ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [FIC iKON] พี่ชาย BJIN Ft. iKON BOBYUN JUNDONG

    ลำดับตอนที่ #2 : 2 : ฟิคพี่ชาย 2 [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.98K
      30
      29 เม.ย. 58

    ฟิคพี่ชาย BJIN Ft. iKON Junhoe [BOBYUN] 

    -2-




    ฮันบินดับเครื่องยนลงทันทีที่รถคันหรูแล่นมาจอดอยู่ภายในโรงรถของบ้าน หลังจากที่ถกเถียงกันนิดหน่อยก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถจนมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ตั้งใจจะไม่พูดไม่คุยอะไรอีก แล้วก็เป็นไปตามที่ตั้งใจคือเขาไม่ได้พูดหรือถามอะไรจินฮวานออกไปอีกเลย

     

    ขณะที่มือกำลังจะเปิดประตูรถสายตาก็ดันหันไปเห็นอีกคนที่เอนหลังหลับตาท่าทีสงบนิ่งอยู่

               

    หลับหรอวะ

     

                หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

             

    แล้วนี่ดับเครื่องแล้วไม่คิดจะรู้สึกตัวเลยไง?

     

    ทั้งหมดนั้นก็แค่คิด ยังไม่ได้พูดหรือถามออกไป แต่ดูท่าทางแล้วคนตัวเล็กนี่คงเหนื่อยจริงๆนั่นแหละ คนอะไรวะตัวเปี้ยกเดียว(จำได้ว่าตอนเด็กๆก็ดื่มนมมาด้วยกัน แต่ทำไมเขาสูงเอาๆแต่พี่เตี้ยนี่ถึงเตี้ยลงๆก็ไม่รู้)แต่ชอบทำนู่นทำนี่ ชอบช่วยเหลือคนอื่นจนมันมากเกินไป ใช้น้ำใจในทางที่ผิดแล้วก็เป็นผลเสียกับตัวเองแบบนี้ 

     

    “ย่าห์ ตื่น ถึงบ้านแล้วนะ” เมื่อตัดสินสินใจอยู่นานว่าจะปลุกดีไม่ปลุกดี มือแกร่งก็เอื้อมไปเขย่าไหล่บางเบาๆเพื่อปลุกให้อีกฝ่ายตื่น

     

    “ถึงแล้วหรอ?” อีกคนลืมตาสลึมสลือตื่นขึ้นมาก่อนมือเล็กจะขยี้ตาจนตาใสๆแดงก่ำไปหมด

     

    “ถึงแล้ว” เป็นไรวะ ปกติส่วนมากนั่งรถกลับบ้านคุณพี่ชายเขาเคยหลับที่ไหนล่ะ หลับบ้างก็ส่วนน้อย ปกตินี่พูดมาก ชวนคุยนู่นนี่นั่นจนรำคาญกันไปข้าง วันนี้หลับและดูท่าจะหลับลึกซะด้วยนะนั่น

     

    “โอยยง่วงง วันนี้นัดเพื่อนมาทำโปรเจ็กที่บ้านด้วย” ร่างเล็กเอ่ยก่อนจะพาร่างตัวเองลงจากรถแล้วจัดการบิดขี้เกียจอย่างหนักหน่วง รู้สึกเพลียเหลือเกิน จินฮวานอยากนอนนนนน

     

    “วันนี้เพื่อนผมก็จะเข้ามากินข้าวเย็นที่นี่เหมือนกัน”

     

    “จุนเน่กับบ๊อบบี้อ่ะหรอ? ดีเลย คนเยอะๆกินข้าวจะได้สนุกๆ” คนง่วงฉายแววตื่นเต้นออกทางแววตาจนห้ามไม่อยู่ ไม่รู้ทำไมจินฮวานไม่ชอบการนั่งทานข้าวเย็นกับฮันบินสองคน มันชวนอึดอัดมากๆ ถึงแม้ที่ผ่านมาจะได้กินข้าวเย็นด้วยกันบ่อยๆก็เถอะ แต่เขาไม่ชอบแบบนั้นจริงๆ

     

                เวลากินข้าวนี่ต้องการความสนุกด้วยหรอ? อร่อยอย่างเดียวไม่พอหรอ?... - -

     

    “ก็ไอ้สองคนนั้นแหละ ดีตรงไหน วุ่นวายจะตาย”

     

    “นายนี่ เดี๋ยวไปบอกแม่บ้านเตรียมกับข้าวรอดีกว่า” ว่าจบคนเป็นพี่ก็วิ่งแจ้นเข้าบ้านทันที

     

                ทำไมต้องแสดงท่าทีดีใจขนาดนั้นวะ ชิ

     

     

     

     

    #ความจินฮวาน

     

    “ป้ายูรินนนนน” ผมวิ่งเข้าครัวทันทีที่หนีจากฮันบินมาได้ ก็ไม่ได้หนีหรืออะไรหรอกครับ ผมไม่อยากพูดกับเขามาก เดี๋ยวก็หาว่าผมจู้จี้อีก อีกอย่างวันนี้เพลียๆด้วย ถ้าได้กินมื้อเย็นอร่อยๆฝีมือป้ายูรินก็คงจะสดชื่นขึ้น ฮี่ๆ

     

    “ว่าไงคะหนูใหญ่ อย่างวิ่งค่ะเดี๋ยวก็ลื่นล้มเจ็บตัวหรอก” ป้ายูรินเอ็ดผมหน่อยนึง เป็นแบบนี้ประจำครับ เธอมักจะเรียกผมว่าหนูใหญ่ แล้วเรียกฮันบินว่าหนูเล็ก จนคนในบ้านนี่แทบจะเรียกตามป้าแกหมดแล้ว

     

