ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    WarOf Witchcraft : มหาสงครามแห่งมนตร์ตรา ตอน น้ำตาแห่งหายนะ

    ลำดับตอนที่ #2 : WOW : บทที่ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 59
      0
      27 ส.ค. 52

     

    ตูม!! ตูม!! ตูม!!

     

    เสียงวัตถุแหวกอากาศ เสียงระเบิดดังติดต่อกันเป็นระยะๆ พื้นพสุธาถูกฉาบทาไปด้วยโลหิต กลิ่นคาวคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่ว ศพเกลื่อนกลาด เสียงผู้คนโหยหวนร้องขอความอยู่รอดดังระงมไปทั่ว ท่ามกลางกลองเพลิงที่ลุกโชติช่วงเผาพลาญบ้านเมืองย่อยยับพังพินาศ เด็กชาย ผู้ที่นั่งกอดร่างไร้ลมหายใจของแม่ที่นอนแน่นิงไม่ไหวติง ร้องเรียกหาอย่างอาลัยอาวรณ์

     

    คาเรส รีบๆหนีเร็วเข้าเสียงตะโกนบอกเด็กน้อยคนนั้นที่กำลังนอนกอดร่างของแม่ที่ไม่ไหวติง แต่ก็ไร้การตอบสนองเพราะหัวใจของเขาได้แตกสลายไปเรียบร้อยแล้ว

     

    วัตถุแหวกอากาศตรงมายังที่เด็กน้อยคนนั้นด้วยความเร็วสูง โดยที่ไม่สามารถจะป้องกันได้หรือแม้แต่จะ....หนี

     

    บึ้ม!!

     

    พ่อ...... เด็กน้อยแหงนหน้าขึ้นมาดูร่างที่รับพลังนั้น นั่นคือพ่อของเขาที่ตอนนี้เลือดชุ่มไปทั้งตัวแต่ทว่ากลับหันมายิ้มให้พร้อมกับอุ้มร่างแม่ของเขา

     

    ลูก...ตะ...ต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้...พะ..พ่อและแม่จะคอยดู..จะ..เจ้าเสมอ

     

    พลังแหวกอากาศมาอีกครั้งใกล้ๆที่พวกเขายืนอยู่

    แรงระเบิดนำร่างของเด็กน้อยกระเด็นออกไปจากที่นั่นหลายเมตรพร้อมกับโลหิตสีแดงซึมออกมาทุกส่วนของร่างกาย และ ลมหายใจที่อ่อนระทวย แต่ปากยังขยับว่า พะ.....มะ

    ภาพค่อยๆหมุน....และหมุน...จนดูไม่ทันแต่เสียงยังคงกรีดร้องอย่างน่ากลัวที่ดังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา

     

    และ แล้วก็กลับมาเป็นปรกติในห้องเก่าซ่อมซ่อ ร่างหนึ่งตื่นขึ้นมาพร้อมกับเช็ดเหงื่อที่ไหลพรากเต็มใบหน้าที่เรียวยาว พร้อมกับเสยผมสีเหลืองที่ปกปิดดวงตาคมกริบของเขา ความฝันนี้เขาต้องทนทุกข์ทรมานมา 13 ปีตั้งแต่เขายังจำความได้ซึ่งตอนนี้เขาอายุ 21 แล้ว

     

    คาเรส ค่อยๆลุกออกจากเตียงของเขาพร้อมกับแต่งตัวในเสื้อออกรบของชาวพาราไดส์ ซึ่งใส่ผ้าคาดหัวสีขาว เสื้อแขนสั้นสีขาวกางเกงสั้นสีเขียวซึ่งมีผ้าคล้ายๆหางนกนางแอ่นสีขาวด้านหลัง

     

    คาเรสเป็นเด็กกำพร้า เขาต้องสูญเสียพ่อแม่ ไปตอนสงคราม เมื่อ13 ปีก่อน จึงทำให้เขาเป็นคนที่เย็นชาอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา ความใฝ่ฝันของเขาคือเป็นทหารเหมือนกับพ่อของเขาที่กล้าหาญ.........

