คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #101 : มาแล้ว รุมได้เลยค่ะ
ตาลมารับผิดแล้วค่ะ จะไม่แก้ตัวหรืออะไรทั้งสิ้นนะคะ ยอมรับความผิดทุกกระทง(ยกเว้นเรื่องโกง)
T^T สำหรับการที่ไม่ออกมาแจ้งอะไรเลยและทำให้ทุกคนผิดหวัง เสียความรู้สึก รวมถึงเป็นห่วง และเดือดร้อนเพราะความไร้สาระปัญญาอ่อนเน่าหนอนของตาล
ตาลขอโทษจริงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น(ไม่ได้จะใช้คำเซเลบนะแต่คือขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ)
ขอโทษพี่ๆบอทที่ต้องพลอยเดือนร้อนไปด้วย อยากจะขอโทษจริงๆทั้งพี่ๆบอท และน้องๆที่ดูแลแฟนเพจ รวมถึงใครก็แล้วแต่ที่ออกมาพูดแทน พวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับความผิดไร้สาระปัญญาอ่อนเน่านอนของตาลทั้งสิ้นนะคะ
ตาลไม่ได้บอกใครเลยว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พวกเขาก็พยายามจะช่วย บอทไม่ได้รู้เรื่องอะไรจริงๆนะคะ เราสร้างเรื่องอยู่คนเดียวแล้วเหมือนบอทก็รับเต็มๆ (คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น) ขอโทษบอทจริงๆถ้าจะมีการเอาเรื่องหรืออะไรใดๆก็แล้วแต่ คนที่ผิดคือตาลคนเดียวค่ะบอทกับน้องที่ดูแลแฟนเพจเขาไม่รู้เรื่องจริงๆ
ขอโทษน้องๆที่เป็นห่วง
ขอโทษคนอ่านที่ทำให้เสียความรู้สึกกันหมด
ขอโทษที่ทำให้เรื่องมันบานปลายใหญ่โต
แต่มีเรื่องนึงที่จะชี้แจง อืม อธิบายดีกว่า “การโกง” เป็นสิ่งสุดท้ายที่คิดจะทำ คือแค่คิดว่าจะทำมัน ก็รู้สึกไม่ดีแล้ว (แม้การกระทำที่ไม่ออกมาแสดงตัวจะส่อไปในทางนั้นแต่ให้ตายเถอะ เราไม่เคยคิดจะโกงใครจริงๆ)
เงินก้อนแรกที่ตาลแตะคือตอนโอนค่ามัดจำให้กับโรงพิมพ์(มีค่าธรรมเนียมด้วย25บาท) นอกนั้น มันยังอยู่ดีมีสุข ตอนนี้ยังติดหนี้เพื่อนค่าบัตรคอนไปดูผู้ชายครั้งแรกในชีวิตอยู่เลยค่ะT^T
ตาลผิดที่หนีปัญหาและคิดว่าจะแก้ไขอะไรได้ภายในเวลาที่ตัวเองกำหนด แต่เรื่องจะโกงเอาเงิน คนอื่นมาเฉยๆนี่ไม่เคยคิดจะทำ ไม่เคยอยู่ในหัวสมอง เงินทองใครๆก็คงอยากได้แต่ว่าจะให้ไป โกงมันก็… จะพูดยังไงวะ คือ โกงอ่ะค่ะโกง มันเรื่องใหญ่อ่ะ โกงเสร็จแล้วจะไปไหน โกงเสร็จ แล้วจะทำอะไร เราไม่เคยคิดจะโกงเลยแล้วยิ่งโกงหนังสือที่ตัวเองเขียนมากับมือ มันก็….มัน ไม่ เกิด ขึ้น แน่ นอนค่ะ
เอาเป็นว่าถ้าคนอ่านท่านใดรู้สึกแย่กับเรื่องนี้แล้วไม่อยากได้หนังสือตาลยินดีคืนเงิน(หากท่านโทรมาภายใน10นาที) ไม่ใช่เนอะ อันนี้ไม่ได้ประชดหรืออะไรใดๆทั้งสิ้นนะคะ พูดจากความรู้สึกจริงๆ
ตาลอยากจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากการขาดความรับผิดชอบของตาลเอง แต่จะให้หนังสือ ฟรีก็คงไม่ไหว T^T ถ้ามีใครต้องการยกเลิกหนังสือ ก็แจ้งได้นะคะ ขอโทษจริงๆ(เป็นคนเขียนที่พูดคำนี้บ่อยเหลือเกิน) ตอนนี้ตาลยังไม่ได้อ่านคอมเม้นหรือกระทู้ใดๆที่พูดถึงเรื่องนี้แต่รับรู้ค่ะ ไว้
