ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( SF EXO ) ' Something Special '

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] :: Something Special (Kris x Yeol)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.38K
      2
      9 พ.ค. 56

    Something Special
    Kris x Chanyeol
    เกริ่น : เรื่องบางเรื่องอาจจะกลายเป็นสิ่งที่พิเศษก็ได้




     

     


     

    “ชานยอล ชาน ชานยอลลี่” คริสชอบที่จะเรียกชื่อผมซะเหลือเกิน มีอะไรนิดก็เรียก อะไรหน่อยก็เรียก หนักสุดก็เรียกตัวผมตอนทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ



    “หุบปากน่าคริส” พูดแบบนี้หวังจะให้เจ้าตัวสูงนั่นหยุด แต่คนอย่างคริสน่ะหรอ กวนตีน ครับ



    “ชานยอลของคริส ชานยอลของคริส” หมอนั่นยังคงทำหน้าตาระรื่นจีบปากจีบคอพูดแบบนั้น ยักคิ้วหลิ่วตาที่คนส่วนใหญ่มักบอกว่าหล่อ แต่สำหรับผม ไม่อ่ะ มันกวนตีนผมมากกว่า



    “ไอ้บ้า” ผมผลักหมอนั่นเบาๆ คริสยังคงเดินตามผมพร้อมทำหน้าตาบ้องแบ๊ว อมลมแก้มป่องบ้าง เอามือมาทำท่าแมวแบบท่าสาวๆโซนยอชีแด และสารพัดท่าที่หามาทำให้ผมคิ้วกระตุก



    “ถ้านายไม่อายฉัน ก็ช่วยอายคนอื่นหน่อยสิ” ผู้คนหันมามองกันตั้งแต่หมอนั่นป่าวประกาศว่า ชานยอลเป็นของคริส และยิ่งแบบนี้ ผมก็ยิ่งอาย อายที่หมอนั่นมันไร้ยางอาย



    “นายคิดว่าที่ฉันแสดงความรักให้มันน่าอายหรอชานยอล” คริสวิ่งมาดักข้างหน้าทันที แขนยาวๆนั่นอ้าออกกว้างกันตัวผมไว้



    “แต่นายไม่ได้ทำเพราะชอบฉัน คริสหลบคนมองเยอะแล้ว” ผมเดินไปหวังจะผ่านจากแขนที่เอามากั้นทางไว้ แต่ไม่สำเร็จ หมอนั่นดูจะทนแรงมากกว่าที่ผมคิด



    “นายไม่รู้อะไรเลยชานยอล ช่างเถอะไม่แกล้งและ ไปขึ้นห้องเรียนกัน” สีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของคริสทำผมขมวดคิ้ว ทำไมต้องทำหน้าเหมือนผิดหวังด้วยไม่เข้าใจ



    “จับไมอ่ะ” ผมถามทันที คริสคล้องแขนผมแล้วฉุดนิดๆให้เดินไปถึงห้องเรียน เขาหันมายิ้มกว้างตาปิดให้ผมอย่างกวนๆ หมอนั่นกวนผมอีกแล้วนะ



    “กลัวใจนายลอยไปอยู่กับคนอื่นอ่ะดิ” เขาแลบลิ้นให้ผมแล้วพาเดินไปจนถึงห้องเรียน ผมได้แต่กรอกตาขึ้นลง ถอนหายใจแรงๆให้เขาได้ยิน



    “เหนื่อยแทนฉันหรอ โทษนะ” ผมหันไปหาเขาแล้วทำตาโต แล้วถามเขาไปอย่างสงสัย “ทำไมจะต้องเหนื่อยแทน” ถามออกไปตรงๆ



    “ก็ถอนหายใจแทนฉันไง ตอนนี้ฉันเข้าไปวิ่งเล่นในหัวใจชานยอลจนเหนื่อยหมดและ” ผมหันหน้าหนีเขาทันที ก่อนจะทำท่าโก่งตัวอ้วก คริสหันมาลูบหลังผมอย่างไม่จริงจังนัก



    “โอ้ย โดนแล้วชานยอลโดนแล้ว” ผมหันไปถามเขาเสียงหนัก “โดนไรเล่า”



    “ก็โดนเรารักแล้วไง” ผมหันไปตีไหล่เขาแทบจะทันที เหนื่อยใจเหลือเกิน



    “พอแล้วคริส นายมัน..” ผมพูดไม่ทันจบแต่ก็ต้องทำหน้าเบลออีกครั้งเมื่อคริสจับข้อมือผมพลางทำท่าขอร้อง



