ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO SCHOOL HORROR [END]

    ลำดับตอนที่ #12 : SCHOOL : CHAPTER10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.6K
      27
      1 ก.ค. 56

    Chapter10

     

    [Kai part]

     

    ให้ตายเถอะ ทำไมคนตรงหน้าผมถึงเป็นคนนี้ไปซะได้ ทำไมผมไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิดที่รู้ว่าเทายังไม่ตาย

    ทั้งๆที่เดินไปคนเดียวแท้ๆ ในขณะที่ผมเจออะไรน่ากลัวมามากมาย แต่เทากับรอดชีวิตมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
    แถมยังมาปรากฏตัวในที่แบบนี้อีก จะมีสักกี่คนกันที่สามารถลงมาถึงชั้นล่างสุดได้

    “น..นายมาทำอะไรที่นี่เหรอ” ผมพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น

    ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมอยู่ดีดีถึงรู้สึกกลัวขึ้นมากะทันหัน มันไม่ใช่ความรู้สึกแบบกลัวผี

    แต่เป็นความรู้สึกเหมือนระแวงคนตรงหน้า แววตาของเทาไม่เหมือนครั้งแรกที่เจอ หรือผมคิดไปเอง?

    “ทำไมนายถามฉันแบบนั้นล่ะ ฉันก็ติดอยู่ในโรงเรียนนี้เหมือนนายนี่ละ” เทาตอบเสียงเรียบ

    ไม่รู้ว่าผมระแวงไปเองหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าเทากำลังก้าวเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ

    “ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ฉันหมายถึงว่าทำไมนายถึงมาอยู่ชั้นล่างได้”

    เทาหลุดหัวเราะเบาๆกับตัวเองก่อนจะเกาท้ายทอยแก้เก้อ

    “ก็นะ ฉันก็แค่เดินลงบันไดมาธรรมดา”

    “นายแค่เดินลงมาธรรมดาเนี่ยนะ? ไม่เจออะไรเลย?” ผมถามอย่างเหลือเชื่อ

    ก็มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ เทาตัวคนเดียวนะ ทำไมถึงไม่เจออะไร?

    “นายกำลังหมายถึงผี?” ร่างสูงเลิกคิ้ว

    “ก็ไม่เจอนะ  เจอแต่ข้อความบนผนัง

    “?” คำพูดของเทาสะท้อนเข้ามาในหัวผม

     

    ข้อความ.. ข้อความอะไร

     

    สิ้นประโยคของร่างสูงผมก็ไปต่อไม่เป็นอีก แต่ดูเหมือนผมขยับตัวเมื่อไรเทาก็ขยับตัวเมื่อนั้น

    ผมถอย เขาก็ก้าวเข้ามา ผมยืนนิ่ง เขาก็ยืนนิ่ง สายตาของเทาเป็นประกายดั่งเหยี่ยว

     

    “คือ..เราออกไปจากที่นี่กันไหม” ผมวกกลับมาเรื่องปัจจุบันที่ตัวเองกำลังจะทำ

    รู้สึกเหมือนเป็นรองอย่างบอกไม่ถูก มันควรจะเป็นผมสิที่ต้องเหนือกว่า ผมสามารถฆ่าเขาตอนนี้ก็ยังได้

    บางทีผมก็ลืมหน้าที่ตัวเองไปด้วยซ้ำว่าต้องทำอะไรบ้างทันทีที่เจอเทา

    “อ่า..นายหมายถึงให้เดินออกไปประตูโน่นน่ะเหรอ” ร่างสูงชี้ไปที่ประตูบานเลื่อนอัติโนมัติที่ผมคิดจะวิ่งออกไปเมื่อครู่
    ผมพยักหน้าแทนคำตอบแต่เทากลับส่ายหน้ามาให้

    “ไม่ได้หรอก เราออกไปไม่ได้”

    “ทำไมล่ะ” ทันทีที่ผมถามออกไปร่างสูงก็เข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว
    ผมตั้งท่าจะหนีแต่ก็ต้องนิ่งเมื่อเทาไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ผมคิด เขาแค่เข้ามากระซิบผม