ส่งหนังสือเสร็จแล้วใจกล้าพอเมื่อไรจะเข้าไปขอโทษในนั้นนะคะหนังสือสามเล่มเสร็จไปก่อนที่จะปิดโอนประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่เล่มที่4ตาลมาตัดสินใจเอาตอนต้นตุลาว่าจะเพิ่มตอนพิเศษเข้าไปอีกสองตอนจากห้าเป็นเจ็ด คิดว่าคงทันแน่ๆ แต่มันก็ไม่ทัน พอไม่ทันจิตก็แตก เอ๋อไปเลย กลัวนั่นกลัวนี่ไปหมด กลัวคนจะด่าทั้งที่เลยกำหนด
วันมาแล้ว (ซึ่งคงสมใจอยากอิตาลแล้วตอนนี้) ตาลไม่เข้าเฟชไม่เข้าเว็ปไหนเลย เพื่อนก็บอกว่า ให้ไปแจ้งเขาก่อนบอกว่าอาจจะเสร็จไม่ทัน ตาลก็มั่นใจว่าทันแน่ๆ ไม่เข้าไม่ดูไม่เอาอะไรเลยจริงๆก็คงไม่มีใครด่าแต่เหมือนคิดไปเองว่าจะต้องมี ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่มีก็ไม่รู้ว่าเป็นติ่งอะไร เป็นบ้าอะไร ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองทำเวลามีปัญหา
สุดท้ายก็ไม่ทันนั่งดูกล่องพัสดุกับกันกระแทกแล้วแหกปากร้อง ใครๆก็บอกว่าปัญหามันเล็กนิด เดียวแค่ไปแจ้งเขาว่าเรายังไม่ตายยังมีลมหายใจอยู่แค่อาจจะส่งช้ากว่ากำหนดแต่………. ตาลก็คิดว่าถ้าเสร็จแล้วค่อยบอกหรือหนังสือไปถึงมือเขาแล้วเราก็จะออกมาขอโทษ อย่างมากมันก็ไม่ เกินสามวันเขาจะได้เห็นว่าส่งหนังสือแล้วจริงๆจนล่วงเลยมาถึงวันนี้
ขอโทษอีกครั้งนะคะ
เห็นบอกว่าจะมีการฟ้องร้องแจ้งความ อืม จริงๆตาลไม่ได้มีปัญหาอะไรตรงนั้นถ้าคนอ่านอยากจะ ทำเพื่อให้เกิดความสบายใจ ก็ยินดีนะคะ(แต่ช่วยมาขนหนังสือที่เหลือไปสิงงานฟิคครั้งหน้าด้วยนะตัวT^T)
เข้าใจความรู้สึกตอนนี้จริงๆ หรือคนที่นัดรับแล้วรู้สึกว่าไม่อยากมาเจอหน้าอินี่แล้ว ก็เปลี่ยนเป็น รับทางไปรษณีย์ได้นะคะ(เพิ่มเงินไหมคะพี่ อ่อไม่เป็นไรจ๊ะน้อง) หรือใครที่อยากจะมาดูหน้าว่ามันหน้าตายังไงอีที่ทำให้คนเขาวุ่นวายไปทั่วก็มาได้ค่ะ(แต่ไม่เลี้ยงข้าวนะคะค่ารถก็ไม่จ่ายให้หรอก
>_<)
มีคนแซวว่าคราวนี้ดังเลยนะมึง
อืม ดังจริงๆ
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ตาลคือคนผิดแค่คนเดียวนะคะ ขอโทษสำหรับความรู้สึกที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ทุกคนเสียไป จะด่า ว่า ได้ทุกอย่างค่ะ (ยกเว้นด่าว่าโกง เค้าไม่โกงจริงๆ) จะด่าอีนก ช้า งี่เงา กทม ก็ด่าได้ค่ะ
ขอโทษอีกครั้ง ขอโทษจริงๆค่ะ
…ทะเลหัวใจ…
นี่คือลิ้งอัพเดทรายชื่อและที่อยู่ล่าสุด สุดท้ายนะคะ ถ้าของใครไม่ตรงหรือจะเปลี่ยนก็แจ้งที่ VRkristarn@hotmail.com
ETarn Voy อันนี้เฟชค่ะตามไปประหารตาลได้ T^T
ส่วนด้านล่างนี้คือ
ตอนพิเศษ เบียร์โตเกียว
สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า…..ความรู้สึกดีๆ
(เบียร์มึงอยู่ไหนวะกูรอนานเป็นชาติแล้วนะ)
“เออๆกูกำลังจะออกจากลิฟต์แล้วมึงอยู่ตรงไหน”
(หน้าคณะ มึงเร็วๆเลยก่อนที่กูจะถูกผู้หญิงคณะมึงหิ้ว)
