ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ EXO FIC ] Second Chance - KRISLAY

    ลำดับตอนที่ #2 : RACING TWO

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 998
      7
      6 ก.ย. 56

    Second Chance

    Author : kissye

    Pairing : Kris x Lay

    Rate : PG15-NC17





    2.

     

                    เลย์หลับตาตามคำสั่งของแบคฮยอน อายไลน์เนอร์เย็นถูกแต่งแต้มลงบนเปลือกตา แบคฮยอนถอยห่างออกมา มองเปลี่ยนมุมสองสามครั้งแล้วยิ้มภูมิใจกับฝีมือตัวเอง กลิตเตอร์รูปดาวถูกติดลงบริเวณมุมล่างใต้ตา บรัชออนสีส้มอ่อนปัดผ่านแก้มเนียนของเลย์แผ่วเบา ลิปกลอสสีชมพูอ่อนเติมแต่งกลีบมากอิ่มให้ดูฉ่ำน้ำกว่าเดิม

     

                    เสียงเปิดประตูทำให้แบคฮยอนและเลย์หันไปมอง ลู่หานเดินส่งยิ้มบางมาให้ ในมือถือชุดที่ประกอบด้วยเสื้อกล้ามสีขาวและเสื้อหนังคลุมทับสีดำ กางเกงแสลดที่ดำตะเข็บคาดทอง ลู่หานวางเสื้อผ้าทั้งหมดลงบนเตียงแล้วเดินมาสำรวจใบหน้าหวานที่ถูกปัดแต่งโดยฝีมือเด็กดีไซน์แบบแบคฮยอน

     

                    “โอเคแล้วไหม เอาล่ะเลย์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ อย่าให้เสื้อโดนหน้าเยอะนะเดี๋ยวเครื่องสำอางหลุด” เลย์เบะหน้าใส่คนทั้งคู่แล้วหยิบเสื้อผ้าบนที่นอนมาถือเข้าห้องน้ำไป

     

                    เสียงพูดคุยของลู่หานดังแว่วมาให้ได้ยิน เลย์จับประเด็นได้เล็กน้อยแต่ก็ไม่คิดจะสนใจแม้มันจะเป็นเรื่องเดียวกับที่ตนกำลังคิดอยู่ก็ตาม

     

                    “กล้ายืนยันไหมว่าเลย์จะไม่เป็นอะไร...อ้ะ เลย์ น่ารักจังเลยยย!” เลย์สบตากับลู่หานเป็นเชิงบอกว่าเขาได้ยินเกือบทุกอย่างที่ทั้งสองคุยกัน แต่แบคฮยอนทำเป็นไม่ใส่ใจเลย์เลยต้องเล่นตาม

     

                    แบคฮยอนดูจะภูมิอกภูมิใจกับผลงานของตัวเองและลู่หานอยู่ไม่น้อย ลู่หานรับโทรศัพท์แทนเลย์เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สนทนากันเพียงสองสามคำก็วางสาย เพื่อนสนิททั้งสามสบตากันท่ามกลางความเงียบ เลย์ผละออกมาหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพาย รองเท้าผ้าใบสีขาวที่ลู่หานเตรียมไว้ให้ตั้งรออยู่ที่หน้าประตู

     

                    “ไปด้วย..” แบคฮยอนเดินตามหลังลู่หานมา แววตาอ้อนวอนอาจจะทำให้ใจอ่อนแต่ไม่ใช่จากเลย์ เลย์ส่ายหน้าไม่อนุญาต แบคฮยอนเลยหันไปอ้อนลู่หานแทน และก็ได้ผลเมื่อลู่หานพยักหน้า เลย์ไม่เห็นด้วยเท่าไรแต่ก็ไม่ขัด

     

                    “กลัวไหมเลย์” เลย์ไม่ตอบแต่เดินนำคนทั้งคู่ออกไปยังลานจอดรถเลกซัสสีดำของลู่หานจอดแทนที่จากัวร์ที่เจ้าตัวส่งไปซ่อมและตรวจเช็ค

     

                    ภายในรถไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงเพลงและเสียงร้องคลอตามแผ่วเบาของแบคฮยอน เลย์พิงหัวลงกับกระจกรถ ดวงตาหวานเงยมองท้องฟ้าที่มืดสนิท คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ฟ้าไม่มีดาวเพราะสายฝนที่ตกหนักยามบ่าย อากาศด้านนอกค่อนข้างเย็นกว่าปกติ

                    แม้แต่ท้องฟ้ายังไม่เป็นใจ ดวงดาวยังไม่อยากจะโผล่แสงเป็นประกายมาดูการแข่งขันของพวกเขาในคืนนี้ เลย์ถอนหายใจแผ่วเบา แต่ลู่หานก็ยังสังเกตเห็น ปล่อยมือข้างหนึ่งที่จับกุมพวงมาลัยมากุมมือของเลย์ไว้ เลย์ก้มมองแล้วยิ้มบาง

     

     

                    คงทำอะไรไม่ได้สินะ...โชคชะตาคงกำหนดให้ชีวิตเขาเดินมาเจอสิ่งนี้

     

     

     

                    ลู่หานหักเลี้ยวรถไปยังสถานที่ที่เลย์คุ้นเคย เพราะเคยมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมที่เปลี่ยนไปคงจะเป็นจำนวนคนที่ดูเหมือนจะมากขึ้นกว่าครั้งก่อนเท่าตัว คนพวกนี้ยิ่งรู้ว่ามันอันตรายมากเท่าไรก็ยิ่งอยากจะมาดู เห็นชีวิตคนอื่นเป็นเรื่องสนุกมากจริงๆสินะ

                    แบคฮยอนไม่ยอมลงจากรถอยู่พักใหญ่จนลู่หานต้องให้เลย์กล่อมเด็กขี้กลัวคนนั้น แบคฮยอนไม่ชอบสถานที่ที่มีคนเยอะแยะ แววตาที่จับจ้องมาที่คนตัวเล็กทำให้รู้สึกขยะแขยง ไม่อบอุ่น แบคฮยอนเคยบอกเลย์และลู่หานแบบนี้ ไม่รู้หรอกว่าเคยเจออะไรมา แต่ถ้าช่วยได้ก็ช่วยเท่านั้น

     

                    “นายขอมาเองนะแบคฮยอน อย่าชักช้า เดี๋ยวเลย์ต้องไปเตรียมตัวอีก” แบคฮยอนตวัดดวงตาเรียวมองลู่หาน แล้วสะบัดสะบิ้งใส่แต่ก็ยอมลงจากรถจนได้ คว้าข้อมือเลย์มากุมดึงมาอยู่ข้างตน

     

                    “โป้งลู่หานแล้ว เลย์ก็โป้งด้วยใช่ไหม” เลย์หัวเราะออกมา บางทีการที่ให้แบคฮยอนมาด้วยก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ผู้ชายคนนี้ทำให้เลย์ยิ้มได้เสมอ ลืมความทุกข์ไปสักพักแล้วมันก็กลับมาใหม่

     

                    “อื้มม โป้งลู่หานเนอะ” ขอสักหน่อยเถอะ ไม่ใช่ว่ายังโกรธที่ดึงอีกฝ่ายดึงเขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เพราะเห็นหน้าลู่หานเวลาสำนึกผิดแล้วมันสนุกจริงๆ

     

                    ลู่หานบ่นคาดโทษสองคนเอาไว้แล้วบอกให้เดินตาม เลย์กับแบคฮยอนเดินกุมมือกันไปฝ่ายหนึ่งให้กำลังใจส่วนอีกฝ่ายก็มอบความอบอุ่นให้อีกคนเพื่อลดความกลัว  ลู่หานพาทั้งคู่เข้ามาในโรงจอดรถ เจ้ากระทิงดุสีดำด้านจอดนิ่งอยู่ภายใน แสงไฟส่องกระทบตัวรถนั้นไม่ได้ทำให้ดูเด่นน้อยลงไปกว่าสีโซลิดเลย

