คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Addict00 ll ภรรยาหลวง VS ภรรยาน้อย {อัพ100%}
True love is like a jigsaw puzzle.
The pieces will find themselves
when they are 'right' for each other
ความรักที่แท้จริงก็เหมือนกับเกมจิ๊กซอว์
ชิ้นส่วนทั้งหมดจะสามารถค้นพบตัวเองได้ก็ต่อเมื่อ
แต่ละชิ้นสามารถหาชิ้นที่ 'ใช่' สำหรับตัวมันเอง
Google : นิยามความรัก
-KARN
TALK-
@หอพักX
ตึก! ตึก! ตึก!
“ฉันต้องวางสายแล้ว
แค่นี้ก่อนนะ!”
[อะไรอ่ะ นี่แกจะเบี้ยวนัดฉันอีกแล้วเหรอ!?]
เสียงแหลมปรี๊ดของ ‘เมย์’ หนึ่งในแก๊งเพื่อนสาวโวยวายขึ้นเสียงดังผ่านหูโทรศัพท์ จนต้องผละออกจากหูเล็กน้อย
[นี่มันรอบที่เท่าไหร่แล้ว
สัญญาไว้แล้วนะว่าวันนี้จะดูหนังด้วยกัน!]
เมื่อมีโอกาส ฉันเลยรีบตอบกลับไปอย่างรู้สึกผิด
“ก็วันนี้วันเกิดพี่นัท
จะให้หนีไปเที่ยวคนเดียวมันก็ดูไม่ดีใช่ไหมล่ะ”
[ยังไม่เลิกกันอีกหรือไง! หมั่นไส้ชะมัด]
“นี่! ไม่ชอบก็อย่าแช่งดิ” ฉันแย้ง
[เชอะ! ฉันไปเที่ยวกับเจ๊ลูกตาลสองคนก็ได้ คอยดูเถอะวันไหนเลิกกันขึ้นมา ฉันจะนั่งหัวเราะให้ฟันหน้าร่วงเลยคอยดู!] ฉันตั้งใจฟังน้ำเสียงประชดประชันของเมย์ เพราะรู้นิสัยของเพื่อนคนนี้เป็นอย่างดี
พอเธอพูดจบฉันเลยอาศัยจังหวะในตอนนั้นพูดสวนกลับไป
“คอยดูนะ ฉันกับพี่นัทจะคบกันเกิน
10 ปี ให้คนอย่างเธออิจฉาเล่น~ คิกๆ”
[โอ๊ยย ยัยบ้า! คอยดูนะ ฉันแช่งให้เลิกกันทุกวัน เลิก เลิก! เลิก!
...ตู๊ดดด] ฉันไม่ทนเสียงสาปแช่งหวีดแสบแก้วหูของเพื่อนสนิท
และเลือกที่จะตัดสายเธอทิ้งไป ขณะเดียวกัน เท้าก็ก้าวข้ามบันไดขั้นสุดท้ายมายังชั้น
3 ของหอพักซึ่งเป็นชั้นเป้าหมายพอดิบพอดี
‘กานต์’ คือชื่อของฉัน
ชื่อจริงคือ ‘กานต์เกล้า’ ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในเมือง
ความสามารถไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ แต่เห็นแบบนี้ฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่ชะนีหลายๆ
คนอิจฉานะขอบอก
ไม่ใช่แค่ชีวิตดี การศึกษาดี
หรือฐานะทางบ้านดีเพียงอย่างเดียว แต่ชีวิตรักของฉันนั้นก็ดี๊ดีไม่ต่างกัน แฟนของฉันเขาชื่อพี่ ‘นัทชา’ เรียนอยู่ปี3 มหาวิทยาลัยเดียวกัน
เขาแก่กว่าฉัน 2 ปี เราเริ่มคบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ตอนนี้ก็ใกล้จะเข้าปีที่
7 แล้วค่ะ
ในความน่าอิจฉาที่หลายคนมองเห็นก็ยังมีความทุกข์ระทมซ่อนอยู่
ความรักที่คนอื่นมองว่าหวาน พออยู่นานไปก็ชักเริ่มขม
อาจเพราะพี่นัทไม่ใช่ผู้ชายปากหวาน ขี้เอาอกเอาใจ ค่อนข้างเป็นคนแข็งๆ ด้วยซ้ำ ทำให้ช่วงปีหลังมานี้ เราทั้งคู่จึงไม่ค่อยมีมุมสวีทด้วยกันบ่อยนัก
วันนี้ฤกษ์ดีเป็นวันเกิดของพี่นัทพอดี
ฉันเลยถือโอกาสซื้อเค้กวันเกิดมาเซอร์ไพรซ์เขาถึงห้องตามแบบฉบับหน้าที่แฟนที่ดี
ทันทีที่พาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักของพี่นัท
ฉันก็รีบหยิบกุญแจห้องที่เขาเคยให้ไว้ออกมา จัดการไขประตูเข้าห้องตามอย่างปกติ
แอ้ดด..
