คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Into [l o a d i n g 1 0 0%]
Be careful! กู...D A N G E R O U S ! ! ★
I N T R O
V e n I c e, Italy
เมืองแห่งสายน้ำ
เมืองแห่งสะพาน
และเมืองแห่งการหลอกลวงที่ผมจะไม่มีวันลืม...
"โธ่เว้ย! เหี้ยไรนักวะ"
ผมสบถอย่างหัวเสียเมื่อกุญแจผีที่ทำจากเศษลวดไม่สามารถปลดล็อคกลอนประตูได้สำเร็จ แม่ง...อย่าบอกนะว่ากุญแจผีตำรับไทยทำอะไรประตูอิตาลีไม่ได้ เหอะ! วิชาสะเดาะกุญแจที่เรียนมาจากไอ้ภาคินไม่สากลเอาซะเลย ให้ตายสิ! -_-
ปัง! ปัง! ปัง!
ผมรัวลูกเตะไปยังบานประตูอย่างไม่ปราณี และมันก็ไม่มีท่าทีว่าจะพังโครมลงมาเฉกเช่นในละครหลังข่าวแต่อย่างใด -_-
ผมถูกขังอยู่ในห้องนอนของห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง และสาบานได้ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่หน้ากากขนนกสีดำกับกางเกงในเพียงตัวเดียว!
ผมเลิกคิดเรื่องสภาพอันน่าสมเพชของตัวเองและเดินไปยังผนังของห้องที่ทำด้วยกระจก ...โปรดอย่าคิดว่าผมจะวิ่งชนมันให้แตกแล้วดิ่งลงไป ห้องที่ผมถูกขังอยู่ อยู่สูงจากพื้นดินมาก(ย้ำว่ามาก!) ผมไม่เสี่ยงทำเรื่องโง่ๆอย่างนั้นหรอก!
มองทะลุกระจกใสไปยังเบื้องล่าง ภาพที่เห็นคือถนนสายยาวที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนที่อยู่ภายใต้หน้ากากเพื่อเฉลิมฉลองให้กับเทศกาลประจำปีอันเลื่องชื่อของเวนิส
ใช่แล้ว ...Carnival เทศกาลแห่งการสวมหน้ากาก
นักท่องเที่ยวจำนวนมากหลีกทางให้ขบวนพาเหรดแฟนตาซีที่เคลื่อนตัวมาอย่างอลังการ ขนาดมองจากไกลๆผมยังตะลึงกับสีสันของเทศกาลนี้เลย อิจฉาคนที่ได้ยืนถ่ายรูปใกล้ๆชะมัด!
จะบ้ารึไง!
นี่ไม่ใช่เวลามายืนน้ำลายหกเกาะกระจกดูขบวนพาเหรดซักหน่อย!!
ผมเรียกสติตัวเองให้กลับมาอีกครั้งก่อนจะวิ่งกลับไปยังบานประตู
ปัง! ปัง! ปัง!
"ช่วยด้วยโว๊ยยยยย!! ใครก็ได้ช่วยเปิดประตูเฮงซวยนี่ที!!"
ผมแหกปากจนคอหอยกระเพื่อม -_- รู้ทั้งรู้ว่าคนอิตาลีคงไม่มีปัญญาฟังภาษาไทยออก แต่ผมก็ยังตะโกนขอความช่วยเหลือเป็นภาษาไทยอยู่ดี ทำไงได้ล่ะ ชีวิตนี่ผมพูดได้แค่ภาษาเดียว!
อ่อ....พูด yes no ok ได้อีกนิดหน่อย =_=+
"ช่วยด้วย!! ฉันถูกขังอยู่ในนี้!! ได้ยินมั้ยโว๊ยย! หูหนวกกันรึงไงวะ!!!"
ผมทุบประตูไปแหกปากไปอย่างนั้นจนเจ็บคอ ไม่มีใครได้ยินเสียงของผมเลยรึไงนะ? แย่ชะมัด!! ถ้าผมออกจากที่นี่ไม่ได้ก่อนถึงเที่ยงคืนล่ะก็ ....ผมคงถูกฝรั่งหื่นกามซักคนหรือไม่ก็เป็นฝูงรุมกระทำชำเราจนประตูหลังฉีกขาด -_-!
