คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : [SF] That XX อัพครบ 100% + ประกาศจ้า
อัพครบแล้วและมีประกาศด้านล่างนะคะ :)
Title: [SF] That XX
Writer: korazy_minnie
Pairing: ChangMinHo (Changmin x Minho)
Rate: PG-13
Note: เป็นฟิคที่แต่งได้จากเพลงอีกแล้ว กดเข้าไปฟังกันเถิดค่า G-Dragon – That XX >> http://alive.in.th/watch_video.php?v=43ONDHHYM2SO
แสงไฟสีส้มดวงเล็กข้างเตียงที่สว่างจ้าขึ้นในความมืดมิดยามค่ำคืนทำให้ชายหนุ่มที่หลับสนิทไปแล้วค่อยๆ หยีตาขึ้นมาอย่างยากลำบากกลางดึก พยายามดึงผ้านวมผืนใหญ่ขึ้นมาปิดคลุมใบหน้าไว้เพื่อกันแสงสว่างที่รบกวนการนอน นึกกร่นด่ารูมเมทอยู่ในใจลึกๆ ที่บังอาจเปิดไฟขณะที่หัวเพิ่งจะแตะหมอนไปเมื่อครู่หลังจากนั่งวาดแบบส่งอาจารย์เกือบถึงตีสาม
ฮึก...ฮึก...
เสียงสะอื้นเบาๆ ของคนที่เพิ่งมาปลุกให้คนใต้ผ้าห่มตื่นขึ้นได้ไม่ยาก เสียงที่เขาเกลียดที่สุดคือเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเพื่อนร่วมห้องที่พักนี้เริ่มจะได้ยินถี่ขึ้นแทบจะทุกอาทิตย์ ไม่ว่าจะพยายามไม่สนใจเพียงใด แต่ทุกครั้งที่ได้ยินก็ทำให้หัวใจคนฟังกระตุกวูบและเจ็บปวดไปด้วย...แม้อีกฝ่ายจะไม่เคยรู้ตัวเลยก็ตาม
“ร้องไห้อีกแล้วเหรอ มินโฮ” เสียงทุ้มติดจะงัวเงียเอ่ยถามพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อทำใจก่อนที่จะลุกขึ้นมานั่งเผชิญหน้ากับรูมเมทขี้แยของเขา
“ชางมิน ขอโทษนะ ฉันทำนายตื่นอีกแล้ว” มินโฮสะอื้นเบาๆ ก่อนจะฝืนยิ้มแหยๆ ให้เพื่อนร่วมห้องที่ถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงร้องไห้ของเขาอีกครั้งในรอบหลายๆ เดือนที่ผ่านมา
“ถ้ายิ้มทั้งที่นายไม่มีความสุข นายไม่ต้องทำหรอก” ชางมินเอ่ยห้วนๆ อย่างหัวเสีย เขาไม่ได้โมโหชเวมินโฮ แต่เขาหงุดหงิดที่เขาไม่สามารถทำอะไรให้อีกฝ่ายได้มากกว่าการมานั่งปลอบใจกันแบบนี้...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ทะเลาะกับรุ่นพี่ซีวอนมาอีกแล้วสิ”
“อือ...อีกแล้ว” ร่างเล็กพยักหน้าเนือยๆ ด้วยท่าทีอ่อนล้า
ชเวซีวอน รุ่นพี่ปีสี่ เดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติและคุณสมบัติที่ใครๆ ต่างก็หมายปอง รวมทั้งฐานะเข้าขั้นมหาเศรษฐีของทางบ้านที่ต่อให้กินใช้อย่างฟุ่มเฟือยก็ไม่มีทางหมด เขาจีบมินโฮตั้งแต่เจอกันช่วงรับน้องปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยเดียวกัน จนกระทั่งตกลงเป็นแฟนกันได้เกือบปีแล้ว หากแต่ช่วงหลังนิสัยเพลย์บอยของซีวอนก็เริ่มจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับความเจ็บปวดของมินโฮที่เพิ่มทวีขึ้นทุกวัน
“คราวนี้เรื่องอะไรอีก...หืมม์” ชางมินเอ่ยถามอย่างใจเย็นที่สุดทั้งที่ในใจแทบจะลุกเป็นไฟ ร่างสูงย้ายไปนั่งข้างๆ รูมเมทที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อย่างน่าสงสารบนเตียงที่อยู่ข้างๆ กัน
มือหนาลูบหัวทุยๆ ของเพื่อนรักอย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งแต่ยิ่งเรียกเสียงสะอื้นของคนร่างบางมากขึ้นไปอีก มินโฮพยายามก้มใบหน้าหลบสายตาอีกฝ่าย เพราะถ้าชิมชางมินเห็นแล้วจะต้องโกรธมากแน่ๆ
“นี่รอยอะไรน่ะ” ชางมินถามเสียงเข้มพร้อมเชยคางมนที่ก้มหลบไปมาจนผิดปกติ พอเห็นมุมปากอิ่มที่มีเลือดไหลซึมและกำลังสั่นระริกด้วยความกลัวเมื่อเห็นสายตาอันอ่อนโยนเมื่อครู่ของชางมินที่แปรเปลี่ยนเป็นดุดันจนน่ากลัว “มันทำอะไรนาย บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”
“ชางมินอ่า...พี่ซีวอนไม่ผิดหรอก ฉันเองแหละที่เซ้าซี้พี่เค้ามากไป”
“ฉันถามว่ามันทำอะไรนาย”
“ฉัน...ฉันแค่ถามว่าแหวนคู่ของฉันกับพี่ซีวอนหายไปไหน เพราะฉันไม่เห็นพี่เค้าใส่มาสักพักแล้ว พี่เค้าก็บ่ายเบี่ยงไป สุดท้ายเราก็ทะเลาะกันเรื่องเดิมๆ และ...”
“มันเลยตบหน้านายใช่มั้ย”
“...”
มินโฮพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะตกใจที่เห็นชางมินอยู่ดีๆ ก็ลุกพรวดพราดออกไปจากห้องนอนจนมินโฮต้องวิ่งตามออกมาอย่างเป็นกังวล เขารู้ดีว่าชางมินเป็นห่วงเขามาก และยังเคยทะเลาะกับซีวอนเพราะเรื่องของเขาก็หลายครั้ง แต่ร่างบางก็ต้องเผลอยิ้มออกมา เมื่อชางมินเดินกลับมาพร้อมทั้งห่อเจลลดไข้เย็นเฉียบด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กยื่นมาประคบที่แผลอย่างเบามือ หากแววตาเป็นห่วงมากเกินกว่าคำว่าเพื่อนของชางมิน มินโฮกลับไม่เคยสังเกตเห็นเลยสักครั้ง
“ประคบซะ หน้านายบวมหมดแล้ว”
มินโฮประกบฝ่ามือลงไปทับมือหนาของชางมินที่วางอยู่ก่อนเพื่อจะประคองห่อเจลเย็นเอาไว้ หากชางมินก็ไม่ได้ดึงมือกลับ แถมมืออีกข้างยังโอบไหล่บางเข้ามาใกล้แล้วตบบ่าเบาๆ จนน้ำตาของมินโฮไหลมาอีกครั้ง...หากซีวอนดีกับเขาได้แค่เสี้ยวหนึ่งของชางมินก็คงจะดีไม่น้อย
“ร้องไห้ทำไมอีก ฉันกำลังปลอบนายอยู่นะเว่ย” ชางมินตกใจที่อยู่ดีๆ คนในอ้อมกอดก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมาอีกรอบจนชวนกังวลว่าจะเป็นอะไรไปอีก “เมื่อก่อนที่นายไม่มีแฟน ไม่เห็นจะเคยร้องไห้สักนิด เดี๋ยวนี้อะไรวะเนี่ย”
“ชางมิน นายดีกับฉันจริงๆ นะ” มินโฮยิ้มอีกครั้ง “แต่ฉันก็ทำให้นายลำบากตลอดเลย”
“รู้แล้วก็เลิกกับมันสักทีสิ” ชางมินเอ่ยอย่างหัวเสียเมื่อนึกถึงซีวอนที่คอยแต่จะทำร้ายมินโฮอยู่ตลอด หลายอย่างที่ชางมินรู้และเห็นในภายในคณะที่รุ่นพี่ซีวอนควงผู้หญิงมาพลอดรักกันแทบไม่ซ้ำหน้าอย่างไม่ละอายทั้งๆ ที่ใครๆ ต่างก็รู้ว่าซีวอนคบกับมินโฮที่เป็นเดือนคณะสถาปัตย์อยู่แล้ว
“แต่ที่ผ่านมาพี่ซีวอนดีกับฉันมากนะ มันก็แค่ช่วงนี้ที่เราไม่ค่อยมีเวลา เราเลยไม่ค่อยเข้าใจกันน่ะ” มินโฮที่มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอคอยแก้ต่างให้คนรักเสมออย่างใจเย็น “พวกเราต่างก็ยุ่งกันทั้งคู่ นายก็รู้ว่าปีสี่วิศวะก็ต้องออกไปฝึกงาน แถมยังทำโปรเจกต์อีก เราก็อยู่ถาปัดปีสอง เรียนก็หนัก กิจกรรมก็เยอะ จะเอาเวลาที่ไหนไปคุยกันล่ะ เราก็เลยผิดใจกันนิดๆ หน่อยๆ มันก็ปกติใช่มั้ย”
“ใช่ มันปกติ ถ้ามันจะไม่ใช้กำลังกับนายนะมินโฮ” ชางมินอยากจะเล่าพฤติกรรมนอกใจของซีวอนให้มินโฮตาสว่างมากแค่ไหน แต่ก็เขาก็กลัวที่จะต้องเห็นมินโฮเสียใจไปมากกว่านี้จึงเลือกที่จะไม่เล่าให้อีกฝ่ายฟัง
“เราแค่ไม่เข้าใจกันนิดหน่อย นายก็รู้ว่าผู้ชายแบบพี่ซีวอนเลือดร้อนมากแค่ไหน” ดวงตากลมโตจ้องมองเพื่อนรักอย่างขอความเห็นใจ “ฉันไม่เจ็บมากหรอก แล้วพี่เค้าก็ขอโทษฉันแล้วล่ะ ชางมินไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“อย่าให้ฉันเห็นว่านายต้องเจ็บตัวอีกครั้งนะ...” มือหนาลูบเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของมินโฮอย่างเบามือแม้สายตาจะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างน่ากลัว “นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันยอมมันเพื่อนาย ไม่งั้นฉันจะบังคับให้นายเลิกกันมันให้ได้ คอยดู”
“ชางมินอ่า...” มินโฮเอ่ยเสียงอ่อยขณะมองตามเพื่อนรักที่เดินจากไปด้วยท่าทีหงุดหงิดเพราะทุกๆ ครั้งที่สุดท้ายแล้วมินโฮก็จะเป็นคนยอมซีวอนแทบจะทุกอย่าง กลับไปคืนดีกันโดยง่ายดายและไม่นานก็จะทะเลาะกันอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ชางมินไม่เคยเข้าใจว่าไอ้ผู้ชายพรรค์นั้นมันมีดีที่ตรงไหน!!!
ร่างสูงโปร่งเดินกลับเข้ามาในห้องนอนด้วยความหงุดหงิดใจ ก่อนจะพยายามข่มตาให้หลับแม้จะเห็นแต่ใบหน้าเศร้าหมองของคนที่เขาแอบรักลอยเข้ามาให้ห้วงความคิด สลับกับเหตุการณ์เมื่อไม่นานที่เขาเห็นซีวอนเดินควงกับหนุ่มหน้าหวานของคณะทันตแพทย์อยู่ภายในคณะเมื่อไม่นานมานี้
“รุ่นพี่...ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
ชางมินเอ่ยขึ้นขณะเดินสวนกับซีวอนบริเวณโถงทางเดินใต้คณะวิศวกรรมศาสตร์พร้อมกับหนุ่มหน้าสวยคนดัง คู่ควงลับๆ คนใหม่ของล่าสุดของคุณชายตระกูลชเว หากคนทั้งคณะวิศวะก็รู้กันไปทั่วทุกครั้งไป
“นายเป็นเพื่อนมินโฮนี่...ชิมชางมิน ถูกมั้ย” ซีวอนยักคิ้วกวนๆ พร้อมถามอย่างไม่ยี่หระสักนิดที่รู้ว่าอีกฝ่ายที่เป็นเพื่อนสนิทของมินโฮทั้งที่กำลังเดินควงคนอื่นให้เห็นต่อหน้าต่อตา
“ขอบคุณที่จำผมได้ แต่ทางที่ดี รุ่นพี่ควรจะซื่อสัตย์กับแฟนให้มากนะครับ”
“นายนี่เป็นคนจืดชืดนะ ไม่รู้หรือไงว่าผู้ชายเค้าไม่คบแฟนคนเดียวหรอก มันก็ต้องมีกิ๊กน่ารักๆ แบบนี้ให้หัวใจกระชุ่มกระชวยบ้างสิ” หนุ่มหน้าหล่อว่าพลางดึงเด็กหนุ่มตัวเล็กเข้ามาหอมแก้มหมายจะยั่วโมโหอีกฝ่าย