เมื่อประตูเปิดออก เสียงโวยวายเคล้าเสียงยิงปืนดังสนั่นก็ระเบิดขึ้น
ปัง! ปัง! ปัง!
“มันไม่อยู่แถว B แล้ว มึงรีบย้ายกลับมาช่วยกูฝั่ง A ดิ!”
จากมุมประตูห้อง
ฉันสามารถเห็นพี่นัทได้อย่างเต็มตา
เขาสวมเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวกำลังนั่งบังคับจอยเกมในมือ ตาจ้องหน้าจอโทรทัศน์อย่างเมามัน
สักพักเหมือนเขารู้ตัว เลยหันมามองฉันพร้อมด้วยรอยยิ้มและคำทักทาย
“อ้าว มาได้ไง?”
ส่วนฉันก็ยิ้ม
และชูถุงเค้กที่ซื้อมาให้เขาดู
“หนูซื้อเค้กมาเป่าเบิร์ดเดย์กับพี่ไง~”
“ดีๆ เอาใส่จานมาเลย เล่นเกมส์แป๊บ!” คำพูดส่งๆ เหมือนไม่ได้สนใจ ทำฉันรู้สึกเฟลนิดๆ เมื่อสิ่งที่คิดไว้ไม่ตรงตามแผนเท่าไหร่ เพราะรู้อยู่แล้วว่าแผนเซอร์ไพรซ์คงใช้ไม่ได้ผล ถ้าหากเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วเจอพี่นัทเล่นเกมอยู่แบบนี้
และนี่ไงล่ะ ปัจจัยที่ลดความหวานของความรักฉันลง
พี่นัทเริ่มติดเกมอย่างหนักตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย
จากเกมออนไลน์ในคอมพิวเตอร์ทั่วไป เริ่มลามไปถึงเกมส์ในเครื่อง Ps[1] เกมไหนมัน
เกมไหนมาใหม่ ขอให้ถาม พี่นัทตอบได้ เพราะเคยทดลองเล่นมาหมด
เขาขลุกอยู่กับการเล่นเกมออนไลน์และเครื่องเล่น Ps มากกว่าอะไรในโลก
ชนิดที่ว่า เขามองหน้าจอมากกว่ามอง ‘หน้า’ ฉัน
มือจับเม้าส์ จับคีย์บอร์ดและจอยเกมมากกว่า ‘มือ’ ฉันเสียอีก
แต่ถึงเขาติดเกมอย่างหนักมันก็ไม่เคยทำให้ความรู้สึกที่มีให้เขาลดลงเลยสักวัน กลับกันมันดันเพิ่มขึ้นทุกวันไปตามเวลา
ฉันไม่ซีเรียสหรอกที่แฟนจะติดเกมหนักขนาดนี้ เพราะฉันถือกฎที่ว่า อะไรที่พี่นัททำแล้วมีความสุข ฉันก็รู้สึกมีความสุขตามไปด้วย
แต่ที่พูดมาทั้งหมดนั้น ไม่ได้รวมถึงปัจจัยที่สองซึ่งเป็นตัวการลดความหวานของเราลงหรอกนะ!
“ใครมาวะ นัท?”
