ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Be careful! กู...D A N G E R O U S ! ! ★ [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #1 : Into [l o a d i n g 1 0 0%]

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 54


     


    Be careful! กู...D A N G E R O U S ! !


                            
      






    I N T R O











    V e n I c e,  Italy

    เมืองแห่งสายน้ำ

    เมืองแห่งสะพาน

    และเมืองแห่งการหลอกลวงที่ผมจะไม่มีวันลืม...

     

     

     

     

     

     

     

     

    "โธ่เว้ย! เหี้ยไรนักวะ"

     

     

     

    ผมสบถอย่างหัวเสียเมื่อกุญแจผีที่ทำจากเศษลวดไม่สามารถปลดล็อคกลอนประตูได้สำเร็จ   แม่ง...อย่าบอกนะว่ากุญแจผีตำรับไทยทำอะไรประตูอิตาลีไม่ได้  เหอะ!  วิชาสะเดาะกุญแจที่เรียนมาจากไอ้ภาคินไม่สากลเอาซะเลย ให้ตายสิ! -_-

     

     

     

     

    ปัง! ปัง! ปัง!

     

     

     

    ผมรัวลูกเตะไปยังบานประตูอย่างไม่ปราณี  และมันก็ไม่มีท่าทีว่าจะพังโครมลงมาเฉกเช่นในละครหลังข่าวแต่อย่างใด  -_- 

     

     

     

    ผมถูกขังอยู่ในห้องนอนของห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง  และสาบานได้ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่หน้ากากขนนกสีดำกับกางเกงในเพียงตัวเดียว!

     

     

     

    ผมเลิกคิดเรื่องสภาพอันน่าสมเพชของตัวเองและเดินไปยังผนังของห้องที่ทำด้วยกระจก  ...โปรดอย่าคิดว่าผมจะวิ่งชนมันให้แตกแล้วดิ่งลงไป   ห้องที่ผมถูกขังอยู่ อยู่สูงจากพื้นดินมาก(ย้ำว่ามาก!)  ผมไม่เสี่ยงทำเรื่องโง่ๆอย่างนั้นหรอก!

     

     

     

     

    มองทะลุกระจกใสไปยังเบื้องล่าง  ภาพที่เห็นคือถนนสายยาวที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนที่อยู่ภายใต้หน้ากากเพื่อเฉลิมฉลองให้กับเทศกาลประจำปีอันเลื่องชื่อของเวนิส

     

     

     

    ใช่แล้ว  ...Carnival  เทศกาลแห่งการสวมหน้ากาก

     

     

     

    นักท่องเที่ยวจำนวนมากหลีกทางให้ขบวนพาเหรดแฟนตาซีที่เคลื่อนตัวมาอย่างอลังการ   ขนาดมองจากไกลๆผมยังตะลึงกับสีสันของเทศกาลนี้เลย  อิจฉาคนที่ได้ยืนถ่ายรูปใกล้ๆชะมัด!

     

     

     

     

    จะบ้ารึไง!

     

     

     

    นี่ไม่ใช่เวลามายืนน้ำลายหกเกาะกระจกดูขบวนพาเหรดซักหน่อย!!

     

     

     

    ผมเรียกสติตัวเองให้กลับมาอีกครั้งก่อนจะวิ่งกลับไปยังบานประตู

     

     

     

     

     

    ปัง! ปัง! ปัง!

     

     

     

    "ช่วยด้วยโว๊ยยยยย!!  ใครก็ได้ช่วยเปิดประตูเฮงซวยนี่ที!!"

     

     

     

    ผมแหกปากจนคอหอยกระเพื่อม -_-  รู้ทั้งรู้ว่าคนอิตาลีคงไม่มีปัญญาฟังภาษาไทยออก แต่ผมก็ยังตะโกนขอความช่วยเหลือเป็นภาษาไทยอยู่ดี  ทำไงได้ล่ะ  ชีวิตนี่ผมพูดได้แค่ภาษาเดียว!

