หน้าที่ 1 , 2 , 3
 
ชื่อเรื่อง :  Rosor Reich
ใครแต่ง : Gent in Blue
12 เม.ย. 57
80 %
4 Votes  
#11 REVIEW
 
เห็นด้วย
16
จาก 17 คน 
 
 
วิจารณ์ จาก MrPoseidonSon

(แจ้งลบ)
  
เขียนเมื่อ 27 พ.ย. 54
อันดับแรก ผมต้องขอบอกก่อนว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะทำให้นิยายของคุณเสื่อมเสีย คำวิจารณ์ทั้งหมด มาจากความคิดของผู้วิจารณ์ นั่นก็คือ MrPoseidonSon แต่เพียงผู้เดียว ถ้าคำวิจารณ์นี้ ทำให้ผู้เขียนนิยายรู้สึกแย่ ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ

เมื่อเปิดเรื่อง คำบรรยายในนิยายที่ผมเจอทำได้ค่อนข้างดีนะครับ มันทำให้น่าติดตามได้พอตัว แต่มันก็สะดุดด้วยอะไรบางอบ่าง ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไร จะว่า มันไม่สนุกก็ไม่เชิง จะว่ามันไม่น่าติดตามก็ไม่ใช่ เมื่อผมดำเนินมาถึงท้ายเรื่อง จึงเข้าใจ นั่นก็คือ ชื่อของตัวละคร มันมาปรากฏท้ายบทที่หนึ่ง ระหว่าง องครักษ์กับเจ้าชาย (ผมขอเรียกเจ้าชายนะ แม้ว่าตำแหน่งจะเป็นพระราชา) คืออารมณ์ผมตะขิดตะขวงเพราะยังไม่เคยเจอนิยายเรื่องไหนที่เปิดบรรยายด้วยลักษณะหน้าตาแล้วไม่ได้ตามด้วยชื่อ คนอ่านก็จะรู้สึกสงสัย และเมื่อมันสงสัยด้วยเหตุเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ความอยากอ่านอาจจะหมดก็ได้ (อันนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยการอ่านของแต่ละคน โดยผมก็จะอยู่ในลักษณะนั้นด้วย) ผมเข้าใจว่าคนแต่งอาจจะอยากสร้างความแปลกใหม่หรือเป็นชนวนในตอนจบของท้ายบทว่า อ๋อ นี่ไง คนนี้ชื่อ ไฮเบน อีกคนชื่อ คราล มันทำให้รู้สึกได้นิดๆ แต่อย่าลืมว่า ตอนแรกของคุณไม่ใช่การเกริ่นนำ มันคือเหตุการณ์สำคัญที่จะโยงเข้าสู่เนื้อหาหลัก นั่นก็คือการลอบทำร้ายเจ้าชาย หมายถึงความไม่พอใจของอีกฝ่ายและมันก็น่าจะเชื่อมโยงเข้ากับเหตุการณ์ปลายๆ บทที่สอง เพราะฉะนั้น ผมว่าอะไรที่มันหลักๆ ควรจะแนะนำให้กระจ่างนะครับ

เรื่องที่สอง คือ อารมณ์ของการบรรยาย (อันนี้ผมแยกมาจากเรื่องการใช้คำบรรยายนะครับ) เรื่องนี้ผมมองว่าเป็นแนวตะวันตก แถวๆ อังกฤษ สเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส เพราะมันมีชื่อและเรื่องเรือรบเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เวลาอ่านประโยคบางประโยค มันยังรู้สึกขัดกับความรู้สึกอยู่ คำบางคำมันยังดูไทยไป เช่น “จะไปตรัสรู้ได้ไงเล่า” ผมแนะนำถ้าอยากเขียนนิยายแนวนี้ให้แจ่ม ลองดูบทสนทนาในเรื่อง Pirate of Caribbean นะครับ มันจะให้อารมณ์มากกว่า (ผมเห็นความไม่มีเหตุผลของเกรเกอร์ในเรื่องการใช้คำพูด เช่น ช่วยไม่ได้นี่หว่าแลมป์ หรือ เฮ้ยพูดจริง คือปกติแล้ว น่าจะมีความเคารพมากกว่านี้ถึงแม้จะเป็นรุ่นเดียวกัน (อันนี้ผมมองว่าทั้งสองเป็นคนมีอายุนะครับเช่น สี่สิบ อัพ เพราะถ้าเพื่อนตัวเองเป็นหัวหน้าองครักษ์ได้แล้ว ไม่น่าจะอายุ ยี่สิบกว่าๆ) แต่นั่นอาจจะเป็นคาแร็คเตอร์ของตัวละครก็ได้ อันนี้ผมไม่ซีเรียส)

เรื่องที่สาม ทำไมผมรู้สึกว่า มุกตลกที่วางลงไปในเรื่อง มันตลกแต่ก็ยังทำให้เนื้อเรื่องเครียดอยู่อีก ผมรู้สึกแบบนั่นนะ เหมือนการเล่าเรื่องมันดูจริงจังมากไป หรืออาจะเป็นเพราะคำบรรยาย เลยทำให้บางตอนดูเนือยๆ มันไม่ค่อยมีความเป็นกันเองระหว่างคนอ่านและผู้เขียน

ส่วนเรื่องดีๆ ของเรื่องนี้ก็คือ การวางเนื้อเรื่องนะครับ วางได้ดีเลย ค่อยๆ เปิดตัวละครและปมเรื่อยๆ มันทำให้คนที่สนใจนิยายแบบนี้ อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ (โดยส่วนตัวผม ผมไม่ค่อยชอบนิยายที่ใช้บทบรรยายเกินความจำเป็นนะครับ รู้สึกอ่านไม่สนุก)

เรื่องคำบรรยายก็คงต้องบอกว่า บรรยายได้กระจ่างมาก แต่เวลาเว้นบรรทัด มันทำให้ผมรู้สึกว่า นิยาย มันเยอะไป เลยไม่ค่อยตั้งใจอ่านเท่าที่ควร (แต่ผมก็วนกลับไปอ่านใหม่นะ เวลาไม่รู้เรื่อง เลยใช้เวลาเยอะไปหน่อยกับนิยายเรื่องนี้)
ตัวอักษร ผมชอบแนะนำคนที่ผมวิจารณ์ให้ใช้ Codia New ความใหญ่ 18 นะครับ เวลาเอามาลงที่เวป ตัวหนังสือ กำลังดีเลย ส่วนถ้าพิมพ์ในเวิร์ด ใช้ 14 พอ

อีกนิด ผมคาดหวังจากชื่อเรื่องและการเกริ่นนำพอตัวนะครับ เพราะตัวเอกมันน่าจะเป็น ไฮเบน โดยเฉพาะ แต่ผมยังรู้สึกถึวความเสมอภาคของตัวละครในเรื่อง

(เรื่องนี้ เหตุที่ผมให้ 4 ดาวครึ่ง (ดูความหมายของคะแนนได้ที่บอร์ด) เป็นเพราะความเป็นกลางในการตัดสินนะครับ ไม่ได้มาจากความรู้สึกส่วนตัว เพราะถ้าจะถามว่า มันสนุกไหม สำหรับผม มันเหมือนกับนิยายทั่วๆ ไป นะครับ ยังไม่ค่อยมีเสน่ห์เท่าที่ควร แต่ต้องยอมรับว่า เนื้อเรื่องและวามสมบูรณ์ของนิยาย มีค่อนข้างมาก)
     
 
ใครแต่ง : Adiemus/Log-ON/The Storyteller
2 ธ.ค. 54
80 %
9 Votes  
#12 REVIEW
 
เห็นด้วย
16
จาก 17 คน 
 
 
วิจารณ์ จาก MrPoseidonSon

(แจ้งลบ)
  
เขียนเมื่อ 2 ธ.ค. 54
อันดับแรก ผมต้องขอบอกก่อนว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะทำให้นิยายของคุณเสื่อมเสีย คำวิจารณ์ทั้งหมด มาจากความคิดของผู้วิจารณ์ นั่นก็คือ MrPoseidonSon แต่เพียงผู้เดียว ถ้าคำวิจารณ์นี้ ทำให้ผู้เขียนนิยายรู้สึกแย่ ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ

ก่อนอื่นเลยผมขอเริ่มจาก การใช้คำให้ตรงกับความหมายจริงๆนะครับ
คฤหาสน์ขุนนางชั้นสูงนามว่า พาลิน (ผมเคยเห็นคำว่า นาม ใช้กับมนุษย์ เช่น บุรุษไร้นาม แต่เมื่อคำว่า นาม มาใช้กับสถานที่ รสนิยมในการใช้ภาษาของผมเลยรู้สึกไม่ค่อยดีกับคำนี้ ผมไม่รู้ว่ามันถูกหรือเปล่า แต่ผมไม่ค่อยเห็นใครเขาใช้กัน)

สิ่งต่อมาก็คือ คำขยายแสดงช่วงของเวลา ค่อยๆ ทำความเข้าใจนะครับ มันอาจจะดูงง แต่ผมจะพยายามทำให้มันกระจ่างมากที่สุดเท่าที่ทำได้

บทแรกที่บอกว่า เจ็บท้องก่อนคลอดสองวัน วันแรก ส่งม้าเร็วไปบอกสามีว่าภรรยาจะคลอด แต่สามีมาไม่ได้ ส่วนวันต่อมาก็ปวดท้องทั้งวันและคลอดออกมาในตอนกลางคืนของวันนั้น (คำว่านั้น มันสื่อ คืนในอดีต อาจจะเป็น สิบปี หรือ เมื่อคืนนี้)

บทนี้พูดว่า

ทว่ายามดึกคืนนั้นเองนางซีเรลก็ให้กำเนิดบุตรชายได้สำเร็จ (อันนี้เป็นประโยคกล่าวถึงอดีตโดยสำเนียง)

แต่พอมาบทสนทนา ก็กลับกลายมาตั้งชื่อบุตรชาย ซึ่งมันเป็นปัจจุบัน (บทสนทนาทุกตอน บ่งบอกว่าเป็นปัจจุบัน ในนิยายครับ ไม่ว่าจะแง่ของการเล่าแบบที่หนึ่งหรือสองก็ตาม นอกจากเสียว่า คุณจะเล่าให้มันเป็นความคิดโดยต้องเพิ่มไกด์เวิร์ดลงไปให้ผู้อ่านรู้ครับ)