                    เลย์มองรถยนต์ยี่ห้อหรูตรงหน้า ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเต้นถี่ แค่มองเลย์ก็รู้สึกถึงความปลอดภัย ความอบอุ่นที่เจ้าของมีต่อรถคันนี้ เจ้าของรถคงจะรักกันมาก เพราะดูจากการตกแต่งและอะไรหลายๆอย่างยังคงใหม่เอี่ยมราวกับพึ่งถอยออกมาใหม่ แบคฮยอนกระตุกมือเลย์เบาๆทำให้เลย์ละสายตาออกจากตัวรถ

     

                   

    “สวัสดีเนวิเกเตอร์”

     

     

    คริสยืนอยู่ในโรงรถนี้ตั้งแต่แรกก่อนที่ลู่หานจะพาเนวิเกเตอร์ส่วนตัวของเขาและเพื่อนอีกคนเข้ามา เขายืนมองเลย์อยู่สักพักซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้สังเกตเลยว่าคนอื่นในโรงรถนี้มองตนยังไง เลย์เอาแต่จ้องไปที่เจ้าแลมโบกินี่สีดำรถอีกคันในดวงใจของคริส คริสยิ้มอย่างไม่รู้ตัวให้กับภาพนั้น เลย์ที่มองไปที่รถของเขาไม่มีแววตาที่เหย่อหยิ่งหรือปิดบังอะไร แต่ดูเป็นเด็กที่ขี้สงสัยธรรมดาๆคนหนึ่ง  จนเพื่อนสนิทกระตุกมือแผ่วเบาเท่านั้นแหละเลย์จึงยอมละสายตาออกมา ดวงตาหวานฉายแววตกใจเพียงครู่เดียวแล้วก็หายไปเมื่อสบตากับเขา

    เลย์ไม่ตอบสวัสดีคริสแม้แต่น้อย ซ้ำยังมองไปทางอื่นราวกับไม่อยากเห็นหน้า แบคฮยอนมองผู้ชายที่ลู่หานบอกว่าชื่อคริสแล้วไม่ชอบขี้หน้าสักเท่าไร คนคนนี้กำลังจะพาเพื่อนเขาไปเสี่ยงตายใครจะชอบกันล่ะ จริงไหม? แถมส่วนสูงยังพอๆกับรุ่นน้องที่มหาลัยที่ไล่จีบเขาอีก ยิ่งคิดยิ่งอยากเหวี่ยงออกไปให้ไกลตา

     

    “นายบอกกติกาให้เลย์รู้หรือยังล่ะ”

     

    “อย่ามาเรียกชื่อฉันแบบนั้นนะ!” เลย์ตวาดจนแบคฮยอนต้องปราม เลย์ไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อเล่นของตัวเองซี้ซั้ว กว่าลู่หานกับแบคฮยอนจะได้เรียกยังใช้เวลาเกือบครึ่งปี แล้วจะนับประสาอะไรกับคนที่พึ่งรู้จักกันไม่กี่วัน ซ้ำยังเป็นการรู้จักกันแบบไม่น่ายินดีเสียด้วย

     

    คริสหัวเราะราวกับเป็นเรื่องสนุกนักหนา เลย์สะบัดมือออกจากการจับของแบคฮยอน เดินรี่เข้าไปหาคริสฝ่ามือเรียวกระชากเสื้ออีกฝ่ายอย่างแรงให้เข้าหาตัว

     

    “สำหรับนายเรียกแค่อี้ชิง ฉันก็ไม่อยากให้เรียกแล้ว แต่ถือว่าทำบุญล่ะกัน” คริสยิ้มมุมปากกับความห้าวอย่างน่าเหลือเชื่อของอี้ชิง

     

     

    “โปรดสัตว์กันแบบนี้.....มันก็ตามไปถึงชาติหน้าแหละนะ หึ”  สองสายตาจ้องประสานกันเขม็ง บรรยากาศที่สัมผัสได้เริ่มไม่ปกติจนมินซอกที่ยืนเงียบอยู่ต้องส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากลู่หาน ลู่หานรั้งไหล่เลย์กลับมายืนที่เดิมแล้วกระซิบบอกแบคฮยอนให้ช่วยจัดการต่อ

     

    “ยังไม่ได้บอก” ลู่หานเอ่ยตอบคำถามที่คริสถามค้างเอาไว้ คริสปัดเสื้อตรงที่ถูกกระชากให้เรียกขึ้นเล็กน้อยแล้วพยักหน้าเข้าใจ จ้องมองนาฬิกาบนข้อมือแล้วเอ่ยบอก

     

    “เหลืออีก 10 นาที หมดเวลาของพวกนาย...เชิญ” มินซอกเดินมารวมกับลู่หาน สองสายตาสบกันชั่วครู่แล้วลู่หานก็หันไปหาแบคฮยอนแทน ดันหลังให้แบคฮยอนออกเดินแต่ดูเหมือนคนตัวเล็กจะไม่ยอม ดิ้นไปมาซ้ำยังดึงแขนอี้ชิงให้เดินตามออกมา แต่คริสก็รั้งแขนอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ปล่อย

    แบคฮยอนออกแรงดึงแต่คริสก็ดึงไว้เช่นกัน ทำแบบนั้นอยู่สองสามครั้งจนเห็นท่าว่าสู้แรงคริสไม่ได้ และลู่หานก็บอกให้หยุดทำตัวเหมือนเด็กซะแบคฮยอนเลยเปล่า เลย์ที่เป็นตัวกลางได้แต่นึกขันการกระทำของทั้งคู่ ยืนแย่งเขาเหมือนพวกเด็กอยากได้ตุ๊กตา สำหรับแบคฮยอนนะปกติ แต่สำหรับอีกคนสิแปลก

     

    “เลย์อ่า โชคดีนะ” แบคฮยอนที่อยู่ด้านนอกเอ่ยบอก ยกมือโบกลาเพื่อนแล้วกุมมืออวยพร ลู่หานผลักไหล่มินซอกให้เดินไปกดปุ่มปิดประตูรถตรงข้างเสาซะ เลย์ยกมือโบกลาแบคฮยอนเล็กน้อยก่อนทุกอย่างจะตกอยู่ในความเงียบเมื่อประตูโรงรถปิดลง

     

     

    เลย์หันหน้ากลับมาหาอีกคนในโรงรถ คริสยืนไขว้ขาอยู่ตรงมุมห้องในมือคีบบุหรี่อยู่ยกขึ้นสูบและปล่อยออกมา กลิ่นฉุนของบุหรี่ทำให้เลย์เริ่มไอ คริสยังคงไม่ได้เอะใจและสูบแท่งนิโคตินนั้นอย่างต่อเนื่อง เลย์ไอโขลกจนหน้าแดง จุกแน่นในหน้าอกจนเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก ใบหน้าหวานขาวซีด เลย์รู้สึกเย็นไปหมดทั้งตัวและยังไม่หยุดไอ คริสเห็นว่าเลย์ไอจนผิดสังเกตจึงเลยหน้ามอง

    มวนบุหรี่ในมือถูกขยี้ทิ้งทันที คนตัวสูงรีบเข้ามาประคองร่างของเลย์ที่เกือบจะล้มพับลงกับพื้น เขย่าเรียกให้เลย์ที่เริ่มหอบรุนแรงได้สติ แต่กลับไม่เป็นผล เลย์ยังคงหอบหายใจแรงจนตัวโยน คริสวางเลย์ลงบนพื้นกระเบื้องแล้วรีบเดินไปเปิดพัดลมระบายอากาศก่อนตนจะกลับมาประคองอีกฝ่ายไว้บนตัก

    กลิ่นควันบุหรี่แสบจมูกเริ่มจางหายไปกับกระแสลมระบายอากาศ เลย์เริ่มหยุดไอ ความจุกแน่นในหน้าอกเบาบางลงจนเริ่มหายใจสะดวกขึ้น ใบหน้าหวานไร้สีเมื่อครู่เริ่มกลับมามีสีอีกครั้ง คริสตบเรียกสติเลย์เบาๆ เลย์ปรือตาขึ้นด้วยความเหนื่อยอ่อน ดวงตาหวานคลอไปด้วยหยาดน้ำตาจากการสำลักและไออย่างรุนแรงก่อนหน้านี้