จะบ้าตาย! กูไม่ได้มาที่นี่เพื่อเสียจิ้นให้ฝรั่งตัวเท่าควายนะเว้ย!
ผมรูดตัวลงนั่งพิงประตูอย่างสิ้นหวัง ยกมือขึ้นทึ้งหัวราวกับคนเสียสติ ทั้งหวาดกลัวต่ออนาคตที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ทั้งเจ็บใจต่ออดีตที่พึ่งผ่านมาเมื่อไม่นานนี้
อดีตที่พึ่งเกิดขึ้น และสาบานได้ว่ามันแสบสันต์ยิ่งกว่าถูกแร่เนื้อแล้วเอาเกลือมาโปะซะอีก! ....
เมื่อสองวันที่แล้ว....
ผมกับ 'โชกุน' มาถึงเมืองเวนิส ณ ประเทศอิตาลีด้วยรถยนต์ที่โชกุนเช่ามาจากกรุงโรม เราตระเวนเที่ยวรอบเมืองอย่างมีความสุข นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเที่ยวต่างประเทศ แถมยังได้ไปหลายประเทศอีกตังหาก เริ่มแรกลงเครื่องที่อังกฤษ ต่อมานั่งรถไฟไปที่โรม ก่อนจะจบลงที่เวนิส
ผมกับโชกุนคบกันมาห้าเดือนได้ มันอาจฟังดูไม่นาน แต่ผมว่ามันโอเคเลยล่ะสำหรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในผับใต้ดิน ไม่น่าเชื่อว่าผมกับโชกุนจะคบกันมาได้ถึงห้าเดือนเพียงเพราะเหล้าแค่แก้วเดียว
ตอนอยู่บนเครื่องผมแอบเปิดกระเป๋าเป้ของโชกุนดูตอนที่เขาไปเข้าห้องน้ำ ....ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่ผมเจอแหวนเพชรอยู่ในนั้นด้วย!
พระเจ้า! โชกุนจะขอผมแต่งงานอย่างนั้นหรอ?!
ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้และรอให้โชกุนพูดมันออกมาด้วยตัวของเขาเอง
ที่เวนิสกำลังจะมีงานประจำปี ผมเคยเปิดเจอในนิตยาสารที่ลงรูปงานเทศกาลนี้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาสัมผัสจริงๆ ....อ่า! โชกุนนายเป็นของขวัญจากพระเจ้าหรือไงนะ!
ผมเคยคิดมาเสมอว่าตัวเองเป็นลูกชังของพระผู้เป็นเจ้า เพราะท่านทอดทิ้งผมมาโดยตลอด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมชีวิตของผมถึงเจอแต่เรื่องเหี้ยๆ
พ่อแม่เลิกกันตอนสิบขวบ ป้าที่เอาผมมาเลี้ยงถูกตำรวจจับข้อหาเป็นสายเดินยา หลังจากนั้นผมก็ดิ้นรนมาตัวคนเดียวตลอด
จนได้เจอกับโชกุนนี่แหละ ...โลกของผมถึงได้เปลี่ยนไป
แต่สุดท้ายแล้ว ...มันก็หมุนกลับมาซ้ำรอยเดิมอยู่ดี
โชกุนวางยาผมหลังดินเนอร์สุดโรแมนติกบนดาดฟ้าของโรงแรม ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกจับยัดไว้ในห้องนี้ ได้ยินเสียงโชกุนดังขึ้นจากนอกห้อง อยากตะโกนให้เขาได้ยินแต่ลำคอแห้งผากและไม่มีแรงแม้แต่จะกระดิกนิ้ว
โชกุนพูดกับใครซักคนด้วยภาษาอังกฤษที่แน่นอนว่าผมฟังไม่ออก -_- และต่อมาเขาก็พูดกับใครอีกคนด้วยภาษาไทย ผมจำประโยคยืดยาวนั่นไม่ได้แต่จับใจความได้คร่าวๆว่า....โชกุนขายผมเพื่อแลกกับเงินก้อนโตที่เขาจะนำไปผ่อนแหวนเพชร
เพื่อนำไปหมั้นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้จัก...