                ป้ายูรินเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ครับ แน่นอนว่าเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ เธอก็จะรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลผมกับฮันบินเสมอ แล้วก็ป็นแบบนั้นซะส่วนใหญ่เพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยอยู่บ้าน นานน๊านนนจะอยู่ที ก็มีแต่ป้ายูรินนี่แหละที่คอยห้ามเวลาผมกับฮันบินเปิดสงครามน้ำลายกันน่ะ

     

     และสิ่งที่แน่นอนมากว่าคือ ความลับทุกเรื่องของบ้านหรือแม้แต่เรื่องของผมเธอย่อมรู้ดีแต่ป้าก็ยังรักและเอ็นดูผมเหมือนเดิม มันดีจริงๆนะครับที่คนรอบข้างพร้อมจะมอบความรักความจริงใจให้เราเสมอ แต่ดูเหมือนฮันบินจะมอบเพียงความจริงใจให้ผมนะ จริงใจที่จะพูดตรงๆ จริงใจที่จะด่า จริงใจที่จะเถียง จริงใจมากเรื่องที่อยากจะเอาชนะ บอกเลยว่าความรักจากฮันบิน(แบบพี่น้อง)ผมไม่ได้สัมผัสมันมานานมากแล้ว

     

    “วันนี้ทำกับข้าวให้อร่อยๆนะครับ วันนี้เพื่อนผมจะมาหนึ่ง เพื่อนฮันบินอีกสอง โชว์สุดฝีมือเลยนะป้า”

     

    “ปกติป้าทำไม่อร่อยหรือไงหืม?”

     

    “ป้าทำอร่อยที่สุดครับ แค่จะมาบอกว่าวันนี้ให้เพิ่มปริมาณหน่อยเพราะมีแขกครับ!” ผมบอกออกไปอย่างแข็งขัน ก่อนจะเอนหัวซบไหล่ป้ายูรินเหมือนที่เคยทำบ่อยๆ

     

    “อ้อนเก่งจริงๆ แล้วนี่ไม่ได้กลับมาพร้อมกับหนูเล็กหรอคะ?”

     

    “มาพร้อมกันครับ หนูเล็กของป้าไปรับผมถึงหน้าตึกคณะเลยนะ”

     

    “แหงสิคะ ถ้าไม่ไปรับป้าฟ้องคุณผู้หญิงแน่” ป้ายูรินพูดติดตลกก่อนจะหลุดขำออกมา ที่พูดแบบนี้เพราะเธอก็รู้ครับว่าผมกับฮันบินไม่ได้เป็นพี่น้องที่รักกันเหมือนจะกลืนกินแบบเมื่อก่อน เธอรู้ทุกอย่าง เธอรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับผมและฮันบินนั่นแหละครับ

     

    “นินทาอะไรผมหรือเปล่า” พูดถึงผีผีก็มา ฮันบินเดินหน้าบูดหน้าบึ้งเข้ามาในครัวก่อนที่เขาจะเข้ามากอดเอวป้ายูรินแล้วดึงเธอไปอีกทางให้ห่างจากผม

     

                บอกแล้วไง คิมฮันบินน่ะ จริงใจมากๆเรื่องอยากเอาชนะผม

     

    “ใครจะไปนินทาอะไรหนูเล็กของป้าได้หืม?” ป้ายูรินจับแก้มฮันบินส่ายไปส่ายมาด้วยความเอ็นดู

     

    “นึกว่ามีใครมาใส่ไฟผมให้ป้าฟังซะอีก” ใครที่ว่านั่นหมายถึงฉันสินะ ไอ้,..

     

    “หนูเล็ก อย่าพูดแบบนั้นสิคะ เอ้า กลับมาเหนื่อยๆไปอาบน้ำอาบท่ากันเถอะค่ะ เดี๋ยวเพื่อนจะเข้ามาไม่ใช่หรอ?”

     

    “งั้นผมขึ้นห้องก่อนนะ” คุณหนูเล็กของบ้านว่าก่อนจะเดินออกไปอย่างว่าง่าย

     

                ผิดครับ คิม ฮันบินไม่ใช่เด็กว่าง่ายอะไรอย่างงั้น ที่รีบขึ้นไปเพราะหมอนั่นจะไปเล่นเกมต่างหาก และเมื่อไหร่ที่มันขึ้นไปเล่นเกมแบบนั้น เวรกรรมก็ตกอยู่ที่ผมอีก คือต้องขึ้นไปตามคุณชายเค้าลงมากินข้าวเย็นน่ะสิ ให้คนอื่นไปตามก็ไม่ลงมา ไม่เคยได้ผล แต่กับผมมันลงมานะครับ มันให้เหตุผลว่ารำคาญ ว่าผมจู้จี้ ก็คนอื่นที่ขึ้นไปตามเค้าไม่จู้จี้ไม่พูดมากอะไรนี่ครับ ไปตามมามันไม่มาเค้าก็เลิกตาม แต่สำหรับผมทำทุกอย่างให้มันลงมาให้ได้นั่นแหละ หน้าที่ปลุกหรือตามฮันบินจึงมักจะเป็นของผมโดยส่วนมาก

     

    “หนูใหญ่ก็ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ”

     

    “คร้าบบบบบ” ผมรับคำป้ายูรินก่อนจะเดินขึ้นห้อง

               

     

