ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #50 : ตอนที่ 46 ความจริง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 50.76K
      229
      10 ส.ค. 54








    ตอนที่
    46 ความจริง






     
    สองวันผ่านไปไวเหมือนโกหก ผ่านไปโดยที่ผมเก็บเอาความสงสัย ความไม่เข้าใจไว้ข้างในคนเดียว และเป็นเวลาสองวันที่ภูมิเริ่มกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ มันไม่ได้กลับดึก ตอนเช้าก็ไปเรียนพร้อมผม ตอนเย็นไปซ้อมบาส และเราก็กลับด้วยกัน
     





    มันก็เหมือนจะดีใช่มั้ยครับ แต่ไม่เลย คนเราถ้ายังมีอะไรคาใจถึงภายนอกผมจะดูปกติ แต่ใครจะรู้ดีไปกว่าผมล่ะว่าข้างในมันยังมีตะกอนขุ่นกวนใจอยู่ และสิ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิดที่สุดคือภูมิทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น L





     
    ส่วนคืนก่อนที่แม่ภูมิโทรมา ผมก็ไม่ได้ถามภูมิหรอกว่าท่านโทรมาทำไม เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างภูมิกับคอบครัว ถ้ามันอยากให้ผมรู้คงจะบอกผมเอง ฟังดูดีมั้ย หึ ทั้งที่ในใจอยากรู้แทบตาย T_T
     





    และพอผมบอกภูมิว่ามีผู้หญิงโทรมา ว่ามันลืมเสื้อช็อปเอาไว้ ภูมิก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยนะเว้ย มันแค่พูดว่า งั้นเหรอ


    แทนที่แม่งจะอธิบายหน่อยว่า เอ้อ ไม่มีอะไรหรอก ผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่เพื่อน เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องอะไรก็ว่าไปสิ ผมก็พร้อมจะรับฟังอยู่แล้ว กูไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลซะหน่อย แต่นี่อะไร มันยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนรู้หนาว มีแต่ผมที่จะบ้าอยู่คนเดียว
     







    ทั้งๆที่มันก็น่าจะรู้นะเว้ยว่าหลายวันมานี้ ผมไม่ปลื้มกับพฤติกรรมย้อนศรเสี่ยงต่อการโดนใบสั่งของมัน แต่ในเมื่อมันไม่ยอมเคลียร์แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะ เพราะน้อยใจไปมันก็ไม่แคร์ เงียบใส่มันก็ไม่สน ปั้นปึ่งใส่ก็เหมือนเดิม อยากจะกระชากคอเสื้อมันมาตะคอกใส่หน้านัก ว่ายังเห็นผมเป็นแฟนรึเปล่า ทำอย่างกับกูไม่มีตัวตน ไอ้หมาภูมิ
     




     
    เช้าวันเสาร์มาถึง ผมก็ตั้งใจจะกลับบ้านเลยครับ ไม่อยากอยู่กับแม่งแล้ว อีกอย่างจะได้กลับไปช่วยอาปุ้ยดูร้านด้วย แต่จริงๆแค่อยากหลบไปอยู่คนเดียวน่ะ เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น แต่ภูมิก็ไม่ให้กลับ มันบอกว่าจะพาไปซื้อต้นไม้ ไม่รู้องค์อะไรลง
     
     







    ตอนนี้ผมก็เลยมาเดินอยู่ในย่านร้านขายต้นไม้ สองข้างทางเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับนานาชนิด ของตกแต่งสวนที่ยาวสุดลูกหูลูกตาเลยครับ นี่เป็นหนึ่งในหลายๆสถานที่ที่ผมอยู่ได้ทั้งวัน ซึ่งไอ้ภูมิมันรู้ดี พอได้เห็นต้นไม้เขียวๆดอกไม้สวยๆก็ช่วยทำให้จิตใจผมผ่อนคลาย สดชื่นขึ้นได้เหมือนกัน ถือว่าไอ้ภูมิมันจับทางผมถูกล่ะนะ
     





