ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ธามารีน ผู้ขโมยเวลา

    ลำดับตอนที่ #2 : ธาบาคัส โรงเรียนไตรเวทย์ : ความจริงที่ถูกปิดบัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 63
      3
      20 ส.ค. 57

    ความจริงที่ถูกปิดบัง

    หลังจากได้หนังสือมาแล้ว เด็กน้อยก็กางหนังสือและทำตามขั้นตอนที่เขียนไว้ใจหนังสืออย่างตั้งใจวิธีแรกเด็กน้อยเพ่งสมาธิลงไปที่ใบชาและน้ำในแก้ว น้ำในแก้วกลับไม่มีการเปลี่ยนเปลงใดๆ เด็กน้อยเริ่มใจเสีย หรือเธอไม่ได้มีเวทย์มนต์จริง เธออาจเป็นพวกผ่าเหล่า คงไม่มีเวทย์มนต์จริงๆแน่ สายตาที่ส่งไปยังน้าสาวที่ยืนมองอยู่นั้น เป็นเชิงถามว่าทำไมไม่เกิดอะไรขึ้นเลย

     หลังจากได้หนังสือมาแล้ว เด็กน้อยก็กางหนังสือและทำตามขั้นตอนที่เขียนไว้ในหนังสืออย่างตั้งใจวิธีแรกเด็กน้อยเพ่งสมาธิลงไปที่ใบชาและน้ำในแก้ว น้ำในแก้วกลับไม่มีการเปลี่ยนเปลงใดๆ เด็กน้อยเริ่มใจเสีย หรือเธอไม่ได้มีเวทย์มนต์จริง เธออาจเป็นพวกผ่าเหล่า คงไม่มีเวทย์มนต์จริงๆแน่ สายตาที่ส่งไปยังน้าสาวที่ยืนมองอยู่นั้น เป็นเชิงถามว่าทำไมไม่เกิดอะไรขึ้นเลย ใจเริ่มเสียเมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฝ่ายหญิงสาวตรงหน้าก็มีทีท่าคิดหนัก แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาทางทีท่า มีเพียงแววตามที่เป็นกังวล

    ทดลองวิธีที่สองดูสิธามน้าสาวเร่งให้เด็กน้อยหันความสนใจไปที่วิธีการที่สองทันที เธอตั้งจิตเพ่งไปที่เปลวไฟ ในใจคิดเพียงให้มันเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง และแล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ

    ไฟดับไปแล้วค่ะคุณน้าแววตาของเด็กน้อยฉายแววตื่นเต้น และดีใจส่งไปให้น้าสาวของเธอ ซึ่งยืนมองอยู่ข้างๆ หญิงสาวยิ้มเพียงมุมปาก ถ้าไม่สังเกตจริงๆ ก็คงไม่มีใครรู้หรอกว่านั่นมันคือรอยยิ้มน่ะสิ

    วิธีต่อไปธามทันทีที่หญิงสาวได้ยินเสียง เธอพุ่งจิตไปที่ขนนกตรงหน้าทันที มันกลับลุกเป็นไฟ แรงขึ้น และมอดดับลงจนไม่เหลืออะไรในเวลาไม่นาน ยิ่งเพิ่มความตื่นเต้น แฝงความลุ้นจนหัวใจเธอแทบจะเต้นออกมาจากอก

    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เห็นเวทย์มนต์ ที่สำคัญหนูเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นเด็กน้อยเอ่นกับผู้เป็นน้าอย่าดีอกดีใจ ไอ้ตัวเธอเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเปลี่ยนแปลงเป็นอะไร รู้แค่ใจขอให้มันเปลี่ยนสักหน่อยเถอะ จงเปลี่ยน และมันก็เปลี่ยนจริงๆ

    อันสุดท้ายนี้เด็กน้อยกำดินสีดำขึ้นมาไว้แน่ไม่รีรอ คราวนี้เธอขอให้มันแข็งตัวเป็นก้อน ใช่แล้วมันค่อยๆแข็งเป็นก้อนในมือของเธอ แต่ในขณะเดียวกันก้อนดินนี้ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นจนเท่ากับลูกบอลกลมขนาดเท่าฝ่ามือกำได้ เด็กน้อยเริ่มจะสนุกกับสิ่งที่เกิดขึ้นซะแล้ว

    เอาล่ะธาม ตอนนี้เราจะมาดูที่ละวิธีนะ วิธีแรกไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใช่ไหม

    ใช่ค่ะ

    งั้นลองชิมน้ำดูซิหญิงสาวบอกให้หลานสาวตรงหน้าลองชิมน้ำในแก้วดู

    แค็ก แค็ก แค็ก โห เค็มมากเลยค่ะคุณน้า ทำไมมันเค็มอย่างนี้เนี่ยเพราะไม่ทันได้เตรียมตัว เด็กน้อยไม่ได้แค่จิบ แต่กลืนลงคอไปคำโตน่ะสิ คำบ่นเลยตามมาทีหลัง

    แค่ชิมนี่นาหญิงสาวพูดเป็นเชิงล้อหลานสาว เธอรู้ว่าหลานสาวตัวน้อยกลัวจะไม่รู้รส เลยชิมคำใหญ่ไปหน่อยเท่านั้นเอง

    มันหมายความว่าอะไรคะคุณน้าที่มันเปลี่ยนแปลงแบบนี้

    สายแทรกซึมในวิธีแรก ส่วนวิธีที่สองสายควบคุม วิธีที่สามสายปลดปล่อย   วิธีที่สี่สายนี้เป็นสายแปรสภาพ และสายเพิ่มพูนพูดจบหญิงสาวก็นิ่งไปชั่วขณะ เหมือนเธอกำลังประเมินอะไรบางอย่าง

