ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #36 : ตอนที่ 34 แค่มีเรา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 56.32K
      234
      9 พ.ค. 54






    ตอนที่
    34 แค่มีเรา
     






    ตำนานรักระหว่างพี่คิวกับน้องเต้ยก็จบลงด้วยเอวังและประการฉะนี้ พอพวกมันกอดกันพวกผมก็กรูเข้าไปรุมตบหัวมันอีกรอบ  ไอ้คิวแสดงความแมนด้วยการวิ่งหนี ปล่อยให้ไอ้เต้ยรับกรรมเพียงลำพัง ฮ่าๆ
     

    แต่พอมันสำนึกได้ก็วิ่งกลับมาไล่เตะพวกผมทีละคนโทษฐานรวมหัวเล่นละครตบตามัน คนที่โดนหนักสุดก็เห็นจะเป็นไอ้ปัน แต่คนที่เละคือไอ้เชนโดนไอ้คิวล็อกคอตบหัวไปหลายที
     
    ส่วนวิธีที่ไอ้คิวมันเอาคืนได้เจ็บแสบที่สุดคือ พอถึงทีไอ้ฟ่าง ไอ้คิวมันไม่เตะครับแต่มันกระโดดกอด แกล้งทำท่าเหมือนจะไซร้คออีกต่างหาก ไอ้แทนแม่งตีลังกาหลังเตะมันออกแทบไม่ทัน ไอ้เต้ยก็ของขึ้น
     
    พี่คิว เดินมานี่” เอาแล้วโว้ย ไอ้เต้ยเริ่มออกคำสั่งตั้งแต่ยังไม่เข้าหอเลยว่ะ กรั่กๆไอ้คิวก็เดินไปหาไอ้เต้ยแบบงงๆ “มานี่ มาใกล้ๆเต้ย” แล้วเชี่ยเต้ยแม่งดึงคอไอ้คิวลงไปประกบจูบ พวกผมหันหลังพรึบพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย
     

    “น้องมึงแรงมากพีม”


    “มันก็แรงเหมือนมึงแหละฟ่าง”


    ……………………………
     

    หลังจากส่งตัวไอ้คิวไอ้เต้ยเข้าหอพวกผมก็แยกย้าย กลับแหล่งกบดานของใครของมัน และไม่ต้องเดาครับว่าคืนนี้ผมจะนอนไหนถ้าไม่ใช่คอนโดไอ้ภูมิ เมื่อกี้ลองแกล้งมันเล่นๆว่าผมจะกลับไปนอนบ้าน มันเกือบโยนกระเป๋าใส่หน้าผมนี่ถ้ามันถอดรองเท้าทันมันก็คงเขวี้ยงตามกระเป๋ามาแน่ๆ


    เราแวะกินข้าวที่เซ็นทรัลเวิร์ล แล้วก็เดินเล่นอีกนิดหน่อยก็กลับเพราะผมเหนื่อยมาทั้งวัน อยากกลับไปนอนใจจะขาดแล้ว
     


    แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา ผมก็ถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก สามวันก่อนห้องของภูมิยังเป็นสีเทา ของที่ใช้ตกแต่งอย่างพวกโซฟา โต๊ะ ผ้าม่านก็ออกโทนสีเทา สีดำ สีเบจ แต่ตอนนี้ห้องที่เคยคุ้นตาถูกตกแต่งใหม่จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
     
    ทุกอย่างถูกเปลี่ยนเป็นสีขาว สีที่ผมชอบและที่สำคัญผมนึกว่ามีใครย้ายป่าเต็งรัง ทุ่งหญ้าสะวันนาป่าชายเลนมาไว้ในห้อง เพราะต้นไม้เยอะมาก ใส่ไม้ยมกด้วยนะครับเพราะมันเยอะจริงๆ
     
    “ไง ชอบมั้ย” ผมหันไปมองคนที่เข้ามากอดซ้อนหลัง มันทำเนียนหอมแก้มผมอีกต่างหาก


    “อือ ชอบสิ ชอบมากด้วย มึง
    ….ทำให้กูเหรอ”


    “เปล่า กูทำให้แฟน”


    “หึหึ กวนตีนและ”
     