    “พีม ชอบมั้ย” ภูมิชูต้นกุหลาบขาวให้ผมดู  มันเจอต้นอะไรที่ออกดอกสีขาวก็ถามผมตลอด ชอบมั้ย สวยมั้ย อยากได้มั้ย
     



    “ก็สวยดี” โปรดสังเกตคำพูดนะครับ สั้น กระชับ ติดห้วน เหอๆ คิดจะเอาต้นไม้มาล่อกูเหรอ ง่ายไปนะครับมึง



    “แล้วต้นนี้ล่ะ”
     



    “อืม ก็ดี แต่ต้นนั้นดีกว่าว่ะ พี่ครับต้นนั้นมันชื่ออะไรอ่ะ” ผมตะโกนถามพี่คนงานที่ย้ายกระถางอยู่แถวนั้นพอดี



    “ไหนครับ” พี่แกก็ใจดีเดินเข้ามาดูให้
     



    “นั่นอ่ะพี่ ที่อยู่ใกล้ๆกล้วยไม้” ต้นไม้ที่ผมชี้มันเป็นไม้เลื้อยน่ะครับ ใบเป็นรูปหัวใจ ปกติจะเห็นแยกไปปลูกในกระถางเล็กๆแค่ใบเดียว ผมเพิ่งรู้ว่าต้นจริงๆมันเป็นแบบนี้
     



    “อ๋อ ต้นหัวใจทศกัณฐ์ครับ” บะๆ โอ้ บะๆ โดนมาก หัวใจยักษ์ ใจมาร ใจซาตานช่างเหมาะกับไอ้หล่อเจ้าของห้องจริงๆ
     



    “เอาต้นนี้ด้วย”
     



    ……?จะเอาไปปลูกตรงไหนพีม มันไม่มีที่ให้เลื้อยนะ” แย้งกูเหรอ ขัดใจกูใช่มั้ย
     





    “เลื้อยบนคอมึงไง เลื้อยไปเลื้อยมาก็รัดแม่งเลย สนุกดีนะ หึ” ไอ้เรื่องจิกๆกัดๆนี่ขอให้บอก ผมก็ไม่เป็นสองรองใครหรอกนะ ยิ่งอารมณ์ไม่คงที่มาเป็นอาทิตย์ ยิ่งง่ายต่อการผันผวนตามดัชนีดาวโจนส์
    ????







    ผมกับมันใช้เวลานานพอสมควรในการช้อปต้นไม้ ก็ได้มาหลายชีวิตหลายสายพันธุ์เลยครับ ทำเหมือนมีบ้านอยู่กลางป่าเต็งรังทั้งที่ความเป็นจริงพื้นที่บนคอนโดก็ช่างน้อยนิด
     






    ที่ได้มาก็มีทั้งปริกหางกระรอก ต้นเสน่ห์ขุนแผน เสน่ห์นางพิม เชี่ยภูมิปากดีบอกเสน่ห์นางพีม ผมอยากจะทุ่มกระถางยักษ์ใส่หัวมัน แล้วก็ได้ต้นพุ่มเพชร เพียงเพชร แถมไอ้หล่อมันยังตาดีไปเจอต้น เพชรพันธุ์แคระ เชี่ยแม่งหัวเราะจนกรามค้าง มันซื้อมาตั้งสี่ต้น คงเอาไปปลูกไว้เล็มกินยามหิวมั้ง แม่ง
     







    กลับมาถึงห้องปุ๊บไอ้ภูมิมันก็ลงทุนเปลี่ยนชุดเปลี่ยนเสื้อผ้า มานั่งทำสวนที่ระเบียงเองเลย สงสัยผีคนสวนจะลง
     





    ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ มันก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ปลูกตั้งแต่หกโมงจนจะทุ่ม ผมชะโงกหน้าออกไปดูมันเป็นระยะๆ ก็ไม่ได้ห่วงอะไรนะ แค่กลัวจะลื่นตกระเบียงตาย ผมเห็นท่าทางเก้ๆกังๆตามประสาคุณชายของมัน แต่แค่ปลูกต้นไม้ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกเรียนแล้วไปกินฟางเถอะ
     



