ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [the Gazette:fiction] 32nd DECEMBER

    ลำดับตอนที่ #2 : Part: Aoi [--Time Resist--]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 193
      0
      16 ธ.ค. 55

     

    32nd DECEMBER
    Mysterious Fiction

     

    Fiction the Gazette 5 Part

    Title: 32nd DECEMBER

    Part: Aoi  [--Time Resist--]

     

    365  วัน ในหนึ่งปี ชีวิตประจำวันของคนปกติทั่วไปดำเนินไปด้วยสัจธรรมนี้ แต่จะมีสักที่คนที่รู้ ว่ามีอีกหนึ่งวัน ที่ไม่มีบรรจุอยู่ในปฎิทินเล่มใดๆ

     

    32nd DECEMBER

     

    ค่ำคืนวันที่ 31  ธันวาคม หิมะโปรยปรายเบาๆ ให้อากาศหนาวเย็น แต่ภายในจิตใจ กลับหนาวเหน็บราวกับกลายเป็นน้ำแข็ง

    ผมเดินเงียบๆ คนเดียวมาที่วัด วัดเก่าๆ ที่ห่างไกลจากตัวเมือง ผู้คนจึงไม่พลุกพล่านวุ่นวายมากนัก เดินกันประปราย เพื่อรอไหว้พระปีใหม่

    ผมหยุดยืนอยู่หน้าบันไดวัด และแหงนมองขึ้นไปที่ประตู เพียงแค่เดินขึ้นบันไดแล้วผ่านประตูเข้าไปเพื่อไหว้พระ เพียงแค่เดินขึ้นไปเท่านั้น... แต่กลับไร้เรี่ยวแรงจะก้าวขึ้นไป...

    อีกไม่กี่นาที ปีนี้ก็จะจบลง... ปีที่มีทั้งเรื่องราวดีๆ และเรื่องเลวร้ายที่ทำลายชีวิตของผม... มันกำลังจะจบลง...

     

    ไม่... ไม่อยากให้มันจบลงแบบนี้เลย... มันต้องไม่ใช่แบบนี้

     

    ยืนมองประตูทางเข้าแล้วน้ำตาก็ไหล... ทั้งๆ ที่...เราสัญญากัน เมื่อวันคริสมาสต์ที่ผ่านมา สัญญากันว่าจะมาไหว้พระปีใหม่ด้วยกันที่นี่ สัญญาว่าจะจับมือกันแล้วเดินข้ามประตูนี้ไปด้วยกัน...

     

    แต่หันมองที่ข้างกายตอนนี้...กลับไม่มีใคร

    ก้มมองที่มือที่สวมถุงมือไหมพรมของตน...ก็ไม่มีใครให้กุมมือ

     

    ทั้งๆ ที่สัญญากันไว้ แต่นายกลับไม่อยู่ตรงนี้ ไม่อยู่กับฉันอีกแล้ว เรื่องราวมันเพิ่งผ่านมา ราวกับความฝัน... ผมยังไม่อยากจะเชื่อว่านั่นมันเป็นความจริง แต่การที่ผมได้แต่นอนร้องไห้อยู่หลายวันหลายคืน และการที่เขาไม่ได้อยู่ตรงนี้ มันตอกย้ำว่าไม่ใช่ความฝัน...

     

    อยากจะภาวนา ให้เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแค่ฝันไป อยากจะขอพรพระเจ้า ให้ย้อนเวลากลับไปแก้ไขความผิดพลาดนั้นได้ ร่ำไห้อ้อนวอนอยู่ร่ำไป ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็พยายามปฏิเสธทุกสิ่ง ปฏิเสธเหตุผลทุกอย่าง

     

    ขอร้องล่ะ... ถ้าพระเจ้ามีจริง หรืออะไรก็ตาม ขอให้เขากลับมาได้ไหม ขอให้เรื่องวันนั้นมันไม่เกิดขึ้น ขอให้...