     

     

     

    อ่อ....พูด  yes  no  ok  ได้อีกนิดหน่อย =_=+

     

     

     

     

     

    "ช่วยด้วย!! ฉันถูกขังอยู่ในนี้!!  ได้ยินมั้ยโว๊ยย!  หูหนวกกันรึงไงวะ!!!"

     

     

     

    ผมทุบประตูไปแหกปากไปอย่างนั้นจนเจ็บคอ   ไม่มีใครได้ยินเสียงของผมเลยรึไงนะ?  แย่ชะมัด!! ถ้าผมออกจากที่นี่ไม่ได้ก่อนถึงเที่ยงคืนล่ะก็ ....ผมคงถูกฝรั่งหื่นกามซักคนหรือไม่ก็เป็นฝูงรุมกระทำชำเราจนประตูหลังฉีกขาด -_-!

     

     

     

    จะบ้าตาย!  กูไม่ได้มาที่นี่เพื่อเสียจิ้นให้ฝรั่งตัวเท่าควายนะเว้ย!

     

     

     

     

     

    ผมรูดตัวลงนั่งพิงประตูอย่างสิ้นหวัง  ยกมือขึ้นทึ้งหัวราวกับคนเสียสติ   ทั้งหวาดกลัวต่ออนาคตที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า   ทั้งเจ็บใจต่ออดีตที่พึ่งผ่านมาเมื่อไม่นานนี้

     

     

     

    อดีตที่พึ่งเกิดขึ้น  และสาบานได้ว่ามันแสบสันต์ยิ่งกว่าถูกแร่เนื้อแล้วเอาเกลือมาโปะซะอีก! ....

     

     

     

     

     

     

    เมื่อสองวันที่แล้ว....

     

     

     

     

     

    ผมกับ 'โชกุน'  มาถึงเมืองเวนิส ณ ประเทศอิตาลีด้วยรถยนต์ที่โชกุนเช่ามาจากกรุงโรม    เราตระเวนเที่ยวรอบเมืองอย่างมีความสุข  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเที่ยวต่างประเทศ  แถมยังได้ไปหลายประเทศอีกตังหาก  เริ่มแรกลงเครื่องที่อังกฤษ  ต่อมานั่งรถไฟไปที่โรม  ก่อนจะจบลงที่เวนิส

     

     

     

    ผมกับโชกุนคบกันมาห้าเดือนได้  มันอาจฟังดูไม่นาน แต่ผมว่ามันโอเคเลยล่ะสำหรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในผับใต้ดิน   ไม่น่าเชื่อว่าผมกับโชกุนจะคบกันมาได้ถึงห้าเดือนเพียงเพราะเหล้าแค่แก้วเดียว

     

     

     

    ตอนอยู่บนเครื่องผมแอบเปิดกระเป๋าเป้ของโชกุนดูตอนที่เขาไปเข้าห้องน้ำ ....ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองหรอกนะ  แต่ผมเจอแหวนเพชรอยู่ในนั้นด้วย!

     

     

     

    พระเจ้า! โชกุนจะขอผมแต่งงานอย่างนั้นหรอ?! 

     

     

     

     

    ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้และรอให้โชกุนพูดมันออกมาด้วยตัวของเขาเอง

     

     

     

     

     

     

     

    ที่เวนิสกำลังจะมีงานประจำปี  ผมเคยเปิดเจอในนิตยาสารที่ลงรูปงานเทศกาลนี้อยู่เหมือนกัน  แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาสัมผัสจริงๆ  ....อ่า! โชกุนนายเป็นของขวัญจากพระเจ้าหรือไงนะ!