“หึหึ โอเคๆกูเห็นมึงแล้ว” ผมกดวางสายเมื่อมองเห็นเพื่อนซี้ยืนหน้าบึ้งจิบเป็บซี่กระป๋องพิงเมอซีเดสคันงาม มีสาวๆหลายคนกำลังจ้องมันจนแทบจะพรุน ผมโบกมือลาเพื่อนร่วมคลาสแล้วรีบเดินเข้าไปหาภูมิ มันโยนกุญแจรถมาให้ก่อนจะเข้าไปนั่งฝั่งข้างคนขับ ผมยักไหล่ ขึ้นไปประจำที่คนขับเพราะตอนที่ภูมิมันอารมณ์ไม่ดีการที่ผมจะเป็นคนรถก็ถือเป็นเรื่องที่ถูกแล้วครับ
“อารมณ์เสียอะไรมาวะหรืองอนไอ้พีมแล้วมันไม่ง้อ”ผมถามเพื่อนที่นั่งหน้าบูดหน้าบึ้งไม่พูดไม่จา ช่วงนี้เป็นเวลาเลิกงาน เลิกเรียนรถก็เลยค่อนข้างติด คนที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วอย่างภูมิก็ดูจะยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก ผมเลยชวนมันคุยระหว่างที่รถเราติดแหงกอยู่แถวๆหน้ามหาลัย
“อย่ามารู้ดีกูแค่เครียดเรื่องสอบ”
“เหรอ หึหึ” มันหันมามองหน้าไม่พอใจที่ผมหัวเราะเหมือนรู้ทัน แล้วเราก็เงียบไปเพราะผมต้องใช้สมาธิขับรถ
“เบียร์”
“อะไร”
“มึงไปจีบไอ้คลื่นหน่อยดิ”
“สัด!!!!!พูดไรวะ” ผมเหยียบเบรกจนหัวทิ่มรถคันข้างหลังถึงกับบีบแตรยาว ป่านนี้เขาคงด่าต้นตระกูลผมไม่เหลือชิ้นดีแล้วล่ะ ไอ้ภูมิมันเอาอะไรคิดวะอยู่ๆบอกผมให้ไปจีบไอ้คลื่นเนี่ยนะ แค่คิดก็ขนลุกแล้วถ้าคนที่กระดกเป๊บซี่คือผมละก็คงได้พ่นน้ำใส่รถสวยๆของไอ้ภูมิแล้วล่ะ
“กูเบื่อ แม่งชอบมาเจ๊าะแจ๊ะไอ้เตี้ยไม่เลิกไม่ลาซักที คนก็มีเป็นล้านเสือกมาชอบแฟนกู แม่ง”
“ก็ไหนมึงบอกว่าอนุญาตให้มันเป็นเพื่อนกันได้ไง”
“เฮอะมึงคิดว่ากูจะพระเอกขนาดนั้นเหรอ กูแค่พูดให้ไอ้พีมสบายใจไปงั้น ไอ้เตี้ยนั่นก็ไม่รู้อะไรเลยว่ากูหึงจนจะฆ่ามันได้ทั้งคู่อยู่แล้ว” ภูมิถอนหายใจหนักๆเหมือนจะระบายอามรมณ์หงุดหงิด
“ใจเย็นๆน่า ก็ไอ้พีมมันน่ารักใครๆก็ชอบ กูยังชอบเลยไม่เห็นจะแปลก”พอผมพูดจบภูมิก็หันขวับมาจ้องหน้าผมเขม็งทันที
“ตกลงมึงอยากจะมีเรื่องกับกูใช่ไหม”
“หึหึ” ถ้าเป็นเรื่องไอ้พีมภูมิจะยุขึ้นง่ายมากครับแม้แต่กับผมมันก็ไม่เว้น
ที่ภูมิมารับผมถึงคณะวันนี้ก็เพราะเราจะไปซื้อของขวัญให้พี่โอ๊ตกันครับ แล้วทำไมต้องเป็นผมก็เพราะว่าวันนี้ไม่มีใครว่างเลย ไอ้พีมก็ไปดูงานกับเพื่อนที่หอศิลป์ ส่วนไอ้ฟ่างเห็นภูมิบอกว่าเร่งปั่นโปรเจคส่ง มันกินนอนอยู่ที่คณะไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะด่าไอ้แทน
เห็นภาพเลยใช่ไหมครับถึงขั้นที่ว่าด่าไอ้แทนไม่ได้นี่แสดงว่าต้องยุ่งมากจริงๆ หึหึ และจากการที่ได้เป็นเพื่อนพวกมันทำให้รู้ว่าเด็กสถาปัตย์เด็กศิลปกรรมงานเยอะมากครับ
บางทีผมยังทึ่งกับสิ่งที่พวกมันเรียนเลย ทั้งไอ้พีมไอ้ฟ่างไอ้คิว แม้บางครั้งพวกมันจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง และหลายๆครั้งที่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบความคิดของพวกมันซักเท่าไรแต่เอาเป็นว่าพวกมันเก่งและเจ๋งมาก
