♦ Second Chance ♦
Author : kissye
Pairing : Kris x Lay
Rate : PG15-NC17
Pls check your E-mail before read it.
3
แบคฮยอนสะดุ้งพรวดขึ้นจากที่นอน ใบหน้าหวานแสดงถึงความตกใจสุดขีด มองซ้ายขวาเตียงที่นอนอยู่ก็ว่างเปล่า สองมือขยี้หัวตัวเองไปมาด้วยความหงุดหงิด มือรีบคว้าโทรศัพท์บนหัวเตียงมากดโทรออกหาเพื่อนอีกคนที่หายไปกับใครอีกคนเมื่อคืน เสียงรอสายที่ไม่ได้รับการตอบรับไม่ได้ช่วยทำให้แบคฮยอนอารมณ์ดีขึ้น
“เสี่ยวลู่!!!!” ตะโกนลั่นห้อง ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น ประตูห้องเปิดออกลู่หานในสภาพพึ่งตื่นโผล่มาให้เห็น แบคฮยอนช้อนตามองเพื่อนรักหน้าประตูห้อง พลันสายตาเห็นร่างของใครอีกคนยืนหลบอยู่ด้านหลัง ดูจากใบหน้าของลู่หานและการแต่งตัว แบคฮยอนก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้!
“เราโทรหาเลย์ไม่ติดล่ะลู่หาน ไปรับเลย์กลับมาได้แล้วนะน้า” ดวงตาเรียวมองอย่างออดอ้อน ลู่หานไม่ตอบแต่เดินเข้ามาภายในห้องทรุดตัวลงบนเตียง ก่อนจะเอ่ยเรียกให้มินซอกที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องเดินเข้ามา
“เลย์อยู่กับคริสไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ” ถึงปากจะตอบแบบนั้นแต่ในใจลู่หานก็รู้ว่ามันไม่ปลอดภัยเลยสักนิดที่ปล่อยให้เลย์ไปอยู่กับคริสแบบนั้น เมื่อคืนหลังจากมาถึงห้องเขาง้อแบคฮยอนอยู่สักพักพอเจ้าตัวเล็กหายงอนก็โดนไล่ให้ไปนอน ลู่หานยืนทะเลาะกับมินซอกเรื่องปล่อยให้เลย์ไปกับคริสแบบนั้น อีกฝ่ายค่อนข้างไม่พอใจกับการกระทำของเขา แต่เมื่อบอกว่าเลย์เป็นฝ่ายเลือกมินซอกก็ยอมเงียบไป
“นั้นแหละยิ่งน่าเป็นห่วง! ไอคริสเคริสอะไรนั้นไม่น่าไว้ใจสักนิด ลู่ก็เห็นตอนมันจูบเลย์บนรถนั้น!” แบคฮยอนโวยวายลั่นห้อง ยกเหตุผลประกอบคำพูดของตน ภาพคริสจูบเลย์บนรถก่อนเริ่มแข่งนั้นเป็นที่เอ่ยถึงระหว่างรอการเข้าสู่เส้นชัยของรถที่เข้าแข่ง ทุกคนพูดกันหนาหูว่าเลย์คือของเล่นชิ้นใหม่ของคริส ลู่หานไม่อยากนึกภาพวันที่เลย์จะต้องถูกเปลี่ยนตัวไปมาเมื่อคริสแพ้การแข่งขันครั้งใดครั้งหนึ่งขึ้นมา
“ใจเย็นหน่อยหมา...เดี๋ยวเลย์ก็รับสายเองแหละ”
“แต่เลย์ไม่เคยไม่รับโทรศัพท์ฉันนะ!!” แบคฮยอนตะโกนตอบด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าหวานแดงก่ำราวกับคนโมโหจนจะร้องไห้ ลู่หานถอนหายใจแล้วหยิบโทรศัพท์ของแบคฮยอนที่ตั้งอยู่บนที่นอนมากดโทรออกหาเลย์
แบคฮยอนกอดออกแน่น สายตาค้อนขวับจ้องไปที่คิมมินซอกที่นั่งนิ่งอยู่ข้างลู่หาน ในใจก็นึกสาปแช่งว่าถ้าหากมินซอกอะไรนี้ไม่มาอยู่กับลู่หานคืนนี้ เลย์ก็คงอยู่ที่นี้ นอนอยู่กับแบคฮยอนไปแล้ว!
ไม่ชอบคิมมินซอก ไม่ว่าจะเป็นอะไรกับเสี่ยวลู่ก็เถอะ!