    คุณน้าคะเด็กน้อยเรียกหญิงสาวตรงหน้า ในตาของเธอก็มีแววกังวลใจขึ้นมา ก็เธอไม่รู้ว่าไอ้สายต่างๆที่คุณน้าพูดมาเนี่ยมันคืออะไรน่ะสิ แล้วมันดีหรือมันร้ายก็ไม่รู้ ยิ่งน้าของเธอนิ่งไปเธอก็ยิ่งใจเสีย เอาล่ะสิมันเป็นยังไงกันแน่

    สายเวทย์ของเรามี 5 สาย แทรกซึม ควบคุม ปลดปล่อย แปรสภาพ และเพิ่มพูน แต่ละสายทำหน้าที่ต่างกัน หลานมีครบทุกสาย แต่เรื่องนี้ห้ามบอกให้ใครรู้เด็ดขาดเข้าใจไหมหญิงสาวพูดกำชับกับหลานสาวอย่างจริงจัง น้ำเสียงที่เอ่ยไม่ได้มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย

    คะ ค่ะ หนูจะไม่บอกใครเรื่องนี้ค่ะคุณน้าเด็กน้อยมีท่าทีสงสัย แต่ก็รับคำน้าของเธอ นี่เธอเป็นตัวประหลาดเหรอ หรือถ้าใครรู้ทุกคนจะทำอะไรกับเธอ ความกลัวก่อตัวขึ้นใจหัวใจของเด็กน้อย

    ที่ธาคาเนียหลานจะกลายเป็นคนต้องห้าม เพราะสายพลังของหลานที่น้าต้องห้ามก็เพื่อความปลอดภัยกับตัวหลานเอง และน้าต้องให้หลานเปลี่ยนชื่อเพื่อเข้าไปที่ธาคาเนีย ธามารีน บราวน์ จะไม่มีตัวตน ต่อไปนี้จะมีแค่ เซเลน่า บราวน์ หลานสาวห่างๆของน้าเท่านั้น แล้วไม่นานน้าจะอธิบายทุกอย่างให้หลานฟัง

    เด็กน้อยได้ฟังก็ได้แต่พยักหน้า เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็ต้องพยายามเข้าใจ ก็คุณน้าบอกจะเล่าเราก็จะเชื่อ และคุณน้าคงไม่โกหกเธอหรอก คุณน้าต้องมีเหตุผล เธอได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้นเสมอ

    แต่ก่อนอื่นหลานจะต้องทำหลายๆเรื่องในเวลาสองเดือนนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเราจะเดินทางไปธาคาเนีย หลานจะใช้ชื่อเพื่อเข้าสอบในเกณฑ์ปกติที่โซแลนเบิร์กเป็นชื่อใหม่นี้เลย อ้อ นี่ เอกสารในการสอบเทียบอยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว ทุกอย่างเป็นประวัติจริงยกเว้นชื่อของหลานเท่านั้น วันหนึ่งข้างหน้าหลานจะจำเป็นต้องใช้มัน

    ค่ะคุณน้าเด็กน้อยรับคำแบบแบ่งรับแบ่งสู้

    ระหว่างนี้พักที่นี่ไปก่อนนะ หลานจะสอบเสร็จในอีกสองสัปดาห์ หลังจากนั้นน้าจะพาไปที่ที่หนึ่งเพื่อปรับสภาพร่างกายและจิตใจ ตอนนี้ขอให้หลานจงตั้งใจเพื่อสอบวัดความรู้ให้ได้ชั้นสูงสุด น้ายื่นใบสมัครไว้ให้หลานแล้วนะ เวลาสอบคือวันพรุ่งนี้ 11 โมง อุปกรณ์อยู่ในกระเป๋านี้แล้วพูดจบหญิงสาวก็กวาดมือลงที่โต๊ะสองครั้ง ครั้งแรก อุปกรณ์ทดลองบนโต๊ะหายไป ครั้งที่สองกระเป๋าหนังสีน้ำตาลสะพายข้างก็มาปรากฏบนโต๊ะ เด็กน้อยซึ่งเห็นแล้วก็อดทึ่งไม่ได้ ทั้งที่เธอเคยเห็นคุณน้าทำมาก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่เธอก็ยังไม่คุ้นชินกับการมีเวทย์มนต์สักที

    คุณน้าคะ หนูจะทำได้แบบที่คุณน้าทำมั้ยคะ

    ได้สิ แต่ทุกอย่างมาจากการเรียนรู้และฝึกฝนนะจ๊ะ และตอนนี้น้าขอให้หนูเตรียมตัวเข้าสอบที่มหาวิทยาลัยแห่งนครโซแลนเบิร์กในวันพรุ่งนี้ซะก่อนนะ แผนที่ก็อยู่ในกระเป๋าแล้ว น้าหวังว่าหลานควรจะสอบผ่านชั้นมัธยมปลายไปได้นะจ๊ะน้าสาวพูดกับหลานสาวจบก็หายตัวไปทันที เหลือทิ้งไว้เพียงแค่อากาศที่อยู่ตรงหน้าเด็กน้อยเท่านั้น

    เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กน้อยคนนี้ก็ตื่นขึ้นมาแต่งตัว ชุดที่เธอจะต้องใส่วางอยู่ที่ปลายเตียงของเธอแล้ว นี่เป็นวันแรกที่เด็กทุกคนจะต้องมาสอบเทียบเพื่อเลื่อนชั้นเรียน โดยเฉพาะนักเรียนที่เรียนเองที่บ้าน และเด็กที่ต้องการสอบเทียบและสอบเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยด้วย 