    “น่า ชานยอลนะ นายว่างไหม มีอะไรจะให้ช่วยอ่ะ” ผมพยักหน้าตอบรับว่าว่าง คริสยิ้มรับทันที หวังว่าครั้งนี้จะจริงจังพอนะ “เอ้า ว่ามาดิ นิ่งอยู่ได้”




    ช่วย..” ผมยักคิ้วถาม “ช่วย? อะไร”






    “ช่วยรักฉันหน่อยสิ” หลังจากได้ยินคำนั้นออกจากปากคริส ผมเอามือกุมหน้าผากทันที พอแล้วสำหรับเช้านี้ ผมไม่สามารถรับเขาได้อีกแล้ว

     




     

    เย็นแล้ว คริสยังคงมาเกาะแกะผมเหมือนทุกวัน แต่ความจริงถ้าเกิดวันไหนเขาไม่มาหาผมแบบนี้ผมคงเหงาไม่น้อย



     “ชานยอลไปเดทกัน!” คริสตะโกนชวนผมมาแต่ไกล คือผมยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนแล้วครับ ผู้คนเต็มไปหมดเพราะนี่คือช่วงเวลาเลิกเรียน แล้วคิดว่าผมจะอายแค่ไหนกัน



    ผมก้มหน้าลงแล้วเดินหลบไปแถวพุ่มไม้ คริสตั้งหน้าตั้งตาเดินมาทางผมแล้วคว้าเอวพาเดินไปที่ประตูทางออกแทบจะทันที ขายาวๆแค่เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวผมเร็วอย่างประหลาดใจ เฮ้อ



    “ฉันอยากกลับบ้าน” ผมกล่าวตอบไปอย่างเอื่อยๆ คริสหน้าเจื่อนลงไปนิดนึง แต่เพียงนึดนึงเท่านั้นแหละครับ หมอนั่นปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแป้นแล้วเอาหัวมาถูไถแถวไหล่ผม



    “นะนะน้า นะชานยอลนะ ฉันอยากไปดูหนังกับนาย” นานๆทีผมจะเจอเขาอ้อนผมแนวนี้ เอาไงดีล่ะ



    “ทำไมไม่ชวนคนอื่น นู่นเพื่อนนายอ่ะ ลู่หานนู่นไง” ผมชี้ไปยังลู่หานเพื่อนตัวเล็กของคริส หมอนั่นถอนหายใจออกมาเสียงดัง “ถอนหายใจทำไมเล่า” ผมถาม



    “ก็ฉันอยากไปแค่กับชานยอล สองคน ฉันชวนชานยอลนะ” คริสตอบทำสีหน้าจริงจัง อา.. ผมควรจะใจอ่อนให้บ้างสินะ



    “เลี้ยงนะ” ผมตอบกลับไปเบาๆ คริสหันมามองหน้าผมด้วยสาตาแวววับ เขาส่งรอยยิ้มกว้างแสนสดใสมาให้ผม กระชับเอวผมให้แน่นขึ้นแล้วพาเดินออกจากโรงเรียน



    “แน่นอน เพราะนี่คือการเดทไง ผู้ชายต้องเลี้ยงผู้หญิงอยู่แล้ว” คำตอบนั่นทำให้ผมคิ้วกระตุก หมอนี่คิดว่าเขาเป็นผู้หญิงหรือไงกัน “ย่าห์ คริส ฉันไม่ใช่ผู้หญิง”

     




     

    ผมไม่คิดว่าตัวเองจะยอมให้เขากอดเอวแล้วพาเดินออกมาเรื่อยๆหรอกนะ แต่รู้ตัวอีกทีก็เดินกันมาแบบนี้จะครึ่งทางแล้วล่ะ ผมจึงจับมือเขาที่เอวออกเบาๆ คริสหันมาหัวเราะหึในลำคอแล้วจับเสื้อผมแน่น



    “นี่นายจะไม่ยอมปล่อยใช่ไหม” ผมถามออกไป เริ่มฉุนนิดๆ



    “ชานยอลไม่ปฏิเสธฉันตั้งแต่ตอนแรกนี่นา” คริสยังคงจับเอวผมแน่น



    “แต่มันอึดอัด” พอผมพูดออกไป หมอนั่นยิ่งกวนผมด้วยการเบียดตัวเองเข้ามาแล้วเริ่มก้าวขายาวขึ้น ผู้คนแถวใกล้ย่านศูนย์การค้ามักจะเยอะอยู่เสมอ สองข้างทางเต็มไปด้วยแผงขายของนานาชนิด