ลู่หานร้องเสียงหลงเมื่อแบคฮยอนกระโจนเข้าใส่มินซอกอย่างแรงจนกลิ้งตกเตียงกันไปทั้งคู่ มือที่ถือโทรศัพท์ปล่อยโทรศัพท์ออกอย่างรวดเร็ว ภาพแบคฮยอนคร่อมอยู่เหนือร่างของคิมมินซอก สองมือดึงผมที่น้ำตาลสว่างของมินซอกไว้แน่นจับเขย่าไปมาจนมินซอกดิ้นพล่านพยายามดึงมืออีกฝ่ายออกห่าง
“นี้แหน่ะๆ!!” ลู่หานเข้าคว้าเอวของแบคฮยอนแล้วพยายามดึงให้ออกห่างจากคนรักของตน แต่แรงของแบคฮยอนเวลาดื้อก็ไม่ใช่น้อยๆ
“แบคฮยอนหยุดบ้านะ ออกไปเลยไป!!” เสียงตวาดของลู่หานดังขึ้นทำให้แบคฮยอนชะงัก มินซอกเห็นอีกฝ่ายเผลอจึงผลักออกไม่แรงมากแต่แบคฮยอนก็เซกระแทกกับเตียง ใบหน้าหวานซีดเผือด น้ำตาเอ่อคลอดวงตา สองแขนโอบเข้าหากันแนบออก
ลู่หานที่รู้ตัวว่าเผลอตะคอกใส่เพื่อนที่มีจิตใจอ่อนแอต่อเรื่องพวกนี้อย่างแบคฮยอนจนอีกฝ่ายเริ่มเสียใจ ลู่หานจะก้าวเข้าไปหาแต่แบคฮยอนกลับถอยหนีทำให้อีกคนใจหายวาบ
“แบค...” มินซอกหันมองลู่หานที่เอ่ยชื่อแบคฮยอนแผ่วเบา คนถูกเรียกยังยืนตัวสั่น หยดน้ำตาไหลลงอาบแก้ม
“เสี่ยวลู่...ฮึก..ใจร้าย เกลียดแล้ว!” ปากบอกว่าเกลียดแต่พอเห็นลู่หานกางแขนออกกลับโถมตัวเข้าใส่โอบกอดเสียแน่น ร้องไห้โยเยสะบัดไปมาในอ้อมกอดของเพื่อนเหมือนเด็กสิบขวบ
หลังจากผ่านพ้นการง้อแบคฮยอนครั้งที่สองของลู่หานสำเร็จ ทั้งสามจึงมานั่งแหม่ะกันอยู่บนที่นอนอีกครั้ง คราวนี้ลู่หานนั่งคั่นระหว่างคนรักกับเพื่อนสนิท ป้องกันเหตุการณ์หมาคันเขี้ยวขึ้นมาอีกครั้ง
“ทำไมไม่รับนะ กลับมาจะจับแต่งหน้าให้กลายเป็นสาวเลย!” แบคฮยอนบ่นงึมงำคนเดียว
“เอ่อ...เดี๋ยวเราลองโทรถามคริสให้ก็ได้นะ” มินซอกที่นั่งเงียบมานานพูดแทรกขึ้น ก่อนหลุบลงเมื่อเจอสายตาแบคฮยอนที่มองมาอย่างไม่พอใจ
“นั่งเงียบอยู่ตั้งนาน โทรเลยสิ โทรสิ โทร!” จัดการตะคอกไปอีกที ลู่หานตีลงบนไหล่เล็กนั้นเบาๆเป็นเชิงปราม มินซอกลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ก่อนจะกลับมาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ
กดอยู่สักพักก็ยกขึ้นฟัง ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้กับสองคนที่นั่งรอคำตอบอยู่บนเตียง
“ไม่รับเลย..กดตัดทิ้งด้วย” ลู่หานสบตากับมินซอกอย่างเป็นกังวล ไม่อยากคิดไปในทางไม่ดี แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็ทำให้อดคิดไม่ได้
ลู่หานพูดขอตัวออกไปทำธุระด้านนอก บอกให้แบคฮยอนอยู่กับมินซอกก่อน ย้ำว่าห้ามทะเลาะกันเด็ดขาดอยู่สองสามครั้งแล้วเดินออกจากห้องไป
.