ผมกับภูมิขับรถฝ่าการจราจรที่แน่นขนัดมาถึงที่นี่ได้ก็ปาไปทุ่มนึงแล้ว ภูมิบอกว่าหิวข้าวเราเลยไปหาอะไรกินก่อนค่อยไปเดินเลือกของขวัญให้พี่โอ๊ต ภูมิเป็นคนไม่ค่อยพูดถ้าเราอยู่รวมกันเป็นกลุ่มจะสังเกตว่ามันจะเป็นคนที่พูดน้อยที่สุด ก็นะในกลุ่มมีทั้งไอ้ปันไอ้มิคไอ้คิวตัวท็อปทั้งนั้น แล้วใครจะไปแย่งพวกมันได้แต่เวลาอยู่กับผมภูมิมันก็พูดเยอะนะ
อย่างตอนนี้มันก็บ่นเรื่องข้าวฟ่างไม่ยอมให้ยืมรถ บ่นว่าพีมชอบเถียง และบ่นว่าผมไม่สนใจ ผมว่ามันพาลมากกว่านะข้อสุดท้ายน่ะ เพราะช่วงนี้ผมกำลังยุ่งๆเรื่องสอบชิงทุนไปเรียนต่อก็เลยไม่มีเวลาไปหามันที่คอนโดเท่าไร ไอ้คนที่เคยได้รับความสนใจแล้วไม่ได้มันก็เลยพาลไงครับ
หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็ไปเดินดูของกัน ภูมิบอกว่าอยากดูนาฬิกาไม่ก็กระเป๋าตังค์ แต่ผมว่ามันไม่เหมาะกับพี่โอ๊ตเท่าไร เพราะพี่เขาอยู่ในป่า ทำงานลุยๆคงไม่ได้ใส่ใจกับอะไรแบบนี้มาก อีกอย่างผมว่าของขวัญพวกนี้พี่โอ๊ตก็คงได้ทุกปีอยู่แล้วก็เลยบอกไอ้ภูมิให้ลองหาของใหม่ๆดีกว่า
“งั้นมึงก็ช่วยกูคิดสิ แต่ถึงกูจะซื้ออะไรให้โอ๊ตก็ต้องชอบ” ภูมิบอกผมแต่ตามันกำลังจิ้มส่งไลน์หาใครบางคน ก็แน่สิน้องชายคนโปรดซื้อให้ทำไมพี่โอ๊ตจะไม่ชอบ
“พี่โอ๊ตชอบถ่ายรูปไม่ใช่เหรอทำไมไม่ซื้อพวกกล้องพวกเลนส์ล่ะ มึงก็เซียนกล้องอยู่แล้วนี่” ภูมิทำหน้าคิดแล้วพยักหน้าเห็นด้วย มันเก็บไอโฟนยัดลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะกอดคอผมเดินเข้าร้านกล้อง
เราดูของอยู่ซักพักผมก็ปล่อยให้ภูมิมันเลือกเองเพราะผมก็ไม่ได้มีความรู้ด้านนี้ซักเท่าไร พอมันได้ของที่ถูกใจและรอพนักงานเช็คอุปกรณ์ต่างๆ ผมเลยออกมายืนรอมันหน้าร้านและระหว่างที่ผมกำลังมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย สายตาก็บังเอิญหันไปสะดุดกับเด็กตัวขาวๆในชุดนักเรียนที่แสนคุ้นตาเดินหอบของพะรุงพะรังมองซ้ายมองขวาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“โตเกียว” ผมเผลอเรียกชื่อน้องออกมาเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปหาและเรียกเด็กน่ารักไว้ “น้องโตเกียว โตเกียวครับ”
“พี่ชายยยยย!!!! หื้ออออ พี่ชาย พี่ชายจริงๆด้วย”พอหันมาเจอผมน้องรีบวิ่งเข้ามาหาผมเหมือนเด็กหลงทางที่ได้เจอผู้ปกครองเลย
“เป็นอะไรครับร้องไห้ทำไม แล้วทำไมถึงมาเดินคนเดียวเพื่อนๆไปไหน” ผมรัวคำถามใส่น้องที่ตอนนี้เกาะชายเสื้อนักศึกษาของผมแน่น ตาโตๆนั่นมองผมไม่กระพริบเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป
“โตเกียวมาเรียนพิเศษ แล้วพักเบรคโตเกียวไปซื้อโดนัทกับป่านโตเกียวฝากกระเป๋าตังค์ไว้กับป่านพอแยกกันโตเกียวก็ลืม แล้วโทรศัพท์ก็แบตหมดโตเกียวกลับบ้านไม่ได้แต่ตอนนี้เจอพี่ชายแล้ว” พอได้ฟังเหตุผลผมก็รู้สึกทั้งเอ็นดูทั้งสงสารน้อง