     

     

     

    ผมเคยคิดมาเสมอว่าตัวเองเป็นลูกชังของพระผู้เป็นเจ้า  เพราะท่านทอดทิ้งผมมาโดยตลอด  นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมชีวิตของผมถึงเจอแต่เรื่องเหี้ยๆ

     

     

     

    พ่อแม่เลิกกันตอนสิบขวบ   ป้าที่เอาผมมาเลี้ยงถูกตำรวจจับข้อหาเป็นสายเดินยา   หลังจากนั้นผมก็ดิ้นรนมาตัวคนเดียวตลอด

     

     

     

     

     

    จนได้เจอกับโชกุนนี่แหละ  ...โลกของผมถึงได้เปลี่ยนไป

     

     

     

     

    แต่สุดท้ายแล้ว ...มันก็หมุนกลับมาซ้ำรอยเดิมอยู่ดี

     

     

     

     

    โชกุนวางยาผมหลังดินเนอร์สุดโรแมนติกบนดาดฟ้าของโรงแรม   ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกจับยัดไว้ในห้องนี้  ได้ยินเสียงโชกุนดังขึ้นจากนอกห้อง  อยากตะโกนให้เขาได้ยินแต่ลำคอแห้งผากและไม่มีแรงแม้แต่จะกระดิกนิ้ว

     

     

     

    โชกุนพูดกับใครซักคนด้วยภาษาอังกฤษที่แน่นอนว่าผมฟังไม่ออก -_-  และต่อมาเขาก็พูดกับใครอีกคนด้วยภาษาไทย  ผมจำประโยคยืดยาวนั่นไม่ได้แต่จับใจความได้คร่าวๆว่า....โชกุนขายผมเพื่อแลกกับเงินก้อนโตที่เขาจะนำไปผ่อนแหวนเพชร

     

     

     

    เพื่อนำไปหมั้นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้จัก...

     

     

     

     

    เวลาห้าเดือนที่เสียไป  เทียบไม่ได้เลยกับความไว้ใจที่ผมไม่เคยให้มันกับใครง่ายๆ!

     

     

     

     

     

     

     

    เอาล่ะ  เลิกนึกถึงความหลังซักที...เวลาหนีมีไม่มากนักหรอกนะ!!

     

     

     

     

    ผมรวบรวมสติและเปล่งเสียงเฮือกสุดท้ายออกไป

     

     

     

    "ใครก็ได้ช่วยกูที!!!"

     

     

     

    ผมได้ยินเสียงกุกกักจากประตูข้างนอก  อย่าบอกนะว่าไอ้ฝรั่งหื่นกามมันมาถึงแล้ว  โอ๊ยย T_T พวกมึงมากันกี่คนวะเนี่ย?

     

     

     

    "เฮ้! ในนี้มีคนอยู่ใช่มั้ย"

     

     

     

    เหมือนสวรรค์ลอยมาตรงหน้า!  นี่มันภาษาไทยนี่หว่า!

     

     

     

    ผมกระหน่ำกำปั้นทุบประตูทันที

     

     

     

    "ใช่ๆ! ฉันอยู่ในนี้  ถูกขังอยู่!!"

     

     

     

    "โอเคๆฉันจะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ  แต่อย่างแรกนายต้องออกห่างจากประตูนี่ก่อนนะ"

     

     

     

    "อะ...อืมๆ"  ผมรับคำอย่างงงๆก่อนจะก้าวหลบไปทางขวาสองก้าว

     

     

     

    ผมได้ยินเสียงฝ่าเท้ากระทบพื้นถี่ๆเหมือนมีใครซักคนกำลังวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง  และ ....

     

     

     

     

    โครม!!

     

     

     

     

    ประตูไม้ที่สุดจะแข็งแรงหลุดกระเด็นออกจากบานพับมานอนนิ่งอยู่ห่างจากตัวผมไปแค่นิดเดียว!

     

     

     

    ผมเงยหน้ามองผู้ที่มาช่วยผมให้พ้นจากนรกอย่างอึ้งๆ  เขาแรงควายไปมั้ย?  ผมเตะมันอยู่ตั้งนานนะไอ้ประตูเวรนี่น่ะ!