“เสร็จหรือยัง” เสียงหวานแหบแห้งสั่นเครือดังขึ้น ทำให้คนที่นอนซบอยู่บนอกของตนเงยหน้ามอง คริสกดจูบแผ่วเบาที่ข้างแก้มเนียน สัมผัสเปียกชื้นบนแก้มนั้นมาจากหยดน้ำตาที่ไหลออกมาก่อนหน้านี้ ร่างสูงลุกออกจากร่างของเลย์ที่นอนเปลือยอยู่บนที่นอน
เลย์ลุกขึ้นหลังจากคริสหายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัว หยิบเสื้อผ้าชุดเมื่อคืนมาใส่อย่างลวกๆ ความเปียกชื้นที่ส่วนล่างยังคงอยู่แต่เลย์ก็ไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจที่จะไปล้างออก ตอนนี้ในสมองคิดได้แค่ว่าเขาควรออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
เสียงน้ำในห้องน้ำหยุดลงพร้อมกับเลย์ที่กำลังใส่รองเท้าอีกข้างที่เหลือ คริสเปิดประตูห้องน้ำมาเห็นเลย์อยู่ในชุดเมื่อคืนที่ลงแข่งพร้อมเขาก็เอ่ยบอก
“จะไปไหน เดี๋ยวไปส่ง” เลย์เหลือบมองด้านข้างเห็นชายผ้าขนหนูอยู่ไม่ห่างตัว ไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของอีกฝ่าย ใส่เสร็จก็ลุกขึ้นยืน เดินเกือบถึงประตูห้องก็ถูกรั้งแขนไว้อย่างแรง
“ปล่อย” คำพูดของเลย์ยังคงไม่ส่งผลต่อคริสเช่นเดิม ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ปล่อยเลย์จึงบิดข้อแขนตัวเองหวังจะให้หลุดออกจากการจับกุม แต่ก็ไม่เป็นผล
“ถามทำไมไม่ตอบ”
“ขี้เกียจตอบ” เลย์ตอบและยังไม่หยุดดิ้น
“แล้วแบบนี้ตอบทำไมล่ะ” ใบหน้าหวานเงยมองอย่างไม่พอใจที่อีกฝ่ายย้อนกลับ
“ก็คุณถาม!” เลย์กำลังไม่พอใจกับการกระทำสงครามประสาทของคริส อีกฝ่ายจงใจจะกวนประสาทกันชัดๆถึงถามอะไรโง่ๆออกมาแบบนี้
“คริส...” คริสพูดชื่อตัวเองออกไป ทำให้เลย์ถึงกับขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจจะบอกชื่อตัวเองทำไม กลัวคนไม่รู้หรือไงกันว่าชื่อนี้
“เรียกชื่อตัวเองทำไม”
“บอกนาย เรียกสิเลย์...เรียกชื่อฉัน คนแรกของนายไง” คริสโน้มตัวไปกระซิบข้างหู เลย์เบิกตากว้างหลังจากได้ยิน ดิ้นสุดแรงจนหลุดออกจากการจับกุมของคริส คริสเซออกห่าง เลย์ก็ทรุดลงกับพื้นพรมทันที
“เลย์...”
“อย่ามาเรียกชื่อฉันแบบนั้นะ!!” เลย์กระชากเสียงจอบ ภาพร่างกายของตนที่ถูกคริสครอบครองไหลเข้ามาในหัวพร้อมกับคำพูดที่ตอกย้ำว่าตนเป็นของอีกฝ่ายแล้วเมื่อครู่ดังสะท้อนอยู่ในโสตประสาท
เลย์เกลียด เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จนปล่อยให้เมื่อคืนทุกอย่างเลยเถิดไปขนาดนั้น
ชีวิตนี้ของจางอี้ชิงหรือเลย์หมดค่าลงแล้วจริงๆสินะ จางอี้ชิงเด็กน้อยน่ารักผู้ที่ได้รับความอบอุ่นดูแลปกป้องจากครอบครัว หายไปตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ เขาไม่อยากให้ใครมาตอกย้ำเขาด้วยชื่อนั้น จึงแนะนำตัวกับคนอื่นเสมอว่าชื่อเลย์ จางอี้ชิงเลยกลายเป็นชื่อจริงที่จะมีไว้ให้คนที่ไม่สนิทเรียกเท่านั้น เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้ตั้งใจจะค้นหาความหมายที่แท้จริงของชื่อนั้นหรอก เรียกไปก็ไม่มีค่า จางอี้ชิงในชื่อเลย์คือผู้ที่นิ่งเงียบ เข้ากับคนยาก ไม่สนใจโลกรอบข้างไม่ชอบพูดปัญหาอะไรในใจ