     

    วันนี้เป็นวันสำคัญที่ชาวพาราไดส์ จะไปคัดเลือกเป็นทหาร ซึ่งแน่นอน คนที่มีฝีมือทุกคนทั่วทุกมุมของพาราไดส์จะมารวมตัวกันที่ใต้ต้นไม้ยักษ์ข้างล่างปราสาทพาราไดส์เพื่อประลองและคัดเลือกเป็นทหารเฝ้าพระราชา พาราดิส

     

    คาเรส เดินออกจากบ้าน บ้านที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้เขา ซึ่งมีป้า เมอเร่ ป้าทีแสนดีคอยเฝ้าดูแลอยู่

     

    ป้าเมอเร่ เป็นคนเก็บเขามาเลี้ยงและช่วยสอนเวทมนตร์ต่างๆให้กับเขาซึ่งคาเรส ก็พัฒนาได้อย่างรวดเร็วและนำไปปรับปรุงต่ออย่างน่าประหลาดใจ

     เช่นเคย เสียงป้าร้องเรียกให้มากินข้าวแต่วันนี้แปลกนิดหน่อยคือ

     

    ตื่นช้าจริงๆ เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดีและ เด็กสาวผมแดงดวงตาโตสีน้ำทะเลนั่งทานอาหารกับป้า

    เมอเร่ พูดพร้อมกับตักซุบเนื้อร้อนๆกิน

     

    คือหนู อลิส เขาจะไปสมัครเหมือนกัน เขาเลยมารอที่นี่ป้าเมอเร่ พูดพร้อมกับยกสตูหมูมาวางบนโต๊ะ

     

    ใครใช้ให้เธอมาหรอคาเรส พูดพร้อมกับนั่งทานสตูหมูที่ป้าเมอเร่ เพิ่งยกมาให้

     

    ไม่มีหรอกแค่อยากมา ก็มาอลิสตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มซึ่งทำเอา คาเรส คิ้วขมวดอย่างอารมเสีย อากาศยามเช้าดีๆอาหารอร่อยๆต้องมาเจอ ยัยแมลงวันตัวนี้ตั้งแต่เช้าช่างไม่น่ารื่นรมเสียจริงๆ

     

    ป้าเมอเร่ครับ ผมไปก่อนนะครับคาเรสพูดพร้อมกับเดินออกไปโดยไม่ฟังที่ป้าเมอเร่พูดเลย

     

    อลิสจ่ะ ฝากดูแล คาเรส ด้วยนะ ป้าจะรอฟังข่าวดีป้าเมอเร่พูด

     

    ได้เลยค่ะอลิสรับคำ ก่อนจะวิ่งตาม คาเรสไป

     

    ระหว่างทางเดินที่ปูลาดด้วยหินอ่อนสีขาวไปตามทาง ผู้คนทั่วทุกมุมของ พาราไดส์ เดินขวักไขว่ไปมาในชุดพร้อมรบและอาวุธครบมือ เป้าหมายของพวกเขาคือลานใต้ต้นไม้ยักษ์ที่ปราสาท พาราไดส์สร้างอยู่ ลานนั้นมีนามว่า ลานเลือด

     

    อลิสยังคงตามคาเรส ต้อยๆพลางจ้องมองของประดับต่างๆที่ขายตามทางระหว่างเดิน วันนี้อลิช มาในชุดสีขาวกระโปรงสีฟ้าถุงน่องสีขาวพร้อมกับรองเท้าสีขาวมีลายอักขระสีแดง

     

    นายไม่คิดจะใช้อาวุธเลยหรอ คาเรส ฉันมีให้ยืมนะอลิส เริ่มสนทนาเพราะ คาเรส ไม่พูดอะไรเลยทำให้คนแก่นแก้วอย่างเธออารมเสียมากมาย

     

    ไม่ละ...แล้วเธอละ

     

    ความลับ บอกให้ก็โง่สิ อลิช พูดทำเอา คาเรสหันขวับกลับมาดูเธอ

     

    ไม่มีผู้หญิงคนไหนเขาไปสมัครกันหรอกนะ

     

    ก็...ฉันนี้ไงผู้หญิงอลิสสวนกลับทำเอา คาเรส หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำและเดินจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็ว