เสียงเข้มของผู้ชายอีกคนดังแทรกขึ้นท่ามกลางเสียงกราดยิงปืนของเครื่องเล่น Ps และนั่นมาพร้อมกับการปรากฏตัวของผู้ชายอีกคน ขณะค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นในท่านั่ง
เขาชื่อพี่ ‘เกมส์’ เป็นเพื่อนสนิทชนิดโคตรจะซี้ปึ้กของพี่นัท พวกเขาตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ไม่ว่าจะเวลาไหน กินข้าว อยู่ในมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ช่วงเวลาเล่นเกม เรียกว่าตลอดชีวิตคู่ระหว่างฉันกับพี่นัทจะต้องมีพี่เกมส์โผล่เข้าแทรกกลางอยู่เสมอ
ฉันไม่ค่อยชอบเขาสักเท่าไหร่ เพราะเขาคือบุคคลซึ่งทำพี่นัทเสียคนด้วยการชวนเล่นเกมไร้สาระไปเรื่อย อารมณ์ก็คงประมาณภรรยาหลวงที่ถูกภรรยาน้อยแย่งชิงความรักจากสามีนั่นแหละ ไหนจะคำพูดคำจา ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าหูอีก เอาง่ายๆ คือ ‘ไม่ชอบ!’
พี่เกมส์หันมองมาทางฉันคล้ายกับสงสัย ในวินาทีที่เราทั้งคู่สบตากัน เขาก็เริ่มแสดงนิสัยเสียๆ ของตัวเองให้เห็น
พี่เกมส์เบ้ปาก แสร้งทำท่าคล้ายกับตกใจ จากนั้นพูดออกมา
“ว้าย! เมียน้อยมา!”
เกลียดแรง!
“งั้นเดี๋ยวหนูเอาเค้กใส่จานให้นะคะ”
ฉันกรีดยิ้ม ไม่สนใจคำพูดยียวนของพี่เกมส์ สะบัดปลายผม เดินเชิดเข้าไปในห้องเล็กใกล้ประตูห้อง
จัดการหยิบจานสำหรับใส่เค้ก ตามอย่างพี่นัทบอก
การเลี่ยงที่จะปะทะคารมกับพี่เกมส์คือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับฉันแล้ว
วันนี้เป็นวันดีนะกานต์ ท่องไว้ว่า เธอไม่ควรจะอารมณ์เสีย ไม่ควรเป็นนางมารร้ายต่อหน้าแฟนในวันดีๆ อย่างนี้!
“อะ แฮ่ม!” ระหว่างจัดเตรียมเค้กออกจากถุงพลาสติก พี่เกมส์ที่ไม่รู้มาจากไหน กระแอ่มเสียงดังเรียกร้องความสนใจ
แต่บอกเลยว่าการกระทำอย่างงั้น ไม่ได้ทำให้ฉันสนใจหรอกนะ เพราะสายตาและมือยังคงวุ่นอยู่เค้กที่ซื้อมาจัดเรียงใส่จาน
ทำเหมือนกับว่าในห้องนั้นมีฉันยืนอยู่เพียงแค่คนเดียว
แต่ไม่นานความอดทนที่ทำมาก็สูญเปล่า เมื่อผู้ชายน่ารำคาญพยายามเรียกร้องความสนใจกว่าเก่า
“อุ๊ยเค้ก!” พี่เกมส์เดินเข้าประชิดตัว
แสดงความไร้มารยาทด้วยการหยิบฉวยเค้กที่จัดเรียงไม่เสร็จดีไปกิน
การกระทำดังกล่าวสร้างความไม่พอใจ จนต้องตวัดหางตามองค้อนกลับไปในที่สุด
“ไม่มีมารยาทเลยนะคะพี่เกมส์ เจ้าของวันเกิดยังไม่ทันได้กินเลย” และต่อว่า
“เหรอออ” เขาลากเสียงยาว
ปากกัดเค้กช็อกโกแลตคำโต เหมือนจงใจกวนประสาท
“ค่ะ!” หวังว่าการตอบกระแทกเสียงในครั้งนี้จะช่วยให้เขาสำนึกได้บ้าง
แต่ก็เปล่า
“เมียหลวงทำอะไรไม่ผิดค่ะ จำไว้” ฉันเบ้ปากอย่างหมั่นไส้เมื่อได้ฟังเขาพูดเช่นนั้น ไม่ใช่แค่คำพูดหรอกที่ฟังแล้วรู้สึกอยากลากเขาเข้าไปตบในห้องน้ำ
แต่เป็นสีหน้าเสมือนนางพญา เลิศ เชิด หยิ่งของเขาที่จงใจแสดงออกมาต่างหาก
“พี่เกมส์ผิดตั้งแต่พาพี่นัทติดเกมแล้วล่ะค่ะ!”