    เวลาสองอาทิตย์ผ่านไปไวมาก ไม่นาน เซเลน่า บราวน์ก็สอบวัดความรู้ผ่าน และระดับที่สอบได้นั้นเรียกว่าผ่านระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจในโซแลนเบิร์กเลยก็ว่าได้ เธอไม่ธรรมดาด้วยคะแนนสูงสุดของรุ่นเมื่อเทียบกับนักศึกษาภาคปกติ แน่นอนเพราะหนังสือที่บ้านนายจ้างเธอนั่นเองที่เธอเฝ้าเพียรอ่านเป็นเวลาแรมปี แต่ก็เป็นที่น่าเสียดาย วิชาพวกนี้มันเหมาะกับพวกเศรษฐีมีอันจะกินเรียนเพื่อไว้บริหารธุรกิจที่ครอบครัวมี หรือไม่ก็เป็นการค้าขายระหว่างรัฐ แน่ล่ะสิก็เธอมีครอบครัวมีธุรกิจซะที่ไหน สอบได้ก็เรียกว่าตกงานอยู่ดี นั่งคิดไปก็คงจะปวดหัวเปล่าๆ เด็กน้อยเลยได้แต่กลับมารอคอยผู้เป็นน้าที่จะมาพาเธอไปผจญภัย แต่จะต้องรอไปนานเท่าไรกันนะ หลังจากสอบเสร็จแล้วเด็กน้อยก็เอาแต่คอยผู้เป็นน้าอยู่ที่บ้านกลางป่า เพราะกลัวว่าถ้าคุณน้าของเธอมาจะไม่พบเธอ

    นี่ก็หลายวันแล้วนะ ทำไมคุณน้าถึงยังไม่มา เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ เป็นห่วงคุณน้าจัง หรือคุณน้าจะลืมเราแล้วเด็กน้อยนั่งถอนหายใจบนเตียงนอน นี่ก็สามสัปดาห์แล้ว น้าของเธอไม่มีธีท่าว่าจะมาหาเธอเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะจากประตูด้านนอกทำให้เด็กน้อยลุกขึ้นและตรงไปที่ประตูทันที เธอคิดว่าคุณน้าคงมาหาเธอแน่แล้ว แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเลย ทันทีที่เธอเปิดประตู มีชายวัยกลางคนใส่สูทสีดำ รองเท้าหนัง หน้าตาท่าทางเป็นมิตร แต่มีความรู้สึกน่าเกรงขามยืนอยู่แทน

    คุณหนูเซขอรับ กระผม วาเดล มารับคุณหนูเซตามคำสั่งของท่านหญิงซีซาเรส ขอรับ

    คุณน้าให้คุณวาเดลมารับดิฉันไปที่ไหนหรือคะ

    คุณหนูจะทราบเมื่อถึงที่หมายเองขอรับ ขออภัยนะขอรับเราควรรีบออกเดินทางเพราะหากค่ำลงจะยิ่งอันตรายนะขอรับสีหน้าเรียบเฉยและน้ำเสียงจริงจังของเขาไม่ได้บ่งบอกว่านี่เป็นการขอร้องแต่มันเป็นคำพูดที่ต้องปฏิบัติตามเท่านั้น

    เด็กน้อยชักสงสัย แล้วไอ้ที่ว่าอันตรายมันอันตรายยังไงแต่เธอไม่กล้าถามเลยเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย

    เวลาผ่านไปเท่าไรไม่รู้ เด็กน้อยเผลอหลับที่เบาะหลังคนขับจนมาถึงแถบภูเขาที่หนาวเย็นของโซแลนเบิร์ก สองข้างทางยังคงมีหิมะปกคลุมขาวโพลนสลับกับทิวสนสูงลิ่ว ลัดเลาะเชิงเขาที่คดเคี้ยวมาจนถึงบ้านไม้ขนาดใหญ่ มองจากภายนอกมีหลายห้องและมีปล่องไฟเพื่อให้ความอบอุ่น เมื่อรถแล่นมาถึงหน้าประตูรั้ว ประตูก็เปิดต้อนรับ และปิดลงเมื่อรถคันนี้เล่นพ้นไป ขับไปอีกไม่นานก็ถึงหน้าบ้าน ซึ่งมีผู้หญิงวัยกลางคนยืนต้อนรับอยู่ที่ประตู

    คุณหนู ตื่นได้แล้วขอรับ

    เราถึงบ้านคุณน้าแล้วเหรอคะเด็กน้อยถามวาเดล ก่อนพยายามลืมตาขึ้นมามองว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนแล้ว ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ชั่วโมง ความอ่อนเพลียเลยทำให้เธอหลับยาวมาถึงที่นี่

    ยังไม่ถึงหรอกขอรับ แต่เราจะต้องพักกันที่นี่ก่อน ตอนนี้ก็ใกล้ค่ำ เราเข้าไปพักในบ้านก่อนเถอะขอรับ มาเรีย เตรียมน้ำอุ่นและเสื้อผ้าไว้ให้คุณหนูแล้ว จากนั้นลงมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารเวลาทุ่มตรงนะขอรับวาเดลแจ้งเด็กน้อยที่ตอนนี้มีทีท่าว่าจะตื่นเต็มที่ และไม่มีอาการงัวเงียหลงเหลือ ตอนนี้น่าจะเป็นความตื่นเต้นเข้ามาแทนที่ต่างหาก