    ผมก็ไม่สนใจเท่าไรปล่อยมันทำไป ว่าจะเข้าไปนอนแต่เมื่อเช้าเชี่ยภูมิดันโง่ล็อกห้องแล้วเสือกลืมกุญแจไว้ข้างใน
    YY ผมเลยอันเชิญร่างตัวเองมาประทับกินข้าวยำหน้าทีวีดูสกูปปี้ดูที่ภูมิมันเปิดทิ้งไว้อย่างสบายอุรา
     
     





    “โอ๊ย
    !!!” เสียงร้องของภูมิทำให้ผมดีดตัวจากโซฟาไปหามันแทบจะทันที
     



    “เป็นอะไรภูมิ” ผมเห็นมันกำนิ้วชี้ เป่าฟู่ๆให้ตัวเอง
     




    “คัตเตอร์บาดมือ”
     




    “ไหนมาดูซิ” เลือดหยดติ๋งๆเลยว่ะ แล้วมันเอาคัตเตอร์มาปลูกต้นไม้ด้วยเนี่ยนะ “ไปล้างมือก่อน เดี๋ยวกูหายาหาพลาสเตอร์มาปิดแผลให้”  ผมจูงมือภูมิไปล้าง และให้มันไปนั่งรอหน้าทีวี พอผมได้กล่องยากับพลาสเตอร์ลายลูกหมีสีฟ้าก็กลับมาหามันที่นั่งรออยู่
     




    “มึงทำอีท่าไหนถึงให้มันบาดได้ แล้วปลูกต้นไม้เค้าใช้มีดด้วยเหรอวะ”
     




    “กูหากรรไกรไม่เจอ จะเอามาตัดถุงที่ใส่ปุ๋ย เลยใช้คัตเตอร์แทน มันก็เลยบาด” อนาถใจในความเป็นคนสวนฝึกหัดของมันจริงๆ





    ผมจับมือภูมิมาวางบนตัก ใช้สำลีชุบแอลกอฮฮล์(มั้ง)ไม่ค่อยสันทัดด้านนี้เท่าไร แต่น่าจะใช่แหละเพราะมันสีฟ้าๆกลิ่นก็ฉุนๆจมูก
    +_+
     




    ผมทำแผลไป ใจก็คิดไป ปากก็บอกว่าโกรธว่าน้อยใจแต่พอเค้าเจ็บนิดเจ็บหน่อย ก็รีบวิ่งตาลีตาเหลือกไปดูแทบจะทันที เฮ้อ อ่อนชะมัดเลยกู ยิ่งไอ้ภูมิมันจ้องหน้าผมในระยะประชิด ผมก็แทบจะทำอะไรไม่ถูก(หยิบยาธาตุน้ำขาว เตรียมเทใส่สำลีแล้วรอบนึง) มันจะจ้องอะไรนักหนาว่ะ เดี๋ยวกูคิดค่าชั่วโมงเลยนิ
     





    มือซ้ายของผมกุมมือขวาของภูมิไว้ ใส่ยาเสร็จแล้วขั้นต่อไปก็ติดพลาสเตอร์ ว่าแต่เมื่อกี้กูเอาไปวางไว้ไหนล่ะเนี่ย โอยยย สมองหนอสมอง ผมหันซ้ายหันขวาควานหาแผ่นพลาสเตอร์จนคอจะหมุนเป็นวงกลม กูยิ่งรีบๆอยู่แม่ง ถ้าเจอนะพ่อจะกลืนลงท้องซะให้เข็ด
     






    แต่อยู่ๆภูมิมันก็พลิกมือมาเป็นฝ่ายกุมมือผมแทน จากนั้นก็เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ให้ความรู้สึกเย็นๆสัมผัสกับนิ้วนางข้างซ้ายของผม ตั้งแต่ปลายนิ้วจนไปหยุดที่ข้อนิ้วสุดท้าย ผมเงยหน้ามองภูมิด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะก้มมองมือตัวเองและสิ่งที่ผมเห็น
     










    แหวน
     
     









    “ของขวัญวันครบรอบ”
     





    ………………….?”
     







