนุษย์ซึ่งมีเขาเสียดแทงงอกออกมาจากศรีษะรูปร่างของเขานั้นแปลกแตกต่างกันไปบ้างยาวแหลมและตรง บ้างงอคดเป็นก้นหอยหรือหงึกงอไม่เป็นรูปเป็นร่างรูปร่างอัปลักษณ์ครึ่งคนครึ่งสัตว์มีขนงอกยาวตั้งแต่ช่วงบั้นเอวจรด
    ปลายเท้า อุปนิสัยป่าเถื่อนและไม่มความรู้สึกนึกรักดำรงค์ชีพด้วยการแย่งชิงเมล็ดอย่างหนึ่งที่เรียกว่า ไลเดนในบันทึกจากเอกสารเก่าได้กล่วถึงชนเผ่านี้เกี่ยวเนื่องกับการล่มสลายของตระกูลเรืองอำนาจในยุคนั้นมีการอวดอ้างถึงบรรพชนของเผ่าอเมเรริสเป็นมหาบุรุษผู้กล้าหาญที่สามารถพิชิตสตรีสูงศักดิ์หยิ่งทะนงโหดร้ายและคร่ำเคร่งในการบูชายัญให้ยอมรักตน  แม้จะมีการอวดอ้างแต่ไม่มีหลักฐานใดที่บอกว่าการอวดอ้างนั้นคือเรื่องจริงเพราะแม้แต่ทายาทที่น่าจะได้รับการยกย่องก็ไม่เคยปรากฏตนให้เห็นแม้จะเคยมีบุคคลเห็นคนทั้งสองแอบลักลอบพบกัน
     
    ลักษณะของเผ่าอเรเมริส




    5.สวนอเมเรีย(เผ่าพันธุ์อเมเรีย)



    สวนอเมเรีย เป็นอุทยานโบราณ ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง
    ในแคว้นเนพีอา เป็นที่อยู่ของเผ่าพันธ์อเมเรีย
    ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่รักธรรมชาติ
    มีรูปร่างหน้าตาคล้ายพืชพันธ์ดอกไม้ทั้งหลาย
    อาศัยอยู่ตามต้นไม้ พงหญ้าต่างๆ



     
      
     
    6.เผ่าแฟรี่ดาร์ค(เผ่าพันธุ์เทพ,ภูติ)
     

        สถานที่อยู่อาศัยของชนเผ่านี้มักเป็นสถานที่อุดมสมบรูณ์และสุขสงบในป่าลึกนอกเขตแดนของเนพีอา คนในเผ่านี้
    เดิมนั้นเป็นชนเผ่าภูติมิใช่ปีศาจเป็นชนเผ่าซึ่งถูกกีดกันออกจากการขึ้นทะเบียนเป็นชนเผ่าในความคุ้มครองของเนพีอาเนื่องด้วยเป็นสายชน
    เผ่าที่มีสายเลือดเทพไหลเวียนในร่างกายจึงมักถูกไล่ล่าฆ่าแบบไม่มีเหตุึผลอยู่เนือง ๆ กระทั่งถูกกวาดล้างครั้งหนึ่งจนต้องโยกย้ายสถานอาศัยเข้าไปในป่าลึกและตั้งหลักปักฐานใหม่หลังม่านน้ำตก  จนสามารถสืบเผ่าพันธุ์และมีระบบระบอบปกครองตนเองและแม้จะหลีกเลี่ยงการประจัญหน้าต่อการรุกรานก็ยังต้องส่งบุตรและบุตรีเข้าเป็นสิ่งสังเวยให้แก่ตระกูลมหาอำนาจของยุคนั้นทุก ๆ วันที่พระจันทร์เต็มดวง
     
    ลักษณะของชนเผ่าแฟรี่ดาร์ค
     





     
    7.เผ่าจอมมารา(เผ่าพันธุ์ปิศาจ)

      

    ประวัติความเป็นมาของชนเผ่าจอมมารานั้นไม่มีใครทราบแน่ชัด ว่ากันว่าชนเผ่าจอมมารามีชีวิตอยู่ในดาร์คแลนด์มายาวนานพอๆกับชนเผ่าเทวาตำนานปรัมปราถูกเล่าสืบทอดต่อกันมากล่าวไว้ว่าเผ่าจอมมาราถือกำเนิดจากความอ้างว้าง สิ้นหวังและความทรมานในห้วงแห่งโลกันตร์ ก่อนจะหนีขึ้นมาอยู่บนโลกมนุษย์