    “ถ้านายหลงแล้วจะทำยังไง นี่ฉันกลัวหัวใจฉันหายนะ” ผมก้มหน้าลงเมื่อเริ่มรู้สึกร้อนๆที่หน้าของตัวเอง เหล่มองหน้าของคริสทางหางตา หมอนั่นหันหน้าออกไปด้านข้างหลังจากพูดจบ อ่า หูนายแดงนะคริส



    “ฉันไม่หลงหรอกน่า..” ผมพูดเสียงเบาลง เอื้อมมือมาแกะวงแขนที่เกาะเอวผมออก แต่แปลกใจที่มันหลุดง่ายเสียเหลือเกิน ผมหันไปมองหน้าคริส สีหน้าของเขายังเรียบเฉย



    “ขอโทษนะ มันอึดอัดมากใช่ไหม” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ผมไม่เข้าใจ ผมยังกำมือของเขาอยู่ ก่อนจะย้ายมันมาไว้ข้างตัวแล้วจับไว้อย่างนั้นเบาๆ



    “ทำแบบนี้ฉันคงไม่หายเหมือนกัน ใช่ไหม” ผมหันไปยิ้มให้เขาเบาๆ ทำไมกันนะ แค่เห็นสีหน้าและน้ำเสียงแบบนั้นของคริส ผมถึงต้องทำต่างจากที่ใจคิด ถึงขนาดนี้เลยหรอ






    “เอ๋ ชานยอล..” เขาหันมามองหน้าผมตาแป๋ว




    “อ.. อะไร” ผมหดคอถอยหน้าหนีเขา




    “นี่นาย..” เขายังคงยื่นหน้ามาใกล้เรื่อยๆ



    “อะไรเล่า!” ผมเอ่ยเสียงดังกลบความเขิน อา นี่มันใกล้เกินไปนะ




    “นายยอมรับว่าเป็นหัวใจของฉันแล้วหรอ..” เขายิ้มกว้างเห็นฟันครบสามสิบสองซี่ให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ติดตาผมจริงๆ ให้ตายเถอะ ผมหลุดปากพูดแบบนั้นไปได้ไงกัน





    “ไอ้บ้า จะรีบไปกันได้รึยัง ข้างนอกมันหนาวนะ” ผมรีบฉุดมือเขาพาเดินทันที ได้ยินเสียงหัวเราะแว่วๆมาจากข้างหลัง ผมไม่กล้าหันไปมองหน้าเขาเลย ถ้าเกิดหันไปแล้วเขาเห็นหน้าผมนะ.. แย่แน่



     


     

    “ฉันอยากดูหนังแอคชั่น” เรายืนเถียงกันเรื่องหนังที่จะดูอยู่หลายนาทีแล้ว คริสยังยืนยันคำเดิมว่าจะดูหนังรักโรแมนติกเรื่องนั้นให้ได้



    “ฉันอยากดูหนังเรื่องนั้นกับนายนี่” ผมยอมรับเลยว่าไม่กล้าจะดูหนังพวกนี้สักเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่ที่บ้านในห้องของผมก็ไม่กล้าดูหรอก ผมร้องไห้ง่ายจะตาย ผมอาย ไม่อยากให้เขารู้ด้วยซ้ำว่าผมจะร้องไห้ตอนถึงฉากที่มันซึ้งๆ



    “แต่ฉันไม่ชอบ..” ผมโกหกออกไป ไม่ใช่ไม่ชอบ แค่ไม่อยากดูตอนอยู่กับคริส



    “อ่า ก็ได้ตามนั้น” สงสัยเขาคงจะเหนื่อยที่จะต่อล้อต่อเถียงกับผมแล้ว เขาจูงมือผมต่อแถวซื้อบัตรเข้าชมหนัง ต่อไปเรื่อยๆก็ถึงคิวเรา



    “จะดูเรื่องอะไรกันคะ” พนักงานถามทันทีเมื่อพวกผมอยู่หน้าเคาท์เตอร์




    “เรื่องนี้ครับ” ผมชี้ไปยังป้ายวางเล็กๆที่บอกชื่อหนังที่เข้าฉาย



    “อ่า.. ขอโทษนะคะ เรื่องนี้โรงหนังเต็มแล้วค่ะ เพราะว่าเพิ่งเข้าวันนี้วันแรก ขอโทษด้วยนะคะ อยากเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นไหมคะ เรื่องนี้ก็สนุกนะคะ” พนักงานเล่ารายละเอียดซะยืดยาว ก่อนจบเธอยังชี้มายังชื่อหนังรักที่คริสอยากดูอีก