ชางมินกำหมัดแน่นเพื่ออดกลั้นความรู้สึกโกรธเกรี้ยวไว้ภายในใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายกลับอยากจะยั่วโมโหรุ่นน้องเดือนคณะตนเองให้มากขึ้นไปอีกด้วยการตบบ่ากว้างสองสามทีเหมือนจงใจจะให้เห็นนิ้วมือที่ว่างเปล่าโดยปราศจากแหวนคู่กับมินโฮที่เขาเคยเห็นในรูปถ่ายที่มินโฮเคยโชว์ให้ดู แต่ชางมินก็เพียงแค่มองโดยไม่พูดอะไร
“หรือว่านายแอบชอบมินโฮวะ ดูเป็นเดือดเป็นร้อนแทนกันดีนะ”
“คุณไม่ต้องรู้หรอกว่าผมรู้สึกยังไงกับเขา แต่คุณควรสงสารมินโฮที่เอาแต่ร้องไห้เพราะเจ็บปวดด้วยพฤติกรรมเลวๆ ของคุณมาตลอด”
“หึ...ก็มินโฮน่ะขี้แยจะตาย เขาไปร้องไห้กับนายบ่อยเหรอเนี่ย ฉันไม่ยักจะรู้” ซีวอนแสร้งทำสีหน้าประหลาดใจแล้วแค่นหัวเราะพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ “ฉันเป็นคนใจกว้างน่ะ ก็ฝากนายช่วยปลอบกันให้เต็มที่นะ เพราะถึงนายจะเล่าเรื่องแย่ๆ ของฉันให้มินโฮฟัง นายก็คอยดูแล้วกันว่าเขาจะเชื่อใคร”
“ถ้าคุณเบื่อมินโฮแล้ว...ได้โปรดปล่อยเขาเสียทีเถอะ” ชางมินยอมละทิ้งศักดิ์ศรีและข่มความโกรธที่มีอยู่เอาไว้และเอ่ยปากขอร้องอย่างจริงใจ
“ยังหรอก...ฉันยังสนุกกับมินโฮได้ไม่คุ้มกับที่ลงทุนไปเลยนะ” ซีวอนระเบิดหัวเราะพลางมองชางมินด้วยทาทีเหยียดหยาม “หน้าตานายก็ไม่ได้แย่ แต่ไม่มีปัญญาแค่จะแย่งคนๆ เดียวไปเนี่ย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายนึงคือฉัน...หรือว่านายมันไร้น้ำยาเองกันแน่วะ”
ชิมชางมินให้สัญญากับตัวเองไว้ว่า...ครั้งนี้จะอดทนเพื่อชเวมินโฮเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม เขาจะไม่ยอมให้มินโฮต้องร้องไห้เพราะผู้ชายเลวๆ คนนั้นอีกแล้ว
(อ่านต่อตรงนี้จร้า)
“รอฉันนานมั้ย” มินโฮยิ้มกว้างอย่างมีความสุขพร้อมโบกไม้โบกมือทักทายชางมินที่นั่งรออยู่ก่อนในร้านกาแฟร้านโปรดของทั้งคู่ท่ามกลางสายตาของเด็กมหาวิทยาลัยเดียวซึ่งแอบมองสองหนุ่มสุดฮอตทั้งสองคนไม่วางตา คนนึงก็หล่อคมเข้มนิสัยดีที่บ้านมีฐานะแถมยังโสดอย่างชิมชางมิน กับชเวมินโฮเด็กสถาปัตย์ตาโตร่างบางที่คบหาอยู่กับเพลย์บอยขั้นเทพอย่างชเวซีวอน
“หิ้วอะไรมาเยอะแยะน่ะ” ดวงตาคมกวาดมองสารพัดถุงช็อปปิ้งจากร้านแบรนด์เนมทั้งหลายแหล่ที่คนตัวบางหอบมาด้วยท่าทางแปลกใจ “บ่ายไม่มีเรียนเหรอ ทำไมออกไปช็อปปิ้งนี่ไม่ชวนกันนะ”
“ก็มันว่าง พี่ซีวอนเลยพาฉันไปเดินเล่นที่อับกุจองก่อนมาส่งที่นี่น่ะสิ” มินโฮเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข หลังจากที่ทะเลาะกันไม่กี่วัน ครั้งนี้ซีวอนก็เดินหน้าง้อคนรักเต็มที่ด้วยการพาไปดินเนอร์สุดหรู พาไปช็อปปิ้ง แถมยังเอาอกเอาใจไม่ได้ขาดติดต่อกันเป็นอาทิตย์ สุดท้ายมินโฮก็ใจอ่อน...เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา
“แล้วมัน เอ่อ รุ่นพี่ซีวอนไปไหนแล้วล่ะ” แค่ชื่อของซีวอน ชางมินเองยังแทบไม่อยากจะได้ยินแล้ว แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า เขาก็จำเป็นต้องยิ้มตามและตั้งใจฟังต่อไป
“พี่ซีวอนต้องไปทานมื้อเย็นกับที่บ้านน่ะ เลยพาฉันมาส่งไว้ที่นี่ เพราะบอกว่าอยู่กับชางมินแล้วคงไม่ต้องเป็นห่วงอะไร”
“หึ...เขาพูดแบบนั้นจริงๆ น่ะเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ชางมินอ่า นายต้องมองพี่ซีวอนในแง่ดีบ้างสิ เขาไม่เคยพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับนายเลยนะ” มินโฮทำแก้มป่องพองลมเมื่อเห็นสีหน้าไม่เชื่อในคำพูดของชางมิน “เอาเถอะ ฉันไม่อยากทะเลาะกับนายละ ช่วงนี้ฉันอารมณ์ดีสุดๆ เลยล่ะ”
“นายยิ้มได้ก็ดีแล้วล่ะ” ชางมินวางปากกาไฮไลท์ในมือพร้อมกับปิดตำราเรียนเล่มโตลงใส่ในกระเป๋าสะพายคู่ใจก่อนจะเดินออกจากร้านเพื่อกลับหอพักที่อยู่ไม่ไกลจากย่านนี้นัก “วันนี้อยากกินจาจังมยอน เดี๋ยวสั่งมากินกันที่ห้องนะ”
“อืม ได้เลย แต่ฉันว่าจะแวะซุปเปอร์ฯ ซื้อของสดเข้าห้องเราด้วยอ่ะ นายซัดจนตู้เย็นสะอาดแล้วล่ะชางมิน”
“โห่ ก็กินด้วยกันน่ะแหละ อย่าโทษแต่ฉันดิวะ แต่วันนี้นายคงต้องซ้อนมอไซค์เก่าๆ ของฉันไปนะ คงมีรถราคาร้อยล้านวอนให้นายนั่งสบายๆ หรอก”
“ถ้านายไม่ประชดพี่ซีวอนของฉันสักวันจะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย” มินโฮเบะปากเล็กน้อยอย่างขัดใจที่เพื่อนรักของเขาเอาแต่ขัดขวางและประชดประชันอีกฝ่ายแทบจะตลอดเวลา “ฉันรู้ว่านายมีรถที่แพงกว่าพี่ซีวอนอีกชิมชางมิน แต่นายจะเก็บไว้ให้สาวๆ นั่งน่ะสิ”
“แล้วนายอยากนั่งมั้ยล่ะ ถ้าฉันขับให้นายนั่งน่ะ”
