คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : Song Fic (เพลงสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก) Minewt : A Little Boy
Song Fiction: สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก
Note: 1. ฟิคเรื่องนี้เป็นหนึ่งในโปรเจคซองฟิคสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารักค่ะ โจทย์ก็คือใช้เพลงสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก (ว่าน ธนกฤต) มาเขียนเป็นซองฟิคสื่อถึงวัยต่างๆ ในช่วงอายุที่กำหนดค่ะ โดยไรเตอร์แต่ละคนก็จะได้ช่วยอายุที่แตกต่างกันออกไป คือ วัยอนุบาล+ประถม (I…wish) วัยมัธยม (punpun) วัยมหาวิทยาลัย (Lunzury) วัยทำงาน (yuhan) และวัยแก่ (Oil) ซึ่งจะลงต่อเนื่องกันแบบวันเว้นวันในบล็อกของไรเตอร์แต่ละคนค่ะ สามารถหาฟิคทุกเรื่องจากโปรเจ็คได้ในแท็ก #MinewtSF ในทวิตเตอร์ค่ะ
2. ฟิคเรื่องนี้เป็นการเอาฟิคเก่าที่ไอวิชเคยเขียนและเคยลงค้างไว้มารีไรท์และเขียนต่อให้จบ (?) นะคะ ช่วงต้นเรื่องอาจจะมีคนเคยอ่านมาบ้างแล้ว แต่ตรงกลางจนถึงตอนจบเป็นการเขียนเพิ่มเข้าไปให้สมบูรณ์ค่ะ
3. แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งในการเขียนมาจากหนังเรื่อง Doraemon Stand By Me ค่ะ
A Little Boy
Couple: Minewt , Minho x Newt , Newt x Minho
มินโฮเป็นเด็กอ้วน…
เพราะมินโฮเป็นเด็กอ้วนถึงได้มีแต่คนไม่อยากเล่นกับมินโฮ…
ความคิดที่ทำให้เด็กชายวัย 6 ขวบได้แต่ใช้พลั่วพลาสติกอันเล็กตักทรายเล่นคนเดียวอยู่อย่างนั้น ร่างกลมๆ นั่งกอดเข่าอยู่ในมุมหนึ่งในสนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน และถึงแม้ว่าในตอนนี้จะมีเด็กอยู่เกือบสิบคน แต่ก็กลับไม่มีใครยอมให้มินโฮเล่นด้วยเลยแม้แต่คนเดียว
นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นเด็กอ้วน…
แถมยังเป็นเด็กเอเชียผมดำที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่อีกต่างหาก
ไม่มีเด็กคนไหนอยากเล่นกับเด็กอ้วนอย่างมินโฮหรอก
…แค่ไม่โดนแกล้งอย่างทุกทีก็ดีแค่ไหนแล้ว
คิดแบบนั้นแล้วเด็กชายตัวอ้วนก็ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น มือเล็กๆ ก็ใช้พลั่วพลาสติกตีทรายเล่น ในใจก็นึกอยากกลับบ้านเร็วๆ
อยากกลับบ้านเร็วๆ… แต่คนที่เขารออยู่ยังไม่กลับมาจากโรงเรียนเลยนี่นา
“เฮ้ ไอ้อ้วน!”
แล้วความคิดของมินโฮก็ต้องหยุดลง เมื่ออยู่ๆ ก็มีเสียงวางอำนาจร้องทักมา ให้เด็กชายต้องค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองคนพูด
“ก… แกลลี่”
“วันนี้พี่ชายข้างบ้านแกไปไหนซะล่ะ?” น้ำเสียงไม่เป็นมิตรกับท่าทางคุกคามที่ทำให้คนฟังเริ่มตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความกลัว “ว่าไง วันนี้ไม่มีคนคอยคุ้มกะลาหัวแล้วรึไงห๊ะ ไอ้อ้วน!”
คำตะคอกจากหัวโจกทำให้เด็กคนอื่นๆ ที่ยืนทำตัวเป็นลูกกระจ๊อกอยู่ข้างๆ เริ่มระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนที่แกลลี่จะเดินเข้ามาใกล้ แล้วกระชากคอเสื้อของเด็กอ้วนให้ยืนขึ้นด้วยท่าทางที่เลียนแบบมาจากซีรี่ส์วัยรุ่นเรื่องดังที่เคยดูกับแม่ ถึงแม้ว่ามันจะค่อนข้างลำบากเพราะขนาดตัวของคนถูกกระชากที่ใหญ่ (อ้วน) กว่าคนกระชากก็ตาม
“ย… อย่าทำอะไรฉันนะ ฮึก…”
“แค่นี้ก็ร้องไห้แล้วว่ะ ไอ้อ่อนเอ๊ย!”
