ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมฟิคสั้น Avengers, Thor, Sherlock, Maze Runner [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #27 : Song Fic (เพลงสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก) Minewt : A Little Boy

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 711
      6
      7 ต.ค. 58

    Song Fiction: สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก

    Note:   1. ฟิคเรื่องนี้เป็นหนึ่งในโปรเจคซองฟิคสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารักค่ะ โจทย์ก็คือใช้เพลงสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก (ว่าน ธนกฤต) มาเขียนเป็นซองฟิคสื่อถึงวัยต่างๆ ในช่วงอายุที่กำหนดค่ะ โดยไรเตอร์แต่ละคนก็จะได้ช่วยอายุที่แตกต่างกันออกไป คือ วัยอนุบาล+ประถม (I…wish) วัยมัธยม (punpun) วัยมหาวิทยาลัย (Lunzury) วัยทำงาน (yuhan) และวัยแก่ (Oil) ซึ่งจะลงต่อเนื่องกันแบบวันเว้นวันในบล็อกของไรเตอร์แต่ละคนค่ะ สามารถหาฟิคทุกเรื่องจากโปรเจ็คได้ในแท็ก #MinewtSF ในทวิตเตอร์ค่ะ

    2. ฟิคเรื่องนี้เป็นการเอาฟิคเก่าที่ไอวิชเคยเขียนและเคยลงค้างไว้มารีไรท์และเขียนต่อให้จบ (?) นะคะ ช่วงต้นเรื่องอาจจะมีคนเคยอ่านมาบ้างแล้ว แต่ตรงกลางจนถึงตอนจบเป็นการเขียนเพิ่มเข้าไปให้สมบูรณ์ค่ะ

    3. แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งในการเขียนมาจากหนังเรื่อง Doraemon Stand By Me ค่ะ

     



    A Little Boy

    Couple: Minewt , Minho x Newt , Newt x Minho

     

     

    มินโฮเป็นเด็กอ้วน

    เพราะมินโฮเป็นเด็กอ้วนถึงได้มีแต่คนไม่อยากเล่นกับมินโฮ

    ความคิดที่ทำให้เด็กชายวัย 6 ขวบได้แต่ใช้พลั่วพลาสติกอันเล็กตักทรายเล่นคนเดียวอยู่อย่างนั้น ร่างกลมๆ นั่งกอดเข่าอยู่ในมุมหนึ่งในสนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน และถึงแม้ว่าในตอนนี้จะมีเด็กอยู่เกือบสิบคน แต่ก็กลับไม่มีใครยอมให้มินโฮเล่นด้วยเลยแม้แต่คนเดียว

    นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นเด็กอ้วน

    แถมยังเป็นเด็กเอเชียผมดำที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่อีกต่างหาก

    ไม่มีเด็กคนไหนอยากเล่นกับเด็กอ้วนอย่างมินโฮหรอก

    แค่ไม่โดนแกล้งอย่างทุกทีก็ดีแค่ไหนแล้ว

    คิดแบบนั้นแล้วเด็กชายตัวอ้วนก็ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น มือเล็กๆ ก็ใช้พลั่วพลาสติกตีทรายเล่น ในใจก็นึกอยากกลับบ้านเร็วๆ

    อยากกลับบ้านเร็วๆแต่คนที่เขารออยู่ยังไม่กลับมาจากโรงเรียนเลยนี่นา

    “เฮ้ ไอ้อ้วน!

    แล้วความคิดของมินโฮก็ต้องหยุดลง เมื่ออยู่ๆ ก็มีเสียงวางอำนาจร้องทักมา ให้เด็กชายต้องค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองคนพูด

    “ก แกลลี่”

    “วันนี้พี่ชายข้างบ้านแกไปไหนซะล่ะ?” น้ำเสียงไม่เป็นมิตรกับท่าทางคุกคามที่ทำให้คนฟังเริ่มตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความกลัว “ว่าไง วันนี้ไม่มีคนคอยคุ้มกะลาหัวแล้วรึไงห๊ะ ไอ้อ้วน!

    คำตะคอกจากหัวโจกทำให้เด็กคนอื่นๆ ที่ยืนทำตัวเป็นลูกกระจ๊อกอยู่ข้างๆ เริ่มระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนที่แกลลี่จะเดินเข้ามาใกล้ แล้วกระชากคอเสื้อของเด็กอ้วนให้ยืนขึ้นด้วยท่าทางที่เลียนแบบมาจากซีรี่ส์วัยรุ่นเรื่องดังที่เคยดูกับแม่ ถึงแม้ว่ามันจะค่อนข้างลำบากเพราะขนาดตัวของคนถูกกระชากที่ใหญ่ (อ้วน) กว่าคนกระชากก็ตาม

    “ย อย่าทำอะไรฉันนะ ฮึก

    “แค่นี้ก็ร้องไห้แล้วว่ะ ไอ้อ่อนเอ๊ย!

