ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปราบพยศรักซาตาน (มี E-book)

    ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 665
      4
      4 ม.ค. 59

    จุดเริ่มต้น

    ภายในห้องทำงานของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่สาวๆ ทั้งประเทศ และสาวๆ ต่างแดนต่างเฝ้าใฝ่ฝัน ด้วยใบหน้าหล่อเหลา เรียวรูปไข่ นัยน์ตาคมเข้มสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ปากเรียวบางอมชมพู ผิวขาวเนียนแบบที่สาวๆเห็นก็ต้องอิจฉา ตัดกับสีผมดำสนิทที่มีมาตั้งแต่เกิด เรื่องรูปร่างไม่ต้องพูดถึง หุ่นชนิดที่ว่านายแบบแถวหน้ายังเทียบไม่ติด เนื่องจากเป็นคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ บวกกับส่วนสูงที่มีถึง 190 เซนติเมตร ก็ทำให้ทั้งสาวแท้ สาวเทียม เห็นแล้วละลายกันเลยทีเดียว นายภูตะวัน กิตติเจริญผล เมื่อพูดถึงชื่อ และนามสกุล เพราะเขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผับหรู สัมปทานเหมืองแร่ทางภาคใต้ สัมปทานป่าไม้ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ และโรงแรมตั้งแต่ระดับห้าดาวจนถึงสิบดาว หุ้นส่วนโรงพยาบาล และหุ้นส่วนกิจการอีกมากมายในเครือเคทีพีกรุ๊ป ไม่มีใครในแวดวงสังคมทั้งนักธุรกิจด้วยกัน ไฮโซ หรือแม้แต่วงการบันเทิงก็ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก แต่หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มไม่เคยรู้สึกยินดีเลย กับสังคมจอมลวงโลกพวกนี้ มีแต่คนคิดจะหวังแต่ผลประโยชน์จากตัวเขาทั้งนั้น ภูตะวัน กิตติเจริญผล เริ่มจับธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย และประสบความสำเร็จ และได้รับผลตอบแทนกลับอย่างมหาศาล ด้วยวัยเพิ่งแค่ 26 ปี ซึ่งเป็นกิจการที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเขา ที่เกือบจะพังทลายเพราะ เพื่อนรักและน้องชายแท้ๆ ของผู้เป็นพ่อและลุง ของเขาที่เป็นคนร่วมกันโกงจนเป็นสาเหตุให้ครอบครัวเขาขาดหัวเรือหลักไป จนเขากอบกู้จนมีและรุ่งเรืองมาถึงทุกวันนี้ได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงและลำแข้งของเขา แม่ พี่ชาย ลูกพี่ลูกน้อง และป้าของเขาเอง

    ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องทำงานของชายหนุ่มดังขึ้น “นายใหญ่ครับได้เวลาแล้วครับ” เทพพงษ์ ผู้ที่เป็นทั้งผู้ช่วย เลขาส่วนตัว บอดีการ์ด เพื่อน พี่ชาย ที่รักของชายหนุ่ม เทพพงษ์ เป็นเด็กกำพร้า ที่พ่อและแม่ของชายหนุ่มรับมาเลี้ยง ด้วยความรักดี รักเรียน จึงได้เรียนในระดับที่สูงและได้ทำงานรับใช้ผู้มีพระคุณ ด้วยความซื่อสัตย์ต่อผู้เป็นนายเสมอ 

    “ขอเวลาอีก 5 นาที” ชายหนุ่มพูดขึ้นในขณะที่ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารบนโต๊ะเลย ตั้งแต่ชายหนุ่มต้องเข้ามารับช่วงต่อจากพ่อของเขา ที่โดนฆ่าตายพร้อมกับลุง และสาเหตุที่ทำให้พี่สาวของเขาต้องมานอนเป็นเจ้าหญิงนิทราจนถึงทุกวันนี้ 5 ปีเต็ม ที่เขาโหมงานหนักเพื่อกอบกู้ฐานะของครอบครัว และแก้แค้นผู้ที่ทำให้เขาต้องเสียหัวเรือหลักไป รวมทั้งผู้หญิงคนนั้นที่ย่ำยีหัวใจของเขาจนย่อยยับ เขาต้องแก้แค้น!!

    “ครับนายใหญ่” เทพพงษ์ ตอบรับแต่ไม่ออกจากห้องไปแต่อย่างใด แต่กลับนั่งลงตรงหน้าชายหนุ่มแทน “เมื่อไหร่นายใหญ่จะเลิกโหมงานหนักแบบนี้สักทีครับ 5 ปีแล้วนะที่นายใหญ่ เอาแต่ทำงาน กิจการตอนนี้ก็ดูแลจะไม่หมดแล้ว ถ้าไม่คิดถึงตัวเองก็คิดถึงคนข้างหลังบ้างนะครับ” เทพพงษ์ เริ่มทนไม่ไหวกับการโหมงานของนายตน ด้วยความที่รู้อยู่ว่านายคนเดิมไม่ใช่คนที่เคร่งขรึม ขนาดนี้ ออกจะร่าเริง สดใส ขี้เล่น ไม่แพ้กับบรรดาพี่น้องของเขา แต่เพราะด้วยการผิดหวังจากความรัก และการขาดหัวเรือหลักไปจากที่เมาหัวราน้ำกลับบ้านทุกคืน ทิ้งการเรียน ไม่สนใจใครเอาแต่เก็บตัวเงียบ ก็แปลเปลี่ยนมาเป็นนายภูตะวัน กิตติเจริญผล นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง จนได้ฉายาว่าเป็นพ่อมดแห่งวงการธุรกิจ และกลายเป็นหนุ่มที่ใช่ผู้หญิงได้เปลืองคนนึง ทำเอาการ์ดต้องเพิ่มหน้าที่อารักขาเพิ่มขึ้นทันที

    “เทพ!!...” จากมือที่จับปากกาอยู่ ก็วางและปิดแฟ้มเอกสารตรงหน้าทันที ความจริงเขาได้เคลียงานเรียบร้อยแล้ว แต่ในใจยังไม่พร้อมที่จะออกเดินทาง

    “จะไปก็ไป” พูดจบก็ลุกออกจากเก้าอี้แล้วออกไปโดยไม่สนใจคนที่นั่งอยู่แม้แต่นิดเดียว ด้านเทพพงษ์ ก็เอาแต่ส่ายหน้าเอือมระอากับอารมณ์ของผู้เป็นนายที่เปลี่ยนได้ตลอดเวลา แต่ออกจะเด็ดขาดและเด็ดเดี่ยวเหมือนผู้เป็นพ่อ และในใจลึกๆก็หวังว่า นายใหญ่ของเขาจะเจอใครสักคนที่เข้ามาเติมเต็ม และเปลี่ยนนายใหญ่ของเขาให้เป็นคนเดิม

    “เทพ นี่นายไปเร่งฉัน แต่นายกับชักช้าเองตกลงจะกลับไม่กลับ แซม! ซันกับนัทมันหายหัวไปไหน นี่ตกลงจะกลับกันมั้ยพวกแกนะ!!” ทุกครั้งที่จะกลับเมืองไทย นายของพวกเขาจะมีอาการแบบนี้ทุกครั้ง จนไม่มีใครอยากจะใส่ใจ มีแต่เข้าใจและขำกับอาการผู้เป็นนายทุกครั้ง

    “ซันกับนัทรออยู่ที่ดาดฟ้าแล้วครับ” แซมตอบพร้อมกับส่งยิ้มแหย่ผู้เป็นนาย แล้วได้สายตาที่จะแทบกินเลือดกินเนื้อกลับมาแทน แต่แซมก็หาได้ใส่ใจไม่ ระหว่างการเดินทางจากอเมริกา ภูตะวัน กิตติเจริญผล นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเพื่อไม่ให้ตัวเองหลับ เพราะไม่อยากเจอกับฝันร้าย แต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานจึงทำให้เผลอหลับไป ชายหนุ่มมักฝันถึงเรื่องราวในอดีตทุกครั้งเมื่อจะเดินทางกลับเมืองไทย