    ความเป็นอยู่
    ชนเผ่าจอมมารามีสติปัญญาที่หลักแหลมและเจ้าเล่ห์เพทุบายมีความสามารถในการสร้างภาพหลอนและภาพมายา
    รวมไปถึงพลังความมืดในการทำลายล้างสรรพสิ่ง แหล่งอาหารชั้นเยี่ยมของเผ่าจอมมาราคือวิญญาณของมนุษย์
    ยิ่งวิญญาณนั้นสกปรกโสมมมากเท่าไร ก็จะกลายเป็นอาหารที่มีรสเยี่ยมมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นชนเผ่าจอมมาราจะล่อลวงให้มนุษย์บาปมากที่สุด ก่อนจะสังหารและสูบกินวิญญาณไป

     
    ชาวเผ่าจอมมารา

       

    ชนเผ่าจอมมารามีรูปร่างและแบ่งเพศเหมือนพวกมนุษย์เพศหญิงมีผิวสีเงินและเพศชายมีผิวสีน้ำเงินทั้งสองเพศต่างก็มีรูปลักษณ์ที่งดงาม เมื่อจ้องมองจะหลงใหลราวกับต้องมนต์สะกดลักษณะเด่นคือมีเขาหนึ่งคู่บนศีรษะและปีกค้างคาวหนึ่งคู่
    อยู่กลางหลัง มีไอแห่งความมืดแผ่ออกมาจากตัวมักแต่งกายในชุดสีดำหรือโทนมืด
     
    ดินแดนของชนเผ่าจอมมารา

     
     
     
    8.เผ่ารมณียา(เผ่าพันธุ์เทพ)
      
      

    มีถิ่นฐานที่ตั้งบนนครเทือกเขาสูงทางทิศตะวันออกของแคว้น เนพีอา เป็นแคว้นที่ซ้อนตัวอยู่ในไอหมอกและความดำมืด
    ถิ่นฐานที่ตั้งของชนเผ่ารมณียาเป็นอาณาจักรที่มีความงดงามของธรรมชาติและอุดมไปด้วยพรรณไม้หลากหลาย เป็นชนเผ่าที่เปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลม และยังมีความชำชาญเฉพาะตัว มีพลังจิตที่แข็งแกร่ง พร้อมทั้งมีความอ่อนโยน เมตตาจิต และยังโดดเด่นในเรื่องของการใช้เวทย์มนตร์เป็นหลัก



    ความเป็นอยู่


    เป็นเผ่าที่มีพลังอำนาจที่สามารถล่วงรู้ความลับทั้งสามโลก และเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจในการถือให้กำเนิดสรรพสิ่ง และยังเป็นชนเผ่าที่มีพลังอำนาจที่สามารถสร้างสายฟ้า สร้างลูกไฟ และยังสามารถบังคับน้ำได้ จะมีความเป็นอยู่ที่คล้ายมนุษย์ ต้องทำงาน ทานอาหาร 




    ชาวเผ่ารมณียา


    มีรูปกายเหมือนมนุษย์ ไม่ว่าชายหรือหญิง มีผิวพรรณขาวผ่องเนียน สวยดุจดังพระจันทร์เพ็ญ สีผมสีทอง ทั้งมีดวงตาสีน้ำตาล อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์กายางดงาม ดูสวยสง่า มีราศี

    9.เผ่าไลท์เอลฟ์(เผ่าพันธุ์เอลฟ์,เทพ)

     

     
       เผ่าไลท์เอลฟ์นั้นตามบันทึกแล้วดูจะเป็นเผ่าเอลฟ์ที่ไม่เหมือนกับเผ่าเอลฟ์ที่เห็นในปัจจุบันที่รักสงบและชื่นชอบการร้องรำทำเพลง  ไลท์เอลฟ์นั้นรักการรบราฆ่าฟันและมักพัฒนาอาคมเวทย์ให้เก่งกล้าพิสดารรวมถึงทรงอนุภาพการทำลายที่รุนแรง ประชากรของเผ่ามีอายุยืนนานและไม่แก่เฒ่าที่แปลกคือชนเผ่านี้น้อยนักที่จะมีเด็กเล็กโดยส่วนมากจะเห็นเพียงหนุ่มสาววัยสะคร้านเท่านั้นนอกจากนี้ไลท์เอลฟ์ยังเป็นชนเผ่าหนึ่งที่นิยมร่วมสายเลือดสมสู่กันในครอบครัวด้วยความเชื่อว่าเวทย์มนต์ซึ่งไหลเวียนในสายเลือดนั้นจะยิ่งเข้มข้น  ความเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลนั้นตามบันทึกว่าเป็นอาจารย์ผู้สอนเวทย์ให้แก่บุตรและธิดาให้แก่คนในตระกูลก่อนจะถูกปลดแล้วโอนถ่ายไปเป็นทาสและทหารเลว
     