     

    “แพ้ควันบุหรี่ทำไมไม่บอก” คริสถามพลางพยุงตัวเลย์ขึ้นยืน เลย์ขัดในตอนแรกแต่ก็ต้องยอมเมื่อตนเองทำท่าเหมือนจะเซไป

    คริสไม่ได้คำตอบเพราะเลย์ไม่ตอบ เลย์เดินไปทรุดตัวนั่งลงตรงมุมห้องไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา คริสเดินมายืนค้ำอยู่เหนือหัว แล้วก็เงียบอีกครั้ง เสียงประกาศเปิดการแข่งขันดังขึ้นพร้อมกับเสียงโห่เชียร์ เสียงเพลงจังหวะฮิพฮอพดังแว่วมาให้ได้ยิน

     

    “ลุกขึ้นมา แล้วมาฟังกติกาคร่าวๆกัน” คริสสั่งแล้วเดินไปยืนรอเลย์ตรงกระกานไวท์บอร์ดที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของมุมห้อง เลย์ถอนหายใจแล้วยันตัวลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้างคนที่สูงกว่า กลิ่นปากกาไวท์บอร์ดทำให้เลย์ไอสำลักออกมาอีกจนคริสต้องปิดฝาลงแล้วโยนทิ้งด้วยความหงุดหงิดใจ

    เหลือเวลาอีกไม่มากแล้วเลย์ยังไม่รู้กติกา จะโทษอีกฝ่ายก็ไม่ได้ แต่จะให้คริสยอมรับผิดก็ไม่รับแน่ เขาไม่รู้นี่ว่าเด็กนั้นแพ้ควันบุหรี่แถมยังแพ้อะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้ คริสหยิบไอแพดมาถือไว้ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ เลย์ก้มมองตามคำสั่ง

    คริสใช้ปากกาสัมผัสลากวาดอธิบายให้เลย์ฟัง ใบหน้าหวานพยักหน้าเข้าใจในคราแรกก่อนจะขมวดมุ่น

    “นี้คือเดธแมทช์  ที่จะแข่งกันกลางถนนใหญ่ เพราะฉะนั้นอุบัติเหตุมีแน่ ฉันจะไม่พูดว่านายจะรอดปลอดภัยกลับมาแต่จะบอกว่ายังไงเราจะไม่ตายกันอยู่ข้างถนน แต่นั้นก็ขึ้นอยู่กับนายเช่นกัน  การแข่งขันจะเริ่มตั้งแต่ออกจากสนามไป แต่หน้าที่ของนายจะเริ่มเมื่อฉันขึ้นสู่ทางด่วน” เลย์เลิกคิ้วให้คริสเมื่อคริสเงยหน้าขึ้นมามองตน

     

    “แล้วไงต่อ”

     

    “บนนั้นจะมีเสาอยู่ทั้ง 190 ต้น ถูกเสาจะมีตัวเล็กเพ้นท์กำกับเลขต้นและคะแนนเอาไว้ นายมีหน้าที่บอกฉันว่าขับผ่านเสาต้นที่เท่าไรบ้างแล้วและเสาต้นนั้นมีคะแนนหรือไม่ เสาทุกต้นทิ้งตัวห่างกันประมาณ 25 เมตร ถนนบนนั้นตีค่าความยาวทั้งสายก็อยู่ที่ประมาณ 5  กิโลเมตร รถคันนี้วิ่งด้วยอัตราเร็ว 350 กิโลเมตร ต่อ 1 ชั่วโมง ดังนั้.....น” คริสอธิบายก่อนจะชะงักเมื่อเลย์ถอนหายใจออกมา

     

    “หลักการว่ะ ฉันมีหน้าที่แค่บอกเลขบนเสากบัคะแนนใช่ไหม  แล้วเสานั้นมันมี 190 ต้นใช่ไหม เออแค่นี้ก็จบ เยอะว่ะ อธิบายแบบนั้นไม่งงเองหรือไง” คริสปิดล็อกหน้าจอไอแพดแล้วเอาไปเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม

     

    “แล้วทำไมนายไม่มองเอง” คริสหัวเราะออกมาลั่นห้องเมื่อได้ยินคำถามสุดท้ายจากเลย์ ลู่หานคงไม่ได้บอกสินะว่ามันเป็นการแข่งขันที่บ้าดีเดือดที่สุด คริสเป็นฝ่ายไม่ตอบ เลย์ก็เลยเลิกสนใจ

     

     

    ประตูโรงรถถูกเปิดออกอัตโนมัติ คริสเดินไปหาผู้ชายในชุดตรวจเช็ครถ คุยอะไรสักพักผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาสำรวจตัวรถสองสามครั้งแล้วบอกให้ทั้งคู่ขึ้นรถได้ คริสส่งกระเป๋าเป้ของตนให้เลย์ เลย์รับมาถืออย่างงงๆ

     

    “เอาไว้กอดบนรถ เพราะนายคงจะเสียสติแน่ในตอนแรก” คริสยังจำตอนที่ลู่หานพามินซอกเข้าแข่งเดธแมทช์ได้ดี เกือบขาดใจตายคารถ

     

    “เลย์...เมื่อรถออกจากจุดสตาร์ทสิ่งที่นายต้องทำมีอยู่สองอย่าง หนึ่งคือเชื่อใจฉัน สอง คือ อยู่นิ่งๆจนกว่าจะขึ้นทางด่วนและเมื่อนั้นนายค่อยทำหน้าที่ที่ได้รับ” เชื่อใจเหรอ จะให้เขาเชื่อใจคนที่เห็นชีวิตคนอื่นเป็นเรื่องสนุก อยากได้อะไรก็ต้องได้แบบคริสได้จริงๆงั้นเหรอ ไอเรื่องที่บอกให้อยู่นิ่งๆนั้นสบายเลย์ เขาไม่ใช่คนชอบพูดอยู่แล้ว ให้บอกเลข 190 บนเสาก็ขี้เกียจจะแย่

     

    “ฉันจะเชื่อใจนายได้ยังไงกัน ในเมื่อนายไม่ได้ทำให้ฉันอยากไว้ใจเชื่อใจนายตั้งแต่แรกที่เจอกัน”

     

     

     

    “เพราะฉันไม่มีทางปล่อยให้ชีวิตของตัวเดิมพันเป็นอะไรไปก่อนที่จะได้เล่นจนสนุกที่สุดไงล่ะ”  สิ้นเสียงใบหน้าหล่อก็ถูกตบจนหน้าหัน เลย์ยอมรับว่าโมโหกับคำพูดของคริสจนเกินจะทนไหวแล้ว คนคนนี้ไม่เห็นค่ากันเลยจริงๆ เขาคงจะนั่งเฉยๆแน่ถ้าหากไม่สัญญากับลู่หานเอาไว้ว่าจะรอดกลับไป ลงนรกกันไปทั้งคู่คงจะดีกว่าล่ะมั้งงานนี้

     

    คริสลูบหน้าข้างที่โดนตบเล็กน้อยก่อนจะเดินไปที่รถ ประตูรถยกขึ้นด้านบนเมื่อคริสะกดสัญญาณเปิดล็อคบนรีโมต ร่างสูงแทรกตัวเข้าไปนั่ง คริสหลับตานิ่งอยู่ภายในรถ เลย์โยนกระเป๋าเข้าไปแต่ยังไม่แทรกตัวเข้าไปนั่งในรถ

    คริสเปิดตาขึ้นมองคนด้านนอก เลย์ยืนนิ่งอยู่ด้านหน้ารถ มือข้างหนึ่งแตะตัวรถตรงสัญลักษณ์ยี่ห้อด้านหน้า ริมฝีปากบางขยับเอื้อนเอ่ยเป็นประโยคที่ทำให้คริสต้องตั้งใจฟัง