                ขอแนะนำตัวได้ไหมครับ(แกช้ามากกกก) ผม คิม จินฮวาน ลูกชายคนโต(ลูกเลี้ยง)ของบ้านนี้ครับ บ้านหลังใหญ่ที่ผมอยู่มาตั้งแต่จำความได้ ผมรู้สึกโชคร้ายที่ต้องสูญเสียครอบครัวไปตั้งแต่ตัวเองยังเด็กละผมก็ไม่สามารถจดจำอะไรเกี่ยวกับพวกท่านได้เลย มีเพียงรูปคู่แผ่นเดียวเท่านั้นที่คุณแม่ให้ไว้ในวันที่ท่านบอกความจริงทุกอย่างกับผม รูปคู่หญิงชายคู่หนึ่งที่เป็นพ่อแม่ของผมเอง ผมมีความทรงจำกับพวกท่านแค่เพียงรูปถ่ายแผ่นเดียวเท่านั้น แต่ในความโชคร้ายก็ยังพบกับความโชคดีที่พอจะเยียวยาความเจ็บปวดขึ้นมาได้ คุณพ่อคุณแม่ผู้มีพระคุณของผมนี่ไงครับ พวกท่านเหมือนพรล้ำค่าที่พระเจ้าบรรดาลให้ผม เพราะมีพวกท่านผมจึงมีทุกวันนี้ได้ รู้สึกขอบคุณจริงๆครับ

     

                คุณแม่บอกว่าบ้านที่ครอบครัวผมเคยอยู่ท่านจัดการปล่อยเช่าไปแล้วครับ แต่ผมเองก็ไม่เคยรู้ว่าบ้านหลังนั้นอยู่ที่ไหนและตอนนี้จะมีสภาพเป็นยังไงเพราะยังไม่เคยกลับไปสักครั้งตั้งแต่ที่คุณพ่อคุณแม่รับผมมาอยู่ที่นี่ ผ่านมาสิบเก้าปีแล้วครับ ตั้งแต่ตอนนั้นอายุสามขวบ จนตอนนี้ผมอายุ 21 แล้วล่ะ

               

    ผมเรียนมหาลัยปีสามแล้วครับ ผมเลือกเรียนการบริหาร ตรงสายเลยเพราะตั้งใจว่าจบมาแล้วผมจะไม่ไปไหน คงจะเข้าทำงานช่วยเหลือกิจการครอบครัวใหญ่นี้เพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณทั้งสองของผม

               

    อ่านมาถึงตรงนี้ คุณคงรู้สึกว่า อุ้ยตายเศร้าจังทำไมชีวิตผมถึงได้รันทดขนาดนี้ เมื่อก่อนตอนรู้ความจริงก็คิดแบบนั้นครับ แต่ตอนนี้มันดีขึ้นมากแล้ว ผมไม่อยากฝังใจกับอดีต ผมคิดแค่ว่าจะตั้งใจเรียนจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ และผมก็เชื่อว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของผมที่พวกท่านจากไปแล้วพวกท่านก็คงคิดแบบผม

     

     

     

     

     

     

     

     

    -

     

    ผมจัดการอาบน้ำทำให้ร่างกายสดชื่น หายเหนื่อย หายเพลีย แล้วก็มานั่งจุมปุ้กอยู่หน้าทีวีกลางห้องรับแขก เพื่อรอต้อนรับเพื่อนผม และเพื่อนของฮันบินซึ่งตอนนี้คาดว่าเจ้าตัวคงกำลังเมามันส์กับการเล่นเกม

               

    พนันได้เลยว่ามันยังไม่ได้อาบน้ำแน่ๆ

     

    “ฮัลโหลลลล” เสียงใสที่คุ้นหูดังลั่นมาแต่ไกล พร้อมร่างเล็ก(แต่โตกว่าผม)ที่คุ้นตาก็กระโดดโลดเต้นเข้ามา ยุนฮยองก็เป็นแบบนี้ครับ เขามักจะอะเลิท สดใสและร่าเริงอยู่เสมอ เวลาเขายิ้มนี่คนรอบข้างเคลิ้มจนต้องยิ้มตามตลอดเลย

               

    ยุนฮยอง หรือ ซง ยุนฮยอง เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในมหาลัยของผมเองครับ ไม่ใช่ไม่มีใครคบนะ แต่แค่ยุนฮยองคนเดียวก็เกินพอแล้ว เขาให้ผมได้ทุกอย่างทั้งความเป็นเพื่อนที่ดี ความน่ารัก ความจริงใจ ความสนุกสนาน และอีกมากมายหลายความ แค่นี้ก็พอครับ สำหรับเพื่อนคนอื่นก็แค่คุยๆเวลามีงานหรืออะไรด้วยกัน ไม่ได้สนิทหรือไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนยุนฮยอง

     

    ยุนฮยองเป็นคนยิ้มเก่ง ยิ้มสวย ใจดีและก็น่ารักมากๆ เขาเป็นลูกชายของนักการเมืองชื่อดังแถบนี้แหละ และแถมที่บ้านของเขายังทำธุรกิจโรงแรมอีกหลายที่เลยด้วย แน่นอนเขารวยมาก แต่ยุนฮยองไม่เคยถือตัว(กับผมน่ะนะ) เขาเฟรนด์ลี่น่ารักเป็นกันเอง จนบางทีมากไปอ่ะ ออกแนวขี้อ่อย 555555 สาวๆนี่เข้ามาจีบเพียบนะครับ แต่รู้สึกเหมือนหนุ่มๆจะมากกว่า

     

    แต่เห็นคนจีบเพียบแบบนี้ก็ยังไม่เคยเห็นเขาคบกับใครจริงๆจังสักทีนะ รู้แค่ว่าลองๆคุยๆดูพอเบื่อก็เลิกคุยตามประสาคนทั้งหล่อและน่ารักที่เลือกได้ แหม หมั่นไส้จังงิ

     

    ปกติเขาก็มาหาผมนี่บ้านไม่บ่อยหรอก เพราะส่วนมากเราจะนัดทำงานกันที่เพ้นเฮาส์เขามากกว่า แต่วันนี้เขาบอกอยากเปลี่ยนบรรยากาศน่ะ

     

