ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Curse War ภาค เสียงเพรียกต้องสาป

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 ฟิแอกแต บรูทัล(แก้ไขแล้วเล็กน้อย)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 109
      0
      8 พ.ย. 52

              

     

                เสียงฝีเท้าวิ่งย่ำน้ำที่เจิ่งนองอยู่บนพื้นหญ้าในป่า ท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืนที่พัดกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา  ชายหนุ่มวัยยี่สิบปีรูปร่างสูงสง่า ผิวสีขาวซีดยิ่งกว่ากะโหลก ใบหน้าคล้ายรูปแกะสลักที่ช่างแกะสลักทำออกมาไม่ดีและยาวจนผิดปกติ อันเป็นผลมาจากการแต่งงานในหมู่พี่น้อง

    แต่กระนั้นท่วงท่าของเขา ก็ยังคงแสดงความองอาจออกมา ดวงตาสีดำทมิฬแฝงไปด้วยความล้ำลึกยากจะคาดเดาได้ว่า เขากำลังคิดอะไรอยู่ ผมสีน้ำตาลเข้มยาวระต้นคอ สวมเสื้อคลุมยาวสีดำ มีฮู้ตคลุมศีรษะอยู่ สวมรองเท้าหนังมังกรอาบมัน เขาหยุดพักใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง เอนกายพิงต้นไม้อย่างเหนื่อยหอบ หายใจกระชั้นถี่และเร็ว มือข้างซ้ายกุมบาดแผลที่แขนข้างขวาไว้

    ชายหนุ่มแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าที่มืดครึ้ม สายฝนปะทะกับใบหน้าเขาจนเปียกโชก

    ฟิแอกแต!” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นฝ่าสายฝนเข้ามา

    ชายหนุ่มหันไปมองทางต้นเสียง มองดูทางที่เขาเพิ่งวิ่งผ่านมาอย่างระแวดระวัง คิ้วขมวดมุ่นอย่างครุ่นคิดหาทางออก

    ร่างเลือนรางเป็นเงาตะคุ่มสี่ร่างปรากฏกายขึ้นท่ามกลางม่านน้ำฝน ร่างหนึ่งในสี่ร่างชูไม้คฑาขึ้นฟ้า ดวงตาสีแดงฉานฉายแววเจิดจรัสในม่านน้ำฝน มันควบม้าตรงมายังเขา โดยมีอีกสามร่างควบม้าตามมาข้างหลัง ชูไม้คฑาขึ้นฟ้าเช่นกัน

    หึ...ตามมาทันเร็วดีนี่ฟิแอกแตคราง พลางหันไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขา เราจะได้เห็นดีกัน

    ทันใดนั้นต้นไม้เบื้องหน้าก็ถูกยกลอยขึ้นจากพื้นดิน รากอันใหญ่มหึมาถูกแยกออกจากดินที่ชุ่มฉ่ำ ต้นไม้หมุนคว้างอยู่กลางอากาศวินาทีหนึ่ง ก่อนจะถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับร่างสี่ร่างร่วงตกจากหลังม้าดังโครมใหญ่

    ฟิแอกแตยิ้มอย่างสะใจกับผลงานของตน เขาเดินออกมาเผชิญหน้ากับร่างทั้งสี่ที่กำลังตะเกียกตะกายดันร่างของตนออกจากลำต้นที่กดทับตัวพวกเขา เลือดสีแดงสดไหลรินหยดลงบนพื้นหญ้า เมื่อลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ ก็ค่อยๆเดินไปนั่งบนหลังม้า

    ฟิแอกแต เจ้าต้องชดใช้ร่างหนึ่งคำรามก้องป่า

    ฟิแอกแตเลื่อนมือไปจับดาบที่เอวข้างซ้ายเอาไว้ พร้อมกับชักดาบออกมาจากฝัก สันดาบสีเงินเป็นประกายท่ามกลางสายฝนที่ซัดสาดลงมา

    ดาบจะสู้กับไม้คฑาได้หรือ ฟิแอกแตหนึ่งในสี่ร่างถามขึ้น

    ฟิแอกแตไม่ตอบ มือสองข้างกุมดาบไว้เบื้องหน้า ใบหน้าขาวซีดนั้นสังเกตได้ง่ายในม่านน้ำฝน ฟ้าผ่าดังเป็นแฉกบนท้องฟ้าเบื้องบน เขาหลับตาลงและกล่าวด้วยเสียงที่ดังก้อง แต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม

    เข้ามาเลย  ข้าไม่กลัวพวกเจ้า!”