     

    “ฉันไม่รู้ว่าเจ้านายของนายเลี้ยงดูนายมายังไง แต่วันนี้ที่นั่งด้านข้างขาจะมีฉันนั่งอยู่เคียงข้าง แกอาจจะไม่พอใจฉันที่ตบหน้าเจ้านายแกเท่าไรหรอกใช่ไหม แต่มาคุยกันหน่อยดีกว่า ใครๆก็รักชีวิตกันทั้งนั้น ฉันไม่อยากตาย เจ้านายของแกก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นต่อให้แกโกรธฉัน ก็ขอให้แยกแยะ” เลย์นิ่งเงยหน้าสบตากับคริสที่จ้องมา ดวงตาหวานหลบลงก่อนจะเอ่ยต่อ

     

    “ในการแข่งขันขอให้แกเชื่อฟังทั้งคริสและฉัน ทำงานประสานกันให้เป็นหนึ่งเดียว เข้าใจไหม...” เลย์หลับตาลง คริสมองภาพนั้นผ่านกระจก เหลือเชื่อที่เลย์ทำแบบนั้นก่อนลงแข่ง มีตัวเดิมพันไม่กี่คนหรอกที่จะทำแบบนี้ การพูดคุยกับรถก่อนลงแข่งถือเป็นสิ่งที่คริสทำเป็นประจำ

    เลย์ทิ้งตัวลงนั่งเบาะหนังสีดำตะเข็บสีทอง กระเป๋าเป้ของคริสเลย์ก็หยิบมาตั้งไว้บนตั้งสองแขนโอบกอดเอาไว้ ถ้าคริสไม่ถูกเลย์ตบหน้าเอาก่อนหน้านี้ คงไม่อยากจะเชื่อว่าคนคนนี้พิษสงร้ายไม่น้อย

     

    สัญญาณไฟในห้องด้านข้างเปลี่ยนเป็นสีเขียว คริสสตาร์ทเครื่องรถ เจ้ารถคันงามส่งเสียงคำรามลั่นชัดเจนในความเงียบ เลย์หลับตาแน่น ไม่อยากจะคิดถึงอนาคตในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น

     

    “ขอให้พระเจ้าอวยพร” เลย์กระซิบแผ่วเบาเมื่อคริสปลดเบรกมือแล้วเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่ คริสยังไม่เร่งความเร็วเต็มที่ เพื่อให้รถเตรียมตัวสำหรับการทำงานที่ได้ประสิทธิภาพ เลย์นั่งนิ่งใบหน้าหวานซบลงกับกระเป๋าของคริส

     

     

    แลมโบกินี่ของคริสแล่นเข้าสู่เลนที่สามจากทั้งหมด 5 เลนส์  รถที่เหลือสี่คันประจำที่แล้ว เลย์สะดุ้งเมื่อคริสโน้มตัวมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ แต่ก็ดีถ้าให้คาดเองคงไม่มีปัญญา ทำไม่ถูกอะไรในรถคันนี้แปลกตาไปจากรถของลู่หานที่เลย์เคยนั่ง ริมฝีปากอุ่นของคริสเตะลงแผ่วเบาบนริมฝีปากของเลย์แล้วผละออกเล็กน้อย

     

    “เป็นหนึ่งเดียวกับฉันเลย์” จบก็กดจูบลงมาอีกครั้ง คราวนี้คริสเน้นย้ำอยู่สองสามครั้งแล้วผละออก เลย์รีบดันไหล่แกร่งออกห่างเมื่อเห็นรถคันข้างๆจ้องมองมา

     

    มือเรียวยกกุมหน้าอกตัวเองหัวใจเต้นถี่ราวกับจะหลุดออกมา เสียงเต้นรัวเร็วของมันทำให้เลย์มั่นใจว่าคริสคงได้ยินแน่นอนแม้จะมีเสียงเครื่องยนต์รถและเสียงเพลงจากด้านนอกดังอยู่ก็ตาม คริสลดกระจกลงทั้งสองข้างเลย์เห้นลู่หานกับแบคฮยอนวิ่งมาหาตน ใบหน้าหวานส่งยิ้มกลับไปให้ แบคฮยอนโน้มตัวมาหอมแก้มเลย์สองสามครั้งแล้วอวยพร ลู่หานสบตากับคริสอยู่ด้านหลังก่อนจะเซตาไปมองเลย์ เอ่ยอวยพรขอให้เพื่อนโชคดี

     

    ทุกอย่างเงียบสนิทด้านนอกมีเพียงเสียงเครื่องยนต์ดังแผ่ว ผู้หญิงในชุดรัดรูปแนบเนื้อเดินถือธงมายืนอยู่ระหว่างเลน ธงในมือยกขึ้นเป็นสัญญาณเตรียมปล่อยรถ เลย์เบะหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ก็นิ่งลงในที่สุด แขนซ้ายท้าวอยู่กับกระจกเอนศีรษะไปชิดแขน คริสเห็นก็ต้องดึงกลับมาให้นั่งในแนวตรง

     

     

     

     

     

    one..two…three…READY……………..GO!!!!!!!!

     

    เสียงปล่อยสัญญาณดังลั่นบริเวณพร้อมกับธงที่ถูกสะบัดลง ไฟสัญญาณด้านบนเปลี่ยนเป็นสีเขียว คริสเหยียบคันเร่งจนเกือบมิด แลมโบกินี่คันสวยแล่นออกจากสนามแล้ว ช่วงเวลาต่อจากนี้ของเลย์กำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล....

     

    เลย์นั่งนิ่งสองแขนโอบกอดกระเป๋าของคริสไว้แน่น ความเร็วรถทำให้ภาพรอบตัวเลือนรางเป็นภาพที่เลย์ไม่สามารถหาจุดโฟกัสของมันได้ คริสเร่งคันเร่งแซงรถด้านหน้ามาขึ้นนำเป็นคันแรก รถสี่คันด้านหลังทิ้งตัวมาไม่ห่าง ซ้ำยังพยายามจะปาดขึ้นมาแซงให้ได้ ทำให้คริสต้องเร่งความเร็วรถเพิ่มกว่าเดิมอีกครั้ง เกียร์รถรถถูกปรับขึ้นเป็นเกียร์สี่ เจ้ากระทิงดุคำรามลั่นกระชากตัวจนเลย์ไถลไปด้านหน้า หัวคงกระแทกไปแล้วถ้าคริสไม่เอามือมากันไว้

     

    คริสมองกระจกหลังอีกครั้งเมื่อเห็นว่าทิ้งห่างคันอื่นมาพอสมควรก็ลดความเร็วลงเล็กน้อยแต่ก็ยังเร็วอยู่สำหรับเลย์  เลย์หลับตานิ่งแต่คริสก็เอ่ยบอกให้ลืมตาซะ เลย์ตวัดตามองด้วยความไม่พอใจ เขาสิจะอ้วกอยู่แล้ว ภาพข้างทางที่เปลี่ยนไปจนจับภาพไม่ได้ทำให้เลย์คลื่นไส้จนอยากจะเอาสิ่งที่อยู่ในกระเพาะออกมาให้ได้

     

    “อย่ามองข้างทางสิว่ะ มองไปข้างหน้าสิ!!” คริสตะคอกเสียงดัง เลย์เลยต้องละสายตาออกจากด้านข้างมาเป็นด้านหน้าตามคำสั่ง

     

    คริสหักเลี้ยวรถออกจากซอยแคบ ภาพด้านหน้าเป็นถนนใหญ่ เลย์เบิกตากว้างเมื่อคริสไม่ผ่อนความเร็วลง หมายความว่าตั้งใจจะตรงไปเลยงั้นเหรอ ทั้งๆที่รถบนถนนนั้นวิ่งไปคนละทิศกับรถของคริส ตัดออกไปแบบนั้นมีแต่ตายกับตาย เลย์อ้าปากจะส่งเสียงห้ามแต่คำพูดของคริสก่อนลงแข่งก็แว่บเข้ามาในหัวทำให้เงียบลง