    ภูมิพาผมเดินดูมุมนั้นมุมนี้ตั้งแต่ห้องนั่งเล่น ห้องครัว พร้อมอธิบายนั่นนี่ว่าเลือกเองนะ  อย่างกับนายหน้าจะขายคอนโด หรือบางทีมันก็อวดว่า แจกันอันนี้อ่ะจัดเองเลย กระถางต้นไม้ก็ย้ายเองด้วย อย่างกับเด็กๆแหนะ ฮ่าๆ


    ผมก็แกล้งปรบมือชื่นชม น้องภูมิเก่งจังเลย
     ไม่น่าเชื่อว่าเวลาแค่สามวันมันจะเปลี่ยนห้องได้อลังการขนาดนี้  กลิ่นสียังมีอยู่เลย ก็นะ อำนาจเงินบันดาลได้ทุกสิ่ง จริงมั้ยภูมิ


    และที่สุดท้ายที่ภูมิมันภูมิใจนำเสนอมากก็คือ ห้องนอน ซึ่งก็ทำให้ผมอึ้งรอบสอง ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่ยืนมองด้วยความมึน


    เตียงนอนจากสีดำก็กลายเป็นสีขาที่มีเสาสี่มุม มีผ้าม่านบางๆผูกไว้
    หลายตังค์นะนั่น


    ส่วนภายในห้องก็มีโต๊ะไม้กลมๆมีกระถางต้นไม้ตั้งไว้เต็มไปหมด วันดีคืนดีมีงูออกมารัดคอเราสองคนจะทำไงวะภูมิ หรือนอนอยู่ดีๆหัวใจวายตายเพราะต้นไม้แย่งอากาศตอนกลางคืนล่ะ คึคึ ผมก็ช่างคิดเนอะ



    และตรงระเบียงมันจัดเป็นสวนเล็กๆ มีต้นไม้ประมานสามล้านสายพันธุ์ ปูพื้นด้วยกรวดและหินเพื่อให้อารมณ์ธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ภูมิมันโม้ว่าถึงมันไม่ได้เรียนสถาปัตย์ก็ออกแบบได้ หึ นิดๆหน่อยๆขอให้ได้กัดมันก็เอา
     
    แต่ผมว่าไอ้ภูมิมันคงหมดเงินไปกับค่าจ้างคนออกแบบเยอะอยู่เหมือนกัน อย่างมันน่ะเหรอจะปลูกต้นไม้ เหอๆ
    กูเชื่อมึงมากภูมิ


    “ขอบคุณนะภูมิ” ผมลองนั่งเตียงใหม่ นุ่มโคตรๆ แต่ถึงจะเปลี่ยนห้องเปลี่ยนเตียง แต่ผ้าปูที่นอนกับปลอกหมอนก็ยังเป็นลายมิกกี้เม้าการ์ตูนตัวโปรดของไอ้ภูมิอยู่ดี ตกลงกูกับไอ้หนูหูกลมนั่นใครสำคัญกว่ากันว่ะภูมิ
     
    “คิดซะว่าเป็นเรือนหอ” มันมาอีกแล้วครับ ภูมิมากอดข้างหลังผมอีกหน

    “งั้นกูกับมึงก็อยู่ก่อนแต่งอ่ะดิ”

    “อ่าฮะ อินเทรนดีออก ใครๆเค้าก็ทำ”

    “แต่กูรักวัฒนธรรมไทย ไม่ชิงสุกก่อนห่าม”
    ผมยักคิ้วให้ไอ้คนที่เริ่มกอดเริ่มหอมผมจนแทบจะหลบไม่ทัน ผมว่าไอ้ภูมิมันเป็นโรคบ้าอะไรซักอย่าง ทุกครั้งที่มันกอดผมจากข้างหลัง มันจะงับแก้ม งับหูผมทุกครั้ง และครั้งไหนถ้ามันบ้ามากๆจากงับเล่นๆมันจะกัดเลย เหตุผลของมันมีสั้นๆคือหมั่นเขี้ยว เจ็บฟรีๆเลยสิไอ้พีม
     

    “แล้วที่หัวหิน มึงห่ามรึยัง”
    ฉึก วาจาเชือดเฉือด
     

    “อันนั้นกูไม่นับโว้ย มันแค่พลาดเพราะบรรยากาศพากูไป”

    “หึหึ เหรอออออ”

    “ฮ่าๆ ไอ้ภูมิ กูจั๊กจี๋ ปล่อย ๆ จะไปดูต้นไม้ใกล้ๆหน่อย”


    “ก็ไปดิ”