     

    ฮะฮะ บ้าจริง มัวแต่ร้องขอแบบนี้มันจะได้อะไร มันไม่มีทางจะเป็นไปได้สักหน่อย... ทั้งที่รู้อยู่แล้ว แต่ทำไม... มันช่างเจ็บเหลือเกิน เจ็บปวดทรมานจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว

    ผมค่อยๆ ก้าวขาขึ้นบันไดอย่างไร้เรี่ยวแรง ในอีกไม่กี่วินาทีที่ทุกๆ อย่างในปีนี้จะสิ้นสุดลง เท้าขวาก้าวเข้ามาในประตู พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลออกมา

     

    วินาทีที่หยดน้ำตาไหลกระทบพื้น เสียงรอบกายกลับเงียบสงัดลง พื้นที่น่าจะเป็นพื้นดิน เมื่อถูกหยดน้ำกระทบกลับเป็นคลื่นที่กระจายตัวออกเป็นวงกลม แผ่กว้างออกไปไกล แล้วทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวกลับกลายเป็นสีดำมืด... มองไม่เห็นใคร ไม่เห็นอะไร และไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น...

     

    มันเกิดอะไรขึ้น...?

     

    ไม่กี่เสี้ยววินาที ความมืดมนรอบกลายพลันสว่างสไวขึ้นมา เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังวุ่นวาย ทั้งที่นี่น่าจะเป็นตอนกลางคืน แต่ทำไมจู่ๆ ถึงสว่างจ้าท้องฟ้าสดใสราวกับบ่ายๆ วันหยุดที่มีคนเดินพลุกพล่านแบบนี้ได้

    ผมยืนอยู่ที่สวนสาธารณะ สักแห่งที่คุ้นตา ทั้งที่ที่จริงผมควรจะอยู่ในวัดที่เงียบสงบนั่นไม่ใช่เหรอ...?

     

    อาโอย!”

     

    ขณะที่ผมกำลังงุนงงอยู่นั่น เสียงเรียกชื่อผมก็ดังขึ้น... และเสียงนั้นมัน...

     

    อา... ขอโทษนะ รอนานรึเปล่า

    หันมองตามเสียงเรียก เสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เจ้าของเสียงเดินเข้ามาหาและยืนอยู่ตรงหน้าผม...

     

    อุรุฮะ!!

     

    หือ เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมทำหน้าอย่างกับเห็นผีอย่างนั้นล่ะ

     

    เขากล่าวด้วยท่าทางยียวนกวนทะเล้นอย่างทุกที นี่มันเรื่องอะไรกัน ทั้งๆ ที่เขาน่าจะไม่อยู่แล้ว... หรือว่านี่จะเป็นภาพลวงตา หรือว่า...

     

    ไม่ใช่... เขายื่นมือใหญ่นั้นมาลูบหัวผมเบาๆ ความอ่อนโยน ความอบอุ่นจากมือนั้น ชัดเจนว่าเป็นตัวจริง...

     

    นึกออกแล้ว...

     

    เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นนี่นา วันคริสมาสต์อีฟ เวลาบ่ายๆ ผมมารอเขาที่สวนสาธารณะที่นัดกันไว้ เขามาถึงหลังเวลานัดนิดหน่อย แต่ก็รีบร้อนมาหาและทักทายอย่างร่าเริง...

    เหมือนวันนั้น... กระทั่งชุดที่ใส่ ผมก้มลงมองตัวเอง ยังเหมือนกับวันนั้น เป็นชุดที่ตั้งใจเลือกอยู่นานเพื่อที่จะใส่มาวันเดทสำคัญ ทั้งที่เมื่อกี้ยังใส่แค่เสื้อโค้ทหนาๆ อยู่เลย...

    เกิดอะไรขึ้นกันแน่...

     

     

    ร้านค็อฟฟี่ช็อบ...

    ร้านเล็กๆ บรรยากาศสบายๆ เราสองคนนั่งดื่มกาแฟพลางทานของหวานกัน เปล่านะ ไม่ได้หมายความว่าผมชอบทานของหวานนะ ก็แค่นานๆ ที ที่นี่ยรรยากาศดีเท่านั้นเอง

     

    กาแฟเย็นกับขนมปังอีกแล้วเหรอ...

    อุรุฮะทำหน้ามุ่ยปากเป็ดมองเมนูของผมที่เพิ่งนำมาเสริฟบนโต๊ะ

     

    อืม ก็มันง่ายดีนี่นา ฉันไม่ถนัดเรื่องของหวาน ใครจะเหมือนนายนะ เข้าร้านกาแฟสั่งแต่เหล้าปั่นน่ะ

    แซวกลับไปพลางหัวเราะขบขัน นั่นก็ทำให้อุรุฮะเถียงอะไรไม่ออก

     

    แต่ที่แปลกคือ ผมเพิ่งมาที่ร้านนี้กับอุรุฮะเมื่อวันคริสมาสต์ที่ผ่านมา หรืออาจเรียกได้ว่า นี่เหตุการณ์มันเหมือนเดิมทุกอย่าง อย่างกับว่าย้อนเวลากลับมาเลยล่ะ...

