ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 18 Our Trip ^o^

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 55.25K
      255
      15 ม.ค. 54

       




    ตอนที่ 18



     
    หลังจากขี่ม้าและดูพระอาทิตย์ตก  ภูมิกับผมก็กลับมาอาบน้ำเตรียมออกไปย่ำราตรีของเมืองหัวหิน จะไปผับ คลับ บาร์หรือว่าอาโก้โก้ดีน้อ หึหึ ที่พล่ามๆมาไม่ได้ไปซักที่หรอกครับ เพราะพวกผมจะไปเดินตลาดโต้รุ่ง ฮ่าๆ พอดีไปถามพี่พนักงานว่ามีที่ไหนน่าไป เขาก็แนะนำว่าไปเดินตลาดโต้รุ่งสิ สงสัยหน้าผมคงดูเหมือนพวกไม่เคยเดินตลาด(บ้านอยู่หลังเขา)  
     


    รีสอร์ทนี้มีบริการให้เช่าจักรยานด้วยนะ ผมจะขยับตัวไปไหนหรือทำอะไรก็ต้องเสียเงินเสียทองไปซะหมด รู้งี้เรียนบริหารดีกว่า แต่ติดปัญหาตรงที่เกรดวิชาคณิตศาสตร์ของผมไม่เคยได้เกิน
    2 จะบวกเลขเกินสองหลักต้องใช้กระดาษทด เพราะฉะนั้นก็เล่นสีอยู่กับศิลปะนี่แหละถูกต้องแล้ว
     


    พวกผมปั่นจักรยานแข่งกัน มันส์มาก เข้าโค้ง ลงเขา เหมือนมีอ้ายแลนซ์อาร์มสตรองสิงร่าง ผมหวิดจะสอยเสาไฟหลายรอบ ไอ้ภูมิก็เกือบจะแหกโค้งอยู่หลายหน แต่ก็หาได้กลัวไม่ ดีนะที่มาถึงตลาดแบบครบสามสิบสองทั้งสองคน
     


    มาถึงตลาดผมก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เอาที่ล็อคล้อจักรยานมาด้วย จะจอดไว้ก็กลัวจักรยานเขาหาย จะให้ปั่นกลับไปเอา หึ ฝันไปเถอะ เหนื่อยขนาดนี้ถ้าให้ปั่นกลับไป ผมคงไม่กลับมาอีกแน่นอน ภูมิมันบอกว่าจอดไว้แบบนี้แหละ จะหายก็ปล่อยแม่งหายเลย เพราะมันจะซื้อทั้งรีสอร์ทก็ยังได้ โอเค จบ
     


    ตลาดโต้รุ่งหัวหินคนเยอะครึกครื้นดี ส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ของกินเยอะมาก ของฝากของที่ระลึกก็มี แต่ผมไม่ซื้อหรอก เอาไว้วันกลับค่อยซื้อแล้วกัน



    ผมซื้อนมปั่นดื่มแก้กระหาย แต่ไอ้ภูมิก็มาแย่งกิน ทีตอนถามว่าจะกินมั้ย เสือกไม่ตอบ แล้วก็มาแย่งของผม แถมยังเอาไปถือด้วย เวลาผมจะกินต้องขอ มันถึงจะเอาหลอดมาจ่อที่ปาก มาเดินต่างถิ่นหน่อยเอาใหญ่เลยนะมึง ช่วยอายบ้างได้มั้ย
     

    พวกเราเดินผ่านโซนของกินมาถึงโซนของฝาก ส่วนมากเป็นของแฮนด์เมด ผมหยุดดูพวกงานไม้แกะสลัก
     

    “พีม รอกูอยู่ตรงนี้นะ ไปดูรูปก่อน”
     

    “อืม” ภูมิเดินไปร้านขายโปสการ์ด เวลาไอ้ภูมิมันเจอรูปถ่าย เจอกล้อง มันก็พร้อมจะสลัดผมทิ้งแบบนี้ล่ะครับ ผมก็ดูของไปเรื่อยๆ แล้วก็สะดุดตาที่ห้อยโทรศัพท์ตุ๊กตาเด็กผู้ชายแกะจากกะลามะพร้าว ผมหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ เออ เท่ห์ดี
     

    ถ้าซื้อห้อยคนละอันกับไอ้ภูมิมันจะยอมห้อยมั้ยวะ ไอโฟนมึงจะมีความเป็นไทยก็คราวนี้แหละภูมิเอ๋ย ผมถามราคาคนขาย ก็ไม่แพง แต่แพงมาก ฮา ก็นะที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยว ก็ต้องตั้งราคาเผื่อพี่ฝรั่งด้วย แต่ถ้าดูจากความประณีตและฝีมือก็ถือว่าคุ้มอยู่
     

    “พีม แฮ่ก ชะ ใช่ พีมมั้ยคะ” ผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกำลังยืนหอบแฮ่กๆ เหมือนเพิ่งไปวิ่งผลัดสี่คูณร้อยมาหยกๆ เธอพยายามสูดอากาศเข้าปอดให้ทันตามที่ร่างกายต้องการ จนผมเผลอลุ้นหายใจยาวๆไปด้วย กลัวมีคนตายต่อหน้า