    ลักษณะของเผ่าพันธุ์นี้




     
       เอลฟ์ที่ข้าพเจ้าศึกษานั้นมีหลายตำนาน ที่ข้าพเจ้าเคยเห็นทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่สวยงวม ดำรงชีวิต มีเวทย์มนต์ด้วยต้นอิกดราซิล ต้นไม้ชนิดนี้จะเอารากโผล่ขึ้นมาบนพื้นโลกแทน บางครั้งอาจจะคนละสถานที่ แต่เผ่าพันธุ์นี้คล้ายกัน จึงเอามาเป็นอ้างอิงได้ เป็นเผ่าพันธุ์หนึ่งที่ใกล้เคียงกับเทพที่สุดและน่าสนใจเป็นอย่างมาก จิ้มๆ

     
    10.เผ่าเทวา(เผ่าพันธุ์เทพ)

     

     
     
         เผ่าเทวามีชีวิตอยู่ในดาร์กมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่ก่อนที่ดาร์กจะสร้างขึ้น ว่ากันว่าชนเผ่าเทวาเคยอยู่บนสรวงสวรรค์มาก่อน แต่จำต้องลงมาอยู่บนโลกมนุษย์ด้วยเหตุผลลึกลับ ชนเผ่าเทวาเป็นผู้ถือครองตำราเวทย์มนตร์โบราณเอาไว้ มีเพียงแต่ชนเผ่าเทวาเท่านั้นที่อ่านออก ชนเผ่าเทวามีพลังในการรักษาชีวิต และสิ่งแวดล้อม มีแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้รักษาบาดแผลให้หาย และมีพลังที่สามารถฟื้นคืนชีวิตให้กับธรรมชาติและยังมีพลังในการถือกำเนิดของสรรพสิ่ง เผ่าเทวามีหน้าทีค่อยปกป้องรักษาต้นไม้แห่งความรู้เอาไว้

     
    ลักษณะเผ่าพันธุ์เทวา


     
        ลักษณะของชนเผ่าเทวา เหมือนกันมนุษย์ มีผิวที่เปล่งประกายจาง ๆ มีผมสีเงินเงางาม มีเสียงที่ไพเราะ มีดวงตาที่ฉายแววแห่งความรู้ หน้าตางดงามไม่ว่าจะหญิงหรือชาย มีกลิ่นกายที่หอมของดอกไม้ มีปีกสีขาวแห่งแสงหนึ่งคู่อยู่กลางหลัง มีประกายสีทองส่องออกมา เครื่องแต่งกายมักจะใส่ชุดสีขาว




     
    11.เผ่าฟินิกซ์(เผ่าพันธุ์ฟินิกซ์)

     
      ยังไม่มีการขุดค้นเป็นทางการ รอให้ตรวจสอบการขุดค้น ข้อมูลให้แน่ชัดอีกที แต่ที่เห็นกันทั่วๆไปนั้น ฟินิกซ์เป็นนกที่มีชีวิตเป็นอมตะอายุยืนยาว ลักษณะเป็นนกสีแดงเพลิง เมื่อใดที่มันตาย มันจะเผาตัวเอง หลังจากนั้น ขี้เถ้าของมันก็จะมีลูกนกฟินิกซ์เกิดขึ้นมาอีกครั้ง!  และยังมีข้อมูลที่เชิงลึกเข้าไปอีก จิ้มๆ
     


     
     
    12.หุบเขามังกร(เผ่าพันธุ์มังกร)

     
    หุบเขาแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของมังกรชนิดต่างๆมากมายหลายชนิด เช่น มังกรไฟ มังกรน้ำ และอื่นๆ ซึ่งเป็ฯสัตว์ในตำนานที่เราคุ้นเคยที่สุด ไม่ว่าจะการ์ตูน หภาพยนต์ เกมต่างๆ ที่ได้ใช้มังกรมาเป็นตัวเกี่ยวข้องเสมอ อีกทั้งมังกรยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญอีกด้วย

     


     


     
    13.เผ่าดาร์ค(เผ่ามนุษย์)
     