“ฉันไม่สนใจของพวกนั้นหรอก” มินโฮส่ายหน้าเบาๆ ขณะยืนรอชางมินให้ถอยเจ้ามอเตอร์ไซค์สีฟ้าสุดแสนจะธรรมดาออกมาจากที่จอดรถหน้าร้านก่อนจะคว้าหมวกกันน๊อคที่ชางมินโยนมาให้ด้วยท่าทางทะมัดทะแมง “จริงๆ ฉันน่ะชอบซ้อนมอไซค์นายตากลมเย็นๆ มากกว่า...จริงๆ นะ”
“ขึ้นมาเร็วๆ เถอะน่า หิวแล้ว” ชางมินแสร้งทำเป็นเฉไฉไปเรื่องอื่นทั้งที่กำลังลอบยิ้มโดยที่ร่างบางที่กระโดดซ้อนท้ายพร้อมทั้งเกาะเอวเขาเอาไว้ไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มกว้างราวกับเด็กเล็กๆ บนใบหน้าอันหล่อเหลานั้น
“ฉันหลับก่อนนะ ถึงเมื่อไหร่ก็ปลุกด้วยล่ะ” มินโฮถือวิสาสะกระชับเอวสารถีหน้าตาดีของคณะวิศวะอย่างชิมชางมินเอาไว้แน่นจนใครๆ ที่เดินอยู่เมื่อมอเตอร์ไซค์สีฟ้าขับผ่านต่างก็อดอิจฉาร่างบางที่มีรูมเมทหล่อขั้นเทพคอยดูแลแทบจะตลอดไม่ได้
“เดี๋ยวก็ตกลงไปตายหรอก ไอ้นี่นิ” ชางมินพยายามเอ่ยปากห้าม แต่เหมือนคนด้านหลังกลับทิ้งน้ำหนักไว้ด้านหลังของเขาเต็มที่ ดวงตาคมพยายามเหลือบมองมินโฮที่เหมือนจะผล็อยหลับไปอย่างที่พูดแล้วจริงๆ
“ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันก็คงดีสินะ” ชางมินพึมพำเบาๆ กับตัวเองระหว่างที่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจขับผ่านเส้นทางร่มรื่นอันเงียบสงบภายในมหาวิทยาลัยจนมีเพียงแค่เสียงลมแรงที่เคลื่อนที่ปะทะใบหน้าและเสียงของหัวใจที่เร่งจังหวะถี่รัวขึ้นมากกว่าครั้งใดๆ จากสัมผัสอบอุ่นของคนที่อยู่ด้านหลังจนอยากจะหยุดเวลาเหล่านี้เอาไว้ไม่ให้ผ่านไป อยากจะทิ้งความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทั้งหมดเอาไว้บนโลกของความจริงอันโหดร้ายที่คอยพร่ำบอกว่าเขาไม่มีทางได้เป็นเจ้าของหัวใจอีกดวงที่เต้นอยู่เพราะใครบางคนที่ไม่ใช่เขา
“อ๊า ชิมชางมิน นี่นายจะซื้ออาหารไว้กินทั้งปีเลยหรือไงวะเนี่ย” เพียงแค่ถึงห้องพักของร่างบางและคนตัวสูงที่เดินอมยิ้มถือถุงช็อปปิ้งมากมายตามหลังเข้ามา มินโฮก็ทรุดร่างลงบนโซฟาพร้อมวางสารพัดของกินของใช้ที่ได้มาจากการเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตไว้อย่างระเกะระกะ “นายนี่มันหลุมดำของอาหารชะมัด กินเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะเคยอิ่มเลย”
“แต่ฉันก็หุ่นดี นายไม่เห็นหรือไง ห๊ะ” ชางมินหัวเราะในลำคอด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์และยืนยันคำพูดของตนเองด้วยการถอดเสื้อเชิ้ตด้านนอกออกเพราะความร้อนอบอ้าวจากอากาศภายนอกจนเผยให้เห็นหุ่นกำยำตามแบบของสปอร์ตแมนที่มินโฮแสนจะอิจฉา กล้ามเนื้อเป็นลอนสวยดูสุขภาพดีกับผิวแทนสีน้ำผึ้งทำให้ชิมชางมินดูหล่อคมเข้มแตกต่างจากผู้ชายเกาหลีทั่วไปต่างกับมินโฮที่พยายามไปฟิตเนสตั้งมากมายก็เพิ่งจะได้เป็นเจ้าของกล้ามเล็กๆ แบบผู้ชายกับเขาบ้าง...เฮ้ออออ
“ใช่สิ พ่อหนุ่มรูปงาม ฉันล่ะอิจฉานายจริงจริ๊ง” มินโฮเบะปากด้วยความหมั่นไส้แม้เรื่องที่รูมเมทสุดหล่อพูดจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ “นายไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ แล้วค่อยออกมาช่วยฉันทำกับข้าวแล้วกัน”
“คร๊าบบบบ” ชางมินขยี้เส้นผมสีน้ำตาลของมินโฮอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่มือหนาจะตวัดเสื้อเชิ้ตตัวบางพาดบ่าและหิ้วของใช้ส่วนตัวของตนเองและมินโฮที่ซื้อมาตรงเข้าไปเก็บที่ห้องนอนตามคำสั่งของมินโฮที่ทำตัวเผด็จการไม่ต่างจากคุณนายแม่ที่ฝากฝังชางมินให้อยู่ในการดูแลของมินโฮที่เป็นเพื่อนสนิทของชางมินตั้งแต่ชั้นประถม ถ้าขัดใจคุณนายแม่หรือมินโฮเมื่อไหร่จะต้องโดนงอนไปอีกสามวันเจ็ดวันเหมือนกันเป๊ะ
มินโฮทยอยเก็บของสดที่ยังไม่ได้ใช้เข้าตู้เย็นอย่างเป็นระเบียบ ร่างบางคว้าผ้ากันเปื้อนลายคุณหมีบราวน์จากโปรแกรมแชทยอดฮิตที่ชางมินซื้อมาฝากจากญี่ปุ่นมาสวมเตรียมพร้อมทำมื้อเย็นของวันนี้พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า หลายสัปดาห์แล้วที่เขาว่างเว้นจากการทำอาหารที่เขาชอบด้วยเพราะวุ่นวายกับเรื่องของซีวอนและต้องเร่งส่งงานที่คณะของตนเองอีก วันนี้จึงเป็นวันที่มินโฮรู้สึกมีความสุขมากๆ ในรอบหลายเดือน
ครืด...ครืด...ครืดดดดดดดดดด
เสียงสั่นกระทบของไอโฟนสีดำของชางมินกับโต๊ะกระจกที่ห้องนั่งเล่นทำให้มินโฮต้องหันไปมองหาที่มาของเสียง โดยปกติชางมินไม่ค่อยชอบเปิดเสียงเรียกเข้าเอาไว้ มินโฮจึงทิ้งหม้อกิมจิชิกเกตรงหน้าแล้วเดินไปตะโกนเรียกรูมเมทเสียงดังที่หน้าห้องนอน
“ชางมิน...โทรศัพท์นายน่ะ”
หากตะโกนอยู่สองสามทีก็ไร้เสียงตอบรับ มินโฮจึงรีบเดินไปยังต้นตอของเสียงที่หยุดสั่นไป เหลือเพียงหน้าจอสว่างไสวที่มีเพียงข้อความที่ส่งมาติดกันเป็นสิบๆ ข้อความ
รยออุก: เชี่ย ชางมินโว้ย กูมากินข้าวกับพี่เยซองเว่ย