    และก็ไม่ผิดอย่างที่วาเดลคิด เด็กน้อยคิดในใจว่าที่นี่คงจะมีคนที่เสกอาหาร หายตัว และทำอะไรประหลาดๆ ที่เธอต้องเรียนรู้แน่ๆ เธอคงไม่ค่อยชินกับการใช้เวทย์มนต์ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือขอลงไปดูให้รู้ให้เห็นกับตาเลยดีกว่า มือเอื้อมไปเปิดประตูรถและเดินมาที่ประตูบ้าน มีหญิงวัยกลางคนก้มหัวและผายมือเชิญให้เธอเข้าไปในบ้าน ประตูถูกเปิดเอาไว้แล้ว

    ยินดีต้อนรับค่ะคุณหนูเซเลน่า มาเรียจะเป็นคนดูแลคุณหนูเอง เชิญตามมาเรียมานะคะกล่าวคำต้อนรับและเชิญให้เด็กน้อยเข้าบ้าน หญิงคนนี้ท่าทางใจดี ยิ้มให้เด็กน้อยเหมือนผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็กๆมากกว่าแม่บ้าน แต่เซเลน่าคงไม่ได้สงสัยอะไร เธอเดินตามเข้าไปในบ้านอย่างว่าง่าย

    ภายในบ้านมีชุดรับแขกเป็นเครื่องหนังและไม้งาม ตกแต่งด้วยเครื่องใช้ที่เป็นไม้เกือบทั้งหลัง อากาศในบ้านไม่ได้หนาวเย็นเหมือนข้างนอก เด็กน้อยกลับรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้พบกับญาติสนิท แต่เธอไม่ได้ให้ความสำคัญและพิจารณากับความรู้สึกนี้นานหรอก

    ห้องคุณหนูอยู่ทางนี้ค่ะ มาเรียได้เตรียมของที่จำเป็นสำหรับคุณหนูไว้แล้วค่ะเมื่อพามาถึงห้องมาเรียได้เข้ามาเปิดที่ตู้เสื้อผ้า และหยิบชุดนอนพร้อมเสื้อคลุมมาวางไว้ที่ปลายเตียง จากนั้นจึงขอตัวลงไปข้างล่าง

    ขอบคุณค่ะ คุณมาเรีย

    ด้วยความยินดีค่ะคุณหนู

    หลังจากมาเรียออกจากห้องไป เด็กน้อยก็รีบจัดแจงอาบน้ำและแต่งตัว จากนั้นค่อยมีเวลาสำรวจในห้องนอนว่าที่นี่มีแค่เตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะกระจกเท่านั้น เป็นห้องโล่งกว้าง ที่ฝาผนังติดภาพภาพหนึ่งไว้ เป็นทุ่งหญ้าสีเขียว และปราสาทที่สวยงามสูงตระหง่าน สวยสะดุดตา เธอไม่อยากละสายตาจากภาพนั้นเลย จากนั้นเดินลงบันไดมาถึงห้องด้านล่าง วาเดลและมาเรียมายืนคอยเธออยู่แล้วเซเลน่ามาถึงโต๊ะอาหารและรับประทานอาหารเย็นจนเสร็จโดยไม่ได้มีคำพูดอะไร หลังจากนั้นเธอก็มีคำถามจะถามกับวาเดล

    เราจะไปพบคุณน้าพรุ่งนี้เหรอคะ คุณน้าไม่ได้มาหาหนูที่นี่หรือคะคุณวาแดล

    ไม่ขอรับเราจะยังไม่ได้ไปหาท่านหญิงพรุ่งนี้ และท่านหญิงจะไม่ได้มาหาคุณหนูขอรับ คุณหนูจะต้องเป็นคนไปหาท่านหญิง แต่จะไปได้หรือไม่ได้อยู่ที่ตัวคุณหนูเองแล้วขอรับ

    ขึ้นอยู่กับหนูเหรอคะ

    ขอรับ

    แล้วหนูต้องทำยังไงบ้างคะถึงจะได้พบคุณน้า หนูนึกว่าคุณวาเดลจะพาหนูไปพบคุณน้าซะอีกเด็กน้อยมีสีหน้าเศร้าลง

    กระผมสามารถแนะนำคุณหนูได้ แต่ก็อยู่ที่คุณหนูว่าอยากจะพบกับท่านหญิงซีซเรสแค่ไหน ลองดูก็ไม่เสียหายนะขอรับ แต่หากไม่อยากพบแล้ว กระผม และมาเรีย จะดูและคุณหนูที่นี่ตลอดไปขอรับ

    มันยากขนาดนี้เลยเหรอคะ ทำยังกับต้องไปสู้รบปรบมือกับเหล่าสัตว์ประหลาด หรือไม่ก็เดินทางหลายร้อยกิโลเพื่อหาทางเข้าสู่ประตูข้ามมิติทำอย่างกับในหนังเลยนะคะ

    ถ้ากระผมจะบอกว่ายากกว่าก็คงไม่ผิดกระมัง

    ยากกว่าเด็กน้อยโพล่งออกมาด้วยความตกใจ ก็ใครจะไปคิดว่าไอ้ความคิดแสนพิเรนของเธอจะกลายเป็นเรื่องจริง แย่ล่ะสิ แล้วจะเอาอะไรไปสู้ล่ะเนี่ยทีนี้