ตรงนี้มันขัดแย้งเล็กน้อยครับ ความไม่เป็นเหตุเป็นผลของการมีลูกคือ ทำไมต้องมาตั้งชื่อหลังจากที่คลอดเสร็จแล้ววันหนึ่ง โดยปกติ ตามสัญชาติญาณของพ่อแม่จะตั้งชื่อลูกทันทีด้วยความเห่อ

อย่างไรก็ตาม ถ้าเราใช้คำว่า นี้ แทน

ทว่ายามดึกคืนนี้เองนางซีเรลก็ให้กำเนิดบุตรชายได้สำเร็จ
การดำเนินของเวลาจะสอดคล้องกันพอดีเลยครับ (แต่ต้องปรับทั้งประโยคเลยนะครับ เพราะถ้าเปลี่ยนแค่คำว่า ดึกคืนนั้น เป็น ดึกคืนนี้ มันก็จะไปขัดแย้งในช่วงเวลาของประโยคที่ว่า นางเจ็บท้องอยู่หนึ่งวันเต็มๆ อีกนั้นแหละเพราะอันนี้สื่อถึงอดีต) แต่ถ้าผู้เขียนยังยืนยันตามความหมายที่ว่า คลอดวันนี้ แต่ตั้งชื่อลูกวันต่อมา มันก็จะถูกในเรื่องของการลำดับเวลาแต่มันก็จะขัดกับเหตุผลของความเป็นพ่อแม่

แต่แค่นั้น มันก็ยังไม่หมดนะครับ เพราะมันมีอีกหนึ่งประเด็น ก็คือ และตลอดกาล ในรุ่งเช้าวันนั้นเอง ในท้ายย่อหน้าที่ 9 ของบทที่หนึ่ง อันนี้กลายเป็นอดีตอีกแล้ว เพราะฉะนั้น คำว่า นั้น หรือ นี้ ถ้าใช้คู่กับเวลา ผมอยากให้ระวังมัดระวังนิดหนึ่ง เพราะมันจะทำให้ช่วงเวลาที่เราอยากให้เป็น บิดเบือน ไม่เป็นไปตามความหมายที่แท้จริง เช่น อดีต หรือ อนาคต

สรุป จุดแรกที่ผมเห็นก็คือ เรื่องการลำดับเวลา คุณใช้ อดีต ปัจจุบัน อดีต
โดยตั้งแต่ย่อหน้าที่ 3 ถึง 7 เรียงเวลาตามความเข้าใจผมได้

ย่อหน้าที่ 3 – 4 ปัจจุบัน + อดีต (สอดคล้องกันเพราะมีความว่า สองวันก่อน เป็นตัวเชื่อมเวลา)

ย่อหน้าที่ 4 – 5 อดีต

ย่อหน้าที่ 5 – 6 อดีต + ปัจจุบัน (ไม่สอดคล้องกัน ไม่มีตัวเชื่อมเวลาระหว่างอดีตไปสู่ปัจจุบัน)

ย่อหน้าที่ 6 – 8 ปัจจุบัน (ในที่นี่ ควรมีการบรรยายถึงการแสดงความคิดหรืออะไรก็ได้นะครับ มันจะได้เป็นเหมือนปัจจุบันในอดีต)

ย่อหน้าที่ 8 – 9 ปัจจุบัน + อดีต (ไม่สอดคล้องกัน ไม่มีตัวเชื่อมเวลาปัจจุบันไปสู่อดีต

จุดที่สอง ทำให้ผมงงได้เยอะเลย ก็คือ ราเซฟ เป็นหัวหน้าคฤหาสน์ซึ่งเป็นสามีของ ซีเรล เขาไม่ใช่ผู้นำตระกูลเหรอครับ เพราะว่าถ้าเป็นจริง ผมว่า คนที่ตายไป ไม่สมควรใช้คำว่า ผู้นำตระกูล นะ ผู้นำตระกูลน่าจะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เช่นเดียวกัน ถ้าพ่อตาย ลูกชายก็จะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลแทน ยกเว้นแต่ คนในบ้าน เป็นผู้หญิงทั้งหมด ผู้อาวุโสสูงสุดจะรับตำแหน่งนี้

หลังจากที่ผมอ่านจบ ผมยังมีเส้นกั้นบางๆ ระหว่างความสนุกอยู่นะครับ โดยบทสนทนาที่ผู้เขียนได้เขียนลงไป ผมชอบนะ อ่านแล้วอมยิ้มได้ แต่พอมันมาคั่นด้วย คำบรรยาย มันเลยดูเป็นทางการมากไป ตรงนี้ค่อนข้างยากนะครับ เพราะถ้าเราไม่สลัดความตั้งใจในการบรรยายให้สวยหรูไป ความสนุกของบทบรรยายก็จะมายากมากเลย เพราะคำสวยหรู มันไม่ค่อยขำ

ผมว่า ฉากที่ซาร์คเถียงกับ เต่าเชส ดีนะ สนุก และถ้าทั้งหมดของเรื่องเป็นแบบนี้ จะสนุกมากกว่านี้เท่าตัว

สรุป ที่ผมเห็นข้อผิดพลาดก็คือตามด้านบนนั่นแหละครับ มันเป็นความรู้สึกโดยส่วนตัวที่ผมคิดว่า มันน่าจะเป็นแบบนั้น อีกอย่าง มันอยากให้การเดินเรื่องเร็วขึ้นนะ ไปใช้ชีวิตในสวรรค์ กับ ป่าซะเยอะเลย เลยทำให้สามารถอ่านข้ามตอนได้ง่ายๆ เพราะมันไม่มีอะไร แม้ว่าอ่านข้ามก็ยังสามารถจับโครงเรื่องได้อยู่ ผมเลยมองว่า ทิศทางของเรื่องน่าจะเป็นการผจญภัยไปเจอเรื่องราวต่างๆ มากกว่าที่จะมีภารกิจและปริศนามาให้ไข

ท้ายสุด โดยรวม นับว่าเป็นนิยายที่มีพล็อตเท่นะครับ เทวดากับปิศาจ ต้องมาดูแลเด็กที่ตนเองทำผิดพลาดลงไป แต่ที่ผมสงสัยก็คือ เมื่อไหร่เด็กจะโตล่ะ นี่ก็ผ่านมาตั้งหกบทแล้วนะครับ หรือว่า ซูรูรัน จะไม่โต เพราะว่าถ้าไม่โต คงต้องเปลี่ยนชื่อเรื่องมาเป็น ซาร์คและริโอ กับเด็กชายคำสาปประการที่ 666

ปล เวท ใช้ตัวนี้นะครับ ไม่ใช่ เวทย์ ตัวนี้
     
 
ใครแต่ง : Mayohoro>_<
23 มิ.ย. 64
80 %
6 Votes  
#13 REVIEW
 
เห็นด้วย
15
จาก 15 คน 
 
 
วิจารณ์ จาก MrPoseidonSon

(แจ้งลบ)
  
เขียนเมื่อ 10 ธ.ค. 54
อันดับแรก ผมต้องขอบอกก่อนว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะทำให้นิยายของคุณเสื่อมเสีย คำวิจารณ์ทั้งหมด มาจากความคิดของผู้วิจารณ์ นั่นก็คือ MrPoseidonSon แต่เพียงผู้เดียว ถ้าคำวิจารณ์นี้ ทำให้ผู้เขียนนิยายรู้สึกแย่ ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ



แม้ว่าประโยคแรกที่เปิดตัวมาจะทำให้ผมรู้สึกขัดเคืองกับการสะกดคำว่า มั้ย ก็ตาม แต่ในเมื่อผู้เขียนจงใจที่จะใช้คำนี้ ผมก็จะมองข้ามคำผิดตรงนี้ไปครับ จริงๆ แล้ว ผมจะไม่นิยมให้เราผันรูปคำไปตามเสียงที่พูด เพราะงานเขียน เราควรใช้คำที่ถูกต้องที่มีบัญญัติลงในพจนานุกรมจริงๆ แม้สำนักพิมพ์บางแห่งที่ผมเห็น จะตีพิมพ์หนังสือด้วยคำนี้ แต่ผมว่า มันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี



‘นายช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักทีได้มั้ย!?

‘นายช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักทีได้ไหม!?



ผมว่าความรู้สึกของผู้อ่าน มันไม่ได้แตกต่างระหว่างสองคำนี้กันมากนะครับ



ในบทที่หนึ่งมีความขัดแย้งกันเองในเรื่องของการบรรยายนะครับ ระหว่าง

มะมาคือใครเหรอคะ…เธอเป็นเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของฉัน… ใช่แล้ว…เธอคนนี้เป็นเพียงคนๆเดียวที่หัวใจของฉันเปิดรับให้เธอมายุ่งวุ่นวายในชีวิตประจำวันของฉันได้… มะมาเป็นคนที่มีรอยยิ้มสดใสร่าเริง เป็นคนที่น่าตาจัดว่าน่ารักเข้าขั้นคนหนึ่ง



กับ



ฉันเป็นคนเงียบๆ… พอมีคนถามอะไรก็ตอบสั้นๆ… ฉันรู้ดีว่านั่นทำให้ผู้คนรอบข้างหรือพวกคนในโรงเรียนคิดว่าฉันน่ะหยิ่งแสนหยิ่ง… พวกเขาเลยพากันตัดสินใจหลีกเลี่ยงการสนทนากับฉัน… แน่นอนว่านอกจากจะไม่สนทนาด้วยแล้ว…พวกเขายังจงใจหลบสายตาของฉันด้วยอีกต่างหาก… และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมฉันจึงอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด…



ผมว่า เราควรจะกลับไปเปลี่ยนเนื้อหาก่อนหน้านี้นะครับ เมื่อเราจงใจที่จะบอกว่า ฉันอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ควรจะไม่มีใครเลยสักคน แต่ถ้าเราเลือกที่จะดำเนินเรื่องโดยที่มีเพื่อน สักคน สองคน เราอาจจะใช้ประโยคกำกวม เช่น

และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมฉันแทบจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด…



จริงๆ แล้วเรื่องการเครื่องหมายวรรคตอน ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้มากเท่าไหร่นะครับ แต่ถ้าเราจะใช้เพื่อบอกว่า นี่เป็นประโยคสนทนา เราจะใช้ อัญประกาศคู่ “…” เท่านั้น ส่วนอัญญประกาศเดี่ยว ‘…’ จะใช้เมื่อเราจะเน้นคำพูดหรือสิ่งสำคัญเข้าไป มันใช้เพื่อเน้นสิ่งสำคัญในอัญประกาศคู่ อาจจะเป็นความคิดที่มาจากจิตใต้สำนึกของตัวละครที่เราต้องการจะเน้น ยกตัวอย่างครับ

น้อยหันหน้ามา "ฉันไม่อยากจะพูดว่า 'เธอใช้ไม่ได้' เลยรู้ไหม"

เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ ทำให้ผมสับสนอยู่พอตัว เมื่อตอนที่ เอ่อ (นางเอก) คุยกับชายหนุ่มในร้านๆ หนึ่ง ผมไม่รู้ว่า นั่นเป็นความคิดของนางเอกหรือเป็นคำพูด เพราะ บทสนทนาของชายหนุ่มคนนั้น มันใช้ ‘…’ ทั้งหมด



‘โหววว เธอไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเลยเหรอ =3=’

แล้วฉันจำเป็นต้องสนทนากับนายเหรอ?