    มันยังไม่ถึงหน้าที่ของเขา เลย์จะไม่ยุ่งตามคำสั่งก่อนแข่ง คริสบีบแตรเป็นสัญญาณดังลั่นผู้คนบริเวณปากซอยแตกตื่นกันใหญ่ เลย์หลับตาแน่น

     

    “แม่งเอ้ย! หลบดิว่ะอยากตายรึไง” คริสสบถเสียงดัง เมื่อหลายคนบนฟุตบาตรยังยืนนิ่งจ้องมา คริสเร่งความเร็วเกือบสุดตัดถนนใหญ่ออกไป รถหลายคันบนถนนใหญ่เบรกกันสุดแรงเมื่อรถของคริสพุ่งออกไปตัดหน้า เสียงชนโครมครามดังลั่นบริเวณ แลมโบกินี่ของคริสถูกกระแทกเต็มแรงตรงบริเวณส่วนท้ายด้านหลัง รถปัดแว่บออกไปแต่คริสก็ดึงกลับมาให้วิ่งในทางตรงได้ปกติ

     

    เลย์ลืมตามองภาพตรงหน้า ตอนนี้คริสข้ามถนนใหญ่มาได้แล้ว รถคันอื่นอีกสี่คันที่ลงแข่งกำลังวิ่งตัดความวุ่นวายที่คริสก่อเอาไว้มาติดๆ คริสเร่งความเร็วอีกครั้ง ปรับเกียร์จากธรรมดาเข้าสู่เกียร์สำหรับการแข่งขันในสนามแข่ง แม้ตรงนี้จะเป็นถนนใหญ่ก็ถาม เลย์แน่ใจว่าตอนนี้ว่าเลย์กำลังกลัวอย่างที่สุด คริสปาดหน้ารถทุกคัน แซงซ้ายแซงขวาวุ่นวายไปหมด เสียงไวเลนของรถตำรวจดังอยู่ด้านหลัง แม้จะห่างอยู่ไกล แต่คริสก็ยังเหยียบเร่งความเร็ว

     

    “เฮ้ย!” เลย์เผลอหลุดอุทานออกมาเมื่อรถคันที่ลงแข่งขันปาดขึ้นมาจากไหนไม่รู้ตัดหน้าคริสจนเจ้ากระทิงดุ เสยท้ายไปจนยุบ  คริสดุจะหงุดหงิดไม่น้อยเมื่อลูกชายถูกชนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง คริสหัวพวงมาลัยออกด้านซ้ายแล้วเหยียบคันเร่งแซงไป

     

    เลย์เห็นทางขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์อยู่ด้านหน้า ใกล้ถึงแล้วสินะหน้าที่ของเขา นี้มันไม่สนุกเลยจริงๆ เลย์หลับตานิ่ง พยายามดึงสมาธิของตัวเองกลับมาให้ได้มากที่สุด คริสแล่นรถเข้าสู่เลนที่สามซึ่งเป็นตำแหน่งของตนก่อนจะผ่อนคันเร่งลงเป็นหยุดนิ่งรอรถคันอื่น ตอนนี้เขาเป็นที่หนึ่งมาครึ่งทางแล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่กับเลย์แล้ว

    คริสหันมองเนวิเกเตอร์ประจำตัววันนี้ เลย์หลับตานิ่งลมหายใจผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะ คริสเอื้อมมือไปกุมมือเรียวบนตัก หัวเราะออกมาแผ่วเบา เห็นนิ่งๆแบบนี้ขี้กลัวใช้ได้ มือของเลย์ชื้นเหงื่อและเย็นเยียบ

    เลย์ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเปิดคอนโทรลรถด้านหน้า คริสหยิบผ้าสีดำเส้นยาวออกมาถือไว้แล้วส่งให้เลย์ เลย์มองด้วยความสงสัย

     

    “เข้าสู่เดธแมทช์แล้วเลย์...” เลลย์มองหน้าคริสสลับไปมากับผ้าสีดำในมือ

     

    “นายจะบ้าหรือไง!” เลย์ตะโกนลั่นเมื่อเห็นคริสเอาผ้ามาผูกมือตัวเอง

    คริสมัดปมผ้าแน่นเป็นเงื่อนตาย ใครก็แกะออกไม่ได้ ถ้าจะแกะก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ คริสหยิบมีดพกในเกะออกมาส่งให้เลย์  การบังคับรถด้วยมือที่ถูกมัดไว้ถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงที่สุดแถมยังเป็นการวิ่งด้วยความเร็วสูง เลย์อยากจะเอามีดมาแทงคริสให้ตายจริงๆ นี้ถ้ามันพาเขาลงเหวคือจบ นรกสวรรค์ก็เดาไม่ได้เลย

     

    “อย่าตัดผ้าจนกว่าฉันจะสั่ง เข้าใจไหมเลย์..เลย์!” เลย์ไม่ตอบ ตอนนี้ในใจร่างบางเต็มไปด้วยความกลัวอยากจะดิ้นลงจากรถแต่ก็รู้ว่าหมดสิทธิ์ไปแล้วตั้งแต่นั่งมาคู่กับคริสบนรถ ยิ่งไม่มีทางเลือกเมื่อรถอีกสี่คันที่เหลือแล่นมาจอดเทียบอยู่ด้านข้างครบในที่สุด

     

    “ไอบ้า..สนุกกันนักหรือไงว่ะ ชีวิตคนมันไม่มีค่ากันเลยหรือไงกันเอามาเล่นเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายขนาดนี้” เลย์โวยวายลั่นกระแทกตัวชิดเบาะด้วยความหงุดหงิดใจ ในอกร้อนรุ่มราวกับไฟแผดเผา จบเกมเมื่อไรเขาจะซัดหน้าไอหมอนี้ให้เละเลย

     

    “ถอนตัวไม่ทันแล้วเลย์...ทางเลือกของนายไม่มีอีกแล้ว สิ่งที่นายทำได้ตอนนี้คือทำตามหน้าที่ของเนวิเกเตอร์ตามที่ฉันบอกให้ดีที่สุดแล้วเราจะรอดไปด้วยกัน” คริสกล่าวนิ่งๆแต่เลย์กลับรู้สึกว่าคำพูดเรียบๆนั้นแฝงไปด้วยอำนาจ เลย์สะบัดเสียงตอบรับห้วนๆ

     

    “เอากูมาตายชัดๆไอเวรเอ้ย!” พูดจบก็เตะคอนโทรลด้านใต้รถไปแรงๆหนึ่งที

     

    “ตั้งสติให้ได้เลย์ การแข่งเริ่มขึ้นเมื่อไรทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายคนเดียว ไม่อยากตายก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพราะมันขึ้นอยู่กับนายไม่ใช่แค่ชีวิตของนายหรือของฉัน แต่มันเป็นของเราทั้งคู่”

     

    “การแข่งขันจะเริ่มเมื่อสัญญาณไฟด้านบนเปลี่ยนเป็นสีเขียว ตาไม่บอดสีใช่ไหม” คริสเอ่ยติดตลก ร่างสูงดูไม่เคร่งเครียดเลยสักนิดเดียว ต่างจากเลย์ที่ตอนนี้สติที่คิดว่าตัวเองมีมากพอลดหายไปจนแทบไม่เหลือ

     

    “ไม่ตลก!!!” เลย์ตวาดลั่น ไม่พอใจกับอารมณ์ขันของคริส

     

    “เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว บอกผมทันที เมื่อขึ้นไปแล้วให้นายเริ่มบอกฉันจากรถคันที่ใกล้เราที่สุดว่าอยู่ในลักษณะยังไง และถ้าฉันถามว่าถึงเสาต้นที่เท่าไร ให้บอกมาเป็นตัวเลขที่กำกับอยู่บนเสาเข้าใจไหม”

     

    “บอกลักษณะอะไร ยังไง สีขาวสีเขียวแบบนี้เหรอ บอกทำไม” คริสพ่นลมหายใจแรง เลย์ในเวลานี้ไม่ต่างกับเด็กที่พึ่งเรียนรู้การอ่านเขียนเลยสักนิด

     

    “ให้ตายเถอะ! ลู่หานกล้าเอานายมาเป็นตัวเดิมพันคืนนี้ได้ไง ให้บอกว่ามันอยู่ทางด้านไหน กำลังจะแซงหรืออะไรแบบนี้ต่างหากเข้าใจไหม!