       เผ่าดาร์ค คือเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมของอาณาจักรดาร์คแลนด์ ผู้ที่เชื่อกันว่า ความมืดมิดมิใช่สิ่งชั่วร้าย มันคือสิ่งที่สวยงามและความสงบ ชาวดาร์คมีหลายสายเลือด มีทั้งชาวดาร์คบริสุทธิ์เช่นตระกูลอันทรา ชาวดาร์คเลือดผสม คือขาวคาร์คที่มีสายเลือดอื่นปนอยู่ด้วย อาศัยอยู่ในอาณาจักรดาร์คแลนด์ มีความทะเยอทะยานสูง ปัจจุบันทีหลากหลายเชื้อชาติเผ่าพันธุ์
    มาอยู่ ณ ที่แห่งนี้...

     
    ลักษณะ




     
    เหมือนมนุษย์ทุกประการ แต่วัฒนธรรมโดยส่วนใหญ่จะแต่งกายสีดำหรือโทนสีดำ โดยชุดที่ใส่นั้นมีชนชั้นวรรณะแตกต่างกันไป นับว่าเป็นวัฒนธรรมของตนเองที่สืบเชื้อสายจากตระกูลเก่าแก่มานานหลายพันปี


    ...........................................................






    บทที่3
       วิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผล
    จากการสำรวจในครั้งนี้  ทำให้ผู้ศึกษาให้รู้ว่า นอกจากสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ล้วนมีหลากหลายสายพันธุ์ มีทั้งที่มีอยู่จริง และมีเพียงตำนานปรัมปราที่เล่าต่อๆกันมา ซึ่งโลกแห่งนั้นอาจจะอยู่ที่ใดสักแห่ง เพียงแต่ มนุษย์ ซึ่งไม่มีพลังใดๆ นอกจากความทะเยอยาน ถ้ามนุษย์ไม่ดิ้นรนที่จะทำตามความทะเยอทะยานที่ตนเองมีนั้น จะไม่สามารถเอาชีวิตรอดดำรงเผ่าพันธุ์จวบอยู่จนปัจจุบันนี้ และอีกทั้งทุกเผ่าพันธุ์ทีวิวัฒนาการจนมีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยี บางเผ่าสามารถนำเทคโนโลยีมาบวกกับเวทยมันต์ได้ อย่างเช่นเผ่าพันธุ์ข้าพเจ้าเองชื่อว่า "เผ่าไทซ์ราเกรซเซอร์" 

    **เพิ่มเติม
    "เผ่าพันธุ์ไทซ์ราเกรซเซอร์"

    เผ่าพันธุ์นี้ อาศัยอยู่ในกาแลคซี่ราเวนเนิร์ส  มีระบบสุริยะจักรคล้ายคลึงกับโลก เพียงแต่มีดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ24ดวง
    มีดวงอาทิตย์สีขาว (ลำดับความร้อนของดวงอาทิตย์ ขาว>ฟ้า>เหลือง>ส้ม>แดง ตามแก๊สหุงต้ม) ระบบสุริยะนี้มีดาวเคราะห์8ดวงที่มีสิ่งมีชีวิต และดาวไทซ์วอรัส เป็นถิ่นที่อยู่เผ่าพันธุ์ที่เจริญที่สุดของระบบสุริยะ ดาวไทซ์ฯอยู่ลำดับที่12 ลำดับต่อมาเป็นชาวดาวไฟเตอร์ ซึ่งเป็นชาวดาวที่แกร่งแกร่งแต่ก็ผ่ายแพ้แก่ดาวไทซ์ฯ ชาวดาวไทซ์มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ เพียงแต่มีสีผิวส่วนใหญ่ขาวซีด สีเงิน สีเทา เหมือนปิศาจ และมีสีผมที่ไม่เหมือนมนุษย์ซึ่งมีแค่สีดำ น้ำตาล และบลอนซ์ มีสีตาหลายสี พูดง่ายๆคือ เหมือนในการ์ตูนอนิเมะมาก มีพลัง เวทมนต์ เทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้ามาก

    สภาพแวดล้อมเทคโนโลยีที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์ จัดสรรได้อย่างลงตัว


    การรายงานวิทยานิพนธ์ของข้าพเจ้า จบลงแต่เพียงเท่านี้ ขอขอบคุณอาจารย์ที่อ่านจบ โปรดพิจารณาคะแนนให้ข้าพเจ้าอย่างเหมาะสมด้วย


     
    ลงชื่อ
    ดรากิออน อีลิคเทรียน อินเทอร์นอลเลี่ยน








     





     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×