แล้วร่างกลมๆ นั้นก็ถูกเด็กชายที่ผอมกว่าแต่ตัวสูงกว่าโยนลงไปในกระบะทราย จนเสียงสะอื้นเบาๆ ในตอนแรกเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้จ้า ให้เด็กคนอื่นๆ ต้องหัวเราะเยาะสะใจ
“แกมันไอ้อ้วนอ่อนแอ แถมยังเป็นต่างด้าว! ว๊ะ ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้อ้วนต่างด้าว ไอ้อ้วนต่างด้าว ไอ้อ้วนต่างด้าว!”
“ฉ… ฉันไม่ใช่ต่างด้าวนะ! ฮืออออ”
มินโฮได้แต่นั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น รอบกายมีเด็กเกือบสิบคนยืนล้อมรอบพร้อมกับคำล้อเลียนและการขว้างปาเศษดินเศษหินใส่
มินโฮร้องไห้ มินโฮกลัว มินโฮเจ็บ มินโฮอยากกลับบ้าน…
เมื่อไหร่พี่ชายจะมาซักที…
“หยุดแกล้งมินโฮเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงตะโกนของใครบางคนที่ดังมาจากด้านหลัง เรียกให้ใบหน้ากลมๆ ที่ซุกอยู่กับเข่าของตัวเองต้องเงยขึ้นมองทั้งน้ำตา… พี่ชายข้างบ้านของเขายืนอยู่ตรงนั้น
“พี่ชาย… พี่ชาย! ฮือออ”
เสียงเรียกจากคนเป็นน้องที่ทำให้เด็กชายวัย 10 ขวบต้องรีบสาวเท้าเข้ามาหา ในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลก็จ้องไปที่กลุ่มเด็กเกเรอย่างเอาเรื่อง
“พวกนายทำอะไรมินโฮ?”
คำถามที่ทำให้ร่างเล็กๆ นับสิบแทบสะดุ้ง ลูกกระจ๊อกคนอื่นๆ ค่อยๆ ถอยห่างออกไปช้าๆ ก่อนจะพากันวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต ทิ้งไว้ก็แต่หัวโจกที่ยืนหลบตารุ่นพี่ที่อายุมากกว่าอย่างติดจะกลัวๆ
“ฉ… ฉันไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ไอ้อ้วนนี่มันอ่อนแอเองต่างหาก”
“รังแกคนอ่อนแอกว่าก็ไม่นับว่าเป็นคนเข้มแข็งนะแกลลี่”
คำพูดที่ทำให้เด็กชายตัวสูงต้องกัดฟันกรอด ก่อนจะหันไปตะคอกคาดโทษคนที่ยังนั่งจมอยู่ในกองทราย
“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้อ้วน!”
พูดจบแกลลี่ก็หมุนตัววิ่งออกไปจากสนามเด็กเล่น และนั่นก็ทำให้ในตอนนี้สนามเด็กเล่นของหมู่บ้านเหลือเพียงแค่ร่างกลมๆ ของเด็กชายชาวเอเชีย และร่างผอมๆ ของเด็กประถมอีกหนึ่งคนเท่านั้น
“เฮ้อ…”
แล้วก็เป็นฝ่ายพี่ชายที่ถอนหายใจเบา ก่อนจะยื่นมือส่งให้คนเป็นน้องที่ยังนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ที่เดิม
“กลับบ้านกันได้แล้ว”
ดวงตาสีดำคู่เล็ก เงยขึ้นสบกับดวงตาสีน้ำตาลคู่ใจดี ก่อนที่มือป้อมๆ จะยกขึ้นจับมือที่ยื่นส่งมาให้
“ขอบคุณ… ฮึก… ขอบคุณฮะพี่นิวท์”
“…”
คำขอบคุณที่ได้รับความเงียบตอบกลับมา ต่างจากทุกครั้งที่พี่ชายจะต้องบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’ แล้วเข้ามาเช็ดน้ำตาออกให้… แต่คราวนี้มันกลับมีแค่ความเงียบที่ทำให้มินโฮรู้สึกว่าอยากร้องไห้อีกรอบ
“พี่ชาย…”
“นายจะให้ฉันคอยปกป้องนายแบบนี้ทุกครั้งไม่ได้นะมินโฮ”
“พี่ชายรำคาญมินโฮแล้วเหรอ?”
“เปล่านะ!”