    ปัง! เสียงเปิดประตูห้อง “เมนี่! ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้” หญิงสาวเจ้าของชื่อถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเจอชายหนุ่มคนรักของหล่อน ที่เค้ามาเจอหล่อนตอนที่หล่อนกำลังจะขึ้นสวรรค์กับนายทัศดนัยที่เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ “ภูกรี๊ด!!!” ชายหนุ่มเข้ามากระชากร่างของนักธุรกิจคนนั้น และกระหน่ำทั้งหมัดและเท้าใส่ชายหนุ่มผู้โชคร้ายนั้นแทนโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว “หยุดนะภู” หลังจากตั้งสติได้หญิงสาวก็รีบคว้าเสื้อผ้า ที่เพิ่งจะถอดออกแต่ยังไม่ทันหมดขึ้นมาใส่แล้วเข้ากระชากแขน ภูตะวันและเข้าไปขวางไว้เพื่อปกป้องชายหนุ่ม ภูตะวันเห็นดังนั้นหมัดที่กำลังจะลอยมาตรงหน้าของชายหนุ่มกลับชะงักกลางอากาศ ภูตะวันมองหน้าหญิงสาวด้วยแววตาที่เจ็บปวด และแค้น ที่ตนโดนหลอกมาตลอด “ภูไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้นะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำตานองหน้าก่อนจะหันกลับไปบอกชายหนุ่มนักธุรกิจคนนั้น “เดี่ยวคุณรออยู่ในห้องนี้สักครู่นะคะ เดี่ยวเมนนี่ขอไปเคลียร์กับเพื่อนแปปนึงนะค่ะ” ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบรับ จากนั้นหญิงสาวก็ลากแขนภูตะวันออกจากห้องนอนตนแล้วมาที่โซฟา ห้องรับแขกภายในคอนโดแทน

     “ภู เมนนี่อธิบายได้นะค่ะ คือ....” ก่อนที่หญิงสาวจะพูดต่อ

    “พอเถอะเมนนี่ ผมคิดว่าคุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว...”ภูตะวันพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นแต่พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เขาไม่อยากให้ผู้หญิงคนนี้เห็นเขาอ่อนแอ

    “..แต่..”

    “ผมรักคุณมากนะเมนนี่..แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะทรยศความรักของผมด้วยการ หลอกให้ผมรัก ใช่! แล้วผมก็รักคุณ! รักมาก ทำไม เพราะไอ้หมอนั่นมันรวยใช่มั้ย!! ผมจะบอกไรให้นะว่าผม......” ภูตะวันเกือบหลุดปากบอกฐานะที่แท้จริงของเขาให้หญิงสาวรู้ “ผมมันคนไม่มีอะไร ไม่มีเงินให้คุณ” ภูตะวันหันหน้าไปมองหญิงสาวที่เอาแต่นั่งร้องไห้ เห็นแล้วอยากดึงเข้ามาปลอบ แต่เข้าทำไม่ได้เพราะหญิงสาวเป็นของคนอื่นไปแล้ว จากนั้นก็ผลุดลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปยังประตู แต่ไม่ทันที่จะเปิดประตู ก็ต้องชะงักมือ เมื่อหญิงสาววิ่งเข้ามากอดทางด้านหลัง “ภูค่ะ...เมนนี่รักภูนะค่ะ ที่เมนนี้ทำไป เมนนี่จำเป็นจริงๆ เชื่อเมนนี่นะค่ะ” หญิงสาวตัดสินใจพูดความในใจออกมา เพราะรู้ดีว่าคนรักของตนเป็นคนที่เวลาโกรธเปรียบเสมือนทอร์นาโดดีๆนี่เอง

    “..........” ชายหนุ่มแกะมือหญิงสาวออก แล้วเดินจากไปแล้วปิดประตูใส่หน้า ปัง!! หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งร้องให้ แต่ก็ต้องรีบปาดน้ำตาออก แล้วต้องรีบไปหาชายหนุ่มที่รออยู่ในห้องนอนตนพร้อมกับรอยยิ้ม แต่ภายในใจก็ยังคงเศร้าหมอง ภูตะวันเป็นคนที่หญิงสาวรักที่มีแต่ตัว แต่ทัศดนัยเป็นคนที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตา ฐานะทางสังคมพอๆกับหล่อนแต่ลึกๆแล้วหล่อนก็แอบหวั่นไหวกับทัศดนัยเช่นกัน

    ด้านภูตะวันลงมาถึงหน้าคอนโดของหญิงสาวก็เห็นรถหรูยี่ห้อดังของยุโรปคันสีดำมันปลาบ เปิดประตูรอชายหนุ่มขึ้นอย่างกับรู้ว่าวันนี้ชายหนุ่มจะต้องเจออะไร ไม่ใช่ใครก็เทพพงษ์นั่นเอง ชายหนุ่มคิดในใจดีแล้วที่ไม่ได้บอกฐานะทางสังคมที่แท้จริงของตนไป เพราะแค่นี้ก็ทำให้เขารู้แล้วว่าผู้หญิงทุกคนเห็นแก่เงิน โดยไม่สนใจหัวใจของเขาเลยทำให้เขาไม่เป็นอันเรียน และเอาแต่กินเหล้า จนพ่อ แม่ พี่สาว และพี่ชายของเขา ไม่รู้จะทำยังไง เป็นเวลาหลายเดือน

                    แล้วในความฝันของเขาก็ทับซ้อนไปเห็นสภาพของพ่อ ลุง และพี่สาวของเขา ที่โดนไฟครอกจากเหตุการณ์รถระเบิด แต่โชคดีที่วันนั้นเขาตัดสินใจจะมานอนที่บ้านที่เชียงใหม่ หลังจากไปขลุกอยู่ที่ผับของเขาในตัวเมืองเป็นเวลาร่วมเดือน จึงเจอเหตุการณ์นึงข้าพอดีขณะที่วันนั้นเขาตัดสินใจขับกลับบ้าน จากที่กรึ่มๆ จากแอลกอฮอล์ ก็หายจนปลิดทิ้ง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็น รถคันหรูที่พุ่งขนเข้ากับต้นไม่ข้างทางอย่างจัง และไม่ใช่ใครที่ไหน คือ พ่อ ลุง และพี่สาวของเขา ที่เดินทางกลับจากปางไม้ “พ่อ พี่มะตูม ลุงก้อง” ภูตะวันจึงรีบวิ่งลงจากรถ เพื่อเข้าไปช่วย แต่ภูตะวันช่วยได้แค่พี่สาวออกมาได้คนเดียว เพราะเมื่อชายหนุ่มจะเข้าไปช่วย พ่อ ลุง และสมหมายคนขับรถ ปรากฏว่า ตูม!!!รถก็ระเบิด โชคดีที่ชายหนุ่มหลบทันเลยไม่โดนแรงระเบิด แต่พี่สาวของเขากลับโดนแรงระเบิดแต่ไม่มากจึงทำให้ร่างที่วางอยู่บนถนนลอยกระเด็นเกือบถึงรถของเขา

     

    “นายใหญ่ครับ นายใหญ่” เทพพงษ์ เข้ามาปลุกเมื่อเห็นว่าเครื่องกำลังจะร่อนลงภูตะวันสะดุ้งตื่น ใบหน้าซีดเซียว เหงื่อเต็มหน้าทั้งๆ ที่ภายในห้องโดยสารเปิดแอร์เย็นช่ำ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

    “อืม!