     

    ทั้งคู่เดินมาถึงลานเลือด ตอนนี้ลานเลือดเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่อยากจะเป็นทหารซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ชายยกเว้น อลิช ที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนเมื่อย่างกรายเข้าไปข้างใน

     

    ทั้งคู่จะต้องทำการสุ่มเลือกหมายเลขต่อสู้ซึ่งคาเรสได้อยู่สาย B และอลิช ได้อยู่สาย A ทำเอา

    คาเรส โล่งอกเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้เขาจะคิดว่าอลิชเป็นแมลงวัน แต่เธอก็เป็นเพื่อนคนหนึ่ง และคนเดียวของ คาเรส  แต่ในใจก็หวั่นๆเหมือนกันว่าเธอจะสู้ผู้ชายไหวไหม เพราะคาเรส ไม่เคยเห็นอลิช ใช้เวทมนตร์ หรือ ต่อสู้เลยแต่ก็แค่นั้นเขาทำได้แค่คอยให้กำลังใจอย่างห่างๆเท่านั้น

    เมื่อจับหมายเลขเสร็จ อลิช ยิ้มให้คาเรส ก่อนที่จะหายลับไปรวมกลุ่มในสาย A

     


     

     


    ปราสาท พาราไดส์ ได้ชื่อว่าเป็นปราสาท ที่สวยงามที่สุดในแผ่นดินเทรีย เพราะสร้างจากหินอ่อนสีขาวกินอาณาเขตทั้งหมดบนต้นไม้ยักษ์ ทราเมียน ในปราสาทก็ยังมีพื้นหญ้ากว้างขวางพอที่จะสร้างสนามฟุตบอลได้หลายสนามเลยทีเดียว

     

    ภายในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างโอ่อ่า แจกันโบราณสีฟ้า ผ้าแพรทองคำที่ถูกนำมาเป็นผ้าม่าน เตียงนอนที่ทำจากฝ้ายชั้นดี ถูกจัดตกแต่งอย่างบรรจงและประณีต ภายในห้องนี้มีสตรีร่างบางร่างหนึ่งนั่งบนเก้าอี้ทองคำ สายตามองออกไปยังนอกหน้าต่าง ผมสีดำปลิวไสวในอาภรสีขาวประดับทองคำบ่งบอกถึงชนชั้นสูง พลางพลิกหนังสือเล่มโตที่เขียนไว้ว่า เฟรียทอม น้ำตาของเธอไหลพรากออกมาจากดวงตาสีฟ้าขนตาอันโก่งงอชุมไปด้วยน้ำตา

     

    กลอนประตูดัง กริก ก่อนที่ประตูจะเลื่อนออกเผยให้เห็นชายในชุดเกาะสีขาวใบหน้าหล่อเหลาร่างกายกำยำดูสง่า ผมสั้นสีน้ำตาล เดินเข้ามาตรงที่สตรีร่างบางร่างนั้นนั่งอยู่ พร้อมกับโค้งคำนับแทบเท้าสตรีร่างบางร่างนั้น

     

    องค์หญิง นาตาชา ท่านทรงอ่านหนังสือเล่มนั้นอีกแล้ว กระผมว่าไม่ควรอ่านหนังสือเล่มนั้นนะครับ

     

    เจสติน...ก็ฉันคิดถึงพี่ชายของฉันนี่เจ้าของร่างบางที่ชื่อองค์หญิงนาตาชา ตอบกลับพร้อมกับร้องไห้สะอึกอื้น

     

    กระผมว่าพี่ชายขององค์หญิง จะต้องมีชีวิตอยู่แน่นอน กระผมคิดว่าอย่างนั้น

     

    แต่ว่า...นี่มันก็นานมาตั้ง 13 ปีแล้วนะ ทำไมพี่ชายถึงยังไม่กลับมาละองค์หญิงนาตาชา ยังคงแย้งต่อไป

     

    แต่เปลวเทียนแห่งชีวิตของท่านยังไม่ดับ ยังคงลุกโชติช่วง กระผมได้ยินขุนนางระดับสูงพูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้

     

