ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [FIC iKON] พี่ชาย BJIN Ft. iKON BOBYUN JUNDONG

    ลำดับตอนที่ #1 : 1 : ฟิคพี่ชาย 1 [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.15K
      48
      29 เม.ย. 58


     

    ฟิคพี่ชาย BJIN Ft. iKON Junhoe [BOBYUN] 

    -1-





    “ฮันบินอ่า ตื่นได้แล้วนะ นี่มันเช้าแล้ว!” เสียงแหลมแจ๋นเจื้อยแจ้วอยู่หน้าห้องแต่เช้า พร้อมเสียงกำปั้นทุบประตูห้องเพื่อปลุกใครบางคน

     

    ใครบางคนที่กำลังนอนตีหน้ามุ่ยสะสมความรำคาญอยู่บนเตียงตอนนี้

    จะปลุกไรนักหนาวะ ความจู้จี้นี่ยกให้เถอะ!!

     

    “ฮันบินอ่า ย่าห์ คิมฮันบิน!

     

    “เออ! จะเรียกไรนักหนา คนจะนอน” ลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยสภาพงัวเงียเต็มที่ ตอนนี้ทั้งร่างฮันบินมีแค่เสื้อกล้ามสีขาวบางและบ็อกเซอร์มิกกี้เมาส์ตัวโปรดเท่านั้น

     

    “ก็นายชอบตื่นสาย ลุกขึ้นอาบน้ำได้แล้ว คุณแม่ให้ขึ้นมาปลุกเนี่ย” คนตัวเล็กว่าพลางก้มมองนาฬิกาที่ตอนนี้เข็มสั้นเกือบจะชี้เลขแปดแล้ว คิมฮันบินไปโรงเรียนสายขนาดนี้ได้ยังไงกัน=_=

     

    “เรื่องของใคร” ร่างหนาทิ้งคำถามชนิดที่ไม่ต้องการคำตอบแต่เป็นการทิ้งทวนให้รู้ว่าเขารำคาญมากกว่า แล้วทำท่าจะเดินไปนอนอีกครั้ง

     

    “ก็เรื่องของนายนั่นแหละ แต่วันนี้ฉันมีเรียนแปดโมงครึ่ง รถฉันเสียคุณแม่บอกให้ติดรถไปกับนายนะ ตื่นเร็วเดี๋ยวฉันสาย” สาธยายถึงเหตุผลที่ตนต้องถ่อมาปลุก”น้องชาย”ถึงที่แล้วก็เดินตามมาที่เตียง เพื่อขัดขวางการนอนต่อของคิมฮันบิน

     

    เด็กนี่ยังเรียน ม.ปลายอยู่เลยนะ ทำไมไปเรียนสายแบบนี้ ที่จริงเขาก็ไม่ค่อยรู้นะว่าฮันบินจะไปโรงเรียนตอนไหนอะไรยังไง เพราะตอนนี้คิมจินฮวานคนนี้น่ะ เรียนอยู่มหาลัยปีสามแล้ว ส่วนมากก็แยกย้ายกันไปรถใครรถมันตลอด แต่เมื่อวานรถเขาเสียเข้าอู่ยังไม่ออกมาเลย คุณแม่เลยบอกให้เขาติดรถฮันบินไป เลยต้องมาทำตัวเป็นนาฬิกาปลุกเต้นยิกๆอยู่เนี่ย ฮอลลลลลลล

     

    “รถที่บ้านตั้งเยอะแยะ”

     

    “แต่เราก็ไปทางเดียวกันอยู่ดี เร็วเข้านายจะได้ไปโรงเรียนไม่สายด้วยไง”

     

    “ใครต้องการ?” พูดทั้งที่หัวทุยนั่นก็มุดผ้าห่มไปด้วย รักการนอนอะไรขนาดนั้น คิม ฮันบิน

     

    “นี่ นอนต่อไม่ได้นะ ลุกขึ้น!” มือเล็กกระชากแขนแกร่งเพื่อดึงอีกคนขึ้นมา ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่อย่างนั้นจนคนที่อยู่บนเตียงเริ่มโมโห

     

    “โว้ย! จู้จี้ขนาดนี้เป็นเมียรึไงวะ” สิ่งที่คิมฮันบินเกลียดที่สุดคือการมีคนมารบกวนตอนเขากำลังนอน และตอนนี้ คิมจินฮวานกำลังทำมันอยู่

     

    “เป็นพี่โว้ย”

     

    “ไม่มีพี่โว้ย!