    “มึงก็ปล่อยกูสิครับ”
    มันยอมปล่อยผมตามคำขอ  ไม้กระถางน่ารักๆทั้งนั้น สีเขียวๆตัดกับสีขาวของห้องดูแล้วก็สบายตา ถ้าไม่มีไอ้ว่านหางจระเข้มาปนมันจะดีมาก ฮ่าๆ แต่ว่าต้นที่มันซื้อให้ผมเมื่อวาเลนไทน์ก็อยู่ในห้องนอนผมเหมือนกัน อยู่หัวเตียงด้วย แหะๆ


    ผมคงดีใจยิ้มจนหน้าบานเท่าฝาบ้านแล้วมั้ง ก็ภูมิอุตส่าห์ทำให้ขนาดนี้ มันยอมเปลี่ยนห้องตัวเอง เปลี่ยนสิ่งที่มันชอบเพื่อทำในสิ่งที่ผมชอบ แม่งน่ารักว่ะ

    ผมทิ้งตัวนอนแผ่กับเตียง อยากจะนอนแล้ว ไม่อาบน้ำได้มั้ย
     

    “พีม”


    “หื้ม”




    “มาลองเตียงใหม่กัน”


    ??????????????????” หือ?ผมลืมตา มามองหน้าไอ้ภูมิด้วยความงง


    แต่งงได้ไม่นานไอ้ภูมิก็ขยับมาคร่อมผมไว้ และผมกับมันก็ปอกเปลือกกันได้สำเร็จ แล้วจะนอนดูตากันให้เสียเวลาไปใยล่ะครับ


    งั้นขอความกรุณาคุณผู้อ่านช่วยโฟกัสกล้องไปที่อื่นก่อนได้มั้ยครับ จะโคมไฟหัวเตียง หน้าต่าง หรือพระจันทร์ก็ได้นะ คึคึ
     



    เพื่อเป็นการฉลองให้กับเรือนหอใหม่ ไอ้ภูมิก็ได้แสดงความเป็นชายเหนือชายคือยอดชายให้ผมได้รู้อย่างภาคภูมิและสมเกียรติ



    แต่ผมกลับต้อนรับเช้าวันใหม่ด้วยการเป็นไข้ซะนี่ สงสัยจะเพราะตากฝนตอนไปออกค่าย แล้วแบบว่าแดดก็แรงไง แล้ว เอ่อ คือ ก็เดี๋ยวแดดเดี๋ยวฝน หรือจะเป็นเพราะการอดหลับอดนอนเฉลิมฉลองเตียงใหม่เมื่อคืนวะ


    “พีม โผล่หัวมากินข้าว จะได้กินยา” นี่ไง นี่ไงตัวต้นเหตุที่แท้จริง  “อย่าให้กูต้องจับกรอกปากนะพีม เร็วๆ” กูป่วยนะเว้ยมึงช่วยอ่อนโยนหน่อยสิ อ่อนโยนน่ะอ่อนโยน ทำเป็นมั้ยไอ้ฟาย



    สุดท้ายผมก็ต้องหอบสังขารออกมากินโจ๊กที่ไอ้ภูมิมันอุตส่าห์เติมน้ำร้อนใส่คนอร์คัฟโจ๊กไว้ให้ ฮืออออ



    ช่วยหาน้ำตาเทียมให้ผมหน่อย ผมน้อยใจชีวิต กูอยากร้องไห้ กูอยากเศร้า แต่บ่อน้ำตาอยู่ลึก
    Y_Y
     




    ……………………………..



     
    เป็นอันว่าวันนี้ทั้งวันผมกับภูมิก็นอนกก เอ๊ย นอนเฉยๆนี่แหละครับ อยู่ที่ห้องไม่ได้ออกไปไหน ดูการ์ตูนเน็ตเวิร์คตั้งแต่เช้าจนตาแฉะ



    และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตชายไทยวัยเกณฑ์ทหารอย่างผมคงเป็นการดูบาบี้ ถ้าโคนัน วันพีช เบนเทนกูจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่บาบี้แม่งเป็นเงือกด้วย แหยะๆ ผมเกลียดอะไรก็ตามที่ไม่มีขาและเงือกก็เป็นหนึ่งในนั้น
     

    แต่ก็ว่าอะไรไม่ได้ครับ ต้องดูกับมัน ไอ้ดูน่ะไม่เท่าไรแต่ดูไปมีคนมานอนซุกอกด้วยนี่สิ เหน็บกินไปหมดแล้ว
    ฟังไม่ผิดหรอกครับ