    จริงหรอ...ท่านพี่ยังไม่ตาย...ท่านพี่ยังไม่ตาย

     

    แต่ว่าตอนนี้...พระราชา พาราดิส ทรงสั่งให้กระผมพาเจ้าหญิงไปดูการคัดเลือกองครักษ์ประจำตัวเจ้าหญิง ที่ลานเลือดพะยะค่ะชายที่ชื่อ เจสตินยื่นมือที่มีรอยสัก MII เพื่อให้เจ้าหญิงได้ลุกขึ้น

     

    จริงสิ...ลืมไปเลย...ท่านพ่อคงรออยู่รีบไปกันเถอะกลอนประตูปิดอีกครั้งโดยมีสัญญานพรุบ่งบอกถึงการคัดตัวได้เริ่มขึ้นแล้ว

     

     

     


    คำประกาศที่กึกก้องของราชาพาราดิส ได้จบลงแล้ว ถึงแม้จะมีอายุมากพระองค์ก็ทรงมีร่างกายที่กำยำแข็งแรงผมถึงแม้จะมีสีขาวแซมสีน้ำตาลเล็กน้อย และ เคราสีขาว แต่พระองค์ก็ทรงดูสัดทัด

    คล่องแคล่ว ข้างๆมีเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ผมสีดำยืนยิ้มแช่ง ข้างๆมีทหารองครักษ์ในเกราะสีขาวคอยยืนอยู่ใกล้ๆ

     

    เพียงแค่ได้เห็นเจ้าหญิงตัวน้อยๆ คาเรส ก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วมากจนแทบจะหลุดออกจากอก แต่ก็ต้องหันกลับเมื่อเจ้าหญิงหันมาทางเขาพอดี

     

    การแข่งขันเริ่มขึ้น คาเรสได้ประลองฝีมือกับชายคนหนึ่งซึ่งอ้วนมาก เคลื่อนไหวก็ช้ามากเช่นเดียวกันแทบไม่ทันถึงนาที คาเรสก็สามารถล้มคู่ประลองได้แล้วโดยใช้ท่าสกัดจุด 3 กระบวนท่าเท่านั้นเอง จะบอกได้ว่าคนที่มาประลองมือกับเขาช่างไร้ฝีมือกันเสียจริงๆ คาเรสแทบไม่ต้องได้ร่ายเวทมนตร์เลย เพียงแค่ 10 นาทีเขาก็สามารถชนะได้จนถึงรอบชิงที่สุดท้ายแล้ว ซึ่งเขาต้องรออีก 3 ชั่วโมงถึงจะได้ประลองจึงตัดสินใจเพื่อไปดูการแข่งขันของอลิช ที่ไม่รู้เริ่มไปถึงไหนแล้ว

     

    ซึ่งสายA แต่ละคนจะได้ประลองฝีมือกันแค่ 3 คู่เท่านั้น ในตอนนี้ก็เป็นการประลองฝีมือของ อลิช พอดี

     

    บนสนามประลอง ที่ใช้การแข่งขันเป็นสีเหลี่ยมจัตุรัสที่มีความกว้างมาก มีร่าง 2 ร่างกำลังประจันหน้ากัน ร่างหนึ่งเป็นชายร่างใหญ่โตกว่าเมื่อเทียบกับอีกร่างที่เป็นผู้หญิงผมแดงร่างเล็กยืนหัวเราะอีกฝ่ายที่แต่งตัวแปลกๆและหน้าตาเหมือนหมูอย่างไม่รู้เนื้อร้อนตัว ยั่วอารมโทสะฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างมาก ชายอ้วนคนนั้น คาเรส เคยเห็นแล้วซึ่งเขาเคยได้ประมือมาแล้วในบาร์ปานูล ซึ่งเป็นลูกน้องของชายที่ชื่อแคชเชอร์นั่นเอง ฝีมือหรือการเคลื่อนไหวอยู่ในระดับดี ซึ่งเมื่อเทียบกับ อลิช ที่เป็นผู้หญิงและไม่เคยเห็นต่อสู้มาก่อนคงเป็นงานหนักมากเลยทีเดียว

     