     

     

     

    "เกิดอะไรขึ้น...กับนาย?"  เขามองผมหัวจรดเท้าด้วยแววตาสมเพช  แหงะล่ะผมใส่กางเกงในอยู่ตัวเดียว  โชคยังดีที่มีหน้ากากบังหน้าที่ลดความอายไปได้นิดนึง -_-  ไอ้โชกุนแม่งก็คิดได้ จับกูใส่หน้ากากรับเทศกาลมั้งไอ้สัด!

     

     

     

    "ช่างมันเถอะ!  มีเวลาไม่มากแล้ว"

     

     

     

    ผมฉุดข้อมือของเขาให้วิ่งออกไปจากห้อง   ทันทีที่ออกมาได้ร่างของคนสี่ห้าคนก็ปรากฏขึ้นตรงทางเดินใกล้ลิฟต์   หนึ่งในนั้นคือโชกุน  ไอ้ผู้ชายสันขวานที่ผมรู้จักดี!

     

     

     

    "What  the  hell !  จะหนีไปไหน!  กลับมาเดี๋ยวนี้นะเบต้า!!"

     

     

     

    ไอ้โชกุนร้องขึ้นเมื่อเห็นผม   ถุย!ไอ้ควาย  เชิญมึงไปเรียกพ่อมึงมารับแขกแทนกูเถอะ กูไม่กลับไปหรอกเว้ย!

     

     

     

    ผมกระชับมือที่จับข้อมือฮีโร่ของผมไว้ให้แน่นกว่าเดิมแล้วใส่เกียร์วิ่งเต็มพลัง   แย่โคตรที่เราไม่สามารถใช้ลิฟต์ได้เพราะพวกไอ้โชกุนมันยืนออกันอยู่ทางนั้น!   ผมตัดสินใจวิ่งไปยังบันไดหนีไฟ  วิ่ง  วิ่ง  วิ่ง  แล้วก็วิ่ง!  วิ่งชนิดที่ว่าลืมหายใจกันเลยทีเดียว!

     

     

     

     

    "เดี๋ยว!"

     

     

     

    จู่ๆฮีโร่ที่ผมลากเขามาด้วยก็ตะโกนแทรกขึ้นมา  เขาฉุดผมให้หยุดวิ่งด้วยการยื้อข้อมือตัวเองกลับ

     

     

     

    ผมหันไปมองเขาอย่างหัวเสีย  "มีอะไร!? อ่อ! ขอร้องว่าอย่าพึ่งถามอะไรตอนนี้!"

     

     

     

    เขาไม่พูดอะไรแต่กลับถอดเสื้อโค้ตตัวนอกออกมาแล้วโยนมันมายังหัวของผม   เวรเอ๊ย!โค้ตหนังด้านนี่หนักสัดๆ!

     

     

     

    "ใส่ซะ!  และตามฉันมา"  เขาพูดเสียงห้วนก่อนจะวิ่งกลับไปยังชั้นเดิมที่เราพึ่งวิ่งลงมา  

     

     

     

    ผมจัดการใส่เสื้อโค้ตไว้ลวกๆก่อนจะร้องท้วงอย่างตกใจ  "ถ้าพวกมันยังอยู่ที่เดิมล่ะ!?"

     

     

     

    เขาถอนหายใจเสียงดัง  บ่งบอกเป็นนัยๆว่าเบื่อหน่ายเต็มทน  "อย่าโง่หน่อยเลยน่า! ป่านนี้พวกมันลงไปดักนายอยู่ปลายทางกันหมดแล้ว!"

     

     

     

    จริงด้วยแฮะ ...ถ้าวิ่งไปถึงชั้นล่างคงเจอพวกมันดักรอจ๊ะเอ๋อยู่แน่ๆ  ก็พวกมันเห็นโท่งๆที่นาว่าผมวิ่งหนีมาที่บันไดหนีไฟ -_-"

     

     

     

    ผมหมดคำค้านและได้แต่วิ่งตามฮีโร่ของผม(ผู้แสนจะดุดัน -_-) ที่วิ่งนำไปยังทางเดินของชั้นที่พึ่งวิ่งลงมา  เขาพาผมไปยังระเบียงสำหรับสูบบุหรี่  อย่าบอกนะว่าเราจะกระโดดลงไปน่ะ!?