    “นายลองมองตรงนั้นสิ เห็นอะไรไหม” เทาชี้ไปทางประตูเมื่อกี้

    ผมทอดสายตามองตาม เห็นเงาทะมึนอะไรบางอย่างลอยวนอยู่แถวๆนั้น

    “ห..เห็น”

    “นั่นล่ะ เป็นสาเหตุที่ฉันออกไปไม่ได้”

    อ่า ใช่ มันเฝ้าอยู่สิน่ะ ผมน่าจะฉุกคิดตั้งแต่แรกว่าทำไมเทาไม่เดินออกไปทั้งๆที่มาถึงชั้นล่างก่อนผม

    “แล้วเราจะออกไปได้ยังไง”

    “ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันมีวิธีนอกเหนือจากนี้” เทายิ้มเย็น
    เป็นรอยยิ้มที่ผมเกลียดที่สุด มันเหมือนผมกำลังส่องกระจกยังไงยังงั้น รอยยิ้มแบบนี้ผมเคยใช้กับเฮียคริส

    “นายหมายถึง?” สมองผมสั่งการให้ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆจนแผ่นหลังชิดกำแพง
    ร่างสูงเดินเข้ามาประชิดตัวผมอีกครั้งก่อนจะฉุดแขนผมเดินขึ้นบันไดไป

    “ตามฉันมา ฉันมีวิธีที่จะรอดโดยไม่ต้องออกจากโรงเรียน”

    ถ้าเป็นเมื่อก่อน ใครทำแบบนี้ผมจะกระชากแขนมันไขว้หลังแล้วต่อยมันซะ แต่ในตอนนี้ผมคงต้องตามน้ำ

    อ่า ใช่ ข้อเสนอของเทาก็ดูน่าสนใจ ผมก็อยากรู้ไม่น้อยเลยว่าจะรอดได้อย่างไร แต่เหตุผลหลักมันไม่ใช่

    ผมแค่กำลังหาวิธีจัดการเขา...หลังจากที่รู้วิธีรอดจากร่างสูงมาแล้ว

     

    เทากึ่งลากผมขึ้นมาที่ชั้นสอง เมื่อก้าวขึ้นบันไดขั้นสุดท้ายได้ผมก็สะบัดข้อมือให้หลุดจากพันธนาการทันที

    ร่างสูงร้องโอดโอยเสียงหลงก่อนจะบีบนวดมือข้างที่ทุกสะบัดเบาๆ

    “อย่ารุนแรงได้ไหม ข้อมือฉันเป็นแผลอยู่นะ”

    “ขอโทษที”

    ผมชายตามองรอยไหม้ตรงข้อมือของเขา เทาไม่ตอบอะไรเพียงแต่เบี่ยงข้อมือให้พ้นจากสายตาผม

     

    ร่างสูงเดินนำผมมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ขึ้นชั้นสองมาเทาก็เอาแต่เดินดุ่มๆโดยไม่หันมามองผมแม้แต่นิดว่ายังเดินตามมาอยู่หรือไม่ ดูท่าทางคนตรงหน้าจะคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี แถมยังดูเหมือนไม่รู้สึกกลัวอะไรด้วย

    “นายเดินมาอย่างนี้ไม่กลัวผีหรือไง” ผมถามตามตรงแต่ร่างสูงก็ยังไม่หยุดเดิน

    “ไม่ ตั้งแต่ผละจากเฮียคริสมา ฉันก็ไมเห็นเจออะไรอย่างที่นายบอก”

     

    มันก็จริงอยู่ ตั้งแต่ผมตามเทามาผมก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติรอบๆตัวเลย มันก็ทำให้ผมอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง

    ในหัวผมตอนนี้กำลังคิดหาวิธีที่จะจัดการร่างสูง แต่มันติดที่ว่าจะทำยังไงนี่สิ

     

    “เราจะไปที่ไหนกัน” ผมเร่งเดินไปขนาบข้างเทาเมื่อเห็นว่าเขากำลังพาผมเดินไปไกล

    ใช่ ทางที่พวกเรากำลังเดินอยู่นี่ผมไม่คุ้นและไม่เคยมา มันไม่ได้ตรงไปทางโรงอาหาร แต่เทาพาผมเลี้ยวขวาไปอีกทาง

    “ไปบันไดหนีไฟ”

    “?”

    ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ พวกเราก็เดินมาถึงสถานที่ที่เทาบอก ป้ายทางเข้าเขียนตัวใหญ่ว่าบันไดหนีไฟ

     

    ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นกับมันแปลกๆ มันเหมือน

     

    “เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเข้าไป” เทายื่นแขนมากั้นตัวผมกับทางเข้า

    “ทำไม ในนั้นมันมีอะไรหรือไง”

    “เดี๋ยวฉันมา นายอย่าเพิ่งเข้าไปจนกว่าฉันจะบอกนะ”

    พูดจบร่างสูงก็เดินหายเข้าไปในห้องข้างๆ ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมยังยืนนิ่งไม่ยอมเข้าไปตามที่เทาบอก
    ผมก็แค่เชื่อฟังอย่างว่าง่าย

    พลันสายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับวัตถุบางอย่างอยู่ใต้ชั้นวางรองเท้า

    มันมีสีดับขลับอ่า ใช่ มันคือปืน

    ผมเดินไปเก็บมาโดยไม่ลังเล แม้จะสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมอาวุธอันตรายมันถึงมาอยู่ตรงนี้ได้

    แต่ยังไงซะโชคก็เข้าข้างผมซะแล้ว งานนี้ง่ายแน่ๆเทา

     

    ผมยืนรอเฉยๆตามที่เทาบอก ไม่รู้ว่าร่างสูงเข้าไปทำอะไรกันแน่ แต่ที่รู้ๆในหัวผมตอนนี้มีแค่แผนเท่านั้น

    ทันทีที่พวกเราเข้าไปในทางหนีไฟได้ผมจะใช้ปืนขู่เขาทันที อาจจะเล่นตลกนิดหน่อย หรือข่มขู่ให้บอกหนทางรอดมา
    ผมยังไม่ยิงเขาง่ายๆหรอก มันเป็นเรื่องสนุก ใช่ ชีวิตเทาอยู่ในกำมือผมแล้ว

     

    เทาเดินออกมาพร้อมกับกุญแจมือ ก่อนร่างสูงจะนำมันใส่กระเป๋ากางเกงลวกๆ
    ผมนึกสงสัยนิดๆว่าร่างสูงจะเอาของอย่างว่านี้มาทำไม หรืออาจเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ทำให้เรารอด? ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

    เทาพยักหน้าให้สัญญาณเป็นเชิงว่าเข้าไปได้ ผมเบี่ยงตัวหลบให้ร่างสูงเดินนำเข้าไปก่อน

     

    กริ๊ก

     

    เทาหยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงวัตถุอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลัง

    เป็นไปตามแผนระดับหนึ่ง ผมเว้นระยะห่างไว้พอควร มือซ้ายก็ยกปืนขู่ในระดับแผ่นหลังร่างสูง

     

    คนข้างหน้าหันหลังมาช้าๆ ไล่สายตามองกระบอกปืนจนถึงใบหน้าผม

    “อยู่นิ่งๆถ้าไม่อยากตาย” ผมพูดเสียงเรียบ ร่างสูงยกมือทั้งสองข้างขึ้นโดยไม่อิดออด

    “หึ ฉันไม่คิดมาก่อนเลยนะว่านายจะทำอะไรแบบนี้” เทายิ้มให้ผมเหมือนไม่ทุกข์ร้อน

    ผมจ่อปืนเข้าไปใกล้เจ้าตัวมากขึ้นจนกระบอกปืนชิดแผ่นหลังหนา

    รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยเมื่อเทาดูไม่ค่อยกลัวผมเท่าไร ขนาดเอาจ่อขนาดนี้ร่างสูงยังไม่สะท้านเลยสักนิด

    ตอนแรกผมก็คิดเผื่อไว้บ้างแล้ว คนอย่างเทาน่ะเหรอจะกลัวอะไร ความตายอยู่แค่เอื้อมแล้วแท้ๆ

     

    ผมนิ่งไปสักพักเมื่อร่างสูงไม่ยอมตอบโต้หรือแสดงอาการใดๆออกมาอีก

    จะทำยังไงให้เขาเปิดปากบอกมาล่ะ? แล้วเขาพาเรามาที่นี่เพื่ออะไรกัน?