เลย์เป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีมาตั้งแต่เด็ก แต่วันนี้ทุกอย่างที่เขาก่อกำแพงสร้างไว้หนาแน่ถูกทำลายทิ้ง ศักดิ์ศรีความถือดีของตัวเอง ถูกทำลายลงเพราะความเผลอไผลตามอารมณ์เพียงแค่คืนเดียว
คริสเดินเข้าไป ยื่นมือออกไปหมายจะให้เลย์จับแล้วลุกขึ้นยืน แต่อีกฝ่ายกับสะบัดออกอย่างไร้เยื่อใย หยดน้ำตาใสที่พึ่งหยุดไหลไม่นาน ไหลลงมาอีกครั้งเมื่อหมดความอดทนกับสิ่งที่ต้องพบเจอ น้ำตาของเลยืหยดลงบนพื้นพรม
คริสมองภาพนั้นนิ่ง ในใจเจ็บแปลบขึ้นมาไม่มีสาเหตุ ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ เขากำลังแคร์อีกฝ่ายเหรอ จะแคร์ไปทำไมกัน ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นแค่ตัวเดินพัน ทำไม ทำไมถึงต้องอยากดึงมากอดปลอบให้หยุดร้องไห้
แค่ตัวเดินพัน..ไม่ต้องสนใจหรอกคริส
“ลุกขึ้นมาเลย์..ลุกขึ้นมา!!” คริสที่เริ่มหงุดหงิดกับความสับสนภายในใจของตนตวาดลั่นเมื่อเห็นเลย์ยังนั่งนิ่งไม่ทำตามคำสั่ง
คริสกระชากแขนเรียวของเลย์ที่ค้ำอยู่บนพื้นพรมขึ้นมาอย่างแรง ใบหน้าหวานเหยเกเพราะความเจ็บที่เกิดขึ้น
“ปล่อยสิ...ปล่อย!! ฉันจะกลับไปหาลู่หาน” คริสเหวี่ยงเลย์ลงบนที่นอนอย่างแรง ใบหน้าหวานแสดงความเจ็บปวดชัดเจน เลย์จุกและเจ็บสะโพกจนร้าวไปทั้งตัว แต่คริสกลับมองข้ามไปอย่างไม่สนใจ
“จะกลับไปเหรอ หึ! นายหมดสิทธิ์จะกลับไปหามันตั้งแต่เลือกมากับฉันเมื่อแล้ว หมดไปตั้งแต่นายตกมาเป็นตัวเดิมพันของฉันแล้วเลย์!”
“ไม่!! หุบปากนะ!” เลย์ยกมือปิดหู ไม่อยากฟังคำพูดที่น่าขยะแขยง บ่งบอกตอกย้ำตัวเอง
“ทำไมเลย์ ทนฟังไม่ได้หรือไง อยากกลับไปหามันมากนักหรือไง”
“หยุดพูดสิ!”
“ทำไมเลย์ นอนอ้าขาให้ฉันกระแทกคนเดียวมันยากหรือไง หรือคนเดียวมันไม่พอ ไม่สะใจนายหรือไง!!?”
เพี๊ยะ!
เลย์สะบัดมือตบลงบนหน้าของคริสเต็มแรง เลือดตรงมุมปากไหลออกมาจากการปริแตก คริสยกมือกุมแก้มข้างที่ถูกตบ เช็ดเลือดออกจากมุมปาก
“ไอเลวเอ้ย! เห็นชีวิตคนคนหนึ่งมีค่าขนาดไหนกัน แล้วมันจะทำไมถ้าหลังจากนี้ฉันจะไปนอนให้ใครต่อใครมันเอา ในเมื่อตอนนี้ฉันก็ไม่มีค่าแล้วนิ”
“เลย์!!” คริสตวาดลั่น รู้สึกใจหายเมื่อได้ยินคำพูดตัดพ้อจากเลย์
“บอกแล้วไงว่าอย่ามาเรียกชื่อฉันแบบนั้น! มีความสุขหรือยังล่ะ ได้ฉันไปเป็นของนายสมใจแล้วนิ ปล่อยฉันไปสักที!!!” คริสพยายามข่มความโกรธเท่าที่จะทำได้ ถ้าเป็นคนอื่นมายืนด่าเขาปาวๆแบบนี้คริสคงจับโยนออกนอกห้องไปแล้ว แต่กับเลย์เขาไม่อยากทำ ยิ่งมองดวงตาหวานที่ทอดมองมาที่เขา เขายิ่งไม่อยากทำมัน