                    เมื่อเครื่องลงจอดสนิทที่สนามบิน ชายหนุ่มเดินลงมาจากเครื่องพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าคนที่มารอรับเขาเป็นใคร

    “คิดถึงคุณแม่จังเลยครับ” ชายหนุ่มเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่พร้อมรอยยิ้มที่อ่อนหวานซึ่งน้อยคนนักที่จะได้เห็น ลูกน้องของภูตะวันจะรู้ดีถ้าจะกลับเมืองไทยที่แรกที่จะมาคือเชียงใหม่ บ้านเกิดของเขานั้นเอง

    “ไม่ต้องมาปากหวานเลยพ่อตัวดี คิดถึงแม่ไม่เห็นกลับมาให้แม่ชื่นใจบ้างเลย...” คุณนายกิตติ์วรางค์ หยิกแก้มลูกชายเพื่อหยอกล้อแล้วสวมกอดอีกครั้ง

    “แต่ผมก็โทรหาคุณแม่ทุกวันนะครับ”

    “ใช่ โทรหาแม่ทุกวัน..ถ้าว่างจากผู้หญิงของลูก” คุณนายกิตติ์วรางค์หรือนายแม่ทำท่างอนๆให้ลูกชาย

    “โธ่!! คุณแม่ครับ อย่าน้อยใจสิครับ แม่ก็รู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับผมเลย ก็แค่ผ่อนคลายก็เท่านั่น” ผู้เป็นแม่ฟังแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ เลยตีป๊าบ เอาที่แขนทีนึง

    “จร้า พ่อคนมีเสน่ห์ แล้วเมื่อไหร่จะหาลูกสะใภ้ให้แม่เป็นตัวเป็นตนให้แม่สักทีละ”สีหน้าของชายหนุ่มดูเปลี่ยนไปทุกครั้งเมื่อผู้เป็นแม่เอ๋ยเรื่องนี้ขึ้นมา

    “อีกนานครับ...ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะดีและรักผมเท่าแม่แล้วละครับ”

    “ไปๆๆ เดี่ยวจะไปหามะตูมก่อนมั้ย แล้วไปไหว้คุณพ่อ แม่ใหญ่กับตาโก้ก็คงรอเราอยู่เหมือนกัน” คุณนายกิตติ์วรางค์เลยเปลี่ยนเรื่องพูดเพื่อไม่อยากทำลายบรรยากาศ นานๆ ที่ลูกชายคนนี้จะหยุดบ้างานเพื่อกลับบ้าน

    “นี่พี่มะตูมอาการยังไม่ดีขึ้นเลยหรอพี่หมอ” ภูตะวันถามพี่ชายของตนทันทีเมื่อเห็นสภาพพี่สาวของตน ที่กลับมาเยี่ยมกี่ครั้งก็ยังไม่ยอมฟื้นสักที แต่วันนี้สภาพพี่สาวของตนแปลกไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา คือหน้าตาดูมีน้ำมีนวลขึ้น สดใสขึ้นกว่าทุกครั้งที่มาเยี่ยม

    “อาการทั่วไปของมะตูม ดีขึ้นเยอะมาก นี่ก็ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจมาเกือบปีแล้ว มะตูมเขารับรู้ทุกอย่างนะ แต่เพียงแค่เขายังไม่ยอมตื่นสักที สงสัยว่ามะตูมคงจะเหนื่อย และอาจจะช็อคกับเหตุการณ์ที่เจอ”ภูตะวันได้ฟังอาการของพี่สาวแล้วอดแค้นกับพวกที่ทำลายครอบครัวเขาไม่ได้

    “ครับ...พี่เต้ ตอนนี้พวกมันก็กำลังจะได้รับผลกรรมที่มันทำกับพวกเราไว้” ภูตะวันพูดพร้อมกับยื่นมือไปจับและบีบมือเบาๆพี่สาวที่นอนนิ่งอยู่

    “แล้วนายจะกลับมาอยู่บ้านกี่วัน”

    “ยังไม่รู้เลย กะว่าจะเข้าไปเคลียร์เรื่องที่มหาวิทยาลัยเก่าด้วย หลังจากทิ้งไปนาน ถึงแม้จะไม่จำเป็นต้องเรียนต่ออีก แต่อดเสียดายไม่ได้ไปสอยใบปริญญาให้คุณแม่มาอีกสักใบก็ไม่เลว แล้วอาจจะอยู่บ้านสักพัก เพราะความจริงธุรกิจของเราที่อเมริกาไม่จำเป็นต้องอยู่ประจำที่นู้นก็ได้ เพราะมีคนดูแลประจำที่นู้นอยู่แล้ว” จริงๆ เขาไม่จำเป็นกลับมาเคลียร์เรื่องเรียนกับมหาลัยเก่าก็ได้เพราะเขาจบถึงปริญญาโทจากมหาลัยชื่อดังของอเมริกา

    “พี่มะตูม!!” ภูตะวันพูดออกมาด้วยความดีใจเมื่อรู้สึกว่ามะตูมได้ตอบสนองโดยการบีบมือเขากลับราวกับจะบอกว่าเขาคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจแบบนี้

    “พี่เต้!!พี่มะตูมบีบมือผม” ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นและตื้นตัน เพราะนี่เป็นสัญญาณที่ดีที่พี่สาวของเขาจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

    “ต๊ะ เดี่ยวพี่ขอตรวจอาการมะตูมแปปนะ แล้วพี่วานให้นายออกไปบอกพยาบาลหน่อยให้เอากระเป๋าอุปกรณ์ของพี่เข้ามาด้วย” ภูตะวันยอมหลีกให้เป็นหน้าที่ของพี่ชายของเขา แล้วไปตามพยาบาลทันที จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินไปยังห้องพระเพื่อไหว้อัฐิของบิดาและลุงของตน พร้อมกับอธิฐานให้ทั้งสองช่วยพาพี่สาวของตนกลับมาส่ง ให้เธอได้กลับมาอยู่กับครอบครัวอีกครั้งหรือถ้าพี่สาวของเขาไม่อาจกลับมาได้ก็ขอให้จากไปแบบสงบอย่าให้ต้องทรมานหรือเจ็บปวด เหมือนดั่งเช่นทุกครั้งที่เขากลับบ้านและจะอธิฐานแบบนี้ทุกครั้ง

    “เกิดอะไรขึ้นตาต๊ะ ทำไมพยาบาลถึงเข้ามาเอากล่องเครื่องมือ หรือว่า ยายมะตูม” คุณนายกิตติ์วรางค์วิ่งขึ้นมาพร้อมกับแม่นม ยังห้องนอนลูกสาว แต่เจอกับภูตะวันที่เดินออกมาจากห้องพระก่อนจึงวิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปถาม ก่อนจะร้องไห้ออกมา แม้จะทำใจไว้แล้วก็ตาม

    “คุณหนูของนมไม่เป็นอะไรใช่มั้ยค่ะ” ภูตะวันจึงเดินเข้าไปโอบไหล่ของผู้เป็นแม่

    “ไม่มีอะไรหรอกครับคุณแม่ คุณนม”

    “ถ้าไม่มีอะไร ทำไมต้องเอากล่องเครื่องมือเข้าไปละ” คุณนายดลการหรือแม่ใหญ่ ถามด้วยหน้าตาตื่นเช่นกัน หลังจากที่เพิ่งกลับมาจากดูงานที่รีสอร์ท กับลูกชายเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี

    “สวัสดีครับแม่ใหญ่” ภูตะวันยกมือไหว้พร้อมเข้าไปสวมกอด แล้วไม่ลืมที่จะหันไปทักทายญาติเขาอีกคนนึง “สบายดีนะโก้”

    “ฉันสบายดี” จากนั้นภูตะวันเดินเข้าไปประคองนายแม่ของบ้านไปนั่งที่โซฟาหน้าห้องนอน บนชั้น 2 ของบ้าน ของพวกเขา