     

    “คุณนั้นแหละบังคับผม ให้ผมไม่มีตัวเลือก บ้าจริง เออเข้าใจแล้ว!!!

     

    เสียงเร่งคันเร่งดังขึ้น คริสเริ่มเร่งเครื่อง เป็นการบอกให้ทุกคันในสนามแข่งรถเตรียมตัว เลย์มองไฟสามสีที่ตอนนี้เป็นสีเหลืองด้วยใจที่เต้นแรง เมื่อไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวเสียงหวานก็เอ่ยบอกทันที รถพุ่งพรวดออกจากจุดเริ่มต้นที่มันจอดอยู่ด้วยความเร็วและเบา

    เลย์กลั้นหายใจ ขณะอยู่ในความเร็วที่วัดค่าไม่ได้ เลย์มองทางด้านหน้าแล้วเซตามองตัวเลขบนเสาที่ไม่สามารถอ่านค่าเนื่องจากความเร็วของรถ คริสตะคอกถามถึงเลขเสาค่าคะแนน

     

    “เดี๋ยว มองไม่ทัน ขับช้าลงหน่อยดิ” เลย์ลนลานไปจนคริสสัมผัสได้ สองมือของเลย์ยกขึ้นคำนวณเลข ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เขาเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์

     

    “190 ต้น ออกตัวมาแล้ว เท่าที่สังเกต คือ 5 ต้น ไม่สิ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเหรอ มันไม่มีคะแนนเลยสักเสาอ่ะ” เลย์ชะโงกไปมองความเร็วที่คริสขับอยู่

     

    “จางอี้ชิง ต้นที่เท่าไรแล้ว!” คริสตะโกนลั่น เลย์สะดุ้ง เลขที่คิดค้างอยู่รวนไปหมดในสมอง

     

    “ไม่รู้โว้ย ขับๆไปก่อนเหอะนา คิดอยู่” เลย์คิดเลขไปพลางมองกระจกหลังแทนคริสไปพลาง เสียงหวานร้องลั่นเมื่อมีรถที่ลงแข่งไล่หลังมาด้วยความเร็ว

     

    “เอ้ย มันมีรถมาข้างหลังคุณอ่ะ”

     

    “กี่นาฬิกาเลย์ เฮ้ย ตอบมาดิว่ะ” คริสตะคอกลั่น เลย์ที่ยังมึนงงตั้งสติไม่ทันมองกระจกหลังอีกครั้งแล้วเอ่ยตอบ

     

    “ห้า..ห้านาฬิกา” คริสเร่งความเร็วเครื่องให้เร็วกว่าเดิมแล้วเบี่ยงรถออกไปทางด้านซ้ายมือ เลย์หันไปสบกับเลขเสาพอดี

     

    “เสาต้นที่ 56  คริสมีรถจี้ท้ายนายอยู่สองคัน ... สามคันแล้ว นี้เสาฝั่งซ้ายมีคะแนนสามต้นเลย แล้วก็ฝั่งขวาอีกสี่ต้น”  เลย์ปลดเข็มขัดนิรภัยออก คริสร้องห้ามเมื่อได้ยินเสียงปลดแต่เลย์กลับตะคอกบอกให้หุบปากไปซะ สองเข่ายันมาไว้บนเบาะ เลย์เกาะเบาะเอาไว้เพื่อทรงตัว สายตามองผ่านกระจกด้านหลัง คริสหักซ้ายผ่านเสาต้นที่มีคะแนน กล้องจับคะแนนส่งสัญญาณกระพริบ บนจอในรถแสดงคะแนนที่ได้ล่าสุด ครั้นจะหักขวาไปเก็บคะแนนก็พลาดจนรถแฉลบออกเกือบชนราวกั้น

     

    “ซ้ายหรือขวาเลย์..ซ้ายหรือขวา” เลย์ชะงัก เมื่อรถทั้งสามคันที่เห็นวิ่งไล่คริสมาก่อนหน้านี้ แล่นขึ้นมาขนาบแนบชิดรถ

     

    “ทั้งสองข้างเลย จี้ท้ายนายอยู่อีกคัน ไอบ้า! รถแพงนะโว้ย มึงชนได้ไง” เลย์โวยวายตอบและร้องลั่นเมื่อรถสองคันด้านข้างเบี่ยงเข้ามาเบียดทำเอารถของคริสเฉไปชนรถด้านซ้ายเต็มแรง รถของคริสสั่นสะเทือนและถูกเบียดอยู่ระหว่างรถสองคัน รถคันท้ายด้านหลัง เหยียบคันเร่งอัดชนด้านท้ายแลมโบกินี่เต็มแรง คริสเหยียบคันเร่งสุดแรงจนรถหลุดออกมาจากการเบียด แลมโบกินี่สีดดำหมุนคว้างอยู่กลางถนน

    คริสสั่งให้เลย์กระชากเกียร์กลับมาที่เกียร์หนึ่งส่วนเขาหักพวงมาลัยให้รถกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แล้วเหยียบคันเร่งอีกครั้ง

     

    “เลวเอ้ย!” คริสสบถเสียงดัง เดาได้อยู่แม้ไม่เห็นภาพว่ารถของเขาที่โดนการเบียดขนาดนั้นคงจะเละให้ได้แล้วแน่ตอนนี้  ตอนนี้สิ่งที่คริสอยากทำมากที่สุดคือการแก้ปมผ้าที่มัดมือตนออกไป

     

    “เลย์อย่าเงียบ บอกเสาที่มีคะแนนมา” เลย์ที่ยังอึ้งอยู่กับเหตุการณ์หมุนคว้างต้องดึงตัวเองกลับมาตามคำสั่งคริส เลย์หันกลับมามองด้านหน้า โค้งหักศอกด้านหน้าปรากฏชัดเจน ในใจก็นึกด่าคนสร้างทางด่วน จะมีโค้งไปทำไมว่ะ

     

    “ค้างหน้าเป็นโค้งหักศอก ...หักซ้ายนะ!” เลยืได้สติก็เอ่ยตอบ คริสยังรู้สึกขอบคุณที่เลย์ยังบอกมาว่าเขาควรหักซ้ายหรือหักขวา

     

    “หักดิ....!! พ้นโค้งแล้ว คริสกลับเลนเลยนะ นายจะเสยราวกั้นแล้ว!” เลย์ตะคอกบอก คริสรีบสาวพวงมาลัยกลับมาในแนวตรงทันที ชนราวกั้นตกไปก็ตายแน่นอน บุญโขที่เลย์ได้สติกลับคืนมาเกือบสมบูรณ์แล้ว

     

    “เสาต้นที่เท่าไรแล้ว” เลย์ได้ยินคำถามก็พยายามจดจ้องเลขบนเสา มองไม่ทันก็เลยไม่ตอบไปซะงั้น คริสที่รอคำตอบอยู่ก็เค้นถามออกมาอีกรอบ

     

    “เสา..ตะ..ต้น..โอ้ย..ต้นที่..ที่ร้อยยี่สิบเอ็ด” เลย์ตกใจกับตัวเลข ถือว่ารถคันนี้เร็วมากจริงๆ ทิ้งห่างจากเลขเสาต้นแรกที่เลย์บอกไปเพียงไม่กี่นาที แต่เลขบนเสากลับทิ้งห่างออกไปเยอะ

     