    “หนึ่งปีแล้วนะเตี้ย ที่เรารักกันมา”
     





    ผมมองแหวนสลับกับมองหน้าภูมิ รอยยิ้มของภูมิดูอ่อนโยนจนผมตั้งตัวไม่ทัน หนึ่งปีเหรอ วันนี้คือวันครบรอบที่ผมกับภูมิคบกันเหรอ
     









    มันจำได้ ทั้งที่ผมไม่ได้จำเลยด้วยซ้ำ
     






    แหวนทองคำขาวเรียบๆมีอักษรตัว
    P สองตัวที่ถูกคั่นกลางด้วยรูปหัวใจ
     






    ภูมิยังจับมือผมแน่นสลับกับบีบเบาๆ นิ้วหัวแม่มือของภูมิคลึงแหวนบนมือผมเล่น ก่อนจะยกมือผมขึ้นมาและจูบลงตรงตำแหน่งแหวนมันเงยมาสบตาผม ก่อนจะเปลี่ยนมาจูบมาหอมผมมั่วไปหมด ตั้งแต่ขมับ หน้าผาก แก้ม ตา และจบที่ปาก วินาทีนั้นผมรู้สึกเหมือนมีกระแสอะไรบางอย่างที่มันอุ่นๆไหลผ่านไปทั้งตัว มันบอกไม่ถูกเลยครับว่าเป็นความรู้สึกที่วิเศษแค่ไหน
     





    “ชอบมั้ย”ภูมิกระซิบถามทั้งที่ปลายจมูกยังคลอเคลียเกลี่ยกับปลายจมูกผมไม่ห่าง






    “ชอบ ชอบมากด้วย แต่มึงลงทุนหลั่งเลือดเลยหรอ”




    “หึหึ ก็ไม่รู้ว่าแบบไหนถึงจะเซอร์ไพส์” บ้าดีเดือดไม่มีใครเกิน ดีแต่ทำให้กูเขินนะมึงไอ้หล่อ
     




    “พีม
    ……แหวนวงนี้อาจจะไม่ได้มีราคามากมายอะไร แต่มันมาจากแรงกายแรงใจทั้งหมดของกู ขอโทษที่ทำให้คิดมาก ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ กูแค่อยากพยายามทำเพื่อมึง…ก็เลยไปทำงานน่ะ” อะไรนะ ทำงาน?
     




    …..ที่หายไปดึกๆเพราะไปทำงานเหรอ” เหมือนมีก้อนอะไรดันขึ้นมาปิดกั้นอากาศหายใจ ผมจุกๆแน่นๆหน้าอก
     




    “อืม หึหึ ตกใจเหรอ” มันขยี้หัวผมและรั้งเข้าไปกอด ผมก็กอดตอบมันแน่นเช่นกัน การที่นักศึกษาหรือคนวัยเท่าผมจะทำงานพิเศษมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่นี่ คนที่อยู่ตรงหน้าผม คนคนนี้คือภูมิ ภูมินทร์ ทายาทนักธุรกิจร้อยล้านหมื่นล้าน อย่าว่าแต่ออกไปทำงานหาเงินเลย แค่มันรู้ว่าการทำงานแปลว่าอะไรก็นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว
     




    “มึงไปทำงานอะไร เหนื่อยมากมั้ย”





    “ก็ไม่เหนื่อยหรอก ที่จริงแอบทำตั้งแต่ตอนที่อยู่อิตาลีแล้ว”
     





    ผมดันตัวออกก่อนจะเอื้อมมือไปจับแก้มใสๆของมัน สำหรับคนอื่นการทำงานเก็บเงินซื้อของให้คนรัก มันอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าสำหรับผมมันไม่ใช่
     