    อย่างที่เข้าใจกัน ซง ยุนฮยองเป็นบัดดี้โปรเจ็กของผมด้วยครับ ถ้าไม่เอาหมอนี่ก็ไม่รู้จะเอาใคร มีกันอยู่แค่สองคน ไม่ต้องมีไรมาก ถ้างานไหนที่มาเป็นคู่ผมกับยุนฮยองก็ลอยลำล่ะ ฮ่าๆ

               

    โปรเจ๊กปีสามนี่เป็นอะไรที่หินสุด จินฮวานจะร้องห้ายยยยย

     

    “มาเร็วจังนะ”

     

    “แหม นี่ขนาดฉันมาเร็ว นายยังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วแน่ะ” ยิ้มหวานปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่ออีกคนพอใจที่ได้แซวผม

     

    “แค่อาบน้ำปกติ แต่งตัวอะไร” ผมยิ้มส่ายหน้าเบาๆตอบกลับคำแซวของยุนฮยอง

     

    “หรอออออ”

     

    “อะไรของนายยุน”

     

    “เปล่าๆ แค่ตอนนี้นายน่ารักเป็นพิเศษน่ะ” อะไรของมันวะ ผมก็ปกติมั้ย แค่วันนี้อาบน้ำเพราะตั้งการความสดชื่นหลังจากที่ได้รับความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน นี่ถ้าเป็นปกตินะ ผมอาบตีสองนอนสีสามโน่น 5555

     

    “ปากหวานชมคนโน้นคนนี้ไปทั่ว มิน่าล่ะมีคนมารุมชอบทุกเพศทุกวัย” ยุนฮยองก็งี้แหละครับ เขาช่างพูดช่างเจรจา ปากหวาน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเป็นพวกน่ารักใสๆใส่ใจธรรมชาติหรอกนะ เขาเป็นประเภทร้ายแบบไม่เดือดร้อนใคร เขาทันเกมของทุกคนที่จะเข้าหาเขา ยุนฮยองเป็นคนฉลาด ฉลาดมากจนบางทีผมยังแอบกลัว  เขาทั้งฉลาดหลากแหลมพูดเพราะ ยิ้มเก่ง จนสาวๆนี่ยกตำแหน่งเจ้าชายของคณะให้เลยนะ

     

              ถามว่ายุนฮยองเป็นเจ้าชายของคณะแล้วจินฮวานคนนี้มีฉายาอะไรไหม?

     

     

                ผมก็เป็นไอ้เตี้ยของเจ้าชายไงครับ 55555 ล้อเล่น มีคนบอกบ่อยๆว่าผมไม่ค่อยเหมือนผู้ชาย ด้วยไซส์ตัวที่เล็ก(เตี้ย)กว่าผู้ชายทั่วไป ผิวก็ขาวออกแนวขาวเกินไป ปากก็ออกแดงๆทั้งๆที่ยังไม่ได้เติมอะไร มีคนบอกแก้มผมป่องน่ารักกว่าผู้หญิงบางคนอีกแน่ะ ควรภูมิใจไหมครับ ถถถถถถถถถถถ แต่ก็ไม่มีฉายาอะไรหรอกครับ เป็นคนพื้นๆเบๆไม่โดดเด่น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนมองนี่(งานหลงตัวเองก็มา) หึหึ

     

    “ชมเพื่อนนี่ผิดตรงไหนกัน” ยุนฮยองยู่ปากก่อนจะนั่งลงข้างๆผม

     

    “ฉันได้รับคำชมบ่อยแล้วน่ะ”

     

    “ชิ เออ จินนี่วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านหรอ” จินนี่คือชื่อของผมที่ยุนฮยองชอบเรียกน่ะ ด้วยเหตุผลที่ว่า นายตัวเล็กน่ารักเหมือนแม่มด เรียกว่าจินนี่แล้วกัน

     

              มันไปรู้มาจากไหนว่าแม่มดตัวเล็กน่ารัก

     

              แล้วทำไมแม่มดต้องชื่อจินนี่

     

              สงสัยก็แค่สงสัย ไม่เคยถาม แล้วแต่มันละกัน เรียกอะไรก็ไม่ได้ทำให้ผมสูงขึ้นหรอก เลยไม่เดือดร้อน

     

     

    “ก็มีนะ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็อย่างที่รู้อะไม่ค่อยอยู่” ยุนฮยองมาบ้านหลังนี้ไม่บ่อยครับ ตั้งแต่ที่มันคบกับผมมา ก็มาที่นี่นับครั้งได้ และจากทุกครั้งที่เคยมา มีอยู่ไม่ถึงห้าครั้งที่จะมาเจอกับพ่อแม่ของผม นอกนั้นคือคลาดกันตลอด

     

    “อีกละ ฉันมานี่ไม่เคยเจอพวกท่านเลย คบกับนายจนจะเลิกคบละเนี่ย”

     

    “อะไรที่ว่าจะเลิกคบหืม?”

     

    “หมายถึงคบกับนายจนจะเรียนจบแล้วน่ะ อิอิ” ยุนฮยองชอบหยอกผมเล่นแบบนี้เสมอครับ อยู่กับเขาน่ะไม่มีเบื่อหรอก

     

    “นายนี่จริงๆเลย”

     

    “แล้วนี่อยู่บ้านกับใครเนี่ย ฮันบินหรอ?”