     

    ผมเพิ่งจะเริ่มสังเกตอะไรบางอย่างภายในที่แห่งนี้ได้

    มันดูเหมือนบันไดหนีไฟธรรมดาๆที่พาเราลงไปข้างล่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่แปลกออกไป

    นั่นคือข้อความบนกำแพงบันไดฝั่งซ้าย!!

     

    ผมจำได้ดี มันคือข้อความที่ผมเจอตอนอยู่บนชั้นแปด

    ภาพที่ฉายเข้ามาในหัวสมองผมตอนนั้นคือภาพจริงที่อยู่ในบันไดหนีไฟตอนนี้

     

    กึก

    “อย่าขยับนะ!” ผมตะคอกเมื่อเทาตั้งท่าจะหนี

    ถึงแม้ว่าจะตกใจอยู่กับสิ่งรอบๆตัวก็ตาม แต่คนตรงหน้าผมก็ยังอยู่ในสายตาตลอด

    เทาสบถในลำคอแต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรเหมือนเคยจนผมต้องเปิดปากถาม

    “บอกมาสิ ว่าพาฉันมาที่นี่ทำไม ทางรอดอะไรนั่นน่ะ”

    “บอกมาสิ!” ผมใช้ปลายกระบอกปืนตบหน้าร่างสูงอย่างแรงจนหน้าหัน

    “อย่ามาทำกร่าง! แค่มีปืนอย่าคิดว่าจะทำอะไรได้เสมอไป” เทาตะคอกใส่ผมก่อนจะพ้นเลือดในปากลงพื้น

     

    “ยังจะกล้าตะคอกใส่ฉันอีกนะ ไม่อยากรู้หรือไงว่าทำไมฉันต้องทำแบบนี้”

    ผมทำทีจะตบกระบอกปืนใส่หน้าร่างสูงอีก แต่เจ้าตัวก็หลบทันอย่างหวุดหวิด

    เทาหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ทำให้ผมสงสัยว่าผมพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ?

     

    “ฉันไม่ได้อยากรู้หรอก ตอนนี้ฉันเพิ่งจะแน่ใจต่างหากว่านายเห็นข้อความนี้แล้วจริงๆ”

    ” ร่างสูงเพยิดหน้าไปทางกำแพงที่มีข้อความสยองเขียนอยู่

     

    นี่หมายความว่า

     

    “แต่ขอโทษนะไค..พอดีฉันเจอมันก่อนว่ะ!

     

    ผลั่ก!

    เทาถีบผมทันทีโดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัว ปืนในมือกระเด็นหลุดไปไกล

    “ฉันปล่อยให้นายสนุกมามากพอละ ตาฉันบ้างล่ะ”

    ร่างสูงคว้าข้อมือผมให้ล็อคติดกับราวบันไดด้วยกุญแจมือที่เตรียมมา นั่นแปลว่าผมหนีไปไหนไม่ได้

    เทาเดินไปเก็บปืนที่อดีตผมเคยเป็นเจ้าของเมื่อครู่มาจ่อที่หน้าอกผม

    “มีอะไรจะสั่งเสียไหม”

    “ไม่มี” ผมตอบเสียงเรียบ แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับเจือปนไปด้วยความกลัวและความขี้ขลาด

    เทาชะงักนิดหน่อยเมื่อผมไม่มีท่าทีตามที่ตนคาด

    “ไหนๆก็จะตายแล้ว ฉันจะเล่าความจริงให้คร่าวๆละกัน นายจะได้ตายตาหลับ”

    “ฉันเป็นคนบีบคอมินซอก

    “ฉันเป็นคนขึงลวดหนามไว้กับทางเดินบันได

    “ฉันเป็นคนเผาเซฮุน

    …!!” ผมมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

    ไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนคนนั้นจะเป็นเทา ผมน่าจะเอะใจตั้งแต่แรกแล้ว..ใช่ ผมมันโง่เอง

    ผมนึกโทษตัวเองว่าทำไมไม่ยอมยิงร่างสูงเสียแต่ทีแรก ทั้งๆที่ตัวเองได้ครองปืนก่อนแท้ๆ

