ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พี่ว๊ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง

    ลำดับตอนที่ #5 : 5:ใครเป็นห่วงมึงมิทราบ!?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.13K
      4
      1 ก.ค. 56

     

    อุ่น...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากฝ่ามือ  มันเป็นความอบอุ่นที่ชวนให้สบายใจ  น่าแปลก...ที่ฝ่ามือของผมนั้นมันไม่มีเหงื่อออกเลย  แรงบีบเบาๆนั้นก็คอยย้ำเตือนว่าข้างกายผมนั้นมันไม่ได้ว่างเปล่า  ไม่นานนักการรับรู้ของผมก็ค่อยๆกลับคืนมาเป็นปกติ  เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงของพัดลม 

     

     

     

    เปลือกตา...หนัก

     

     

     

    หนักจนไม่สามารถจะลืมตาขึ้นมามองเจ้าของฝ่ามือที่กำลังกุมมือผมเอาไว้  แต่ถ้าให้ผมเดาล่ะก็คงจะเป็นเชียร์ล่ะมั้ง  จู่ๆก็มีอะไรสักอย่างเย็นๆชื้นๆมาแตะที่หน้าผากผมเบาๆ  ความเย็นของมันทำให้ผมเริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นมาและก็ทำให้เปลือกตาอันหนกอึ้งนี้เบาลง

     

     

     

    จนผมสามารถลืมตาขึ้นมาได้...

     

     

     

    ผมพยายามกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับสภาพการมองเห็น  เมื่อตามองเห็นก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นยาฆ่าเชื้อที่เป็นเอกลักษณ์  สมองค่อยๆทำการรีเพลย์และประมวลผลลำดับของเหตุการณ์ต่างๆ   อืม นี่ตัวผมคงจะเป็นลมแล้วก็โดนหามมานอนห้องพยาบาลใช่มั้ยเนี่ย  ถึงจะมั่นใจในสุขภาพตัวเองแค่ไหนแต่ถ้าให้ไปวิ่งเยอะๆแถมยังไม่ได้กินอะไรเลยมันก็ต้องมีเป็นลมบ้างล่ะน่า 

     

     

     

    เวรกรรม...งั้นพี่ก็เห็นสภาพดูไม่ได้ของเราไปแล้วสิเนี่ย แต่จะว่าไปก่อนหน้านั้นเราก็ทำท่าจะต่อยพี่ด้วยนี่นา  พี่คงเกลียดเรา(ยิ่งกว่าเดิม)แน่เลยยยยยย   ฮรืออออออ

     

     

     

     

    “...คิดว่าจะตายไปแล้วนะเนี่ย”

     

     

     




     

     

     

    ...เอ๊ะ

     

     

     

    ผมรีบหันควับไปมองด้านขวามือก็พบกับคนที่ผมกำลังคิดถึงอยู่เมื่อกี้นี้  ใบหน้าที่มักจะเก๊กขรึมแล้วคอยตะโกนใส่พวกรุ่นน้องในตอนนี้นั้นมันไม่เหมือนปกติ  ดวงตาฉายแววกังวลและเป็นห่วงซึ่งขัดกับรอยยิ้มบางๆนั้นจ้องมองมาที่ผม 

     

     

     




     

     

     

    ทำให้หัวใจของผมพองโต...

     

     

     

    “พ...พี่มาอยู่นี่ได้ไง?”

     

     

     

    “ก็กูเป็นคนสั่งให้มึงวิ่งจนจะตายห่านี่  กูต้องรับผิดชอบสิ”

     

     

     

    “...”  พี่เชิดหน้าไปทางอื่นอย่างเขินๆ  แหมๆ  ไม่ต้องมาอายเลยครับ เป็นห่วงผมก็บอกมาเถอะ อิอิน์...ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาให้กับท่าทางของพี่จนพี่หันมาขมวดคิ้วใส่

     

     

     

    “มีอะไรน่าขำ?”

     

     

     

    “เปล่าครับ  แต่ผมแค่...ดีใจเท่านั้นเอง”

     

     

     

    “...คนป่วยน่ะเงียบไปเลย”

     

     

     

    พี่เอื้อมมือไปหยิบผ้าชุบน้ำมาวางไว้บนหน้าผากผมอีกครั้ง  ผมยิ้มให้เป็นการขอบคุณและแสดงให้พี่เห็นว่าผมดีใจแค่ไหน  ความอบอุ่นที่ฝ่ามือนั้นมันยังไม่หายไป  ผมก็เลยเหลือบไปมองที่มือขวาของตัวเองก็พบกับมือที่เล็กกว่าผมเล็กน้อยกำลังกุมมือผมแน่น  พี่ที่เห็นสายตาของผมมองลงต่ำก็เลยมองตาม  เมื่อรู้ตัวว่ามือของตัวเองยังกุมมือผมไว้อยู่ก็รีบชักกลับไปทันที

     

     

     

    “ม..มองอะไรของมึง”

     

     

     

     

    “เปล๊า  แหม พี่ก็...เป็นห่วงผมก็บอกมาเถอะครับ”

     

     

     

    “ใครเป็นห่วงมึงมิทราบ!?