    “จะบอกแม่ได้รึยัง ตาต๊ะว่ามะตูมเป็นอะไร” นายแม่พูดไปก็ร้องไห้ไป

    “เลิกร้องไห้ได้แล้นะครับคุณแม่...” พูดจบก็เอามือปาดน้ำตาให้ผู้เป็นแม่ แล้วก็ส่งยิ้มให้ “พี่มะตูมไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ แค่ตอนที่ผมพูดว่าผมจะกลับมาอยู่บ้านแล้วเคลียร์เรื่องเรียนที่ค้างไว้ให้จบ พี่มะตูมก็บีบมือผมตอบครับ” เมื่อภูตะวันพูดจบ ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความตื้นตัน โดยเฉพาะนายแม่ที่จะดีใจมากเป็นพิเศษ เพราะนอกจากอาจได้รับข่าวดีว่าลูกสาวหล่อนจะฟื้นแล้วลูกชายของเขาก็จะกลับมาอยู่บ้าน และจะตั้งใจเรียนให้จบ สำหรับหล่อนแล้วเรื่องเรียนหล่อนไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ แค่ลูกชายหล่อนประสบความสำเร็จทุกวันนี้หล่อนก็ภูมิใจมากแล้วที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา แม้จะขาดผู้เป็นสามีไปแค่นี้หล่อนก็มีความสุขมากแล้ว เงินทองหล่อนไม่เคยใส่ใจเลย เป็นไปได้อยากจะขายกิจการให้หมดเพื่อที่ครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้ากัน

    “จริงหรอที่เราจะกลับมาอยู่บ้านกับแม่แล้ว พูดแล้วห้ามเปลี่ยนใจนะ”

    “ครับ สัญญาครับแม่”

    “สงสัยต่อไปคุณน้าต้องฝึกรับมือกับสาวๆ ของต๊ะมันที่ไม่เคยซ้ำหน้าแล้วละครับ” คำพูดของภูวดลเรียกเสียงหัวเราะของทุกคนได้

    “เต้ น้องเป็นไงบ้างลูก”นายแม่ถามขึ้นทันทีที่เห็นลูกชายคนโตเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มจากห้องลูกสาว

    “ตอนนี้น้องตอบสนองได้เยอะมากแล้วครับแม่ และอีกไม่นานผมว่าน้องต้องฟื้นขึ้นมาแน่ๆครับ ผมมั่นใจ”

     

                    หลังจากที่พักผ่อนที่บ้านมาได้ 2 วัน ชายหนุ่มชอบมานั่งตรงบ้านหลังเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านใหญ่ เนื่องจากบ้านหลังนี้สงบ เงียบ อยู่แล้วสบายใจผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก อีกอย่างตัวบ้านก็อยู่ใกล้กับสระบัวและสวนดอกไม้ของนายแม่ที่มักชอบหาพันธุ์ดอกไม้แปลกๆ สวยๆ และมีกลิ่นหอมมาปลูกเสมอ

    “อาวเทพ ตั้งแต่กลับบ้านมาเนี่ย รู้สึกว่าหายจะหายหน้าหายตาไปเลยนะ ใช่สิเห็นหญิงสำคัญกว่าฉันอยู่แล้วนิ” ภูตะวันพูดไปก็กลั้วหัวเราะไปด้วยรู้ว่า ลูกน้องคนสนิทของเขาจะให้เวลากับคนรักของเขาเต็มที่ ก็เพราะนานๆจะได้กลับบ้าน แต่ทั้งคู่ก็ยังคงรักกันไม่เปลี่ยนแปลงมีแต่มากขึ้น ๆทุกวันด้วยซ้ำ คิดแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้

    “แหม นายใหญ่ก็ทำเป็นพูดไป เห็นพวกไอแซม นัท ซัน แล้วก็ซาแมนต้า มันหายหัวไปตั้งแต่นายกลับมา เห็นนายไม่เห็นบ่นเลยนิครับ”

    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า.... แล้วพิมพ์เป็นไงบ้าง สบายดีนะ”

    “ครับ เธอสบายดี แถมยังมีข่าวดีด้วย”

    “ข่าวดีอะไร”

    “ตอนนี้พิมพ์ท้องได้ 2 เดือนแล้วครับ” คนพูดหน้าตายิ้มแย้มมากกว่าปกติ

    “ดีใจด้วยนะเทพ....ครอบครัวนายจะได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์สักที” เจ้านายหนุ่มพูดออกมาจากใจจริง เขาดีใจที่เห็นลูกน้องเขามีความสุข “เมื่อไหร่ฉันจะมีวันนี้แบบนายบ้างนะ” หน้าที่เปื้อนยิ้มอยู่เมื่อครู่ กลับมาเศร้าหมองลงทันตา ชายหนุ่มมองออกไปยัง สระบัว หวังว่าให้บรรยากาศเหล่านั้นช่วยคลายความเศร้าแต่ไม่เลย

    “ผมเชื่อว่าวันนึงนายใหญ่จะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนผม หรืออาจจะดีกว่าผมด้วยซ้ำไป” ภายในใจของภูตะวันก็หวังให้เป็นแบบนั้นเช่นกัน แต่เขาก็ยากที่จะพูดได้เต็มปากว่าเขาลืมรักครั้งแรกไปหมดแล้ว แต่เขากลับจำขึ้นใจเพื่อตอกย้ำตัวเอง ให้รู้ว่าเขาไม่ควรเผลอใจให้ใครอีก ครืด!! ครืด!! ครืด!! ครืด!! ภูตะวันหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาก็พบว่าเป็นเบอร์ของเพื่อนรักเขานั่นเอง ผู้กองด็อจ หรือร้อยตำรวจเอกภาคภูมิ วัฒนา เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กๆ ของเขา ที่ยังคงติดต่อกันอยู่เสมอ

    “ว่าไงผู้กอง”

    “คุณภูตะวันครับ จะกลับบ้านกลับช่องไม่คิดจะบอกเพื่อนฝูงบ้างรึไงครับ ต้องให้ผมกับผู้กองมิ้นเนี่ยสืบเองใช่มั้ยถึงจะรู้ว่ากลับมาเนี่ย นี่ถ้าน้องดากับน้องภาไม่บอกก็คงไม่รู้สินะ” น้องดา หรือภารดา แฟนสาวของภาคภูมิ และน้องภา หรืออรนภา แฟนของมิ้น (นวมินทร์ สุวรรณกิจ) ซึ่งเป็นพี่น้องฝาแฝด เป็นญาติทางฝ่ายแม่ของภูตะวันที่ได้เข้ามาเยี่ยมครอบครัวของภูตะวันเมื่อวานนี้หลังจากกลับบ้านมาช่วงมหาลัยปิดช่วงปลายสัปดาห์

    “ก็ฉันรู้ไงว่าน้องดากับน้องภาต้องบอกแกแน่ ฉันเลยขี้เกียจบอก”

    “เออ ให้มันได้แบบนี้สิเพื่อน อ่อ! ได้ยินน้องดาบอกว่าแกจะกลับมาเรียนหรอว่า”

    “ใช่ ทำไมหรอ มันน่าแปลกใจตรงไหน”

    “ฉันว่าแกไม่เห็นจำเป็นต้องกลับไปเรียนก็ได้มั้ง แกออกจะรวยล้นฟ้าแถมดีกรีนักเรียนนอกอีก”

    “ทำไมวะ แค่ฉันอยากจะกลับไปเรียนให้จบ เดี่ยวเขาจะหาว่าฉันไม่เอาไหนใช้อำนาจเงินซื้อปริญญาจากนอก”

    “โห!! ฉันถามนิดเดียวตอบเสียยาว เออๆๆ คืนนี้แกจะเข้าเมืองป่าววะ”

    “กะว่าจะเข้าอยู่ จะเข้าไปดูงานที่ผับด้วย ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้จับงานเป็นชิ้นเป็นอันเลย”

    “เออ ดีๆๆ งั้นคืนนี้ฉันกับไอมิ้นจะเข้าไปหาแกที่ผับ มีธุระจะคุยกับแกด้วย แล้วเจอกันเพื่อน”

    “โอเค” ภูตะวันกดวางสาย แล้วสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นเข้มขรึม สันกรามถูกขบจนเป็นเส้นนู้น มือกำโทรศัพท์แน่น ด้วยอารมณ์โกรธแค้น

    “เทพ แซม ใกล้จะได้เวลาที่เราจะได้แก้แค้นแล้ว เตรียมตัวให้ดี!!!” สายตาของชายหนุ่มลุกโชนไปด้วยไฟโกรธที่พร้อมจะเผาทำลายทุกสิ่ง

    “ครับ!! นายใหญ่”

    “เทพ นายไม่ต้องไป ฉันอยากให้นายอยู่ที่นี่ ดูแลนายแม่ และพิมพ์”

    “ไม่ครับ!! ยังไงผมก็จะไปด้วย!!