    เธอมองผมอย่างไม่แน่ใจ อาจจะคิดว่าไอ้นี่มันบ้ารึเปล่า แต่เหมือนเมื่อกี้สาวสวยคนนี้จะเรียกชื่อผม ผมก็มองเธอด้วยความงง หน้าคุ้นๆแต่นึกไม่ออก ชื่อมันติดอยู่ตรงปุ่มเหงือก



    “พีมใช่ป่ะ”


    “เอ่อ ใช่ครับ แล้วคุณ
    ” เธอรู้จักผมด้วย แต่สาวคนนี้จะเสียใจมั้ยที่ผมจำเธอไม่ได้ แต่คุ้นมากๆ แม่งคิดไม่ออกโว้ย ปกติความจำเรื่องผู้หญิง ยิ่งหน้าตาน่ารักโนเนะแบบนี้ไอ้พีมเป็นเลิศไม่เคยพลาด


    “เนสไง เพื่อนพลอยอ่ะ พีมจำเราไม่ได้หรอ”เธอยู่ปากเล็กๆให้รู้ว่าน้อยใจแต่คงจะแค่แกล้งงอนมากกว่า
    เนสเนสไหน เนส พลอย เฮ้ย เพื่อนเก่านี่หว่า
     

    “อ๋ออออ เนส เฮ้ย สวยขึ้นอ่ะเราเกือบจำไม่ได้”
    อาจจะสงสัยว่าผมเป็นเพื่อนกับเนสได้ยังไง ในเมื่อผมจบชายล้วนส่วนเธอจบหญิงล้วน พวกเรารู้จักกันตอนเรียนพิเศษ สถานที่ที่เป็นแหล่งเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างพวกผมที่กระหายมนุษย์ผู้หญิง เพราะเบื่อหัวเกรียนๆกางเกงดำๆ ส่วนพวกเธอที่เปรียบเหมือนดอกฟ้าที่น่ามอง ก็ได้พบเจอฝูงแมลงวันจากชายล้วนอย่างพวกผม
     

    “คิกๆ เหตุผลเข้าท่า น่าให้อภัย โหยย เราดีใจมากเลยที่ได้เจอพีมอ่ะ ถ้าเล่าให้พลอยฟังมันต้องอิจฉาเราแน่ๆ” เนสมองผมด้วยแววตาซุกซนปนล้อเลียนเหมือนจะแซว เธอยังคงร่าเริงสดใสไม่เปลี่ยน อาจจะมีความน่ารักที่มากขึ้น
     
    “อืม เราก็ดีใจ แล้วเนสกับพลอยเป็นไงบ้าง ไม่เจอกันเกือบสองปีแล้วมั้ง”
     
    “เราสบายดี แล้วพีมเรียนที่ไหน เชียงใหม่ป่ะ”
     

    “เปล่าๆเราก็อยู่กรุงเทพเหมือนเดิม”
     

    “อิจฉาเด็กกรุงเทพอ่ะ เราอยู่ติดทะเล ตัวดำหมดแล้วเนี่ย” ถ้าเนสดำผมก็ถ่านแล้วมั้ง ผมว่าผิวของเนสขาวจนเหมือนเรืองแสงแล้วนะ “แล้วพีมมากับใคร อ่ะแหนะ หรือว่าพาแฟนมาเที่ยว” อยากจะตอบว่า ใช่ มากับแฟน แต่ก็รู้ว่าถ้าพูดไป คง
    ….ไม่เหมาะ
     
    “เรามากับเพื่อน มันไปดูรูปอยู่ แล้วเนสล่ะ วิ่งมาแบบนี้ แฟนไม่ตามหาแย่หรอ”


    “บ้า แฟนเฟินอะไร ไม่มีเหอะ เรามาเที่ยวกับครอบครัว กำลังซื้อของอยู่ทางนู้น เราเห็นพีมแว่บๆ เลยรีบวิ่งตามตอนแรกก็กลัวจะทักผิดคน แต่โชคดีที่เป็นพีมจริงๆ ไม่เจอกันนานพีมยังตัวเท่าเดิมเลยเนอะ ฮ่าๆ”


    “พูดแบบนี้ ต่อยเราเลยดีกว่า” ผมว่าเนสด้วยรอยยิ้มไม่ได้ถือสาอะไร
     

    “ฮ่า ล้อเล่นๆ เออ เราขอเบอร์พีมไว้หน่อยสิ เดี๋ยวกลับกรุงเทพจะแวะไปหา จะชวนพลอยไปด้วย”เนสยักคิ้วให้ผม  ผมก็ได้แต่ยิ้มตอบ เรื่องของผมกับพลอยก็เป็นแค่เรื่องในอดีต ถ้าผมได้เจอกับเธออีกครั้ง ความสัมพันธ์ของเราก็คือเพื่อน แค่เพื่อนเท่านั้น ไม่มีวันเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ผมยืนบอกเบอร์โทรศัพท์ตัวสุดท้ายเสร็จ ก้รู้สึกเหมือนมีเงาอะไรบางอย่างมายืนซ้อนหลัง
     