    การที่ภูมิยอมไปทำงาน เพื่อเก็บเงินมาซื้อของขวัญให้ผม การที่คนๆนึงยอมทำอะไรซักอย่างเพื่อใครอีกคน ทั้งๆที่เขาไม่เคยทำมาก่อน ไม่คิดว่าจะทำได้ แต่เขาทำเพื่อเรา มันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากนะครับ คนอย่างมันที่ไม่เคยยอมใคร ไม่เคยฟังใคร แต่ต้องไปรับคำสั่งจากคนอื่น
     

    และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ผมจะเสียน้ำตาแห่งความตื้นตันใจให้กับภูมิ





    “แต่พอดีแหวนแบบที่กูสั่งทำไป เงินที่ทำงานได้มันไม่พอ เลยต้องไปทำงานเพิ่ม” ภูมิพูดด้วยใบหน้าเปื้อนความสุข สายตาที่บอกถึงความภาคภูมิใจในสิ่งที่ได้พยายามทำ
     




    “งานอะไร”
     



    “บอกแล้วห้ามตกใจนะ”
     



    “อื้ม กูคงไม่ตกใจมากไปกว่านี้แล้วล่ะ”
     


    “ก็แจกใบปลิว ได้ใส่ชุดมาสคอตพี่หมีด้วย ให้ไอ้อ๋อม เพื่อนผู้หญิงที่มันโทรมาเรื่องเสื้อน่ะ กูให้มันถ่ายรูปไว้ให้ด้วย ดูมั้ย ชุดน่ารักดี เป็นพี่หมีตัวเบ้อเร่อเลย”
     



    ผมรู้ว่าเผลอกัดปากตัวเองจนชาพยายามกลั้นเสียงสะอื้น แม่งเอ๊ย ผมโถมตัวเข้ากอดภูมิจนมันเซ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเลย สิ่งที่อัดอั้นตันใจมาตลอดสามสี่อาทิตย์ มันเหมือนจะไม่หลงเหลืออยู่เลย ความซาบซึ้ง คาดไม่ถึง ตื้นตันมันผสมปนเปจนผมแยกแทบไม่ออก
     




    “มึง ฮึก ทำไม ต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยวะ” ทำไมต้องอดทน อดหลับอดนอน ยอมทำมีดบาดมือ ยอมทรมานปวดท้อง ทำไมต้องทำเพื่อกูขนาดนี้ว่ะภูมิ
     








    “เพราะกูรักมึง
    และกูอยากให้มึงรู้ว่าสำหรับกู มึงมีค่ามากแค่ไหน กูอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุดนะพีม แต่กูสัญญาว่าจะรักและดูแลมึงให้ดีที่สุด”
     





    อื้อออ ผมพยักหน้า ตอบรับอู้อี้อยู่กับอกภูมิ ทุกคำพูดของภูมิผมรับรู้มันด้วยใจ คำว่ารักจะยิ่งมีค่าก็เมื่อบอกด้วยการกระทำ และใครว่าเงินซื้อความรักไม่ได้อย่างน้อยเงินที่ภูมิซื้อแหวนวงนี้ มันก็ซื้อหัวใจผมได้หมดแล้ว
     




    “แต่
    …กู ฮึก ไม่มีอะไรให้มึงเลย ขอโทษนะ”



    “ไม่เป็นไร งั้นกูขอแค่ให้สัญญาจากมึงได้มั้ย”
     




    “อื้อ”
     





    “ไม่ว่าวันข้างหน้าเราจะต้องเจอกับอะไรก็ตาม ได้โปรดอย่าระแวงความรักของกูได้มั้ย  กูอยากให้มึงมั่นใจว่าความรักของกูมีไว้เพื่อมึงคนเดียว ทำได้มั้ยพีม” ภูมิยื่นมือมาเกลี่ยน้ำตรงหางตาให้ผม
     





    “อื้ม ได้สิ ได้อยู่แล้ว”
     
     