     

    “อือ”

     

    “น้องชายปากมอมของนายน่ะนะ” พูดแล้วยังจะยิ้มอีก

     

    “ชู่ว เดี๋ยวมันลงมาได้ยินนี่เป็นเรื่อง ขี้เกียจเถียง” ผมยกนิ้วชี้ขึ้นมาจุ๊ปากแสดงอาการบอกให้เพื่อนรักพูดเบาๆ ก็จริงนี่ครับถ้าฮํนบินรู้ว่าผมเม้าท์เค้าไว้มากมายขนาดไหน หมอนั่นต้องชวนผมทะเลาะอีกแน่ ส่วนยุนฮยองรู้ทุกอย่างครับ เรียกได้ว่าไม่พอใจอะไรผมก็เอาไปเล่าๆโยนๆใส่ยุนฮยองไว้หมด เรียกง่ายๆที่ระบายนั่นเอง

     

                มีอย่างนึงที่เขายังไม่รู้คือ ความจริงที่ว่าผมกับฮันบินไม่ใช่พี่น้องแท้ๆที่คลานตามกันมา ก็มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องบอกความจริงนี่ครับ ไว้ถ้าเขาสงสัยหรือถามอะไรขึ้นมาผมจะไม่ปิดบังอะไรเขาเลย!

     

    “พวกนายนี่อะไร เป็นพี่น้องแต่กัดกันอย่างกะแฟน”

     

    “ฮะ แค่ก แค่ก” สำลักน้ำลายอย่างไร้เหตุผล..

     

    “เป็นอะไรจินนี่”

     

    “ปะ ป่าว พูดอะไรของนาย” โห เล่นแรงจังนะยุนฮยอง บอกทีว่ามันไม่รู้ว่าเราไม่ใช่พี่น้องกัน ฮรืออออออ แต่ก็อย่าพูดอะไรที่น่าสยิวกิ้วแบบนั้นเถอะ เกลียดกันจนจะเข้าเส้นขนาดนี้ =_=

     

    “เหย แค่ล้อเล่นเอง จินนี่อย่าซีเรียสดิ”

     

    “ก็เป็นพี่น้องกันจะเป็นแฟนได้ไง้เล่า”

     

    “ก็พวกนายเหมือนนี่ 55555

     

    มีไรน่าขำล่ะ

     

    “ฮันเบนนนนนนนนนนน แวอาร์ยูววววววววว” ผมนั่งเถียงกับยุนฮยองได้ไม่นานก็มีเสียงประหลาดเสียงหนึ่งดังขึ้น ใครปล่อยอิฟันกระต่ายนี่เข้ามาในบ้านนนน

     

                แหม่ ล้อเล่นน่ะ ผมรู้จักเขาครับ เด็กคนนี้คือบ็อบบี้เพื่อนของฮันบิน และอีกคนที่เดินตามหลังบ็อบบี้มาก็คือจุนฮเวหรือจุนเน่นั่นเอง ฉีกยิ้มมาแต่ไกลเชียว

     

    “พี่จิน หวัดดีครับ” จุนเน่ทักและยิ้มให้ผม(กว้างกว่าตอนแรกมาก)ทันทีที่เจ้าตัวเดินเข้ามาถึง

     

    “ไฮ จินนี่” ลืมบอกไปว่าอีกคนที่มักจะเรียกผมว่าจินนี่ก็คือบ็อบบี้นี่แหละ =_=

     

     

                กับจุนเน่นี่ก็ค่อนข้างเจอกันบ่อยครับ เพราะครอบครัวเราสนิทกัน เราเล่นด้วยกันตั้งแต่เด็กแล้ว จุนเน่เป็นเด็กหน้าโหดแต่จิตใจเขาอ่อนโยนมาก(ผมคิดแบบนั้น) เขามักจะชวนผมทำนู่นทำนี่เสมอ แต่เราเริ่มห่างไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยเหมือนแต่ก่อนก็ช่วงที่ผมเข้ามหาลัยนั่นแหละครับ


    ส่วนบ็อบบี้ไม่ได้สนิทอะไรมากแต่ก็ไม่ถึงกับไม่รู้จัก เด้กนี่มาหาฮันบินบ่อยมากครับ เขามักมาค้างคืนเสมอ แต่ก็อย่างว่าแหละ เขามาหาฮันบินก็คือเขามาหาฮันบิน ไม่ได้มาหาผม เราเลยไม่ค่อยได้คุยกันน่ะ

     

    “หวัดดีจุนเน่ หวัดดีบ็อบบี้” ผมทักทายพวกเขาทั้งสองคน

     

    “ใครอ่ะจินนี่” ยุนฮยองที่ยืนดูสถานการณ์อยู่นานเอ่ยขึ้น

     

    “อ๋อ นี่บ็อบบี้ ส่วนนี่จุนเน่ เพื่อนฮันบินน่ะ” ผมแนะนำก่อนจะผายมือไปยังบ็อบบี้และจุนฮเว

     

    “ส่วนพวกนาย นี่ยุนฮยองเพื่อนของฉันเอง”

     

    “หวัดดีครับพี่” จุนเน่ฉีกยิ้มกว้างให้ยุนฮยองอีกครั้ง

     

    “หวัดดีจุนเน่” ยุนฮยองเองด้วยความที่เป็นคนช่างพูดช่างเจรจาด้วยแล้ว เขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะส่งยิ้มหวานตอบกลับจุนฮเวไป

     

    “ไฮ ยุนนี่” บ็อบบี้ทัก เด็กคนนี้จุนเน่เคยบอกว่าเขาใช้ชีวิตตอนเด็กอยู่ที่อเมริกาเป็นส่วนมากน่ะครับ เลยค่อนข้างอเมริกันบอย

     

    “ไฮ บ็อบบี้” นี่ก็ขยันแจกยิ้มจริงเชียว โถ่ พ่อคุณคนน่ารัก แหม่ แต่สัมผัสได้ว่ารอยยิ้มของยุนฮยองมันแปลกๆ นั่นอัธยาศัยดีหรือขี้อ่อย ตอบสิตอบบบบ

     

    “น่ารักจัง โซคิ้วท์” บ็อบบี้ว่าพลางมองหน้ายุนฮยองนิ่ง

     