     

    เดี๋ยวนะ... ย้อนเวลา...?

     

    บ้าสิ... มันเป็นไปได้จริงๆ เหรอเนี่ย นี่ถ้าอยู่ๆ ผมโพร่งถามไปว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่คงโดนหัวเราะตายแน่เลย เป็นทางเลือกง่ายๆ ที่ผมจะหยิบมือถือขึ้นมาดูปฏิทิน

     

    24      ธันวาคม ไม่ผิดจริงๆ

    แต่การจะให้เชื่อเรื่องการย้อนเวลาอะไรนั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น...

     

    ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเรียกร้องเองไม่ใช่รึไง...

     

    หึ ใช่ เพราะงั้นผมควรจะเชื่อ และดีใจกับมันสิ ทั้งที่เมื่อกี้ยังเสียใจร้องไห้ทรมานอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้ ความปรารถนาของผมเป็นจริงแล้วไง ผมย้อนเวลากลับมาในวันนั้นได้แล้ว

     

    มันเป็นโอกาสที่ดีแล้วที่จะได้แก้ไขเรื่องผิดพลาดนั้น

     

    อืม เสร็จแล้วจะไปไหนกันต่อดีน้าอาโอย...

    อุรุฮะนั่งดูดเหล้าปั่นเท้าคางจ้องมาด้วยท่าทางร่าเริง ผมยิ้มตอบกลับไปด้วยท่าทางเอ็นดู เขานี้แหละ ร้อยยิ้มนี้ ที่ผมอยากจะปกป้องไว้ และอยากให้มันอยู่กับผมตลอดไป...

    ผมกับอุรุฮะคบกันมาหลายปี ความผูกพันธ์นั้นเป็นมากกว่าคนรัก มากกว่าเพื่อน และมากกว่าความหมายใดๆ

     

    อะไร ชวนฉันมาเดท แต่ไม่ได้คิดไว้รึไงว่าจะพาไปที่ไหน

    ก็ไม่ได้คิดน่ะสิ แค่คิดว่าได้อยู่กับนายก็มีความสุขแล้ว จะที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นล่ะ

    ตอบมาหน้าตาเฉย ทั้งยังยิ้มร่าซะมันน่าฟัดจริงๆ แต่ก็นี่ล่ะนะ เหตุผมว่าทำไมผมถึงรักเขา...

     

    ฉันก็เหมือนกันล่ะนะ ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ

    จริงด้วยสิ แต่ฉันมีที่ที่อยากไปอยู่นะ อุรุฮะพูดขึ้น วัดนั้นน่ะ ที่บ้านเกิดนาย วันปีใหม่เราไปไหว้พระที่นั่นด้วยกันดีมั๊ย

    กล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น อะไรกัน แค่นี้เอง

    อื้ม ได้สิ ทำไมอยู่ๆ ก็อยากไปขึ้นมาล่ะ

    ก็แค่อยากไหว้พระด้วยกัน ที่นั่นดูสงบดี จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆ ไง เอาล่ะ สัญญาแล้วนะ ห้ามลืมล่ะ

     

    อืม...ฉันไม่เคยลืม... แต่นายต่างหากล่ะที่ผิดสัญญากับฉัน แต่คราวนี้ ฉันจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นแน่

     

    ..

    ..

    ..

    ..

    ..

    ว้า หนังเรื่องเมื่อกี้น่ากลัวเป็นบ้า หนังสยองขวัญแบบนั้นมันเหมาะจะดูตอนที่มาเดทกันวันคริสมาสต์อีฟตรงไหนเนี่ย

    พอออกจากโรงหนังมาอุรุฮะก็บ่นเลยเชียว โธ่เอ้ย ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน นายมันใจเสาะเองต่างหาก

    อย่าบ่นน่า ก็ฉันอยากดูนี่

     

    ชิส์ งั้นไปเล่นเกมส์ตรงนั้นกันแก้เครียดหน่อยดีกว่า

    ว่าแล้วก็จับแขนผมลากไปโดยไม่ถงไม่ถามความสมัครใจผมสักคำ

     

    แกร๊ง แกร๊ง

    พอหยอดเหรียญใส่ตู้เกมส์แล้วก็เริ่มมาสนใจที่ปุ่มบังคับบนตัวเครื่อง มันคือตู้หนีบตุ๊กตา