    ลำแสงสีแสดสว่างวาบผ่านสายฝน ตรงมายังฟิแอกแตอย่างรวดเร็ว เขาตวัดดาบต้านลำแสงเวทมนตร์ไว้ทันที เกิดแรงปะทะอย่างรุนแรง เขาถอยไปหลายเมตร ก่อนจะเกิดแรงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว

    ฝุ่นผงธุลีฟุ้งกระจายโดยรอบบริเวณ ร่างสี่ร่างยิ้มอย่างเยือกเย็น ฟิแอกแตใช้ดาบยันกายลุกขึ้น เดินผ่านหมอกควันออกมา ด้วยสภาพที่เลือดกบปาก ดวงตาแดงก่ำ ศีรษะแสบร้อนเพราะบาดแผล

    เป็นดาบที่มีพลังอำนาจ สามารถต้านเวทมนตร์ได้ นี่สินะ คุณสมบัติของดาบประจำตระกูลบรูทัล

    ฟิแอกแตยิ้มกริ่มด้วยท่าทีภูมิใจเล็กน้อย ก่อนจะเก็บดาบใส่ฝัก เปิดฮู้ตคลุมศีรษะออก ปัดฝุ่นผงออกจากเสื้อ

    หากเจ้าไม่อยากตายในป่านี้ ก็จงคืนสิ่งที่เจ้าขโมยมาให้แก่เราร่างหนึ่งกล่าว ก่อนจะควบม้าเข้ามาใกล้ มันมีร่างสูงใหญ่กว่าอีกสามร่างเบื้องหลัง ผ้าคลุมสีน้ำตาลเก่าปอนและเปรอะโคลนปกปิดมิดชิด แม้แต่ฮู้ตคลุมหัวยังปิดลงมาจนมิด มองเห็นเพียงดวงตาหนึ่งคู่ที่แดงฉาน

    เจ้าคงจะชื่อเมเรสสินะฟิแอกแตพูด ดวงตาสีดำมองดูร่างสูงใหญ่อย่างไม่หวั่นเกรง

    ถูกต้องร่างที่ชื่อเมเรสตอบ มือผอมแห้งจนดูเหมือนกระดูกกำสายบังเหียนแน่นข้ามีทางเลือกให้เจ้าสองทาง...ทางแรก จงส่งสิ่งของที่เจ้าขโมยมาให้เรา และเราจะปล่อยเจ้าไป...ส่วนทางที่สอง หากเจ้าไม่ส่งสิ่งของที่เจ้าขโมยมาให้เรา เราจะปลิดชีพเจ้าซะ

    ของสิ่งนี้หาใช่ของๆเจ้าไม่ฟิแอกแตกล่าวด้วยเสียงดุดัน ของสิ่งนี้หาใช่ของพวกเจ้าไม่ แต่เป็นของตระกูลข้า

    เจ้าสำคัญตนผิดเสียแล้ว ฟิแอกแต เจ้ายังมีสิ่งที่ไม่รู้อีกมากนักบนโลกใบนี้เมเรสกล่าวเสียงเย็น จริงอยู่ที่มันเป็นของตระกูลเจ้า แต่...อย่างที่ข้าบอก บนโลกใบนี้ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ยังไม่เคยรู้จักหรือได้เห็น เจ้าอายุแค่ยี่สิบ ด้อยประสบการณ์นัก

    หึ...คืนนี้ ข้าขอสู้ตายกับเจ้าฟิแอกแตคำรามพลางร่ายเวทมนตร์

    เมเรสเห็นพลังเวทย์ก่อตัวขึ้นที่มือข้างขวาของฟิแอกแต เขาไม่รอช้ายิงลำแสงสีส้มเข้าใส่ฟิแอกแตจนกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้อย่างรวดเร็ว ฟิแอกแตกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง ในขณะที่เมเรสและพวกพ้องควบม้าเข้ามาใกล้