เวลาห้าเดือนที่เสียไป เทียบไม่ได้เลยกับความไว้ใจที่ผมไม่เคยให้มันกับใครง่ายๆ!
เอาล่ะ เลิกนึกถึงความหลังซักที...เวลาหนีมีไม่มากนักหรอกนะ!!
ผมรวบรวมสติและเปล่งเสียงเฮือกสุดท้ายออกไป
"ใครก็ได้ช่วยกูที!!!"
ผมได้ยินเสียงกุกกักจากประตูข้างนอก อย่าบอกนะว่าไอ้ฝรั่งหื่นกามมันมาถึงแล้ว โอ๊ยย T_T พวกมึงมากันกี่คนวะเนี่ย?
"เฮ้! ในนี้มีคนอยู่ใช่มั้ย"
เหมือนสวรรค์ลอยมาตรงหน้า! นี่มันภาษาไทยนี่หว่า!
ผมกระหน่ำกำปั้นทุบประตูทันที
"ใช่ๆ! ฉันอยู่ในนี้ ถูกขังอยู่!!"
"โอเคๆฉันจะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ แต่อย่างแรกนายต้องออกห่างจากประตูนี่ก่อนนะ"
"อะ...อืมๆ" ผมรับคำอย่างงงๆก่อนจะก้าวหลบไปทางขวาสองก้าว
ผมได้ยินเสียงฝ่าเท้ากระทบพื้นถี่ๆเหมือนมีใครซักคนกำลังวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง และ ....
โครม!!
ประตูไม้ที่สุดจะแข็งแรงหลุดกระเด็นออกจากบานพับมานอนนิ่งอยู่ห่างจากตัวผมไปแค่นิดเดียว!
ผมเงยหน้ามองผู้ที่มาช่วยผมให้พ้นจากนรกอย่างอึ้งๆ เขาแรงควายไปมั้ย? ผมเตะมันอยู่ตั้งนานนะไอ้ประตูเวรนี่น่ะ!
"เกิดอะไรขึ้น...กับนาย?" เขามองผมหัวจรดเท้าด้วยแววตาสมเพช แหงะล่ะผมใส่กางเกงในอยู่ตัวเดียว โชคยังดีที่มีหน้ากากบังหน้าที่ลดความอายไปได้นิดนึง -_- ไอ้โชกุนแม่งก็คิดได้ จับกูใส่หน้ากากรับเทศกาลมั้งไอ้สัด!
"ช่างมันเถอะ! มีเวลาไม่มากแล้ว"
ผมฉุดข้อมือของเขาให้วิ่งออกไปจากห้อง ทันทีที่ออกมาได้ร่างของคนสี่ห้าคนก็ปรากฏขึ้นตรงทางเดินใกล้ลิฟต์ หนึ่งในนั้นคือโชกุน ไอ้ผู้ชายสันขวานที่ผมรู้จักดี!
"What the hell ! จะหนีไปไหน! กลับมาเดี๋ยวนี้นะเบต้า!!"
ไอ้โชกุนร้องขึ้นเมื่อเห็นผม ถุย!ไอ้ควาย เชิญมึงไปเรียกพ่อมึงมารับแขกแทนกูเถอะ กูไม่กลับไปหรอกเว้ย!
ผมกระชับมือที่จับข้อมือฮีโร่ของผมไว้ให้แน่นกว่าเดิมแล้วใส่เกียร์วิ่งเต็มพลัง แย่โคตรที่เราไม่สามารถใช้ลิฟต์ได้เพราะพวกไอ้โชกุนมันยืนออกันอยู่ทางนั้น! ผมตัดสินใจวิ่งไปยังบันไดหนีไฟ วิ่ง วิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่ง! วิ่งชนิดที่ว่าลืมหายใจกันเลยทีเดียว!
"เดี๋ยว!"
จู่ๆฮีโร่ที่ผมลากเขามาด้วยก็ตะโกนแทรกขึ้นมา เขาฉุดผมให้หยุดวิ่งด้วยการยื้อข้อมือตัวเองกลับ
ผมหันไปมองเขาอย่างหัวเสีย "มีอะไร!? อ่อ! ขอร้องว่าอย่าพึ่งถามอะไรตอนนี้!"