    “แต่ฉันขอถามอะไรอย่าง”

    ” เทาอึกอักที่จะถามเล็กน้อย

    “ตอนนี้เฮียคริสอยู่ที่ไหน”

    สุดท้ายก็เป็นเรื่องที่ผมคิดไว้จริงๆด้วยสินะ หมอนี่ถามหาเฮียคริสเป็นคนแรก

    “จะให้บอกตรงๆหรือโกหกล่ะ” ผมพูดยอกย้อน ร่างสูงใช้มืออีกข้างต่อยผมแรงๆหนึ่งทีด้วยความโมโห

    “จะบอกหรือไม่บอก!” ผมมีทางเลือกที่ไหนกันล่ะ เหอะ บอกหรือไม่บอกผมก็โดนยิงอยู่วันยังค่ำ

    “เฮียคริสตายแล้ว

    !!!

    “ไม่จริง!” เทามองผมด้วยสายตาอาฆาต เส้นเลือดที่หลังมือปูดบวมตามแรงบีบเกร็งของกล้ามเนื้อ

    ตรงกันข้าม ผมไม่ได้ทุกข์ร้อนกับท่าทางแบบนั้นสักนิด แอบรู้สึกสะใจลึกๆมากกว่า

    “ใครเป็นคนทำ บอกมา!

    “ฉันเองฉันฆ่าเฮียคริส”

    “ไค!!

     

    ดูเหมือนความอดทนของร่างสูงจะหมดลง ทันทีที่ตะคอกชื่อผมออกมาเทาก็ยกปืนขึ้นมาอยู่ในระดับขมับผมแล้วเตรียมกดยิง ผมเห็นอย่างนั้นก็หลับตาแน่นด้วยความกลัว ร่างกายมันชาจนขยับตัวไม่ได้

     

    “วางปืนลง เทา!” เสียงหวานดังขึ้นใกล้ตัว ผมค่อยๆหรี่ตาขึ้นมามอง

    ยังไม่มีใครเป็นอะไรทั้งนั้น ผมยังไม่โดนยิง และเทาไม่ได้ยิงผม แต่มันเกิดอะไรขึ้น

    ”  

    “ฉันบอกให้วางปืน”

    “ไม่!” ผมสะดุ้งเมื่อเทาจ่อปืนมาใกล้ขมับผมเข้าไปอีก ข้างหลังเทาคือคยองซู ในมือร่างบางก็ถือปืนเช่นกัน

    ผมไม่รู้ว่าคยองซูมาตั้งแต่ตอนไหน ผมสัมผัสได้เพียงแค่ความกลัวของเทาที่แสดงออกมาจนปิดไม่มิด

    ร่างบางจ่อปืนไปทางหลังเทา เทาจ่อปืนมาที่ขมับผม

    ไม่ต้องสังเกตให้มากมายก็ดูรู้ว่าร่างสูงตรงหน้าผมตอนนี้หวาดหวั่นขนาดไหน
    ขนาดปืนที่ถือในมือยังสั่นไปมาเหมือนลังเลในใจ เหงื่อผุดซึมออกมาจากใบหน้าคมเข้ม

    “ถ..ถ้านายยิงฉัน ฉันก็จะยิงไค” ร่างสูงพยายามควมคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นพลางพยักเพยิดมาทางผม

     

    คนตกเป็นรองอย่างผมทำได้เพียงเงียบไว้เท่านั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องพูดแทรกหรือขอความช่วยเหลือ

    ขนาดตัวผมเองหรือเทาเองก็ยังมองเกมนี้ไม่ออกเลย ในหัวตอนนี้มันมีแค่เครื่องหมายคำถาม

    แววตาร่างบางตอนนี้ดูแน่วแน่ แม้จะไม่น่าหวั่นเกรงเหมือนเทาหรือเฮียคริส
    แต่ผมไม่พบความลังเลหรือโอนอ่อนอยู่ในแววตาคู่นั้นเลย

     

    “จะยิงก็ยิงเลยสิ รออะไรอยู่ล่ะ” คยองซูตอบหน้าตาย มือที่ถือกระบอกปืนอยู่ยังคงเล็งที่เป้าหมายนิ่ง