“แล้วทำไม… ฮึก…”
เสียงร้องไห้กับน้ำตาที่ร่วงกราวเริ่มทำให้คนใจไม่แข็งจริงต้องใจอ่อนอีกครั้ง
นิวท์เดินเข้าไปใกล้ร่างป้อมๆ ของคนเป็นน้อง ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกให้เหมือนทุกครั้ง
“ฉันแค่อยากให้นายเข้มแข็ง อยากให้นายหัดลุกขึ้นสู้กับไอ้เพียกพวกนั้นบ้าง”
“มินโฮอ่อนแอ จะไปสู้พวกนั้นได้ยังไง…”
“ต้องได้สิวะ! แกลลี่มันตัวโตกว่าฉันอีก ฉันยังสู้มันได้เลย”
“ก็พี่ชายเก่ง”
“งั้นนายก็หัดเก่งให้ได้แบบฉันสิ! ต่อไปไม่มีฉันอยู่ด้วยแล้วนายจะอยู่ยังไง? ให้ไอ้พวกนั้นมันรุมซ้อมทุกวันรึไง? ห๊ะ?!”
คำตะคอกใส่อารมณ์ที่คราวนี้ทำให้คนฟังชะงักนิ่ง…
ไม่ใช่เพราะว่าถูกพี่ชายต่อว่า ไม่ใช่เพราะถูกตะคอก แต่ที่มินโฮชะงักก็เพราะคำพูดที่บอกว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วต่างหาก…
“พี่นิวท์จะไม่อยู่กับมินโฮ?...”
คนเป็นพี่ก้มหน้าหลบสายตาเป็นครั้งแรก
“ฉัน…”
“พี่จะไปไหน ไม่เอานะ มินโฮไม่ให้ไปไหนนะ ไม่เอานะ ฮืออออ”
พูดจบมือป้อมๆ ก็คว้าตัวสูงๆ ของคนเป็นพี่เข้ามากอด น้ำตาที่หยุดไหลไปได้ไม่นานก็กลับมาไหลอีกรอบ ให้คนที่ถูกกอดอยู่ต้องยกมือขึ้นกอดตอบช้าๆ
“ฉ… ฉันไม่ไปไหนหรอกน่า…”
“จริงๆ นะ?”
“อืม”
“พี่ชายจะอยู่ด้วยกันกับมินโฮตลอดไปเลยใช่มั้ย?”
คำถามที่ทำให้คนเป็นพี่ชายต้องเม้มปากเล็กน้อย ดันร่างป้อมๆ ออกจากอ้อมแขน ก่อนจะสบกับดวงตาตี่ๆ นั้นนิ่ง
“ไม่มีใครจะอยู่ด้วยกันตลอดไปได้หรอกนะมินโฮ”
“…”
“…”
“แต่มินโฮอยากอยู่ด้วยกันกับพี่นิวท์ตลอดไปนี่นา…”
แต่โลกของฉันมันหมุนไปด้วยหัวใจที่ได้รักเธอ…
.
.
.
.
.
.
“แงงงงง พี่ชายอยู่ไหน ช่วยมินโฮด้วย ฮือออ”
เสียงแหกปากร้องไห้ของเด็กชายตัวอ้วนกลมดังลั่นสนามเด็กเล่นอีกครั้ง เมื่อวันนี้เจ้าตัวดันขึ้นไปค้างเติ่งอยู่บนต้นไม้และไม่สามารถลงมาได้ ในขณะที่ด้านล่างก็ล้อมรอบไปด้วยกลุ่มเด็กชายวัยเดียวกันที่กำลังแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนกันอย่างสนุกสนาน
มินโฮถูกแกล้งอีกแล้ว…
ความคิดที่ทำให้น้ำตาไหลพรากมากกว่าเดิมและก็ยิ่งเพิ่มเสียงหัวเราะของคนแกล้งให้ดังขึ้นกว่าเดิมไปอีกเท่าตัว
“ฮ่าๆ ไอ้อ่อนเอ๊ย! แค่นี้ก็โดนหลอก อ้วนแล้วยังโง่อีก! ฮ่าๆๆๆๆ”
“ช่ายยย ไอ้อ้วนต่างด้าวโง่เง่า!”
“ไอ้โง่ ไอ้โง่ ไอ้โง่ววว!”
เสียงล้อเลียนกับการเต้นแรงเต้นกาดังจากด้านล่าง ให้เด็กชายที่ยังคงค้างเติ่งอยู่บนต้นไม้ได้แต่กอดลำต้นเอาไว้แน่น ตัวสั่นงันงก ใบหน้ากลมๆ เต็มไปด้วยน้ำมูกกับน้ำตา และร่างป้อมๆ ก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสะอื้นลงได้
“พี่ชายอยู่ไหน… ฮึก…”
“เอะอะก็เอาแต่ร้องไห้หาพี่! อ่อนแอแบบนี้ใครจะอยากเล่นด้วยวะ!”