“อ้าวรู้ตัวด้วยเหรอคะ ว่าไอ้นัทมันติดพี่ไม่ได้ติดน้อง”
หนอย! ผู้ชายคนนี้นี่มัน!!
“เวลาไอ้นัทอยู่กับพี่นะ มันชอบมานอนหนุนตัก ให้เกาหัว เวลาเราสองคนแก้ผ้าเล่นเกมด้วยกันในห้องนะฟิ๊นฟิน~” พี่เกมส์ยังไม่หยุดพูดกวนประสาท ปากกัดเค้กไปด้วยพลางพูดยียวนกวนประสาท “คืนไหนที่เราเล่นเกมด้วยกันจนดึกนะ ไอ้นัทมันชอบชวนพี่นอนค้างด้วยตลอดเลยอ่ะ เวลานอนมันก็ชอบนอนจับมือพี่ไว้ตลอดทั้งคืนเลย ไม่รู้ทำไม~ ”
มองบนแรง!
“หนูล่ะเบื่อจริงๆ พวกผู้ชายที่ติดเกมเนี่ย
วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่ชวนกันเล่นเกม พาชาวบ้านเสียคนหมด” สุดท้ายฉันก็ทนไม่ไหว
จำต้องละเลงฝีปากกลับไปบ้าง “สงสัยคงว่างจัด ไม่มีการมีงานทำ
ถึงได้ทำตัวไร้สาระไปวันๆ”
ตึง!
ฉันสะดุ้งเฮือก เมื่อจู่ๆ พี่เกมส์กระแทกมือลงกับเคาน์เตอร์
สายตาเหลือบมองคนตัวใหญ่โดยอัตโนมัติ ก่อนพบว่าสายตาของพี่เกมส์ตอนนี้กำลังมองกลับมาคล้ายกับไม่พอใจ
มิหนำซ้ำเขายังโน้มหน้าเข้ามาใกล้เหมือนจะหาเรื่องแบบไม่ทันให้ตั้งตัว
จนเผลอผงะตัวถอยชิดผนังด้วยความตกใจ
“พี่จะทำอะไร!”
พี่เกมส์เป็นพวกขี้แกล้ง แถมยังปากเสียที่สุด เขาเป็นคนที่ฉันไม่เคยเดาอารมณ์ได้เลยสักครั้ง
ด้วยความไม่ค่อย(อยาก)สนิทด้วย
ฉันเลยบอกไม่ได้เลยว่าแววตาที่เขาใช้มองตอนนี้มันหมายถึงอะไร
เขาไม่พอใจจริงๆ หรือแค่คิดจะแกล้งกันแน่…
หลังจากพี่เกมส์มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็แสยะยิ้มกว้าง ส่วนปากก็พูดไปด้วย
“ติดเกมนะคะไม่ได้ติดยา บ่นมากๆ
ระวังผัวทิ้งนะตัวเธอ” พูดจบพี่เกมส์ก็ยักคิ้วหลิ่วตาและคว้าเค้กชิ้นที่สองหยิบใส่ปาก
“นั่นปากหรือโถส้วมคะ!?” ฉันย้อน
พี่เกมส์เบ้ปาก ยักไหล่ไม่สนใจคำถามกึ่งต่อว่า หันหลังเดินไม่รู้ไม่ชี้ออกไป
แต่จู่ๆ เขาก็หยุด แล้วสะบัดหน้าหันกลับมาเหมือนคิดอะไรได้ แถมยังแสดงท่าทางตุ้งติ้ง กระดกปลายนิ้วก้อยซึ่งกำลังถือชิ้นเค้กและกรีดนิ้วชี้ใส่ฉัน
“เมื่อกี้อย่าเข้าใจผิดนะคะ พอดีพี่ไม่สนชะนีนมแบน
ปากห้อยค่ะ!”
“หนูก็ไม่สนผู้ชายแอ๊บแมนแบบพี่เหมือนกัน!”