    แล้วร่างกลมๆ นั้นก็ถูกเด็กชายที่ผอมกว่าแต่ตัวสูงกว่าโยนลงไปในกระบะทราย จนเสียงสะอื้นเบาๆ ในตอนแรกเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้จ้า ให้เด็กคนอื่นๆ ต้องหัวเราะเยาะสะใจ

    “แกมันไอ้อ้วนอ่อนแอ แถมยังเป็นต่างด้าว! ว๊ะ ฮ่าๆๆๆ”

    “ไอ้อ้วนต่างด้าว ไอ้อ้วนต่างด้าว ไอ้อ้วนต่างด้าว!

    “ฉฉันไม่ใช่ต่างด้าวนะ! ฮืออออ”

    มินโฮได้แต่นั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น รอบกายมีเด็กเกือบสิบคนยืนล้อมรอบพร้อมกับคำล้อเลียนและการขว้างปาเศษดินเศษหินใส่

    มินโฮร้องไห้ มินโฮกลัว มินโฮเจ็บ มินโฮอยากกลับบ้าน

    เมื่อไหร่พี่ชายจะมาซักที

    “หยุดแกล้งมินโฮเดี๋ยวนี้นะ!

    เสียงตะโกนของใครบางคนที่ดังมาจากด้านหลัง เรียกให้ใบหน้ากลมๆ ที่ซุกอยู่กับเข่าของตัวเองต้องเงยขึ้นมองทั้งน้ำตาพี่ชายข้างบ้านของเขายืนอยู่ตรงนั้น

    “พี่ชายพี่ชาย! ฮือออ”

    เสียงเรียกจากคนเป็นน้องที่ทำให้เด็กชายวัย 10 ขวบต้องรีบสาวเท้าเข้ามาหา ในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลก็จ้องไปที่กลุ่มเด็กเกเรอย่างเอาเรื่อง

    “พวกนายทำอะไรมินโฮ?”

    คำถามที่ทำให้ร่างเล็กๆ นับสิบแทบสะดุ้ง ลูกกระจ๊อกคนอื่นๆ ค่อยๆ ถอยห่างออกไปช้าๆ ก่อนจะพากันวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต ทิ้งไว้ก็แต่หัวโจกที่ยืนหลบตารุ่นพี่ที่อายุมากกว่าอย่างติดจะกลัวๆ

    “ฉ ฉันไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ไอ้อ้วนนี่มันอ่อนแอเองต่างหาก”

    “รังแกคนอ่อนแอกว่าก็ไม่นับว่าเป็นคนเข้มแข็งนะแกลลี่”

    คำพูดที่ทำให้เด็กชายตัวสูงต้องกัดฟันกรอด ก่อนจะหันไปตะคอกคาดโทษคนที่ยังนั่งจมอยู่ในกองทราย

    “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้อ้วน!

    พูดจบแกลลี่ก็หมุนตัววิ่งออกไปจากสนามเด็กเล่น และนั่นก็ทำให้ในตอนนี้สนามเด็กเล่นของหมู่บ้านเหลือเพียงแค่ร่างกลมๆ ของเด็กชายชาวเอเชีย และร่างผอมๆ ของเด็กประถมอีกหนึ่งคนเท่านั้น

    “เฮ้อ

    แล้วก็เป็นฝ่ายพี่ชายที่ถอนหายใจเบา ก่อนจะยื่นมือส่งให้คนเป็นน้องที่ยังนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ที่เดิม

    “กลับบ้านกันได้แล้ว”

    ดวงตาสีดำคู่เล็ก เงยขึ้นสบกับดวงตาสีน้ำตาลคู่ใจดี ก่อนที่มือป้อมๆ จะยกขึ้นจับมือที่ยื่นส่งมาให้

    “ขอบคุณ ฮึกขอบคุณฮะพี่นิวท์”

    คำขอบคุณที่ได้รับความเงียบตอบกลับมา ต่างจากทุกครั้งที่พี่ชายจะต้องบอกว่า ไม่เป็นไรแล้วเข้ามาเช็ดน้ำตาออกให้แต่คราวนี้มันกลับมีแค่ความเงียบที่ทำให้มินโฮรู้สึกว่าอยากร้องไห้อีกรอบ

    “พี่ชาย

    “นายจะให้ฉันคอยปกป้องนายแบบนี้ทุกครั้งไม่ได้นะมินโฮ”

    “พี่ชายรำคาญมินโฮแล้วเหรอ?”

    “เปล่านะ!