    ไอ้ปิศาจ!” ฟิแอกแตสบถ เขาค่อยๆตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน แววตาจับจ้องที่เมเรสเขม็ง

    ข้าเชื่อว่า เจ้าคงไม่อยากลดตัวลงไปแปดเปื้อนกับพวกหัวขโมยโสโครกหรอกนะ ฟิแอกแตเมเรสกล่าวเหยียดหยาม เจ้าคงไม่อยากให้ชื่อเสียงที่บรรพชนสร้างสมมา ต้องมาพังพินาศเพราะเจ้าหรอกนะ

    ฟิแอกแตมีท่าทีครุ่นคิด ชื่อเสียงที่บรรพชนสร้างสมมาหลายร้อนรุ่น ชื่อวีรชนแห่งตระกูลบรูทัลถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์มายาวนาน จะต้องพังพินาศเพราะเขากระนั้นหรือ

    แต่การขโมยสิ่งที่เป็นของตนเองกลับคืนมา หาได้เรียกว่าหัวขโมยไม่เขากล่าวเสียงเย็น

    ก็ถูกของเจ้า...เมเรสว่าพลางชูไม้คฑาขึ้นอีกครั้ง สายฝนเริ่มพัดกระหน่ำ

    ฟิแอกแตมองเห็นความตายเบื้องหน้า เขารู้ว่าปิศาจทั้งสี่ไม่มีวันปล่อยเขาไปได้ง่ายๆแน่ เขามองไปรอบกาย ก็พบว่าตัวเองถูกล้อม จึงหลับตาและร่ายคาถาในใจ

    เจ้ายอมเสียแต่โดยดีเถิด เจ้าถูกล้อมแล้วเมเรสกล่าวด้วยเสียงแห่งชัยชนะ

    ฟิแอกแตลืมตาขึ้นพลางยิ้มกริ่ม เถาวัลย์นับพันเส้นเลื้อยเหมือนงูขึ้นมาพันรอบกายปิศาจทั้งสี่ พวกเขามองดูมันอย่างหวั่นวิตก ฟิแอกแตหัวเราะอย่างเยือกเย็นก้องไปทั้งราวป่า เถาวัลย์เลื้อยมัดแขนขาและลำตัวของพวกมัน และรัดแน่นจนร่วงลงจากหลังม้าลงมานอนกองอยู่กับพื้น เสียงร้องโหยหวนครวญครางของพวกมันดังประสานกับเสียงหัวเราะเยือกเย็นของฟิแอกแต จากนั้นเสียงร้องครวญครางด้วยความทรมานค่อยๆสงบลง

    ข้า ฟิแอกแต ไม่เคยอับจนหนทาง จงจำไว้ อย่ามาลองดีกับข้า ฟิแอกแตผู้นี้เป็นอันขาด มิเช่นนั้นแล้ว โทษของพวกเจ้าคือ ตายสถานเดียวเขาตะโกนด้วยเสียงที่ทรงอำนาจ สายตามองดูศพที่นอนกองอยู่กับพื้นรอบตัวด้วยสายตาสงบ

    ฝนหยุดตกแล้ว ฟิแอกแตแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าที่เริ่มเห็นหมู่ดาวพร่างพรายระยิบระยับ แสงจันทร์สีทองส่องลอดหมู่แมกไม้ลงมายังพื้นดินที่ชุ่มฉ่ำ เขายิ้มให้กับตัวเอง ก่อนจะหายตัวไปในความมืดมิด

     

    ......ร้านบาร์ทอเรียล เป็นร้านเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในเขตชานเมืองอาร์เทอรี่ ตัวร้านมีสองชั้นก่อด้วยหินอ่อน ปล่องไฟพ่นควันลอยขึ้นไปในอากาศ ป้ายร้านสลักชื่อ เบิร์นการ์ต บาร์ทอเรียล ผู้ก่อตั้งร้าน

    หญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาในร้าน นางมีรูปร่างบอบบาง แต่แฝงไปด้วยพลังลึกลับอย่างประหลาด ร่างสูงโปร่ง ผมสีทองบลอนด์ยาวจรดกลางหลัง ใบหน้ายาวรีนั้นขาวเนียนส่องประกาย รูปโฉมงดงามจนตราตรึง ดวงตาสีเขียวดั่งอัลมอนด์ รูปร่างนางน่าทะนุถนอม จนทำให้ชายหนุ่มหลายคนในร้านมองดูนางอย่างตกอยู่ในห้วงภวังค์ ริมฝีปากรูปกระจับดูเอิบอิ่ม สวมชุดกระโปรงสีแดงยาว นางเดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์

    ออนาร์ด เอียร์ฟรอดหนึ่งแก้วนางสั่ง

    ชายชราผู้หนึ่งโผล่ออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ เขามีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและริ้วรอยแห่งความชรา ดวงตาสีซีดดูฝ้าฟาง แต่กระนั้นเขาก็ยังมองเห็นบ้าง ถึงแม้จะเห็นไม่ค่อยชัดนักก็ตาม ผมสีขาวระต้นคอ ผ้าคลุมเก่าปอน เขามองดูหญิงสาวอย่างคาดคะเน

    เอียร์ฟรอดรึออนาร์ดทวนคำ

    ใช่หญิงสาวตอบ

    ออนาร์ดพยักหน้าครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินไปยังชั้นวางเครื่องดื่มที่อยู่หลังร้าน ขณะที่หญิงสาวมองไปรอบร้านที่อบอวลไปด้วยกลิ่นเครื่องดื่มอันฉุนจมูก โต๊ะยี่สิบตัวตั้งเรียงรายรอบร้าน ชายหญิงนั่งดื่มเครื่องดื่มและสนุกสนานเฮฮากัน

    ออนาร์ดเดินกลับมาพร้อมขวดใบใหญ่สีดำสนิท เขาวางมันบนเคาน์เตอร์ และรินใส่แก้ว ก่อนจะยื่นให้หญิงสาว

    หญิงสาวรับมาดื่มลงไปแก้วหนึ่ง และรินใหม่ ของเหลวสีเขียวจางไหลลงไปในคอหยดแล้วหยดเล่า ทำให้รู้สึกแผ่ซ่านไปทั่วเรือนร่าง

    ฟิแอกแตเดินเข้ามา ท่ามกลางเสียงหัวเราะของผู้คนในร้านที่ยังไม่รู้ว่า มีแขกมาเยือน เขาเดินไปนั่งข้างหญิงสาว ออนาร์ดมองดูผู้มาใหม่อย่างหวาดๆทันที เพราะฟิแอกแตมีเค้าของคนบางคนที่เขาเคยรู้จักเมื่อนานมาแล้ว

    ฟิลเกรลแก้วหนึ่งฟิแอกแตบอก

    ฟิลเกรลรึ!” หญิงสาวพึมพำด้วยความเมาพลางสะอึก

    ฟิแอกแตหันมาสบตากับหญิงสาว เขาตกอยู่ในภวังค์ทันที เมื่อมีหญิงงามจ้องตอบกลับมาอยู่ตรงหน้า

    มิทราบว่า เจ้ามีชื่อว่าอะไรเขาถามอย่างอยู่ในห้วงภวังค์

    ข้าหรือ...หญิงสาวมีสีหน้าเจื่อนลง แววตานางดูครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง ข้าชื่อ โรส...

    โรส...อืม...ชื่อนี้ไพเราะดีมากฟิแอกแตพึมพำพร้อมรับแก้วใส่ของเหลวสีเข้มขึ้นมาดื่ม เอียร์ฟรอดมีฤทธิ์รุนแรงมาก เหมาะกับคนคอแข็ง มิเช่นนั้นล่ะก็ไม่เกินห้านาทีเมาแน่นอน...อย่างเช่นตอนนี้

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าไม่ได้เมาเสียหน่อยโรสหัวเราะ อีกอย่าง ข้าก็ไม่ได้ดื่มบ่อย ว่าแต่ท่านชื่อว่าอะไร