    อยู่ๆรถก็ทำท่าเหมือนจะไถลพลิกคว่ำ แต่คริสก็ประคับประคองพวงมาลัยให้รถกลับสู่ปกติได้อย่างสวยงามแม้มือจะถูกมัดไว้ก็ตามที  เลย์ได้ยินเสียงรถชนราวกั้นดังลั่น พอๆกับเสียงเบรกรถที่ดังเอี๊ยดอ๊าดตามมา เลย์หันมองกระจกหลังก็พบว่าไม่มีรถคันอื่นตามมา มีรถของคริสคันเดียวที่ยังแล่นอยู่ได้บนถนน  เลย์ได้ยินคริสนับเลขที่ต่อจากที่ตนบอกล่าสุดก็คิดว่าคริสคงกะระยะเอาเอง คริสเร่งเครื่องอีกครั้งเมื่อเลขที่ตนนับครบถึงเลขเสาต้นที่ร้อยเก้าสิบ เสาต้นสุดท้าย

     

    “ทางลงอยู่ข้างหน้า หักซ้ายออกมาหน่อยดิ..เออ พอแล้วๆ” เลย์ตะคอกบอก ภายในรู้สึกคลื่นไส้เสียเต็มที คิดว่าคริสจอดรถเมื่อไรเขาจะลงไปอ้วกทันทีไม่มีข้อแม้เด็ดขาด

     

    “เลย์ เห็นเสาอีกไหมไหม”

     

    “ยังไม่เห็นแต่มันเป็นทางตรง ตรงไปก่อน...โอ้ย ผมจะอ้วก” เลย์บอกคริส

     

    “อดทนไว้ก่อน ใกล้จะถึงแล้วแหละ รถจอดนายก็เปิดประตูอ้วกได้เลย” เลย์ครางรับ พลันสายตาเหลือบไปเห็นรถอีกคันแล่นไล่หลังมา แม้จะห่างแต่ก็น่ากลัวในตอนนี้

     

    “คริส! มีรถตามมาแล้ว ห่างอยู่แต่ไม่เอานะ ไม่แพ้นะ!” เลย์โวยวาย คริสเร่งความเร็วเมื่อได้ยิน เสียงเพลงฮิพฮอพดังมาให้ได้ยิน แสงไฟด้านหน้าทำให้เลย์ใจชื้น

     

    “เส้นชัยอยู่ข้างหน้าคุณ อีกไม่กี่กิโลเอง” เลย์เอ่ยบอก

     

    เสียงสัญญาณรถแล่นเข้าสู่เส้นชัยดังขึ้น รถของคริสวิ่งผ่านเส้นสีแดงที่ขีดเอาไว้ชัดเจนบนพื้น เลย์ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากคนข้างๆ คริสวิ่งเลยไปจากจุดจอดเล็กน้อยก่อนจะเหยียบเบรก เสียงล้อครูดกับพื้นดังยาวแสบหู เลย์ไถลไปกองอยู่ด้านหน้าอย่างแท้จริง คริสไม่ได้เอามือมากั้นแล้วคราวนี้ ในที่สุดรถก็หยุดนิ่ง 

    เลย์เปิดประตูรถทันที พุ่งตัวออกไปนั่งกองอยู่ห่างจากตัวรถไม่มากนัก เลย์อาเจียนลงเต็มพื้นไปหมด คริสได้ยินเสียงอาเจียนของเลย์เงียบลงก็เอ่ยบอก

     

    “เอามีดมาตัดผ้าได้แล้วจางอี้ชิง” เลย์มุดตัวกลับเข้าไปในรถ หยิบมีดพกในมือมากางออกแล้วตัดผ้าผูกมือออกจากมือทั้งสองข้างของคริส

    เมื่อผ้าหลุดออก คริสก็เปิดประตูด้านตนเองแล้วก้าวลงจากรถ คริสอ้อมมาหยุดอยู่ด้านเดียวกับเลย์ ยื่นมือให้อีกฝ่ายจับแล้วดึงเลย์ออกมา

     

    “เป็นเนวิเกเตอร์ที่ยอดเยี่ยมใช้ได้ ไว้คราวหลังอย่าเสียสติเยอะแบบวันนี้อีกนะ” คริสพูดติดตลก ยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนิ่มของเลย์แล้วผละออกเมื่อเห็นมินซอกและเพื่อนของเลย์ทั้งสองคนวิ่งหน้าตื่นมาหา

     

     

    “เลย์!! ฉันจะเป็นลมตอนเขาบอกกันว่ามีรถพลิกคว่ำ กลัวจะตายว่าจะเป็นนาย โอเคใช่ไหม!” เลย์พยักหน้าเลย์เอ่ยบอกแบคฮยอนว่ากำลังยืนทับอ้วกของตนอยู่ แบคฮยอนกระโดดออกทันทีที่ได้ยิน คนตัวเล็กร้องลั่นจนทุกคนอดหัวเราะออกมาไม่ได้แม้กระทั่งคริส

     

    “เครื่องสำอางยี่ห้อนี้โอเคเลยไหม ไม่เลอะด้วยดูสิขนาดเหงื่อออกยังไม่เละเลย” แบคฮยอนยังคงไม่ได้สนใจอย่างอื่นนอกจากใบหน้าของเลย์ เด็กนั้นจับหน้าของเนวิเกเตอร์ของคริสเอียงไปมา เลย์ก็ยืนนิ่งปล่อยให้จับอยู่แบบนั้น ลู่หานมองหน้าคริสชั่วครู่ แล้วบอกแบคฮยอนว่าให้ปล่อยเลย์ซะ

     

    “แบคฮยอนปล่อยเลย์ได้แล้ว เลย์กระเป๋าอยู่ที่รถใช่ไหมเดินไปเอาสิ” เลย์พยักหน้ารับกุญแจที่ลู่หานส่งมาให้แล้วเดินจากไป แบคอยอนหันมามองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย

     

    “ตามกฎแบค..เลย์เป็นของคริสโดยสมบูรณ์”

     

    “ไม่เอา ไม่ให้เลย์ไป ลู่หาน! ใจร้ายทำไมทำกับเลย์แบบนี้ เราไม่ชอบเลยนะ!” แบคฮยอนโวยวาย คนตัวเล็กวิ่งไปหาเลย์ที่กำลังเดินกลับมาพร้อมกระเป๋าเป้

     

    “เราไม่ให้เลย์ไปหรอกนะ เราไม่ยอมหรอกนะ เลย์อ่า ไปฆ่าลู่หานเลย เลย์อ่า เลย์!” แบคฮยอนดื้อดึงอยู่พักใหญ่ เลย์ดึงเพื่อนตัวเล็กมากอด เอ่ยปลอบไปมา เขาตกลงกับลู่หานแล้วว่าถ้าหากคืนนี้คริสชนะ ขอให้ลู่หานปล่อยเขาไปอยู่กับคริสซะ เพราะไม่งั้นลู่หานก็ยังจะโดนคริสตามตอแยเพื่อจะเอาตัวเลย์ไม่หยุดหย่อน  ทะเลาะกันอยู่พักใหญ่จนในที่สุดลู่หานก็ยอม เพราะเลย์ยกนู่นยกนี้มาอ้างจนต้องยอม

     

     

     

                    เลย์ส่งกระเป๋าตัวเองให้คริส คริสมองอย่างสงสัยแต่ก็รับมาถือไว้ ลู่หานกับมินซอกมองด้วยความแปลกใจ ไม่มีใครอยากจะเชื่อว่าคนอย่างคริสจะยอมทำตามคำสั่งคนอื่นง่ายๆ คริสมองลู่หานแล้วก็หันมองมินซอกที่ยืนอยู่ข้างๆ

     

                    “ผมให้พี่เลือกว่าจะอยู่กับผมหรือจะอยู่กับคนที่พี่รักตามเดิม...ไม่ห้ามหรอกนะ” มินซอกกัดปากแน่น เงยหน้ามองคริสแล้วเดินไปหาลู่หาน เลย์มองตามภาพนั้นแล้วยิ้มให้ลู่หาน อีกฝ่ายเอ่ยขอบคุณแผ่วเบา แบคฮยอนก้มลงไปเด็ดหญ้าบนพื้นมาปาให้ลู่หานแล้วหันหลังเดินหนีไปรอที่รถ