“แล้วถ้าไม่เจอพี่จะทำยังไง หื้ม คราวหลังต้องรอบคอบกว่านี้รู้ไหม”ใบหน้าเล็กๆส่ายไปมาพลางเบะปากเมื่อตอบคำถามผมไม่ได้ ผมบีบแก้มใสๆนั่นไปทีก่อนจะช่วยน้องถือของแล้วพาเดินกลับมาที่ร้านกล้อง ภูมิก็เดินออกมาพอดี ไอ้ภูมิเลิกคิ้วมองหน้าผมสลับกับโตเกียวอย่างแปลกใจมันส่งสายตามาแทนคำถาม
“น้องหลงกับเพื่อนน่ะกูเลยว่าจะพาไปส่งบ้าน”
“พี่ภูมิสวัสดีฮะ” โตเกียวดูตื่นๆภูมิแต่น้องก็รีบยกมือไหว้แล้วขยับมายืนใกล้ๆผมจนเกือบจะถูกผมบังทั้งตัว ผมพอจะรู้ว่าน้องโตเกียวไม่ชอบคนเยอะ และน้องก็ค่อนข้างจะขี้ตกใจอะไรนิดๆหน่อยๆก็สะดุ้ง แต่กับภูมิผมก็ไม่รู้ว่าทำไมน้องถึงดูเกร็งๆ หรืออาจจะเป็นเพราะหน้ามันนิ่งๆดูเย็นชาละมั้งโตเกียวเลยกลัว
“หวัดดีครับ” ภูมิยิ้มรับแทนการรับไหว้ แม้จะเป็นแค่รอยยิ้มบางๆแต่มันก็น่าจะดูอ่อนโยนเป็นกันเองสำหรับโตเกียวนะผมว่า หวังว่าน้องคงจะเลิกกลัวภูมิซะที
ตอนแรกภูมิบอกผมว่าไม่ค่อยชอบโตเกียวเท่าไรเพราะกลัวผมจะไปสนใจโตเกียวมากกว่า หึ ดูมันสิแล้วทีมันไปสนใจแต่ไอ้พีมล่ะ แต่ผมก็ไม่เคยน้อยใจอะไรหรอกมันก็ออกจะแปลกๆนะครับ ถ้าเพื่อนผู้ชายจะโกรธกันด้วยเรื่องแบบนี้แต่ยกเว้นภูมิไว้ซักคนรายนี้เขาต้องเป็นที่1 ไม่ว่ากรณีใดๆ
“เป็นไงของโอเคไหม”
“ก็สมราคา ซื้อของให้โอ๊ตทีกูตัวเบาเลย”
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลยแค่นี้ไรขนมึงไม่ร่วงหรอก แล้วจะกลับเลยไหมหรือจะไปไหนต่อ” ภูมิยักไหล่มองผมนิ่งก่อนจะแสยะยิ้มแบบที่มันทำบ่อยๆ บางครั้งรอยยิ้มล้อเลียนของเพื่อนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกคันยิบๆที่หน้าแข้งได้เหมือนกันว่าไหมครับ
“คงกลับเลยเพราะต้องไปรับไอ้เตี้ยที่หอศิลป์แล้วมึงจะไปส่งน้องเค้ายังไงเอารถกูไปไหมเดี๋ยวกูนั่งแท็กซี่ไปหาไอ้พีมก็ได้”
“ไม่เป็นไรมึงไปรับสุดที่รักมึงเถอะ กูจะนั่งแท็กซี่ไปส่งโตเกียวแล้วเดี๋ยวกูนั่งรอมึงที่ร้านไอ้พีมนะวันนี้มึงไปค้างบ้านมันใช่ไหม”
“เออ เอางั้นก็ได้งั้นแยกกันตรงนี้แล้วกันไปส่งน้องเขาดีๆล่ะอย่าพาไปแวะที่ไหนเดี๋ยวผู้ปกครองเด็กจะเป็นห่วง หึหึ พี่ไปนะครับ” มันสั่งผมและหันไปบอกลาโตเกียว น้องก็รีบไหว้อีกรอบ ก่อนไปไอ้ภูมิมันยังจะยิ้มกวนส้นเท้าผมอีก ผมส่ายหน้าให้ไอ้คนที่เพิ่งเดินหันหลังไปเมื่อกี้
ก็ยังดีที่เป็นภูมิเพราะมันไม่เอาไปพูดต่อแน่นอน ถึงแม้ว่าผมจะบริสุทธิ์ใจแม้ว่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่มาเจอน้องโตเกียวที่นี่ แต่ใครๆก็รู้ว่าไอ้พวกเพื่อนๆมันสร้างประเด็นชงน้องให้ผมแค่ไหน ภูมิเป็นคนที่รู้เรื่องของผมมากที่สุด แต่ไม่ว่ามันจะรู้จะเห็นเรื่องอะไรของใครก็ตาม ภูมิก็ไม่เคยเอาไปพูดต่อ จะว่าภูมิเป็นคนที่เก็บความลับเก่งหรือจะบอกว่าเป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นก็ได้ แต่ถ้าเป็นพวกไอ้คิวไอ้พีมละก็ผมคงไม่รู้จะหาทางออกให้ชีวิตยังไง แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้ผมต้องเป็นผู้ปกครองจำเป็นให้เด็กหลงทางซะหน่อย