“เลย์ฟังฉันก่อน นายเป็นตัวเดิมพันของฉันแล้ว นายเดินเข้ามาในเกมนี้แล้วเลย์ นายไม่มีทางหนีมันไปได้อีกแล้ว ทุกการแข่งถ้าฉันถูกท้าแข่ง นายก็จะต้องลงไปเป็นตัวเดิมพันของฉัน นายจะต้องถูกเปลี่ยนมือถ้าฉันแพ้”
“หุบปากนะ ไม่อยากฟัง!!” คริสยอมรับว่าตอนนี้ไม่สามารถสู้ความโมโหร้ายของเลย์ได้ ดวงตาหวานแดงก่ำด้วยความโกรธ แววตาแค้นเคืองมองมาอย่างไม่ลดละ
“เลย์..อยู่กับฉันนายจะปลอดภัย ฉันจะไม่แพ้ ไม่ยอมให้นายไปเป็นของคนอื่น เชื่อฉันสิเลย์” คริสเดินเข้าไปหาเลย์ที่นั่งอยู่บนที่นอนอีกครั้ง แต่กลับถูกเลย์ใช้ขาถีบกลับมาไม่เบานัก
“ฉันไม่เชื่อ เกลียดนาย ฉันไม่ฟังๆๆ!!!!” เลย์ตะโกนลั่นปนกับเสียงสะอื้นหนักจนหายใจไม่ทัน สำลักออกมาระลอกใหญ่ เลย์ไอหนักจนน่าสงสาร หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างน่าสงสาร
“อย่าไปไหนเลยเลย์ อยู่กับฉันนะ....การถูกเปลี่ยนตัวไปเป็นของคนอื่นเรื่อยๆมันไม่สนุกหรอกนะ”
“ไม่!!! คนอย่างพวกแกรู้ด้วยเหรอว่าความทุกข์มันเป็นยังไง ถึงได้มาบอกว่ามันไม่สนุก ชอบนักไม่ใช่เหรอเห็นคนอื่นเป็นทุกข์นะ ความสุขไม่ใช่หรือไง!!” เลย์กระชากเสียงตอบแม้ร่างกายจะอ่อนแรงเต็มที
คริสไม่เคยต้องมาใจเย็นและพยายามอธิบายอะไรแบบนี้กับใคร เขาก็ยังไม่เข้าใจจนถึงตอนนี้ เขาทำแบบนี้กับเลย์เพื่ออะไร
“เชื่อใจฉัน!” คริสไม่เคยต้องอ้อนวอนร้องขอให้ใครเชื่อใจเขา แต่กลับเลย์เขาอยากให้เลย์เชื่อใจเขาอย่างไม่มีเหตุผล แค่รู้สึกว่าถ้าเลย์เชื่อใจเขา เขาจะรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แค่เลย์เชื่อใจเขาเท่านั้น
“กองความเชื่อใจของนายไว้ตรงนั้นแหละ!! แล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีก!”
“เลย์!!” คริสร้องเรียกเมื่ออีกฝ่ายรีบวิ่งไปยังประตูแล้วเปิดออกไปอย่างเร็วเกินจะคว้ามาทัน คริสไม่ได้วิ่งตามแม้จะอยากวิ่งไปรั้งอีกฝ่ายไว้ แต่คำพูดสุดท้ายของเลย์ยังชัดเจนในสมอง
เลิกยุ่งกับนาย?...เสียใจเลย์ แต่ฉันคงทำไม่ได้
เลย์หันหลังไปมอง คริสไม่ได้ตามออกเลย์กดลิฟต์ รอเพียงชั่วครู่ประตูลิฟต์ก็เปิดออก เลย์แทรกตัวเข้าไปข้างใน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพบสายไม่ได้รับจากลู่หานและแบคฮยอนจำนวนมาก เขาไม่น่าตั้งปิดเสียงไว้เลยจริงๆ เลย์กดโทรออกหาเพื่อน รอสายเพียงครู่อีกฝ่ายก็กดรับ
“ลู่หาน...มารับฉันที..ฮึกก” เลย์สะอื้นฮัก เสียงที่บ่งบอกถึงความเป็นห่วงของลู่หานและเสียงตะโกนถามของแบคฮยอนชัดเจนอยู่ในหู เรียกให้ความอ่อนแอของเลย์ตีตื้นขึ้นมาเป็นน้ำตาอีกครั้ง
สองมือยกปิดหน้า ฝ่ามือเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา เลย์เช็ดมือเข้ากับกางเกง เสียงลมหายใจผ่อนออกยาวคลายเครียดและความกดดันภายใน เลย์หลับตานิ่ง ปล่อยใจให้ดิ่งลงไปกับลิฟต์ที่เคลื่อนตัวลงสู่ชั้นล่าง
คิดว่ามันเป็นฝันร้ายก็แล้วกันจางอี้ชิง.....