‘เฮ้! เธอก็สวยดีนะ แต่ทำไมหน้าตายชะมัดยาดเลย!!’

อยากรู้ก็ไปถามพ่อแม่ฉันสิ…แต่เสียใจนะ พ่อแม่ฉันจากไปนานแล้ว…

‘เฮ้!! ยัยหน้าตาย!! หน้าตายไม่พอยังตาขวางอีกนะเนี่ย!!! ^O^’

ฉันหน้าตาย…แล้วมายุ่งกับฉันทำไม ใครใช้ให้มายุ่งมิทราบ…ดูจากการแต่งตัวก็รวยดีนะ ก็อย่ามายุ่งกับฉันสิ ไปซื้อของของนายไป! อย่ามายุ่งกับฉันเลยนะ ไอ้คุณชายยิ้มบานปัญญาอ่อน!

‘ว้าววว เธอไม่ขยับตัวแม้แต่มิลเดียวเลยอ่ะ!! เธอยืนนิ่งๆแบบนี้ได้ไง!! เธอเป็นญาติกับรูปปั้นหน้าตายแน่ๆเลย ^O^’



เท่าที่ผมอ่านนิยายมา ผมยังไม่เคยเห็นใครเปิดเรื่องมาเป็นปัจจุบัน แล้วย้อนเวลาไปอดีต แล้วดำเนินมาเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ปัจจุบันตรงที่เดียวกับการเปิดเรื่อง โดยที่ไม่ได้รู้สึก สังหรณ์ใจพิกล แต่เรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกประหลาดเมื่ออ่านประโยคที่ว่า

‘นายช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักทีได้มั้ย!? ถามจริงเถอะ…นายต้องการอะไรกันแน่? นายจะมาวุ่นวายกับฉันทำไม นายถามฉันสักคำมั้ยว่าฉันต้องการนายหรือเปล่า?’

ผมอึ้งไปเลย มันเนียนมากจริงๆ - -



ผมชอบบุคลิกนางเอกนะครับ ดูเยือกเย็นและตรง เหมือนผม แค่จะบอกว่าลักษณะนิสัยบางอย่างคล้ายๆ กัน มันเลยทำให้เข้าใจตัวละครได้ค่อนข้างดี

ยังมีบางตอนนะครับ ที่ถูกกลืนหายไป เช่น ตอนที่ชายหนุ่มแนะนำตัวว่าเป็นเด็กใหม่ และเข้ามานั่งข้างๆ หญิงสาว เรื่องก็ห้วนไป มารู้อีกทีก็ตอนที่นางเอกเดินไปแล้ว ผมเลยงงว่า มาถึงฉากนี้เมื่อไหร่



ผมมีความรู้สึกว่า เรื่องมันสะดุดไปเล็กน้อยเมื่อการดำเนินเรื่องเปลี่ยนจาก หญิง มาเป็น ชาย - - ผมชอบการบรรยายในบทของ หญิง มากกว่าเพราะมันเข้าถึงมุกขำๆ ได้ดีกว่า อาจจะเพราะเป็นที่จริตของเพศ หญิง ด้วยล่ะ แต่พอมาเป็น ผู้ชาย จริตตรงนี้ไม่ค่อยมี เลยทำให้โทนการบรรยายเรื่องเปลี่ยนแปลงอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่มันก็ดีที่ทำให้เราได้รู้อีกมุมของเรื่องครับ



โดยสรุป ผมรู้สึกประทับใจนิยายเรื่องนี้พอตัวนะครับ อ่านไปยิ้มไป ในเรื่องของคำผิด ผมเห็นมีประปรายนะ ส่วนมากจะเป็นพิมพ์ตกมากกว่าที่จะเขียนผิด



ปล ผมอ่านนิยายเรื่องนี้ในห้องทำงาน หัวเราะและยิ้มตลอดเวลา จนทำลูกน้องที่เดินเข้ามาหา รู้สึกแปลกใจ เพราะนานๆ ครั้ง เขาจะเห็นผมยิ้ม แต่หารู้ไม่ว่า ถ้าเขารู้อีกมุมของผมนอกเวลาทำงาน มันจะทำให้เขาเข้าใจว่า ผมไม่ได้โหดอะไรเลย อ่านเรื่องนี้ สะท้อนตัวเองเล็กน้อย (หมายเหตุ นี่เป็นเรื่องที่ไม่ดีเป็นอย่างมาก เวลาทำงาน เราควรจะตั้งใจทำงาน ต้องแยกแยะให้ออก แต่ผมต้องขอแก้ตัวว่า วันเสาร์ มันไม่ใช่วันทำงาน แต่เนื่องด้วยทุกคนอยากได้โอที ผมก็เลยต้องจัดให้ไป)

     
 
ชื่อเรื่อง :  Chess Battle
ใครแต่ง : APL-33
23 ธ.ค. 54
80 %
4 Votes  
#14 REVIEW
 
เห็นด้วย
15
จาก 16 คน 
 
 
วิจารณ์ จาก MrPoseidonSon

(แจ้งลบ)
  
เขียนเมื่อ 8 ธ.ค. 54
อันดับแรก ผมต้องขอบอกก่อนว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะทำให้นิยายของคุณเสื่อมเสีย คำวิจารณ์ทั้งหมด มาจากความคิดของผู้วิจารณ์ นั่นก็คือ MrPoseidonSon แต่เพียงผู้เดียว ถ้าคำวิจารณ์นี้ ทำให้ผู้เขียนนิยายรู้สึกแย่ ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ

นิยายเรื่องนี้ถือเป็นนิยายที่ได้อรรถรสในการอ่านเรื่องหนึ่ง เพราะนอกจากเนื้อเรื่องที่ชวนติดตามแล้ว ผู้เขียนยังใส่มุกลงไปให้ผู้อ่านได้ขำตลอดเวลา แม้ว่ามุกบางอัน อ่านแล้วจะรู้สึกว่า มัน แป้ก บาง แต่ก็ต้องยอมรับว่า มุกบางมุก นักเขียนหลายๆ คนยังนึกไม่ได้

โดยเฉพาะบทนำ ที่ทำให้คนอ่านอยากรู้ว่า ทำไมต้องไปไต่กำแพง

การเล่นหมากรุก (ตอนแรกผมนึกไปถึงการแข่งขันที่เราเรียกว่า โกะ แต่อ่านมาเรื่อยๆ ถึงเข้าใจว่ามันคือ หมากรุกสากล จุดนี้เลยทำให้ผมได้ความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องสองเรื่องนี้ เพราะตลอดเวลา ผมคิดว่า โกะ เป็นหมากรุกชนิดหนึ่ง) มันเป็นความรู้เฉพาะทางครับ ถ้าคนไม่เคยเล่นก็จะไม่เข้าใจว่าหลักการเดิน หรือหลักการเล่นเป็นยังไง โดยปกติ ผมจะชินกับการเล่นหมากรุกไทยที่เป็นเรือ ขุน ม้า เบี้ย เม็ด โคน ซึ่งหมากรุกสากล จะมีชื่อที่ต่างกันเล็กน้อย เช่น คิง ควีน บิชอบ เรือหรือปราสาทหรือรุค ม้าหรืออัศวิน เบี้ย ซึ่งทั้งสองหมากนี้ มีวิธีการเล่นที่คล้ายกัน แต่ที่เห็นความแตกต่างเด่นชัดก็คือ ตัวเบี้ยของหมากสากล เมื่อเดินไปถึงอีกฝั่ง สามารถกลายเป็น บิชอบ หรือ รุค ก็ได้ ผมเลยอยากเสนอให้ผู้เขียนไล่ลำดับวิธีการเล่นให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้นอีก เพราะมันจะเป็นผลดีต่อการแข่งขันที่ผู้เขียนใส่ลงไป

หมากรุกในเรื่องเล่นแบบเดียวกันกับหมากรุกพ่อมดในเรื่องแฮร์รี่หรือเปล่าครับ แบบที่ตัวละครลงไปบังคับหมากด้วยตนเอง ผมคิดว่า ถ้าผู้เขียนเสนอแนวคิดนี้ ก็อยากจะแนะว่า ต้องมีคนหนึ่งคนเป็นคนคุมกระดานหมากของแต่ละฝ่าย เพราะถ้าไม่อย่างนั้น ถ้าให้คนในทีม คิดเอง เออ เอง มันจะดูมั่วครับ (แต่ว่า เวลาระดมความคิด จะทำยังไง พูดออกมาเสียงดัง หรือว่าสื่อสารภายในใจ ถ้าพูดออกมาเสียงดัง ฝ่ายตรงข้ามก็จะรู้ทันที แต่ถ้าไม่พูด แล้วบอกให้คนเดินกันเอง แบบนี้ ไม่แย่งกันเดินเหรอครับ)