เขาไม่พูดอะไรแต่กลับถอดเสื้อโค้ตตัวนอกออกมาแล้วโยนมันมายังหัวของผม เวรเอ๊ย!โค้ตหนังด้านนี่หนักสัดๆ!
"ใส่ซะ! และตามฉันมา" เขาพูดเสียงห้วนก่อนจะวิ่งกลับไปยังชั้นเดิมที่เราพึ่งวิ่งลงมา
ผมจัดการใส่เสื้อโค้ตไว้ลวกๆก่อนจะร้องท้วงอย่างตกใจ "ถ้าพวกมันยังอยู่ที่เดิมล่ะ!?"
เขาถอนหายใจเสียงดัง บ่งบอกเป็นนัยๆว่าเบื่อหน่ายเต็มทน "อย่าโง่หน่อยเลยน่า! ป่านนี้พวกมันลงไปดักนายอยู่ปลายทางกันหมดแล้ว!"
จริงด้วยแฮะ ...ถ้าวิ่งไปถึงชั้นล่างคงเจอพวกมันดักรอจ๊ะเอ๋อยู่แน่ๆ ก็พวกมันเห็นโท่งๆที่นาว่าผมวิ่งหนีมาที่บันไดหนีไฟ -_-"
ผมหมดคำค้านและได้แต่วิ่งตามฮีโร่ของผม(ผู้แสนจะดุดัน -_-) ที่วิ่งนำไปยังทางเดินของชั้นที่พึ่งวิ่งลงมา เขาพาผมไปยังระเบียงสำหรับสูบบุหรี่ อย่าบอกนะว่าเราจะกระโดดลงไปน่ะ!?
"อย่าพึ่งขี้ขลาดได้มั้ย! มองซะก่อนสิ!" เขาตวาดแล้วกดหัวผมให้ยื่นออกไปนอกระเบียง มันสูงจากพื้นดินมาเพียงนิดเดียวเท่านั้น ....เหอะ! ก็ใครจะไปรู้ว่าวิ่งลงมาถึงชั้นล่างๆแล้วกันล่ะ!
ฮีโร่(ตั้งชื่อให้เรียบร้อย -_- แย่หน่อยที่มันค่อนข้างจะคล้องจองกับชื่อของไอ้จอมลวงโลกโชกุน!) ผลักผมให้ออกห่างจากรัศมีการเหวี่ยงตัวขึ้นไปนั่งยังขอบระเบียงของเขา ผมยังไม่ทันกระพริบตาเขาก็กระโดดลงไปแล้ว!
ตุบ!
เขาทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างสวยงามก่อนจะกระดิกนิ้วเป็นสัญญาณให้ผมรีบตามลง ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดเสียว ไหนๆก็ไม่มีทางเลือกแล้ว เอาไงเอากันว่ะ!!
ผมหลับหูหลับตากระโดดลงไป...
อย่าคิดว่าผมจะตกลงบนตัวฮีโร่พอดีเหมือนในละครล่ะ! เพราะชีวิตจริงมันโหดร้ายกว่านั้นเยอะ!
ตุบ!!
ผมหล่นลงมากองกับหญ้าแฉะๆประหนึ่งซากเขียดก็ไม่ปาน -_- ฮีโร่มองผมอย่างสมเพชอีกครั้ง ...ใช่สิ ขากูมันสั้นกว่ามึงนิ่!
ผมทรงตัวลุกขึ้นมา พอลองก้าวขาดูก็รู้สึกเสียวแปล๊บที่ข้อเท้า ฮีโร่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยปนรำคาญกับอาการของผม ท่าทีของเขาทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองช่างถ่วงความเจริญจนจะเกินบรรยาย -_-
"ฉันไม่เป็นไรหรอก ไปต่อเถอะ"
"ไปต่ออะไรของนาย เราจะแยกกันตรงนี้"
"ห๊ะ!?"