    “หึหึ จมูกแดงหมดแล้ว นี่มีอีกวงนะ ใส่ให้กูด้วยสิ” มันยื่นแหวนอีกวงมาให้ ผมรับแหวนที่เหมือนของผมทุกอย่างแต่อาจจะต่างกันที่ไซส์ ผมสวมแหวนวงนั้นลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภูมิเช่นกัน
     




    “มึงมีเจ้าของอย่างเป็นทางการแล้วนะ”
    ผมรีบพูดรีบจุ๊บมือภูมิ ก็คนมันอายนี่หว่า ได้ยินมันหัวเราะเสียงใส ก่อนจะก้มมาจูบผม เป็นรสจูบที่อ้อยอิ่ง อ่อนหวานเหมือนไม่แคร์เวลาที่เคลื่อนผ่าน ค่อยๆละเลียดแตะย้ำสัมผัสกันซ้ำๆ
     





    “กูมีอะไรจะให้ดู แต่ต้องปิดตาก่อน” ภูมิผละออกไป ก่อนจะยิ้มโชว์เขี้ยวหล่อให้ผมที่ยังเบลอๆอยู่ นี่ยังไม่หมดอีกเหรอ มันเกินคำว่าเซอร์ไพส์แล้วม้าง แต่สุดท้ายผมก็พยักหน้าก่อนจะถูกภูมิเอามือปิดตาและพาเดินไปไหนไม่รู้
     




    “อย่าเพิ่งลืมตานะครับ” มันบอกก่อนจะปล่อยมือออกจากตาผม ผมก็ซื่อสัตย์ไม่กล้าลืมตา และไม่นานก็มีเสียงเหมือนปิดสวิตซ์ไฟและแสงก็หายไปจากความรู้สึกของผม “ลืมตาได้แล้วเตี้ย” ผมค่อยๆลืมตา ทันทีที่ม่านตาผมปรับตัวให้ชินได้ ความรู้สึกเต็มตื้นอบอุ่นก็กลับมาอีกครั้ง
     




    ผมแหงนหน้าขึ้นมองห้องนอนที่เคยมืดมิด แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยแสงอ่อนๆจากดาวเรืองแสงนับร้อยๆดวง มีทั้งดาวดวงใหญ่ ดวงเล็กๆ พระจันทร์ครึ่งเซี้ยว พระจันทร์ยิ้มก็มี
    ^^ราวกับหลุดเข้าไปในท้องฟ้าจำลอง มันเยอะเต็มเพดาน เต็มผนังห้องไปหมด และที่สำคัญตรงกลางก็มีชื่อภูมิกับชื่อผมท่ามกลางหมู่ดาว
     








    ด้านนอกระเบียงห้องนอนยังมีไฟหยดน้ำด้วย ภูมิมึงจะทำให้กูยิ้มทั้งน้ำตาไปอีกนานมั้ยห๊ะ ผมมองสบตากับภูมิด้วยสายตาแบบไหนผมก็ไม่อาจรู้ รู้แค่ว่าอยากยิ้มให้มัน เหมือนที่มันกำลังยิ้มอ่อนหวานมาให้ ผมพูดอะไรไม่ออกจริงๆ
     





     “ภูมิ”
     



    “หื้ม”
     



    “กูโคตรซึ้งเลยว่ะ”
     



    “หึ ก็ทำให้ซึ้ง มึงจะได้รู้ว่ากูรักมึงมากแค่ไหน” มันยืนพิงผนังและกำลังยิ้มกว้างให้ผม
     



    “พอเหอะมึง กูเขิน” ไม่ไหวครับ ผมรู้สึกว่าตัวจะลอยๆเบาๆ เดี๋ยวลอยออกนอกโลก
     





    “กูก็เขิน แม่ง มาจูบทีดิ๊” ผมก็ว่าง่ายมากครับเดินเตาะแตะเข้าไปหาไอ้ภูมิที่อ้าแขนรอ และเงยหน้าให้มันจูบเป็นนานสองนาน สะกดจิตกูป่ะวะ อื้อออออ สูบวิญญาณกู
     