ผมไม่แน่ใจว่าคุณได้ใส่การเล่นหมากรุกลงไปหรือยัง แต่เท่าที่ผมอ่านมา ยังไม่เห็นมีตอนที่แข่งหมากรุกเลยนะครับ (ผมสับสนตรงบทของคาลอซว่าช่วงนั้นคือการแข่งหมากรุกหรือเปล่า เพราะผมอ่านตอนนั้นด้วยความไว มันไม่ค่อยน่าสนใจสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่า ตัวเด่นของเรื่องคือ โช เลยทำให้บทของคาลอซ อยู่ในมุมอับ แบบนี้ต้องระวังนะครับ ในนิยาย ถ้าเราต้องการจะผลักตัวเด่นให้มีทั้งสองตัวขึ้นมา โดยอาศัยการตัดตอนหรือการแบ่งฉาก ต้องพิถีพิถันนิดหนึ่ง เพราะถ้ามิติ ของตัวละครดีไม่พอ ก็จะถูกตัวละครอีกตัว กลบ ไปได้ เช่น คาลอซ ที่ถูกบทของโช กลบไปตลอดเวลา เพราะลักษณะนิสัยของสองตัวละครนี้ ไปซ้ำกันครับ รั่วทั้งสองคน ถ้าอีกคนสุขุม ผมว่ามันจะเวิร์คกว่านี้)

เรื่องประวัติของเกาะเนี่ย ผมมาเข้าใจอีกทีตอนที่โซเวลโล พูดนะครับ ก่อนหน้านั้นในตอนที่สี่ กลยุทธ์ที่สาม ไม่เข้าใจเลย ทั้งๆที่มันก็เป็นเรื่องเดียว มันเลยทำให้ผมคิดว่า จริงๆ แล้ว ส่วนแรกน่าจะตัดออกไปได้นะครับแล้วเพิ่มข้อมูลลงไปในตอนที่ โซเวลโลอธิบายให้โช ฟัง จะดีกว่า

ผมชอบการลำดับวิธีการเล่านะ มันทำคนอ่านคิดตามพระเอกไปด้วยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ช่วงที่ขั้นฉากไปมา ทำให้ผมรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย อย่างของคาลอซ จริงๆ แล้ว ผมแทบจะอ่านข้ามๆ ไปเลย แต่กลับของ โช อ่านทุกตัวอักษร
ส่วนในเรื่องคำผิด ผมดูว่า มันเป็นคำผิดแบบที่ไม่น่าให้อภัยนะครับ เช่นคำว่า เบื่องบน? พิมพ์ในเวิร์ด มันก็ขึ้นตัวแดงแล้ว หรือ ระแวก แบบนี้ ผมอยากให้ลองตรวจทานเรื่อคำสะกดก่อนที่จะเอาลงนะครับ อย่างน้อยก็สักรอบ สองรอบ จะได้ทำให้เราอ่านนิยายของเราได้ทั้งหมดด้วย จะไปหวังเก็บรายละเอียดทั้งหมดตรงรีไรท์เลย มันก็ไม่น่านะครับ

โดยสรุป ผมอยากให้ลองอ่านนิยายของตัวเอง ออกเสียง อีกครั้งหนึ่ง หาคำซ้ำและฟุ่มเฟือย พยายามกระชับเรื่องหน่อยนะครับ ไม่ใช่ว่าเรื่องมันเดินช้าไป แต่ผมมองว่าบางตอนยาวไป อย่างรับน้อง ตอนนี้ผมไม่รู้นะว่าผู้เขียนจะใส่เหตุการณ์พลิกผันอะไรลงไปหรือเปล่า แต่เท่าที่อ่านมา มันดูเหมือนการเล่าเรื่องหนึ่งเรื่องมากกว่า ครั้นสงสารพระเอกก็น่าอยู่เพราะเจอหนักเลย แต่จริงๆ แล้ว มันมีสาส์นอะไรในนั้นหรือเปล่า ถ้าไม่ ก็ทอนๆ ไปบ้างก็ดีนะครับ แต่ถ้ามันมีปม ก็จัดไป
สอง เรื่องบุคลิก ตัวละคร หรือ มิติ อย่างที่บอกไปตอนแรก ลักษณะนิสัยของคาลอซ และ โช ดูซ้ำๆ ไปนะครับ ตัวเด่นทั้งสองตัวมีลักษณะนิสัยคล้ายๆ กัน คนที่จะเจ็บก็คือ คาลอซ เพราะเรื่องนี้ เปิดมาด้วย โช เป็นตัวละครนำ

เรื่องพล็อต ที่พระเอกถูกไล่ออกทั้งๆ ที่เป็นเด็กทุน (ตามมุมมอง ผมว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่มีเด็กทุนคนไหน อารมณ์ร้อนหรอกครับ) ผมไม่ยุ่งนะครับเพราะมันเป็นตัวเดินเรื่อง แต่ถ้าถามว่า เรื่องนี้ไวไหม ผมว่า กำลังดีนะ อ่านแล้วเจอเหตุการณ์ต่างๆ ได้เรื่อยๆ ไม่น่าเบื่อ ความเป็นเหตุเป็นผลของเรื่อง ณ ตอนนี้ สำหรับนิยายแฟนตาซี ถือว่าดี พอตัว แต่เรื่องหมากรุก ถ้าจะทำเป็น การ์ตูน คงจะสนุก แต่ถ้าเขียนเป็นนิยาย คงยากพอตัว เพราะจะทำยังไงให้คนอ่านเห็นภาพของการเล่นที่แท้จริงได้

ชื่อตัวละคร ผมติดอยู่ชื่อเดียว คือ แพร ผมรู้คำว่า แพร ในภาษาอังกฤษก็มี แต่ มันยังมีอารมณ์เป็นไทยไปหน่อย
     
 
ใครแต่ง : พะยูนศรี
18 พ.ย. 60
80 %
5 Votes  
#16 REVIEW
 
เห็นด้วย
14
จาก 15 คน 
 
 
วิจารณ์ จาก MrPoseidonSon

(แจ้งลบ)
  
เขียนเมื่อ 11 ธ.ค. 54
อันดับแรก ผมต้องขอบอกก่อนว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะทำให้นิยายของคุณเสื่อมเสีย คำวิจารณ์ทั้งหมด มาจากความคิดของผู้วิจารณ์ นั่นก็คือ MrPoseidonSon แต่เพียงผู้เดียว ถ้าคำวิจารณ์นี้ ทำให้ผู้เขียนนิยายรู้สึกแย่ ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ

ผมขอเริ่มจากตอนที่หนึ่งเลยนะครับ เท่าที่ผมรู้มา Air Force One เป็นเครื่องบินที่ใช้กับประธานาธิบดีของสหรัฐเท่านั้น ผมเลยสงสัยว่าทำไม อีฟ ถึงคิดว่ามันเป็น Air Force One ครับ ตรงนี้ถ้าถามตามมุมมองของผม ค่อนข้างเบือนความเป็นจริง
ในตอนที่สอง มีการเปลี่ยน เสียงเล่าเรื่อง ซึ่งผมไม่เห็นว่า มันจำเป็นเปลี่ยนในเมื่อคนดำเนินเรื่องก็ยังเป็น อีฟ คนเดิม จริงๆ แล้ว โดยทั่วไป เวลาผมอ่านนิยายต่างประเทศ เสียงเล่าเรื่อง จะถูกใช้เพียงแบบเดียว ผมยังไม่เคยเห็นนิยายตะวันตกเรื่องไหนมีการเปลี่ยน เสียงเล่าเรื่อง ภายในตอนเดียวกัน นอกจาก เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ที่เขามีการเปลี่ยนวิธีการเล่าเรื่องจาก หมอวัตสัน มาเป็น ตัวเอง แต่แรกเริ่มก็ยังมีการอธิบายในส่วนของหมอวัตสันอยู่ดีว่าบันทึกที่เขากำลังจะเล่า เป็นเรื่องราวที่ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ เขียนขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวละครเอกเป็นผู้ดำเนินเรื่องเพราะฉะนั้นมุมของนิยายก็จะได้เพียงมุมเดียว ก็คือ 180 องศาเพราะฉะนั้น เสียงเล่าเรื่องที่ถูกปรับเข้ามา เพื่อเล่าเรื่องให้ผู้อ่านฟังเสียงจากจุดที่ตัวละครเอกไม่สามารถเล่าได้ และอย่างที่บอกในฉากที่ อีฟ อาบน้ำและเจอวิญญาณ ผมคิดว่าเราสามารถใช้อีฟเป็นตัวดำเนินเรื่องต่อได้นะครับ ส่วนฉากที่ตัดกลับไปหาโทมัส ดีแล้วครับ

(เพิ่มเติม เรื่องกิจกรรมพิเศษ ผมไม่ค่อยไหวนะ มันดูโหดไปหรือเปล่า ทั้งจับอนาคอนด้ากับปู ผมไม่เคยเห็นนะว่าจับอนาคอนด้าเป็นไง แต่ปูเนี่ยสิ แค่ไม่ใช่ช่วงมรสุมก็จะตายแล้ว นี่ยังไปจับปูในช่วงมรสุมอีกต่างหาก ตายเพราะคลื่นกันพอดี เผลอๆ ทรงตัวไม่ได้ อาจเจอคลื่นพัดลงทะเลไปอีก แต่ถือว่า แน่มากจริงๆ ที่พ่อลูกทำกิจกรรมแบบนี้ แต่ก็น่าอยู่แหละครับ พ่อลูกยังต่อยกันได้เลย)

พอพูดถึงเรื่องปลดแอกและชื่อ โทมัส ทำให้ผมนึกไปถึง โทมัส เกตส์ บรรพบุรุษของ เบนจามิน ในเรื่อง National Treasure ทันทีเลยนะครับ ภาพของนิยาย ทำให้ผมนึกไปถึงความขลังในโรงแรมที่เบนจามินลักพาตัวประธานาธิบดีสหรัฐ
ผมมองว่า ศาสตร์มืด ที่ปลุกชีพคนตายฟื้นขึ้นมา น่าจะเป็นแถว เฮติ มากกว่าเอเชียนะครับ

ผมอ่านถึงตอนที่นางเอกไล่ผีมันเลยทำให้ผมคิดถึงหนังเรื่องเกี่ยวกับ ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีลูกกลัวแสงแดด ลูกเธอเลยต้องอยู่ในห้องมืดๆ ตลอดเวลา เธอสอนการบ้านและทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกด้วยตัวคนเดียว เพราะสามีไปเป็นทหาร ยังไม่กลับมา วันหนึ่งมีคนรับใช้สามคนเข้ามาในบ้านและทำให้เรื่องประหลาดเกิดขึ้น ลูกๆ ของเธอเจอผี และเธอก็พบว่า ทั้งสามคนเป็นผี และยังมีผีอยู่ในบ้านอีกต่างหาก แต่พอตอนจบ มันทำให้ผมขนลุกเลย มันสุดยอดแบบคิดไม่ถึงจริงๆ เพราะอะไรนะเหรอ คุณต้องไปหาดูเอง เรื่อง The Others นิโคล คิดแมน แสดงนำ ได้อารมณ์สุดๆ