คยูฮยอน: แล้วไงวะ อวดจังผัวใหม่มึงเนี่ย ห๊ะ
รยออุก: ไอ้XXคยู ฟังกูก่อนเส่ะ กูเจอไอ้ซีวอนเว่ยยยยย
คยูฮยอน: แล้วไงวะ พิมพ์เร็วๆ ไอ้นิ้วสั้น แล้วไอ้ชิมแม่งหายหัวไปไหนไม่มามีส่วนร่วม
รยออุก: กูเจอมันมากับคิมฮีชอลที่เป็นดาราอ่ะ เชี่ย สวยมาก ชะนีอายว่ะมึงเอ๊ย
คยูฮยอน: แม่ง อย่าให้ไอ้มินโฮรู้เชียวนะ เพิ่งจะคืนดีกันนี่หว่า ซีวอนนี่แม่งXXมาก
ข้อความมากมายที่ค่อยๆ ไหลขึ้นมาบนหน้าจอทำให้มินโฮแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ทั้งที่มินโฮสนิทกับชางมินมากแต่ก็ไม่เคยยุ่งกับมือถือของอีกฝ่ายเลยสักครั้ง หากมือบางที่สั่นเทากลับคว้าไอโฟนของชางมินขึ้นมาพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
ชางมิน: เจอที่ไหนอะ
มินโฮกัดเล็บรอด้วยความร้อนรนทั้งที่เป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาทีระหว่างรอให้รยออุกตอบกลับมา ทุกครั้งที่มินโฮทะเลาะกับซีวอน เขาไม่เคยจับซีวอนได้คาหนังคาเขาเลยสักครั้ง จึงทำให้ซีวอนหาข้ออ้างมาแก้ตัวได้ทุกครั้งและคอยใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นว่าใส่ความตนเองด้วยความอิจฉาที่ทำให้มินโฮกลับมาเชื่อคนรักจนสนิทใจ
รยออุก: ร้านXX ที่คังนัมไง เชี่ย แมร่งนัวเนียกันไม่อายฟ้าดินเลยเว้ย กูจะตาบอดละ
ร่างบอบบางวางมือถือของชางมินเอาไว้ที่เดิมก่อนจะคว้ากระเป๋าสตางค์แล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที ดวงตากลมโตอันแสนเศร้าพร่ามัวเพราะม่านน้ำตาที่ไหลแทบไม่หยุดขณะนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงด้วยความโกรธและร้อนรนเกินจะทนไหว ยิ่งรีบเท่าไหร่ก็เหมือนอะไรจะไม่เป็นใจ รถก็ติดสาหัสทั้งที่อีกนิดเดียวก็จะถึงคังนัมแล้ว
“ลุงฮะ ผมลงตรงนี้นะครับ” มินโฮปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะยื่นเงินให้คนขับแท็กซี่แล้วเปิดประตูลงไปทันที ขายาววิ่งแทรกกลุ่มคนที่เพิ่งเลิกงานจำนวนมากที่คึกคักในยามพลบค่ำในย่านยอดฮิตของกรุงโซลจนตกเป็นเป้าสายตาที่มองตามด้วยความประหลาดใจ ทุกย่างก้าวของมินโฮทำให้เด็กหนุ่มเหนื่อยแทบขาดใจ เขาจะต้องทำให้ทุกอย่างจบลงภายในวันนี้เสียที...
ชางมินที่ไม่รู้เรื่องอะไรเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเดินออกมานอกห้องตั้งใจจะออกมาช่วยมินโฮทำมื้อเย็น ร่างสูงโปร่งแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่เจอมินโฮในห้องครัวตามที่ควรจะเป็นทั้งที่หม้อต้มน้ำซุปกลิ่นหอมก็ยังเดือดปุดๆ อยู่บนเตา ชางมินเดินตามหามินโฮทั่วห้องก็ไม่พบจึงเดินกลับมาหามือถือเพื่อจะโทรหารูมเมทที่อยู่ดีๆ ก็หายตัวไป
“ไปไหนของเขานะ ลืมซื้ออะไรหรือไงนะ” ชางมินทรุดตัวลงนั่งรอบนโซฟาพลางเตรียมจะกดโทรออกไปหามินโฮ แต่ข้อความจากโปรแกรมยอดฮิตในกลุ่มเพื่อนเขาก็ไหลเข้ามาไม่หยุดจนชางมินเริ่มรำคาญ
ชางมิน: มึงสองคนคุยอะไรกันนักหนาวะ มือถือกูกระแทกโต๊ะจนกระจกจะแตกแล้ว
คยูฮยอน: อ้าว แล้วมึงล่ะหายไปไหนมา กูดิสคัสกันไปถึงไหนแล้ว มึงมาประโยคเดียวแล้วก็หายหัวไป
รยออุก: นั่นสิ ปกติมึงต้องโวยวายกว่านี้ป่ะวะ
ชางมิน: พูดเรื่องอะไรวะ กูเพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมาเนี่ย หามินโฮก็ไม่เจอละ
รยออุก/ คยูฮยอน: เชี่ยละไงล่ะมึง
ชางมิน: อะไรวะ?
ชางมินเริ่มรู้สึกแปลกใจจึงย้อนกลับไปดูบทสนทนาก่อนหน้าคร่าวๆ ก็พบข้อความหนึ่งที่โต้ตอบกับกลุ่มเพื่อนสนิทของเขาทั้งที่เป็นเวลาที่เขากำลังอาบน้ำก็ทำให้เขาเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแทบจะทันที...
เมื่อมือหนาคว้ากุญแจรถสปอร์ตคันหรูได้ก็วิ่งออกจากห้องแทบไม่คิดชีวิต เขากลัวมินโฮจะขาดสติจนทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด หลายครั้งที่เขารู้พฤติกรรมของซีวอนดีแต่ก็เลือกที่จะปกปิดไว้เพื่อไม่ให้มินโฮต้องเสียใจ ชางมินยินดีที่จะต้องเจ็บปวดกับรักเพียงข้างเดียวของตนเองต่อไปขอเพียงให้มินโฮมีความสุขกับเส้นทางที่เลือกก็พอ
คันเร่งของ Ferrari F12berlinetta สีเทาควันบุหรี่ของชิมชางมินถูกเหยียบจนพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าพร้อมด้วยความรู้สึกร้อนรนของคนขับ มือหนาพยายามกดโทรศัพท์หามินโฮนับสิบครั้งด้วยความเป็นห่วงแต่อีกฝ่ายก็มิได้รับสาย ดวงตาคมฉายแววเคร่งเครียดท่ามกลางการจราจรอันติดขัดของกรุงโซล
“อุคกี้ นายเจอมินโฮที่ร้านหรือยัง” ชางมินกดโทรศัพท์หารยออุคเป็นครั้งที่สี่แล้วนับจากออกจากคอนโดมา
“ชางมิน มึงใจเย็นหน่อยสิวะ กูคอยดูมินโฮอยู่น่า...เฮ้ย มินโฮมาถึงแล้วว่ะ ตื๊ดดดดด...”