“ใช่ๆ ไม่มีใครอยากเล่นกับแกหรอกไอ้อ้วน!”
“ไอ้อ้วนน่าเบื่อ กลับกันดีกว่า”
แล้วกลุ่มเด็กเกือบสิบคนก็ค่อยๆ ทยอยกันกลับบ้าน ทิ้งไว้ก็แต่เด็กชายตัวอ้วนที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนต้นไม้ใหญ่…
เวลาผ่านไป และผ่านไป… จากชั่วโมงเป็นสองชั่วโมง จากบ่ายกลายเป็นตกเย็น ในที่สุดร่างผอมๆ ของพี่ชายข้างบ้านก็วิ่งกระหืดกระหอบตรงมายังสนามเด็กเล่นด้วยใบหน้าที่บ่งบอกถึงความตื่นตกใจ ปากก็ตะโกนเรียกชื่อของคนที่หายไปตั้งแต่บ่ายเสียงดังลั่น
“มินโฮ! มินโฮ นายอยู่แถวนี้รึเปล่า?!”
เสียงตะโกนเรียกที่ทำให้มินโฮสะดุ้งเฮือก น้ำตาที่เพิ่งจะแห้งไปได้ไม่นานกลับมาไหลอาบแก้มกลมๆ อีกรอบด้วยความดีใจ แต่แขนสั้นๆ ก็ยังคงกอดต้นไม้เอาไว้แน่นด้วยความกลัว
“มินโฮ!”
“พี่… พี่ชาย! ฮืออออ”
“มินโฮ นายอยู่ไหนน่ะ?!”
“มินโฮอยู่นี่ อยู่บนต้นไม้ มินโฮ…ฮึก… มินโฮกลัว…”
คนเป็นพี่รีบวิ่งมาหยุดลงที่โคนต้นไม้ ใบหน้าชื้นเหงื่อเงยขึ้นมองคนที่ติดอยู่บนนั้น ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวปลอดภัยดี
“ไอ้บ้าเอ๊ย! นายขึ้นไปบนนั้นทำไมเนี่ย?!”
“ก… แกลลี่บอกว่าถ้ามินโฮปีนขึ้นมาบนนี้แล้วลงไปได้… อึก… แกลลี่จะยอมเป็นเพื่อนด้วย”
“…”
“แต่มินโฮลงไม่ได้ ฮืออออ”
คำตอบที่ทำให้นิวท์ต้องขมวดคิ้วมุ่น เด็กชายกัดฟันด้วยความโมโห ก่อนจะตะโกนกลับขึ้นไปส่งคำสั่ง
“ลงมา!”
“ลงไม่ได้ ฮืออออ”
“ลงได้สิ! เลิกร้องไห้แล้วรีบลงมาเดี๋ยวนี้เลย!”
“ม… มินโฮลงไม่ได้… ฮึก…”
“ถ้านายไม่ลงมาฉันจะไม่เล่นกับนายอีก จะไม่คุยด้วย จะไม่มาหาอีก”
คำขู่ที่ทำให้เสียงร้องไห้ของคนฟังแทบหยุดชะงักลงในทันที ดวงตาตี่ๆ เบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่หัวใจจะหล่นวูบเมื่อเห็นแววจริงจังในดวงตาสีน้ำตาลของคนพูด
“พี่…”
“นายทำได้ มินโฮ”
“…”
“พี่เชื่อว่านายทำได้”
มินโฮเม้มริมฝีปากแน่น สบตากับพี่ชายอยู่อย่างนั้นซักพัก ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้าช้าๆ แล้วเอื้อมมือคว้ากิ่งไม้ใกล้ตัว ร่างป้อมๆ พยายามข่มความกลัว ในขณะที่แขนและขาก็ค่อยๆ ปีกป่ายลงมาอย่างช้าๆ
…ภาพที่ทำให้นิวท์แทบจะกลั้นหายใจลุ้น
นายทำได้มินโฮ
นายทำได้…
เสียงภาวนาดังในใจของเด็กชายตัวผอม มือเล็กๆ กำหมัดแน่นอย่างพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองต้องถลาเข้าไปช่วย ในขณะที่สายตาก็จับจ้องไปยังร่างป้อมๆ ที่กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ
“ฮึบ!”
และแล้วเด็กชายตัวอ้วนก็ลงมายืนบนพื้นดินได้สำเร็จ ดวงตาตี่ๆ เบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะทำได้จริงๆ ก่อนที่ใบหน้ากลมๆ จะหันไปมองคนเป็นพี่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“มินโฮลงมาได้แล้ว…”
“แล้วนายก็ไม่ร้องไห้แล้วด้วย”
น้ำเสียงใจดีกับรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้คนฟังค่อยๆ ระบายยิ้มกว้าง จากนั้นมินโฮก็วิ่งเข้าไปกอดคนพูดจนร่างผอมๆ นั้นแทบเซ
“มินโฮทำได้ล่ะ มินโฮทำได้ล่ะ!”