    “เป็นคนเปิดเผยจังเลยนะ” ยิ้มหวานถูกส่งไปให้อีกคนอีกครั้ง นี่จะบอกเลยว่าเหมือนยืนเตี้ยๆอยู่ท่ามกลางสงครามรอยยิ้ม

     

                นี่พวกมันเห็นผมกับจุนเน่เป็นธาตุอากาศไปแล้วหรอ? ฮอลลลลลลลลลลล

     

    “สำหรับคนน่ารักไม่มีอะไรต้องปิดบัง” มันจีบกันหรือเปล่าเอ่ย

     

    “งั้นหรอ? น่าสนจังเลยแฮะ” ทำไมยุนฮยองดูร้ายอย่างไร้เหตุผล ฮรือออ เหมือนพวกนางร้ายในละครอ่ะ ยุนฮยองไม่ใสนะครับผม

     

    แววตาบ็อบบี้ดูเหมือนเสือเจอเหยื่อที่ไม่ว่าจะทำยังไงเหยื่อก็ไปไหนไม่รอด ส่วนยุนฮยองก็เหมือนเหยื่อที่พยายามหลอกล่อเสืออยู่อย่างสนุกสนาน บ็อบบี้คงโชคร้ายไปหน่อยมั้งที่เจอเหยื่ออย่างยุนฮยองน่ะ

     

    “จะจีบกันอีกนานป่ะ” เหมือนจุนนี่ก็คงจะสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง จึงขัดขึ้นก่อนที่สองคนนี้จะเล่นสงครามรอยยิ้มกันไปมากกว่านี้


    “นั่นสิ เอ่อ เดี๋ยวขึ้นไปตามฮันบินให้ละกันนะ” ผมว่าก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสองของบ้าน เพื่อจุดหมายคือห้องนอนมิกก้เมาส์ของฮันบิน..

     

              ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ เด็กปากร้ายเอาแต่ใจที่ชอบทุกอย่างที่เป็นมิกกี้เมาส์คิม ฮันบิน

     

    “ฮันบินอ่า เพื่อนนายมาถึงแล้วนะ ลงไปกินข้าวกัน” ผมเคาะประตูแล้วตะโกนหวังให้คนในห้องได้ยิน

     

     

    “ย่าห์”

     

    ” แกล้งไม่ได้ยินกันอยู่สินะ

     

    “คิม ฮันบิน!!” เรียกแล้วก็ไม่ยอมออกมาในทันทีด้วยนะ พอเรียกบ่อยมันก็บอกว่าผมจู้จี้ ก็ที่ผมต้องจู้จี้เนี่ยก็ไม่ใช่เพราะมันไม่ออกมาซักทีหรอครับ

     

    “ได้ยินแล้ว” ฮันบินเปิดประตูโผล่หน้าออกมาจนสันจมูกโด่งๆนั่นแทบจะชนหน้าผม โอ๊ะโอ่ ทำไมใจเต้น

     

                เอ้า คนเราก็ต้องใจเต้นดิ ไม่เต้นก็ตายดิวะ แค่มันเต้นแรงไปหน่อยเท่านั้นเอง เนอะ

     

    “ได้ยินทำไมไม่บอกกันเล่า” ผมถอยออกมาก่อนจะบ่นไปหน่อยนึง เด็กนี่ยังใส่ชุดนักเรียนเต็มยศอยู่เลยครับ

     

    “เรียกแล้วผมเงียบก็แสดงว่าผมรับรู้ดิวะ”

     

                มันไปเอาตรรกะแบบนี้มาจากไหน ไอ้บ้า งั้นเค้าจะมีการสนทนาไว้เพื่ออะไร การสนทนาอ่ะการสนทนาาาาาาาาาาาา

     

    “ถ้ารับรู้ก็ต้องตอบกลับดิ”

     

    “พี่นี่ชอบเถียงเนอะ เถียงกับผมแล้วมันทำให้พี่สูงขึ้นหรอ?”

     

                บอกเลยว่าเจ็บ

     

    “ไอ้ ด่ามันว่าอะไรดี คิดสิจินฮวานคิด คิ๊ดดดดดดดด

     

    “บอกเลยว่าไม่ ถึงจะพยายามเถียงพี่ก็เตี้ยเหมือนเดิมนั่นแหละ เลิกพยายาม”

     

                ฮันบินเป็นเด็กหยาบคายเนอะว่ามั้ย เอะอะก็เตี้ย เอะอะเอะอะก็เตี้ย นี่ไปยืนเตี้ยบนหัวมันหรอออออออ T^T

     

    “ไอ้” จะด่ามันว่าอะไรดี จะด่าว่าเตี้ยก็ไม่ได้เพราะมันสูงกว่า ด่าไอ้ดำก็ไม่ได้ก็มันขาว ด่าไอ้ขี้เหร่ยิ่งไม่ได้อ่ะ ใครๆก็บอกว่ามันหล่อ

     

    ” หน้าระรื่นรอฟังคำด่าเลยครับ

     

    “ไอ้เด็กติดเกม!” เลือกคำด่าได้แล้วก็โพล่งออกไปทันที เจ็บล่ะสิ! ถุ้ยยย

     

    “ด่าเจ็บจังเลย โว๊ะ ไร้สาระ หลบ จะไปกินข้าว” แล้วก็จบด้วยการที่ฮันบินดันหัวผมออกให้พ้นจากทางเดินของเขา ฝากไว้ก่อน ฝากกก ขอฝากไว้ก่อน ฮึ่ยยยยย

     

     

     

     

    ตอนนี้พวกเราทั้งห้าคนนั่งรวมตัวกันที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้วครับ หลังจากที่อารมณ์เสียกับการเถียงกับฮันบินมา พอมาเจอเมนูอาหารบนโต๊ะแล้วเนี่ย อารมณ์ผมดีขึ้นมาเลย หน้าตามันดูน่าทานและรับประกันได้เลยว่ามันอร่อยมาก เพราะอะไรน่ะหรอ? เพราะป้ายูรินเป็นคนทำไงล่ะ อิอิ