    หัวเราะอะไรมิทราบ ปูยู้ ไม่ชอบเลยชายร่างอ้วนพูดพร้อมกับเช็ดเลือดออกจากปังตอ ที่ใช้ในการประลองก่อนหน้านี้

     

    นายน่าจะแต่งตัวให้เข้ากับตัวเองหน่อยนะ เหมือนหมูแล้วยังใส่ชุดสีชมผูหมวกพ่อครัวอีก เหมือนหมูย่างเลยยัยแมลงวันของคาเรส ปากแกว่งหาเรื่องอีกแล้ว ปูยู้หน้าแดงกล่ำพร้อมกับกระโจนมาหา อลิช ด้วยความเร็ว

     

    ปังตอ สับไปยังอลิช ด้วยความเร็ว อลิช ก้มหลบพร้อมกับกรีดเสียงดังแต่ใบหน้ายังคงยิ้ม คาเรสเกือบลุกเข้าไปช่วยในตอนแรกเมื่อเธอกรีดร้องแต่ทว่า....

     

    อลิช หลบการโจมตีได้ทั้งหมดทุกกระบวนท่าของปูยู้ แต่มันไม่ใช่วิชาก้าวพริบตามันเหมือนเธอจะแค่กระโดดหลบ ล้มบ้าง นอนกลิ้งบ้าง เหมือนเด็กกำลังเล่นของเล่นอย่างสนุกสนาน

     

    อีตาบ้า ฉันเป็นผู้หญิงนะอลิช พูดพร้อมกับเสยปลายคางด้วยกำปั้นทำเอา ปูยู้หมูยักษ์ล้มตึงไปเลยเพียงแค่กำปั้นเดียว

     

    เสียงผู้คนฮือฮากันลั่นเมื่อ อลิช ชนะ มันเหมือนเธอชนะมาด้วยความฟลุคชัดๆ ซึ่งคาเรสได้แต่ยิ้มและรู้แล้วว่าเธอไม่ได้เหมือนอย่างที่ตาเห็น

     

    กรรมการประกาศดังลั่นแล้วว่า อลิช ชนะถึงจะช้าไปหน่อยก็เถอะ จากนั้นก็ประกาศคู่ประลองต่อไปของอลิช

     

    ต่อไปเป็น แคชเชอร์

     

    คาเรส ถึงกับอึ้งเมื่อคู่ประลองของ อลิช เป็นชายที่ชื่อ แคชเชอร์ แคชเชอร์ถ้าชนะอลิชก็จะได้เป็นองค์รักษ์ทันทีเพราะเขาสู้ไปแล้ว 2 คน ซึ่งอลิชเป็นคนสุดท้าย

    สำหรับ แคชเชอร์ คาเรสก็เคยประมือมาแล้วถ้าพูดถึงความบ้าแล้วเขามีมากเหลือเกินถึงอลิชจะสามารถล้มปูยู้ได้แต่เมื่อมาเจอกับแคชเชอร์แล้วละก็งานช้างเลยทีเดียว...............

     

    อะไรกันนี่ ผู้หญิงหรอ แคชเชอร์มองมาทาง อลิช อย่างดูถูกดูแคลน

     

    ผู้หญิงแล้วจะทำไมย่ะไอ้ตูดหมึก เดี๋ยวจะเตะก้นจนวิ่งไปฟ้องแม่เลย เชอะ อลิช ฉายาแมลงวันยังไม่พอยังมีวาจาแกว่งหาเสี้ยนอีก คำพูดของเธอเล่นเอา แคชเชอร์ ที่ถูกผู้หญิงดูถูกถึงกับหน้าแดงกล่ำตัวสั่นไปทั้งร่าง

     

    ทีแรก กะจะให้แค่สลบ ปากดีอย่างนี้ ไปตายซะ แคชเชอร์พูดจบก็กระโดดฟาดค้อนมายัง อลิช ที่ทำท่ากวนๆอยู่

     

    ตูม!!!