“ว่าไงเรา ยืนเงียบเลย จะกลับบ้านเลยไหมหรือว่าจะกินอะไรก่อน โตเกียวหิวข้าวรึเปล่าครับ” น้องส่ายหน้าและรีบยิ้มน่ารักๆให้
“โตเกียวยังไม่หิวเพราะวันนี้พี่ติวเตอร์ให้พักนานโตเกียวเลยลงมากินโดนัทกับป่าน แล้วพี่ชายหิวไหม”
“พี่ก็เพิ่งกินกับพี่ภูมิไปเมื่อกี้เอง งั้นเรากลับบ้านกันเลยนะ”
“ฮะ”
“งั้นก็โทรบอกคุณแม่นะว่าพี่กำลังจะไปส่งที่บ้าน คุณแม่จะได้ไม่เป็นห่วง” ผมยื่นโทรศัพท์ให้โตเกียวโทรหาแม่ และดันแผ่นหลังเล็กๆที่เล็กกว่าผมหลายเท่าตัวให้เดินย้อนกลับทางเดิม โตเกียวยิ้มเอาใจผมซะยกใหญ่เพราะผมเคยบอกว่าชอบลักยิ้มเล็กๆใต้มุมปากของน้อง เวลาอยู่กับผมโตเกียวก็เลยยิ้มเยอะเป็นพิเศษ
น่ารักเนอะ
……………………………
นี่คือเหตุผลที่ช้า(โทษคุณเบียร์ซะงั้น) ยังไงก็เจอกันต่อในเล่มนะคะ
ตอนพิเศษ ปันองุ่น
Diary
“องุ่นแกยังไม่เลิกชอบไอ้เด็กนั่นอีกเหรอห๊ะ”
“เด็กไหน ทรายหมายถึงใคร ปันน่ะเหรอ”
“ก็จะมีใครซะอีกหรือแกชอบคนอื่นนอกจากไอ้เด็กรัฐศาสตร์ติงต๊องนั่นน่ะ”
“ปันปันไม่ได้ติงต๊องนะทรายอย่าพูดถึงปันแบบนั้นสิ” องุ่นไม่ค่อยชอบใจเท่าไรเลยเวลาที่ทรายพูดถึงปันโดยไม่ให้เกียรติ ถึงปันจะเป็นรุ่นน้องและเด็กว่าพวกเราก็เถอะ แต่มันก็น่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอถ้าเราจะพูดถึงคนอื่นในทางที่ดี
“โอ้ยยยยยกูจะบ้าตายองุ่นนนน องุ่นจ๋าจ๊ะของทรายฉันบอกแกแล้วใช่ป่ะว่าแกอ่ะหน้าตาน่ารักมากกกปากนิดจมูกหน่อยตาโตๆแบ๊วๆ นิสัยก็น่ารักน่าทะนุถนอม ผู้หญิงเห็นก็เอ็นดูผู้ชายเห็นยังอยากเอาแกทำเมีย เกย์ตุ๊ดแต๋วทอมดี้ก็ชอบแกทั้งนั้นแล้วทำไม๊ทำไมแกถึงต้องไปเสียเวลาตื้อไอ้ เอ่อ น้องปันปันนั่นด้วยวะ”
“ก็เราชอบปันเราก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงชอบแต่ปันเป็นคนดีนะทรายใครๆก็ชอบปันอยู่กับปันแล้วมีความสุข” องุ่นชอบเล่าเรื่องปันให้ทรายฟังบ่อยๆแต่ทรายก็ดูจะไม่ค่อยปลื้มปันเท่าไร องุ่นไม่สบายใจเลยที่เพื่อนสนิทขององุ่นจะแอนตี้คนที่องุ่นชอบ องุ่นจะทำยังไงดี
“แกชอบมัน แล้วมันชอบแกไหม”
“เรา เราก็ไม่รู้” องุ่นได้แต่ก้มหน้าหลบตาทราย คำถามของทรายมันตอบได้ง่ายมาก แต่องุ่นเป็นคนไม่เอาไหน องุ่นนิสัยไม่ดีเลย องุ่นเป็นคนที่ชอบหลอกตัวเอง ชอบให้ความหวังตัวเอง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าปันไม่ได้คิดอะไรด้วย แต่องุ่นก็ยังจะหลอกตัวเองว่าองุ่นไม่รู้
……………………….
“องุ่นมองไอ้หมอนั่นนานเกินไปแล้วนะ” อยู่ๆปันก็เอาตะเกียบมาจิ้มแก้มองุ่น หื้ออปันอ่ะตะเกียบใช้แล้วไม่ใช่เหรอ ได้กลิ่นโชยุด้วย >o<
“องุ่นชอบผู้ชายองุ่นเป็นเกย์นะปัน ถ้าจะมองผู้ชายก็ไม่แปลกนี่”
“อื้อหือออ ตรงมากแล้วทำไมต้องมองมันขนาดนั้นด้วย” สีหน้าปันดูไม่ค่อยพอใจเท่าไรหรือว่าปันจะหึง