     

    “ยินดีที่ได้กินข้าวร่วมกับทุกคนนะ เชิญเลยๆ” ผมพูดขึ้นเพราะคิดว่าตัวเองดูอาวุโสสุดแล้ว อีกอย่างผมก็เป็นเจ้าบ้าน ถ้าจะให้ฮันบินมาพูดอะไรแบบนี้มันไม่พูดหรอกครับ รายนั้นนั่งกินตั้งแต่ลงมาถึงแล้วมั้ง เพื่อนมานั่นทักเพื่อนหรือยังก็ไม่รู้=_=

     

    “ยินดีครับ” ทุกคนพูดโดยพร้อมเพรียง ประดุจถูกนัดบท

     

              ยกเว้นฮันบินน่ะนะ

     

    ตอนนี้โต๊ะอาหารถูกรายล้อมไปด้วยคนห้าคน ทุกคนกำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ผมนั่งตรงข้ามกับจุนเน่ ส่วนยุนฮยองนั่งๆผมตรงข้ามกับบ็อบบี้ที่นั่งข้างๆจุนเน่ ส่วนน้องชายสุดที่รักก็จองตำแหน่งหัวโต๊ะไปดิ ที่ประจำเค้าล่ะ ขนาดเวลาคุณพ่ออยู่มันยังพยายามจะไปนั่งหัวโต๊ะเลย ฮันบินผู้มีความพยายามอยากจะเป็นเจ้าบ้านไง

     

    “พี่จิน พี่สบายดีป้ะ” จุนเน่ที่นั่งตรงข้ามกับผมถามขึ้นก่อนจะตักกุ้งทอดกระเทียมและพยายามยืดแขนจนสุดเพื่อนำมันมาวางไว้บนจานผม จะว่าไปตั้งแต่ที่พวกเขามานี่ก็ยังไม่ได้คุยกับจุนเน่จริงจังซักที

     

                มัวแต่ดูสงครามรอยยิ้มของอเมริกันบอยและเพื่อนรัก ที่ตอนนี้มันก็ยังนั่งจ้องหน้ากันอยู่ ปล่อยมันไปครับ ผมไม่รู้ว่าช่วงที่ผมขึ้นไปตามฮันบินพวกนี้คุยอะไรกันบ้าง ไว้ค่อยถามยุนฮยองแล้วกัน

     

    “ก็สบายดี จุนเน่เป็นไงบ้าง”

     

    “สบายดีครับแต่เหงาปากนิดหน่อย”

     

    “หืม? ไม่มีใครคุยด้วยหรอ?”

     

    “เหงาปากไม่ได้ดีฟคิสน่ะ” บ็อบบี้ตอบแทนกลับมาอย่างร้ายกาจ ซึ่งคำตอบของบ็อบบี้ก็ทำให้ยุนฮยองหัวเราะคิกคัก

     

                ผมมีหน้าที่งงกับท่าทีของพวกมันผมก็ต้องงงต่อไปสินะ

     

    “ป่าว เหงาปากไม่ได้คุยกับพี่น่ะ” จุนเน่แก้ต่างแบบสบายๆ เขาไม่ได้เดือดร้อนกับคำว่าดีฟท์คิส เฟิร์สคิส อะไรพวกนั้นหรอกมั้ง

     

    “ว่าไปนั่น” ผมพูดยิ้มๆก่อนจะเหลือบมองไปทางฮันบินที่ตอนนี้โซ้ยนั่นโซ้ยนี่ไม่ได้สนใจแวดล้อมรอบข้างเลย

     

                สมบัติผู้ดีคืออีกสิ่งที่ฮันบินจะต้องเรียนรู้นะ

     

    “ย่าห์ ชวนเพื่อนมากินข้าวจริงป้ะเนี่ย” ผมตั้งใจถามฮันบินออกไปเบาๆ

     

    “เปล่านี่ พวกมันอยากมาเอง อยากมากินก็ให้มากินไม่จำเป็นต้องต้อนรับไม่ได้เชิญ”

     

    “แต่เพื่อนฉันก็มานะ ให้เกียรติกันหน่อย ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจใครแบบนี้”

     

    “พี่นี่จะหาเรื่องกันไปถึงไหนวะ” ฮันบินเริ่มแสดงอารมณ์หงุดหงิดออกมา อ่าผมผิดอีกแล้วสินะ

     

    ความจริงฮันบินกับยุนฮยองก็รู้จักกันอยู่แล้วครับ ไม่ต้องเสียเวลาแนะนำอะไร

     

    แต่มันลืมกันไปแล้วหรือเปล่านี่ก็ยังไม่ได้ยินมันคุยกันซักคำเลย

     

    “ทะเลาะอะไรกันอีกสองคนนี้” เป็นยุนฮยองที่ได้ยินเราเถียงกันแล้วโพล่งขึ้นมา

     

    “ผมกินข้าวอยู่ดีดีคุณพี่ชายก็มาหาเรื่องน่ะสิ”

     

    “ไม่ใช่สักหน่อย”

     

    “ทำไมจะไม่ใช่เห็นๆอยู่ว่าพี่ชวนผมทะเลาะเนี่ย”

     

    “แต่

     

    “เอาล่ะ พอๆ จินนี่กินข้าวๆ” ยุนฮยองจัดการห้ามทับก่อนที่มันจะกลายเป็นสงคราม

     

    “สต็อปเลย หยุดแล้วแดกครับฮันบิน” บ็อบบี้เองก็ช่วยยุนฮยองห้ามอีกแรง สองคนนี้นี่มันยังไง

     