    คืนนี้คุณหนูพักผ่อนนะคะ พรุ่งนี้เช้าหลังจากทานอาหารเช้าตอนแปดโมง เราจะมาคุยกับว่าคุณหนูต้องทำอย่างไรบ้างค่ะมาเรียกล่าวกับเซเลน่าและเดินไปส่งที่ห้องนอน จากนั้นความมืดมิดก็เข้ามาเยือนบ้านหลังนี้ มีเพียงโคมตะเกียงที่ข้างหัวนอนของเซเลน่าที่ยังติดอยู่ เธอคงหลับไม่ลงแน่ๆ พรุ่งนี้จะมีอะไรรอเธออยู่นะ แต่เอาเถอะวันนี้ขอนอนเอาแรงไว้แล้วกัน คนอย่างเธอไม่กลัวอยู่แล้ว ราตรีสวัสดิ์ ธามารีน บราวน์ เธอจะหลับไหล และตื่นมาเพียงเซเลน่า บราวด์เท่านั้น เด็กน้อยรำพึงกับตัวเองก่อนหลับไป

    เช้าหลังรับประทานอาหารเช้าเด็กน้อยเดินเข้ามาที่ห้องกลางและนั่งรออยู่ที่โซฟารับแขก สักครู่มาเรียและวาเดลก็เดินเข้าพร้อมกับเป้สะพายหลังใบใหญ่

    คุณหนูเซขอรับ นี่คือสิ่งของที่คุณหนูต้องใช้ระหว่างเดินทางวาเดลอธิบายให้เด็กน้อยที่กำลังทำหน้าตางงว่าทำไมเธอจะต้องใช้เป้ขนาดใหญ่ใบนี้ด้วย

    มีใบเดียว คือหนูต้องไปคนเดียวเหรอคะคุณวาเดล แล้วไปที่ไหน คุณวาเดลไม่ได้ไปด้วยเหรอคะเด็กน้อยพูดละล่ำละลักแทบจะหายใจไม่ทัน ความกลัวเข้ามาอยู่ในหัวสมองตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เธอจะต้องไปที่ไหน ไปคนเดียว แต่เธอก็ต้องอยู่คนเดียวมานานแสนนาน พอจะมีน้ากับเค้าสักคนก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน แต่เอาเถอะฉันจะไปหาคุณน้าฉันก็อยากจะรู้ว่ามันจะยากสักแค่ไหนกันเชียว

    ถ้าคุณหนูเลือกเข้าไปแล้ว คุณหนูจะกลับออกมาอีกไม่ได้จนกว่าจะพบคุณน้า แต่ถ้าคุณหนูคิดว่าจะไม่พบคุณน้าแล้ว ต้องการกลับมาที่นี่ให้ถอดสร้อยเส้นนี้และขว้างขึ้นไปบนท้องฟ้า วาเดลจะเป็นคนไปช่วยคุณหนูกลับมาที่นี่เอง แต่คุณหนูก็จะไม่มีโอกาสได้พบคุณน้าของคุณหนูอีกเลยพูดจบมาเรียก็ยื่นสร้อยคอให้ จี้ทรงกลมหลากสีสะท้อนล้อแสงเป็นประกายสวยงาม เด็กน้อยเอื้อมมือรับไว้ก่อนพิจารณาดูอย่างละเอียด สวยจัง แต่จะต้องใช้มันจริงๆ เหรอเนี่ย ท่าทางจะแพง แล้วถ้าทำหายจะเกิดอะไรขึ้น

    คุณมาเรียคะ ถ้ามันหายไปล่ะคะเด็กน้อยถามอย่างสงสัย เพราะถ้าหายไปเธอไม่ต้องหลงอยู่กลางป่าไปตลอดชีวิตเหรอ

    มันจะไม่มีวันหายหรอกขอรับ ที่สายสร้อยมีชื่อคุณหนูอยู่ มันแสดงความเป็นเจ้าของจนกว่าคุณหนูจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คำยืนยันหนักแน่นของวาเดลกลับไม่ได้ทำให้เด็กน้อยสบายใจขึ้นแต่กลับทำให้ดูขนลุกและน่ากลัวเสียมากกว่า

    หนูต้องเลือกจริงๆเหรอคะ ถ้าหนูไม่ไปก็ไม่มีทางเจอคุณน้า ถ้าหนูกลับก็จะไม่มีวันได้เจอคุณน้าเหมือนกัน ทางเดียวคือต้องสู้ และไม่ใช้สร้อยเส้นนี้ใช่ไหมคะ

    ขอรับ/ค่ะวาเดลและมาเรียตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน

    เด็กน้อยใช้นิ้วลูบไปที่สร้อยเส้นนี้ มีชื่อของเธอจริงๆ ไม่ใช่ เซเลน่า แต่เป็นธามารีน บราวน์ ซะด้วย เปลี่ยนจากเรื่องน่ากลัวเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นซะแล้วสิ ตั้งแต่ได้พบกับคุณน้า เธอก็รู้สึกว่าชีวิตของเธอไม่ได้ว่างเปล่า ไม่เงียบเหงา เธอยังมีครอบครัว มีคนรอคอยพบเจอกับเธออยู่ คุณน้าคงจะผิดหวังในตัวเธอมากหากเธออ่อนแอและปฏิเสธการไปพบกับท่าน คุณพ่อคุณแม่ก็คงหลับไม่สบายเพราะเธอไม่ได้ไขข้อเท็จจริงให้กับท่านทั้งสอง ถึงตอนนี้ชีวิตข้างหน้าจะเป็นยังไงคงไม่สำคัญแล้ว แต่เธอจะขอลองทำเพื่อครอบครัวที่เหลืออยู่ของเธอบ้าง

    หนูจะไปพบคุณน้าให้ได้ค่ะเด็กน้อยให้คำตอบกับมาเรียและวาเดล จากนั้นก็ก้มลงหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสพายแววตามุ่งมั่น

    คุณหนูทำตามความรู้สึกและหัวใจ มันจะช่วยนำทางให้คุณหนูเองค่ะมาเรียพูดพร้อมสายตาที่เป็นห่วง