     

    -

    -

    -

    -

     

    โต๊ะอาหารเช้า

     

    “น้องบินเรื่องตื่นสายนี่ไม่เคยแก้ไขเลยนะ” คุณนายคิมผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น

     

    “ผมก็ตื่นเวลานี้ประจำ” ตีหน้ามุ่ยเพราะอารมณ์เสีย ก็หลังจากที่ทะเลาะกับไอ้พี่เตี้ยนี่บนเตียง ในที่สุดเขาก็โดนพี่เตี้ยลากลงมาจนได้น่ะสิ ฮันบินง่วงครับแม่T-T

     

    ความจริงพ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านหรอกมีงานมีกิจการที่ทำให้ต้องบินไปนู่นไปนี่เยอะแยะ หรือไม่พวกท่านก็ตื่นเข้าออฟฟิศตั้งแต่ตอนที่ฮันบินยังฝันหวานอยู่บนเตียง แต่วันนี้คงเป็นวันหยุดในรอบหลายเดือนครอบครัวเราถึงได้ทานข้าวเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากัน

     

    “ตื่นสายก็ไปเรียนสาย ถ้าไม่มีเส้นสายจากพ่อช่วยไว้นี่แกไม่รอดมาถึงทุกวันนี้หรอกนะ” คุณท่านคิมเอ่ยขึ้นอย่างเอือมๆกับพฤติกรรมของลูกชายคนเล็ก

     

    “เอาเถอะ ยังไงลูกก็ตื่นมาแล้ว” แม่ท้วงขึ้นอีกครั้ง คุณนายคิมก็แบบนี้ ชอบจุดประเด็นให้ผู้เป็นพ่อต่อว่าเขา แล้วคุณนายคิมก็มาปกป้องเขาซะเอง น่ารักจังแม่ใคร ฮันบินอยากกอดดดดดดดดดด

     

    “นั่นสิ ผมก็ตื่นมาแล้วเนี่ย” อารมณ์ดีมาหน่อยนึง กินข้าวดีกว่า ฮี่ๆ

     

    “น้องบินเดี๋ยวกินข้าวแล้วก็ไปส่งพี่จินที่มหาลัยด้วยนะลูก” น่านไง ไม่หิวข้าวแล้วได้ไหม ทำไมต้องไปส่ง ไปส่งทำไม ไม่ไปปป ฮันบินจะงอแง ปกติพี่เตี้ยแม่งก็ไปเองได้ตลอดอ่ะ

     

                คนเป็นแม่มักจะเรียกลูกชายคนโตของบ้านว่าพี่จิน และลูกคนเล็กของบ้านว่าน้องบินเสมอ ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้พวกเร็วเรียกตาม เหอะ ให้เรียกเตี้ยนี่ว่าพี่จินงั้นหรอ มุ้งมิ้งไปไหม เร็วไปสิบชาติ แค่เรียกว่าพี่ ฮันบินยังเรียกแค่ต่อหน้าครอบครัวเลย

     

    ….คนไม่ได้เป็นพี่น้องกันน่ะ ไม่จำเป็นต้องเรียกพี่น้องหรอก จริงไหม



    แต่เคยรู้ตัวบ้างไหมว่าตัวเองก็เรียกคนตัวเล็กว่าพี่มาแทบจะตลอด...

     

    “ทำไมไม่ให้คนขับรถไปส่ง” ถึงจะรู้ว่าเหตุผลของพี่มันคือรถเข้าอู่ก็เถอะ แต่ไม่อยากไปส่งอ่ะจะทำไม

     

    “ไปทางเดียวกันอย่ามากเรื่องนักคิมฮันบิน” นี่ไง เจอพ่อออกคำสั่งทีไรฮันบินไปต่อไม่เป็นตลอด ทำไมต้องเป็นเราที่ยอม ไม่เข้าจายยยยย

     

    “นั่นสิ เอ้ากินข้าวกันเร็วๆเข้าลูก พี่จินไม่หิวหรอจ้ะ นั่งเงียบเชียว” เห็นลูกชายอีกคนนั่งเงียบเธอจึงทักขึ้น

     

    “เปล่าครับ^^” ปฎิเสธิด้วยรอยยิ้มแสนน่ารักที่ซ่อนความเศร้าไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว

     

    “ผมไปรอที่รถนะ อิ่มแล้วก็ตามมา” คนเล็กของบ้านพูดขึ้นก่อนจะพาร่างหนาของตัวเองเดินออกจากห้องโถงใหญ่ของบ้านไป

     