    ” ผมสบสายตาหาร่างบางทันทีที่ได้ยินอะไรแบบนั้น ทำไมถึง

    “แต่ถ้านายยิง ฉันก็ยิงนะ” ร่างบางพูดต่อท้าย

    เทาขบริมฝีปากแน่น มือไม้สั่นคลอนจนผมเกรงว่าปืนจะลั่นเพราะความไม่ตั้งใจจากร่างสูง

    “ฉันรู้เทา นายไม่กล้ายิงไคหรอก นายหวงชีวิตตัวเองยิ่งกว่าอะไรดี”

    เทาหอบหายใจหนักน่วงเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ร่างสูงหันหน้าหันหลังมองผมกับคยองซูสลับไปมา
    กระบอกปืนในมือที่เคยจี้ขมับผมค่อยๆเลื่อนออกโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้ตัว

    คยองซูสบตาผมเพื่อบอกอะไรบางอย่างเมื่อเห็นท่าทางกระสับกระส่ายของเทา

     

    สุดท้ายร่างสูงก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะละปืนจากผมหันกลับมาทางคยองซูแทน

    “เอาซี่! นายยิงฉันก็ยิง ตายทั้งคู่เลยดีไหมคยองซู” เทาพยายามยิ้มเยาะร่างบางให้กลัวเล่น

    จนลืมไปว่ายังมีผมที่อยู่ข้างหลังนายพลาดซะแล้วเทา

     

    !!!” ผมใช้ขาข้างซ้ายถีบร่างสูงอย่างแรงจนร่างทั้งร่างกระเด็นไปกระแทกกำแพง

    คยองซูรีบวิ่งมาเก็บปืนทีตกอยู่ข้างๆตัวเทาแล้วขว้างกระบอกเก่าทิ้งทันที

     

    “ทำอะไรของนายน่ะ”

    “อย่าพูดมากน่า” ร่างบางตรงมาทางผมก่อนจะเล็งกระบอกปืนมาทางข้อมือผม

    “เฮ้ย จะทำอะไร!” ผมสะบัดข้อมือหนีให้หลุดจากการเกาะกุมของกุญแจมือที่ติดอยู่กับราวบันได

    “อยู่นิ่งๆได้ไหม”

     

    ปัง!

     

    “เฮือก!” ผมสะดุ้งสุดฤทธิ์เมื่อร่างบางยิงเข้ามาไม่ให้สุ่มให้เสียง
    พันธนาการที่เคยรัดข้อมือผมให้ติดกับราวบันไดบัดนี้ขาดออกจากกัน เฉียดผิวหนังผมไปอย่างหวุดหวิด

    “ทีหลังจะช่วยยิ่งกุญแจมือก็บอกกันก่อนสิ จะได้อยู่นิ่งๆ” ถ้าเกิดยิงพลาดขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ

     

    ยังไม่ทันที่คยองซูจะตอบผม บุคคลที่ผมถีบเมื่อครู่ก็คว้าปืนแล้วจ่อหน้าอกคยองซูทันที

    “อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยพวกนายสองคนไปง่ายๆ!

    ครั้งนี้เทาคะตอกเสียงดังลั่น ไม่มีความลังเลอีกต่อไป หากแต่ร่างบางที่โดนข่มขู่กลับยืนนิ่ง

    “ยิงมาเลยสิ ถ้านายแน่จริง” ร่างบางท้าซึ่งๆหน้า นั่นทำให้ผมนึกหวั่นในใจ

    ถ้าเกิดเทายิงขึ้นมาจริงๆล่ะแถมคยองซูเองก็ไม่ได้ยกปืนในมือขึ้นมาขู่ตอบ

     

    …..

     

    กริ๊ก!’

     

    …..

     

    เงียบไม่มีเสียงดังของปืนหรือเสียงร้องโอดโอย ผมที่หลับตาปี๋ค่อยๆลืมตาขึ้นมา

     

    “ปืน..ไม่มีลูก!?”