    เล่นอะไรเป็นเด็กๆ นะนายเนี่ย

     

    ไม่มีเด็กที่ไหนเซียนเท่าฉันหรอกน่า มานี่สิ เอาตัวไหนดีชี้มาเลย เป็ดหรือแมวน้ำดีล่ะ

    เอาเป็ด

    ผมนี่ก็บ้าจี้ ชี้เจ้าเป็ดน้อยตัวหนึ่งที่นอนอยู่ในตู้ส่งสายตาใสซื่อเหมือนจะมองมาทางนี้แล้วบอกว่า พากลับไปที อยู่ตลอดเวลา... ล้อเล่น ไม่จริงหรอกนะ

    ได้เลยครับ

    ยืนเกาะตู้ดูด้วยความตื่นเต้น มองดูเจ้าเป็ดกำลังถูกคีบขึ้นมา และมองดูใบหน้าที่กำลังตั้งอกตั้งใจเคร่งเครียดของเขา มันก็ตลกดีนะ...

     

     

    อ่ะ ให้นายนะ  ยื่นเป็ดน้อยที่เพิ่งหนีบจากตู้มาให้ อยากจะซื้อของให้ แต่ไม่ค่อยมีเงินน่ะนะ เอาเจ้านี่แหละ ถูกดี ห้ามบ่นล่ะ

    อื้ม ขอบใจนะ

    ผู้พิชิตเป็ดมองผมด้วยท่าทางงอนๆ เหมือนรออะไรบางอย่างจากผม รู้แล้วน่ารู้แล้ว เพื่อเป็นการขอบคุณ ผมเลยจุฟแก้มอุรุฮะไปทีนึง ที่จริงก็ไม่ใช่เพราะเป็นการขอบคุณอะไรหรอกนะ ก็อยากทำเฉยๆ

    รอยยิ้มร่าเริงด้วยความดีใจของเขานั่นแหละ ที่ผมได้ตอบแทนมา เท่านี้ก็มีความสุขเหลือเกิน จนไม่อยากให้มันจบลงเลย

    ผมกอดเจ้าเป็ดน้อยไว้แน่น ขณะที่จูงมือเดินช็อปปิ้งกันต่อ

    ..

    ..

    ..

    ..

    ..

    ย่านร้านค้าริมถนน เราเดินดูร้านเสื้อผ้า แฟชั่นไปพลาง พูดคุยกันไปพลาง เหตุการณ์เหมือนวันนั้นทุกอย่าง

    อุรุฮะหยุดยืนอยู่หน้าร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง และจ้องมองชุดที่มีหุ่นสวมโชว์อยู่หน้าตู้กระจก

    อาโอย ฉันว่าชุดนี้มันต้องเหมาะกับนายแหง

    หืม... บ้าดิ มันเหมาะกับนายมากกว่า ถ้าอยากได้นายก็ใส่เองสิ

     

    แหงล่ะ มันจะไปเหมาะกับผมได้ไง นั่นมันชุดผู้หญิงนะ ผมใส่ออกมาคงดูเป็นกระเทยคาบาเร่แหง ไม่ต้องมาทำมองสายตาอ้อนวอนเลย ไม่ใจอ่อนหรอก

    แต่มันก็สวยดีนี่นา...

     

    เขารำพึงรำพันเบาๆ ขณะนั้นมีเด็กผู้หญิงอายุราวๆ สิบสี่สิบห้า เธอเดินออกมาจากร้านนั้นพร้อมกับแม่ของเธอ เหมือนว่าแม่ของเธอจะเพิ่งซื้อชุดใหม่ให้ ใส่แล้วดูน่ารักสดใสน่ามองทีเดียว ทำเอาเราทั้งสองเผลอมองตามด้วยความชื่นชม ช่วยไม่ได้ ยังไงเราก็เป็นผู้ชายนี่นะ แต่เปล่านะ มันไม่ได้หมายความว่าผมเป็นโลลิค่อนนะ

     

    แต่ว่า...เหตุการณ์จากนี้... ผมจำได้ดี ขณะที่เราเดินไปตามทางเดิน สองแม่ลูกเดินจูงมือกันอย่างร่าเริงอยู่ข้างหน้าห่างจากพวกเราระยะหนึ่ง มันช่างดูอบอุ่น แต่ในวันนั้น เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น มีรถยนต์บนถนนแหกโค้งเข้ามาและพุ่งเข้ามาบนทางเดิน และผู้เคราะห์ร้ายก็คู่สองแม่ลูกนั่น...