    ดูก็รู้ว่าฮันบินไม่พอใจที่จะให้เขาติดรถไปด้วย ก็เด็กนี่น่ะต่อต้านเขาจะตายไป

     

    “จินฮวาน อย่าถือสาน้องเลยนะ” ผู้เป็นพ่อที่เหมือนจะเข้าใจทุกอย่างเอ่ยขึ้นพลางมือหนาก็เอื้อมมาแตะไหล่บางเบาๆเป็นการปลอบปะโลม

     

    “ผมเข้าใจครับ”

     

    “”พี่จินแม่ขอโทษนะ แม่ไม่น่าบอกความจริงกับลูกเลย”

     

    “ไม่เป็นไรครับ ให้ผมอยู่กับความจริงดีกว่านะ ไม่ต้องห่วงนะครับ คิม ฮันบินน่ะ ผมรับมือได้อยู่แล้ว^^” รอยยิ้มน่ารักปรากฏขึ้นอีกครั้ง ครอบครัวนี้ดีกับเขาเสมอ คุณพ่อและคุณแม่ผู้มีพระคุณของเขาไม่เคยพูดจาทำร้ายจิตใจเขา ไม่เคยทำให้เขารู้สึกน้อยใจหรือเป็นส่วนเกิน ไม่เคยพูดจาทำร้ายให้ช้ำใจหรือสะกิดปมอะไรเลย เป็นครอบครัวที่ดีเหลือเกิน

     

                ยกเว้นไอ้เด็กปากมอมนั่นไว้คนนึง!


    40%

     



                    แน่นอนว่าคิมจินฮวานไม่ใช่ลูกชายคนโตของบ้านอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ เขาเป็นเพียงลูกกำพร้าที่สูญเสียพ่อและแม่ไปตั้งแต่เขาอายุสามขวบด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ พ่อและแม่ที่เขาแทบจำอะไรเกี่ยวกับพวกท่านไม่ได้เลย

     

                เมื่อคิมจินฮวานอายุได้15ปี ประธานคิม และคุณนายคิม ตัดสินใจเล่าความจริงทุกอย่างให้เด็กชายฟังว่าที่จริงแล้วคิมจินฮวานไม่ใช่ลูกแท้ๆของพวกเขา เป็นเพียงลูกชายของเลขาคู่ใจคนสำคัญของประธานคิมเท่านั้น เลขาคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่กิจการของเขายังเล็กนิดเดียว เลขาที่ชื่อ คิม บูฮยอน

    คิม บูฮยอนช่วยงานประธานคิมทุกอย่าง เขาทั้งขยันรู้การรู้งานและไม่เคยคิดจะลอบกัดหรือทรยศต่อเจ้านายแม้ซักครั้ง ประธานคิมรู้ดีว่าบูฮยอนและภรรยาเป็นคนดีและจงรักภักดีต่อเขาแค่ไหน และเมื่อบูฮยอนและภรรยาจากไปแบบนี้ เขาจะตอบแทนบูฮยอนด้วยการเลี้ยงดูจินฮวานให้ดีที่สุดเหมือนเป็นลูกชายคนหนึ่ง ซึ่งคุณนายคิมเองก็ไม่ขัดข้องเธอรักและเอ็นดูจินฮวานเหมือนลูกแท้ๆ และรับเข้ามาอยู่ที่บ้านทันทีที่รู้ว่าเด็กชายไม่เหลือใครเป็นที่พึ่งของชีวิตแล้ว ภาพเด็กชายวัยสามขวบที่ยืนจ้องหน้าตาแป๋วยังติดตาพวกเขาไม่หาย จินฮวานน่าสงสาร เด็กน้อยถูกฝากไว้กับป้าข้างบ้านในขณะที่พ่อและแม่ออกไปทำงาน จนเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำซึ่งการที่ตระกูลคิมตระกูลใหญ่นี้จะอุปการะจินฮวานก็ไม่ได้มีใครขัดค่องหรือโต้แย้งใดๆ เพราะครอบครัวของคิม บูฮยอนนั้นแทบจะไม่เหลือเครือญาติที่ไหนให้จินฮวานได้พึ่งพาอีกเลย

     

    และความจริงที่ว่านี้คิมฮันบินก็ได้รับรู้มันเช่นกันตอนเขาอายุ13ปี

     