ร่างเพรียวบางผลักประตูกระจกใสบานใหญ่ของร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนชื่อดังย่านคังนัมเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉยมากกว่าที่คิมรยออุคคิดเอาไว้ มินโฮดูหายใจหอบเหนื่อยเหมือนเพิ่งจะวิ่งมาจนรยออุครู้สึกสงสาร หากก็ได้แต่จับตามองอย่างใกล้ชิดจนลืมว่าตนเองมาเดทครั้งแรกกับรุ่นพี่เยซองไปแล้ว
“นี่คือครอบครัวของพี่ซีวอนเหรอครับ” เสียงแหบพร่าเจือด้วยเสียงหอบเหนื่อยของมินโฮเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่จุดบนใบหน้าน่ารัก “สวัสดีฮะ ผมเป็นแฟนของพี่ซีวอนครับ”
มือบางยื่นไปด้านหน้านายแบบหนุ่มหน้าสวยอย่างคิมฮีชอลด้วยท่าทีสงบนิ่งจนซีวอนแทบไม่เชื่อสายตาทั้งที่ฮีชอลกำลังจะตักสปาเกตตีป้อนให้กับซีวอนด้วยท่าทีสนิทสนม เพียงชายหนุ่มจะพยายามอธิบายแต่มินโฮกลับเอ่ยแทรกขึ้นกลางคัน
“แต่ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องที่ผมพูดเมื่อครู่นี้กำลังจะกลายเป็นอดีตแล้วล่ะครับ”
“มินโฮพูดอะไรครับ ฮีชอลเป็นเพื่อนของพี่แค่นั้นเองนะครับ ใจเย็นก่อนสิ”
“อ๋อ ผมก็เพิ่งรู้นะว่าเพื่อนกันเขาจับมือกัน ป้อนข้าวกันแบบนี้ได้ด้วย” มินโฮแค่นหัวเราะ นึกขันในความโง่เขลาของตนเองตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้จะมีคนทักท้วงตั้งมากมายก็ไม่เคยเชื่อ มีเพียงความไว้ใจที่มีให้กับคนรักที่คิดไม่ซื่อตลอดมา
“หึ นี่น่ะเหรอแฟนของซีวอน ท่าทางกะโปโลเสียจริง” คิมฮีชอลปรายดวงตาคมที่กรีดด้วยอายไลเนอร์เส้นบางมองชเวมินโฮตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไว้นายตกลงกับเด็กนี่เสร็จเมื่อไหร่โทรหาฉันแล้วกัน ฉันจะรอที่เดิมนะจ๊ะ” ว่าแล้วก็หอมแก้มกร้านของเพลย์บอยหนุ่มที่หน้าซีดเผือดไปก่อนที่จะเดินนวยนาดออกไปด้วยท่าทีไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“มะ...มินโฮ ฮีชอลแค่จะหยอกเล่นน่ะ นั่งลงก่อนนะครับ” มือหนาคว้าท่อนแขนบอบบางเอาไว้อย่างใจเย็น “เรามาคุยกันดีๆ เถอะครับที่รัก”
“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่ซีวอนแล้วล่ะครับ เรา...จบกันแค่นี้ดีกว่าฮะ”
“มินโฮครับ เราเป็นแฟนกันก็ต้องเชื่อใจกันสิครับ ฟังพี่อธิบายก่อนนะ”
“ผมฟังคำโกหกของพี่มามากเกินพอแล้ว ผมคืนนี่ให้ครับ เราจะได้หมดพันธะกันเสียที” มินโฮถอดแหวนทองคำขาวซึ่งเป็นแหวนคู่ที่นิ้วนางด้านขวาของตนออกแล้ววางลงต่อหน้าชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มบางๆ “ของทุกอย่างที่พี่ซื้อให้ผม ผมจะให้คนไปคืนให้ที่บ้านพี่นะครับ”
“มินโฮ...พี่รักนายนะ อย่าทำแบบนี้เลย พี่ขอร้องล่ะครับ” ซีวอนลงไปคุกเข่าพร้อมกุมมือเล็กแล้วขอร้องร่างบางด้วยน้ำเสียงเว้าวอน “ยกโทษให้พี่เถอะครับ ถึงพี่จะออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่พี่รักแค่มินโฮจริงๆ นะครับ”
“นั่นสิฮะ พี่คอยบอกว่ารักผมตลอด แต่สงสัยผมคงจะดีไม่พอสำหรับพี่ซีวอน พี่ถึงได้มีคนอื่นตลอดเวลาเลย” มินโฮสะบัดมือออกอย่างไม่ไยดี หากข้อมือบางก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยแรงมหาศาลของร่างสูงจนมินโฮเซไปชนโต๊ะทำให้ข้าวของหล่นกระจายกลายเป็นเป้าสายตาของคนทั้งร้านไปเสียแล้ว
“หรือจริงๆ แล้วนายมีคนอื่นใช่มั้ยมินโฮ ทำไมนายถึงได้หาเรื่องอยากจะเลิกกับพี่เพราะเรื่องแค่นี้ด้วย” ซีวอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมบีบข้อมือเล็กในมือจนแดงก่ำไปหมดแล้ว “เป็นไอ้ชางมินสินะ มันเป็นชู้กับนายใช่มั้ย”
“ปล่อยนะ ผมเจ็บ...” น้ำตาเม็ดเล็กไหลซึมจากดวงตาคู่โตอีกครั้งเพราะความเจ็บใจที่มัวแต่หลงใหลได้ปลื้มกับผู้ชายเลวๆ ที่เอาแต่ทำร้ายเขาทั้งร่างกายและจิตใจเขาอยู่นานสองนาน “ผมไม่ทำอะไรต่ำๆ แบบที่พี่ซีวอนทำหรอก ไม่มีวันแน่ๆ”
“รู้มั้ย ฉันลงทุนกับนายไปเท่าไหร่ ฉันเสียเวลากับนายมาเป็นปี...” ซีวอนบีบคางมนให้เงยขึ้นมาเผชิญหน้ากับแววตาอันเกรี้ยวกราดของตนอย่างไร้ความปรานี “ถ้าเป็นคนอื่นน่ะ มันนอนอ้าขารอฉันแล้ว รู้มั้ย! ทำไมถึงเอาแต่เล่นตัวนักวะ”
“ปล่อยมินโฮเดี๋ยวนี้นะ” ชางมินที่เพิ่งเข้ามาถึงในร้านปรี่เข้ามาผลักร่างสูงของซีวอนออกไปท่ามกลางความตกตะลึงของคนในร้านที่ไม่กล้าเข้ามายุ่ง ด้วยเพราะใครๆ ก็รู้ว่าชเวซีวอนเป็นถึงลูกชายรัฐมนตรีชื่อดังจึงไม่มีใครอยากหาเรื่องใส่ตัวโดยไม่จำเป็น
“มินโฮ เจ็บมั้ย” ชางมินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเมื่อเห็นรอยมือที่บีบเค้นใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาจนเป็นรอยแดงไปหมด “อุคกี้ ฝากมินโฮก่อนนะ”
รยออุคที่วิ่งตามชางมินมารีบพามินโฮออกมาจากบริเวณนั้น เพราะรู้ว่าชางมินคงไม่ปล่อยผู้ชายคนนี้ไว้อีกแน่ ยิ่งทำร้ายมินโฮให้เห็นต่อหน้าต่อตาเช่นนี้
“หึ นี่วางแผนอยากให้มินโฮเลิกกับกูกันเป็นขบวนการเลยเหรอ” ซีวอนกระชากคอเสื้อของชางมินด้วยท่าทีโกรธแค้นเมื่อเห็นมินโฮถูกรยออุคพาออกไปนอกร้านแล้ว “กูลงทุนไปเท่าไหร่ อดทนรอตั้งแค่ไหนแต่ยังไม่ได้สักครั้ง มึงนี่เป็นชู้กันลับหลังกูยังไม่พออีกเหรอ”
“มินโฮไม่เคยทำอะไรต่ำๆ ลับหลังแบบที่มึงทำหรอก” ชางมินกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายด้วยแววตาวาวโรจน์อย่างไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายแม้สักนิด “ถ้ามึงยังอยากมีหน้ามีตาในสังคม ปล่อยมินโฮซะแล้วกูจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร”
“กูต้องเชื่อมึงด้วยหรือไง มึงไม่รู้หรือไงว่า...” ชายหนุ่มกำลังจะยกเอาตระกูลชเวอันทรงอิทธิพลมาข่มขู่ แต่ไม่ทันจบประโยค หมัดหนักๆ ของชางมินก็ตรงเข้าปะทะใบหน้าหล่อเหลาอันแสนภูมิใจของชเวซีวอนจนล้มกลิ้งกับพื้นไม่เป็นท่า “ไอ้เวร มึงต่อยกูเหรอ!!”