    “แล้วทำไมฮึก

    เสียงร้องไห้กับน้ำตาที่ร่วงกราวเริ่มทำให้คนใจไม่แข็งจริงต้องใจอ่อนอีกครั้ง

    นิวท์เดินเข้าไปใกล้ร่างป้อมๆ ของคนเป็นน้อง ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกให้เหมือนทุกครั้ง

    “ฉันแค่อยากให้นายเข้มแข็ง อยากให้นายหัดลุกขึ้นสู้กับไอ้เพียกพวกนั้นบ้าง”

    “มินโฮอ่อนแอ จะไปสู้พวกนั้นได้ยังไง

    “ต้องได้สิวะ! แกลลี่มันตัวโตกว่าฉันอีก ฉันยังสู้มันได้เลย”

    “ก็พี่ชายเก่ง”

    “งั้นนายก็หัดเก่งให้ได้แบบฉันสิ! ต่อไปไม่มีฉันอยู่ด้วยแล้วนายจะอยู่ยังไง? ให้ไอ้พวกนั้นมันรุมซ้อมทุกวันรึไง? ห๊ะ?!

    คำตะคอกใส่อารมณ์ที่คราวนี้ทำให้คนฟังชะงักนิ่ง

    ไม่ใช่เพราะว่าถูกพี่ชายต่อว่า ไม่ใช่เพราะถูกตะคอก แต่ที่มินโฮชะงักก็เพราะคำพูดที่บอกว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วต่างหาก

    “พี่นิวท์จะไม่อยู่กับมินโฮ?...

    คนเป็นพี่ก้มหน้าหลบสายตาเป็นครั้งแรก

    “ฉัน

    “พี่จะไปไหน ไม่เอานะ มินโฮไม่ให้ไปไหนนะ ไม่เอานะ ฮืออออ”

    พูดจบมือป้อมๆ ก็คว้าตัวสูงๆ ของคนเป็นพี่เข้ามากอด น้ำตาที่หยุดไหลไปได้ไม่นานก็กลับมาไหลอีกรอบ ให้คนที่ถูกกอดอยู่ต้องยกมือขึ้นกอดตอบช้าๆ

    “ฉ ฉันไม่ไปไหนหรอกน่า

    “จริงๆ นะ?”

    “อืม”

    “พี่ชายจะอยู่ด้วยกันกับมินโฮตลอดไปเลยใช่มั้ย?”

    คำถามที่ทำให้คนเป็นพี่ชายต้องเม้มปากเล็กน้อย ดันร่างป้อมๆ ออกจากอ้อมแขน ก่อนจะสบกับดวงตาตี่ๆ นั้นนิ่ง

    “ไม่มีใครจะอยู่ด้วยกันตลอดไปได้หรอกนะมินโฮ”

    “แต่มินโฮอยากอยู่ด้วยกันกับพี่นิวท์ตลอดไปนี่นา

     

    แต่โลกของฉันมันหมุนไปด้วยหัวใจที่ได้รักเธอ

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “แงงงงง พี่ชายอยู่ไหน ช่วยมินโฮด้วย ฮือออ”

    เสียงแหกปากร้องไห้ของเด็กชายตัวอ้วนกลมดังลั่นสนามเด็กเล่นอีกครั้ง เมื่อวันนี้เจ้าตัวดันขึ้นไปค้างเติ่งอยู่บนต้นไม้และไม่สามารถลงมาได้ ในขณะที่ด้านล่างก็ล้อมรอบไปด้วยกลุ่มเด็กชายวัยเดียวกันที่กำลังแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนกันอย่างสนุกสนาน

    มินโฮถูกแกล้งอีกแล้ว

    ความคิดที่ทำให้น้ำตาไหลพรากมากกว่าเดิมและก็ยิ่งเพิ่มเสียงหัวเราะของคนแกล้งให้ดังขึ้นกว่าเดิมไปอีกเท่าตัว

    “ฮ่าๆ ไอ้อ่อนเอ๊ย! แค่นี้ก็โดนหลอก อ้วนแล้วยังโง่อีก! ฮ่าๆๆๆๆ”

    “ช่ายยย ไอ้อ้วนต่างด้าวโง่เง่า!

    “ไอ้โง่ ไอ้โง่ ไอ้โง่ววว!

    เสียงล้อเลียนกับการเต้นแรงเต้นกาดังจากด้านล่าง ให้เด็กชายที่ยังคงค้างเติ่งอยู่บนต้นไม้ได้แต่กอดลำต้นเอาไว้แน่น ตัวสั่นงันงก ใบหน้ากลมๆ เต็มไปด้วยน้ำมูกกับน้ำตา และร่างป้อมๆ ก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสะอื้นลงได้

    “พี่ชายอยู่ไหน ฮึก

    “เอะอะก็เอาแต่ร้องไห้หาพี่! อ่อนแอแบบนี้ใครจะอยากเล่นด้วยวะ!