    เมื่อรู้ว่าพี่จินคนที่เขารักและเรียกว่าพี่มาโดยตลอดไม่ใช่พี่ชายที่แท้จริงของเขา ความอคติในใจก็เริ่มเกิด ความไม่พอใจที่อีกฝ่ายจะมาแย่งความรัก แย่งความอบอุ่นไปจากครอบครัวก็เริ่มก่อตัว จากที่เคยรักกันมากๆเหมือนพี่น้องความสัมพันธ์ทุกอย่างก็เริ่มไกลห่าง คิมจินฮวานเองก็ได้แต่ยอมรับความจริงและทำใจใช้ชีวิตต่อไปเพื่อตอบแทนพระคุณของท่านทั้งสอง

                ถึงแม้ว่าตั้งแต่นั้นมาจะไม่มีน้องชายที่คอยเรียกถามเขาว่าพี่จินอยู่ไหน พี่จินทำอะไร พี่จินคิดถึงน้องบินมั้ย พี่จินน้องบินหิวข้าว บลาๆๆ ไม่มีอะไรแบบนี้อีกแล้ว

     

    คิมฮันบินเริ่มต่อต้านเข้าตั้งแต่ที่ได้รู้ความจริงทุกอย่าง จากพี่น้องจำใจต้องกลายมาเป็นคู่กัด ตอนแรกเขาก็ไม่ชินกับการเปลี่ยนไปของฮันบิน แต่เพราะตอนนี้เขารับมือกับพฤติกรรมของน้องคนนั้นมากว่าหกปีแล้ว ตอนนี้เริ่มชินแล้วล่ะ

     

                พี่จินกับน้องบินจบลงตั้งแต่ตอนเขาอายุสิบห้า และฮันบินอายุสิบสามปี แต่คุณแม่ก็ยังเรียกพวกเราแบบนั้นเสมอมา

     

    อย่างว่าแหละความจริงมันมักเจ็บปวด แต่ไม่ว่ายังไงคนเราก็ต้องอยู่กับความจริง ความจริงที่ว่าเขาเป็นแค่ลูกกำพร้า ไม่ใช่ลูกชายมหาเศรษฐีอย่างที่หลายๆคนเชื่อกัน

     

     

     

    -

    รถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาจอดที่ตึกคณะ ก็จะอะไรล่ะ ฮันบินก็มาส่งพี่ชายคนดีคนน่ารักคนเตี้ยน่ะสิ หึ!

    “ขอบใจนะ”

    “กองๆไว้ตรงนั้นแหละ ตอนเย็นเดี๋ยวเข้ามารับแล้วกัน ไม่อยากเจอแม่บ่น”

    “อืม ฉันไปล่ะ”

     

    ไม่มีบทสนทนาใดๆอีกต่อไป ฮันบินออกรถทันทีที่จินฮวานลงจากรถ ไม่จำเป็นต้องอยู่รอดูอะไรนี่ โตๆกันแล้ว อายุก็ปูนนี้ ไม่อยากพูดด้วยหรอก หึ!

     

     

     

     

     

     

     

    -

    “ฮันบินทางนี้!” เป็นเสียงของใครอีกคนที่เอ่ยทักขึ้นหลังจากที่ฮันบินกำลังจะเดินขึ้นตึกเรียน ต่อให้เขาจะมาสายขนาดไหน ไอ้พวกนี้มันก็ยังรอขึ้นตึกพร้อมเขาอยู่ดี นี่พวกมึงรักกูรอกูหรือพวกมึงขี้เกียจจจ ตอบมา

    “วันนี้อะไรดลใจให้มึงโผล่หน้ามาก่อนเก้าโมงวะ?” ทันทีที่เดินมานั่งลงแหม่ะกับเก้าอี้ เพื่อนสนิทนามว่า คิม จีวอนก็ถามขึ้นทันที

     

                คิม จีวอน หรือบ๊อบบี้ หนุ่มเท่ห์ประจำโรงเรียน ขวัญใจสาวๆ เก้งๆกวางๆละมั่งเลียงผาทุกสรรพสิ่งล้วนให้ความสนใจกับคิมจีวอนคนฟันกระต่ายที่ใครๆก็มองว่ามันน่ารักนักหนา เว้นฮันบินไว้คนนึง เห็นฟันหน้ามันแล้วอยากจะถีบให้เข้าทรงละเกิน อูยยยย ฮันบินเปล่าหยาบนะครับ เพื่อนกันเค้าก็รักกันงี้แหละ กรั่กๆ

     

    “มาส่งคุณพี่เขาน่ะ” น้ำเสียงแกมประชดหน่อยๆถูกเอ่ยออกมาโดยปากหนา

     

    “พี่จิน?”