    ข้าชื่อ ฟิแอกแต...ฟิแอกแต บรูทัลเขาตอบเสียงเบา

    โรสเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ ขณะที่ออนาร์ดเผลอทำแก้วแตก เมื่อได้ยินนามสกุลนั้น

    โอ...ฟิแอกแต บรูทัล...บรูทัลหรือ!” ออนาร์ดตะโกนก้องด้วยท่าทีสั่นเทาไปทั้งร่าง

    เสียงเฮฮาสงบลงทันที เมื่อคำว่า บรูทัล ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งบาร์ สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังฟิแอกแต ทำให้พวกเขารู้สึกสั่นสะท้านและหนาวเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง เมื่อมองดูใบหน้าขาวซีดที่ดูสงบจนน่ากลัว

    โอ ทายาทพ่อมดนักรบผู้เลื่องชื่อ...มิคาดฝันว่าจะได้พบ โดยเฉพาะยามวิกาลเช่นนี้โรสพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ถึงแม้แววตาจะฉายแววหวาดกลัวเล็กน้อย บอกหน่อย ทำไมทายาทผู้สูงศักดิ์เช่นท่าน จึงมาอยู่ในเขตชานเมืองเยี่ยงนี้

    ข้าเพียงแต่ไปทำธุระ ระหว่างทางกลับ ผ่านมาทางนี้พอดีฟิแอกแตว่า ขณะที่คนอื่นๆกลับไปเฮฮาต่อ

    อืม...โรสพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    คุณชาย เป็นบุตรของท่านโพไซดอนใช่หรือไม่ออนาร์ดถามอย่างหวาดๆ

    ผิดแล้ว โพไซดอน คือท่านอาของข้าต่างหากฟิแอกแตตอบยิ้มๆ

    ท่านอาหรือ...ออนาร์ดทวนคำ ท่านหน้าตาคล้ายท่านอาของท่านมาก หากเพียงแต่ท่านสูงกว่านี้ และมีดวงตาสีน้ำทะเล หาใช่สีดำ คุณชายจะเหมือนเขาราวกับคนคนเดียวกันเลย

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า...ฟิแอกแตหัวเราะเสียงสูงเยือกเย็น ท่านรู้จักท่านอาโพไซดอนของข้าด้วยหรือ

    ออนาร์ดโค้งคำนับเล็กน้อย ก่อนตอบว่า ข้าน้อยมิอาจไปทำความรู้จักกับขุนพลแห่งกองทัพ อย่างท่านโพไซดอนหรอกขอรับ ข้าน้อยเป็นเพียงแต่ผู้ที่เป็นหนี้บุญคุณของเขาเท่านั้น

    อ้อ...เช่นนั้นหรือ

    เห็นมีข่าวว่า เพลานี้ ท่านโพไซดอน กำลังรบติดพันกับกบฏกลุ่มหนึ่งที่ชายแดนแอลมอร์ออนาร์ดว่า ตอนนี้ เป็นเช่นไรบ้าง

    เสียกำลังทหารฝีมือดีไปหลายพันนาย ไม้คฑาของท่านอาหักไปแล้ว เวทย์มนตร์เสื่อมถอยลงมาก ท่านอายุหกสิบห้าปีแล้ว ตอนที่ท่านออกไปรบ ข้ารู้มาว่า ตอนนี้ท่านอา คงใช้ได้แต่เพียงดาบเท่านั้น

    โถ...อนิจจาออนาร์ดพึมพำ ทางการไม่ส่งคนไปช่วยรบหรือขอรับ

    ไม่มีใครสนใจเรื่องพวกนั้นหรอก ขุนนางในราชสำนักกำลังแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน พระราชาก็ไม่ใส่ใจบริหารบ้านเมือง กบฎลุกลามไปทั่ว มีแต่คนเห็นแก่ตัวเอาชีวิตรอดในสถานการณ์อย่างนี้กันทั้งนั้นฟิแอกแตกล่าว

    หากเป็นเช่นนี้ ท่านโพไซดอน มิต้องตายอย่างอนาถในชายแดนหรือขอรับออนาร์ดว่าอย่างใจคอไม่สู้จะดีนัก