ลู่หานยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงด้านนอกระเบียงห้อง สายตาทอดมองออกไปอย่าไร้จุดหมาย เขาพึ่งไปรับเลย์ที่ร้านกาแฟใกล้ๆคอนโดคริส สภาพเพื่อนรักที่เขาเห็นคือเลย์ตาแดงบวมจกการร้องไห้ ข้อมือเรียวปรากฏรอยมือเป็นสีแดงชัดเจน ลำคอขาวเนียนถูกแต่งเติมด้วยรอยจูบสีแดงประปราย
ตั้งแต่ขึ้นรถมาเลย์ไม่ได้พูดอะไรกับตนอีก อีกฝ่ายเพียงแค่หลับตาลงเงียบๆคนเดียว เลย์ออกมาจากคอนโดคริสตัวเปล่ามีเพียงเสื้อผ้าเมื่อวานกับโทรศัพท์เครื่องเดียว ส่วนกระเป๋าเสื้อผ้าเมื่อคืนลู่หานคิดว่าเลย์คงทิ้งไว้ที่ห้องนั้นและไม่สนใจที่จะกลับไปเอา
ทันทีที่ถึงคอนโด แค่แบคฮยอนเห็นภาพเลย์เขาก็ถูกเจ้าตัวเล็กนั้นทั้งถีบทั้งเตะแถมมาด้วยเสียงแหลมที่ตะโกนด่าว่าเขาปาวๆ จนคนที่เงียบมาตลอดแบบเลย์ต้องบอกให้หยุด
“เครียดเหรอ” ลู่หานหันไปมองคนถาม คิมมินซอกมายืนอยู่ตรงนี้ได้สักพักแล้วแต่แค่ไม่กล้าเอ่ยปากทักเพราะเห็นอีกฝ่ายจมดิ่งอยู่ในห้วงคิดของตน
“ก็นิดหน่อย” ถึงจะตอบว่าแค่นิดหน่อยแต่มินซอกก็แน่ใจว่าลู่หานคงเครียดไม่น้อย บุหรี่ในมือหมดลงอีกมวนก็ถูกจุดสูบต่อทันที มินซอกเดินไปยืนขนาบข้างจับมืออีกฝ่ายที่ยึดราวระเบียงเอาไว้
“ฉันขอโทษนะลู่ ถ้าวันนั้นฉันไม่ไปทักนาย...เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น” ลู่หานถอนหายใจพ่นควันบุหรี่ออกมา ก่อนจะบดขยี้แท่งนิโคตินนั้นลงบนระเบียงแล้วโยนทิ้งบนพื้น
“มันก็ผิดกันหมดทั้งฉัน นาย และคริสนั้นแหละ ฉันเองก็ไม่น่าดึงเลย์เข้ามาเกี่ยวด้วยจริงๆ เพราะความอยากชนะของฉันเองนั้นแหละ ทั้งๆที่ก็รู้ว่าคงจะชนะคริสได้ยาก แต่ก็ยังดิ้นอยากเข้าเปลวไฟไปแบบนั้น”
“เลิกดราม่าเถอะ...แค่ฝันร้ายของฉัน พวกนายจะสนใจไปทำไม” ลู่หานและมินซอกหันหลังกลับไปมองต้นเสียง เลย์ในชุดลำลองชุดใหม่ยืนอยู่ ผมสีน้ำตาลเปียกน้ำแนบลงกับใบหน้าหวาน
“เลย์....” ลู่หานครางชื่อเพื่อนแผ่วเบา
“แบคฮยอนงอแงจนหลับไปแล้ว นายไปดุอะไรเข้าล่ะ หมอนั้นละเมอออกมาด้วย รู้ก็รู้ว่าเพื่อนเป็นยังไงยังจะทำนะลู่” เลย์ดุเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สาวความยืดยาว เลย์มองมินซอกอยู่ชั่วครู่
“ผมว่าคุณน่าจะโทรหาเขาหรือไม่ก็โทรถามทางคอนโดดูนะว่าเกิดอะไรร้ายแรงไหม” พูดจบก็เดินกลับเข้าไป
เลย์เปิดตู้เย็นหยิบแซนด์วิชสำเร็จรูปพร้อมนมหนึ่งขวดออกมา นั่งกินอยู่ภายในห้องครัวคนเดียว ในสมองพยายามไม่นึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่ทำให้เขาเสียศูนย์ไปได้ขนาดนั้น แต่ยิ่งพยายามไม่คิดมันก็ยิ่งวกเข้ามาในสมองจนน่ารำคาญ
“เวรเอ้ย!!” ขวดน้ำที่เปิดฝาทิ้งไว้ถูกปัดลงบนพื้นอย่างใยดี ของเหลวภายในหลายเลอะทั่วพื้น ลู่หานกับมินซอกรีบวิ่งเข้ามาดูเมื่อได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้น
ภาพเลย์นั่งกุมหัวสองมือขยุ้มกลุ่มผมตัวเองนั้นทำให้ลู่หานรู้สึกแย่ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เลย์ไม่ค่อยร้องไห้เรียกได้ว่าแทบจะไม่เคย ลู่หานไม่เคยเห็นเลย์ร้องไห้เลยสักครั้งตั้งแต่รู้จัก แต่ครั้งนี้ลู่หานกลับเป็นคนทำให้เลย์ต้องมาเจอเรื่องร้ายๆจนทนไม่ได้ต้องร้องไห้ออกมา