“ฮ่าๆ เก่งมากไอ้อ้วน”
ทั้งๆ ที่มินโฮไม่เคยนึกชอบเวลาที่แกลลี่เรียกเขาว่าไอ้อ้วน แต่ตอนนี้ที่คนเรียกคือพี่ชายข้างบ้านคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าทำไมมินโฮถึงได้ชอบมันได้อย่างน่าประหลาด…
…เพราะเธอคือสิ่งที่เล็กๆ ที่ฉันเรียกเธอว่าความรัก
.
.
.
.
.
.
“วันอาทิตย์นี้ครอบครัวแซงส์เตอร์จะย้ายไปอยู่ที่ลอนดอนแล้วนะคะคุณ”
ประโยคบอกเล่าของคนเป็นแม่ที่เรียกให้เด็กชายที่กำลังก้มหน้าก้มตาทานอาหารค่ำอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นฟังด้วยความตกใจ ในขณะที่คนเป็นพ่อก็เพียงแค่พยักหน้ารับเล็กน้อย
“มิสเตอร์แซงส์เตอร์ก็บอกผมอยู่เหมือนกัน น่าเสียดายนะ เพื่อนบ้านดีๆ แบนนี้ยิ่งหายากอยู่ด้วย”
“นั่นสิคะ ตอนที่เราย้ายมาอยู่นี่ใหม่ๆ ก็ได้เขาช่วยเหลือเอาไว้เยอะเลย”
บทสนทนาที่มินโฮฟังแล้วไม่เข้าใจ หากแต่ความกลัวกลับพุ่งเข้ามาในใจยิ่งกว่าตอนที่โดนแกลลี่ขู่ว่าจะจับเขาถอดกางเกงในซะอีก
พี่ชายจะย้ายไปอยู่ลอนดอน?...
พี่ชายจะไม่อยู่กับมินโฮแล้วเหรอ?...
…การรับรู้ที่ทำให้หัวใจหล่นวูบก่อนที่หยดน้ำตาจะร่วงเผาะๆ
“ตายแล้ว มินโฮร้องไห้ทำไมลูก?!”
“…”
เด็กชายตัวอ้วนไม่ได้ตอบคำถามของแม่ ไม่มีการสะอื้นไห้ มีแค่หยดน้ำตาที่มันกำลังไหลออกมาไม่ขาดสาย มือป้อมๆ พยายามยกขึ้นเช็ดมันออกจากแก้ม ก่อนที่ร่างกลมๆ จะกระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งตรงไปที่ประตูบ้าน… ภาพที่ทำให้คนเป็นแม่ต้องร้องตามเสียงหลง
“มินโฮจะไปไหนลูก!”
“…”
“มินโฮ!”
ไม่มีเสียงตอบกลับจากเด็กชายตัวอ้วน ขาสั้นๆ พาเจ้าตัววิ่งออกจากตัวบ้าน ตรงไปยังบ้านหลังข้างๆ อย่างลืมกลัวแม้แต่ความมืดที่ปกคลุมอยู่รอบด้าน
พี่ชายจะทิ้งมินโฮไปอยู่ลอนดอน
พี่ชายจะไม่อยู่กับมินโฮแล้ว…
ความคิดที่ทำให้น้ำตายิ่งไหลอาบแก้ม เสียงสะอื้นไห้เริ่มดังลอดลำคอ ในขณะที่ขาสั้นๆ ก็ยิ่งซอยถี่เพื่อให้ถึงจุดหมายเร็วที่สุด และสุดท้ายมินโฮก็วิ่งมาหยุดลงตรงหน้าบ้านหลังข้างๆ ประตูรั้วที่ปิดสนิททำให้เด็กชายต้องตะโกนออกไปสุดเสียง
“พี่นิวท์! ฮึก… พี่นิวท์!”
“มินโฮเป็นอะไรลูก!”