    “พีม” เสียงเย็นๆและใบหน้านิ่งๆของภูมิ ทำเอาผมเกร็ง อย่าเพิ่งหึงนะมึง กูอธิบายได้
    เนสยิ้มให้ภูมิอย่างเป็นมิตร แต่มันเอาแต่จ้องหน้าผม
     

    “เอ่อ ภูมิ นี่เนสเพื่อนสมัยม ปลาย เนสนี่ภูมิ เป็น เอ่อ เพื่อน” ถึงเราจะไม่ใช่เพื่อน แต่ผมก็ต้องพูดคำว่าเพื่อน  ผมได้กลัว ไม่ได้อายที่จะบอกใครว่าภูมิกับผมเป็นอะไรกัน แต่มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องประกาศให้ใครรับรู้ แค่เรารู้ว่าเรารักกันก็น่าจะพอแล้ว ผมหวังว่าภูมิก็คงคิดเหมือนกัน แต่แววตาคู่นั้นกำลังมองผมด้วยความผิดหวัง ผมรีบจับแขนภูมิไว้
     

    “หวัดดีคะภูมิ เราเนส เพื่อนหล่ออ่ะพีม”
    ประโยคแรกเนสทักทายภูมิ แต่ประโยคหลังเธอกระซิบกับผม แต่ไอ้ภูมิน่าจะได้ยิน
     

    “เอ่อ ภูมิเนสบอกว่ามึงหล่อวะ”
     
    “ขอบคุณครับ” มันยิ้มให้เนสพอเป็นมารยาท แล้วก็กลับมาจ้องหน้าผมต่อ เอ่อ เอาไงดีวะกู

    “พีม เดี๋ยวเนสต้องไปแล้ว”
     

    “อ้าวกลับแล้วหรอ” ถึงจะถามแบบนั้น แต่ใจจริงผมก็แอบโล่งใจ เราขอโทษนะเนส


    “จ๊ะ แม่เราคงซื้อของเสร็จแล้วมั้ง เดี๋ยวเนสจะโทรหานะพีม แล้วเจอกัน บายๆคะภูมิ”
     

    “ครับ แล้วเจอกัน” ผมบอกลาเพื่อนเก่า เนสแกล้งทำมือเป็นสัญลักษณ์โทรศัพท์ให้ผม แล้วก็หันไปทำใส่ภูมิด้วย ผมก็ยิ้มขำกับความขี้เล่นของเธอ แต่พอผมหันกลับมา ภูมิกำลังมองผมอยู่ก่อนแล้ว ทำเอาผมยิ้มค้าง หุบปากแทบไม่ทัน
     

    “เพิ่งรู้ ว่ากูกับมึงเป็นเพื่อนกัน”
     

    “ภูมิ กูขอโทษษษษษ ก็
    …..
     

    “อือ ช่างเถอะ ไปกินข้าวกัน” มันหันหลังให้ผม เดินกลับไปที่โซนร้านอาหาร มันก้าวยาวๆไม่รอจนผมต้องรีบวิ่งตามมัน
     

    “ภูมิโกรธหรอวะ” ผมจับแขนภูมิให้หยุดเดิน มันไม่ยอมหันมาหา ผมก็ต้องเดินอ้อมไปยืนข้างหน้า “ภูมิ มึงโกรธกูหรอ”
     

    “อืม โกรธ”

    “ขอโทษนะ กู

    “กูไม่ได้โกรธมึง แต่โกรธตัวเองที่ทำให้มึงบอกใครไม่ได้ว่าเราเป็นอะไรกัน แค่โกรธที่กูทำให้มึงพูดกับใครได้ไม่เต็มปากว่าเรารักกัน”

    “ภูมิ”

    “กูเข้าใจพีม ไม่ได้โกรธจริงๆ แค่รู้สึกว่าอยากทำเพื่อมึงได้มากกว่านี้”
     

    “ขอบคุณนะ ขอบคุณมาก มึงอย่าโกรธตัวเองเลย ไม่ใช่กูไม่กล้าบอกใครว่าเราเป็นอะไรกัน ให้กูบอกคนทั้งโลกว่าเราเป็นแฟนกันกูก็ทำได้ แต่มันจำเป็นด้วยหรอที่ต้องทำแบบนั้น คำว่ารักของกูพูดให้มึงฟังคนเดียวมันก็มีค่าแล้วไม่ใช่หรอ ไม่จำเป็นต้องพูดต่อหน้าใครหรอก”


    ภูมิยิ้มให้ผม มันยิ้มอีกครั้ง จากนี้ไปผมขอสัญญากับตัวเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะปกป้องรอยยิ้มของภูมิ จะดูแลหัวใจของภูมิ จะรักษารอยยิ้มนี้ให้อยู่กับคนๆนี้ คำว่าตลอดไปอาจจะฟังดูเกินตัวไร้ที่สิ้นสุด ถ้าอย่างนั้นผมขอแค่ได้ทำเพื่อมันทุกวันก็พอ




    ความรักของผมกับภูมิ ไม่จำเป็นต้องมีใครมาเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากคนอื่น
     



     
     เพราะหัวใจไม่ใช่เรื่องของสังคม
     



     
                        …………………………………………………
     
     