ไม่มีใครพูดอะไร เสียงเปิดปิดประตูห้องนอนดังขึ้น แบคฮยอนเดินสะลึมสะลือออกมาจากห้อง เห็นมินซอกกับลู่หานยืนนิ่งคาอยู่บริเวณห้องครัวก็เดินเข้าไปหา แบคฮยอนมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน หันมองลู่หานอย่างหาคำตอบอีกฝ่ายก็เพียงเงียบกลับมา จนทนไม่ได้ในที่สุดต้องเดินเข้าไปประคองเพื่อนที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงโต๊ะทานข้าวมากอดไว้แน่น
“ไม่เป็นไรนะเลย์...ลืมมันนะเลย์ ไม่เป็นอะไรแล้วนะ คนดี” เลย์ทิ้งตัวลงในอ้อมกอดของแบคฮยอน อีกฝ่ายลูบปลอบประโลมพร้อมถ้อยคำหวาน ยิ่งพูดยิ่งปลอบเลย์ยิ่งร้องหนัก มินซอกทนมองไม่ไหวจึงตัดสินใจเดินไปหยิบผ้าเช็ดพื้นมาเช็ดทำความสะอาดคราบนมที่หกอยู่
ลู่หานเดินออกมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ครั้งนี้เลย์เสียศูนย์หนักอย่างที่สุด เขาไม่รู้ว่าจะหาทางไหนทำให้เลย์กลับมาได้เหมือนเดิมมากที่สุด ลู่หานมั่นใจว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป เลย์ไม่เหมือนเดิมแน่ๆ อาการต่อต้านโลกภายนอกที่เหมือนจะดีขึ้นของเลย์จะต้องแย่ลงกว่าเดิม
โทรศัพท์ส่วนตัวถูกล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง เลื่อนหารายชื่ออยู่ครู่หนึ่งเมื่อเจอชื่อของคู่สนทนาที่ต้องการติดต่อก็กดโทรออก
“กูมีเรื่องจะคุยด้วย...คืนนี้มาเจอกูหน่อยคริส”
.
ซูโฮมองเลย์ที่ยืนพิงเคาน์เตอร์ด้านหลังอยู่อย่างเหนื่อยอ่อนนั้นด้วยความสงสัย ตั้งแต่คืนนั้นที่เขารู้ว่าเลย์ไปแข่งตามคำท้าของอีกฝ่ายอะไรนั้นก็แล้วแต่ ลู่หานโทรมาขอลาหยุดให้เลย์สองวัน ตอนแรกซูโฮก็ไม่ได้นึกเอะใจจนกระทั่งรุ่นน้องที่เอ็นดูกลับมาทำงาน สภาพร่างกายของเลย์ดูย่ำแย่กว่าครั้งสุดท้ายที่เจอจนหน้าตกใจ แม้ไม่กี่วันแต่เลย์กลับดูซูบลงจนน่ากลัวว่าเดินๆอยุ่ลมที่ไหนอาจจะพัดปลิวไปได้
ซ้ำอาการเหม่อลอยสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนทำงานพลาดอยู่หลายครั้งนั้นซูโฮก็ข้องใจจะแย่ อยากจะถามแต่งานในร้านหนังสือวันนี้ก็ดูจะวุ่นวายจนไม่เป็นใจ
ซูโฮรอเวลาจนลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกจากร้านไป ก็หันหน้าไปมองเลย์ที่นิ่งก้มหน้านิ่งอยู่คนเดียว สองมือที่ตั้งอยู่บนตั้งถูกันไปมาเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ
“เลย์ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ดูแปลกๆไปนะ” ซูโฮเอ่ยถามพร้อมทรุดตัวนั่งลงตรงข้าม เลย์เงยหน้าสบ แค่เห็นเลย์ในตอนนี้ซูโฮก็ใจหายวาบ เลย์ของเขากำลังร้องไห้เงียบๆ
“เลย์ เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น” ซูโฮเอ่ยย้ำ เลย์ส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด ริมฝีปากแดงเม้มเข้าหากันแน่น
“เลย์ พูดออกมาเลยนะ พี่ไม่อยากให้เราเก็บไว้แบบนี้ เก็บไว้เราก็ไม่สบายใจไม่ใช่เหรอทำไมไม่พูดออกมาล่ะ พี่รับได้นะเลย์ พี่รับฟังได้แค่เลย์พูดนะเลย์ เราจะช่วยกันหาทางแก้ไขมันไง” ยิ่งพูดน้องก็ยิ่งร้องจนซูโฮเริ่มทำอะไรไม่ถูก ถึงจะจบจิตแพทย์และเคยทำงานมาแล้วก็เถอะ แต่เกิดกับเลย์ที่ปกติไม่อ่อนแอแบบนี้ซูโฮก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน
“พี่ฮะ...ผมไม่รู้ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง” ซูโฮเอื้อมไปดึงมือของเลย์มากุมไว้ บีบเบาๆเชิงให้กำลังใจ
“เล่าออกมาสิเลย์ เกิดอะไรขึ้นครับ” เลย์เริ่มต้นเล่าเหตุการณ์อย่างช้าๆโดยเริ่มจากมีซูโฮคอยถามให้เลย์เริ่มจับประเด็นโยงเรื่องแล้วเอ่ยเล่าออกมาได้ในที่สุด ซูโฮอยากจะเดินไปกอดน้องทันทีหลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนทำให้เลย์ต้องลาหยุดงาน ตอนนี้ความโกรธลู่หานลดลงเยอะหากเทียบกับผู้ชายที่ชื่อคริสอะไรนั้น
“แล้วเลย์เครียดทำไม เขาไม่ได้ติดต่อมาแล้วใช่ไหม” เลย์พยักหน้าเป็นคำตอบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ติดต่อเขาอีกตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้น
“ผม ผมไม่รู้ครับพี่ แต่แค่ผมหลับตาภาพของเขาก็ลอยอยู่ในสมองของผม การกระทำของเขา ไหนจะยังคำพูดที่บอกให้ผมเชื่อใจเขาอีกมันวนเวียนไม่หยุดอยู่ในหัวผม”
“บางทีมันก็เป็นอาการที่ยังหลงเหลืออยู่นะเลย์ อย่าคิดมากสิ เดี๋ยวอีกไม่นานก็ลืมนะถ้าเลย์ไม่จัดความทรงจำพวกนั้นเป็นความทรงจำที่สำคัญนะ อีกไม่นานก็ลืม”
“พี่ซูโฮฮะ ความรักกับความต้องการต่างกันเยอะไหม” ซูโฮมองหน้าเลย์เมื่ออีกฝ่ายถามจบ ดวงตาหวานที่เคยมีหยดน้ำตาตอนนี้เริ่มแห้งลงแต่ยังคงทิ้งความแดงเอาไว้ให้เห็น
“ความรัก มันคือการที่เรารักทุกอย่างในตัวเขาไงเลย์ แต่ความรักก็มีหลายรูปแบบนะ แบบครอบครัวก็พ่อแม่ลูก ความรักที่ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน ความรักแบบคนรักที่มีต่อกันก็คือความรักที่อ่อนโยน ความเข้าใจกัน ความเสียสละ การให้อภัยซึ่งการและกัน แบบพี่กับนายก็เป็นความรักแบบพี่น้องนะเลย์ พี่รักเรานะเราเหมือนน้องชายของพี่คนหนึ่งรู้ไหม”
“แล้วแบบไหนคือการตกหลุมรักใครสักคนครับ”
“อันนี้พี่ก็ไม่แน่ใจหรอกนะ แต่เขาชอบบอกกันว่า การใจเต้นแรงเมื่อเห็นหน้าหรือนึกถึงการกระทำของคนคนนั้นแล้วเราใจเต้น ก็ถือว่าเป็นการตกหลุมรักเหมือนกันนะ” เลย์ยกมือข้างที่ไม่ได้ถูกกุมไว้ขึ้นแตะอกซ้ายบริเวณหัวใจ หลับตาลงฟังเสียงจังหวะหัวใจที่เต้นรัวเร็ว
“พี่เป็นแบบนี้กับชานยอลหรือเปล่า” ซูโฮแทบตกเก้าอี้ เมื่ออยู่ๆเลย์ก็เอ่ยถามถึงเด็กที่ตามไล่จีบเขาอยู่พักใหญ่ด้วยการโผล่มาที่ร้านเช้าเย็นเป็นประจำจนเขาเองก็เริ่มโอนเอนตามความน่ารักของเด็กมันเล็กน้อย
“ก็มีบ้างแหละนา...ทำไมเหรอเลย์ นายรู้สึกแบบนี้กับใคร ลู่หาน? แบคฮยอน?”
“ไม่ใช่ครับ” เลย์ส่ายหน้าพร้อมเอ่ยตอบ ซูโฮขมวดคิ้วสงสัย นอกจากสองคนนี้ยังจะมีใครที่น่าจะเป็นไปได้
“อ้าว งั้นใครกันนะมาทำน้องรักที่พี่แสนเอ็นดูใจเต้นแรงเวลานึกถึงเนี่ย” พูดจบคำพูดของเลย์ก็แวบเข้ามาในหัว ซูโฮภาวนาในใจว่าคงไม่ใช่คนที่ตนกำลังนึกถึงอีกคนหนึ่ง
“ถ้าพี่ว่าการตกหลุมรักคือการใจเต้นแรงเมื่อนึกถึงเขา”
“.....”
“เป็นไปได้ไหม ว่าผมกำลังตกหลุมรักคนที่ทำร้ายผม เหยียบย้ำศักดิ์ศรีของผมแบบเขาคนนั้น”
“เลย์...? นายหมายถึง...”
“ผมกำลังตกหลุมรักคริสหรือครับ”
ความคิดเห็น