     

    “ก็จะใครซะอีก”

     

    “มึงนี่ทำหน้าบูดเป็นตูดเป็ดไปได้ มีพี่น่ารักแบบนั้นเป็นกูนะส่งเช้าส่งเย็น เผลอๆนั่งเฝ้าในห้องเรียนแม่ง” เพื่อนตัวสูงอีกคนว่าพลางยิ้ม

     

    “หน้ากวนตีนอย่างมึงอย่ามาทำยิ้มเคลิ้ม กูสยิว” ฮันบินว่าก่อนมือหนาจะฟาดไปกลางกระบาลเพื่อนด้วยความรักทั้งหมดที่มีให้

     

    “เชี่ยกูเจ็บ” จุนฮเวว่าพลางลูบหัวตัวเองป้อยๆ

     

                กู จุนฮเว หรือจุนเน่ เพื่อนอีกคนในแก๊งค์สามหนุ่มขยุ้มหัวใจสาวๆของฮันบิน เพื่อนคนนี้ค่อนข้างสูง หน้าตากวนตีนระดับแม็กซ์ ไม่รู้ว่าหน้ามันกวนตีนขนาดไหน แต่ที่รู้คือไม่ต้องเสียเวลาไปหาเรื่องใครเรื่องก็มาหามันถึงที่เพราะหน้าตาที่แลดูสุดแสนจะกวนตีนนั่น เหอๆ

     

                และอีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย(เพราะเค้าเป็นพระเอกนะแก๊)ก็คือ คิม ฮันบิน หรือบีไอของสาวๆ ฮันมีหน้าตาที่คมเข้มดูมีเสน่ห์ แววตาคมที่แสนดุดันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ทว่าบางครั้งก็ดูอ่อนโยนเหลือเกิน จมูกโด่งรับกับเค้าโครงใบหน้าได้อย่างลงตัวยากจะหาที่ติ เรียกได้ว่ารูปหล่อ พ่อรวย แม่สวย ที่สำคัญเป็นลูกขายคนเดียวของบ้านโว้ย!

     

              แน่นอนว่าแก๊งค์สามหนุ่มขยุ้มใจสาว(ถูกตั้งชื่อโดยหัวหน้าแฟนคลับ)ครองใจสาวๆไปกว่าค่อนโรงเรียน รวมถึงหนุ่มๆอีกหลายๆคนด้วย

     

    “ว่าแต่ทำไมไม่ขึ้นเรียนวะ” ฮันบินถามขึ้นเพราะตั้งแต่มาถึงเนี่ยก็เลยเวลาเรียนมาค่อนข้างเยอะแล้วนะ

     

    “ขี้เกียจว่ะ นี่ก็กินเวลาคาบแรกจะหมดละ เลทอิทโกละกัน” บ๊อบบี้ตอบคำถามก่อนร่างหนาจะเอนหลังราบลงไปบนเก้าอี้ ใช่ครับ มันกำลังจะนอน

     

    “เออ คาบต่อไปค่อยเข้าละกัน” จุนเน่ว่าเสริมพลางควักมือถือขึ้นมากดนู่นี่นั่นมากมาย เล่นเกมอีกสิมึง

     

    “ไม่ขอโต้แย้ง” ยฮันเองก็ไม่เคยขัดใจเพื่อนเลยครับ มันว่าไงก็ว่าตามกัน ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาจริงๆแน่นอนว่าเส้นสายระดับพวกเขาย่อมเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว

     

    ก็ครอบครัวแต่ละคนไม่ใช่ธรรมดานะครับ รวยๆเส้นใหญ่กันทั้งนั้น ครอบครัวฮันบินเองก็อย่างที่รู้ๆกันว่ารวยจนล้นฟ้าเพราะมีกิจการหลายอย่างแถมพ่อยังเป็นเพื่อนกับผอ.โรงเรียนนี้อีก มันดีสุดๆเลยว่ามั้ย

     

    ฝ่ายคิม จีวอน ก็เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของตระกูลที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องประดับเพชรพลอยที่มีสาขาทั้งในเกาหลี อเมริกา และอีกหลายประเทศจำไม่หมด รู้แค่มันรวยถ้ามันไม่รวยฮันบินคนนี้ไม่คบมันหรอก แฮร่

     