    เวลาไอ้ภูมิมันดูการ์ตูน ดูหนังมันชอบนอนมุดอกผม มือมันก็จะล้วงมาจับวันแพ็ค(พุง)ของผม ปากมันก็คาบหลอดนมกล่องตราหมีของมัน แล้วก็ชอบกัดหลอดเล่น จนผมต้องว่ามันถึงยอมกินดีๆ
     


    บางทีก็หลับไปทั้งที่หลอดคาปากอยู่แบบนั้น  แล้วเวลามันนอนผมก็ชอบลูบหัวภูมิเล่น ก็ผมมันนุ่มเหมือนขนแมวเลย แต่พอผมแกล้งจะขยับหนีมันก็จะส่งเสียงประท้วง อื้อ เป็นอันว่าห้ามไปไหนทั้งนั้น จะมีใครรู้บ้างมั้ยว่าหน้าหล่อๆอย่างมันเวลาอยู่กับผมจะเป็นเด็กได้ขนาดนี้
     


    แต่เอาเข้าจริงๆผมก็ไม่รู้ว่ามันน่ารักหรือน่าสงสารมากกว่ากัน ที่ภูมิมันติดการ์ตูน มีนิสัยเหมือนเด็กเวลาอยู่กับคนที่สนิทๆ ถึงแม้ภูมิจะไม่เคยบอกกับผมตรงๆ
     
    แต่ผมพอจะรู้ว่าเพราะอะไร (ไปสืบมาจากพี่ชายมัน)ตอนที่พ่อไอ้ภูมิส่งมันไปอยู่เมืองนอก การ์ตูนคงเป็นเพื่อนคนเดียวของภูมิ
     

    ตอนนั้นมันอาจจะฟังภาษาอังกฤษไม่ออกไม่รู้เรื่อง แต่เด็กกับการ์ตูนมันก็จูนกันด้วยสัญชาตญาณ บางทีสิ่งที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็อาจจะเป็นผลมาจากเรื่องราวบางอย่างในวัยเด็ก ซึ่งภูมิก็คงไม่ต่างกัน
     


    เป็นไงล่ะเด็กผม น่ารักมั้ย


    ^__^
     



    แล้วก็ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆที่ผมใช้ชีวิตอยู่กับภูมิเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน ตั้งแต่กลับจากค่ายผมก็แทบจำทางกลับบ้านตัวเองไม่ถูก เพราะฝังตัวอยู่กับไอ้ภูมิที่คอนโดตลอด
     


    ตอนนี้ตู้เสื้อผ้ามัน มีเสื้อผ้าผมแขวนอยู่เกินครึ่ง เมื่อก่อนก็พอมีติดห้องมันบ้าง เวลามาค้างแต่ตอนนี้ก็อย่างที่บอกครับ เสื้อผ้าไอ้พีมครองตู้ ฮ่าๆส่วนของใช้อย่างอื่นก็ไม่ต้องพูดถึง เหมือนย้ายมาอยู่ด้วยกันเลย คิดดูโต๊ะเขียนแบบผมยังขนมา ถังสี กระดาษที่ใช้เขียนรูปมีหมด
     


    วันไหนอากาศดีๆ เราก็ออกไปเดินห้าง ดูหนัง กินข้าว ซื้อต้นไม้มาปลูก ตกเย็นมาภูมิมันก็ไปออกกำลังกาย เล่นเทควันโดบ้าง ยิงปืนบ้าง ว่ายน้ำมันก็ทำบ่อย
     


    ทุกๆกิจกรรมเราทำร่วมกันหมด ยกเว้นว่ายน้ำ เพราะมันไม่ให้ผมลงว่าย ขอใส่กางเกงขาสั้นมันก็ไม่ยอม มันบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปว่ายที่บ้าน เพราะกลัวผมฉี่ใส่สระของคอนโด สาดดด ผมก็นั่งทำหน้าส้นตีนเฝ้ามันอยู่ริมสระนั่นแหละ ฮึ๋ย
     

    บางวันผมก็กลับไปช่วยอาปุ้ยที่ร้าน ทุกครั้งก็จะมีน้องภูมิขวัญใจพี่ๆน้องๆติดสอยห้อยตามไปด้วยอย่างกับแฝดสยามคู่ที่สอง