    “ใช่ๆ ไม่มีใครอยากเล่นกับแกหรอกไอ้อ้วน!

    “ไอ้อ้วนน่าเบื่อ กลับกันดีกว่า”

    แล้วกลุ่มเด็กเกือบสิบคนก็ค่อยๆ ทยอยกันกลับบ้าน ทิ้งไว้ก็แต่เด็กชายตัวอ้วนที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนต้นไม้ใหญ่

    เวลาผ่านไป และผ่านไป จากชั่วโมงเป็นสองชั่วโมง จากบ่ายกลายเป็นตกเย็น ในที่สุดร่างผอมๆ ของพี่ชายข้างบ้านก็วิ่งกระหืดกระหอบตรงมายังสนามเด็กเล่นด้วยใบหน้าที่บ่งบอกถึงความตื่นตกใจ ปากก็ตะโกนเรียกชื่อของคนที่หายไปตั้งแต่บ่ายเสียงดังลั่น

    “มินโฮ! มินโฮ นายอยู่แถวนี้รึเปล่า?!

    เสียงตะโกนเรียกที่ทำให้มินโฮสะดุ้งเฮือก น้ำตาที่เพิ่งจะแห้งไปได้ไม่นานกลับมาไหลอาบแก้มกลมๆ อีกรอบด้วยความดีใจ แต่แขนสั้นๆ ก็ยังคงกอดต้นไม้เอาไว้แน่นด้วยความกลัว

    “มินโฮ!

    “พี่ พี่ชาย! ฮืออออ”

    “มินโฮ นายอยู่ไหนน่ะ?!

    “มินโฮอยู่นี่ อยู่บนต้นไม้ มินโฮฮึก มินโฮกลัว

    คนเป็นพี่รีบวิ่งมาหยุดลงที่โคนต้นไม้ ใบหน้าชื้นเหงื่อเงยขึ้นมองคนที่ติดอยู่บนนั้น ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวปลอดภัยดี

    “ไอ้บ้าเอ๊ย! นายขึ้นไปบนนั้นทำไมเนี่ย?!

    “กแกลลี่บอกว่าถ้ามินโฮปีนขึ้นมาบนนี้แล้วลงไปได้อึกแกลลี่จะยอมเป็นเพื่อนด้วย”

    “แต่มินโฮลงไม่ได้ ฮืออออ”

    คำตอบที่ทำให้นิวท์ต้องขมวดคิ้วมุ่น เด็กชายกัดฟันด้วยความโมโห ก่อนจะตะโกนกลับขึ้นไปส่งคำสั่ง

    “ลงมา!

    “ลงไม่ได้ ฮืออออ”

    “ลงได้สิ! เลิกร้องไห้แล้วรีบลงมาเดี๋ยวนี้เลย!

    “มมินโฮลงไม่ได้ ฮึก

    “ถ้านายไม่ลงมาฉันจะไม่เล่นกับนายอีก จะไม่คุยด้วย จะไม่มาหาอีก”

    คำขู่ที่ทำให้เสียงร้องไห้ของคนฟังแทบหยุดชะงักลงในทันที ดวงตาตี่ๆ เบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่หัวใจจะหล่นวูบเมื่อเห็นแววจริงจังในดวงตาสีน้ำตาลของคนพูด

    “พี่

    “นายทำได้ มินโฮ”

    “พี่เชื่อว่านายทำได้”

    มินโฮเม้มริมฝีปากแน่น สบตากับพี่ชายอยู่อย่างนั้นซักพัก ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้าช้าๆ แล้วเอื้อมมือคว้ากิ่งไม้ใกล้ตัว ร่างป้อมๆ พยายามข่มความกลัว ในขณะที่แขนและขาก็ค่อยๆ ปีกป่ายลงมาอย่างช้าๆ

    ภาพที่ทำให้นิวท์แทบจะกลั้นหายใจลุ้น

    นายทำได้มินโฮ

    นายทำได้

    เสียงภาวนาดังในใจของเด็กชายตัวผอม มือเล็กๆ กำหมัดแน่นอย่างพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองต้องถลาเข้าไปช่วย ในขณะที่สายตาก็จับจ้องไปยังร่างป้อมๆ ที่กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ

    “ฮึบ!