     

     

     

    “หุหุหุ”

     

     

     

    “ดูท่าว่าจะสบายดีแล้วนี่!  งั้นกูไปดูรับน้องต่อละ”

     

     

     

    พี่รีบลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องด้วยหน้าดุๆแบบฉบับของตัวเอง  ส่วนผมเองก็คิดจะเอื้อมมือไปรั้งพี่ให้อยู่กับผมต่ออีกนานๆแต่ก็...ไม่ได้ทำอย่างที่คิด

     

     

     

     

    ...การปล่อยไปในบางครั้งก็จำเป็น

     

     

     

     

     

     

     

    ครับ  ผมเข้าใจและก็รู้ว่าเวลาเองก็เป็นสิ่งจำเป็น

     

     

     

     

     

     

     

     

    ถ้าเรายิ่งพยายามเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่...เขาก็อาจจะตั้งรับไม่ทันและถอยหนีเราไปก็ได้

     

     

     

     

     

     

     

    ผมนั่งยิ้มบางๆอยู่คนเดียวในห้องพยาบาลสีขาว  สายตามองทอดยาวออกไปด้านนอกหน้าต่าง  วิวข้างนอกซึ่งเป็นสวนร่มรื่นที่มีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านมากมายทำให้จิตใจเหมือนได้รับการเยียวยา  ในหัวก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ช่วงเวลาสงบๆแบบนี้ในชีวิตของเด็กปีหนึ่งมันหาได้ยากนะเออ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ก๊อกๆ

     

     

     

    เห็นมั้ยบอกแล้วว่ามันหายาก...

     

     

     

    แอ๊ดดดดด

     

     

     

    บานประตูนั้นเปิดออกมาโดยที่ผมยังไม่ทันได้อนุญาตพร้อมกับร่างบางๆ  เชียร์ทำหน้าดีใจเมื่อเห็นว่าผมยังมีชีวิตอยู่แล้วรีบเดินมานั่งข้างเตียงผู้ป่วย

     

     

     

    “เป็นไงมั่งปีหนึ่ง  ไหวรึเปล่า?”

     

     

     

    “อืม  ก็ดีขึ้นหน่อยนึงแล้วล่ะนะ”

     

     

     

    เชียร์ถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินผมพูดดังนั้น  ผมยิ้มให้เชียร์ไปก่อนที่หางตาจะเหลือบไปเห็นร่างใหญ่ๆทางขวามือ

     

     

     

     

    ...อื้อหือ  กูเกือบนึกว่ามีช้าง(ไม่)น้อยมายืนอยู่ข้างเตียงแล้วไม่ล่ะ

     

     

     

    “ดูท่าว่าจะสบายดีแล้วนี่”

     

     

     

    “ครับ พี่ว๊าก”

     

     

     

    พี่ว๊ากยืนกอดอกอยู่ข้างเตียงแล้วส่งยิ้มสดใสมาให้ผม  ในความคิดของผมนะ  พี่ว๊ากเนี่ยมีดีทุกอย่างทั้งหน้าตาดี  หุ่นดี  (ดูเหมือน)เรียนดี  ใจดี แก่ สปอร์ต กทม.  แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือขนาดตัวของพี่เขาที่ออกจะใหญ่ไปนิด  ให้อารมณ์แบบนักกล้ามจนน่ากลัว...ถ้าโดเรม่อนมีจริงผมยอมลงทุนไปขโมยไฟฉายย่อส่วนมาถวายพี่ว๊ากเลย

     

     

     

    “จริงสิ  แล้วเชียร์ไม่ไปเข้ารับน้องเหรอ”

     

     

     

    “อืม...ก็นะ”

     

     

     

    เชียร์ส่งสายตาเอือมๆไปทางพี่ว๊ากเป็นสัญญาณลับๆให้ผม  ถึงบางอ้อเลยครับ  พี่ว๊ากคงจะเนียนลากเชียร์มาอ่าดิ....

     

     

     

      เฮ้อออออออ  ผมอยากจะกราบให้ความพยายามของพี่ว๊ากจุงเบย

     

     

     

     

     

     

    แต่พี่คงจะจีบเชียร์ติดในเร็ววันนี้แน่ถ้าพี่เปลี่ยนวิธี....น่ะนะ


    --------------------------------------------------------------------------------------------------
    ตอนนี้ไม่ค่อยมีมุกเลย -3-
    อยากจะซึ้งบ้างอะไรบ้าง!! ขอฉากหวานๆสักหน่อยได้ป่ะตัวเธอว์
    บ่องตงรีบมาอัพให้เพราะเห็นคห.ที่154[
    PriK_kanokporn]เมื่อเช้า
    โอเคค่ะ ไรท์จัดห๊ายยยยยยยยยยยยย

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×