    กว่าจะปั่นจักรยานกลับมาถึงรีสอร์ทผมก็แทบอ้วกกลางทางหลายรอบ จะไม่อ้วกได้ไง ผมกินอะไรต่ออะไรจนจุกหลอดลม แถมต้องปั่นจักรยานขึ้นเขา อนาถมากชีวิต



    กลับมาถึงพี่ๆพนักงานบอกว่า รีสอร์ทมีปาตี้ดนตรีในสวนให้แขกที่มาพักได้มานั่งผ่อนคลายอารมณ์ พวกผมก็ละเลยห้อง ขอไปนั่งแจมจิบเบียร์เบาๆ และ
    ไม่ว่าจะโผล่ไปที่ไหนไอ้ภูมิก็มักจะตกเป็นจุดสนใจของผู้คนอยู่เสมอ ผมมากับมันเลยพลอยได้อานิสงค์ไปด้วย มีผู้หญิงเข้ามาทำความรู้จักกับมันหลายคน มันก็แค่ยิ้ม ชนไวน์กลับพอเป็นพิธี
     
    พอเริ่มดึกอากาศก็เริ่มหนาว งานเลี้ยงใกล้เลิกราคนก็เริ่มกลับไปห้องพักของตัวเอง
     
    “ไปเดินเล่นกันมั้ย”ภูมิหันมาชวนผม แล้วก็ฉุดแขนให้เดินตาม ทีหลังก็ไม่ต้องถามนะภูมิ ลากเลยกูชินแล้ว
     

    “ทำไมชอบจูงมือกูวะ กูไม่ใช่หมานะ”ผมถอดไอ้แตะขึ้นมาถือตามภูมิเพราะมันพาผมเดินมาถึงชายหาดแล้ว
     

    “อ้าว นึกว่าใช่ ขอขาหน้าหน่อย” มันปล่อยมือผมแล้วแบมือยื่นมาตรงหน้า ผมก็วางกำปั้นลงบนมือมัน แลบลิ้นแฮ่ๆเหมือนหมา มันก็หัวเราะใหญ่
     
    “หึหึ กูไม่ใช่หมาเว้ย”
     

    “เออ รู้ว่าไม่ใช่  แต่กูจะจับมือแฟนกู มึงมีปัญหาหรอวะ”
     

    “ไม่มีครับพี่ครับ เชิญจับได้ตามสบายเลยครับ”
     
     

    ทะเลตอนกลางคืนจะว่าน่ากลัวก็น่ากลัว แต่ก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ คงแล้วแต่คน แล้วแต่มุมมอง และแล้วแต่ว่าเราได้มองทะเลยามค่ำคืนกับใคร สำหรับผมตอนนี้คงบอกว่าทะเลตอนกลางคืนก็โรแมนติกดี มีไฟสีเหลืองนวลจากรีสอร์ททำให้ไม่มืดมาก แต่เพราะภูมิพาผมเดินมาไกลเลยค่อนข้างมืด
     

    “นั่งตรงนี้เหอะมึง เดินมาไกลแล้ว”


    “อืม เอาสิ” พวกผมใช้รองเท้ารองนั่ง เห็นเรือตกหมึกของชาวเลอยู่ไกลลิบ พรุ่งนี้ชวนไอ้ภูมินั่งเรือไปตกปลาดีกว่า
     

    เรานั่งเงียบๆปล่อยให้ลมทะเลพัดผิว ฟังเสียงระรอกคลื่นซัดเข้าหาฝั่งครั้งแล้วครั้งเล่า มองดาวดวงโตบนท้องฟ้า ที่ผมไม่มีโอกาสได้เห็นนักในกรุงเทพทั้งที่ผมเป็นคนชอบมองดาวเป็นชีวิตจิตใจ
     

    “พ่อส่งกูไปอยู่เมืองนอกตอนกูเด็กๆ” อยู่ๆภูมิก็พูดขึ้น ผมหันไปมองหน้ามัน ภูมิไม่ได้มองผมแต่มันกำลังส่งรอยยิ้มเหมือนเย้ยหยันตัวเองให้ดาวบนฟ้าได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดมากมายที่อยู่ในใจของมันตลอดมา
     

    “จนตอนนี้กูก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงทำแบบนั้น กูทั้งเหงา ทั้งกลัว กูร้องไห้ทุกวัน กูคิดว่าพ่อไม่รักถึงได้ส่งกูไปอยู่ไกลๆ พี่โอ๊ตกับฟ่างแอบโทรหากูดึกๆ คอยปลอบกูว่าเป็นลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งอย่าร้องไห้ แต่มันสองคนดันร้องซะเอง หึ” เสียงมันเริ่มสั่นจนผมต้องขยับเข้าไปใกล้ ผมกอดภูมิไว้และคอยลูบหลังปลอบ ภูมิก็กอดผมแน่น มันซุกหน้าลงกับไหล่ของผม
     

    “แต่ที่กูเกเร มีเรื่องไปทั่วไม่ใช่เพราะกูประชดพ่อหรอกนะ กูทำตัวแย่ๆก็เพราะกูเลวของกูเอง” ภูมิเป็นลูกที่ดี เป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่โยนความผิดจากการกระทำของตัวเองให้พ่อกับแม่  แม้พวกท่านจะมีส่วนอยู่บ้างในความคิดของผม
     