    ข้าไม่รู้ฟิแอกแตเอ่ย

    ได้ยินว่า ตระกูลบรูทัลมีปราสาทเป็นของตัวเองทั้งหมดเจ็ดแห่ง ใช่หรือไม่ออนาร์ดถาม

    ใช่ เป็นที่ดินพระราชทานที่ท่านปู่ทวดเฮนรี่ ขอพระราชทานปลูกสร้างปราสาทให้ลูกหลานอยู่ โดยมีคฤหาสน์บรูทัลใหญ่ที่สุดฟิแอกแตตอบ

    แล้วคุณชายพำนักอยู่ที่ปราสาทใดออนาร์ดถามอย่างใคร่รู้.

    ข้าอยู่ที่ปราสาทฟินิเซีย แต่เดิมเป็นมรดกของพ่อข้า ไดออนีซุส แต่ว่า ข้าอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลบรูทัล เพราะว่า ตอนข้าอายุได้สิบปี พ่อแม่ข้าก็ตายหมด ท่านปู่เดเตสตับ จึงให้ข้าไปอยู่คฤหาสน์บรูทัลฟิแอกแตตอบ

    ปู่ทวดของท่าน เป็นวีรชนผู้ยิ่งใหญ่ อายุนับร้อยกว่าปี มีเกียรติประวัติเลื่องลือ ผู้คนนับถือออนาร์ดว่าอย่างชื่นชม ฟิแอกแตเพียงแต่ยิ้ม ข้าน้อยนับถือท่านเฮนรี่ บรูทัล เขาเป็นพ่อมดที่บังคับธรรมชาติ และสามารถควบคุมจิตใจคนได้...” จากนั้นเขาก็พุดพร่ำเพ้อถึงเรื่องวีรบุรุษในดวงใจ ดวงตาดูเลื่อนลอยอยู่ในความฝัน เขาเดินหายเข้าไปหลังร้าน พร้อมคำพูดที่ว่า แด่ท่านเฮนรี่ วีรชนผู้ยิ่งยง

    ออนาร์ดก็เป็นเช่นนี้แหละ สติเลอะเลือน อายุเกือบร้อยปีแล้ว แต่ยังพูดถึงเรื่องเก่าๆโรสว่าพลางยิ้ม

    เจ้าอยากจะไปปราสาทของข้าหรือไม่ฟิแอกแตโพล่งขึ้น

    โอ้ ท่านชวนหญิงงามไปปราสาทของท่านทุกคนเลยหรือไม่โรสถามพลางตกใจ

    ไม่ทุกคนหรอกฟิแอกแตหัวเราะแห้งๆ พลางโน้มตัวมากระซิบที่ข้างหู ดวงตานางเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด

    งานเลี้ยงเต้นรำอัลฟาวิกตอเรียหรือโรสพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อหู

    ใช่ฟิแอกแตตอบสั้นๆ

    ข้าไม่คู่ควรกับงานเลี้ยงผู้สูงศักดิ์เช่นนั้นหรอกโรสเอ่ยด้วยเสียงเศร้าด้วยด้อยในฐานะของตนเอง และสมัยนี้เรื่องชนชั้นก็ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้น

    เจ้าอย่าห่วงเลย ตอนนี้เจ้าก็เป็นสหายข้าแล้ว ข้าสามารถพาเจ้าไปได้ หากเจ้าอยากไป

    ช่างประหลาดนัก ตระกูลผู้สูงศักดิ์อย่างตระกูลบรูทัล มีคนเช่นนี้ด้วยหรือ โรสถามอย่างประหลาดใจ ฟิแอกแตยิ้มอย่างเยือกเย็น