    และแล้วเด็กชายตัวอ้วนก็ลงมายืนบนพื้นดินได้สำเร็จ ดวงตาตี่ๆ เบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะทำได้จริงๆ ก่อนที่ใบหน้ากลมๆ จะหันไปมองคนเป็นพี่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล

    “มินโฮลงมาได้แล้ว

    “แล้วนายก็ไม่ร้องไห้แล้วด้วย”

    น้ำเสียงใจดีกับรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้คนฟังค่อยๆ ระบายยิ้มกว้าง จากนั้นมินโฮก็วิ่งเข้าไปกอดคนพูดจนร่างผอมๆ นั้นแทบเซ

    “มินโฮทำได้ล่ะ มินโฮทำได้ล่ะ!

    “ฮ่าๆ เก่งมากไอ้อ้วน”

    ทั้งๆ ที่มินโฮไม่เคยนึกชอบเวลาที่แกลลี่เรียกเขาว่าไอ้อ้วน แต่ตอนนี้ที่คนเรียกคือพี่ชายข้างบ้านคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าทำไมมินโฮถึงได้ชอบมันได้อย่างน่าประหลาด

     

    เพราะเธอคือสิ่งที่เล็กๆ ที่ฉันเรียกเธอว่าความรัก

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    “วันอาทิตย์นี้ครอบครัวแซงส์เตอร์จะย้ายไปอยู่ที่ลอนดอนแล้วนะคะคุณ”

    ประโยคบอกเล่าของคนเป็นแม่ที่เรียกให้เด็กชายที่กำลังก้มหน้าก้มตาทานอาหารค่ำอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นฟังด้วยความตกใจ ในขณะที่คนเป็นพ่อก็เพียงแค่พยักหน้ารับเล็กน้อย

    “มิสเตอร์แซงส์เตอร์ก็บอกผมอยู่เหมือนกัน น่าเสียดายนะ เพื่อนบ้านดีๆ แบนนี้ยิ่งหายากอยู่ด้วย”

    “นั่นสิคะ ตอนที่เราย้ายมาอยู่นี่ใหม่ๆ ก็ได้เขาช่วยเหลือเอาไว้เยอะเลย”

    บทสนทนาที่มินโฮฟังแล้วไม่เข้าใจ หากแต่ความกลัวกลับพุ่งเข้ามาในใจยิ่งกว่าตอนที่โดนแกลลี่ขู่ว่าจะจับเขาถอดกางเกงในซะอีก

    พี่ชายจะย้ายไปอยู่ลอนดอน?...

    พี่ชายจะไม่อยู่กับมินโฮแล้วเหรอ?...

    การรับรู้ที่ทำให้หัวใจหล่นวูบก่อนที่หยดน้ำตาจะร่วงเผาะๆ

    “ตายแล้ว มินโฮร้องไห้ทำไมลูก?!

    เด็กชายตัวอ้วนไม่ได้ตอบคำถามของแม่ ไม่มีการสะอื้นไห้ มีแค่หยดน้ำตาที่มันกำลังไหลออกมาไม่ขาดสาย มือป้อมๆ พยายามยกขึ้นเช็ดมันออกจากแก้ม ก่อนที่ร่างกลมๆ จะกระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งตรงไปที่ประตูบ้านภาพที่ทำให้คนเป็นแม่ต้องร้องตามเสียงหลง

    “มินโฮจะไปไหนลูก!

    “มินโฮ!

    ไม่มีเสียงตอบกลับจากเด็กชายตัวอ้วน ขาสั้นๆ พาเจ้าตัววิ่งออกจากตัวบ้าน ตรงไปยังบ้านหลังข้างๆ อย่างลืมกลัวแม้แต่ความมืดที่ปกคลุมอยู่รอบด้าน

    พี่ชายจะทิ้งมินโฮไปอยู่ลอนดอน

    พี่ชายจะไม่อยู่กับมินโฮแล้ว

    ความคิดที่ทำให้น้ำตายิ่งไหลอาบแก้ม เสียงสะอื้นไห้เริ่มดังลอดลำคอ ในขณะที่ขาสั้นๆ ก็ยิ่งซอยถี่เพื่อให้ถึงจุดหมายเร็วที่สุด และสุดท้ายมินโฮก็วิ่งมาหยุดลงตรงหน้าบ้านหลังข้างๆ ประตูรั้วที่ปิดสนิททำให้เด็กชายต้องตะโกนออกไปสุดเสียง

    “พี่นิวท์! ฮึก พี่นิวท์!

    “มินโฮเป็นอะไรลูก!