     





    เวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาผมและภูมิเราก็ผ่านมาทั้งสุขและทุกข์มาด้วยกัน มันเหมือนเพิ่งผ่านไปไม่นานเลยครับ ต่อจากนี้ไปผมจะพยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับภูมิ ผมจะเชื่อใจมันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
     




    ผมเคยได้ยิน ที่ใครๆบนโลกต่างนิยามความหมายของความรักไว้มากมาย รักคือการให้ ความรักคือความเข้าใจ รักคือการเสียสละ ความรักคือความรู้สึกดีๆที่มีให้คนที่สำคัญ
     





    เมื่อก่อนผมก็ได้แต่สงสัยว่าแท้จริงแล้ว ความรักนั้นมันคืออะไรกันแน่ แต่ถึงผมจะยังไม่รู้ ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรที่ไม่มีคู่รัก เพราะผมยังมีครอบครัวที่อบอุ่น มีเพื่อนที่แสนดีและมีความรักในแบบของผมเอง








     
    แต่เคยมั้ยครับ ทั้งที่ชีวิตมีพร้อมแล้วทุกอย่างแต่บางเวลาเรายังรู้สึกโหยหาบางสิ่งบางอย่าง บางครั้งก็เหงาอย่างไม่มีสาเหตุ บางทีก็เศร้าอย่างไม่มีเหตุผล ผมเองก็เฝ้าค้นหาคำตอบให้กับชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า และได้แต่ถามตัวเองว่าผมจะได้เจอความรักบ้างไหม








     
    จนวันนี้ ผมเริ่มที่จะเข้าใจอะไรมากขึ้น เรียนรู้อะไรมากขึ้น แต่ผมก็ยังไม่รู้หรอกนะครับว่าแท้จริงแล้วความหมายของคำว่ารักมันคืออะไร แต่ถ้าจะให้ผมจำกัดความหรือให้นิยามความรักแล้วละก็ นิยามความรักของผมคงเป็นคำว่า
     
     
     



     
     
     
     
     
     
    “ภูมิ”
     
     
     





     
     
     
     
    TBC >>>>>>>>>>>>>>>>
     









    ………………………………
     







    -เปลี่ยนใจจากเบียร์มาหาภูมิตอนนี้จะทันมั้ยคะ แอร๊ยยยยยยยยยย



    -มีคนทายถูกด้วยว่าภูมิจะเซอร์ไพส์ คนอ่านน่ากลัวว่ะ รู้ไต๋เค้าหมดเลย ฮ่าๆ จะเอาอะไรหากินล่ะเนี่ย


    -ตอนนี้รีบปั่นมากคะ(เพราะไม่อยากให้ค้างนาน) เพิ่งเสร็จสดๆร้อนๆก็ลงเลย อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร ต้องขออภัยด้วย
    Y_Y




    -วันนี้นอกจากจะเป็นวันครบรอบที่พีมกับภูมิมันคบกัน (ดีใจด้วยๆ) มีใครจำได้มั้ยคะว่าวันนี้คือวันครบรอบอะไรอีก นั่นก็คือวันที่
    We are ครบหนึ่งปีแล้วจ้า วู้ววววววววววววววววว จุดพลุๆๆๆๆๆ
     


    เหมือนที่พีมบอกเลยว่าเวลาผ่านไปเร็วจริงๆ เผลอแปบๆก็ปีนึงแล้ว หนึ่งปีที่อยู่ร่วมกันมา ที่ตาลกับคนอ่านได้ส่งผ่านทุกความรู้สึกผ่านตัวอักษร เหมือนกับว่าพวกเราเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันเลยเนอะ ตาลก็ไม่รู้จะพูดอะไร พูดไม่ออก ฮ่าๆ แต่คงไม่มีคำไหนที่จะเหมาะสมเท่าคำๆนี้แล้วคะ
     






    “ขอบคุณทุกคนจริงๆ”






    รักเสมอ





    By ทะเลหัวใจ

        
      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×