    “เอาเรื่องนี้แหละครับ สองคนครับ” คริสตอบกลับโดยที่ไม่ถามผม ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ สุดท้ายก็ต้องดูสินะ ต้องเตรียมใจยังไงเพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้เนี่ย



    “สุดท้ายก็ต้องดู” ผมเอ่ยออกไปเบาๆ คริสหัวเราะในลำคอ จูงมือผมไปยังเคาท์เตอร์ขายป็อปคอร์น



    “เอาน้ำอะไร ป็อปคอร์นรสอะไร อ่า ฉันรู้ว่านายชอบรสชีส” ผมพยักหน้าให้เขาสองทีเมื่อเขาตอบถูกเรื่องรสป็อปคอร์น



    “เอาโค้ก” ผมตอบกลับไป คริสเดินไปสั่งรอเพียงสักครู่ก็กลับมาพร้อมป็อปคอร์นขนาดพอดีมือหนึ่งถังและแก้วน้ำหนึ่งแก้วใหญ่ที่ใส่หลอดสองหลอด



    “มันโปรโมชั่นอ่า อย่ามองงี้สิ ฉันไม่ได้งกนะอยากซื้อสองแก้วเหมือนกัน” เขาอธิบายมาเสียยกใหญ่ ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ถามอะไรออกไปเลย “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา” ผมตอบไปพร้อมเสียงหัวเราะ



     
     

    ตอนนี้เราเดินเข้ามาในโรงแล้ว เดินตามทางมืดๆเพื่อหาแถวที่นั่งของตัวเอง หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นหนังที่สนุกไม่น้อย เพราะผมจำได้ว่าเข้ามาได้ประมาณสามวันที่แล้ว แต่คนในโรงกลับอยู่กันเต็ม



    “คนเยอะจัง” คริสเอ่ยออกมาเสียงเบา



    “อื้อ” ผมครางรับเสียงเบาในลำคอ



    มันเป็นหนังที่สนุกจริงๆครับ ตอนนี้ดูได้ไปเกือบจะครึ่งเรื่องแล้ว มีฉากหวานๆน่ารักในตอนต้น อดไม่ได้เลยที่จะยิ้มตามนักแสดงที่เล่น ผมหันไปมองคริสหมอนั่นยังคงมีรอยยิ้มที่สวยเสมอ



    ในที่สุดฉากที่ผมไม่ต้องการดูก็มาถึง ตัวแสดงเอกทั้งคู่จะต้องแยกทางกันเพื่อไปทำตามฝันของตัวเอง ผมเริ่มรู้สึกหายใจติดขัด สูดน้ำมูกอยู่หลายครั้ง ขอบตาเริ่มร้อนๆ



    น้ำตาผมเริ่มไหล ผมเอามือข้างขวามาปิดปากตัวเองกลั้นเสียงสะอื้นออกมา สาวๆที่นั่งข้างผมพวกเธอร้องไห้กันเสียตัวโยน ผมรู้สึกได้ถึงความอุ่นที่มือข้างซ้าย คริสหันมามองผมก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างมาปาดน้ำตาผมออกไป รอยยิ้มของเขาอบอุ่นเหมือนกับมือของเขาที่จับผมอยู่



    ผมควรจะเปิดใจรับเขาไหมนะ ที่เขาทำไปทั้งหมดเพราะชอบผมจริงๆหรือเปล่า หรือเพียงแค่แกล้งเล่นเพราะความสนุกกัน แต่ยามที่มือเขากุมกระชับกับมือผมหัวใจของผมมันสั่นและเต้นตึกตักเสียงดัง





    “ฉันรู้แล้ว่าทำไมนายไม่อยากดู” คริสหันมากระซิบถามผม เป็นคำถามที่ทำให้ผมกัดปากเบาๆ




    “ทำไม..” ผมถามออกไปเผื่อมันจะไม่ใช่เหมือนอย่างที่ผมคิด




    คนขี้แย” เขาหันมามองหน้าผมแล้วลูบหัวผมเบาๆ






    “ไอ้บ้า” ผมหันกลับไปผลักหัวเขา

     





     