“เก็บแรงของมึงเอาไว้ไปถามพ่อมึงแล้วกันนะว่าถ้าตระกูลชิมยกหูโทรศัพท์ไปหาท่านนายกฯ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น พ่อมึงอาจจะต้องกลับจากสภามาทำสวนที่บ้านมึงก็ได้นะ” ชางมินแค่นยิ้มพร้อมทั้งคว้าหมัดที่ซีวอนง้างเอาไว้อย่างแม่นยำแถมยังบิดข้อมือกลับจนอีกฝ่ายร้องโอดโอยหน้าบิดเบี้ยว “ถ้ากูเห็นมึงยังยุ่งกับมินโฮอีก มึงโดนหนักกว่านี้แน่ ชเวซีวอน!”
หลังจากจัดการซีวอนไปแล้ว ชางมินจึงรีบวิ่งตามออกมาหารยออุคที่พามินโฮออกมานั่งอยู่ที่สวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลนัก มินโฮเข้มแข็งมากกว่าที่เขาคิดไว้เมื่อถึงคราวต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่
“อุคกี้ ขอบใจนะที่ดูแลมินโฮให้น่ะ” ร่างสูงโปร่งเอ่ยขอบคุณเพื่อนสนิทในกลุ่มที่ต้องมาวุ่นวายกับเรื่องนี้โดยใช่เหตุทั้งที่เดทกับรุ่นพี่เยซองอยู่แท้ๆ “ขอโทษรุ่นพี่เยซองด้วยนะครับที่ทำให้เดทล้มไม่เป็นท่าเลย”
“เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนของรยออุคสำคัญกว่าครับ ไม่เป็นอะไรกันก็ดีแล้ว”
“ชางมิน ถ้านายปล่อยมินโฮให้หลุดมือไป ฉันจะไม่ช่วยอะไรนายอีกเลยนะ ไอ้ทึ่มเอ๊ย” รยออุคกระซิบข้อความที่เรียกรอยยิ้มของชางมินออกมาจนมินโฮสงสัย “มินโฮ วันนี้นายยอดมากเลยนะ พักผ่อนเยอะๆ แล้วฉันจะไปเยี่ยมที่บ้านนะ”
“อุคกี้ รุ่นพี่เยซองครับ ขอบคุณนะ ขอบคุณมากๆ เลย”
“กลับบ้านเรากันนะ” ชางมินเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะคว้ามือบางไปกุมเอาไว้อย่างอ่อนโยน ใบหน้าหวานพยักตอบรับเบาๆ เกิดไม่กล้าสบตารูมเมทที่แสนดีขึ้นมาฉับพลันเพราะแววตาของชางมินช่างอ่อนโยนกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
หลังจากที่ชางมินพามินโฮขึ้นรถมาแล้วก็มีเพียงความเงียบงันอันน่าอึดอัดเข้าครอบคลุมอยู่ตลอดทาง ชางมินลอบมองมินโฮที่เอาแต่เหม่อลอยออกไปด้านนอกรถแทบจะตลอดเวลาด้วยความเป็นห่วง หากก็อยากให้มินโฮได้ใช้เวลากับตัวเองสำหรับเหตุการณ์ทุกอย่างที่จบลงอย่างรวดเร็วเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
“ชางมิน...แวะร้านสะดวกซื้อหน่อยสิ ฉันหิวน้ำจัง”
“อะ...อือ ได้สิ”
“ชางมิน...”
“หืมม์ มีอะไรหรือเปล่า”
“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่อยู่ข้างฉันตลอดเลย”
“ก็นายเป็นเพื่อนฉันนี่นา มินโฮ” ชางมินหันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้ชเวมินโฮ รอยยิ้มที่คอยปลอบใจเขาอย่างอบอุ่นเสมอมา “ฉันขออะไรนายอย่างได้มั้ย”
“อืมม์ อะไรล่ะ”
“นายอย่าร้องไห้อีกนะ ฉันไม่ไหวจะปลอบนายแล้วว่ะ”
“ฉันอยากจะถามนายสักเรื่องนึงเหมือนกันอ่ะ”
“ว่ามาสิ” ชางมินเลิกคิ้วเข้มขึ้นอย่างแปลกใจ “ถามหลายอย่างก็ได้นะ วันนี้มีโปรโมชั่นให้คนอกหักก็แล้วกัน”
“ชริ...” มินโฮทุบไหล่สารถีรูปหล่อด้วยความหมั่นไส้แต่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “นายดีกับฉันขนาดนี้ ทำไมถึงยังไม่หาใครมาดูแลอีก ไม่งั้นอีกหน่อยนะ...”
“ทำไมเหรอ”
“...อีกหน่อยฉันต้องหวั่นไหวเพราะชางมินแน่ๆ เลย”
มินโฮก้มหน้างุดหลบหนีใบหน้าคมคายของสารถีรูปหล่อที่หันมามองด้วยสีหน้าประหลาดใจก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะคลี่ออกที่มุมปากจนมินโฮรู้สึกไม่ไว้ใจเสียแล้ว...
“ยิ้มอะไรวะ” มินโฮถลึงตาใส่กลบเกลื่อนความเขินอายเมื่อถูกจ้องด้วยดวงตาคู่คมของรูมเมทรูปหล่อขณะที่รถกำลังติดไฟแดงพอดี
“ก็แค่ดีใจ...ที่นายจะหวั่นไหวเพราะฉันสักที”
“มะ..หมายความว่าไง” ดวงตาโตคู่สวยเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจนานกว่าครึ่งนาทีกว่าที่มินโฮจะกล้าถามชางมินต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “นาย...ชอบฉันเหรอ?”