    ผมก็ไม่แน่ใจว่าอาปุ้ยจะรู้อะไรมากน้อยแค่ไหน แต่อาจะยิ้มๆ ชอบบอกว่า ชวนภูมิมาค้างที่บ้านเราบ้างสิสลับกัน แล้วอาก็จะเพ้อๆประมานว่า หลานอาออกเรือนแล้ว  ทำเอาผมนึกถึงอีกรีนเลย เหอๆ


    เสียงเรียกเข้าเพลงค่าน้ำนม ดังขัดจังหวะการดูการ์ตูน ไม่ต้องดูก็รู้ว่าใครเพราะเพลงนี้ผมคงไม่ตั้งไว้ให้พ่อหรอกครับ ฮ่าๆ ภูมิหันมามองนิดหน่อยก่อนจะยอมคลายอ้อมแขนที่กอดผมออกให้ผมรับโทรศัพท์แม่  



    “ฮัลโหล ว่าไงครับคุณแม่คนสวย”
    ผมออกมาคุยที่ระเบียงเพราะไม่อยากกวนไอ้เด็กน้อยมันดูการ์ตูน


    (ว่าไงพ่อลูกชายสุดหล่อ ทำอะไร ไม่เห็นโทรหาแม่บ้าง)

    “เพิ่งโทรเมื่อวานเหอะ”

    (ฉันหมายถึงวันนี้ย๊ะ)

    “อ้าว อยากให้โทรไปก็ไม่บอก งั้นแม่ก็วางดิ เดี๋ยวพีมโทรกลับ ฮ่าๆ”

    (เดี๋ยวเถอะ เจ้าพีมนิ แล้วนี่ปิดเทอมหรือยัง)

    “ปิดแล้วครับ ได้อาทิตย์นึงพอดี”

    (แล้วจะขึ้นมาวันไหน)


    ……...ก็” ผมมองไอ้ภูมิที่นอนดูดนมกล่อง ดูสกูปปี้ดู ผมยังไม่ได้บออกมันเรื่องที่จะกลับเชียงใหม่เลย
    “คงอีกสองสามวันครับแม่ คิดถึงเค้าอ่ะดิ๊”

    (ก็คิดถึงสิ ไม่ให้คิดถึงลูกจะให้คิดถึงใคร พ่อก็บ่นแล้วว่าทำไมพีมยังไม่กลับหรือว่าติดสาว  มาคราวนี้จะพาลูกสะใภ้มาฝากแม่รึเปล่า หื้ม) แซวผมเสร็จแม่ก็หัวเราะชอบใจ ลูกสะใภ้เหรอ สูงๆขาวๆหล่อๆอย่างไอ้ภูมิจัดเป็นลูกสะใภ้ได้มั้ยแม่

    “แม่ก็พูดไป”

    (ไม่ต้องอายหรอกน่าคุณลูกชาย พีมโตแล้ว จะมีฟงมีแฟนแม่ก็ไม่ได้ว่าซักหน่อย)

    “ฮ่าๆ เดี๋ยวพาไปจริงๆแล้วจะอึ้ง”


    (ฉันรับได้ทุกสถานการณ์ยะ)
     
    ผมกับแม่ก็คุยกันสัพเพเหระ ส่วนมากแม่จะเม้าท์เรื่องพ่อ แม่ถามถึงลูกแทน ลูกปัน ลูกเชนลูกคิว บอกให้ผมชวนพวกมันไปเที่ยวด้วย แล้วก็บอกให้ผมไปหาคุณย่าก่อนค่อยกลับเชียงใหม่ ซึ่งไม่บอกก็จะไปอยู่แล้ว


    “แม่ยายกูว่าไงบ้าง”


    “บอกให้พาลูกสะใภ้ไปกราบที่บ้าน”


    “แล้วได้บอกแม่มั้ยว่ามึงเป็นลูกสะใภ้บ้านกูไปแล้ว หึหึ”

    “เชี่ย”



    “พูดมากน่า มานี่” ผมก็ลงไปนอนให้มันกอดอีกรอบ ภูมิก็มุดดุ๊กๆเข้ามาซุกอกผมอีกครั้ง



    ……………………………..