    ในธรรมชาติย่อมมีการผ่าเหล่าเป็นธรรมดาเขากล่าวด้วยท่าทีสงบ

    งานเลี้ยงเต้นรำ...จะมีขึ้นวันใดโรสถาม

    สองวันหลังจากนี้ เราจะพบกันที่ปราสาทกริฟฟาร์ดฟิแอกแตตอบ

    ได้

    เสียงประตูเปิดผางออกจนกระเด็นเข้ามาในร้าน จนทุกคนในร้านพากันตกใจ ฟิแอกแตและโรสลุกขึ้นตามสัญชาตญาณ ออนาร์ดออกมาจากหลังร้าน และมองดูผู้มาเยือนรายใหม่ เมื่อเห็นว่าเป็นใคร จึงย่อตัวลงหลบใต้โต๊ะอย่างหวาดผวา

    เท้ายาวเรียวข้างหนึ่ง ก้าวเหยียบลงบนกองประตูที่พังไม่มีชิ้นดี ผู้คนต่างจ้องไปที่ใบหน้าของผู้มาเยือนก็ใจหายวาบ

    ผู้มาเยือนมีใบหน้าคล้ายสุนัขป่าก็ไม่ปาน ร่างสูงใหญ่ราวสองฟุต ดาบยาวโค้งมีฟันเลื่อยอยู่ตรงสันดาบ ผิวกายสีดำส่งกลิ่นไอคล้ายซากศพที่ตายมานาน ดวงตาสีเหลืองมองไปรอบๆ แต่ไม่จับจ้องที่ใด ลมหายใจเหม็นๆออกมาจากรูจมูกที่ยื่นออกมา เขี้ยวสีเหลืองแหลมคม

    อสูรกายเรลเดอร์วิล ถึงแม้ตาจะบอดสีและสายตาสั้นแถมยังฝ้าฟางจนแทบมองเห็นสิ่งต่างๆเป็นแค่เงาเลือนราง แต่หูมันไวเป็นเลิศฟิแอกแตพึมพำกับโรส ขณะที่เขาพูดจบ เรลเดอร์วิลก็เดินเข้ามาถึงใจกลางร้าน

    ใครคือตระกูลบรูทัลเรลเดอร์วิลคำรามก้องคล้ายเสียงสัตว์ป่า

    ฟิแอกแตก้าวออกมาพลางชักดาบออก ฉับพลันหูทั้งคู่ของเรลเดอร์วิลก็กระดิก ดวงตาจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่มองเห็นเป็นเพียงเงาเลือนราง

    แกเป็นใคร

    คนที่แกตามหาอยู่เขาตอบ

    ฮ่า ฮ่า ฮ่าทันทีที่หัวเราะ บาร์ทั้งบาร์ก็ดูเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ รอยร้าวเกิดขึ้นบนผนังและเพดาน ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น เศษหินอ่อนตกลงมายังที่นั่งในร้านพังยับเยิน พ่อมดแม่มดต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด เรลเดอร์วิลหยุดหัวเราะพลางมองไปรอบๆอีกครั้ง พวกพ่อมดชั้นต่ำ เวทมนตร์น้อยนิดของพวกเจ้าจะสู้อะไรข้าได้

    แล้วของข้าเล่า พอปะมือกับเจ้าได้หรือไม่ฟิแอกแตถาม เรลเดอร์วิลหันมาทางต้นเสียง ฟิแอกแตเก็บดาบลง พลางหันไปยังโรส เจ้าจงไปจากที่นี่ อีกสองวันค่อยพบกันที่ปราสาทกริฟฟาร์ด

    แล้วท่านเล่าโรสถามอย่างตกใจ

    ไม่ต้องห่วงข้า จงไปเสีย

    ตกลงโรสตอบพลางหายตัวไปทันที

    เหลือเจ้ากับข้าแล้ว เรลเดอร์วิลฟิแอกแตเอ่ยพลางหันมาทางอสูรกายด้วยสายตาดุดัน เหตุใด เจ้าจึงตามล่าข้า

    มันเป็นกฎเรลเดอร์วิลตอบสั้นๆ

    กิลแฟร์ร่าฟิแอกแตร่ายคาถา

    ตูม! เสียงระเบิดลูกใหญ่ดังสนั่นหวั่นไหว ระเบิดบาร์ทั้งบาร์มอดไหม้เป็นจุณ เรลเดอร์วิลร้องโหยหวนด้วยความทรมาน ก่อนจะสิ้นใจในกองซากปรักหักพัง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×