    หนังจบแล้ว สนุกมากจริงๆครับ ตั้งแต่ตอนนั้นมือของคริสยังกุมอยู่ที่มือผม เขาบอกผมว่าจะพากลับไปส่งที่บ้าน ตอนแรกผมปฏิเสธเขา แต่เขาก็ไม่ยอมพาผมกลับจนได้



    “นี่จริงๆ ขึ้นรถประจำทางที่นี่แปปเดียวก็ถึงแถวบ้านฉันแล้วนะ” ผมเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ



    “ดึกแล้ว ฉันเป็นห่วง” คริสตอบกลับ เขาพูดออกมาได้ยังไงกันนะ ไม่ดูขนาดตัวผมเลย ผมสูงจะเท่าเขาแล้วนะ แต่จริงๆแล้วเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าผมก็เป็นผู้ชาย



    “ฉันกลับเองได้จริงๆนะ” ผมยังยืนยันคำเดิม



    “นั่น รถมาแล้วขึ้นไปกันเถอะ” เขาจับมือผมแล้วพาตรงขึ้นไปบนรถ



    บนรถตอนนี้ไม่ค่อยมีคนแล้ว เพราะตอนนี้เริ่มดึกแล้ว พวกเราเลยหาที่นั่งในหลังๆรถหน่อยนึง ผมพาตัวเองเข้าไปนั่งข้างในติดกระจกรถ แล้วส่งสายตาออกไปมองวิวข้างนอก



    คริสนั่งข้างๆผม เขาหยิบไอพอดขึ้นมาแล้วเปิดเพลง หูฟังข้างนึงถูกส่งเข้ามาในหูผม เขาจับมันยัดโดยไม่ถามความปรารถนาผมเลยว่าจะอยากฟังไหม

     
     

    ผู้ชายคนหนึ่งรักเธอ ผู้ชายคนนั้นมุ่งมั่นรักเธอ..

    เขาคอยตามเธอเป็นเงาตามตัวอยู่ทุกวัน ผู้ชายคนนั้นกำลังยิ้มทั้งน้ำตา..

    อีกเท่าไหร่ อีกนานแค่ไหนที่เขาต้องเฝ้ามองเธอเพียงลำพังอยู่แบบนี้..

    ความรักที่เหมือนสายลมนี้ ความรักที่ลำบากนี้

    ต้องปล่อยให้เป็นไปอีกนานแค่ไหน เธอถึงจะรักฉัน?

    ( http://www.youtube.com/watch?v=UecI-Wgd49E )

     



     

    คริสร้องคลอตามเพลงท่อนนี้  เขาหันมาหาผมนิดหน่อย รอยยิ้มจางๆจากมุมปากของเขาทำให้ผมใจกระตุก เขาต้องการจะสื่อตามจากเพลงนั้นหรือเปล่า



    หลังจากนั้นพวกเราสองคนก็เงียบกันไป ลมจากเครื่องปรับอากาศในรถประจำทางเริ่มทำให้ผมรู้สึกเคลิ้ม คอเริ่มจะยั้งไม่อยู่แล้ว สงสัยจะต้องพักสมองแล้วหลับตาลงซะแล้ว ผมเลยหันหัวไปพิงกระจกรถต่างหมอนในการนอน



    ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ขยับตัวไปมาหามุมสบายของตัวเอง แล้วนอนต่อ..



    “หลับเป็นเด็กเลยนะ ชานยอล..” ผมครางตอบรับเขาแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

     




     

    “นี่ชานยอล ถึงแล้วนะ ตื่นสิ” แรงเขย่าเบาๆข้างลำตัวทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัว



    “อือ.. แปปนึง” ผมขยี้ตาไปมา ก่อนจะเริ่มรู้สึกได้ว่าไม่ได้นอนพิงกระจกรถ นี่ผมพิงคนนี่ครับ!