     

     

     

    "อย่าพึ่งขี้ขลาดได้มั้ย!  มองซะก่อนสิ!" เขาตวาดแล้วกดหัวผมให้ยื่นออกไปนอกระเบียง    มันสูงจากพื้นดินมาเพียงนิดเดียวเท่านั้น ....เหอะ! ก็ใครจะไปรู้ว่าวิ่งลงมาถึงชั้นล่างๆแล้วกันล่ะ!

     

     

     

    ฮีโร่(ตั้งชื่อให้เรียบร้อย -_- แย่หน่อยที่มันค่อนข้างจะคล้องจองกับชื่อของไอ้จอมลวงโลกโชกุน!) ผลักผมให้ออกห่างจากรัศมีการเหวี่ยงตัวขึ้นไปนั่งยังขอบระเบียงของเขา   ผมยังไม่ทันกระพริบตาเขาก็กระโดดลงไปแล้ว!

     

     

     

    ตุบ!

     

     

     

    เขาทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างสวยงามก่อนจะกระดิกนิ้วเป็นสัญญาณให้ผมรีบตามลง   ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดเสียว   ไหนๆก็ไม่มีทางเลือกแล้ว   เอาไงเอากันว่ะ!!

     

     

     

    ผมหลับหูหลับตากระโดดลงไป...

     

     

     

    อย่าคิดว่าผมจะตกลงบนตัวฮีโร่พอดีเหมือนในละครล่ะ!  เพราะชีวิตจริงมันโหดร้ายกว่านั้นเยอะ! 

     

     

     

    ตุบ!!

     

     

     

    ผมหล่นลงมากองกับหญ้าแฉะๆประหนึ่งซากเขียดก็ไม่ปาน -_-    ฮีโร่มองผมอย่างสมเพชอีกครั้ง  ...ใช่สิ ขากูมันสั้นกว่ามึงนิ่!

     

     

     

    ผมทรงตัวลุกขึ้นมา พอลองก้าวขาดูก็รู้สึกเสียวแปล๊บที่ข้อเท้า  ฮีโร่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยปนรำคาญกับอาการของผม   ท่าทีของเขาทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองช่างถ่วงความเจริญจนจะเกินบรรยาย -_-

     

     

     

    "ฉันไม่เป็นไรหรอก  ไปต่อเถอะ"

     

     

     

    "ไปต่ออะไรของนาย  เราจะแยกกันตรงนี้"

     

     

     

    "ห๊ะ!?"

     

     

     

    ฮีโร่ไม่สนใจเสียงร้องของผม เขาหันหลังเดินช้าๆราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร (แหงสิ  คนที่ต้องทุกข์ร้อนมันผมนี่!)

     

     

     

    "นายจะทิ้งฉันไว้ไม่ได้นะ!  ขอร้องล่ะ  อย่างน้อยช่วยพาฉันไปสถานีตำ..."

     

     

     

    "เลี้ยวซ้ายไปเรื่อยๆเจอตู้ไปรษณีย์แล้วเลี้ยวขวาอีกห้าเมตร"  ฮีโร่พูดดักก่อนที่ผมจะพูดจบด้วยซ้ำ

     

     

     

    ผมวิ่งกระเผลกๆไปจับแขนฮีโร่ไว้  "ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ พาสสปอร์ตก็หายไปแล้วด้วย"

     

     

     

    คำพูดขอร้องของผมได้ผล  ฮีโร่หยุดเดิน  "ฟังนะ  นั่นคือเรื่องของนาย  หลังจากที่นายไปถึงสถานีตำรวจตามที่ฉันได้บอกทางไปแล้ว พวกเขาจะส่งนายไปสถานทูตเอง"

     

     

     

    พูดจบเขาก็เดินต่อ   จะใจร้ายเกินไปแล้วนะ!  คนไทยต้องมีน้ำใจต่อกันสิ  ยิ่งเฉพาะที่ต่างถิ่นแบบนี้คนไทยต้องยิ่งรักกันไม่ใช่รึไง!?