    “พอกูกลับมาอยู่เมืองไทย เหมือนเขาจะรู้สึกผิดมั้ง พ่อตามใจกูทุกอย่าง แต่ไม่เคยถามว่าจริงๆแล้วกูอยากได้อะไร แต่ถึงรู้พ่อก็คงให้กูไม่ได้ แค่เวลาที่จะอยู่ด้วยกันเหมือนคนอื่น พ่อก็ให้กูไม่ได้ แต่เรื่องนั้นมันก็ไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว”


    มันดันตัวผมออก จนเราสามารถสบตากันได้ ดวงตาคมสีดำมองผมอย่างสื่อความหมายมากมาย “เพราะตอนนี้ถ้าจะมีอะไรที่มีค่าสำหรับกู ก็คือมึง
    ผมพูดอะไรไม่ออก อยู่ๆก็รู้สึกจุกที่คอ  ทำได้แค่มองสบตากับภูมิในอ้อมกอดของกันและกัน
     



    “ใครจะมองกูเลว กูไม่ดียังไง กูไม่เคยแคร์ไม่เคยคิดจะสนใจ แต่พอมาเจอมึง กูคิดแค่ว่าอยากจะทำอะไรดีๆบ้าง”
    ผมไม่ได้หวังว่ามันจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีเลิศเพื่อผม ผมไม่ได้ต้องการคนดีอะไรมากมาย แค่เป็นมัน เป็นภูมิคนนี้ก็ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว ผมยิ้มให้ภูมิ และโน้มตัวไปหอมแก้มมันและกอดมันไว้อีกครั้ง ไอ้ภูมิถึงกับหลุดยิ้ม พนันกันมั้ยว่าหน้าผมตอนนี้อาจจะแดงกว่าแตงโมจินตรา ดีนะที่มันมืด
     

    “พีม”เสียงนุ่มทุ้มกระซิบเรียกชื่อผมอยู่ข้างหู


     “อืม”


     “กูไม่รู้ว่าการเป็นแฟนหรือคนรักที่ดีต้องทำยังไง เพราะกูไม่เคยรักใคร ไม่เข้าใจด้วยว่ารักคืออะไร”
     


    “อือ” อืออย่างเดียว ภูมิโหมดนี้ ทำเอาผมไปไม่เป็น ไม่คิดว่าคนนิ่งๆเถื่อนๆอย่างมันจะอ่อนไหวขนาดนี้ แล้วใครใช้ให้มึงลูบหัวกู เดี๋ยวกูละลายให้ดูเลยแม่ง
     


    “เพราะงั้นกูจะทำเท่าที่กูทำได้และอยากทำ กูจะทำให้มึงมีความสุข” ความรักของภูมิคือความสุขของผมสินะ


    “มึงเป็นแฮปปี้จากดีแทคหรอวะ งั้นกูจะเป็นไทยประกันชีวิต อยู่เคียงข้างดูแลชีวิตคุณ” ภูมิขำและเขกหัวผม

    มันดันตัวผมออก สบตากันได้ไม่นานมันก็แนบริมฝีปากลงกับปากของผม จูบที่อยู่ท่ามกลางท้องฟ้าผืนน้ำ ดวงดาวเป็นดั่งสักขีพยานให้กับความรักของเราทั้งสอง
     

    ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่เราแลกสัมผัสหอมหวานให้กัน จนแผ่นหลังของผมสัมผัสกับผืนทรายนุ่มละเอียด หัวใจผมเต้นแรงแข่งกับเสียงคลื่น ผมเห็นภูมิที่ตามมาคร่อมผมไว้แค่เลือนลาง ก่อนที่ตาผมจะปิดลงเพื่อรับสัมผัสอันคุ้นเคยจากภูมิ มือนุ่มๆของมันสอดเข้ามาในเสื้อยืดหลวมๆของผม
     

    “ภูมิ” ผมเรียกภูมิทั้งที่ริมฝีปากเราทั้งคู่ แนบชิดกันไม่ห่าง
     
    “หื้ม” มันขานรับ และเปลี่ยนตำแหน่งมาซุกไซร้ที่ลำคอของผม
     
     
     
     


    “ไปที่ห้องได้มั้ย กู กลัวฉลามกัด”
     
     




    ……………………………………………………………………
     
     
     
     

    ผมรู้สึกตัว พยายามลืมตามองห้องฝ่าความมืด คงตีสามแล้ว ผมรู้สึกหนักๆตัว เหมือนมีอะไรมาทับ พอหันไปมองข้างๆ ชัดเลย แขนไอ้ภูมิรัดตัวผมอยู่ ผมกำลังใช้สมองประมวลผลว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
     

    พอทุกอย่างที่เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆ แจ่มชัดในความคิด ผมก็อยากจะข่วนหน้าหล่อๆที่นอนหลับด้วยใบหน้าดูมีความสุขเหมือนกำลังฝันดี สาดดดดดด มีความสุขจังนะมึง ฮึ๋ย
     