ถึงปากจะว่าออกไปแบบนั้นก็เถอะ แต่ร่างกายดันตอบสนองคำต่อว่าของคนปากร้ายตรงหน้าด้วยการเก็บปากล่างของตัวเองเอาไว้แน่น
“พี่ล่ะเบื่อความคิดของพวกเมียน้อยจริงๆ”
เขาทำท่าทางสะดิ้งแบบผู้หญิง แกล้งใช้มือปัดผมหน้าของตัวเองอย่างมีจริต
“ถ้าพี่ไม่ใช่เกย์
ก็เลิกเรียกแฟนคนอื่นว่าผัวกับเมียน้อยซะสิ!”
“เรื่องที่พี่เรียกผู้หญิงคนอื่นของสามีว่าเมียน้อยน่ะห้ามไม่ได้หรอกค่ะ
เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเมียหลวง”
พี่เกมส์ยัดเค้กช็อกโกแลตในมือเข้าปาก ทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่สั้นๆ แล้วกล่าวเสริม
“อีกอย่างพี่ก็แมน แถมยังแมนร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วย
แต่…”
“…”
“นับตั้งแต่วันที่พี่เจอกับไอ้นัท
พี่ก็ชักอยากเริ่มเป็นเกย์เลยอ่ะ แอร๊ยยย คนอะไรหล๊อหล่อ~ ฮุฮิ!”
“พี่เกมส์!?” เขารีบยกนิ้วชี้ขึ้นเบรกฉันซึ่งกำลังจะกลายสภาพเป็นนางมารร้ายให้เงียบ
และเป็นเขาเสียเองที่เอ่ยออกมา
“ไปก่อนนะคะเมียน้อย ผัวรอเล่นเกมอยู่ ฮุฮิ~”
-GAME PART-
“กรี๊ดดดดดดด!”
ตึง! ตึง!
ผมเดินดูดนิ้วเลอะครีมช็อกโกแลตออกจากห้องครัวใกล้ประตูห้อง
อย่างคนสบายอารมณ์ และอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินน้อง ‘กานต์’
กักกลั้นเสียงหวีดร้องแสบแก้วหู และกระทืบเท้าย้ำๆ ดังมาจากอีกห้อง
“มีไรวะ ไอ้เกมส์” ไอ้ ‘นัท’ เพื่อนโคตรซี้ถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มกริ่มที่ผมแสดงออกไป
มันถามอย่างรู้ทัน
“แกล้งกานต์มาอีกแล้วอ่าดิ”
“กูเปล่านะเออ~ น้องเขาโวยวายเอง”
“มึงนี่มันจริงๆ เลย กูให้เข้าไปช่วย ไม่ใช่ให้เข้าไปแกล้งน้องเขา” ไอ้นัทจะพูดแบบนั้นก็จริง แต่มันดันหลุดขำออกมาซะเอง อาจเพราะมันคงจะเดาสถานการณ์ในห้องเล็กได้ล่ะมั้งว่าเกิดอะไรขึ้น
ไอ้นัทเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่ผมมี เรารู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย รู้นิสัยใจคอกันหมดไส้หมดพุง เรียกว่าทุกเรื่องที่มันทำหรือคิด ผมรู้ ทุกเรื่องที่ผมคิดและทำ มันรู้
และการสนิทกับไอ้นัทจนตัวติดกันนี่แหละ เลยพลอยให้เพื่อนในคณะตั้งฉายาให้ผมกับมันว่า ‘คู่ผัวเมีย’ ฉายาดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับแฟนตัวจริงของไอ้นัทอย่างน้องกานต์เป็นอย่างมาก เดิมทีเธอเองก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมอยู่แล้ว(อันนี้รู้ตัวดี) เธอกล่าวหาว่าผมพาไอ้นัทเสียคนเพราะชวนเล่นเกม ก็แค่ชวนกันติดเกมปะวะ ไม่ได้พากันไปปล้นร้านทองสักหน่อย ไม่ได้ผิดกฎหมายมาตราไหนสักนิด แต่ยัยนั่นชอบบ่นเหมือนผมพาไอ้นัททำเรื่องผิดกฎหมายซะอย่างงั้น