เสียงร้องถามจากแม่ที่เพิ่งจะวิ่งตามมาทัน แต่เด็กชายกลับไม่สนใจ เอาแต่ตะโกนเรียกชื่อของคนคนเดิมซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น และก่อนที่คนเป็นแม่จะทำอะไรไม่ถูกมากไปกว่านั้น ร่างผอมๆ ของเด็กชายเจ้าของชื่อก็เดินออกมาจากบ้านพร้อมกับผู้ปกครองที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเช่นกัน
ประตูรั้วบ้านถูกเปิดออกพร้อมกับร่างอ้วนกลมที่กระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของนิวท์ในทันที
“พี่ชาย ฮือออ”
“มินโฮเป็นอะไร?” แขนเล็กๆ ยกขึ้นกอดตอบ ในขณะที่ส่งคำถามด้วยความงุนงง
“นั่นสิ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณนายลี?” คำถามจากคุณนายแซงส์เตอร์ที่ได้รับการส่ายหน้ากลับมาเป็นคำตอบ
“คุณแม่บอกว่าพี่นิวท์จะ… ฮึก… จะย้ายบ้านไปลอนดอน ฮือออ”
คำตอบที่ทำให้ผู้ใหญ่สองคนต้องถอนหายใจเบา ในขณะที่คนต้นเรื่องก็ยังเอาแต่ร้องไห้โฮ
“พี่เขาย้ายไปเราก็ยังโทรคุยกันได้นี่นา”
“ฮือออ ไม่เอา ไม่ให้ไป!”
“มินโฮลูก ไม่เอาไม่ดื้อสิครับ”
คนเป็นแม่ก็พยายามอธิบายเหตุผล แต่คนดื้อก็ยังคงดื้ออยู่อย่างนั้น เด็กชายตัวอ้วนยังคงกอดตัวผอมๆ ของพี่ชายเอาไว้แน่น ในขณะที่คนถูกกอดก็ได้แต่ยืนเงียบอยู่อย่างนั้น
“พี่ชายจะทิ้งมินโฮ… แล้วต่อไปใครจะเล่นกับมินโฮ ใครจะช่วยสอนภาษาอังกฤษให้มินโฮ… ฮึก… ใครจะมาช่วยมินโฮเวลาถูกแกลลี่แกล้ง ใครจะ…”
“ไม่มีฉันอยู่ด้วยนายก็ต้องช่วยเหลือตัวเองสิ”
คำพูดที่ทำให้คนร้องไห้ต้องชะงักกึก ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาค่อยๆ เงยขึ้นมองคนพูดที่ตอนนี้มีหยดน้ำใสๆ รื้นอยู่ในดวงตา
พี่ชายร้องไห้?...
ไม่จริง มินโฮไม่เคยเห็นพี่นิวท์ร้องไห้แบบนี้…
มินโฮไม่อยากเห็นพี่นิวท์ร้องไห้ซักหน่อย…
“พี่นิวท์อย่าร้องไห้…”
มือป้อมๆ เอื้อมจับใบหน้าของคนเป็นพี่เอาไว้ ก่อนจะเช็ดน้ำตาออกให้ช้าๆ
“ที่ฉันร้องก็เพราะนายนั่นแหละไอ้อ้วน!” เสียงตะคอกที่ทำให้คนเป็นไอ้อ้วนต้องชะงัก หากแต่มินโฮกลับไม่ได้ร้องไห้อีกแล้ว
เพราะน้ำตาของคนตรงหน้ามันทำให้เด็กชายลืมทุกอย่างไปในทันที
“ฉันต้องไปลอนดอน… ฮึก… ฉันจะคอยอยู่ปกป้องนายไม่ได้อีกแล้ว แต่… แต่นายก็ยังเอาแต่เป็นไอ้อ้วนงี่เง่า!”
เสียงร้องไห้และคำด่าว่าที่ทำให้มินโฮเริ่มน้ำตาคลออีกรอบ แต่คราวนี้มันกลับไม่ใช่เพราะเหตุผลว่าพี่ชายจะทิ้งเขาไป แต่มันกลับเป็นเพราะเขากำลังทำให้พี่ชายต้องร้องไห้ต่างหาก
มินโฮกางแขนกอดคนเป็นพี่เอาไว้แน่น ใบหน้ากลมๆ ซุกเข้ากับช่วงเอวที่สูงกว่าทั้งๆ ที่ยังคงสะอื้นไห้อยู่อย่างนั้น
“พี่ชายอย่าร้องไห้…”
“ฮึก…”
“พี่นิวท์ ไม่เอาไม่ร้อง”
“ฮือออ”
เสียงร้องจากคนที่ไม่เคยร้องไห้ยิ่งทำให้มินโฮต้องกอดแน่นขึ้นไปอีก…
เขาต้องทำยังไงพี่ชายถึงจะหยุดร้องไห้ มินโฮต้องทำยังไงพี่นิวท์ถึงจะกลับมายิ้มเหมือนเดิม?...