     

     

     

    "ฉัน..."

     

     

     

    ไม่ทันที่ผมจะได้พร่ำอะไร  ฮีโร่ก็หยุดเดินและหันหน้ามาอย่างรวดเร็วจนผมเบรกไม่ทันเซไปชนเขา  และ...ถูกยันออกราวกับขี้หมาที่น่ารังเกียจ -_-'

     

     

     

    "ที่นายไม่อยากทำตามที่ฉันบอกเพราะนายกลัวติดคุกใช่มั้ย?"

     

     

     

    "??"

     

     

     

    "ฟังนะ  ไม่ว่านายจะมาที่นี่เพราะถูกหลอก หรือตั้งใจมาขายตัวอยู่แล้วก็ตาม  ฉันไม่สน  เชิญนายไปร้องไห้ขอกลับบ้านกับเจ้าหน้าที่สถานทูตเอาเองก็แล้วกัน!!"

     

     

     

    ผมโกรธนิดๆที่เขาพูดอย่างนั้น  แต่ถ้าผมตัดไมตรีกับเขาตอนนี้ชีวิตผมก็จบ!

     

     

     

    "ถ้านายไม่อยากช่วยฉันขนาดนี้  แล้วทำไมนายถึงช่วยฉันออกมาล่ะ!"

     

     

     

    ฮีโร่แค่นยิ้ม  เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีมากคนหนึ่ง  รูปร่างสูง  ไหล่กว้าง  ไม่บึกบึนขนาดนักเพาะกายแต่แข็งแรงมากเลยล่ะ  ดวงตาของเขาดุดันและสุดจะคมคาย....ผมว่า...หน้าเขาคุ้นๆแฮะ

     

     

     

    "ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่านายคือหนึ่งในขบวนการค้าเนื้อสดนี่!"

     

     

     

    ผมพ่นลมหายใจระบายความคุกรุ่นที่เกิดขึ้นเพราะคำพูดพร่อยๆนั่น  "จะคิดอย่างนั้นก็เชิญ  แต่นายต้องช่วยฉัน!"

     

     

     

    "ไม่!!"   ฮีโร่ปฏิเสธเด็ดขาด  พร้อมๆกับฝ่ามือที่สะบัดออกจากมือของผม  เขาก้าวเท้ายาวๆออกห่างไปเรื่อยๆ จนลับตาไปในที่สุด   ในขณะที่ผมได้แต่ยืนสิ้นหวังอยู่ที่เดิม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "Hey!!  He's  that!!"

     

     

     

    เสียงตะโกนที่ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง   ฉิบหายแล้ว!! โชกุนกับฝรั่งร่างยักษ์อีกสี่คนกำลังวิ่งตรงมาที่ผม ....โอยยย  จะบ้าตาย   พวกมึงจะตามราวีกูไปถึงไหนวะ!? T_ T

     

     

     

    ในขณะที่ผมกำลังยืนอึ้งรอรับความเฮงซวยของโชคชะตาอยู่นั้น  มือใหญ่ของใครซักคนก็ฉวยข้อมือผมไว้แล้วออกแรงลากผมให้วิ่งตามไป  ....เป็นฮีโร่นั่นเอง  เขากลับมาช่วยผมอีกครั้งล่ะ  T-T  ขอบคุณจริงๆ!

     

     

     

    ผมกัดฟันระงับความเจ็บที่ข้อเท้าแล้ววิ่งตามฮีโร่ไป   เสียงตะโกนของโชกุนที่ดังไล่หลังอยู่ทำให้หัวใจผมเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นตกใจ   หวังว่าฮีโร่จะมาผมหนีจากไอ้เลวนั่นได้นะ!