    เสียงร้องถามจากแม่ที่เพิ่งจะวิ่งตามมาทัน แต่เด็กชายกลับไม่สนใจ เอาแต่ตะโกนเรียกชื่อของคนคนเดิมซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น และก่อนที่คนเป็นแม่จะทำอะไรไม่ถูกมากไปกว่านั้น ร่างผอมๆ ของเด็กชายเจ้าของชื่อก็เดินออกมาจากบ้านพร้อมกับผู้ปกครองที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเช่นกัน

    ประตูรั้วบ้านถูกเปิดออกพร้อมกับร่างอ้วนกลมที่กระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของนิวท์ในทันที

    “พี่ชาย ฮือออ”

    “มินโฮเป็นอะไร?” แขนเล็กๆ ยกขึ้นกอดตอบ ในขณะที่ส่งคำถามด้วยความงุนงง

    “นั่นสิ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณนายลี?” คำถามจากคุณนายแซงส์เตอร์ที่ได้รับการส่ายหน้ากลับมาเป็นคำตอบ

    “คุณแม่บอกว่าพี่นิวท์จะ ฮึก จะย้ายบ้านไปลอนดอน ฮือออ”

    คำตอบที่ทำให้ผู้ใหญ่สองคนต้องถอนหายใจเบา ในขณะที่คนต้นเรื่องก็ยังเอาแต่ร้องไห้โฮ

    “พี่เขาย้ายไปเราก็ยังโทรคุยกันได้นี่นา”

    “ฮือออ ไม่เอา ไม่ให้ไป!

    “มินโฮลูก ไม่เอาไม่ดื้อสิครับ”

    คนเป็นแม่ก็พยายามอธิบายเหตุผล แต่คนดื้อก็ยังคงดื้ออยู่อย่างนั้น เด็กชายตัวอ้วนยังคงกอดตัวผอมๆ ของพี่ชายเอาไว้แน่น ในขณะที่คนถูกกอดก็ได้แต่ยืนเงียบอยู่อย่างนั้น

    “พี่ชายจะทิ้งมินโฮ แล้วต่อไปใครจะเล่นกับมินโฮ ใครจะช่วยสอนภาษาอังกฤษให้มินโฮฮึกใครจะมาช่วยมินโฮเวลาถูกแกลลี่แกล้ง ใครจะ

    “ไม่มีฉันอยู่ด้วยนายก็ต้องช่วยเหลือตัวเองสิ”

    คำพูดที่ทำให้คนร้องไห้ต้องชะงักกึก ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาค่อยๆ เงยขึ้นมองคนพูดที่ตอนนี้มีหยดน้ำใสๆ รื้นอยู่ในดวงตา

    พี่ชายร้องไห้?...

    ไม่จริง มินโฮไม่เคยเห็นพี่นิวท์ร้องไห้แบบนี้

    มินโฮไม่อยากเห็นพี่นิวท์ร้องไห้ซักหน่อย

    “พี่นิวท์อย่าร้องไห้

    มือป้อมๆ เอื้อมจับใบหน้าของคนเป็นพี่เอาไว้ ก่อนจะเช็ดน้ำตาออกให้ช้าๆ

    “ที่ฉันร้องก็เพราะนายนั่นแหละไอ้อ้วน!” เสียงตะคอกที่ทำให้คนเป็นไอ้อ้วนต้องชะงัก หากแต่มินโฮกลับไม่ได้ร้องไห้อีกแล้ว

    เพราะน้ำตาของคนตรงหน้ามันทำให้เด็กชายลืมทุกอย่างไปในทันที

    “ฉันต้องไปลอนดอน ฮึก ฉันจะคอยอยู่ปกป้องนายไม่ได้อีกแล้ว แต่แต่นายก็ยังเอาแต่เป็นไอ้อ้วนงี่เง่า!

    เสียงร้องไห้และคำด่าว่าที่ทำให้มินโฮเริ่มน้ำตาคลออีกรอบ แต่คราวนี้มันกลับไม่ใช่เพราะเหตุผลว่าพี่ชายจะทิ้งเขาไป แต่มันกลับเป็นเพราะเขากำลังทำให้พี่ชายต้องร้องไห้ต่างหาก

    มินโฮกางแขนกอดคนเป็นพี่เอาไว้แน่น ใบหน้ากลมๆ ซุกเข้ากับช่วงเอวที่สูงกว่าทั้งๆ ที่ยังคงสะอื้นไห้อยู่อย่างนั้น

    “พี่ชายอย่าร้องไห้

    “ฮึก

    “พี่นิวท์ ไม่เอาไม่ร้อง”

    “ฮือออ”

    เสียงร้องจากคนที่ไม่เคยร้องไห้ยิ่งทำให้มินโฮต้องกอดแน่นขึ้นไปอีก

    เขาต้องทำยังไงพี่ชายถึงจะหยุดร้องไห้ มินโฮต้องทำยังไงพี่นิวท์ถึงจะกลับมายิ้มเหมือนเดิม?...