    การกินอาหารไม่ได้รื่นเริงอย่างที่คิดครับ ทุกคนต่างจัดการกับข้าวในจานตัวเองอย่างตั้งใจ จะมีก็แต่จุนเน่ที่พยายามชวนผมคุยเป็นระยะ น้องมันน่ารักดีนะ พูดเก่งยิ้มเก่ง ส่วนบ็อบบี้ก็นั่งจ้องแต่ยุนฮยองไม่วางตา ในขณะที่ยุนฮยองเองก็ไม่ยอมแพ้ กินไปจ้องไป

     

    ส่วนฮันบิน กิน กิน กิน แล้วก็กิน น่าเลื่อมใสเหลือเกินพ่อคุณ

     

     

     

     

     

    หลังจากมื้อค่ำจบลง ผมกับยุนฮยองก็แยกตัวออกมานั่งคิดโปรเจ็กกันที่ลานหน้าบ้าน บรรยากาศตอนนี้กำลังดีเลยครับ เย็นสบายแถมดาวเยอะอีกต่างหาก

     

    เด็กๆพวกนั้นก็นั่งดูการ์ตูนกันอยู่ในบ้านครับ =_=” และผมคิดว่าหลังจากนี้อีกไม่นานพวกนั้นต้องเล่นเกมแน่ๆ เพราะหัวโจกอย่างฮันบินดูการ์ตูนไม่ได้นานๆหรอก

     

    “ยุนฮยอง นายกับบ็อบบี้นี่เป็นไรกันอ่ะ” ผมถามออกไปในขระที่ยุนฮยองกำลังนั่งวาดๆเขียนๆอะไรไม่รู้ลงกระดาษ

     

    “เป็นอะไรคืออะไร”

     

    “ก็ทำไมเวลาคุยกันถึงใช้สายตาแบบนั้น เพิ่งเคยเจอกันไม่ใช่หรอ”

     

    “ถามเหมือนไม่รู้ ก็บ็อบบี้สนใจฉัน ส่วนฉันก็สนใจเขาน่ะสิ”

     

    “ก็รู้ แต่พวกนายทำเหมือนมีความลับอะไรอ่ะ”

     

    “เปล่าหรอก ก็แค่เหมือนทุกคนที่ผ่านมา ฉันสนใจ และอยากลองคบ ถ้าไม่โอก็แค่จบๆกันไป” ยุนฮยองพูดเหมือนมันเป็นเรื่องง่าย และก็แน่นอนว่าเขาทำมันได้จริงๆเพราะที่ผ่านมา เขาก็ทำแบบนั้น คบกันไป เบื่อแล้วก็ทิ้ง

     

    “แล้วถ้าเกิดรักกันจริงๆขึ้นมาจะทำไง”

     

    “คงยากนะ นายดูสายตาเด็กนั่นเวลามองฉันสิ ดูก็รู้ว่าเขาก็แค่สนใจหน้าตาน่ารักๆของฉัน” ดูแววตาที่ฉายแววท้าทายและดูตื่นเต้นสนุกสนานของยุนฮยองตอนนี้สิครับ ฮรือออออออ

     

    “พวกนายก็เลย

     

    “เราก็เลยจะลองกันดูสักตั้งน่ะสิ ไม่ต้องมีการผูกมัดใดๆ และเมื่อไรที่เบื่อ จะหายจากชีวิตกันไปโดยที่อีกฝ่ายไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรเลย”

     

    “มันเล่นกับความรู้สึกเกินไปหรือเปล่ายุน” ผมกลัวว่ามันจะไม่เหมือนทุกคนที่ผ่านมาของยุนฮยองน่ะสิ ผมกลัวจะเป็นยุนฮยองซะเองที่พลาดไปรักบ็อบบี้ ก็กลุ่มของฮันบินน่ะมันไม่ธรรมดานะ มันร้ายกาจกันจะตายไป ดูจากฮันบินที่ชอบควงผู้หญิงเข้าบ้าน ถึงจะไม่บ่อยแต่ก็ไม่เคยซ้ำหน้าเลย ผมมั่นใจว่าบ็อบบี้ต้องไม่ใช่กากๆแน่นอน งานนี้มันเสือเจอเสืออออออ

     

    “นายก็รู้ว่าฉันจะไม่ใช่คนที่แพ้”

     

    “แต่บ็อบบี้ก็ต้องคิดเหมือนนาย”

     

    “เด็กนั่นก็เหมือนฉัน ที่คิดว่าตัวเองฮอตและเจ๋งพอที่จะมีแต่คนเข้าหา แล้วค่อยมาดูกันว่าใครกันแน่ที่เจ๋งจริง

     

     

                ดูเหมือนโปรเจ็กจะไม่สำคัญอีกต่อไป ตอนนี้ผมอินกับเกมของยุนฮยองมากครับ เข้มข้นเหลือเกินครับแม่






     

    100%

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    บ็อบยุนเจอกันสักที  ฮิฮิ

    พี่น้องยังคงตั้งใจกัดกันโดยไม่ได้สาระใดๆ อืมดี

    ฉันสงสารพี่จินคนชราที่ไม่สามารถเถียงอะไรน้องบินวัยรุ่นได้เลย ฮรอลลลล

    จุนเน่ลูกชายผอ.ก็มีบทอยู่นิดนึง สาวกจุนจินใจเย็นเดี๋ยวจุนจินจัดเต็มแน่นอน

    แกนี่มันฟิคบีจิน เออลืม..

    อ่าวไร้สาระ 55555 ไปดีกว่า อ่านแล้วเม้นน้า

    หรือทวีตติดแท็ก #ฟิคพี่ชายบีจิน ก็ได้

    เราอยากรู้ว่าพวกเธอคิดไงกะฟิคเรื่องนี้ ถ้ามีคนอ่านเราจะได้รีบปั่นมาลงต่อนะแกจุ้บ

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×