ความคิดที่ทำให้ยิ่งพาลน้ำตาไหล แขนป้อมๆ ก็ได้แต่กอดกระชับร่างของคนที่กำลังสะอื้นเข้าหาตัว
“ถ้ามินโฮเข้มแข็งพี่ชายจะเลิกร้องไห้ใช่มั้ย?” คำถามที่ทำให้คนเป็นพี่ต้องชะงัก… นิวท์ก้มลงมองใบหน้ากลมๆ ที่เงยขึ้นมามองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ “ถ้ามินโฮ… ฮึก… ถ้ามินโฮไม่ร้องไห้ พี่ชายก็จะไม่ร้องไห้เหมือนกันใช่มั้ย?”
คำถามจากคนที่ยังคงมีคราบน้ำตาเปื้อนหน้า แต่เมื่อนิวท์พยักหน้ารับ มือป้อมๆ ก็ยกขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากหน้าตัวเอง แล้วฉีกยิ้มแฉ่งทั้งๆ ที่ยังคงไม่หยุดสะอื้น
“เห็น… เห็นมั้ย มินโฮยิ้มแล้ว…”
“…”
“มินโฮยิ้มแล้ว… พี่นิวท์ก็ต้องไม่ร้องนะ”
คำพูดที่ทำให้คนเป็นพี่ต้องคว้าตัวคนพูดเข้ามากอดเอาไว้อีกครั้ง…
สิ่งที่เธอเห็นคงจะดูไม่ยิ่งใหญ่ แต่มันมีแรงบันดาลใจมากเพียงพอ
และข้างในนั้นยังมีหนึ่งใจที่เฝ้ารอ แต่เธอคงมองไม่เห็นที่ตรงนี้…
.
.
.
.
.
.
“เฮ้ย! ไอ้อ้วนมินโฮจะรีบไปไหนวะ?!”
เสียงตะโกนกร่างๆ เรียกให้เด็กชายที่กำลังจะเดินกลับบ้านต้องชะงักขาสั้นๆ ของตัวเอง มินโฮไม่ได้หันไปมองอีกฝ่าย แต่เขาก็รู้ว่าต้องเป็นแกลลี่แน่ๆ
วันนี้พี่ชายจะย้ายบ้านแล้ว มินโฮไม่มีเวลามาเถียงด้วยหรอกนะ
ความคิดที่ทำให้ขาสั้นๆ ต้องก้าวฉับๆ อย่างพยายามจะเดินหนี แต่คนหาเรื่องก็ยังคงตามมารังควานไม่ยอมหยุด
“แม่ฉันบอกว่าพี่ชายนายจะทิ้งนายไปอยู่อังกฤษล่ะ”
“…”
“โด่ว สุดท้ายแกมันก็เป็นไอ้อ้วนโดนทิ้ง! ฮ่าๆ”
“ฉันไม่ได้โดนทิ้งนะ!”
“งั้นทำไมพี่ชายนายต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นด้วยล่ะ โดนทิ้งก็ยอมรับมาเถอะน่า”
“ไม่ใช่นะ!”
“ไอ้อ้วนโดนทิ้ง ไอ้อ้วนโดนทิ้ง ไอ้อ้วนโดนทิ้ง”
“หุบปากเดี๋ยวนี้!”
คำตะคอกที่ทำให้คนฟังต้องชะงัก แกลลี่หรี่ตามองไอ้อ้วนตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาด้วยท่าทางคุกคาม
“แกตายแน่ไอ้อ้วน!”
คำขู่ที่มาพร้อมกับกำปั้นที่ชูขึ้นเหนือหัว ให้มินโฮต้องเบิกตาด้วยความกลัว แต่ในขณะที่กำลังจะร้องไห้แล้วเรียกหาพี่ชายเหมือนทุกที ภาพใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคนเป็นพี่ในคืนนั้นก็ลอยเข้ามาในหัวอีกครั้งให้เด็กชายต้องชะงักและกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้
ถ้ามินโฮอ่อนแอพี่นิวท์ก็ต้องร้องไห้อีก… ไม่เอาหรอก
จบความคิดกำปั้นลุ่นๆ ของแกลลี่ก็ทุบเข้ามาที่ไหล่ให้ร่างป้อมๆ ต้องเซถลา แต่พอตั้งหลักได้ดวงตาตี่ๆ ก็ฉายแววแน่วแน่ ก่อนจะกำหมัดแน่นแล้ววิ่งเข้าใส่คนตรงหน้าอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
มินโฮจะไม่ยอมให้พี่ชายต้องร้องไห้เพราะเขาอีก
ไม่มีวันเด็ดขาด
สิ่งที่เล็กๆ ที่ฉันเรียกมันว่าความรัก แค่เพียงได้รักเท่านั้นคงไม่ยิ่งใหญ่
แต่โลกของฉันมันหมุนไปด้วยหัวใจที่ได้รักเธอ… เพราะเธอคือสิ่งที่เล็กๆ ที่ฉันเรียกเธอว่าความรัก
นิวท์กำลังช่วยพ่อกับแม่ขนของขึ้นรถแท็กซี่ที่มาจอดรอรับอยู่หน้าบ้าน…
เขากำลังจะไปที่สนามบินและก็คงไม่ได้กลับมาที่นิวยอร์กอีกแล้ว แต่ตอนนี้คนที่เขาอยากให้มาส่งมากที่สุดกลับยังไม่มาซักที… ความคิดที่ทำให้เด็กชายต้องคอยชะเง้อคอมองหาคนที่เขารอจะเจอมาตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลจะเบิกกว้าง เมื่อพบกับสภาพสะบักสะบอมของร่างอ้วนกลมที่กำลังวิ่งตรงมาหา
“พี่นิวท์!”
เสียงตะโกนเรียกพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ไม่ได้เข้ากับใบหน้ามอมแมนนั่นเลยซักนิด เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ผมกระเซิง และรอยช้ำจางๆ ตรงหางตาที่มันทำให้นิวท์ต้องรีบวิ่งเข้าไปหาคนตรงหน้า
“นายไปทำอะไรมา?!”
“มินโฮต่อยกับแกลลี่มาล่ะ”
“ห๊ะ?!”
คนเป็นพี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่คนเป็นน้องกลับเดินเข้ามาอกอดแล้วซุกหน้าลงกับเอวผอมๆ ให้คนถูกกอดต้องชะงักนิ่ง...
“มินโฮเข้มแข็งแล้วนะ ไม่ต้องให้พี่ชายคอยปกป้องแล้ว…”
“…”
“พี่… พี่ชายไม่ต้องห่วงนะ มินโฮจะไม่เป็นไอ้อ้วนงี่เง่าแล้ว…”
ประโยคบอกเล่าที่มาพร้อมกับน้ำตาเย็นๆ ที่หยดลงบนเสื้อของคนฟัง แต่กลับไม่มีเสียงสะอื้นฟูมฟายเหมือนทุกครั้ง… ความเข้มแข็งที่ทำให้นิวท์ต้องกอดร่างป้อมๆ นั้นเอาไว้แน่น
“…”
“…”
“เราจะได้เจอกันอีกมั้ย?”
นิวท์ซบหน้าลงกับไหล่ของคนถาม กระชับกอดให้แน่นขึ้นอีกนิดก่อนจะเอ่ยคำตอบแผ่วเบา
“ต้องได้เจอสิ”
“มินโฮจะรอพี่นิวทท์กลับมานะ”
“อื้อ… พี่จะกลับมาหานาย”
อยากให้เธอรู้ฉันรักเธอสุดหัวใจ วันพรุ่งนี้เป็นไง… หัวใจเป็นของเธอ
End.
**********************************************************************
จบแล้วววว โฮกกกกกก TTOTT
เป็นฟิคที่ตีความเพลงสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ด้วยคำว่า “แรงบันดาลใจ” ค่ะ
เพลงนี้ถ้าฟังแบบผ่านๆ ก็คงเป็นแค่เพลงแอบรักธรรมดาๆ สำหรับใครหลายคน
แต่เรามองว่ามันสื่อถึงความรักได้หลายรูปแบบมากกว่านั้นนะ :)
ตอนฟังเพลงนี้ครั้งแรก คำว่า “แรงบันดาลใจ” ก็ลอยเข้ามาในหัวทันทีเลย
ความรักมันคงจะเป็นสิ่งเล็กๆ ไม่ได้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แต่มันก็กลับเป็นแรงผลักดันให้ใครหลายคนลุกขึ้นมาทำอะไรได้หลายอย่าง… เรามองแบบนั้น มันก็เลยเกิดเป็นไอ้อ้วนมินโฮแบบในฟิคเรื่องนี้นี่แหละค่ะ ฮาา
ตอนที่เขียนอยู่แอบตั้งคอนเส็ปต์ให้กับตัวเองเล็กน้อยว่า
“จะเขียนซองฟิคเพลงรักโดยที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในเนื้อเรื่องเลย”
(ไม่นับคำว่ารักที่อยู่ในเนื้อเพลงนะ ฮา) แล้วมันก็ออกมาเป็นเช่นนี้แล~
สนุกไม่สนุกยังไงก็ติชมกันได้นะคะ
ถ้าไม่สะดวกคอมเม้นท์ก็สามารถพูดคุยกันผ่านแท็ก #MinewtSF ในทวิตเตอร์ได้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับการอ่านนะคะ :D
รัก
ไอวิช
ความคิดเห็น