     

     

     

    ฮีโร่วิ่งแหวกเข้าไปในงานเทศกาลตาร์นิวัลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนจำนวนมหาศาล  ร่างของผมชนกับคนอื่นๆนับสิบครั้งได้  และทุกคนล้วนแต่ใส่หน้ากากกันทั้งนั้น   โชคดีเหลือเกินที่ใบหน้าของฮีโร่ปราศจากหน้ากาก ไม่อย่างนั้นเกิดมือหลุดขึ้นมาผมคงหาเขาไม่เจอแน่ๆ!

     

     

     

     

     

    "เบต้าหยุดนะ!  มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด!!!" 

     

     

     

     

    เสียงโชกุนยังดังอยู่ไม่ไกลนัก  ผมรีบสับขาวิ่งไม่ลืมหูลืมตา  มือก็จับมือฮีโร่แน่น    ฮีโร่วิ่งฝ่าเข้าไปยังสะพานข้ามแม่น้ำที่ยาวพอสมควร  พื้นที่ส่วนใหญ่ของเวนิสเป็นแม่น้ำดังนั้นที่นี่จึงมีสะพานอยู่ทั่วไปหมด

     

     

     

    ผู้คนที่แออัดบนสะพานทำให้ผมมึนหัวกับกลิ่นน้ำหอมเป็นร้อยๆกลิ่นจนแทบจะอ้วก!    รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นปลาที่กำลังถูกอัดใส่กระป๋องอยู่ยังไงยังงั้น!

     

     

     

    และเรื่องยิ่งเลวร้ายหนักกว่าเดิมเมื่อผู้คนบนสะพานพร้อมใจกันหยุดเดินเพื่อชมพลุที่พึ่งถูกจุดขึ้น

     

     

     

    ฟิ้ว ววว...

     

     

    ตู้ม!!

     

     

     

    เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบข้าง  ผมหายใจไม่ออกและเจ็บบั้นเอวสุดๆเนื่องจากมันถูกดันจนเบียดไปกับขอบสะพาน    การจราจรที่แสนจะติดขัดนี่ทำให้ผมหลุดพ้นไปจากสะพานเหี้ยนี่ไม่ได้ซักที

     

     

     

    และทันใดนั้น

     

     

     

    ปึ่ก!

     

     

     

    ใครก็ไม่รู้เคลื่อนตัวมากระแทกผมอย่างแรง จนมือที่จับอยู่กับมือของฮีโร่หลุดออก  ผมถูกดันจนกระทั่งร่างเกยขอบสะพาน  และ...

     

     

     

    ฟิ้ว ววว...

     

     

     

    ตู้ม!

     

     

     

     

    เสียงพลุดังกลบเสียงร่างของผมที่ตกลงไปในแม่น้ำเย็นเฉียบจนหมด

     

     

     

    ความเย็นของน้ำแทรกผ่านเสื้อโค้ตหนังกลับเข้ามาจู่โจมผมจนหนาวไปถึงกระดูก!  ผมพยายามตะเกียดตะกายขึ้นสู่ฝั่ง  แต่เพราะน้ำอุณหภูมิต่ำเกินไป....ผมจึงเป็นตะคริวและดำดิ่งลงไปต่ำเรื่อยๆ

     

     

     

    หน้ากากขนนกที่สวมอยู่หลุดจากใบหน้าที่แท้จริงของผม  พร้อมๆกับสติสัมปชัญญะที่หลุดลอยไป...

     

     

     

    เวนิสช่างโหดร้าย... ผมเกลียดคาร์นิวัลที่นี่จริงๆ














    - L o a d i n g  1 0 0 % - 







         เปิดเรื่องใหม่อย่างไม่ปรึกษาใคร !~
         เรื่องเก่ายังไม่ได้อัพเลย แง๊ๆ!

        

         ขอบคุณที่เปิดเข้ามาอ่านถึงบรรทัดนี้ค่ะ ;)
         ถ้ามีคำผิดสะกิดได้นะคะ

         บ้ายบาย~




         ♥
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×