    หนูพร้อมแล้วค่ะ ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ

    คุณหนูตามกระผมมานะขอรับ เชิญทางนี้วาเดลพูดและเดินนำหน้าไป ทำให้เด็กน้อยต้องรีบเดินตามอย่างรวดเร็ว

    หนูต้องระวังอะไรอะไรบ้างคะแล้วหนูต้องทำอะไรบ้าง

    ก่อนอื่นคุณหนูต้องเปลี่ยนชุดก่อนนะขอรับ แค่ยืนนิ่งๆนะขอรับ กระผมจะจัดการให้เองขอรับหลังจากพูดจบมือของวาเดลก็โบกมาที่ตัวของเด็กน้อย เสื้อผ้าก็เปลี่ยนเป็นชุดใหม่ทันที เสื้อเป็นชุดลำลองกางเกงยีนส์ขาสั้นเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว รองเท้าบู๊ทสั้นเลยตาตุ่มสีน้ำตาล

    เจ๋งไปเลยเด็กน้อยยิ้มร่า ตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็นหน้าทึ่งจริงๆ

    คุณหนูจะต้องพบเจอกับด่านทั้งหมดห้าด่านนะขอรับ ด่านแรกจะเป็นการปรับสภาพร่างการและจิตใจ ด่านที่สองเป็นด่านที่คุณหนูต้องเรียนรู้เอง ไปจนถึงด่านที่สาม สี่และห้า เมื่อครบแล้วคุณหนูก็จะเป็นผู้เลือกว่าจะทำอย่างไรต่อไป ถึงตอนนั้นแล้วกระผมคงไม่สามารถชี้แนะได้ต้องเป็นการตัดสินใจของคุณหนูเอง พร้อมหรือยังขอรับ

    พร้อมแล้วค่ะคุณวาเดล

    ตามกระผมมาขอรับ มั่นใจว่าจะไม่เปลี่ยนใจแน่แล้วนะขอรับวาเดลพูดแล้วเดินนำไปที่ห้องครัว จนยืนอยู่ที่หน้าชั้นแขวนหม้อ กระทะ และชั้นเก็บจานชาม จากนั้นจึงหันกลับมาเพื่อถามความตั้งใจของคุณหนูอีกครั้งด้วยสายตา

    ค่ะ หนูจะไปพบกับคุณน้าให้ได้

    ขอรับ ขอให้คุณหนูโชคดีทำได้สำเร็จนะขอรับ แต่อย่าลืมว่าสร้อยจะมาอยู่กับคุณหนูทุกครั้งถ้าคุณหนูต้องการมัน และถ้าจะใช้มันให้ตัดสินใจให้ดี เพราะนี่เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวที่ไม่สามารถเริ่มใหม่ได้นะขอรับหลังจากที่คุณวาเดลพูดจบผนังห้องครัวที่เคยเป็นที่แขวนหม้อ กระทะ และจานชามก็แยกออกจากกันจนเป็นช่องกว้างพอให้คนเดินผ่านไปได้พอดี

    ขอบคุณนะคะคุณวาเดล ฝากขอบคุณคุณมาเรียด้วยนะคะเด็กน้อยยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปในช่องว่านั้น

    ใช้ใจนะขอรับ ใจจะเป็นตัวนำทางให้คุณหนูรู้ว่าควรทำอย่างไรวาเดลทิ้งท้ายก่อนที่เด็กน้อยจะหายเข้าไปในช่องผนังเลื่อนปิดดังเดิมเหมือนไม่เคยเปลี่ยนแปลง มาเรียเดินมามองตามอย่างห่วงใย

    ขอให้คุณหนูเซมีใจที่เข้มแข็ง ผ่านพ้นไปได้ด้วยเถอะนะท่านวาเดล

    สายเลือดที่เข้มข้น ท่านรู้ว่าท่านจะต้องทำอย่างไร อย่ากังวลเลยมาเรีย เราได้ทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์แล้วชายหนุ่มวัยกลางคนพูดกับหญิงสาววัยกลางคนตรงหน้าไม่นานร่างของทั้งครู่ก็กลับดูหนุ่มสาวกว่าเดิมหลายปี ชายหนุ่มเดินเข้ามาจับมือหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าจูงมือและหายตัวไปในที่สุด

     

    ขาที่ก้าวเข้ามาของเด็กน้อยตอนนี้เริ่มสั่น เมื่อทางเข้าถูกปิดลง และสองข้างทางที่กำลังเดินไปเป็นกำแพงหินทั้งสองข้าง มีคบไฟเป็นระยะ ใจที่มาด้วยความกล้าตอนนี้ช่างเหลือน้อยลงทุกๆทีที่ผ่านคบไฟอันแล้วอันเล่า ใจเริ่มคิดกระวนกระวาย ฟุ้งซ่านกลัวว่าจะมีตัวอะไรโผล่มาจากทางข้างหน้า อาวุธก็ไม่มี ใช่สิแล้วในกระเป๋าเป้มีอะไรบ้างล่ะเนี่ย นึกขึ้นได้เด็กน้อยก็หยุดที่คบไฟอันหนึ่ง นั่งลงและเริ่มทำการสำรวจกระเป๋าก่อน ก็เพราะลืมน่ะสิ ดันลืมถามคุณวาเดลซะได้ว่าใส่อะไรมาให้เราบ้าง เนยแข็ง น้ำผึ้ง น้ำเปล่า ขนมปัง ปากกา สมุด ผ้าหนึ่งผืน เชื่อกหนึ่งม้วน เมล็ดถั่วในถุงผ้า ไม้ขีดไฟหนึ่งกล่อง มีดสั้นหนึ่งเล่ม และกระเป๋าเป้ที่เป็นเหมือนเปลและถุงนอนด้วยอีกหนึ่งใบ