     

    “หึ!” คยองซูยิ้มเยาะร่างสูงก่อนจะยกปืนในมือขึ้นมาขู่บ้าง

    “ฉันจะให้โอกาสนายหนีห้าวินาที ถ้ายังไม่ไปฉันจะยิง”

    “หนึ่ง สอง สาม สี่ เทามองผมและคยองซูอย่างโกรธแค้นและวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

     

     

    “แบคฮยอนกับชานยอลไปไหนซะละ”

    คยองซูเอนหลังพิงกำแพงอย่างเหนื่อยอ่อนพลางหลับตาลงเบาๆ

    ” ผมไม่ตอบ เพียงแต่ใช้สายตาจับผิดร่างบางแทน

    “เลิกมองฉันแบบนั้นได้แล้วไค ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง”

    เมื่อผมยังเลือกที่จะเงียบร่างบางจึงสบถในลำคอและเงยหน้ามาสบตาผมตรงๆ

    “เอาล่ะ ฉันรู้ว่านายอยากถามฉันหลายอย่าง ถามมาสิ”

     

    “นายได้ขโมยเพชรไปหรือเปล่า?”

    “ฉันจะตอบเป็นครั้งสุดท้ายกับคำถามนี้ว่า ไม่ ได้ เอา ไป!

    “แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันกับเทาอยู่ที่นี่ แล้วไปเอาปืนมาจากไหน?”

    “ฉันได้ยินเสียงเอะอะตอนเดินอยู่แถวนี้พอดี ส่วนปืนฉันไปเอามาจากห้องผู้อำนวยการ มันไม่มีกระสุนน่ะ”

    “นายรู้ว่าปืนไม่มีลูกแต่ก็เอามาขู่เทาเนี่ยนะ?”
    ผมนึกย้อนกลับไปเมื่อครู่ มันดูน่าขันชะมัด ทั้งๆที่ปืนไม่มีลูกแท้ๆ แต่ผมและเทาก็โดนตุ๋นซะเปื่อย

    “อ่าฮะ ฉันเก่งใช่ไหมล่ะที่หลอกพวกนายได้” คยองซูยิ้มเยียดเหมือนผู้ชนะ

    “มีอะไรจะถามฉันอีกไหม?”

    “มี”

    “?”

    “นายช่วยฉันทำไม!” จบประโยคผมจ้องร่างบางเขม็ง เจ้าตัวเพียงแค่ไหวไหล่น้อยๆเหมือนไม่รู้สึกรู้สา

    “ก็แค่อยากจะช่วย ฉันยังไม่อยากให้นายตาย”

    ผมรู้ความหมายโดยนัยของประโยคนั่น ฟังจากที่คยองซูพูดก็พอจะเริ่มดูออกว่าเจ้าตัวไม่ได้ใสซื่ออย่างที่เห็น

    ร่างบางมีอะไรมากกว่านั้น
    หรือกำลังจะทำตามผมและเทา

     

    “นาย..คงไม่ได้คิดจะทำตามประโยคบนกำแพงนั่นใช่ไหม”

     

    คยองซูคงไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น อย่างน้อยเจ้าตัวก็ต้องเห็นมันตอนเดินเข้ามาทางบันไดหนีไฟ

    ประโยคสีแดงจัดจ้านของมันก็เด่นไม่ใช่น้อย มันคงเป็นไปไม่ได้ที่คยองซูจะมองไม่เห็นมัน

     

    คนฟังยิ้มเล็กๆก่อนจะตอบเสียงใส “เปล่านี่ ฉันไม่ทำอะไรไร้สาระแบบนายกับเทาหรอกน่า”

     

    ไร้..ไร้สาระงั้นเหรอ พูดออกมาได้

     

    “งั้นแสดงว่านายก็รู้มานานแล้วน่ะสิ เรื่องที่ฉันกับเทากำลังพยายามทำอะไรที่ผ่านๆมา”

    ผมสะอึกนิดหน่อย หวังว่าคงจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด ร่างบางจะรู้ได้ยังไงกัน?

     

    แต่คำตอบคยองซูทำให้ผมโล่งใจไปกว่าครึ่ง

    “เปล่า ฉันก็เพิ่งจะรู้ความจริงตอนที่ได้ยินเทาพูดกับนายและประโยคบนผนังนั่นล่ะ”

    “อ๋อ

     

    สรุปว่าคยองซูรู้ว่าผมกับเทากำลังทำตามที่ข้อความบนผนังบอกแต่ตัวเองไม่ได้ทำตาม

    ถ้าอย่างนั้นคยองซูกำลังจะทำอะไร?