ผมเลยสามารถระแคะระคายพล็อตออกครับ มันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องกาลเวลา (ชื่อเรื่องเฉลยมากเลย) มากกว่าที่จะสับสนว่า ใครตายกันแน่ ผมกำลังมองว่าผู้เขียนจะเก่งขนาดไหนสำหรับเรื่องนี้ และถ้าทำได้อย่างที่ผมคิดหรือมากกว่า ส่งออกตีพิมพ์เลยครับ ผมแนะนำ (วิจารณ์ก่อนที่จะรู้ความจริงในนิยาย)

สรุป

ครั้งแรกที่อ่าน ผมรู้สึกถึงนิยายที่การสืบสวน สอบสวนและลึกลับและไม่คิดว่ามันจะพลิกเปลี่ยนเป็นนิยายแฟนตาซีและฮาได้มากขนาดนี้ ผู้เขียนทำให้ผมสังเกตถึงความสำคัญในเชิงอรรถเป็นอย่างมาก แม้ว่าบางเรื่องผมจะรู้มาบ้างแล้วแต่ต้องยอมรับว่า บางเรื่อง อาทิ ชื่อคนเป็นอะไรที่สมควรจะมีเป็นอย่างยิ่งจริงๆ นี่เป็นเรื่องที่ดีที่นักเขียนนิยายควรจะใส่ใจครับ ผมไม่มีคำติสำหรับนิยายเรื่องนี้

มีให้แต่คำว่า บรรเจิด เท่านั้น

ผมไม่เคยพูดสิ่งนี้ที่ไหนมาก่อน “นิยายเรื่องนี้สมควรน่าติดตามครับ”

ปล. จริงๆ แล้ว Rhode Island อยู่ทางตอนเหนือของนิวยอร์ก อากาศมันหนาวมากเลยนะครับ ผมอยากให้เสนอสภาพอากาศเข้าไปหน่อย เช่นการแต่งกาย มันจะได้สมจริงกับสถานที่ในเรื่อง
     
 
1 ก.ค. 55
80 %
19 Votes  
#17 REVIEW
 
เห็นด้วย
14
จาก 15 คน 
 
 
วิจารณ์ จาก MrPoseidonSon

(แจ้งลบ)
  
เขียนเมื่อ 20 พ.ค. 55
อันดับแรก ผมต้องขอบอกก่อนว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะทำให้นิยายของคุณเสื่อมเสีย คำวิจารณ์ทั้งหมด มาจากความคิดของผู้วิจารณ์ นั่นก็คือ MrPoseidonSon แต่เพียงผู้เดียว ถ้าคำวิจารณ์นี้ ทำให้ผู้เขียนนิยายรู้สึกแย่ ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ

ในบทที่สอง มีเขียนคำว่า กับ เป็น กลับ นะครับ ปกติ พี่ไม่ค่อยพูดเรื่องตัวสะกดมากเท่าไหร่ นอกจากคำที่เขียนผิดกันบ่อยๆ แต่ในกรณีนี้อยากให้แก้ครับเพราะคาดว่าน่าจะลืม (บรรทัดที่ 29 จากล่างขึ้นบน)

นิยายออนไลน์ที่พี่เข้าใจก็คือ คนเราจะหลับแล้วเข้าไปเล่นเกมเสมือนตัวจริง ที่พี่รู้ก็เพราะ เคยมีน้องคนหนึ่งให้พี่เข้าไปวิจารณ์นิยายออนไลน์ให้ แต่ก็ไม่ได้ทำ แค่อ่านเฉยๆ เพราะรู้สึกว่ามันเยอะมากเกินไป แล้วก็ไม่ถนัดด้วย เรื่องนั้น ทำได้ค่อนข้างดีจนมียอดทะลุหลายหมื่นเลยทีเดียว ตอนนี้คงแสนแล้วล่ะ สิ่งที่พี่เห็นได้จากเรื่องนั้นก็คือ การเกริ่นและอธิบายความเป็นมาว่า เกมออนไลน์ ในเรื่องมีลักษณะยังไง เขามีแค่ 3-4 บรรทัดและเมื่อรวมการลำดับเหตุการณ์และการเริ่มเกมของตัวเอก ถือว่าทำได้รัดกุมและไม่น่าเบื่อเลยครับ

ที่พี่บอกเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะว่าน้องเขียนไม่ดีนะครับ แต่น้องต้องคิดถึงคนที่เขาเริ่มสนใจอ่านนิยายออนไลน์ แน่นอน คนที่เคยอ่านนิยายแนวนี้มาก่อน เขาจะเข้าใจวิธีการเล่นเกม ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่า มันไม่เห็นจำเป็นต้องเกริ่นหรือเล่าความเป็นมาของนิยายก่อนเลย แต่ประเด็นมันมีอยู่ว่า ถ้ามีคนหนึ่งคิดอยากจะอ่านนิยายประเภทเกมออนไลน์ขึ้นมาแล้วพวกเขาเลือกนิยายของน้องเป็นเรื่องแรก เขาอาจจะไม่เข้าใจระบบการเล่นเกมและการดำเนินเรื่อง

ยกตัวอย่างฉากหนึ่งที่พี่อ่านแล้วคิดว่าอาจจะทำให้คนอื่นสับสน ฉากที่ว่า คมน์ที่วิ่งเข้ามาหาเพื่อนที่กำลังเล่นเกมอยู่ ตอนนี้เราอธิบายว่า เขาเล่นเกมอยู่ จากสิ่งที่เจออยู่เป็นประจำ จะทำให้คิดว่า นั่งเล่นเกมหน้าคอม และเหตุการณ์ต่อมา ก็มีการต่อสู้ในห้อง สิ่งแรกที่พี่คิดก็คือ แล้วคนที่นั่งเล่นเกมอยู่ล่ะ จะเป็นยังไง แต่มันก็มีเฉลยว่า มีคนนอนอยู่หนึ่งคนในขณะที่ตัวเอกของเรื่องคุยกับณรงค์ พอถึงตอนนี้ พี่ก็เข้าใจทันทีว่าเขากำลังเล่นเกมออนไลน์อยู่นั่นเอง เพราะพี่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้มาบ้างแล้ว แต่คนที่ไม่เคยอ่านล่ะ เขาจะเข้าใจว่ายังไง

แน่นอนว่าตรงนี้ไม่ใช่ความสับสน แต่มันคือ สิ่งที่อยู่นอกเหนือจากกิจวัตรที่เราเคยเจอ เพราะฉะนั้น คนใหม่ๆ ต้องการคำอธิบาย

อีกเรื่องหนึ่งที่รู้สึกขัดใจ ก็คือ ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารในเกม ถ้าเกมนี้มีคนเล่นทั่วโลก ภาษาที่ใช้เป็นภาษาอะไรครับ ในเกมมีระบบประมวลภาษาในตัวหรือเปล่า โปรแกรมที่ทำให้ทุกคนเข้าใจภาษาที่พูดตรงกัน เพราะพี่คิดว่า ในเรื่องนี้คงไม่มีการแบ่ง เซิร์ฟ ใช่ไหม

ชื่อประเทศต่างๆ ที่อยู่ในเกม เป็นคำภาษาอังกฤษที่มีความหมาย เพราะฉะนั้น คำนี้ Tiny อ่านว่า ไทนี่ นะครับ

เวทย์ ตัวที่เราเสนอมา น่าจะเป็นจำพวกพลังใช่ไหมครับ ถ้าใช่ ให้ใช้ เวท ตัวนี้นะครับ เพราะ เวทย์ ตัวนี้มันแปลว่า พึงรู้ หรือ ควรรู้

ฉากหนึ่งที่ว่า คมน์มีหมาน้อยอยู่ในร่าง แน่นอน ตามความคิดของพี่มันต้องมีอะไรที่พิเศษสำหรับเหตุการณ์นี้ มันคงไม่ใช่สิ่งดาษเดื่อนของตัวละครที่จะมีความมืดเข้าแทรกความคิดได้ แต่กระนั้น จุดที่พี่ค่อนข้างเป็นห่วงกับนิยายเรื่องนี้ก็คือ ความเก่งของคมน์ที่ก้าวกระโดดอย่างสูงสุด เช่น การต่อสู้กับจักรพรรดิไฟ เวล 90 หรือการแสดงชั้นเชิงต่างๆ

ถึงแม้ พริ๊นซ์ จะได้อธิบายทฤษฎีต่างๆ จนทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่า ความเก่งของคมน์ หรือ เตโช นั่นเกิดมาจากการอะไร รวมทั้งยังมีแทรกความเข้าใจในการเป็น ซีเคร็ท (ตรงนี้ไม่แน่ใจว่ากำลังเสนอความคิดที่ คมน์ เป็นซีเคร็ทด้วยหรือเปล่าจึงทำให้เขาเก่งได้มากเพียงนี้) แต่ก็ต้องคิดด้วยว่า อนันต์ คนที่เก่งสูสีกับคมน์บนโลกจริงๆ เขาเล่นเกมนี้เก่งมาก พูดง่ายๆ มากกว่าคมน์ 90 เท่าเลยก็ว่าได้ ในขณะที่คมน์เพิ่มระดับตัวเอง อนันต์ก็ต้องเพิ่มระดับเรื่อยๆ ถูกไหม มันเลยยากนะที่คมน์จะสู้ได้ เพราะกฎแห่งเกมโดยทั่วไป คนที่เวลสูงกว่า ย่อมเก่งเป็นธรรมดา ยกเว้น เกมที่มีการจำกัดเวลอย่างโดต้า แบบนั้นมันถึงจะใช้ไหวพริบในการต่อสู้

โดยพลังในเกมที่เกริ่นมานิดๆ ในตอนแรกมันบอกเป็นนัยๆ แล้วว่า การใช้สกิลบางอย่างในเกมขึ้นอยู่กับระดับใช่ไหมครับ ตรงนี้ พริ้นซ์ก็ต้องไปจัดการคิดว่า จะทำยังไงที่จะให้ความเก่งของคมน์ไม่แถออกไป มันไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ ที่คนเวล 1 จะเก่งปานเทพ แต่ในมุมของความเป็นจริง มันค่อนข้างยากมาก แต่ทั้งหมดทั้งมวล เราก็เข้าใจว่า นิยายเรื่องนี้ คมน์เป็นตัวเอกของเรื่อง ดังนั้น ถ้าตัวเอกจะพิเศษกว่าคนอื่น มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