    เธอคิดว่าจะต้องวางแผนอุปกรณ์ที่ได้มาซะก่อนเพราะไม่รู้ว่าการเดินทางในครั้งนี้จะยาวนานเท่าไร เริ่มแบ่งขนมปังเป็นชิ้นทั้งหมด 4 ชิ้น เอากระดาษจากสมุดห่อชิ้นขนมปังแล้วเก็บลงในชั้นนอกของกระเป๋า และเก็บของที่เหลือลงในช่องต่างๆที่คิดว่าจะหยิบใช้ได้ง่ายตามแต่สถานะการณ์ มืดก็ถือมีดสั้น เดินต่อไปเรื่อยๆ จนเริ่มเห็นแสงสว่างจากปลายทาง เด็กน้อยรีบก้าวไปจนเกือบจะเรียกว่าวิ่งเธออยากจะออกไปให้พ้นจากทางเดินแคบๆซะที และในที่สุดก็ได้ก้าวพ้นทางเดินมาบนสนามหญ้าขนาดย่อม ทันทีที่เห็นว่าตัวเองพ้นทางเดินก็หันกลับไปดูทางที่ได้ผ่านมา ไม่มี มันไม่มีทางเดินแล้ว มันกลายเป็นทุ่งหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ห่างจากจุดที่ยืนไม่ไกลนักมีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง สายตาและความคิดไวพอๆกับสมองที่สั่งให้เท้ารีบก้าวไปที่ต้นไม้นั้นทันที

    สัญชาตญาณของเด็กน้อยเริ่มเพิ่มความระมัดระวัง ความรู้สึกบอกเธอว่าที่นี่อันตราย ขาเล็กๆ รีบก้าวไปจนถึงต้นไม้ใหญ่ บนต้นไม้มีกิ่งก้านมากมาย ใบหนาพอเป็นร่มเงากันแดดฝนได้ในระดับหนึ่ง เอาล่ะ เริ่มต้นตั้งหลักกันที่นี่ ก่อนจะทำความรู้จักกับสถานที่นี้เธอเลือกที่จะสำรวจบนต้นไม้ก่อนว่ามีตัวอะไรเป็นเจ้าถิ่นอยู่รึเปล่า เมื่อสำรวจได้แล้วจึงเริ่มสังเกตว่าที่นี่มีต้นไม้ต้นนี้เพียงต้นเดียว และไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นอยู่เลย แม้แต่มดซักตัวก็ไม่มี เมื่อมองดูดวงอาทิตย์ ก็ตั้งอยู่ตรงกลางพอดี เที่ยงตรงเหรอนี่ อากาศไม่ร้อนแต่ไม่มีลมพัดผ่านเลย เด็กน้อยนั่งสังเกตอยู่บนต้นไม้นานเท่าไรไม่รู้ แต่ตอนนี้เธอได้รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติที่เป็นอยู่ตอนนี้

    ดวงอาทิตย์ยังคงอยู่ที่เดิม เงาของต้นไม้ก็เหมือนเดิม นี่เวลาก็ผ่านมาได้สองถึงสามชั่วโมงแล้วก็ว่าได้แต่นี่กลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงของเงา หรือว่าที่นี่จะมีแต่เวลากลางวันเท่านั้น ทันทีที่สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ เธอก็เริ่มคิดว่าจะต้องหาที่พักเตรียมไว้ก่อนที่ตนเองจะหมดแรง มองไปตามกิ่งไม้ก็ขึงเป้ให้กลายเป็นถุงนอนเปลห้อยอยู่บนกิ่งไม้นั้น ทันทีที่ขึงเสร็จ เด็กน้อยก็ลงมาที่พื้นด้านล่าง พลางนึกสงสัยในใจว่าด่านแรกนี้เขาจะให้ทำอะไรกับแน่นะ ไม่นานความอ่อนล้าของแขนและขาเริ่มเข้ามา เธอกลับยิ่งรู้สึกว่าแขนของตัวเองยกขึ้นยากขึ้นเหมือนน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้นมากมือรีบเกาะต้นไม้เพื่อเตรียมจะปีนขึ้นไป ทันทีที่มือจับต้นไม้ได้ น้ำหนักตัวก็เหมือนไม่ได้หนักอีกต่อไป

    เวลาเที่ยงตรง กับแรงโน้มถ่วงมหาศาล นี่มันอะไรกันแน่ แค่เดินมาได้สองก้าวก็จะหมดแรงแล้วนะคุณต้นไม้เด็กน้อยพูดกับต้นไม้ราวกับว่ามันจะตอบเธอกลับมาได้ แต่มันไม่มีเสียงตอบใดกลับมาเลย เลยลองลงจากต้นไม้อีกครั้ง คราวนี้เธอเดินออกจากต้นไม้สามก้าวจากนั้นก้าวกลับเข้ามาหาต้นไม้แต่ละก้าวช่างยากเย็น จนก้าวสุดท้ายทันทีที่แขนเกาะต้นไม้ได้ความอ่อนแรงเริ่มแสดงให้เห็นชัดเจนขึ้น ถึงแม้จะเกาะต้นไม้ได้แล้ว น้ำหนักตัวเท่าเดิมแล้ว แต่ความอ่อนล้านี้มันไม่ธรรมดา เธออาจหมดแรงลงก็ได้หากคิดจะเดินไปไกลจากต้นไม้นี้ ร่างกานที่เหนื่อยล้านั่งพักและหยิบขวดน้ำขึ้นมาจิบ และพลางในหัวก็คำนวณเสบียงอาหารว่าหากเธอติดอยู่ที่นี่ น้ำมีแค่สามขวด และอาหารที่พออยู่ได้แค่หนึ่งสัปดาห์ เธอจะทำยังไงดี จะอยู่อย่างนี้ได้สักกี่วัน