    แต่ตื่นมาเห็นมันหลับก็คงจะดีกว่าตื่นมาแล้วเห็นมันนั่งหันหลังให้ กำลังติดกระดุมเสื้อ หันมามองผมนิดๆวางเงินไว้ข้างโคมไฟ แล้วเดินจากไป ฮา ไม่ใช่ละครหลังข่าวนะเฟ้ย
     

    ผมค่อยๆยกแขนภูมิออกจากตัว ควานหาชุดคลุมอาบน้ำมาใส่ ก่อนจะพาตัวเองเข้าห้องน้ำด้วยความทุลักทุเล
     

    ผมยืนมองสภาพตัวเองในกระจกแล้วอยากเอาหัวโขกชักโครกตาย ผมก็ไม่ใช่คนขาวอะไรมากมายแต่ถ้าเทียบกับผู้ชายทั่วๆไปผมก็ถือว่าขาว แล้วเสือกเป็นคนที่ผิวเป็นรอยง่าย แม่งเอ๊ย  จ้ำแดงเต็มตัว ทั้งรอยยจูบ ดูด รอยฟันตามเนินอก กูอยากจะบ้า เชี่ยภูมิ ไม่ออมมือเลยนะมึง สาดดดดดดดดดดด



    ผมยืนจ้องตัวเองด้วยสายตาและหัวใจเหม่อลอยอยู่นาน พาตัวเองเดินออกมายืนรับลมที่ระเบียงตอนไหนยังแทบไม่รู้สึกตัว


    ผมปล่อยความคิดให้ไหลผ่านสมอง มันก็จริงที่ผมเป็นผู้ชาย เสียหายก็คงไม่ท้อง แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้ผมรู้สึกหนักๆหน่วงๆในหัวใจ ทั้งที่ผมรู้ว่าภูมิมันรักผม และผมก็ไม่เถียงหรอกว่ารักมัน แต่ก็อดคิดไม่ได้  ไอ้ภูมิเป็นยังไงก็รู้ๆกันอยู่ ตำนานได้แล้วทิ้ง ไม่จริงจัง แล้วมันจะทิ้งกูมั้ยเนี่ย
     



    “ร้องไห้ทำไม หื้ม” ผมสะดุ้งเพราะเสียงทุ้มๆที่ดังขึ้นใกล้ใบหู แรงกอดรัดจากข้างหลังทำให้ร่างกายที่ยืนตากความหนาวของลมทะเลอยู่นานรู้สึกอุ่นขึ้นมาทันที
     

    “ร้องไห้ ใครร้อง มั่วแล้วมึง”


    “แล้วน้ำตามาจากไหน” ผมลองเอามือจับแก้มตัวเอง คลำไปทั่วหน้า ก็ไม่มีอะไรชื้นๆแฉะๆนิ ได้ยินเสียงขำของไอ้คนที่มันกอดเอวผม แถมยังพาดคอมาหอมแก้มอีก ชักจะค้ากำไรเกินควรแล้วนะมึง


    “เชี่ย หลอกกู”


    “ก็กลัวมึงร้อง เสียใจหรอพีมที่เป็นของกู”
     

    ………………....”
     

    ………………....”


    “ภูมิ
    …..มึงจะทิ้งกูมั้ย”

    “กลัวกูฟันแล้วทิ้งหรอ หึหึ” แล้วมันก็หัวเราะไม่ลืมหูลืมตา

    “ขำหาพ่อง ก็มึงมีประวัติยาวเป็นหางว่าว” มันหยุดหัวเราะและเพิ่มแรงกอดผมแน่นมากขึ้น



    “มันอาจจะฟังดูเลว แต่มันคือความจริง กูไม่เคยมีอะไรกับใครเพราะรัก มึงจะเป็นคนแรกและคนเดียว” อาการหนักและหนาวในหัวใจของผมดูจะหายวับไปกับคำพูดของภูมิ คนใจง่ายอย่างผมไม่เรื่องมากหรอกแค่คำว่ารักเพียวๆมีกอดอุ่นๆเป็นมิกซ์เซอร์ก็พอแล้ว เฮ้อออ ทำไมผมต้องมาคิดมากด้วยวะเนี่ย ถึงจะถูกทิ้งกูไม่ท้องหรอก แต่ไม่ทิ้งดีกว่าเนอะ

    “เออ ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน”


    “กูทำได้อยู่แล้ว งั้นมาทำต่อนะ” ผมขมวดคิ้วงงๆกับคำพูดของมัน หันกลับไปมองไอ้ภูมิก็ทำตาวาวอยู่ มะ ไม่ นะ



    “เฮ้ยยย ไม่ เชี่ยยยยภูมิ ปล่อยกู๊ มะ อื้อออ” แล้วมันยังมีหน้ามาบอกว่าผมเป็นผู้ชายคนแรกของมัน มึงทำกับผู้ชายคนแรกของมึงแบบนี้หรอห๊ะ มึงก็เป็นผู้ชายคนแรกของกู แต่กูยังไม่ได้ทำมึงเลย
     



    โลกนี้ไม่ยุติธรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
     
     
     