     

    “ถ้านายไม่ได้คิดจะฆ่าคนอื่นเหมือนฉันแล้วนายคิดจะทำอะไรล่ะ”

    “ก็แล้วแต่นายจะคิด”

    ..??” คำตอบส่งๆทำให้ผมอยากจะปล่อยหมัดใส่คนข้างๆสักทีสองที แต่ติดที่ภาพคราวก่อนๆมาย้อนอยู่ในหัวนี่สิ
    คยองซูเมื่อตอนกลางวันหายไปไหนกันนะ คนที่ร่าเริงและอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา คนที่ขี้กลัวและร้องไห้ฟูมฟายเมื่อตอนเย็น คนที่ออกตัวว่าเป็นห่วงเพื่อนอย่างกับอะไรดีถึงขั้นยอมต่อยกับเฮียคริส

     

    คยองซูพ่นลมหายใจสองสามครั้งก่อนจะหันหน้ามาจ้องผม

    “เรามาทำสัญญากันไหมไค” ร่างบางพูดเสียงเข้มกึ่งบังคับกึ่งร้องขอ

    “สัญญาอะไร?”

    “สัญญาว่า นายจะไม่ทำอะไรฉันจนกว่าจะเหลือผู้รอดชีวิตเพียงแค่เราสองคน”

    “แล้วฉันก็จะไม่ทำอะไรนายจนกว่าจะไม่เหลือใครในโรงเรียนนี้”

    ผมนิ่งงันไปกับสัญญาแปลกๆของคยองซู ฟังดูเหมือนเราทั้งคู่จะรอดมาเป็นสองคนสุดท้ายในโรงเรียนยังไงยังงั้น
    แถมยังไม่ให้ผมทำอะไรเจ้าตัวอีก ช่างเป็นสัญญาที่บ้าบิ่นเสียจริง

    “แล้วถ้าเกิดว่าตอนสุดท้ายเหลือแค่เราทั้งคู่ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในโรงเรียนนี้ล่ะ?”

    “สัญญาก็เป็นโมฆะทันที”

    “ตกลง!

     

    --SCHOOLHORROR--

     

    “นี่ ตอบฉันมาได้หรือยังว่านายกำลังจะทำอะไรกันแน่ คยองซู”

    ผมถามเป็นรอบที่สี่หลังจากที่เราทั้งคู่ออกมาจากบันไดหนีไฟ
    ผมต้องเดินตามเจ้าตัวต้อยๆโดยที่ไม่รู้อะไรเลยว่าต้องไปไหน ต้องทำอะไร และทำเพื่ออะไร

    ผมไม่ชอบสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้เลย มันเหมือนผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรในขณะที่คยองซูมีลับลมคมใน

    “แล้วนายคิดว่าฉันกำลังจะทำอะไรล่ะ” ร่างบางหยุดเดินแล้วตอบคำถามผม

    “ที่รู้ๆนายคงจะไม่ช่วยเพื่อนๆที่เหลือ หรือตามหาเพชรแน่ๆใช่ไหมล่ะ”

    “นายก็รู้ธาตุแท้ฉันแล้วนี่ จะถามทำไมอีก”

    “ไม่ ฉันยังไม่รู้จุดประสงค์ของนายเลยว่ามาญาติดีกับฉันทำไมหลังจากที่แยกกับชานยอล”

    “เฮ้อออ” คนฟังถอนหายใจยาว

    “เอาอย่างนี้ละกัน นายไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันต้องการจะทำอะไร”

    “รู้แค่ว่าตอนนี้ฉันกำลังช่วยนายกำจัดคนอื่นๆ ตกลงไหม?”

    ถึงแม้จะไม่เข้าใจเท่าไรแต่ผมก็ต้องจำใจพยักหน้ารับสายตาดุดุนั่น

     

    ผมบอกแล้วไงล่ะว่าคยองซูน่ะไม่ได้ใสซื่ออย่างที่คิด เขามีอะไรปิดบังผมและคนอื่นๆไว้อยู่แน่นอน

     

    --School horror—

     

     

     

     

     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×