    เราต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้พอพักหายเหนื่อย เด็กน้อยก็คิดที่จะลองเดินให้ไกลขึ้น ทีละก้าว จนไปได้ไกลจากต้นไม้ได้ถึงสิบเก้า จากนั้นจึงกลับมาพักผ่อนบนต้นไม่จนหลับไปนานเท่าไรไม่รู้ทันทีที่เธอรู้สึกตัวก็รีบตะกายออกจากถุงนอน และเริ่มสังเกตความผิดปกติอีกหนึ่งอย่างได้ นั่นก็คือใบไม้ของต้นไม้นี้เริ่มร่วงหล่นลงมาในเวลาที่เธอหลับ แม้มันจะร่วงลงมาไม่มาก แต่ก็ทำให้เธอรู้ว่านี่มันคือนาฬิกาทรายแน่นอน

    คุณต้นไม้ เราว่าเราอ่านเกมส์ของคุณได้แล้วนะ เวลาเที่ยงตรง ใบไม้ที่ร่วงเวลาที่หลับ แรงโน้มถ่วงที่พื้นดิน คุณต้องการให้หนูตายลงอย่างช้าๆ เมื่อถึงเวลาคุณก็จะชนะงั้นสิ ไม่ง่ายหรอกนะหนูจะแข่งกับคุณพูดจบเด็กน้อยก็เริ่มหักกิ่งไม้เพื่อขมวดเกล้าผมสีบรอนทองไว้บนกลางหัว มือน้อยเอื้อมไปคว้าห่อกระดาษใส่ขนมปังมาหนึ่งชิ้น เด็กน้อยจัดการกินจนหมดและเริ่มตั้งสติใหม่

    วันนี้คงได้กินแค่นี้สินะเด็กน้อยบ่นกับตัวเอง แต่ก็ช่างเถอะเมื่อก่อนก็ลำบากกว่านี้ อดมื้อกินมื้อก็เคย ไม่ได้กินอะไรหลายวันก็เคยคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้ จากนั้นนั่งคิดอะไรสักพักใหญ่ๆก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ตั้งแต่เล็กเธอไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ร่างกายก็บอบบาง ไม่แข็งแรงเท่าไร ถ้าจะไปช่วยคุณน้าเธอต้องแข็งแกร่ง และต่อจากนี้จะเป็นโปรแกรมฝึกที่แอบจำเค้ามาจากหนังสือและรายการโทรทัศน์ในบ้านนายจ้างที่เธอเคยอยู่ กล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่น โปรแกรมนี้ถูกคิดและเริ่มต้นการปฏิบัติ โดยเธอจะอยู่บนต้นไม้ ฝึกการทรงตัว และฝึกกำลังแขนก่อน ต่อจากนั้นจึงเริ่มลงมาฝึกข้างล่าง หนึ่ง สอง สาม ฮึ่บ

    เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เธอนอนน้อยลงมาก ความแข็งแรงของแขนและขาก็มีมากขึ้น คราวนี้เด็กน้อยตัดสินใจไม่ขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ แต่เลือกที่จะหลับอยู่บนหญ้า และที่สำคัญใบไม้ไม่ได้ร่วงเวลาที่เธอนอนกับพื้น ร่มเงายังคงมีพอบังแสงแดดได้เธอจึงเข้าใจแล้วว่า อันที่จริงแล้วตัวเองต้องพึงพาต้นไม้มากเกินไป ไม่ได้เชื่อมั่นในตัวเอง ต้นไม้ก็คงสะท้อนใจเธอที่มองหาแต่เครื่องยึดเหนี่ยว จนลืมไปว่าตัวเองเท่านั้นที่จะพึ่งได้ในยามนี้ ความจริงจากจุดเริ่มต้นของด่านแรกก็เรียกว่าเป็นน้ำจิ้มให้เธอช่างสังเกต และต้องก้าวผ่านทุกอย่างด้วยตัวเองแต่นี่แค่เริ่มต้นนะเด็กน้อย ยังมีความจริงที่ถูกปิดบังอีกเยอะ แต่จะหามันเจอหรือเปล่านะเด็กน้อย

    ท่านวาเดล คุณหนูฉลาดมากนะคะ ไม่ทันไรก็เริ่มจับสังเกตหลายสิ่งรอบตัวได้แล้ว กำลังก็เพิ่มขึ้น ไหวพริบดี ยอดเยี่ยมจริงๆมาเรียยิ้มแก้มแทบปริเมื่อได้เห็นภาพของเซเลน่าผ่านลูกแก้วขนาดใหญ่ตรงหน้า

    ใกล้ถึงเวลาเริ่มต้นกันแล้วล่ะ คุณหนูคงจะโกรธเราแย่ถ้ารู้ว่านี่เป็นแค่แบบฝึกหัดเบื้องต้น บทที่หนึ่งมันนับจากนี้พูดจบลูกแก้วที่มีภาพเคลื่อนไหวของเซเลน่า บราวน์ ที่พวกเขาเฝ้ามองก็ดับหายไป พร้อมกับร่างของพวกเขาทั้งสอง

     
     

    ขออภัยผู้อ่านทุกท่านด้วย มีการปรับแก้คำผิด และคำซำ้ออกไปหลายจุด และมีการเพิ่มเติมในตอนนิดหน่อยค่ะ
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×