มีคำถาม พี่ขอแบ่งเป็นสองหัวข้อนะ

เรื่องเวลากับมิติ เราบอกว่า เตโชอยู่ในมิติ 15 นาทีเท่ากับโลกของเกม 1 ปี ดังนั้น เมื่อเตโชเข้ามาในเกมครั้งแรก มีการแจ้งกับเพื่อนฝูงว่าเตโชเข้ามาในเกมแล้ว คนอื่นรู้สึกไหมว่า เตโช หายไปนานร่วมปี เพื่อฝึกและทำความเข้าใจกับไดจิ

ป่าไม่หวนกลับ เราบอกว่า ป่าไม่หวนกลับเป็นป่าที่มีการบิดเบี้ยวของมิติใช่ไหม ดังนั้นถ้ามีใครเข้าไป ก็อาจจะไม่สามารถออกจากป่านั้นได้ เตโชเดินออกมาจากที่นั่น ก็แสดงว่า เมื่อทำภารกิจพิเศษลุล่วงแล้วและตามไดจิเข้าไป สถานที่ไดจิอยู่ก็น่าจะเป็น ป่าไม่หวนกลับ เมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อโจ๊กเกอร์เดินออกมาจากป่านั้น พี่เลยเข้าใจว่า เขาเป็นคนหนึ่งที่สามารถทำภารกิจพิเศษสำเร็จเช่นเดียวกับเตโช (พี่ไม่แน่ใจว่า โจ้กเกอร์เกี่ยวข้องอะไรกับไดจิ แล้วทำไมเขาถึงอยู่ที่นั่นเพราะมีฉากหนึ่งที่ไดจิพูดว่า อย่ามายุ่งกับแขกของเขา มันแสดงถึงความเกี่ยวข้อง แต่ถ้าไม่เกี่ยวข้องกันจริงๆ แล้วถ้าโจ๊กเกอร์อยู่ในนั้นมานานมาก ทำไมเขาถึงตัดสินใจออกจากป่าไล่เลี่ยกับเตโช)

ตรงนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ว่า ประโยคในเรื่องบางประโยค ทำให้ต้องกลับมานั่งตีความหมายอีกรอบ และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเราต้องมาตีความหมายของประโยคนั้นให้ดูวุ่นวายเมื่อเราสามารถใช้คำๆ หนึ่งได้เลย มันแค่ทำให้ประโยคสั้นลง แต่เมื่อเทียบกับความที่เข้าใจที่ง่ายขึ้น มันดีกว่านะ เช่น ฉากที่ตั้กแตนต่อสู้กับเสือพาดกลอน อันนี้กำลังจะบอกว่า ตั้กแตนเคลื่นไหวเร็วมาก จนเหมือนหายตัวใช่ไหมครับ พี่ไม่เข้าใจว่า ภาพติดตา คืออะไร หรือประโยคที่ว่า ตั้กแตน ไม่มีปีก แต่กระโดดได้ไกล เพราะเกิดมาจากแรงขาที่มีกำลังมหาศาล ตรงนี้พี่ต้องกลับมาอ่านทีละคำเพื่อทำความเข้าใจเลยนะ

ตั้งแต่บทที่แปดไป พี่รู้สึกถึงความลำบากในการอ่าน ตัวมันเล็กเกินไป แล้วยิ่งเป็นอ่านบนหน้าจอคอมด้วยแล้ว สายตาคนอ่านอาจจะเสียได้

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่นิยายเรื่องนี้จะมีแต่เรื่องที่น่าตินะ (จริงๆ ที่พี่พูดมาเป็นเรื่องที่สมควรติเปล่าก็ไม่รู้นะ) แต่ผู้เขียนยังได้เสนอความคิดที่น่าทึ่งหลายอย่างเข้าไปในนิยายเรื่องนี้พอตัว เช่น ชื่อเกมกับการตามหาคนจำพวก ซีเคร็ท ใครจะไปนึกได้ว่าเป้าหมายต้นๆ ของการสร้างเกมนี้ขึ้นมา เป็นการตามหาคนที่มีพลังพิเศษเหมือนโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษของซาเวียร์ (X Men) ทำให้ความไร้เหตุผลในความเก่งของพระเอกถูกทอนลงมา อย่างน้อยก็ยังมีเหตุผลบางประการที่น่าคิด และเมื่อผู้เขียนคิดจะเสนอทฤษฎีแนวนี้ พระเอก เวล 1 เป็นเทพได้ขนาดนั้น มันก็ทำให้นิยายดูตื่นเต้นและคนอ่านรู้สึกขนลุกไปกับตัวเอกของเรื่องทันทีเมื่อมีการต่อสู้จนทำให้จักรพรรดิไฟยอมเป็นลูกน้อง (จริงๆ ไม่น่าจะยอมเป็นลูกน้องเลยเนอะ น่าจะเป็นสหายมากกว่า)

หรือการเรียนและสร้างสกิลการต่อสู้ขึ้นมาเองทำให้ ฉากบู้หลายฉากดูมหัศจรรย์ และตรงนี้ยังเป็นตัวเสริมให้ผู้เขียนต่อยอดการสู้ที่ในฉากหลังๆ เข้าไปอีก พอมาถึงตรงนี้ คิดถึงนิยายอันกับ 2 ของการประกวดที่มีโอกาสได้เข้าไปวิจารณ์ ฉากต่อสู้ถือว่าสนุกและมันมาก แต่ข้อเสียของนิยายเรื่องนั้นก็คือ ต่อสู้แทบทุกตอน ไม่มีโอกาสให้ตัวละครพักบ้างเลย เวลาอ่านไปจึงรู้สึกอึดอัดว่าทำไมมีตัวร้ายเข้ามาให้สังหารมากขนาดนี้ พี่ไม่แน่ใจว่านิยายเรื่องนี้กำลังจะเข้าข่ายแบบนั้นหรือไม่ แต่เท่าที่อ่านมา บทหลังๆ เริ่มมีการต่อสู้ที่เกิดขึ้นถี่มาก

นอกจากนี้ ผู้เขียนยังสามารถแยกคาแร็คเตอร์ของตัวละครเอกได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น อนันตรัย โจ็กเกอร์ หมีพู จักรพรรดิหรือตัวเอก แต่กระนั้น ถ้าอยากให้ตัวละครเรามีมิติที่ซับซ้อนมากขึ้น ทักษะการวางตัวละครที่พี่คิดว่าเราน่าจะไปฝึกทำมา ก็คือ การวางบุคลิกตัวละครสัก 2 – 3 ตัวให้นิ่งเหมือนกัน แต่การกระทำบางอย่างที่ตัวละครเหล่านั้นทำ จะเป็นตัวทำให้ผู้อ่านรู้สึกถึงความแตกต่าง ลองไปทำกับตัวละครฝ่ายหญิงดูก็ได้นะ เพราะเท่าที่อ่านมา ทุกคนก็จะสวยเหมือนกันไปหมด

ท้ายที่สุดนี้ นิยายออนไลน์เรื่องนี้ทำได้ค่อนข้างดีในการวางตัวละครไว้ตามที่ต่างๆ ของนิยาย เริ่มเปิดตัวละครออกมา มีปมที่ผูกและเริ่มคลาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีปมใหม่เพิ่มเข้ามา ทำให้ความน่าสนใจของเรื่องยังไม่หมดไปซะทีเดียว แต่ผู้เขียนต้องระวัง พล๊อตที่เริ่มมาตั้งแต่ตอนแรกจะพังลงไปด้วยล่ะ เพราะเมื่อเข้ามาในเกม มีภารกิจต่างๆ มาให้ทำมากมาย แต่ยังไม่มีสิ่งไหนเกี่ยวโยงไปกับเรื่องที่ ณรงค์ไหว้วานให้ทำเลย ถ้าคิดจะทำหนังสือนี้เป็นซีรีย์ ต้องแบ่งให้ชัดเจนเลยว่า ตอนหลักๆ ของเรื่องนี้จะให้ตัวเองทำอะไร

หมายเหตุ เรื่องภาษาหรือการพูด หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการเขียนในนิยายไปแก้เอาเองนะ เพราะว่า ถึงเราสอนไปก็อาจจะไม่เห็นแจ้งนัก มันต้องอาศัยการอ่านเยอะและประสบการณ์การเลือกคำมากกว่า แต่ที่พี่จะแนะนำได้ก็คือ อ่านออกเสียงดังๆ เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่า มันขัดและไม่เป็นธรรมชาติ ก็แก้ซะ หรือตรงไหนอ่านแล้วรู้สึกว่า กำลังจะขาดใจตาย ตรงนั้นก็เว้นวรรค หรือเคาะบรรทัดลงมา

ปล. คนเล่นเกมออนไลน์ในนี้ ไม่คิดจะตื่นกันเลยเหรอ
     
 
ใครแต่ง : June_5476
22 เม.ย. 57
60 %
4 Votes  
#18 REVIEW
 
เห็นด้วย
13
จาก 13 คน 
 
 
วิจารณ์จาก MrPoseidonSon

(แจ้งลบ)
  
เขียนเมื่อ 24 ก.ย. 56
วิจารณ์ รักต้องห้ามข้ามเวลามาพบเธอ 24 Sep 2013

อันดับแรก ผมต้องขอบอกก่อนว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะทำให้นิยายของคุณเสื่อมเสีย คำวิจารณ์ทั้งหมด มาจากความคิดของผู้วิจารณ์ นั่นก็คือ MrPoseidonSon แต่เพียงผู้เดียว ถ้าคำวิจารณ์นี้ ทำให้ผู้เขียนนิยายรู้สึกแย่ ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ

การวิจารณ์ในนิยายเรื่องนี้ ผมคงทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าการแนะนำนะครับ เพราะด้วยเนื้อหาของนิยายที่มีน้อยจนเกินไปแล้วอีกทั้งผู้เขียนก็ดองนิยายมาเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม ผมหวังว่า คำแนะนำเล็กน้อยนี้คงช่วยให้ผู้เขียนสามารถพัฒนานิยายได้เยอะกว่านี้ครับ