    อีกคนจุนฮเว ถึงจะเส้นใหญ่กว่าชาวบ้านชาวช่องอยู่มาก เพราะป็นลูกชายผอ.แต่ก็ใช่ว่าพ่อมันจะปล่อยให้เกเรอยู่บ่อยๆ ด่าเช้าด่าเย็นครับ ก็ไอ้หน้ากวนตีนนี่มันชอบหาเรื่องมาให้ผอ.ปวดหัวอยู่ประจำน่ะสิ แต่มันโชคดีมากครับ มันมีแบ็คดี แม่มันนี่ถือหางจนจุนฮเวหางยาวไปหลายกิโลละ อะไรนิดอะไรหน่อยก็อย่าว่าลูกฉันนะ ลูกฉันไม่ผิด แม่มันงอนพ่อมันเพราะมันประจำครับ ไอ้ลูกแหง่เอ้ยยย

     

                แน่นอนว่าถ้าจุนฮเวเป็นลูกผอ.ก็แสดงว่าพ่อของฮันบินกับพ่อจุนฮเวเป็นเพื่อนกันน่ะสิ ถูกต้องงงงง พ่อเป็นเพื่อนกันลูกก็เลยได้มาเป็นเพื่อนกันไงน่ารักใช่มั้ยล่ะ 5555 จุนฮเวไปบ้านฮันบินบ่อยมากเหมือนกับฮันบินที่เข้าออกบ้านจุนฮเวได้เป็นว่าเล่น ก็ครอบครัวเราสนิทกันนี่ แล้วไอ้สูงนี่มันก็ชอบเต๊าะไอ้พี่เตี้ยนั่นด้วยนะรู้ยัง ส่วนจีวอน ถึงพ่อมันจะไม่ใช่เพื่อนกับพ่อเรามันก็ไม่เคยเอาข้อนี้มากลั่นกรองเป็นความเกรงใจหรอกครับ คิมจีวอนเป็นคนน่ารักที่อยากจะไปค้างบ้านใครก็ได้ด้วยเหตุผลที่ว่าวันนี้นอนบ้านไม่สนุกขอนอนด้วยคนนะ ถุ้ยยยยยย

     

     

     

    และฮันบินขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าเพื่อนรักของเขาทั้งสองก็รู้เรื่องของจินฮวานด้วยเช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่าใครจะเข้ามารับรู้เรื่องนี้ก็ได้นะครับ เพราะที่สองคนนี้รู้เพราะว่าเราสนิทและไว้ใจกัน ส่วนคนอื่นๆก็ยังเข้าใจว่าคิมจินฮวานเป็นพี่ชายแท้ๆของเขาอยู่ และฮันบินก็หงุดหงิดมากที่มันเป็นแบบนั้น ก็ไอ้เพื่อนรักทั้งสองนี่มันลูกชายคนเดียวของตระกูลหมดเลยนี่ครับ ฮันบินก็อยากจะเป็นแบบนั้นบ้าง ทั้งๆที่มันเป็นความจริงแท้ๆ แต่เขากลับต้องมามีพี่ชายอีกคน พี่ชายที่ชื่อ คิม จินฮวาน คนนั้นไง

     

    “วันนี้กูไปกินข้าวเย็นบ้านมึงดีกว่า” จุนฮเวเงยหน้าจากจอสมาร์ทโฟนแล้วเอ่ยขึ้น ซึ่ง”มึง”ที่มันหมายถึงก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคิมฮันบินสุดหล่อคนนี้ เพราะตอนนี้บ๊อบบี้นอนหลับน้ำลายยืดแล้ว

     

    “เรื่องไร ใครเชิญ ใครชวน”

     

    “ก็อยากไปอ่ะคิดถึงคุณน้า”

     

    “อย่าเอาแม่กูมาอ้าง วันนี้ทั้งพ่อทั้งแม่กูคงไม่กลับบ้านอ่ะ คงค้างที่คอนโดแถวออฟฟิศอีกตามเคย” ก็จริงอย่างที่เขาบอกนั่นแหละ ท่านทั้งสองไม่ค่อยได้อยู่บ้านหรอกเพราะงานที่รัดตัวจนแทบจะกระดิกไปไหนไม่ได้ จะมีได้หยุดอยู่บ้านบ้างก็นานๆจะมีที พ่อแม่ทำงานหนักฮันบินรู้ ฮันบินจะตั้งใจเรียนเพื่อตอบแทนพวกท่าน(ได้ข่าวว่านี่กำลังโดดเรียน-_-)

     

    “งั้นคิดถึงพี่จินฮวานก็ได้” ปากของจุนฮเวฉีกยิ้มขึ้นอีกครั้งหลังจากเอ่ยชื่อพี่ชายตัวเล็กคนนั้น ก็คนอะไรยิ่งโตยิ่งน่ารัก ตัวเล็กๆขาวๆปากแดงๆ และเสียงใสๆนั่นฟังยังไงก็คงไม่รู้เบื่อ