                    ภายในผับหรูใจกลางตัวเมืองเชียงใหม่ ผู้คนมากมายมาใช้บริการ ทั้งนักธุรกิจ นักการเมือง หรือแม้แต่นักศึกษาที่ชื่นชอบการเที่ยว ผับของภูตะวันมีกฎระเบียบเคร่งครัด ผู้ใช้บริการจะต้องมีอายุตามกฎหมายกำหนด จึงไม่พบปัญหาเด็กเข้ามาใช้บริการแล้วเกิดปัญหา ห้ามพนักงานที่เป็นผู้หญิงทุกคนนั่งดื่มกับลูกค้า หรือมีการขายบริการเกิดขึ้นในร้านเด็ดขาด รวมทั้งการใช้สารเสพติดภายในผับห้ามเข้ามาภายในผับของเขาแม้แต่เศษผง ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาจะเป็นคนทำลายมันเองรวมทั้งผู้ที่นำเข้ามา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผับแห่งนี้มีผู้เขามาใช้บริการมากกว่าที่อื่นเนื่องจากปลอดภัยเพราะการ์ดที่ดูแลที่นี่ เป็นการ์ดของเครือ KTP พร็อบเพอร์ตีของภูตะวันทั้งนั้น ล้วนแล้วผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี

                    เมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมเหล่าบอดีการ์ดทั้ง 5 คน อย่าง เทพพงษ์ นัท แซม ซัน และซาแมนต้าเข้ามาภายในร้านก็ตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าบรรดาสาวๆ ที่มาใช้บริการรวมทั้งพนักงานสาวๆ แต่ชายหนุ่มหาได้สนใจไม่ ใบหน้าอันเคร่งขรึมก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของชายหนุ่มลดลงเลย กลับเป็นเสน่ห์ไปอีกแบบ ภูตะวันเดินกวาดสายตาดูความเรียบร้อยทั่วไปแล้วเดินขึ้นไปยังห้องทำงานของตน ซึ่งมีแซมรออยู่ก่อนแล้ว เพื่อรอเพื่อนของตน

     “ซัน นัท นายสองคนไปเช็คดูความเรียบร้อยของผับ แล้วก็ข้อบกพร่องของแผนกต่างๆ เอาข้อมูลมาให้ฉันด้วย ส่วนแซม และซาแมนต้าพวกนายรู้หน้าที่ของนายดีใช่มั้ย” ภูตะวันพูดพร้อมยิ้มมุมปากให้

    “ครับนาย..แหมบางทีนายให้ผมทำอย่างอื่นบ้างก็ได้นะครับ...แล้วคืนนี้จะมีสาวๆ สวยๆ คนไหนมาอยู่ข้างๆ ครับ” แซมพูดพร้อมกลั้วเสียงหัวเราะออกมา หน้าที่ของเขากับซาแมนต้าก็คือ ไปสืบดูว่ามีพนักงานหญิงคนไหนฝ่าฝืนคำสั่งบ้าง รวมทั้งเฝ้าจับตาดูว่าผู้ใช้บริการที่เป็นผู้หญิงคนไหนโดนละเมิดบ้างเพราะเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่ได้ไล่พนักงานคนนั้นออกไปแล้วแล้วสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาเหยียบที่ผับแห่งนี้อีก ที่ว่าเป็นงานถนัดคือ การได้นั่งเฝ้ามองสาวๆ นั่นเอง และเหตุที่ทั้งคู่ทำได้เพราะแม้จะเป็นคนใกล้ชิดของเขาที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นหน้าพวกเขาสักเท่าไหร่ หรือทำหน้าที่เป็นสายลับนั่นเอง จึงไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่เป็นคนของภูตะวัน

    “ไม่ละ ผู้หญิงน่าเบื่อ แล้วคืนนี้คงไม่มีใครมาหาฉันหรอกเพราะว่าไม่มีใครรู้ว่าฉันอยู่เมืองไทย พวกนายไปทำหน้าที่ของนายได้แล้ว มัวแต่โอ้เอ้อะไรอยู่”

    “ครับ!!” ทั้ง 4 พูดพร้อมกัน พร้อมกับก้มตัวลงแล้วหันหลังแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง

    “เทพ ความจริงนายไม่ต้องมาก็ได้นะ น่าจะเอาเวลาไปดูแลพิมพ์”

    “ไม่ครับนายใหญ่ ผมอยากจะตอบแทนครอบครัวของนาย ต่อให้ผมต้องตาย ก็ยอม พิมพ์เธอเข้าใจครับ”

    “แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ..นายอย่าลืมว่านายกำลังจะมีลูก นายจะต้องดูและพวกเขาให้ดีที่สุด อีกอย่างถ้านายเป็นอะไรไป ฉันต้องรู้สึกผิดไปจนตาย”

    “นายไม่ต้องกังวลไปครับ งั้นเอาเป็นว่าเที่ยงคืนผมจะกลับก็แล้วกันครับ แล้วนายจะกลับไปนอนที่บ้านใหญ่มั้ยครับ”

    “ดีแล้ว เพราะคืนนี้ไม่แน่ฉันอาจจะไม่กลับ แต่ถ้านายกลับยังไงก็ให้นัทไปเป็นเพื่อนละกัน ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น”

    “ครับนาย”

    ก็อกๆๆๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเพื่อนตำรวจของเขาทั้ง 2 คน

    “เฮ้ย ต๊ะ แหมไม่เจอกันนานดูแกดูดีขึ้นนะ” ภาคภูมิเป็นคนทักคนแรก

    “แหมๆๆ เมื่อไหร่แกจะหาสะใภ้ให้แม่แกสักทีวะ เห็นควงแต่ละครั้งไม่เคยซ้ำหน้าเลย” นวมินทร์พูดขึ้นมา

    “อีกนานวะ ตราบใดที่ยังไม่เจอผู้หญิงแบบน้องดากับน้องภา ก็คงครองโสดแบบนี้ต่อไป”

    “อาว เฮ้ย! ทำไมต้องเหมือนแฟนพวกฉันด้วยวะ” ภาคภูมิแอบฉุนขึ้นมานิดๆ แต่ก็ไม่ได้จริงจัง ภูตะวันไม่ตอบแต่กลับยักไหล่แทน พร้อมยิ้มมุมปาก

    “เอาละๆ เข้าเรื่องดีกว่า” นวมินทร์รีบห้ามทัพก่อนที่จะเกิดสงครามกวนประสาทของเพื่อนทั้ง 2 หนุ่ม หยุดล้อกันแล้วพร้อมที่จะเงียบเพื่อฟังเรื่องราวต่างๆ