ยิ่งพักหลังๆ ไอ้นัทใช้ชีวิตตัวติดอยู่กับผมมากกว่าเธอด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องสืบ น้องกานต์ยิ่งเพิ่มทวีความเกลียดและเริ่มพูดจาแดกดันผมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำเหมือนผมเป็นเมียน้อยแย่งความรักไปจากสามีสุดที่รักของเธอไม่มีผิด เพราะสถานการณ์บีบบังคับ และผมเองก็ขี้เกียจเถียง ดังนั้นผมก็เลยจัดการสถาปนาตัวเองขึ้นสู่ตำแหน่ง ‘เมียหลวง’ ผู้มีสิทธิ์ใกล้ชิดกับสามีมากกว่า ‘เมียน้อย’ ขี้อิจฉาซึ่งเอาแต่หาเรื่องต่อว่าผมไปวันๆ
ส่วนไอ้นัทซึ่งดำรงตำแหน่งหน้าที่ ‘สามี’ ก็ไม่ได้ติดขัดอะไรกับการที่ผมจะเรียกมันว่าผัวบ้างหรือสามีบ้าง
เพราะมันเข้าใจว่าผมแค่แกล้งเรียกขำๆ แต่ดูเหมือนว่าแฟนของมันจะไม่ได้คิดตรงกัน
“มามึง เล่นเกมต่อ” ผมเอ่ยปากชวน
ขณะก้าวเดินข้ามหัวไอ้นัท ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ มือคว้าจอยเกมขึ้นเตรียมประจำการ
หลังจากต้องหยุดเกมไว้ชั่วคราวเพราะถูกไอ้นัทวานไปดูน้องกานต์เตรียมของ
แต่ยังไม่ทันได้เริ่มทำอะไรให้อารมณ์หายขาดช่วง น้องกานต์ในโหมดนางฟ้าก็ถือจานเค้กเดินออกมา
หน้าตายิ้มแย้มดูมีความสุข ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราเพิ่งปะทะคารมกันในห้องเล็กแท้ๆ
ตลกดีไหมล่ะ เธอคนนี้จะดูเป็นนางฟ้าแค่ตอนอยู่ต่อหน้าไอ้นัทเท่านั้นแหละ
เวลาอยู่ต่อหน้าผมเธอแม่งคือนางมารดีๆ นี่เอง
“แฮบปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู~ แฮบปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู~ ”
น้องกานต์ร้องเพลงวันเกิด เดินประครองจานเค้กเดินมานั่งข้างๆ ไอ้นัทตามประสาแฟนที่ดี
ส่วนคนไม่มีแฟนอย่างผม ก็ได้แต่มองเมียน้อยทำดีเอาหน้าจากสามีอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
“แฮบปี้เบิร์ดเดย์ แฮบปี้เบิร์ดเดย์ แฮบปี้เบิร์ดเดย์
ทูยู~” ไอ้นัทยิ้มอย่างมีความสุข คนทั้งคู่มองหน้ากัน
เหมือนกับว่าภายในห้องนั้นไม่ได้มีผมอยู่ด้วย
ถามว่าซีเรียสกับเรื่องนี้ไหม ตอบตรงๆ ก็ไม่นะ
เพราะรู้สถานะของคนทั้งคู่ดี มันก็เหมาะสมแล้วที่จะให้พวกมันได้ใช้เวลาร่วมกันบ้าง
แต่นั่นไม่ใช่กับแววตาน้องกานต์ที่เธอมองผ่านไอ้นัทมาทางผม
เธอเหยียดยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า
และยักคิ้วข้างเดียวคล้ายกับจะบอกว่า รอบนี้เธอWIN แต่ก็ครู่เดียว น้องกานต์สะบัดสายตาไปจากผม
ยิ้มเล็กยิ้มน้อย พูดกับไอ้นัทด้วยแววตาที่ต่างออกไป
ด้วยท่าทางแบบนั้นแหละ เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงชอบแกล้งเธอนัก!