     

     

     

    “มีอะไรให้น่าคิดถึงวะ” พูดถึงแล้วฮันบินก็หงุดหงิดบอกไม่ถูก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต่อต้านพี่ชายที่เขาเคยรักได้มากมายขนาดนี้ แต่ตอนที่เขารักเพราะเขาคิดว่าพี่เตี้ยนั่นเป็นพี่ชายแท้ๆหรอก ถ้ารู้ว่าไม่ใช่พี่น้องกันโดยสายเลือดแบบนี้ไม่เสียเวลาไปรักหรอก พูดแล้วบีทูเดอะไอก็มีอารมณ์หงุดทูเดอะหงิด เฟอะ

     

    “ก็อยากไป กูจะไป เค้?” อีกคนสรุปรวบรัดตัดตอนได้เอาแต่ใจที่สุด

     

    “กูเคยห้ามมึงได้ด้วยไง๊?” ก็ยอมมันอีกตามเคยสิครับ แล้วไอ้ห่าที่นอนตัวยาวน้ำลายไหลยืดอยู่เนี่ยมันจะไปมั้ย เดี๋ยวตื่นมาไม่รู้เรื่องอะไรกะเค้าก็ต้องเสียเวลามาเล่าให้ฟังอีก คิม จีวอนเป็นคนน่ารักครับ กินง่ายนอนง่าย ซึ่งบางทีฮันบินก็คิดว่ามันง่ายเกินไป มึงช่วยทำตัวให้เหมาะสมกับฐานะการเงินทางบ้านมึงหน่อยได้มั้ย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    -

    เย็นวันเดียวกัน

    “วันนี้ไปกินข้าวบ้านมึงช้ะ?” บ๊อบบี้ถามหลังจากเลิกคลาสสุดท้ายของวัน ถามว่าทำไมมันถึงรู้หรอครับ? ก็จุนฮเวจัดการเล่าทุกอย่างให้มันฟังพร้อมกับเป่าหูอย่างหนักหน่วงว่ายังไงเย็นนี้ก็ต้องไปกินข้าวบ้านผมให้ได้ นี่พวกมึงเห็นบ้านกูเป็นโรงอาหารหรอ T^T

     

    “เออ ก็ตามนั้นแหละ แยกกันตรงนี้ไว้เจอกันละกัน” ฮันบินตัดบทโดยไม่ชักช้า

     

    “รีบไปไหนวะ” จุนฮเวอดที่จะสงสัยไม่ได้กับท่าทีรีบๆของอีกคน

     

    “ต้องไปรับพี่ชายยยยยน่ะสิ”

     

    “กูไปรับให้ป้ะ”

     

    “ยุ่ง” ที่จริงก็อยากโยนหน้าที่นี้ให้จุนเน่อยู่เหมือนกันนะ ถ้าไม่ติดว่าถ้าแม่รู้เขาจะสวดยับนี่โยนให้ไปแล้ว

     

     

     

     

     

    -

    มหาวิทยาลัย iKON

    รถหรูของฮันบินเคลื่อนเข้ามาจอกหน้าคณะบริหารอีกครั้งหลังจากที่เมื่อเช้าก็เข้ามาแล้วรอบนึง ทันทีที่ร่างหนาลงจากรถทั้งสาวเล็กสาวใหญ่นี่มองกันให้ควัก เหลียวกันซะจนคอแทบหัก บอกเลยว่าฮันบินค่อนข้างจะชินกับสถานการณ์แบบนี้ ก็คนมันหล่อนี่ครับ ถ้าไม่มีใครมองสิแปลก คิกคิก

    รอเพียงไม่นานร่างเล็กที่คุ้นตาก็เดินเข้ามาเหมือนกับว่าอีกคนรอเขามารับอยู่แล้ว

     

    “เลิกเรียนนานแล้วหรอ?” ผู้เป็นน้องถาม

     

    “อืม ซักพัก” ว่าพลางเปิดประตูรถเข้าไปนั่งจุมปุ้กในรถทันที

     

    “จะไปไหนต่อป่าวอ่ะ” ฮันบินถามอีกครั้ง ก็ไม่เข้าใจว่าไอ้ปากจังไรนี่มันจะถามอะไรนักหนา อยากรู้อะไรมากมายขนาดน้านนน ฮันบินไม่เข้าใจปากตัวเองงงง

     

    “ไม่อ่ะ กลับบ้านเลยดีกว่า เหนื่อยมาก”