    ความคิดที่ทำให้ยิ่งพาลน้ำตาไหล แขนป้อมๆ ก็ได้แต่กอดกระชับร่างของคนที่กำลังสะอื้นเข้าหาตัว

    “ถ้ามินโฮเข้มแข็งพี่ชายจะเลิกร้องไห้ใช่มั้ย?” คำถามที่ทำให้คนเป็นพี่ต้องชะงักนิวท์ก้มลงมองใบหน้ากลมๆ ที่เงยขึ้นมามองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ “ถ้ามินโฮฮึก ถ้ามินโฮไม่ร้องไห้ พี่ชายก็จะไม่ร้องไห้เหมือนกันใช่มั้ย?”

    คำถามจากคนที่ยังคงมีคราบน้ำตาเปื้อนหน้า แต่เมื่อนิวท์พยักหน้ารับ มือป้อมๆ ก็ยกขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากหน้าตัวเอง แล้วฉีกยิ้มแฉ่งทั้งๆ ที่ยังคงไม่หยุดสะอื้น

    “เห็นเห็นมั้ย มินโฮยิ้มแล้ว

    “มินโฮยิ้มแล้วพี่นิวท์ก็ต้องไม่ร้องนะ”

    คำพูดที่ทำให้คนเป็นพี่ต้องคว้าตัวคนพูดเข้ามากอดเอาไว้อีกครั้ง

     

    สิ่งที่เธอเห็นคงจะดูไม่ยิ่งใหญ่ แต่มันมีแรงบันดาลใจมากเพียงพอ

    และข้างในนั้นยังมีหนึ่งใจที่เฝ้ารอ แต่เธอคงมองไม่เห็นที่ตรงนี้

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “เฮ้ย! ไอ้อ้วนมินโฮจะรีบไปไหนวะ?!

    เสียงตะโกนกร่างๆ เรียกให้เด็กชายที่กำลังจะเดินกลับบ้านต้องชะงักขาสั้นๆ ของตัวเอง มินโฮไม่ได้หันไปมองอีกฝ่าย แต่เขาก็รู้ว่าต้องเป็นแกลลี่แน่ๆ

    วันนี้พี่ชายจะย้ายบ้านแล้ว มินโฮไม่มีเวลามาเถียงด้วยหรอกนะ

    ความคิดที่ทำให้ขาสั้นๆ ต้องก้าวฉับๆ อย่างพยายามจะเดินหนี แต่คนหาเรื่องก็ยังคงตามมารังควานไม่ยอมหยุด

    “แม่ฉันบอกว่าพี่ชายนายจะทิ้งนายไปอยู่อังกฤษล่ะ”

    “โด่ว สุดท้ายแกมันก็เป็นไอ้อ้วนโดนทิ้ง! ฮ่าๆ”

    “ฉันไม่ได้โดนทิ้งนะ!

    “งั้นทำไมพี่ชายนายต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นด้วยล่ะ โดนทิ้งก็ยอมรับมาเถอะน่า”

    “ไม่ใช่นะ!

    “ไอ้อ้วนโดนทิ้ง ไอ้อ้วนโดนทิ้ง ไอ้อ้วนโดนทิ้ง”

    “หุบปากเดี๋ยวนี้!

    คำตะคอกที่ทำให้คนฟังต้องชะงัก แกลลี่หรี่ตามองไอ้อ้วนตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาด้วยท่าทางคุกคาม

    “แกตายแน่ไอ้อ้วน!

    คำขู่ที่มาพร้อมกับกำปั้นที่ชูขึ้นเหนือหัว ให้มินโฮต้องเบิกตาด้วยความกลัว แต่ในขณะที่กำลังจะร้องไห้แล้วเรียกหาพี่ชายเหมือนทุกที ภาพใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคนเป็นพี่ในคืนนั้นก็ลอยเข้ามาในหัวอีกครั้งให้เด็กชายต้องชะงักและกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้

    ถ้ามินโฮอ่อนแอพี่นิวท์ก็ต้องร้องไห้อีก ไม่เอาหรอก

    จบความคิดกำปั้นลุ่นๆ ของแกลลี่ก็ทุบเข้ามาที่ไหล่ให้ร่างป้อมๆ ต้องเซถลา แต่พอตั้งหลักได้ดวงตาตี่ๆ ก็ฉายแววแน่วแน่ ก่อนจะกำหมัดแน่นแล้ววิ่งเข้าใส่คนตรงหน้าอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

    มินโฮจะไม่ยอมให้พี่ชายต้องร้องไห้เพราะเขาอีก

    ไม่มีวันเด็ดขาด

     

    สิ่งที่เล็กๆ ที่ฉันเรียกมันว่าความรัก แค่เพียงได้รักเท่านั้นคงไม่ยิ่งใหญ่

    แต่โลกของฉันมันหมุนไปด้วยหัวใจที่ได้รักเธอเพราะเธอคือสิ่งที่เล็กๆ ที่ฉันเรียกเธอว่าความรัก