    ถ้าวันนั้นผมตั้งสติทันและหยุดอุรุฮะไว้ บอกเขาว่าอย่าไป... เขาก็คงไม่ตาย... แต่กลับกลายเป็นแม่ลูกคู่นั้นแทน...

     

    ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับภาพฉายซ้ำ เสียงล้อเสียดถนนดังลั่นจนคนแตกตื่น รถยนต์กำลังพุ่งถลาเสียหลักเข้ามา...

    ถึงตอนนี้ผมจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ผมก็ไม่สามารถพูดคำนั้นออกไปได้อยู่ดี... อุรุฮะที่ตกใจสุดขีดและพุ่งเข้าไปช่วยสองแม่ลูกนั้น จะให้ผมเห็นแก่ตัวหยุดเขาไว้แล้วปล่อยให้สองแม่ลูกนั้นตาย ผมทำไม่ได้หรอก...

     

    แต่...อุรุฮะ ฉันกลับมาก็เพื่อเปลี่ยนมัน... ทุกอย่างในวันนี้เกิดขึ้นเหมือนเดิม ความทรงจำดีๆ ที่ฉันได้มีกับนาย มันไม่มีวันเปลี่ยนแปรง แต่แค่สิ่งนี้ ที่ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น...

     

    ฉันจะต้องช่วยให้ได้ เรื่องร้ายๆ ที่จะเป็นรอยแผลในใจไปชั่วชีวิตน่ะ ไม่เอาด้วยแล้ว ฉันต้องทำได้แน่ วินาทีนี้ ผมจึงวิ่งออกไปอย่างสุดกำลัง...

    ..

    ..

    ..

    ..

    ..

    ..

    ..

    ..

     

     

    เสียงระฆังตีดังลั่น เป็นสัญญาณบอกว่าสิ้นสุดช่วงเวลาในปีเก่า และก้าวเข้าสู่วันใหม่ของปีแล้ว...

    มันคือวันที่ 1 มกราคม

     

    ผู้คนต่างยิ้มแย้มยินดี ต้อนรับสิ่งดีๆ ในวันนี้ แถวคนที่ต่อแถวเพื่อขึ้นไปไหว้พระก็ค่อยๆ เคลื่อนไป... ตัวผมยืนนิ่งอยู่หน้าประตูแห่งนั้น

     

    กลับมา... กลับมาแล้ว กลับมาที่เดิม...

     

    แต่ที่ไม่เหมือนเดิม...

     

    มือของเขายื่นมากุมมือของผมไว้ ผมหันไปมองข้างๆ กาย ก็พบรอยยิ้มสดใสของเขาที่จ้องมองมาที่ผมเสมอ

    สวัสดีปีใหม่นะ อาโอย

    อื้อ สวัสดีปีใหม่

     

    เรายิ้มและหัวเราะให้กันเบาๆ อากาศหนาวเย็นไม่ได้มีผลต่อความอบอุ่นนี้เลย มือของเราจับกันไว้แน่น และเดินขึ้นไปไหว้พระพร้อมๆ กัน

    อยู่ที่นี่แล้ว วัดที่เราสัญญาว่าจะมาไหว้พระด้วยกัน ข้างๆ กายของผมมีเขาอยู่เคียงค้างแล้ว และพร้อมที่ก้าวเดินไปด้วยกัน ต่อจากนี้ ปีนี้ ปีไหนๆ เพื่อสร้างความทรงจำใหม่ๆ ด้วยกัน

     

    ตลอดปีที่ผ่านมามีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ฉันเชื่อว่าฉันจะไม่มีวันลืมมันหรอกนะ ทุกช่วงเลาที่อยู่กับนาย ฉันมีความสุขเสมอ...

     

    และที่สำคัญ เป็นความลับที่มีแค่ผมเท่านั้นที่จะเข้าใจ ผมไม่มีวันลืมแน่ๆ วันที่ 32 ธันวาคม วันนั้น ที่ทำให้ผมได้คนรักของผมกลับคืนมา...

     

    ----------------------------------------------

    แล้วพบกับตอนหน้าเร็วๆ นี้ค่า ตอนต่อไปจะเป็นตอนของไคนะ แล้วก็ 18+ นะจ๊ะ เตรียมไปเจอกันที่บล็อกของไรเตอร์ได้เลย ฮ่าๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×