     
    ตื่นเช้ามาผมรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งผ่านการแข่งขันไตรกีฬาบวกสงครามคูเสด ทั้งเมื่อยตัว ปวดตัวตั้งแต่หัวจดตีน เพราะเมื่อคืนผมกับไอ้คนที่มันกำลังนอนกอดผม เราทำวิจัยเกือบเช้าเลยครับ สู้ยิบตาเรียกว่าดับเครื่องชนเอาให้ตายกันไปข้าง ดุเดือดเลือดพล่านยิ่งกว่าองค์บากภาคสาม
     

    ผมทำใจไว้อาลัยให้กับร่างกายตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไอ้ภูมิที่นอนหลับพริ้มหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ฮึ่ย ผมอยากจะบีบจมูกโด่งๆนั้นที่เมื่อคืนดอมดมร่างกายผมจนแทบละลาย ปากบางๆสีชมพูที่ตีตราเป็นเจ้าของผมไปทุกส่วน
     

    ผมอยากฆ่ามันให้ตายคามือเผื่อจะหายแค้น หรือเอามีดมาปาดคอมันตอนหลับซะดีมั้ย แม่ง ไม่คิดจะออมมือซักนิด ระหว่างการทำวิจัยครั้งที่เท่าไรผมก็ลืมนับ ผมดันหน้ามันออกก่อนจะถามมันว่า ”มึงเป็นไอร่อนแมนหรอวะ” เพราะมันทนทานมาก ไม่มีเหนื่อย
     

    แต่ผมนี่สิจะตาย ต่อไปนี้ผมจะเรียกมันว่าไอ้ไอร่อนแมน ใส่ถ่าน ชาร์ตแบตแล้วสู้ต่อได้ คราวนี้มึงอาจจะชนะ แต่คราวหน้ากูจะประกาศศักดาดิ์โว้ยยยยยยย กูจะไปศึกษาวิชาให้แก่กล้า มึงเสร็จกูแน่ไอ้ภูมิ หึหึ หึหึหึ ฮ่าๆ ฮา แค่ก แค่ก สำลักน้ำลาย หัวเราะมากไปหน่อย

    “อ๊ะ”
     

    “มอร์นิ่งคิส” ผมตกใจที่ไอ้ไอร่อนแมนมันตื่นมาจูบผมแบบไม่ทันได้ตั้งตัว “ขำอะไรคนเดียว หรือเสียตัวจนเสียสติไปแล้ว” จูบเบาๆของมันมาพร้อมกับเสียงกวนตีนล้อเลียนดังขึ้นบนหัว ผมเงยหน้ามองไอ้ภูมิที่กำลังยิ้มหน้าบานเป็นจานบิน
     

    “ยังมีหน้ามาพูดนะมึง กูเป็นแบบนี้เพราะใครละ แม่ง กูมีแต่เสียกับเสีย”
     

    “เราจะได้หรือนายจะเสีย ตอนนี้ก็ถือว่าเราเป็นผัวเมียกันอยู่ดีนั่นแหละ”

    จบครับ ผมไปต่อไม่เป็นเลย สาดดดดดดดด พูดจาหมาๆ ใครเป็นเมียมึ้ง ผมปัดมือมันที่เริ่มไต่ไปตามหลังผมและเริ่มต่ำลงไปเรื่อยๆ จะทำวิจัยตอนเช้าอีกหรอวะ กูไม่ไหวแล้วนะเว้ยแค่นี้กูก็เห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสลับเหลืองแล้ว
     

    ผมจ้องมันด้วยตาดุๆแต่เชี่ยภูมิก็เอาแต่ขำ มีอะไรตลกวะ มันยกตัวมาคร่อมผมและก้มลงมาจูบ ตอนแรกผมก็ทั้งดิ้นทั้งถีบทั้งผลักมัน ตอนหลังแทบจะล็อคท้ายทอยมันติดมือ แต่มันก็ทำแค่จูบ จูบต้อนรับคำว่าเราและคำว่ารัก
     




    พวกผมอาบน้ำเสร็จ ก็ลงมาทานอาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ วันนี้ผมกับมันมีแพลนจะไปเที่ยวกันหลายที่ แต่เมื่อคืนไม่เจียมบอดี้ไงครับ ไม่ถนอมร่างกายเลยกู  แต่สุดท้ายไอ้ภูมิมันจะไปทุกที่ตามที่วางแผนไว้ ไอ้หมาภูมิมึงเคยคิดที่จะสงสารกูบ้างมั้ยห๊า
     

    จากที่ไม่เอารถมาสุดท้ายก็ต้องเช่ารถขับอยู่ดี  พวกผมเริ่มโปรแกรมแรกที่หมู่บ้านช้าง ไปให้อาหารช้าง แล้วก็ขี่ช้างด้วย อยากบอกว่ากูทรมานมาก แค่ลำพังจะเดินผมก็เจ็บ นี่มาขี่ช้าง ตอนนี้คำว่าระบมอาจจะฟังดูดีเกินไปสำหรับผม แต่ก็ทนได้ครับเพราะมีคนดูแลดี หึหึ น้ำท่า ผ้าเย็นไม่เคยขาด(ไม่ขาดเพราะมาเต็มผืน แป้ก) อย่างกับพี่เลี้ยงเข้าน้ำนักมวย เออดี เมื่อวานขี้ม้า วันนี้ขี่ช้าง คงได้โชคได้ลาภก้อนยักษ์
     