ฮีโร่ไม่สนใจเสียงร้องของผม เขาหันหลังเดินช้าๆราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร (แหงสิ คนที่ต้องทุกข์ร้อนมันผมนี่!)
"นายจะทิ้งฉันไว้ไม่ได้นะ! ขอร้องล่ะ อย่างน้อยช่วยพาฉันไปสถานีตำ..."
"เลี้ยวซ้ายไปเรื่อยๆเจอตู้ไปรษณีย์แล้วเลี้ยวขวาอีกห้าเมตร" ฮีโร่พูดดักก่อนที่ผมจะพูดจบด้วยซ้ำ
ผมวิ่งกระเผลกๆไปจับแขนฮีโร่ไว้ "ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ พาสสปอร์ตก็หายไปแล้วด้วย"
คำพูดขอร้องของผมได้ผล ฮีโร่หยุดเดิน "ฟังนะ นั่นคือเรื่องของนาย หลังจากที่นายไปถึงสถานีตำรวจตามที่ฉันได้บอกทางไปแล้ว พวกเขาจะส่งนายไปสถานทูตเอง"
พูดจบเขาก็เดินต่อ จะใจร้ายเกินไปแล้วนะ! คนไทยต้องมีน้ำใจต่อกันสิ ยิ่งเฉพาะที่ต่างถิ่นแบบนี้คนไทยต้องยิ่งรักกันไม่ใช่รึไง!?
"ฉัน..."
ไม่ทันที่ผมจะได้พร่ำอะไร ฮีโร่ก็หยุดเดินและหันหน้ามาอย่างรวดเร็วจนผมเบรกไม่ทันเซไปชนเขา และ...ถูกยันออกราวกับขี้หมาที่น่ารังเกียจ -_-'
"ที่นายไม่อยากทำตามที่ฉันบอกเพราะนายกลัวติดคุกใช่มั้ย?"
"??"
"ฟังนะ ไม่ว่านายจะมาที่นี่เพราะถูกหลอก หรือตั้งใจมาขายตัวอยู่แล้วก็ตาม ฉันไม่สน เชิญนายไปร้องไห้ขอกลับบ้านกับเจ้าหน้าที่สถานทูตเอาเองก็แล้วกัน!!"
ผมโกรธนิดๆที่เขาพูดอย่างนั้น แต่ถ้าผมตัดไมตรีกับเขาตอนนี้ชีวิตผมก็จบ!
"ถ้านายไม่อยากช่วยฉันขนาดนี้ แล้วทำไมนายถึงช่วยฉันออกมาล่ะ!"
ฮีโร่แค่นยิ้ม เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีมากคนหนึ่ง รูปร่างสูง ไหล่กว้าง ไม่บึกบึนขนาดนักเพาะกายแต่แข็งแรงมากเลยล่ะ ดวงตาของเขาดุดันและสุดจะคมคาย....ผมว่า...หน้าเขาคุ้นๆแฮะ
"ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่านายคือหนึ่งในขบวนการค้าเนื้อสดนี่!"
ผมพ่นลมหายใจระบายความคุกรุ่นที่เกิดขึ้นเพราะคำพูดพร่อยๆนั่น "จะคิดอย่างนั้นก็เชิญ แต่นายต้องช่วยฉัน!"
"ไม่!!" ฮีโร่ปฏิเสธเด็ดขาด พร้อมๆกับฝ่ามือที่สะบัดออกจากมือของผม เขาก้าวเท้ายาวๆออกห่างไปเรื่อยๆ จนลับตาไปในที่สุด ในขณะที่ผมได้แต่ยืนสิ้นหวังอยู่ที่เดิม
"Hey!! He's that!!"
เสียงตะโกนที่ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง ฉิบหายแล้ว!! โชกุนกับฝรั่งร่างยักษ์อีกสี่คนกำลังวิ่งตรงมาที่ผม ....โอยยย จะบ้าตาย พวกมึงจะตามราวีกูไปถึงไหนวะ!? T_ T
ในขณะที่ผมกำลังยืนอึ้งรอรับความเฮงซวยของโชคชะตาอยู่นั้น มือใหญ่ของใครซักคนก็ฉวยข้อมือผมไว้แล้วออกแรงลากผมให้วิ่งตามไป ....เป็นฮีโร่นั่นเอง เขากลับมาช่วยผมอีกครั้งล่ะ T-T ขอบคุณจริงๆ!