“ปันหึงเหรอ ดีใจจังแต่ไม่ต้องหึงนะองุ่นไม่ได้ชอบ แค่รู้สึกว่าน้องคนนั้นหน้าคุ้นๆน่ะเหมือนจะเป็นดาราเลย หล่อดีนะปัน”
“แบบนั้นเหรอหล่อองุ่นสายตาเอียงป่ะเนี่ย” ปันน่ะขี้แกล้งอะไรที่องุ่นว่าดีปันก็จะบอกว่าไม่ชอบ แต่ถ้าอะไรที่องุ่นไม่ชอบปันก็จะบอกว่ามันดีมากๆพอองุ่นงอนปันก็จะหัวเราะ นิสัยไม่ดีเลย
“องุ่นสายตาดีนะแล้วที่บอกว่าหล่อก็เพราะน้องเขาหน้าคล้ายๆปันเลย แต่ปันหล่อกว่าเยอะ”
“อั้ยย๊ะปากหวานพูดจาถูกใจเดี๋ยวพาไปกราบแม่”
“เค้าพร้อมเสมออออออออื้อออ” ปันโน้มตัวมาหยิกแก้มองุ่นแล้วดึงให้ยืดออก มันเจ็บนะ ปันอ่าองุ่นเจ็บ เจ็บๆๆๆชอบแกล้งองุ่นแบบนี้อยู่เรื่อย
…………………………
สะใจรึยังงงงงงงงงงงงงงงงงกับสิ่งที่เรียกร้อง พอใจแล้วใช่ม้อยยยย สวยต้องแลกมาด้วยเวลาที่จะไปสวีทกับพี่คริสสามีรักเชียวนะ ชริส์
ภูมิพีม
“มึงๆๆสิบนาฬิกาๆกูว่าสาวโต๊ะนั่นเหล่ไอ้แทนว่ะ” ไอ้เชนกระซิบบอก พวกผมก็เลยทำตัวเนียนๆแอบชำเลืองไปตามทิศทาง ก็เจอะสาวสวยเต็มโต๊ะเลย ว้าวววววววแจ่มจะแดมแจ่มว้าว ไอ้แทนมันก็หันไปมองก่อนจะก้มหัวให้นิดๆเหมือนทักทาย สาวๆเขาก็ยิ้มตอบ โอเครู้เรื่องสาวโต๊ะนั้นใฝ่ไอ้แทนจริงๆด้วย
“ลองไปคุยดิแทนกูอยากได้คนที่ผมยาวๆว่ะ” เชี่ยยยยยยเชนนนนนนน กูก็นึกว่าแม่งจะมีเหตุผลดีกว่านี้ที่แท้มันหวังผลนี่เอง
“ไม่ได้เลยยยย ไม่ได้เลยนะมึงไอ้เชนกูชักจะสงสัยแล้วนะว่าแม่งเป็นโรคปะวะ” ไอ้เชนมันก็แค่ยิ้มๆขำๆที่ถูกไอ้คิวปรามาส
“ไปคุยดิ ขอเบอร์เลย” ไอ้เบียร์ยังยุคิดดูครับ ยุไปก็เหลือบมองไอ้ฟ่างไปหัวพวกผมจะหลุดจากบ่าตอนไหนยังไม่รู้เลย
“มึงไม่ต้องมาเสี้ยมเลยไอ้เบียร์ มึงเห็นเมียกูไหม เมียกูนั่งหัวโด่อยู่ไอ้ห่าเดี๋ยวก็ตายแบบไม่ได้ตั้งตัว” ด่าไอ้เบียร์เสร็จไอ้แทนก็หันไปยิ้มหวานให้ไอ้ฟ่างอย่างประจบสอพลอ
“ก็ลองดูหน่อยสิว่าน้ำหน้าอย่างมึงจะจีบเขาติดไหม” แร๊วงงงงงงงงง ไอ้ฟ่างนั่งเท้าคางลูบหัวไอ้แทนด้วยรอยยิ้มที่โคตรกวนตีน ไอ้ภูมิเลยก้มมากระซิบผมว่าเดี๋ยวได้ดูคนอาละวาดเพราะปากตัวเอง
“น้ำใจเมียหลวงช่างยิ่งใหญ่นักข้าน้อยขอคาราวะ” ไอ้ปันแลดูจะอิน แม่งเป็นเหี้ยไรกับหนังจีนกำลังภายในมากไหมมึงน่ะ
“ไปเลยเฮียแทน แสดงให้เฮียฟ่างเห็นฝีมือเลย สู้ๆนะเต้ยจะโทรแจ้งร่วมกตัญญูให้ โชคดีเฮีย”
และแล้วด้วยแรงยุและนึกสนุกไอ้แทนกับไอ้ภูมิก็เสนอหน้าไปทำความรู้จักสาวๆกลุ่มนั้น ไอ้แทนน่ะไปเพราะแรงยุแต่ไอ้ภูมิโดนผมถีบไป ก็ผมไม่เคยเห็นมันจีบสาวนี่หว่าอยากรู้เหมือนกันว่าคารมมันเป็นยังไงจะต่างจากที่เคยใช้กับผมรึเปล่า
แต่ไอ้แทนแม่งโคตรตลกชิบหาย มันดูหลอนๆยังไงก็ไม่รู้ เดินได้ก้าวเดียวก็หันกลับมามองไอ้ฟ่างตลอด ผมเห็นไอ้ฟ่างกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง รวมถึงพวกผมก็อดหัวเราะท่าทางเด๋อๆของมันไม่ได้ จากเสือผู้หญิงจีบดะ ฟันไม่เลือก แต่ตอนนี้แค่ให้ไปขอเบอร์สาวยังสั่นคงเพราะไอ้ฟ่างมั้งไอ้แทนถึงได้มีท่าทางอุบาทแบบนั้น