     
    “เป็นไร”

    ไอ้ภูมิหันมาถามผมที่เหม่อเผลอเทน้ำราดต้นกระบองเพชร บวมน้ำแน่มึงไอ้หนาม เช้าๆแบบนี้ก็ช่วยกันรดน้ำต้นไม้ครับ ผมยังไม่กล้าบอกภูมิว่าอีกสองวันผมจะกลับบ้าน จะกลับเชียงใหม่ อีกซักสามเดือนค่อยเจอกัน ผมกลัวว่าจะเห็นหน้าเหงาๆของมัน
     



    ก็เราไม่เคยห่างกัน


    “พูดมา เป็นอะไร เห็นเหม่อหลายครั้งแล้ว”


    “เปล่า”


    “จะพูดดีๆหรือต้องให้กูง้างปาก”
    ใช้กำลังตลอดนะมึง


    “ภูมิ มึงเคยบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอกกูไม่ใช่เหรอ”
    ผมนึกขึ้นได้ว่าตอนที่ไปออกค่าย ภูมิเคยพูดว่ามีเรื่องสำคัญจะบอก

    ………………


    “ว่าไง มึงมีเรื่องอะไรเหรอ”


    “กูจะไปอิตาลี”
    อะไรลี่ๆนะ สาลี่ สำลี ไอ้ภูมิมันพูดบ้าอะไร

    “ไปทำไม”

    “ไปเยี่ยมคุณทวด”

    “ทำไมคุณทวดมึงต้องไปอิตาลี”

    “ก็เค้าเป็นคนอิตาลี”

    “เห งั้นพ่อมึงเป็นฝรั่งเหรอ”


    “เปล่า พ่อเป็นลูกเซี้ยว”


    “มึงเป็นเศษเซี้ยวอ่ะดิ ฮะๆ
    ……แล้ว” ฮาไม่ออกว่ะ จากที่คิดว่าภูมิจะเป็นคนเศร้า ก็กลายเป็นผมที่กำลังทำตัวทำใจไม่ถูก อิตาลีเลยเหรอ ทำไมไม่เห็นบอกกันบ้าง


    “ไปนานมั้ย” ภูมิส่ายหน้า มันจับหัวผมไปซุกอก


    “เปิดเทอมก็กลับมาแล้ว”

    “อืม”

    “ไปด้วยกันนะ”

    “ไม่ได้หรอก”


    “ทำไม แทนยังไปกับฟ่างเลย”



    “กูก็ต้องกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่เหมือนกัน แล้วมึง
    ….. ไม่ไปไม่ได้เหรอวะ”  ผมงี่เง่ามั้ย งี่เง่าเนอะ แต่ก็ ไม่อยากห่างมัน บอกตรงๆว่าผมยังตั้งตัวไม่ทัน อิตาลีนะครับ ไม่ใช่ปัตตานี ไกลกันคนละซีกโลก


    “ห่างกันแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”

    “ภูมิ”


    “หื้ม”
     


    “มันคนละเรื่องไอ้เหี้ย ฮ่าๆ” ใครก็ได้ช่วยผมจับไอ้ภูมิไปหาครูลิลลี่หน่อย รู้สึกว่ามันจะมีปัญหากับหลักภาษาไทยอยู่เรื่อย จากซึมๆเลยฮาเลยกู


    คือมันตั้งใจจะปลอบใจผมนั่นแหละแต่แม่งพูดผิด พอเห็นผมหัวเราะมันก็หน้าบึ้งผลักผมจนกระเด็น ทำโมโหกลบเกลื่อน ภูมิกระโดดขึ้นเตียงไปนอนคลุมโปง ผมก็ได้แต่มองตามมันด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
     
     



    จากกันครั้งนี้กูคงคิดถึงมึงน่าดูว่ะภูมิ
     
     
     
     



     
    TBC >>>>>>>>>>>>>>
     



    ……………………………..
     



    แหม น้องพีมคะ ก็ห่างกันบ้างเถอะ ห่างบ่อยๆค่อยๆชินนะ (
    -_- <พีม) ชีวิตจะได้มีรสชาติ จริงมั้ยคะทุกคน ฮี่ฮี่


    สอบอีกแล้วววววววววว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ชีวิตที่น่าเศร้าของชะนีไทย


    ปล คุณพี่
    badcow ถามมาว่าถ้าพีมอยากรุกภูมิบ้างมันจะฮาแค่ไหน แล้วคุณพี่รู้ได้ยังไงคะว่าพีมมันไม่เคย  everything is possible หึหึหึ


    นางงามตาลมีรูปเรือนหอมาฝากด้วยคะ แอร๊ยยย อิจฉาๆๆๆๆ



      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×