    “ตอนนี้อย่างที่รู้กัน ว่านายกุลธีร์อาของนายกับนายธนชาติ ลักลอบค้าอาวุธเถื่อนและค้ายา อีกอย่างก็ได้โกงบริษัทในเครือของพ่อนายเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้หลักฐานที่ 2 คนนั้นโกงฉันก็ได้มาหมดแล้ว ฉันกำลังออกหมายจับ แต่ฉันยังหาหลักฐานการค้าของผิดกฎหมายยังไม่ได้ แล้วฉันก็อยากให้นายตรวจสอบคนของนายให้ดี เพราะฉันคิดว่า คงจะมีคนของพวกมันกระจายอยู่ตามบริษัทต่างๆ ในเครือแกเป็นแน่ เพราะงานแบบนี้ทำคนเดียวไม่ได้ ฉันอยากให้ตรวจสอบการทำงานทุกอย่างทุกขั้นตอนให้ดี เพื่อกันไว้ก่อน เพราะตั้งแต่แกไปอยู่ต่างประเทศ บริษัทในเครือของแกที่อยู่ในไทย เริ่มจะมีกลิ่นไม่ค่อยดี ถึงแม้ว่านายจะผู้ช่วยของนายดูแลอยู่และหมั่นตรวจสอบอยู่ก็ตาม”ภูตะวันขบกรามเข้าหากันจนเป็นสันนูน แล้วกำมือแน่นตามแรงอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น เมื่อได้ยินเองราวจากเพื่อน

    “ใช่ ไอต๊ะ ฉันคิดว่ามันน่าจะมีเส้นสายที่แฝงตัวอยู่ เพื่อทำลายแกอยู่เพียงแค่รอเวลาให้แกเผลอ ก่อนหน้าที่แกจะกลับเมืองไทย ซร์อฟแวร์ทั้งระบบของนายเพิ่งโดนป่วนไป รวมทั้งอยู่ๆ หุ้นนายก็ตก แต่โชคดีที่ บริษัทของนายมีความน่าเชื่อถืออยู่มาก มันจึงทำอะไรไม่ได้” ภาคภูมิช่วยเสริม ในขณะที่ภูตะวันยังคงนั่งเงียบ เพื่อใช้ความคิดและทบทวนเรื่องราวต่างๆด้วยอารมณ์ที่เริ่มทวีแรงขึ้น

    “ใช่ครับนายใหญ่ คือเมื่อตอนเย็นก่อนจะมาที่ผับ นายแม่ได้ให้ผมไปตรวจสอบสินค้าล็อตใหม่ที่จะส่ง พบว่ามีคนเปลี่ยนของ ที่เราจะส่งให้ลูกค้า แล้วก็ตอนนี้มีการฮั่วประมูลการก่อสร้างเพิ่มเติม ของรีสร์อททางใต้ แต่ตอนนี้นายเหมืองพลเข้าไปคุมอยู่ ไม่มีปัญหาแล้ว แล้วก็ที่ไทยจิวเวอรี่ อาซานโต้ บอกว่านอกจากมีการปั่นหุ้นแล้ว ซร์อฟแวร์ของตึกและระบบในเครือแล้ว ยังมีการก่อความปั่นป่วนที่ไทยจิวเวอรี่ด้วย ตอนนี้จับคนที่เข้าไปป่วนได้แล้ว แล้วเราก็ได้หลักฐานมัดตัวพวกมันด้วยครับ” เส้นความอดทนขาดผึง ปัง!!!! เสียงตบโต๊ะดังขึ้นตามแรงโมโห

    “เทพ!!! เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมนายเพิ่งบอกฉัน ห๊า!! เรื่องระบบ ฉันได้ส่งซร์อฟแวร์ตัวใหม่ไปแล้ว และเพิ่มระดับการป้องกันด้วย ฉันพลาดเองที่ไม่รอบคอบให้มันเจาะข้อมูลได้ แต่เรื่องสิ้นค้าถูกเปลี่ยน เรื่องก่อสร้างรีสร์อท แล้วก็เรื่องที่ไทยจิวเวอรรี่ ทำไมนายไม่บอกฉัน” ตอนนี้แววตาของภูตะวันกลายเป็นเพลิงที่พร้อมจะเผาทำลายทุกอย่าง ณ ตอนนี้ก็ไม่มีใครที่สามารถเข้าหน้าเขาติดเลยสักคน “พรุ่งนี้เรียกประชุมด่วนที่ไทยจิวเวอร์รี่ บอกโก้ด้วยอย่าให้นายแม่สงสัยเด็ดขาด แล้วบอกพลด้วยว่า เตรียมคำตอบและหลักฐานให้ฉันให้ครบก่อนฉันจะไปถึง หลังจากที่ประชุมเสร็จ อ่อ แล้วแจ้งทนายจามรด้วย หลักฐานทุกอย่างทำสำเนาเก็บรักษาต้นฉบับให้ดี...ตอนนี้ปล่อยให้มันได้ใจไปก่อน ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะให้บทเรียนบทใหญ่แก่มัน!!!!” สีหน้าและแววตาของผู้เป็นนายทำเอาทุกคนในห้องถึงกับเสียงสันหลังแทนพวกนั้นจริงๆ ยิ่งเห็นยิ่งขนลุก

    “ครับนายใหญ่” หลังจากรับคำสั่งแล้วเทพพงษ์ก็น้อมตัวลงออกไปจัดการงานที่ได้รับมอบหมาย ภายในใจคิดได้เพียงว่าเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว ถ้าหากเพื่อนของเจ้านายหนุ่มไม่อยู่ด้วย เขาคงโดนนายของเขาฆ่าตายแล้วแน่ๆ

    “ไอต๊ะ ฉันว่าตอนนี้แกใจเย็น ๆ ก่อน ดีกว่า ฉันว่าตอนนี้มันไม่กล้าที่จะทำอะไรหรอก เพราะบางทีพวกมันอาจจะรู้แล้วว่านายรู้ตัวแล้ว อีกอย่างนายไม่ต้องห่วงหรอกเพราะว่าพวกมันยังไงก็ดิ้นไม่หลุดแน่ คดีอาชญากรรมเพียบซะขนาดนั้น” ภาคภูมิพูดเพื่อปรามให้เพื่อนใจเย็นลง

    “พวกแกจัดการให้ถึงที่สุด!! ฉันไม่มีวันยอม แล้วฉันจะเอาหลักฐานที่ฉันมีอยู่ให้พวกนาย”

    “ฉันว่าพวกเราออกไปข้างนอกดีกว่า รู้สึกบรรยากาศในนี้มันอึมครึม” นวมินทร์เอ่ยขึ้น

    “เออๆๆ ได้ ออกไปก็ดีเผื่ออารมณ์จะดีขึ้นบ้าง ขอบใจพวกแก 2 คนมากเลยนะที่คอยช่วยเหลือคดีของพ่อฉัน”

    “ไม่เป็นไรหรอกยังไงเราก็คนกันเองทั้งนั้น ไปกันเถอะ” นวมินทร์เอ๋ยขึ้นพร้อมเปิดประตูจะออกไปแต่ก็สวนทางกับแซมและนัทที่ถือแฟ้มเอกสารขึ้นมา

    “ฉันว่า ไอต๊ะคงไม่ได้ลงไปแล้ววะ ดูดิ มันบ้างานขนาดหนัก” ภาคภูมิเอ๋ยขึ้นเมื่อเห็นแฟ้มเอกสาร

    “ขอโทษทีวะ ฉันขอตัวสักครึ่งชั่วโมงละกัน ขอเคลียร์เอกสารแปป เดี่ยวตามลงไป” ภูตะวันเอ๋ยขึ้นพร้อมเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน

    “เออๆ รีบๆละกัน เดี่ยวไม่มีสาวๆให้มอง” ภาคภูมิแหย่เพื่อนเขาเล่นเพราะรู้ดีถ้าหากชายหนุ่มได้ลองไปนั่งข้างล่างแล้วอย่างน้อยๆ ก็จะต้องมีสาวๆ มาเคียงคู่เพื่อนเขาคนนึง