ผมกัดฟันระงับความเจ็บที่ข้อเท้าแล้ววิ่งตามฮีโร่ไป เสียงตะโกนของโชกุนที่ดังไล่หลังอยู่ทำให้หัวใจผมเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นตกใจ หวังว่าฮีโร่จะมาผมหนีจากไอ้เลวนั่นได้นะ!
ฮีโร่วิ่งแหวกเข้าไปในงานเทศกาลตาร์นิวัลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนจำนวนมหาศาล ร่างของผมชนกับคนอื่นๆนับสิบครั้งได้ และทุกคนล้วนแต่ใส่หน้ากากกันทั้งนั้น โชคดีเหลือเกินที่ใบหน้าของฮีโร่ปราศจากหน้ากาก ไม่อย่างนั้นเกิดมือหลุดขึ้นมาผมคงหาเขาไม่เจอแน่ๆ!
"เบต้าหยุดนะ! มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด!!!"
เสียงโชกุนยังดังอยู่ไม่ไกลนัก ผมรีบสับขาวิ่งไม่ลืมหูลืมตา มือก็จับมือฮีโร่แน่น ฮีโร่วิ่งฝ่าเข้าไปยังสะพานข้ามแม่น้ำที่ยาวพอสมควร พื้นที่ส่วนใหญ่ของเวนิสเป็นแม่น้ำดังนั้นที่นี่จึงมีสะพานอยู่ทั่วไปหมด
ผู้คนที่แออัดบนสะพานทำให้ผมมึนหัวกับกลิ่นน้ำหอมเป็นร้อยๆกลิ่นจนแทบจะอ้วก! รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นปลาที่กำลังถูกอัดใส่กระป๋องอยู่ยังไงยังงั้น!
และเรื่องยิ่งเลวร้ายหนักกว่าเดิมเมื่อผู้คนบนสะพานพร้อมใจกันหยุดเดินเพื่อชมพลุที่พึ่งถูกจุดขึ้น
ฟิ้ว ววว...
ตู้ม!!
เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบข้าง ผมหายใจไม่ออกและเจ็บบั้นเอวสุดๆเนื่องจากมันถูกดันจนเบียดไปกับขอบสะพาน การจราจรที่แสนจะติดขัดนี่ทำให้ผมหลุดพ้นไปจากสะพานเหี้ยนี่ไม่ได้ซักที
และทันใดนั้น
ปึ่ก!
ใครก็ไม่รู้เคลื่อนตัวมากระแทกผมอย่างแรง จนมือที่จับอยู่กับมือของฮีโร่หลุดออก ผมถูกดันจนกระทั่งร่างเกยขอบสะพาน และ...
ฟิ้ว ววว...
ตู้ม!
เสียงพลุดังกลบเสียงร่างของผมที่ตกลงไปในแม่น้ำเย็นเฉียบจนหมด
ความเย็นของน้ำแทรกผ่านเสื้อโค้ตหนังกลับเข้ามาจู่โจมผมจนหนาวไปถึงกระดูก! ผมพยายามตะเกียดตะกายขึ้นสู่ฝั่ง แต่เพราะน้ำอุณหภูมิต่ำเกินไป....ผมจึงเป็นตะคริวและดำดิ่งลงไปต่ำเรื่อยๆ
หน้ากากขนนกที่สวมอยู่หลุดจากใบหน้าที่แท้จริงของผม พร้อมๆกับสติสัมปชัญญะที่หลุดลอยไป...
เวนิสช่างโหดร้าย... ผมเกลียดคาร์นิวัลที่นี่จริงๆ
- L o a d i n g 1 0 0 % -
เรื่องเก่ายังไม่ได้อัพเลย แง๊ๆ!
ขอบคุณที่เปิดเข้ามาอ่านถึงบรรทัดนี้ค่ะ ;)
ถ้ามีคำผิดสะกิดได้นะคะ
บ้ายบาย~
♥
ความคิดเห็น