     

    “ทำอะไรเหนื่อย” น่านนน ถามอีกแหละ หยุดถามซักทีไอ้ปากกรรไกรรร

    ร่างสูงก่นด่าตัวเองในใจก่อนจะออกรถ

     

    “ช่วยงานที่คณะน่ะ ช่วงนี้กิจกรรมเยอะไป” จินฮวานหันมาตอบแป้บหนึ่งก่อนที่ตาหวานจะค่อยๆปิดลงเพราะต้องการพักผ่อนจากอาการเหนื่อยล้า

     

                เหนื่อยมากขนาดนั้นเลยหรอวะ ฮันบินก็ได้แต่คิด

     

    ” เมื่อรู้ว่าอีกคนคงเหนื่อยจริงๆ ฮันบินจึงเลือกที่จะขับรถเงียบๆ ความเกรงใจโหมกระพือเข้าอย่างจัง ไม่เคยรู้สึกเกรงใจใครขนาดนี้มาก่อน วันนี้กูเป็นอะไรวะ

     

    “แล้วเป็นไงบ้าง เมื่อเช้าเข้าเรียนทันหรือเปล่า?” เมื่ออีกฝ่ายเงียบจินฮวานจึงเปิดบทสนทนาใหม่ขึ้นทั้งๆที่ตายังหลับอยู่

     

    “โดด” ง่ายๆสั้นๆตามแบบฉบับคนหล่อ

     

    “ก็คิดแบบนั้น”

     

    “จะถามทำไม” อารมณ์หงุดหงิดเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งอย่างเงียบๆ

     

    “แค่อยากรู้น่ะ” จินฮวานลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องชายนิดนึง

     

    “นอนๆไปเหอะ หุบปากไปได้ละ” พูดจาตัดรำคาญขณะที่ตาคมก็ยังจ้องไปยังถนนเบื้องหน้าไม่วางตา

     

    “วันหลังห้ามโดดนะ”

     

    “สั่งใคร”

     

    “นายไง”

     

    “สิทธิ์ไร”

     

    “พี่ไง”

     

    “ไม่มีพี่” ไม่รู้ว่าทำไมฮันบินถึงรู้สึกไม่พอใจทุกทีที่อีกฝ่ายพูดเรื่องพี่น้องขึ้นมา

     

    “เลิกต่อต้านกันสักทีเถอะฮันบิน” พี่น้องเริ่มเถียงกันอีกครั้ง จินฮวานเข้าใจดีถึงเหตุผลที่ฮันบินต่อต้านเขา แต่มันก็ผ่านมานานแล้ว ทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่เปิดใจบ้างวะ

     

    “ก็เลิกจู้จี้ให้ได้ก่อนสิ” นี่เป็นคำที่ฮันบินพูดกับจินฮวานค่อนข้างบ่อย

     

    “เพราะเป็นห่วงหรอก” และนี่คือความจริงร้อยเปอร์เซ็นที่ออกมาจากใจตนเป็นพี่

     

    “ห่วงทำไม”

     

    “ก็นายเป็นน้องไง”

     

    “บอกว่าไม่เคยมีพี่” แล้วก็จบด้วยประโยคร้ายกาจของคนเป็นน้องอีกตามเคย

     

     

     

     “ก็ได้ เข้าใจแล้ว” คนตัวเล็กเลือกที่จะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง และไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นอีกเลยตลอดทางกลับบ้าน เป็นแบบนี้ประจำคุยกันไม่เคยเกินสามประโยคก็ทะเลาะ เขาจึงเลือกที่จะเงียบดีกว่า

     

     

     

     

    100%

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    จบตอนที่หนึ่งงงงงงงง คำผิดไม่ได้ตรวจโปรดอภัย

    เราเฉลยปมพี่จินแล้วแก ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกต่อไป 555

    พ่อพี่จินในเรื่องเป็นชื่อที่เราสมมติขึ้นมานะเว้ย คือ เศร้า สงสารพี่จิน อยากปลอบบบบ

    *ตอนนี้ถือซะว่าได้แนะนำตัวละครอีกสองตัวละกันเนอะ พี่บ๊อบกับน้องเน่ออกแล้วนะ

    เดี๋ยวตอนหน้าเราไปกินข้าวบ้านฮันบินกันเนอะ

    อ่านกันมั้ย แล้วเป็นไงมั่ง บอกหน่อยดิฮรือออออ

    เอ็นจอยรีดดิ้งนะจุ้บบุ

    #ฟิคพี่ชายบีจิน

     

     

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×