    “เร็วเลย รถจะจอดแล้ว” ผมช้อนตาขึ้นไปมองคริสก่อนจะเบิกตาโต เขาขยับหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเขาแทบจะชนกับจมูกผมอยู่แล้ว



    ผมรีบกระเด้งตัวออกจากตัวของเขา รีบลุกขึ้นยืนทันที แต่คงเป็นเพราะรถมันกำลังจะจอดตัวผมเลยเซ คริสดูมีสีหน้าตกใจ โชคยังดีที่เขากอดผมไว้ทัน ไม่งั้นได้เห็นผมกลิ้งขลุกๆไปอยู่กับพื้นแน่เลย



    “อ่า ขอบคุณนะ” ผมหันไปพูดกับเขาแล้วเดินลงจากรถ คริสเดินตามมา



    “นายจะกลับยังไงคริส” ผมหันไปถามเขา



    “เดี๋ยวเรียกแท็กซี่เอาน่ะ” เขาจับมือผมแล้วเดินตาม



    “นายจะแยกกันตรงนี้ก็ได้นะ” ผมตอบเขาไป อากาศตอนกลางคืนเริ่มเย็นแล้ว ผมกลัวเขาจะไม่สบายจัง



    “ไม่เป็นไร อยากส่งชานยอลที่บ้าน” เขาหันมายิ้มให้ผมอีกแล้ว นี่เขาจะยิ้มพร่ำเพรื่อเกินไปแล้ว



    “อื้อ ก็ได้” ผมไม่เถียงเขาแล้ว

     


     

     เราเดินจับมือกันไปตลอดทาง เขาเดินมาส่งถึงหน้าบ้านของผม ผมควรจะรีบบอกลาแล้วให้เขากลับบ้านได้แล้ว เพราะพรุ่งนี้เรายังมีเรียนอยู่



    “กลับบ้านดีๆนะคริส” ผมหันไปส่งยิ้มหวานให้เขา โบกมือลาให้ แต่เขายังคงไม่หันหลังเดินกลับไป



    “นี่ชานยอล..” เขาถามเสียงสั่นๆ สงสัยจะหนาว



    “หือ แปปนะคริสเดี๋ยวมา” ผมหันไปตอบเขาแล้วรีบวิ่งเข้าไปในตัวบ้าน หยิบผ้าพันคอผืนหนาของตัวเองออกมา



    “มีอะไรว่ามาสิ” ผมถามเขากลับอีกครั้งพร้อมเดินไปพันผ้าพันคอให้เขา “นี่ดึกแล้วนะคริส อากาศมันเริ่มเย็น ฉันให้ยืมก่อน”



    “ขอบคุณนะ วันนี้ฉันมีความสุขมากเลย” คริสยิ้มให้ผม ผมยิ้มตอบกลับให้เขา หน้าของเราห่างกันนิดเดียว ผมเห็นแก้มของคริสขึ้นสีแดงด้วย



    “ฉันก็มีความสุข” ผมตอบ คริสเอื้อมมือมาลูบผมของผมเบาๆ



    “ฉันขอกอดนายได้ไหม” คริสถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ ความอบอุ่นแทรกเข้ามาพร้อมกับอ้อมกอดของเขา ผมซุกหน้าเขาไปกับผ้าพันคอผืนหนาที่เป็นคนพันเองกับมือ



    “ฉันชอบนายจังชานยอล เมื่อไหร่ที่ฉันและนายพร้อม ฉันจะพูดคำๆนั้นออกมานะ” ผมพยักหน้ารับคำพูดของเขา ซุกเบียดกายเข้ารับความอบอุ่น



    “จะรอนะ” ส่งเสียงอู้อี้ตอบรับไปเบาๆ นี่ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย.. อ่า บ้าไปแล้วแน่ๆ



    “ตอนนี้ฉันชอบนาย แต่ต่อจากนี้ฉันจะพูดคำว่ารักนายได้อย่างเต็มปากเต็มคำแน่นอน” คริสยังคงพูด ผมฟังเขาทั้งหมดแหละ




    “ฉันสัญญา” ประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาจะหันมาจุ๊บเข้าที่หน้าผากของผม

     





     

    อา.. คริส ฉันไม่คิดว่าฉันจะชอบนายเลยนะ

    นายมีเวทมนต์อะไรกัน นี่ฉันกำลังโดนมนต์สะกดของนายอยู่ใช่ไหม

     

     

    ปาร์คชานยอลมีความสุขจังเลย

     

     









    END








     


    อยากคุย :


    สวัสดีเจ้าค่ะ เราอาจจะยังไม่เคยพบเห็นกันเลย

    ไรท์เตอร์ชื่อ แก้ม อาจจะเห็นได้ทั่วไปตามทวิตเตอร์ @euntime

    ติดต่อหากันได้นะคะ ๕๕๕ จริงๆแล้วจะมารีเควสคู่ไหนก็ได้นะ

    ก็ยังไงช่วยติดตามห้องฟิคเล็กๆไว้ในอ้อมอกอ้อมใจกันด้วยนะคะ

     
    หวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับมัน :-) 

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×