“พี่นัท ลองชิมสิคะ ร้านนี้อร่อยน้า~”
“เดี๋ยวกิน พี่ขอเล่นเกมกับไอ้เกมส์แป๊บ”
พอคนตัวเล็กได้ฟังคำตอบ เธอก็ยู่ปากเหมือนขัดใจ
พลางวางจานเค้กข้างเครื่อง Ps อย่างเสียไม่ได้
พอไอ้นัทละสายตาจากเธอไปที่จอสี่เหลี่ยมตรงหน้าเท่านั้นแหละ น้องกานต์นางฟ้าคนเดียวคนเดิมเพิ่มเติมคือนางมารร้าย ก็ตวัดหางตามองผมอย่างเคียดแค้น ส่วนผมที่แอบสะใจเล็กน้อยพอประมานตามท้องเรื่อง แสร้งทำลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ แต่เบะปากเป็นเป็ดไปด้วย
เสียงจิ๊ปากขัดใจ ดังลอดผ่านริมฝีปากรูปกระจับ ก่อนตามมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนไม่สนใจ
“งั้นหนูนอนตักดูพี่นัทเล่นเกมนะ” พูดจบเธอก็เอนตัวตั้งท่าจะนอนหนุนตักไอ้นัททันที
บอกเลยเธอไม่ได้แดกหรอก ผมที่ไวกว่ารีบทิ้งหัวลงตักเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว ตัดหน้าเธอเพียงเล็กน้อย แขนข้างหนึ่งอ้อมโอบเอวเพื่อนรักเพื่อสร้างอาณาเขตของตัวเอง พร้อมกับเสียงเกมบนจอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ดังขึ้น
ตาผมอ่ะมองจอ มือจับจอยเกมบังคับตัวละครในเกม ไม่ได้สนใจท่าทางหรือสายตาของน้องกานต์ในเวลานี้ แต่ไม่ใช่กับปาก ที่เอ่ยออกไปอย่างคนมีความสุขปานว่าเพิ่งชนะรายการ The face Thailand มาหมาดๆ
“ขอโทษทีนะคะ ตักผัว มีไว้สำหรับ เมีย-หลวง-โคตร-สตรอง Only~”
-NUTCHA TALK-
“พี่เกมส์! ลุกจากตักพี่นัทเดี๋ยวนี้นะคะ!!”
“อย่าเยอะค่ะชะนี หล่อนเป็นแค่เมียน้อย อย่ามาสั่ง”
ชีวิตผมมันโคตรวุ่นวาย ไม่ว่าจะสถานการณ์รอบตัวหรือเรื่องของตัวเอง
“พี่เกมส์!” อย่างเช่นตอนนี้
กรณีที่ไอ้เกมส์กับแฟนเริ่มต่อปากต่อคำทวงบัลลังก์เมีย
ผมชินกับการถูกไอ้เกมส์เรียกว่าผัวหรือสามีไปแล้ว
เพราะไม่ใช่แค่มันหรอกที่เรียก เพื่อนที่มหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน แต่ก็ใช่ว่าการถูกเรียกว่าผัว
สามี เมียน้อยหรือเมียหลวง จะแปลว่าผมกับไอ้เกมส์หรือกานต์ต้องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอย่างนั้นกันจริงๆ
สักหน่อย
เพราะตั้งแต่คบกับกานต์มาตลอด 6 ปี ผมไม่เคยล่วงเกินเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
อย่างมากผมก็แค่จูบเธอพอเป็นเรื่องเป็นราว ตามหน้าที่ของคนคบกัน ส่วนไอ้เกมส์ผมกับมันก็เป็นแค่เพื่อนที่โคตรจะรักกันมากก็แค่นั้น
ผมกับกานต์เรารู้จักกันมานาน แม่ของกานต์เป็นเพื่อนสนิทของแม่ผม
พอพวกเราโต พวกท่านเลยแนะนำให้รู้จักกันเอาไว้ เผื่อมีโอกาสดองเป็นครอบครัวเดียวกันในอนาคต
กานต์เป็นเด็กน่ารัก น่าเอ็นดู ผมประทับใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่แล้วเรื่องไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น
เมื่อผมกับกานต์คบกันจริงๆ ตามอย่างที่พวกผู้ใหญ่อวยกัน
และเรื่องที่ผมกับกานต์คบกันสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างมาก
พวกเขาเลยตั้งความหวังว่าเราจะคบกันได้นาน และถ้าผมสามารถคบกับกานต์ได้ถึงตามเวลาที่พวกผู้ใหญ่กำหนด
‘7ปี’ งานแต่งงานของเราทั้งคู่ก็จะถูกจัดขึ้นทันที
ผมพูดได้เต็มปากว่าผมรักกานต์มาก
แต่
Rrrrrrr
เสียงสมาร์ทโฟนดังขึ้นขัดความคิดไม่สงบในหัวให้หยุดลง
รวมไปถึงเสียงโต้เถียงของกานต์กับไอ้เกมส์ด้วยเช่นกัน
“เดี๋ยวหนูรับสายให้ค่ะ!” กานต์ส่งเสียงแจ๋ว รีบลุกจากพื้นกระโดดขึ้นเตียง คว้าสมาร์ทโฟนของผมทันที
แต่เสียงเรียกเข้ากลับไม่เงียบลงเลย ผมจึงเหลียวหลังไปมอง เมื่อเห็นว่ากานต์เงียบแถมยังมองหน้าจอสมาร์ทโฟนนิ่งๆ
ผมก็เลยถาม
“ทำไมไม่รับล่ะ?”