“มีแต่นายเท่านั้นแหละที่ไม่เคยรู้” ชางมินถอนหายใจเบาๆ มือหนาเลื่อนไปสัมผัสแก้มนุ่มที่ยังมีรอยแดงจางๆ จากการโดนทำร้ายของผู้ชายสารเลวอยู่จนมินโฮนิ่วหน้าเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด แต่หัวใจกลับรู้สึกอบอุ่นมากกว่าครั้งใดกับสัมผัสอันอ่อนโยนของเพื่อนรัก “ถึงเมื่อก่อนฉันจะเป็นได้แค่เพื่อนของนาย ฉันก็ภาวนาทุกวัน ขอแค่ให้นายมีความสุขกับสิ่งที่เลือก แต่วันแล้ววันเล่าฉันก็เห็นนายเอาแต่ร้องไห้ ฉันเจ็บปวดทุกครั้งและอึดอัดยิ่งกว่าใครที่ช่วยนายไม่ได้เลย”
“ชางมิน...”
“นายคงตกใจสินะ” มือใหญ่ลูบกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลพร้อมมอบรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นประหนึ่งแสงอาทิตย์ที่ส่องแสงขึ้นภายหลังพายุฝนอันโหดร้ายที่เพิ่งพัดผ่านไปจนคนถูกมองถึงกับเริ่มใจเต้นไม่เป็นส่ำขึ้นมา “อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย วันนี้นายควรจะพักผ่อนเยอะๆ นะ”
เพียงแค่สงสัยในความรู้สึกที่ชวนให้หัวใจสั่นรัวอย่างประหลาดเมื่อครู่ มินโฮจึงเคลื่อนกลีบปากอิ่มลงไปสัมผัสบนริมฝีปากอุ่นของอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่ทันได้ตั้งตัว หากเมื่อสัมผัสบางเบาค่อยๆ ผละออกอย่างอ้อยอิ่ง มือหนาจึงช้อนท้ายทอยของมินโฮเข้ามารับจูบที่เขาเปลี่ยนเป็นฝ่ายควบคุมจังหวะ สัมผัสร้อนแรงหากปราศจากการรุกรานใดๆ นอกเสียจากการแทะเล็มกลีบปากหวานอย่างไม่รู้เบื่อโดยที่ร่างบางก็ตอบรับสัมผัสอบอุ่นโดยไม่รังเกียจ หากยิ่งสัมผัสกันมากเท่าใดยิ่งทำให้ความต้องการมากมายที่ถูกสะกดกลั้นไว้นานหลายปีล่อลวงให้ชางมินอยากจะทิ้งความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเอาไว้เบื้องหลังและกล้าที่จะทำสิ่งที่หัวใจเรียกร้องเสียที
“มินโฮ...นายไม่ควรทำแบบนี้นะ” ชางมินผละออกเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขอร้องด้วยน้ำเสียงเว้าวอน “ฉันไม่ใช่พ่อพระ...”
“...ก็ทำตามที่ชางมินอยากจะทำเถอะ” แววตามุ่งมั่นในดวงตาคู่โตเป็นเครื่องยืนยันว่ามินโฮพูดความรู้สึกจากใจจริง “ช่วยทำให้ฉันลืมผู้ชายคนนั้นที...”
“มินโฮ...นายเปลี่ยนใจไม่ได้อีกแล้วนะ”
Fin.
Talk+Important Announcement!!!
กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องที่รักที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ตอนนี้ถือว่ามาเร็วมากแล้วนะคะ หายไปสิบกว่าวันเอ๊งงง 555
และนี่คงจะเป็นฟิคตอนสุดท้ายของเราในช่วงนี้แล้วนะคะ ไม่ขอสัญญาว่าจะกลับมาแต่งต่อได้เมื่อไหร่
อย่างเร็วก็คงเดือนพฤศจิกายนที่เราสอบเพื่อเอาใบอนุญาตไว้ทำมาหากินได้แล้วอ่ะนะคะ >.<
ขอบพระคุณมากๆ ที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ แม้ว่าพักหลังคอมเม้นจะน้อยลง ไม่รู้ว่ามันไม่สนุกหรือว่าคนอ่านเลิกติดตามกันไปแล้วก็ไม่รู้เนอะ แต่ก็ยังมีนักอ่านเก่าๆ ที่แวะเวียนเข้ามาอยู่เสมอ
บอกตรงๆ ว่าถึงจะไม่ได้แคร์คอมเม้นอะไรนัก แต่พอได้อ่านแล้วมันมีกำลังใจจริงๆ นะเออ หลังๆ นี่เอาแค่เห็นยอดวิวบ้างก็พอชื่นใจแล้วล่ะค่ะ *ปลง*
และประกาศสำคัญในวันนี้ก็คือ...แท่นแท๊นนนนนน เราอยากจะรวมเล่มฟิคชางมินโฮอ่ะค่ะ
ไม่แน่ใจว่ามีใครเคยแต่งฟิคชางมินโฮเพียวๆ แล้วรวมเล่มขายหรือยัง แต่ถ้ายัง...นี่จะเป็นเล่มแรกนะคะ!!!
คือจริงๆ เราอยากจะเก็บไว้อ่านเองนั่นแหละ แต่แบบ ไปจ้างเค้าพิมพ์เล่มเดียว สนพ.คงจะตบกบาลเอาได้ เลยอยากหาแนวร่วมอ่ะค่ะ
ยังไม่มีอะไรเป็นรูปเป็นร่าง ยังไม่เปิดจอง ยังไม่เปิดโอนอะไรทั้งสิ้น เพราะอิคนเขียนนี่ก็ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับการรวมเล่มสักนิด เลยจะขอหยั่งเสียงเอาไว้ด้วยโพลนะคะ ถ้ายอดคนกดเกิน 10 คน...ก็มีแนวโน้มที่จะได้เอาไปพิมพ์ได้ล่ะเนอะ
เรื่องที่จะเอามารวมก็คงเป็น SF ที่แต่งจบแล้วในนี้ล่ะค่ะ และน่าจะมีเรื่องพิเศษ/ ตอนพิเศษหรือฉากNCที่งอกออกมาจากเรื่องเดิมอีกสัก 2-3 ตอน หรือถ้ามีคนรีเควสอะไร เราอาจจะรับไว้พิจารณานะคะ
เราจะทำโพลเอาไว้ ขอให้คนที่คิดจะซื้อจริงๆ เท่านั้นกดนะคะ เราอยากทราบจำนวนจริงๆ ค่ะ
จะทิ้งโพลไว้ถึงช่วงพฤศจิกายนเลยนะคะ เพราะถ้าจะได้เริ่มรวมเล่มจริงก็คงจะได้ทำช่วงนั้นเหมือนกันค่ะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้นะคะ หวังว่าเราคงจะได้เจออีกครั้งในเร็ววันนี้ อย่าลืมสนับสนุนอัลบั้มผู้ชายของเรากันด้วยนะคะ เย้ ^___^
ความคิดเห็น