     

     

    นิวท์กำลังช่วยพ่อกับแม่ขนของขึ้นรถแท็กซี่ที่มาจอดรอรับอยู่หน้าบ้าน

    เขากำลังจะไปที่สนามบินและก็คงไม่ได้กลับมาที่นิวยอร์กอีกแล้ว แต่ตอนนี้คนที่เขาอยากให้มาส่งมากที่สุดกลับยังไม่มาซักทีความคิดที่ทำให้เด็กชายต้องคอยชะเง้อคอมองหาคนที่เขารอจะเจอมาตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลจะเบิกกว้าง เมื่อพบกับสภาพสะบักสะบอมของร่างอ้วนกลมที่กำลังวิ่งตรงมาหา

    “พี่นิวท์!

    เสียงตะโกนเรียกพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ไม่ได้เข้ากับใบหน้ามอมแมนนั่นเลยซักนิด เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ผมกระเซิง และรอยช้ำจางๆ ตรงหางตาที่มันทำให้นิวท์ต้องรีบวิ่งเข้าไปหาคนตรงหน้า

    “นายไปทำอะไรมา?!

    “มินโฮต่อยกับแกลลี่มาล่ะ”

    “ห๊ะ?!

    คนเป็นพี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่คนเป็นน้องกลับเดินเข้ามาอกอดแล้วซุกหน้าลงกับเอวผอมๆ ให้คนถูกกอดต้องชะงักนิ่ง...

    “มินโฮเข้มแข็งแล้วนะ ไม่ต้องให้พี่ชายคอยปกป้องแล้ว

    “พี่พี่ชายไม่ต้องห่วงนะ มินโฮจะไม่เป็นไอ้อ้วนงี่เง่าแล้ว

    ประโยคบอกเล่าที่มาพร้อมกับน้ำตาเย็นๆ ที่หยดลงบนเสื้อของคนฟัง แต่กลับไม่มีเสียงสะอื้นฟูมฟายเหมือนทุกครั้งความเข้มแข็งที่ทำให้นิวท์ต้องกอดร่างป้อมๆ นั้นเอาไว้แน่น

    “เราจะได้เจอกันอีกมั้ย?”

    นิวท์ซบหน้าลงกับไหล่ของคนถาม กระชับกอดให้แน่นขึ้นอีกนิดก่อนจะเอ่ยคำตอบแผ่วเบา

    “ต้องได้เจอสิ”

    “มินโฮจะรอพี่นิวทท์กลับมานะ”

    “อื้อพี่จะกลับมาหานาย”

     

    อยากให้เธอรู้ฉันรักเธอสุดหัวใจ วันพรุ่งนี้เป็นไง หัวใจเป็นของเธอ

     

     

     

    End.

    **********************************************************************


    จบแล้วววว โฮกกกกกก TTOTT

    เป็นฟิคที่ตีความเพลงสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ด้วยคำว่า “แรงบันดาลใจ” ค่ะ

    เพลงนี้ถ้าฟังแบบผ่านๆ ก็คงเป็นแค่เพลงแอบรักธรรมดาๆ สำหรับใครหลายคน

    แต่เรามองว่ามันสื่อถึงความรักได้หลายรูปแบบมากกว่านั้นนะ :)

    ตอนฟังเพลงนี้ครั้งแรก คำว่า “แรงบันดาลใจ” ก็ลอยเข้ามาในหัวทันทีเลย

     

    ความรักมันคงจะเป็นสิ่งเล็กๆ ไม่ได้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แต่มันก็กลับเป็นแรงผลักดันให้ใครหลายคนลุกขึ้นมาทำอะไรได้หลายอย่างเรามองแบบนั้น มันก็เลยเกิดเป็นไอ้อ้วนมินโฮแบบในฟิคเรื่องนี้นี่แหละค่ะ ฮาา

     

    ตอนที่เขียนอยู่แอบตั้งคอนเส็ปต์ให้กับตัวเองเล็กน้อยว่า

    “จะเขียนซองฟิคเพลงรักโดยที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในเนื้อเรื่องเลย”

    (ไม่นับคำว่ารักที่อยู่ในเนื้อเพลงนะ ฮา) แล้วมันก็ออกมาเป็นเช่นนี้แล~

     

    สนุกไม่สนุกยังไงก็ติชมกันได้นะคะ

    ถ้าไม่สะดวกคอมเม้นท์ก็สามารถพูดคุยกันผ่านแท็ก #MinewtSF ในทวิตเตอร์ได้ค่ะ

    ขอบคุณสำหรับการอ่านนะคะ :D

     

    รัก

    ไอวิช







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×