    หลังจากเคลียร์เอกสารเสร็จพร้อมสั่งให้ลูกน้องเพิ่มระดับความปลอดภัยของทุกระบบ เป็นอันดับ 3 โดยที่กระทำโดยให้น้อยคนรู้เพื่อที่จะเฝ้ามองดูท่าทีของศัตรูฝ่ายตรงข้ามจากนั้นภูตะวันก็เดินมาที่โต๊ะวีไอพีที่เพื่อนตำรวจเขานั่งอยู่ “อาว ไอมิ้นไปไหนวะ” ภูตะวันถามขึ้นเมื่อเข้ามาไม่เจอภูวดล

    “ไปเข้าห้องน้ำ เดี่ยวคงมา...โน้นไงมาและ” ยังพูดไม่ทันขาดคำก็เห็นนวมินทร์เดินมา “เฮ้ย นั่นมัน ยัยริสานางแบบที่แกเคยควงนิไอต๊ะ”

    “จะบ้าหรอ ไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง” ภูตะวันหันไปมองตามคำบอกขอเพื่อนก็เห็นว่าริสา ที่แต่งตัวด้วยชุดสีแดงรัดรูป สั้นแค่คืบ เปลือยให้เห็นแผ่นหลังกำลังเดินตรงเข้ามาหาเขาเสียแล้ว จะหลบก็หลบไม่ทันเสียแล้ว

    “ซวยแล้วไง”ภูตะวันพูดพร้อมทำหน้าเซงๆ ริสาเป็นผู้หญิงที่ชายหนุ่มคั่วอยู่คนสุดท้ายก่อนที่อเมริกาเมื่อ 2 เดือนก่อน หล่อนพยายามเป็นข่าวกับชายหนุ่มเพื่อผูกมัดชายหนุ่มและเกาะชายหนุ่มดัง ทั้งๆ รู้จักกันแค่ 3 วันด้วยซ้ำ เธอเป็นผู้หญิงร้อนแรงที่พร้อมที่จะทำทุกอย่างได้เสมอเพื่อแลกกับเงินและชื่อเสียง

    “ภูตะวันค่ะ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะไม่บอกริสาเลย” ไม่พูดเปล่าหญิงสาวเข้ามานั่งเบียดแทบจะนั่งตักชายหนุ่มพร้อมเกาะแขน เพื่อออดอ้อนชายหนุ่ม

    “เพิ่งกลับมาครับ แล้วริสามาทำอะไรถึงที่นี่ละครับ” ภูตะวันถามขึ้นทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าหล่อนจงใจจะมาหาหล่อน

    “พอดีริสา มาถ่ายแบบที่นี่นะค่ะ เบื่อๆเลยออกมาเที่ยวเผื่อจะเจอคุณ และแล้วก็ได้เจอจริงๆด้วย” ไม่พูดเปล่าแต่มือของหญิงสาวกลับลูบไล้เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ในตัวของชายหนุ่ม

    “เอ่อ ริสานี่เพื่อนผม นวมินทร์ แล้วก็ภาคภูมิ”

    “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ” หลังจากนั่งคุยกันได้พักใหญ่ภูวดลและภาคภูมิก็ขอตัวกลับเพราะพรุ่งนี้มีงานต่อ ส่วนริสา ก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไปที่เขาเคยคบหาด้วย คืนนี้เขาและเธอก็จบลงบนเตียงเช่นเดิมพร้อมด้วยเช็คเงินสด 6 หลัก สำหรับชายหนุ่มแล้วผู้หญิงมีค่าแค่นี้และเขาก็ไม่เคยคิดจะสนใจใยดีต่อผู้หญิงเหล่านั้นเลย แต่จริงๆแล้วหญิงสาวต้องการมากกว่านั้นคือ การได้แต่งงานกับชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มก็รู้ทันหล่อนเสมอ เมื่อมีอะไรกันแล้วก็จะตัดความสัมพันธ์ทันที ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะรู้ดี มีก็แต่เธอคนนี้นี่แหละที่ขยันอยากเป็นข่าวกับเขาเสียเหลือเกิน ผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตเขามีแต่คนหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจหรือแม้แต่บางคนก็หวังจะเป็นถึงนายหญิง แต่เขาก็จำต้องยอมรับผู้หญิงเหล่านี้เพื่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจ แต่ถึงเค้าจะไม่ยอมรับการมีสัมพันธ์กับผู้หญิงเหล่านี้ ธุรกิจของเขาก็อยู่ได้ แต่มีหรือที่เขาจะปฏิเสธเพราะมันก็สามารถทำให้เขาคลายเครียดและผ่อนคลายลงไม่ใช่น้อยเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียวที่ทำให้เขาต้องมองผู้หญิงใหม่ เขาเกลียดหล่อน!!!ผู้หญิงทรยศ!!

                    ตอนนี้บรรยากาศภายในห้องประชุมบนตึกไทยจิวเวอรี่ที่มีแต่ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นบุคคลที่ชายหนุ่มไว้ใจและเป็นบุคคลที่คอยดูแลกิจการทุกอย่างให้ชายหนุ่ม ซึ่งพวกเขาจะรู้เรื่องราวทุกอย่างของชายหนุ่มอย่างไม่มีความลับต่อกันขณะนี้บรรยากาศในห้องประชุมลับกำลังครุกลุ่นไปด้วยความตึงเครียด เพราะผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคนก็ไม่มีใครเดา หรือจับอารมณ์ของเจ้านายหนุ่มได้ ยามที่ดีก็ดี แต่ยามที่ร้ายละก็ช้าง 10 เชือกก็เอาไม่อยู่

    “อาซานโต้ อาควบคุมระบบทั้งหมด แล้วก็เอามินิโรสแมรี่ตัวใหม่ไป แล้วก็แบ็กอัพข้อมูลให้ลูกค้าใหม่ด้วย แล้วก็เตรียมเงินสำรองไว้ สองร้อยล้านเผื่อจำเป็นต้องใช้” ภูตะวันพูดจบก็ยื่นทรัมไดท์อันจิ๋วให้ซานโต้ทันที มีน้อยคนที่รู้ว่าภูตะวันนอกจากเป็นนักธุรกิจไฟแรงหาตัวจับยากแล้ว เขายังเป็นนักโปรแกรมเมอร์ที่ออกแบบตัวแอนตี้ไวรัสให้แก่บริษัทชั้นนำทั่วโลกในนามของ มิสเตอร์ไฮเดรนเยีย แต่ไม่เคยมีใครที่รู้จักหรือเคยเห็นหน้าเขานอกจากบุคคลที่อยู่ในห้องประชุมนี้เท่านั้น

    “ครับ”

    “ซาแมนต้า นายลงไปตรวจเช็คความเรียบร้อย ด้านล่างของตึกไทจิวเวอรรี่ ตรวจสอบความเสียหายของทุกร้านว่ามากน้อยแค่ไหน แล้วก็จ่ายค่าเสียหายไปตามสมควร มีปัญหาอะไรก็โทรรายงานฉันได้ตลอดเวลา”

    “ครับ”

    “นัท นายจัดคนดูแลที่บ้านใหญ่ รีสอร์ท และที่ไร่ ให้เพิ่มระดับความปลอดภัยเป็นระดับ 3 โดยอย่าให้พวกมันและคนในบ้านรู้ตัวและแตกตื่น”

    “ครับ”

    “ซาแมนต้า ซัน พวกนายไปดูแลนายแม่ แล้วก็ช่วยคุณโก้เข้าไปดูงานที่โรงแรม ผับ แล้วก็ที่ปาง ตอนที่ฉันไม่อยู่”โดยปกติแล้วงานที่โรงแรม ผับ ปางไม้ รีสอร์ทและไร่ ที่ติดอยู่กับบริเวณบ้านใหญ่ และธุรกิจส่งออกและแปรรูป เป็นส่วนรับผิดชอบของภูตะวันโดยตรง แต่ที่รีสอร์ท และโรงบ่มไวน์ภูวดลจะช่วยดูเป็นหลัก ส่วนไร่เขาจะเข้าไปดูเวลาที่ภูตะวันไม่อยู่ รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ด้วยเพราะพวกเขาจะมีหุ้นอยู่ร่วมกัน