“เฮ้ย ป๊อดหรอวะ ชอบก็ขอเบอร์เลยดิ๊” ไอ้ฟ่างตะโกนแซว สาวๆกลุ่มนั้นก็ดูเขินๆแต่ก็ยังมีเสียงกรี๊ดกร้าดออกมาเมื่อไอ้แทนกับไอ้ภูมินั่งลงที่โต๊ะของพวกเธอ
“จำไว้เลยพวกมึง” ไอ้ภูมิหันมาคาดโทษพี่ชายมัน แถมยังเผื่อให้ผมด้วยมันสองตัวก็ทำเนียนนั่งกับสาวๆกลุ่มนั้น ห้านาทีผ่านไปเหมือนจะแนะนำตัวทำความรู้จัก สิบนาทีผ่านไปเริ่มมีเสียงหัวเราะ
ไปๆมาๆไอ้ฟ่างก็หงุดหงิดซะเองมันเริ่มกำกระดาษ ขยำขวดน้ำ แล้วก็กัดฟันกรอดเมื่อเจอภาพบาดตาเพราะว่าไอ้แทนดูระริกระรี้คุยกับสาวสวยอย่างสนิทสนม
หึ สมน้ำหน้า !!!!! ไม่ได้สมน้ำหน้าไอ้ฟ่างนะสมน้ำกูเองนี่แหละครับ ก็สาวน้อยคนนั้นจับผมไอ้ภูมิด้วยไงเหมือนเธอจะหยิบเศษดินเศษหญ้าออกให้ คือกูไม่เข้าใจก่อนไปยังไม่มีอะไรหล่นไปโดนผมมันซักเส้น แอบแต๊ะอั๋งไอ้ภูมิอ่ะดิ แม่งๆๆๆๆๆๆอย่ามาจับผมแฟนกูนะเฟ้ยยยย
“แล้วถ้าเกิดไอ้แทนมันชอบผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาจริงๆมึงจะทำไงวะฟ่าง” ไอ้เบียร์ถาม
“ตอน!!!!!!!!!” อูยยย แทนเอ้ยกูเสียวแทนมึงจริงๆ
“เอ้าตาย ตาย ต่อหน้าฉันเธอทำอย่างนั้นได้อย่างไรหา กร้ากกก สร้างความร้าวฉานคืองานของกูรึเปล่า” ไอ้คิวมันโยกตัวไปมาเพื่อล้อเลียนผมกับไอ้ฟ่าง อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะมึงกูจะจับไอ้เต้ยไปสังเวยหนุ่มคณะแพทย์เลยคอยดู
“เขาขอเบอร์กันด้วยว่ะ” ไอ้ปัน
“หัวชนกันแล้วเฮีย” ไอ้เต้ย
“ดูไปดูมามันก็เหมาะสมกันดีนะ” ไอ้เชน
“สามวิ!!!!!!!!!!” ไอ้ฟ่างไม่ได้ด่าไอ้พวกนกกระจิบนกกระจอก แต่มันแค่พูดคำว่าสามวิ เสียงไม่ดังมากแต่เชื่อไหมครับกูนึกว่าไอ้แทนวาปได้ แม่งเป็นลิงลมรึเปล่าวะเพราะตอนนี้มันมานั่งทำหน้าตอแหลอยู่ข้างไอ้ฟ่างแล้วเรียบร้อย
ส่วนภูมิก็เดินตามหลังไอ้แทนมา มันผลักหัวผมเบาๆแล้วนั่งลงข้างๆก่อนจะดึงมือผมไปกุมไว้ เขาเรียกว่า สเต็ปของภูมิ เนียนอย่างมีชั้นเชิง เชิงว่าลวนลามกูทุกครั้งที่มีโอกาส
“ไงพี่แทนพี่ภูมิ สาวๆว่าไงบ้าง ตกลงว่าสาวคณะอะไรแล้วได้เบอร์ไหมพี่” ไอ้แมทมึงนี่สมกับเป็นศิษย์เอกของไอ้เชนจริงๆ
“สาวอินเตอร์เว้ยอย่าว่าแต่เบอร์โทรเลย ถ้ากูอยู่นานกว่านี้นะได้แม้กระทั่งไซด์เสื้อใน” ไอ้แทนคุยโวโม้ซะหน้าระรื่นโดยมันคงลืมไปว่า….
“เหรอ”
“ผมพูดเล่นค้าบบบบบบบบบบบบ” กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไอ้สัดกูนึกว่าแน่ แค่เหรอ คำว่าเหรอสั้นๆของไอ้ฟ่างทำเอาไอ้แทนถึงกับกราบลงบนอก โถ่ไอ้คนไม่กลัวเมีย
………………………………
ขอโทษอีกครั้งสำหรับทุกสิ่งอย่างนะคะ
คิดถึงและ………….ขอตัวไปกินข้าวกับพี่คริสกับน้องฮุนก่อนนะคะ
ปล เราไม่ได้หอบเสื้อผ้าหนีตามผู้ชายที่ไหนทั้งนั้นค่ะ ไม่ได้เดินทางไปไหนเลย เพราะพี่คริสเป็นฝ่ายบินมาหาตลอดไม่ขาด
ความคิดเห็น