จากชื่อเรื่อง ผมก็อนุมานเรื่องไปต่างๆ นานา ว่าจะได้รับพล๊อตที่แข็งแกร่งพอสมควร และเมื่ออ่านจนจบ ก็เป็นอย่างที่ผมคิด ตัวพล็อตมาไกลกว่าความเป็นจริงมาก เพราะมีการสร้างเหตุการณ์ในอีกช่วงของเวลาโดยใช้ตัวละครตัวเดียวกัน แถมยังมีความทรงจำเดิมติดตัวมาต่างหาก ซึ่งเมื่อตัวเอกกลับไปในอดีตหรืออะไรก็แล้วแต่แบบนั้น เรื่องราวในอดีตคงต้องเป็นเรื่องที่ต้องสืบหากันแน่แท้ เพราะฉะนั้นถ้าผู้เขียนไม่ละเอียดจริง ความสมบูรณ์แบบของบทประพันธ์จะหายไปทันที เมื่อพูดถึงความสมบูรณ์แบบ ผมคงต้องบอกว่า ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปซะทั้งหมด มันแค่จะเฉียดเข้าใกล้สิ่งนั้นได้มากน้อยเพียงใดเอง นิยายเรื่องนี้ยังมีข้อบกพร่องอยู่ โดยเฉพาะพฤติกรรมมนุษย์นะครับ

เริ่มจากตัวเอกของเรื่องเลย เฌอแตม ด้วยบุคลิกเป็นคนที่ไม่ชอบสังคม เพราะบทก็อธิบายอยู่แล้วว่า ชอบเช่าหนังมาดูและไม่ชอบเดินในที่มีแหล่งชุมชน เพราะฉะนั้นปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าไม่น่าจะดีเยี่ยมเท่าที่สามารถเดินไปคุยกับตัวพระได้นะครับ อย่างไรก็ตาม นิยายเพิ่งเดินมาแค่ไม่เท่าไหร่ ตัวละครสามารถพัฒนาด้านนิสัยได้อีกเยอะ

และส่วนลอตเต้ ครั้งแรกที่เปิดเรื่องมา บริบทรอบข้างบ่งบอกว่าเขาเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงเล็กน้อย (ดูจากอาการของการเล่นไอโฟนที่ไม่ได้สนใจตอบคำถามของเฌอแตมเลย) แต่พอเข้าสู่เรื่องที่แท้จริง กับเป็นคนประเภทเดียวกับเฉอแตม อารมณ์วีนเล็กน้อยและกวนหน่อยๆ เลยแยกบุคลิกในช่วงหลังไม่ออกครับว่า สองคนนี้เหมือนหรือต่างกันตรงไหน ยิ่งพอมีบทนิยายเป็น ช่วงของเฌอแตมและช่วงของลอตเต้ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ทั้งสองคนนี้เหมือนเป็นคนคนเดียวกันเลยครับ

ปล. ลูกครึ่งไทย อิตาลี แต่ชื่อนางเอก ฝรั่งเศส ก็เข้าท่าดีนะครับ

ส่วนเรื่องโครงเรื่องหรือแก่นเรื่อง ผมไม่สามารถวิจารณ์ได้ เพราะยังไม่มีอะไรเป็นหลักที่จะทำให้รู้ว่าเนื้อเรื่องที่แท้จริงเป็นเช่นไร

สิ่งที่จะแนะนำ พยายามตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นในนิยายออกไป และอยากให้ผู้เขียนระมัดระวังในการใส่ปมครับ เพราะโครงเรื่องแบบนี้หายาก และถ้าทำไม่ดี ก็จะไม่น่าอ่านเลย พยายามขยับออกจากกรอบของคำว่า อยากให้นิยายดูกุ๊กกิ๊ก ออกไปสักหน่อยก็ดี ดราม่าให้ละครหน่อยๆ หรือความไม่จริงใจของแต่ละฝ่ายไปด้วยครับเพราะผู้เขียนเล่นอยู่กับอำนาจ เมื่อพูดถึงอำนาจทุกคนก็คงอยากมีและได้มันใช่ไหมครับโดยเฉพาะเรื่องที่เกิดในวัง

ปล เท่าที่อ่านมาตอนนี้ ชื่อเรื่องไม่ได้เกี่ยวอะไรกับโครงเรื่องที่มีเลยนะครับ ข้ามเวลามาพบเธอน่าจะเป็นตัวพระ หรือไม่ก็นาง ข้ามมานะครับ ไม่ใช่ติดกันไปสองคนแบบนี้ หรือถ้าผู้เขียนบอกว่า จริงๆ ลอตเต้ไม่ใช่ตัวพระของนิยาย อันนี้ผมก็โอเคครับ

สุดท้ายนี้ อยากให้พยายามคิดต่างออกไปให้เยอะครับ ผู้เขียนคิดพล็อตออกมาได้แล้ว อยากให้สานต่อจนจบ MrPoseidonSon


     
 
ชื่อเรื่อง :  Just' Memory
ใครแต่ง : Lucky Clover.
9 มิ.ย. 56
80 %
12 Votes  
#19 REVIEW
 
เห็นด้วย
13
จาก 14 คน 
 
 
วิจารณ์ จาก MrPoseidonSon

(แจ้งลบ)
  
เขียนเมื่อ 17 ธ.ค. 54
อันดับแรก ผมต้องขอบอกก่อนว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะทำให้นิยายของคุณเสื่อมเสีย คำวิจารณ์ทั้งหมด มาจากความคิดของผู้วิจารณ์ นั่นก็คือ MrPoseidonSon แต่เพียงผู้เดียว ถ้าคำวิจารณ์นี้ ทำให้ผู้เขียนนิยายรู้สึกแย่ ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ



ในเมื่อผู้แต่งประสงค์ที่จะทำนิยายเรื่องนี้ให้มันนอกเหนือจากการลงในโลกออนไลน์ เพราะฉะนั้น ผมเลยจำเป็นต้องดูทั้งเรื่องภาษาและสำนวนทั้งหมดนะครับ



โดยรวม ผมจะคอมเม้นท์เรื่องเหล่านี้ลงไปในเวิร์ดและผมจะส่งลิ้งค์ให้คุณดาวน์โหลดเพื่อไปทบทวน และลองแก้ไขดูทางข้อความลับ



ก่อนอื่นขอแนะนำเรื่องการใช้ อัญประกาศและเครื่องหมายวรรคตอนทั้งหมด “…” เวลาใช้ให้เคาะก่อนหนึ่งที่ แล้วใส่ สัญลักษณ์แล้วก็ใส่ข้อความได้เลยครับ ไม่ต้องวรรคภายในอีกรอบแบบนี้ “ ... “ และส่วนเครื่องหมายทั้งหมด ให้เคาะหลังจากใส่เครื่องหมายแล้ว ตัวอย่างครับ



“ฉันไม่รู้จัก” หญิงสาวพูดพร้อมพยักหน้าเบาๆ เหมือนว่าเธอไม่เห็นชายผู้นี้มาก่อน

อย่างแรกที่ผมอยากจะติเลยก็คือเรื่องของการใช้คำว่า นั่น กับ นั้น ในนิยายเรื่องนี้มีการใช้คำนี้อย่างสับสนพอตัวครับ



ไปที่นั่น – ผู้หญิงคนนั้น



ผมเห็น ผู้เขียนมีการใช้ลักษณะบทบรรยายต่อหลังบทสนทนาที่ค่อนข้างซ้ำกันอยู่บ่อยๆ เช่น ผมสีเปลวเพลิงเดินไป นัยน์ตาสีอำพัน นัยน์ตาสีฟ้า ผมสีทอง ต้นเรือหน หรือแม้แต่คำวิเศษณ์ ผมแนะว่าตรงนี้ พยายามเลี่ยงดีกว่านะครับ ใช้ได้ แต่อย่าเยอะไป พยายามเสนอชื่อตัวละครให้ผู้อ่านจำได้แม่นยำดีกว่าที่จะมาบอกลักษณะกายภาพ เพราะลักษณะกายภาพพวกนี้ สามารถเล่ามันผ่านบริบทรอบข้างได้ เช่น ผมสีเปลิงเพลิงของเรอัสกำลังพลิ้วไปกับแรงลมที่ปะทะ



เรื่องชื่อตัวละครครับ พี่สาวชื่อ ฟรานซิสก้า น้องชายชื่อ ฟรานซิส บางครั้งผมเห็นการบรรยายหรือแม้กระทั่งตัวละครเองจะเรียกกัปตันเรือของพวกเขาว่า ฟรานหรือฟรานซิส เสมอแต่พอมีพี่สาวเข้ามา ก็กลับกลายเรียกพี่สาวว่า ฟรานซิส เช่นเดียวกันและทอนชื่อน้องชายมาเป็น ฟาน ตรงนี้ทำให้งงได้พอตัวนะครับ ชื่อของคนทั้งสองใกล้เคียงกันอยู่แล้ว ผมว่าควรเปลี่ยนชื่อพี่สาวที่เรียกว่าฟรานซิสมาเป็น ฟรานซี่ หรือเรียกชื่อเต็มไปเลยดีกว่า เพราะถ้าคุณจะให้ผู้อ่านทำความเข้าใจตามโดยที่ดูจากบริบทว่าใครเป็นใคร ผมว่า แบบนี้ไม่ค่อยเวิร์คครับ ยกตัวอย่างความสับสนด้านล่าง



กะลาสีทุกคนชะงักค้างอยู่กับที่ไม่มีใครกล้าไหวติ่ง คนที่สั่งให้พวกเขาหยุดไม่ใช่ทั้งฟรานซิส (น่าจะเป็นกัปตันเรือ) หรือเรอัส แต่เป็นเจ้าของร่างเล็กผู้มาใหม่ ลูกเรือทุกคนต่างกลืนน้ำลายเอื๊อกอย่างยากลำบาก นายหญิงผู้นี้มีเสียงทรงพลังพอๆกับรองกัปตันของพวกเขาเลย ทั้งๆที่ร่างเล็กๆนั้นไม่น่าจะสามารถทำอะไรใครได้แท้ๆ แต่หล่อนกลับสามารถแผ่รังสีฆ่าฟันออกมาได้อย่างรุนแรง



“ ฟรานซิส (ฟรานซิก้า) ทำตัวดีๆหน่อย ฟราน(ฟรานซิส) นายเองก็เลิกโวยวายสักที ที่ฟรานซิสมาอยู่ที่นี่มันต้องมีเหตุผลแน่ๆ ” รองกัปตันกล่าวด้วยน้ำเสียงแบบอ่อนระโหยโรยแรง ตอนนี้เรอัสรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นพี่เลี้ยงเด็กไม่มีผิด มีแต่พวกตัวปัญหาทั้งนั้น