    “ครับ/ครับ”

    “ส่วนนายโก้ ฉันอยากให้นายช่วยดูแลนายแม่ แม่ใหญ่ แล้วก็พี่มะตูมให้ดี” ภูตะวันพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลงเมื่อพูดถึงคนที่บ้าน เขาหวาดกลัวเหลือเกิน เขาไม่อยากสูญเสียคนที่เขารักอีกแล้ว

    “นายไม่ต้องห่วงหรอกต๊ะเรื่องที่บ้าน และธุรกิจของเราฉันจะดูแลเป็นอย่างดี ฉันก็จะไม่ยอมให้ใครมาทำลายครอบครัวของเราได้อีกต่อไป” ภูวดลพูดด้วยน้ำเสียงที่มาดมั่น ถึงแม้เขาจะบริหารจัดการไม่เก่งเท่าภูตะวันภูวดลก็ เก่งไม่แพ้ภูตะวันเลยทีเดียว

    “แล้วเรื่องเรียนนายจะว่าไงต่อต๊ะ”

    “เออ ใช้ฉันเกือบลืมไปเลย” ภูตะวันพยักหน้าขอบคุณให้แก่ภูวดลทีนึงก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง

    “แซม นายจัดการเรื่องเอกสาร แล้วก็ติดต่อ มหาลัยให้ฉันด้วยได้เรื่องยังไงก็บอกฉันด้วย วันนี้ปิดประชุมแค่นี้ มีอะไรรายงานฉันทันที ฉันเชื่อว่าเราทุกคนทำได้และจะผ่านช่วงที่ยุ่งยากไปด้วยกัน ต่อให้อุปสรรค์จะเยอะขนาดไหนเราก็ต้องผ่านไปให้ได้” บุคลที่สามารถติดต่อกับภูตะวันโดยตรงมี่แค่ไม่กี่คนนอกจากคนในครอบครัวแล้วก็มี ซานโต้ ซาเมนต้า เทพพงษ์ ซัน แซม นัท เท่านั้นที่เป็นเสมือนทั้ง บอดีการ์ด ผู้ช่วย เพื่อน พี่ น้อง ของเขา ส่วนคนอื่นที่จะติดต่อเขาจะต้องติดต่อผ่าน 6 คนนี้เท่านั้น

    “ครับนายใหญ่!!!” ทุกคนในห้องประชุมขานรับพร้อมกัน แล้วก็ลุกขึ้นน้อมตัวให้ชายหนุ่มพร้อมแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมาย

    “นายใหญ่จะรับอาหารเลยมั้ยครับ” เทพพงษ์ถามขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม

    “เดี่ยวนายช่วยจัดให้ฉันอะไรก็ได้ง่ายๆ เอาไปบนเครื่องเลย ฉันไม่อยากเสียเวลา” พูดจบภูตะวันก็ลุกขึ้นเดินไปยังชั้นดาดฟ้าเพื่อจะขึ้นเครื่องพร้อมกับแซมและเทพพงษ์

    “ครับนายใหญ่” เทพพงษ์ทำได้แค่ส่ายหน้าด้วยความบ้างานของเจ้านายหนุ่ม จริงๆ แล้วถ้าหากจะพักสักชั่วโมง ก็ยังทันเพราะนี่เพิ่งจะ 11 โมงเอง เขาทำได้แค่เป็นห่วงและคอยดูแลอยู่ห่างๆเท่านั้น

    “ฉันแค่อยากกลับมาถึงบ้านใหญ่ก่อนอาหารเย็นก็เท่านั่น อีกอย่างฉันอยากให้นายกลับไปดูแลพิมพ์” ภูตะวันพูดเพราะรู้ทันว่าลูกน้องเขาทุกคนรักและเป็นห่วงเขามากแค่ไหน พร้อมกับส่งยิ้มแทนคำขอบคุณให้เทพพงษ์ นานๆ ครั้งและน้อยคนนักที่จะเห็นรอยยิ้มนี้ เทพพงษ์ก็ได้แต่ภาวนาขอให้เจอใครสักคนที่เข้ามาเปลี่ยนเจ้านายของเขาจากที่เคยเย็นชา เงียบขรึม ให้มีชีวิตอีกครั้ง

                    ทางด้านนายเหมืองพลตอนนี้กำลังเคร่งเครียดเพราะรู้ว่าพายุกำลังจะลงที่เขาพลาดไม่ได้รายงานเรื่องการฮั้วประมูลให้เจ้านายทราบ เมื่อนายภูตะวันมาถึงก็เข้าไปยังห้องทำงานของตนเองทันที พนักงานที่พบเจอต่างต้องรีบหลบกันเพราะรู้ดีว่าพายุกำลังจะลง

    “พล ฉันอยากให้นายเข้ามาดูแลโครงการนี้โดยตรง เพราะฉันกำลังคิดว่ามีคนกำลังหักหลังเรา และเป็นคนใกล้ตัวของเรา มันอาจทำมานานแล้ว แต่ยังหาหลักฐานไม่ได้ นายช่วยสืบหาหลักฐานมัดตัวมันให้ได้ ขอให้เรื่องเงียบที่สุด อีกไม่กี่นาทีพอมินิไฮเดรนเยียทำงานพวกมันคงจะทำงานกันยากขึ้น ตอนนี้นายจัดการเตรียมเพิ่มระดับการป้องกันเป็นระดับ 3 ทุกสาขาอย่าให้ใครรู้เด็ดขาด เลือกคนที่ไว้ใจมากที่สุด” พูดจบก็ก้มดูนาฬิกา

    “ครับนายใหญ่ นายจะไปที่เกาะเลยมั้ยครับ”

    “อืม ขอเวลา 30 นาทีเดี่ยวฉันจะลงไปดูด้านล่างโรงแรมไม่อยากให้ใครสงสัย” ภูตะวันไม่ต้องการให้พนักงานทุกคนรู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงเขามาทำอะไร จึงให้พลบอกว่าเจ้านายหนุ่มจะไปที่เกาะเพื่อดูความคืบหน้าโครงการก็สร้างแค่นั้นหลังจากที่พลได้เปลี่ยนสเปคของไซด์งานเกือบทั้งหมดเมื่อพบว่าผู้รับเหมาสร้างไม่ตรงกับสเปคที่นำเสนอตอนประมูลแทนการฟ้องร้องหลังจากภูตะวันเดินดูความเรียบร้อยทั่วไปของโรงแรมก็สร้างความตกใจแก่ผู้บริหารเนื่องจากชายหนุ่มไม่ได้แจ้งล่วงหน้าว่าจะมา เพราะโดยปกติแล้วคนที่มาจะเป็นเทพพงษ์ ส่วนภูตะวันนั้นจะเข้าก็ต่อเมื่อเทพพงษ์ ตรวจงานเสร็จไปแล้วหนึ่งขั้นตอนก่อนถึงตนแต่ภูตะวันก็ให้เหตุผลไปว่าได้นัดเจรจาธุรกิจกับชาวต่างชาติคนนึงเลยแวะมาดูไซด์งานที่เกาะ ก็เท่านั้นไม่ต้องรับรองเขาเพราะเขาจะเดินทางกลับบ้านใหญ่เลย เมื่อเดินทางไปถึงเกาะ ชาวหนุ่มก็พึงพอใจกับผลงานของนายเหมืองพลมาก เพราะเท่าที่ดูโครงการก็คืบหน้าไปได้เยอะและงานก็ออกมาดีมากเลยทีเดียว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×