     

                    “ซื้อเค้กให้กินสักชิ้นสองชิ้นก็หายแล้ว ปล่อยให้งอนไปก่อนนั้นแหละ” เลย์บอกเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเลย์คงปกติ เพราะปกติคู่นี้ทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระบ่อยครั้ง เลย์เดินไปหาลู่หาน

     

                    “ได้กลับคืนไปแล้วก็ดูแลให้ดีล่ะ แล้วเจอกันที่มหาลัยนะเสี่ยวลู่” เลย์เอ่ยบอก ลู่หานก้มหน้าวูบฉกชิมริมฝีปากของเลย์รวดเร็วแล้วผละออก  เลย์หันไปหาแบคฮยอนที่มองอยู่ แววตาตัดพ้อน้อยใจนั้นทำให้เลย์ต้องกวักมือเรียก แบคฮยอนยืนนิ่งไม่สนใจ เลย์เลยเดินเข้าไปหา แล้วหยุดนิ่งอยู่ครึ่งทาง

     

                    “ทำตัวเหมือนเด็กเลยหมาแบค จะมาไหม ถ้านายไม่เดินมาเจอกันที่อีกครึ่งนี้ฉันจะไปแล้วนะ” แบคฮยอนไหวไหล่ แล้วเดินมาหาเลย์ คนตัวเล็กตีเลย์ดังเพี๊ยะแล้วโผเข้ากอด ใบหน้าหวานเลอะไปด้วยน้ำตา แบคฮยอนงอแงอีกแล้วสินะคืนนี้

     

                    “นายต้องรับโทรศัพท์ฉันนะ จะโทรหาทั้งคืนเลยถ้าเลย์ไม่รับ เจอกันที่มหาลัยพรุ่งนี้” เลย์พยักหน้ารับเกี่ยวก้อยสัญญากับแบคฮยอน ลู่หานกับมินซอกเดินมาสมทบ เลย์ส่งยิ้มบางให้มินซอกแล้วหันหลังเดินกลับไปหาคริสที่ยืนรออยู่

     

     

     

     

     

     

    .

     

     

     

                    เสียงประตูเปิด และปิดลง ดังก้องในห้องชุดคอนโดที่มืดเพราะเจ้าของห้องไม่เปิดไฟ เลย์ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู คริสเปิดไฟตรงผนัง แสงไฟสว่างขึ้น เลย์มองรอบห้อง ทั้งห้องเป็นสีดำ ผนังถูกติดด้วยวอลเปเปอร์สีดำสนิท แม้แต่เพดานก็ยังเป็นสีดำ เครื่องปรับอากาศบนผนังก็ถูกบ้ากำมะหยี่สีดำคลุมติดปิดไว้ ผ้าม่านก็สีดำ คงจะมีแต่เฟอร์นิเจอร์เท่านั้นละมั้งที่เป็นสีขาวสะอาด

     

                    “เกร็งเหรอ” คริสหันมาถามเมื่อเห็นเลย์ยังยืนนิ่งอยู่หน้าประตู คริสเดินไปดึงผ้าม่านให้เปิดกว้าง เลย์หันมองตาม ภาพทิวทัศน์ตรงหน้าคือตึกสูง เลย์เดินไปยังหน้าต่างบานใหญ่ ดวงตาใสเงยมองไปด้านบน ฟ้ายังไร้ดาวเช่นเดิม คืนนี้คงมืดมิดแล้วไม่สดใสอย่างแท้จริง

     

                    คริสเอากระเป๋าของตนเองและของเลย์ไปเก็บในห้องนอน สักพักเลย์จึงเดินตามเข้าไป ทุกอย่างในห้องก็เหมือนด้านนอกคือเป็นสีดำ คริสเปิดม่านออกคราวนี้เลย์เห็นระเบียงที่ยื่นออกไปด้านนอก มีเก้าอี้สานสำดำตั้งอยู่พร้อมกับโต๊ะกลมตัวเล็ก  พื้นห้องถูกปูด้วยพรมสีแดงเลือดหมู 

                    เสียงดังกุกกักทำให้เลย์หันไปมอง คริสถอดเสื้อหนังออกแล้ว ตอนนี้อยู่ในสภาพเสื้อกล้ามกับกางเกงยีนส์สีดำ ดวงตาคมเงยขึ้นสบกับเลย์ ใบหน้าหวานเห่อร้อนขึ้นเลย์หันหน้าหลบออกไปด้านนอกอีกครั้ง เลย์ชักมั่นใจในความคิดของตนแล้วว่าหน้าที่ของตัวเดิมพันไม่ได้มีแค่ลงแข่งพร้อมกับนักแข่ง แต่มีหน้าที่สร้างความสุขให้อีกฝ่ายด้วยต่างหาก

     

                    “ชอบดูดาวหรือไง” คริสถาม คนตัวสูงยืนซ้อนด้านหลังเลย์ ลมหายใจร้อนรินรดอยู่กับกลุ่มผมนุ่ม เลย์พยักหน้าตอบแทนคำพูด

     

                    “ทำไมชอบพยักหน้ามากกว่าพูดออกมากันนะ” คริสรั้งตัวเลย์ให้หันหน้ามาสบ แผ่นหลังของเลย์ถูกดันแนบติดกระจก

     

                    “ขี้เกียจพูด” คริสหัวเราะในลำคอ แตะริมฝีปากลงบริเวณแก้มเนียนของเลย์แผ่วเบา กลิ่นเครื่องสำอางลอยแตะจมูก คริสเลื่อนริมฝีปากไปใกล้หูของเลย์ ขบเม้มแผ่วเบา

     

                    “แต่ฉันอยากได้ยินเสียงนาย” เลย์เงียบ ไม่ขัดขืนการกระทำจาบจ้วงนี้ของคริส ในเมื่อตกเป็นตัวเดิมพันแล้ว คริสมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะกระทำอะไรก็ตามกับตน

     

                    “ไม่อยากพูด...อื้อ...อย่า..” เลย์ครางฮือเมื่อลิ้นร้อนลากเลียอยู่ตรงสันคาง สองแขนพยายามดันไหล่ของคริสให้ออกห่าง

     

     

     

     

                   

    “ไม่ต้องพูดหรอก...แค่ครางอย่างเดียวก็พอแล้วสำหรับคืนนี้”

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     



     

    NOTE : ปังงง คือกำลังคึกกำลังคัก กำลังพีค  เมื่อคืนนอนหาข้อมูลรถแล้วสะท้านใจค่า ชอบเหลือเกินกับแลมโบกินี่ อยากได้มาครอบครองเนอะ ฮ่าๆ เรื่องนี้แต่งสนองความอยากเลยค่ะ ผลพวงมาจากการสอบอันไม่น่าสนุก วันนี้เอาตอนสองมาส่ง ตอนหน้า เป็นฉากมุ้งมิ้งของนักแข่งกับตัวเดิมพันแล้ว จะเป็นการแต่งฉากอัศจรรย์แบบอ่ะนะๆครั้งแรกของคิสเซ่ เพราะฉะนั้น ขอเวลาพรูฟสักสองสามวัน เสร็จปุ๊บอ่านแล้วคิดว่าโอเคจะเอามาลงให้  เราคิดว่าฟิคแนวนี้จะอ่านกันเยอะซะอีก เห็นคอมเม้นแล้วแบบ เอ๋? หรือพลอตแบบนี้ไม่เหมาะกับอซ. เหมาะออก นึกภาพพี่คิรสกับอี้ชิงตัวขาวๆซิ โฮววว  ไม่เอาล่ะ ไปอ่านหนังสือสอบก่อน แล้วเจอกันตอนหน้าแบบมุ้งมิ้ง เอ้อ สรุปตัวละครหลักเรื่องนี้มีปมกันเกือบหมดเลย ฮ่าๆ

     

     

     





    THE★ FARRY

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×