หรือ



“ ผิดประเด็นแล้วไอ้น้อง ” ฟรานซิสทนฟังไม่ไหวเลยหยิบด้ามปืนมาฟาดหัวฟราน ที่เด็กสาวไม่อยากใช้มือตบ



การใช้ชีวิตอยู่บนเรือ การอาบน้ำถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่นะครับ เพราะน้ำเปล่า จะไว้ใช้เพื่อดื่มเท่านั้น เพราะฉะนั้น คนบนเรือจะค่อนข้าง โสโครกเล็กน้อย แต่นิยายเรื่องนี้ ทำให้ผมคิดว่า นั่นเป็นเรือสำราญมากกว่าที่จะเป็นเรือโจรสลัด อารมณ์มันยังไม่ค่อยใช่ (หมายเหตุ บนเรือ ไม่ค่อยมีฝุ่นนะครับ เพราะมันอยู่กลางทะเล เข้าฝั่งวันสองวัน ไม่ทำให้ฝุ่นจากฝั่งขึ้นมาอยู่บนเรือหรอกครับ)

ผมอ่านนิยายเรื่องนี้ทำให้คิดถึง ไพเรท ออฟ แคริเบียน ครับ ทั้งเรื่องการรบ การปล้น ลักษณะนิสัยตัวละคร หรือแม้แต่อุปกรณ์วิเศษเช่นกระจกยาตะที่วิธีการใช้ละม้ายคล้ายกับเข็มทิศที่ส่องแล้วเห็นสิ่งที่ตัวเองต้องการ อีกทั้งมันยังทำให้ผมนึกไปถึงคำสาปที่เดวี่ โจนส์ สาปให้แก่ แจ็ค สแปร์โรว์อีกต่างหากเหมือนที่ฟรานซิสเจอด้วย



กลิ่นอายของภาพยนตร์เรื่องนี้เตะจมูกอย่างจังโดยเฉพาะลักษณะนิสัยของฟรานซิสที่เหมือนกัปตันแจ็ค สแปร์โรล์



ท้ายๆ บทที่ 7 ที่ทั้งหมดเจอเรือ เรือของเอ็ดเวิร์ดมาทางไหนครับ กำลังสวนมาหรือตามมาครับ (ในคำบรรยายไม่มีบอก) ผมเข้าใจว่าตอนนี้เรือฟรานซิสผ่านหมอกเข้าไป มันจึงต้องตรงไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าจะเจอเรือ ก็มีแค่สองวิธี นั่นก็คือ สวนกัน กับกำลังแซง ในตอนนี้ ผมเห็นว่า ผู้เขียนส่งบทให้เรือราชนาวีชนเรือเลปิเต ผมก็เลยมองว่าน่าจะชนจากด้านหน้า เพราะปกติเรือจะไม่ชนทางด้านหลัง เพราะโขนเรือจะชนกับช่วงหน้า ทำให้เสียเปรียบในการเบี่ยงตัวแซงถ้าอยากจะตีเสมอ (ถึงเรือจะเร็วแค่ไหน เวลาขึ้นใบ จะเสียทิศลมทันทีครับเพราะอยู่ใต้ลมของเรือลำหน้า อันนี้ผมเคยฟังมาจาก ทริคการแข่งเรือใบที่ห้ามแล่นเรือตามรอยคลื่นของเรือตรงหน้าและอาจจะม้วนตัวกลับซึ่งหมายความว่าต้องเสียเวลาตีพังงาเรือและตั้งลำใหม่ ดังนั้นเรือเอ็ดเวิร์ดน่าจะกำลังสวน แต่เขาเข้าไปทำอะไรฝนม่านหมอกล่ะ (ทฤษฎีหลังเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะว่า ไม่มีกัปตันเรือคนไหน เอาเรือตัวเองเข้าไปปะทะกับเรือด้านหน้าหรอกครับ มันจะจมเรือทั้งสองได้) ตรงนี้ผมว่า แค่ให้เรือของเอ็ดเวิร์คแล่นมาด้วยความเร็วและเทียบข้างดีกว่า และโยนสะพานไม้ให้เอ็ดเวิร์ดข้ามไปก็พอ อย่างไรก็ตามเมื่อบอกว่าเรืออีกลำกำลังแซง นั่นหมายความว่าต้นหนเรือต้องมองเห็นว่ามีเรือกำลังตามมาก่อนจะเข้าม่านหมอก เพราะหนึ่ง ต้องคิดว่า กระโดงเรือเป็นส่วนแรกที่จะเห็นเมื่อเรือพ้นขอบฟ้า แล้วแบบนี้เมื่อเรือแรกเข้าม่านหมอกที่แสนทึบ เรือที่สองเมื่อพ้นขอบฟ้ามา ก็ต้องเจอม่านหมอกในระยะไกลแล้วเขาจะรู้ได้ไวว่าเรือลำแรกเข้าไปที่นั่นหรือตามมาถูกทิศ การแกะรอยทางทะเล ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยากพอตัว แต่ถ้าเราลืมความสมจริงไป เพราะคิดว่ามันเป็น นิยาย ก็ได้ครับ เพราะเนื้อเรื่องสนุกอยู่แล้ว



บทที่สิบ มันยิ่งตอกย้ำให้ผมนึกถึงหนังโจรสลัดของ วอลท์ ดิสนีย์ ทันทีเลยครับ

เรื่องของบทบรรยาย อาจจะไม่ต้องแก้ไขมากนักครับ เพราะถ้ามองจากโดยรวมแล้ว ยังรับได้อยู่(ถ้าต้องการแก้ ก็แก้ช่วงแรกๆ ครับ) แต่ถ้าผู้เขียนยังต้องการให้นิยายตัวเองเป็นเลิสในด้านบทบรรยายและคำสนทนา ผมแนะนำให้ใช้วิธีนี้ครับ

เมื่อเขียนเสร็จ ให้ทิ้งงานของเราไว้สัก หนึ่งถึงสองอาทิตย์ เพื่อหาจังหวะเหมาะๆ ที่จะไม่มีใครกวนเรา อ่านนิยายทั้งหมดรอบเดียวอีกครั้ง (อ่านออกเสียง) เพื่อทบทวนประโยคและการลำดับความ ควรปริ้นออกมาเป็นกระดาษครับเพื่อที่จะแก้ไขมัน อย่าอ่านในคอมพิวเตอร์เด็ดขาด หลังจากทำเสร็จแล้ว ทิ้งงานไว้อีกสักอาทิตย์แล้วอ่านอีกรอบ และแก้ไข และก็ส่งงานให้คนที่เราไว้ใจ เช่น เพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวที่ชอบอ่านหนังสืออีกครั้ง เพื่อหาข้อติ ความเป็นเหตุเป็นผล ข้อสงสัยของพวกเขาเพื่อมาเกลาพล็อตเรื่องให้กระชับหรือสมจริงมากขึ้น หลังจากนั้นก็ค่อยส่งสำนักพิมพ์ หมายเหตุ ตรงอ่านทบทวน จะใช้กี่รอบก็ได้นะครับ ยิ่งอ่านเยอะ มันจะทำให้เราเห็นข้อผิดพลาดเยอะขึ้น แต่เราต้องเป็นกลางด้วย อย่างเข้าข้างนิยายมากไป



โดยสรุป เรือของตัวละคร พยายามคุมอย่าให้ใครมามากเกินกว่านี้นะครับ เพราะเท่าที่เห็น ไคซี แทบจะไม่มีบทบาทเลย และมาน่าก็โผล่มาตอนกลางๆ เรื่องเมื่อต้องการใช้ ทั้งๆ ที่มาน่า อยู่บนเรือนี้มาตั้งแต่ต้นเรือ ถ้าไม่อยากกล่าวถึง ทำให้มาน่าขึ้นเรือมาตอนกลางๆ ก็ได้ครับ



พล็อต สามารถเก็บรายละเอียดของการผจญภัยไปได้เรื่อยๆ แล้วค่อยหาจุดลงของตอนจบเมื่อพระเอกครบ 21 ก็ได้แม้จะมีจุดหักมุมในเรื่องของฟรานซิส แต่ยังไงเขาก็จะกลับมา ผมเชื่อ(ตรงนี้ผมมองว่า ผู้เขียนจะน่าแพลนไว้สามภาคหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ใช่ก็คงผจญภัยไปเรื่อยๆ แต่ถ้าใช่ ตอนนี้เป็นการผจญภัยในน่านน้ำทวยเทพที่หาของวิเศษกัน น่าจะเป็นสมบัติเทพที่ตัวเอกต้องการเอาไปไถ่คำสาปหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ควรตั้งชื่อตอนเพิ่มมาด้วย เพราะ ขอโทษที่ผมเป็นโจรสลัด จะทำให้คุณแบ่งชื่อตอนที่สองลำบากเลยทีเดียว แต่กระนั้น ถ้าไม่ได้คิดจะแบ่งภาคเพราะจะรวบจบในตอนเดียวเลย ชื่อนี้ถือว่าเหมาะมากครับ)



คำผิด(ที่เยอะมากจนน่าตกใจ)ที่ผมเห็นผมจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะ ดาวน์โหลดไฟล์จากข้อความลับไปได้เลยครับ (ช่วงหลังจากบทที่ 7 ผมเร่งอ่านนะครับ เพราะอยากจะรู้เรื่องราวทั้งหมด คำผิดที่มองเห็นเลยไม่ได้แก้ให้โดยเฉพาะยี่สิบหน้าสุดท้าย)



ส่วนความเป็นเหตุเป็นผลในส่วนอื่นๆ ที่ผมมองว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ อยู่ในเวิร์ดครับ



สุดท้ายนี้ ความน่าติดตามของนิยายมีเยอะพอสมควรเพราะคนอ่านเดาไม่ได้ว่าจะไปเจออะไร ผู้เขียนผูกเรื่องของตัวละครและฉีกแนวออกมาได้เฉียบดี แม้ว่ามันจะมีกลิ่นของหนังที่ผมเคยกล่าวถึงก็จริง แต่เวลาอ่านไปเรื่อยๆ อารมณ์มันก็ไม่ใช่เสมอไปนะครับ เพราะมันมีดราม่าเล็กน้อยและตัวเอกทีไม่ใช่คนกลับกลอกเสมอไป

     
 
หน้าที่ 1 , 2 , 3