    จากนั้นก็ไปไหว้หลวงพ่อโต เห็นภูมิมันอธิฐานตั้งนานไม่รู้มันขออะไร ผมถามก็ไม่ตอบ บ่ายๆก็ไปกินข้าว ต่อด้วยไปเที่ยวสวนสัตว์(พาไอ้ภูมิกลับบ้าน ฮ่าๆ) ไปดูลิง ดูจระเข้ ญาติไอ้ภูมิ มันเป็น เหี้ย ฮ่าๆ ก่อนกลับผมก็แวะซื้อของฝากให้พวกพี่ๆที่ร้านกับพวกเพื่อนๆแต่ก็ซื้อไม่เยอะเพราะผมกลัวว่าจะถือกลับไม่ไหว
     

    ผมกับภูมิโบกมือลาทะเลหัวหินในเวลาสองทุ่มกว่า ขากลับเรานั่งรถทัวร์เพราะผมไม่สามารถนั่งรถไฟได้ เหอๆ พวกผมหมดสภาพมากครับ เหนื่อยสัด นั่งหลับเอาหัวซุกกันตลอดทาง
     

    มีเสียงเพลงรักเพราะๆจากไอพอดของผม ที่แบ่งหูฟังกันคนละข้าง กล่อมพวกเราให้หลับสบาย แต่ผมรู้สึก
    เหมือนจะไม่สบายเท่าไร เพราะเจ็บคอ แถมเมื่อยตัว คาดว่ากลับไปถึงบ้าน ไอ้เวรไข้ต้องมาเยี่ยมผมแน่นอน ฟันธง
     




    ทริปของเรา ทริปของผมกับภูมิ การมาเที่ยวด้วยกัน ทั้งสนุก ประทับใจแม้จะเจ็บตัว(เจ็บตรงไหนและเพราะใครคงไม่ต้องบอกนะครับ) กลับไปผมอาจจะไม่สบาย แต่มันก็คุ้มค่าที่ผมกับภูมิได้มาสร้างความทรงจำดีๆด้วยกัน
     




    การเดินทางมาเที่ยวหัวหินอาจจะจบลงแค่นี้ แต่การเดินทางชีวิตของผมกับภูมิยังอีกยาวไกล แต่ไม่ว่าทางเส้นนี้มันจะไกลสักแค่ไหน ผมก็พร้อมจะก้าวไปพร้อมๆกับภูมิ จะจับมือกัน ตราบใดที่มีมันก็จะมีผมอยู่ข้างๆเสมอ
     







    TBC >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
     
     

    ……………………………………………….
     
     

     
    ลงนิยายเสร็จตาลแทบจะเก็บกระเป๋าหนีตามตัวเองไปเที่ยว ชิชะ อิจฉาคนมีแฟน(หล่อ) แอร๊ยยยยยยยย ปล่อยภูมิกับพีมมันไป มาคุยเรื่องของเราดีกว่า อย่าสงสัยว่าอิชั้นใช้คำว่าเรากับใคร ใครที่หลงเข้ามาอ่านก็มาใช้คำว่าเราให้หมด ฮ่าๆ
     
     ตอนที่แล้วหลายคนเครียดกับคำว่ามาม่าของตาล อยากบอกว่า อย่าได้แคร์ อย่าได้เครียดคะ มันไม่มีอะไรหรืออาจจะมีบ้างคงนิดๆหน่อยๆพอกรุบกริบ? เพราะตาลไม่ถนัดทางนั้นอยู่แล้ว ถ้ารั่วๆไร้สาระก็ว่าไปอย่าง อิอิ ส่วนเรื่อง NC มันคืออะไรอ่ะคะ ไม่รู้จัก กร๊ากกกก อย่าว่าแต่เขียนเลยนะคะ ให้อ่านตาลยังไม่ค่อยกล้า มันเขินๆยังไงไม่รู้(ความจริง เขียนไม่เป็น ฮ่าๆ ได้เท่าที่เห็นนั่นแหละจ้า)
     
    ใครที่อยากอ่าน nc อาจจะต้องผิดหวัง เพราะนิยายเรื่องนี้คงไม่มีเอ็นซีแน่นอนอ่ะคะ คนอ่านคงต้องใช้จิตอันเป็นกุศลจิ้นเอาเองนะคะ อิย๊ะ วันนี้พล่ามมาก เพราะคิดถึง สุดท้ายขาดไม่ได้ ต้องขอบคุณทุกคนที่ชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ มีคนชมด้วย แอร๊ยยยยย(อาย ม้วนเข้าใต้เตียง) แต่ถ้ามีอะไรอยากแนะนำ อยากติก็บอกได้นะคะ เพราะตาลก็อยากจะปรับปรุงที่มันยังไม่ดีให้ดีๆกว่านี้เนอะ
    อ่อ มีอิมเมจหนุ่มๆมาให้ดูด้วย จริงๆเรื่องอิมเมจตาลไม่ซีเรียสนะคะ คนอ่านอาจจะมีภาพของแต่ละคนต่างกันไปเนอะ เอาเป็นว่าดูเล่นๆเป็นอาหารตาก็แล้วกันนะจ๊ะ ^__^






     





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×