     

         ค้อนยักษ์ฟาดมาตรงที่อลิชอยู่ แต่เธอก็เอี้ยวตัวหลบค้อนนั้นได้ทัน แต่ทว่า...คาเรสรู้ดีว่าชายผู้นี้เป็นใคร

         เกิดกระแสลมหมุนตรงจุดนั้นพัดกระหน่ำซัด อลิช กระเด็นขึ้นข้างบน พร้อมกับกระโจนตาม

    อลิชไป ระดมฟาดค้อนยักษ์ซัด อลิช กลางอากาศ

         ตอนแรกเห็นได้เลยว่า อลิช คงไม่รอดแน่แต่ทว่า อลิชก็รวบรวมพลัง ออโรร่า ตรงแขนทั้งสองข้างเป็นกาดป้องกันการโจมตีที่บ้าคลั่งและรุนแรงได้ทันเวลาพอดี จบลงตรงที่ แคชเชอร์ซัดครั้งสุดท้าย

         อลิช ตกลงมา แต่ก็ยังทรงตัวได้อยู่..เพียงแต่เท้าครูดไปกับพื้นเผยให้เห็นรอยไหม้เป็นทางยาว

     

    เกิดเสียงเงียบชั่วระยะหนึ่ง แม้แต่องค์ราชา พาราดิส องค์หญิง นาตาชา ก็พลอยหันไปดูด้วย

     

    ถึกกว่าที่คิด...ไม่ต้องห่วงจะทำศพยัยปากดีอย่างเธอให้สวยๆพอที่จะทำได้แล้วกันแคชเชอร์ พูดกับอลิชด้วยใบหน้าที่แสยะยิ้มดุจยมทูติ ซึ่งฝ่ายตอบรับก็ได้แค่นิ่งเงียบพร้อมกับเช็ดเลือดตรงมุมปากออก

       การโจมตีครั้งใหม่ของ แคชเชอร์เริ่มอีกครั้ง เขาวิ่งตรงเหมือนกับกระทิงบ้าคลั่งพร้อมกับออโรร่าพายุท่วมกายตรงมายังอลิชอยู่ ผู้คนโห่ร้องพร้อมๆกันด้วยความตื่นเต้น ไม่เว้นแม้แต่ คาเรส

      วายุห่อหุ้มร่างของแคชเชอร์จนแปลเปลี่ยนเป็นรูปกระทิงตรงดิ่งมายังอลิช ทว่าเกิดอักขระสีดำบางๆบนพื้นเมื่อแคชเชอร์วิ่งมาถึงก็ถูก อลิช ก้มเตะตัดขาพร้อมกับถูกหมัดเสยขึ้นไปบนฟ้า ชายร่างกำยำดุจกระดาษที่บอบบางถูกหอบขึ้นไปบนอากาศ ตามด้วยอลิชที่กระโดดระดมกำปั้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่แคชเชอร์ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถูกกำปั้นของอลิชทุกกระบวนท่ากำปั้นสุดท้ายของอลิช ชกไปตรงท้องของแคชเชอร์เกิดแสงแปลบๆขึ้น

         ก่อนที่ร่างของแคชเชอร์จะตกลงพื้นก็ถูก อลิช ใช้มือจับตรงขมับ กดครูดไปกับพื้นเป็นทางยาว เศษกระเบื้องที่ปูลาดกระเด็ดแตกกระจายเมื่อร่างของ แคชเชอร์ครูดจากนั้นก็ถูกอลิชจับเหวี่ยงชนเสาของเวทีประลองล้มลงระเนระนาด

        ผู้คนที่ชมอยู่ต่างโห่ร้องดังระงมไปทั่วสนามการประลอง แม้แต่คาเรส ก็ทึ้งไปกับยัยแมลงวันของเขาเธอช่างเก่งเสียเหลือเกิน กรรมการประกาศผลให้อลิชเป็นผู้ชนะ

    ก่อนที่อลิช จะล้มลงหมดสติอยู่ก็มีร่างหนึ่งมาพยุงเธอและอุ้มเดินออกไปจาเวทีประลอง

     

    เธอคงสู้ต่อไม่ไหวแล้วละอลิช มันจบแล้ว อลิช พยักหน้าตอบอย่างหมดแรงและดวงตาของเธอก็ปิดลงเข้าสู่ห้วงแห่งความมืดมิดที่น่ากลัวต่อไป

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×