“แม่พี่นัทโทรมาค่ะ” กานต์ยิ้มหวาน พลางยื่นโทรศัพท์ซึ่งบนหน้าจอปรากฏชื่อว่า ‘แม่*’ ส่งมาให้ ปกติแล้วกานต์จะรับสายให้ผมเสมอเวลาอยู่ด้วยกัน เว้นแต่สายที่เป็นคนในครอบครัวเท่านั้น ซึ่งเธอจะเลี่ยงเหมือนเป็นมารยาทอย่างหนึ่ง เพื่อให้ผมมีเวลาส่วนตัวกับครอบครัวบ้าง
เห็นดังนั้นผมจึงรีบวางจอยเกมในมือลงอย่างรีบร้อน
คว้าสมาร์ทโฟนมาจากมือของกานต์รีบลุกเดินตรงไปที่ประตูระเบียงห้องทันที
เมื่อพาตัวเองออกมานอกห้องได้สำเร็จ ปลายนิ้วจึงรีบกดรับสาย
“ฮัลโหล”
[แฮบปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู~ แฮบปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู~ แฮบปี้เบิร์ดเดย์ แฮบปี้เบิร์ดเดย์
แฮบปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู~]
เสียงหวานๆ
ดังลอดผ่านปลายสายเป็นเพลงวันเกิดทำผมหลุดยิ้มเล็กๆ มุมปากอย่างลืมตัว
[ขอให้หล่อๆ รวยๆ เฮงๆ แล้วก็... ขอให้เสน่ห์ลดลงด้วยนะคะ]
“อะไร นี่โทรมาอวยพรเหรอ?” ผมย้อนอย่างนึกตลก
[นี่แหละอวยพรแล้ว]
“อวยพรอะไรกัน พี่เหมือนโดนเราแช่งมากกว่านะ”
[งั้น…
เพิ่มคำอวยพรก็ได้] ผมยกยิ้มเมื่อได้ฟังปลายสายพูดออกมาอย่างงั้น และเงียบเพื่อรอฟังสิ่งที่เธอจะพูด
[พี่นัทคะ…]
“ครับ?”
[วันนี้วันเกิดขอให้พี่มีความสุขมากๆ นะคะ เวลาพี่คิดอะไรก็ขอให้สมความปรารถนาทุกอย่าง…]
“ขอบคุณครับ”
[ยังค่ะ ยังไม่หมด] ปลายสายแย้ง
“ขาดอะไรอีกเหรอครับ?” ผมก็เลยแกล้งถามกลับไป
[ขอบคุณสำหรับ4ปีที่ผ่านมา... หลังจากนี้ช่วยอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆ นะคะ]
To Be Continued...
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต
#รักติดเกม
#ฟิคแฟนติดเกม
#ฟิคเมียหลวงได้เมียน้อย
{ เรื่องอื่นของหนุ่มๆ ในสังกัด }
ไม่เคยส่องหรือลองอ่านเรื่องไหน จิ้มได้น้า
-พี่เกมส์-
-กานต์-
-พี่นัท-
ความคิดเห็น