คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Rhythm 2 : Demand
“ไอ้ห่านัท! มึงสายอีกแล้วนะ!”
ผมโวยใส่ไอ้เพื่อนตัวดีที่เข้าชมรมช่วงเย็นสายยังกับอะไร ทุกเย็นวันพฤหัสโรงเรียนผมจะมีเวลาให้ทำกิจกรรมชมรมตั้งแต่คาบก่อนสุดท้ายจนถึงคาบสุดท้าย แต่สำหรับผมที่อยู่โยธวาทิตจะวันไหนก็ต้องซ้อมทุกเย็นอยู่แล้ว ดังนั้นวันพฤหัสก็เลยเป็นแค่อีกวันที่ซ้อมเยอะกว่าวันอื่นเท่านั้น
“โธ่...ก็กูอยากเหล่น้องมายด์นี่หว่า นี่อุตส่าห์แวบมาแล้วนะเนี่ย”สาดนัทไม่สลดแถมยังมีหน้ามาลอยชายตอบหน้าตาเฉย ผมจึงตบกบาลมันไปทีหนึ่งจนได้ยินเสียงก้องดังสะท้อนกลับมา
“หัวมึงทำจากกะลากลวงรึไง ไอ้สมองกบคิดแต่เรื่องจีบหญิง!”ผมด่ากรอกหูมัน “เดี๋ยวพี่อั๋นก็จับมึงยัดลงส้วมหรอก”
พี่อั๋นที่ว่าเป็นประธานวงโยฯครับ ดุ+โหด+เคร่งมาก ผมเลยอุตส่าห์เตือนไอ้ห่านัทด้วยความหวังดีก่อนที่มันจะถูกตีนพี่อั๋นบวกรุ่นพี่ ม.5 คนอื่นๆยำตาย
ไอ้เชี่ยนัทลูบหูข้างที่ถูกตะโกนใส่เบาๆ แล้วบ่น “โธ่...มึงมีสามีแล้วก็พูดได้นี่หว่า...กูอยากมีเมียไม่ใช่ผัวเหมือนมึง เลยต้องไขว่คว้าหน่อย”
“...ดูท่ามึงจะอยากตายแบบศพเน่าๆนะ“ผมหักมือ เตรียมจะชกกับมันอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ยินเสียงกระแอมเบาๆจากด้านหลัง
“คือพี่ไม่ได้ขู่นะครับ แต่อั๋นมันฝากบอกว่าถ้ายังไม่ยอมซ้อม พวกน้องได้ตายอนาถทั้งคู่แน่”
ผมหันกลับไปยิ้มแหยๆให้พี่กานต์ เลิกยุ่งกับไอ้ห่านัททันที พี่กานต์เป็นรุ่นพี่สายตรงของผมเอง เป็นคนใจดีม้ากมาก อยู่ม.5 รุ่นเดียวกับพี่อั๋นแท้ๆแต่นิสัยคนละโลก
พี่อั๋นโหด พี่กานต์ใจดี
พี่อั๋นเคร่งเครียด พี่กานต์หย่อนได้หย่อนอีก
พี่อั๋นด่าเก่ง ว้ากน้องรอบวง ในขณะที่พี่กานต์ไม่เคยด่าผมเลย
คนนี้ล่ะครับคนเดียวกับที่สอนผมมาตั้งแต่แรกเข้า แล้วก็...คนที่ผมจะซื้อน้ำไปให้แต่โดนไอ้บ้าซีฉกไปแด๊กเรียบนั่นแหละ
“วา พี่ไม่ได้ว่านะ แต่ลาสูงขึ้นไปอีกนิดได้มั้ย มันต่ำไปอ่ะ“พี่กานต์บอกยิ้มๆ หน้าตาดูปกติ แต่ไม่รู้ทำไมรังสีแปลกๆชักออก ผมเลยได้แต่หัวเราะแหะๆแล้วเริ่มเป่าใหม่
ผมเคยบอกรึยังครับว่าผมเป่าเฟิร์สทรัมเป็ต? ผมเพิ่งจะหัดเมื่อปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ครบปีดี แต่พี่กานต์ก็สอนดีมากจนผมเล่นได้หลายเพลงแล้ว ลงเล่นในงานต่างๆของโรงเรียนก็บ่อย วงโยฯโรงเรียนเราซ้อมหนักมากทั้งเช้ากลางวันเย็น กลับบ้านดึกๆทุกวันจนแทบอยากนอนโรงเรียน โดยเฉพาะช่วงมีงานที่จะซ้อมหนักจนบางครั้งก็อยู่กินนอนที่โรงเรียนเป็นสัปดาห์
ไอ้นัทเข้าวงพร้อมผมแต่เล่นแซ็กโซโฟน แล้วก็มีเพื่อนอีกหลายคนที่เข้ามารุ่นเดียวกัน(ยังไม่ขอพูดถึง เยอะเกิ๊น) แต่หนึ่งในนั้นไม่มีซีครับ...ไม่ใช่ว่าไม่ชวน...ชวนแล้วแต่มันไม่เข้าต่างหาก
ไอ้ท่ามากนั่นบอกว่า “ไม่เอา ไม่น่าสนใจพอว่ะ”
เออ ก็รู้หรอกว่าเรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้ แต่กูผิดใช่มั้ยที่อยากได้เพื่อนเยอะๆอ่ะ
“วา คือพี่ไม่ได้จะว่าอะไรหรอกนะ”เริ่มอีกแล้ว ผมสะดุ้ง พี่กานต์เริ่มขึ้นหัวประโยคแบบนี้ทีไรแปลว่าผมต้องทำอะไรผิดแหงๆ
“อะไรหรือฮะ?“
“ก็แบบ...เขาซ้อม Thunderer กันอยู่อ่ะ ไม่ใช่ราชวัลลภ”
อ้าว...เป่าผิดเพลงซะงั้น...เวร...
“วามีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า? เห็นทุกทีไม่เคยเหม่อนิ?”อุ้ย พี่กานต์ตาโคตรแหลม ผมสะดุ้งรอบสองแล้วส่ายหน้ายิกๆ
“เปล่าฮะๆ ไม่มีไรหร...”
“มันแค่คิดถึงแฟนมันครับพี่กานต์!!”
ชิบ!! ไอ้เชี่ยนัท!! แม่งอยู่ห่างคนละฟากห้องแต่เสือกตะโกนมาได้!! ผมอ้าปากจะแย้ง แต่พอมองพี่กานต์ที่หัวเราะร่วนแล้วก็ต้องรู้สึกสยอง
“นี่พี่คงไม่คิดจะเชื่อมันหรอกนะ!“
“แล้วทำไมพี่ถึงจะไม่เชื่อล่ะ? ”
ผมพูดไม่ออก...บางทีพี่กานต์ก็เป็นคนน่ากลัวนิดๆเหมือนกันแฮะ...
ผมสบถพึมพำ รู้สึกหงุดหงิดกับไอ้เพื่อนสันดานนี่จริง มันจะเผาให้ใครฟังก็ไม่น่าด่าเท่าเผาให้พี่กานต์ฟัง ผมแคร์พี่เขาสุดๆเพราะพี่เขาดีกับผมมาก แต่ไอ้บ้านี่เสือกทำเอาเครดิตป่นปี้
“วา เล่นตรงนี้ให้พี่ฟังหน่อยสิ”พี่กานต์ชี้ไปที่โน้ตท่อนหนึ่ง ผมมองตามก่อนจะทำหน้าแหย นี่ล่ะไอ้ลาซู้งสูง ตัวโน้ตนรกที่ผมเล่นไม่เคยถึง
ผมลองเป่าดู แล้วก็ตามเคย เสียงมันแฟล็ตไปตัวครับ เซ็งเป็ด...
“เอามานี่สิ”พี่กานต์ฉวยทรัมเป็ตของผมไป ผมกะพริบตาปริบๆ อยากจะแย้งว่าไอ้ในมือพี่มีทำไมไม่เป่าของตัวเองไปล่ะคร้าบบบบ
พี่กานต์เป่าลาสูงให้ฟัง เสียงชัดใสนิ้งไม่มีสะดุดทำเอาผมเครียด วะ พี่กานต์เก่งกว่าผมตั้งเยอะ จะให้ทำไงล่ะเฟ้ย(เริ่มพาล)
“มันก็ประมาณนี้ล่ะนะ บีบปากเข้าอีกนิดก็ใช้ได้แล้ว”พี่กานต์ส่งทรัมเป็ตคืนให้ แต่พอผมยื่นมือมาจะรับคืน พี่กานต์ก็สะดุดไปนิดแล้วทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ “อ๊ะ โทษทีนะ แบบนี้เหมือนจูบทางอ้อมเลย แฟนเราจะว่ามั้ยเนี่ย?”
เปรี๊ยะ! ไอ้ทิวาวัยสิบห้าปีแข็งเป็นหินในบัดดล มือที่จะรับเครื่องคืนเลยพลอยหยุดอยู่กับที่ไปด้วยโดยอัตโนมัติ
“ผมยังไม่มีแฟนคร้าบบบบ!!“
“อ้าว? ก็ไหนเห็นนัทมันว่า...”
“พี่ก็อย่าไปเชื่อมันเซ่!!”
พี่กานต์เลิกคิ้วยิ้มๆ ก่อนจะปิดท้ายบทสนทนาด้วยประโยคชวนอึ้ง
“ถ้างั้น...ก็แปลว่ายังจูบได้สินะ ^^”
ผมหยิบทรัมเป็ตคืนมาจากมือพี่กานต์ และได้แต่เกาหัวแกรกๆอย่างหาคำตอบไม่ได้
ผมควรจะพยักหน้ารึเปล่าวะเนี่ย...
เฮ้ย!! ไม่ควรอย่างยิ่งสิวะ!!
ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเผลอคิดอะไร แต่แล้วก็ต้องนึกเซ็งขึ้นมาอีกอย่างช่วยไม่ได้
ให้ตายสิ...
แย่จริง
แย่ที่สุด
โคตรจะแย่
แย่บัดซบ
ทำไมใจมันเต้นแรงงี้วะ!!
วงโยฯเลิกซ้อมเย็นมาก เกือบจะสองทุ่มแล้วในตอนที่พี่อั๋นไล่พวกเราให้เก็บเครื่องแล้วรีบไสหัว+ตัวกลับบ้านซะ แต่โรงเรียนก็ไม่ร้างมากเพราะพวกชมรมกีฬาก็เลิกซ้อมเย็นพอๆกับเรา(แต่ผมว่าไม่น่าจะเรียก ‘เย็น’ น่าจะบอกว่ามืดมากกว่า) ผมเห็นพวกฟุตบอลยังเปิดไฟไล่เตะกันอยู่กลางสนาม(เตะลูกนะครับ ไม่ใช่คนเล่น) แล้วก็...ผมเงยหน้า ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากหลังตึก
“เฮ้ย เชี่ยวา กลับก่อนนะเว้ย”ไอ้ห่านัทผลักหัวผมอย่างแรงแล้ววิ่งหนีไป ผมด่าไล่หลังแล้วชูนิ้วกลางใส่มันแทนคำตอบ ไหว้พวกพี่ๆที่ทยอยกันเดินออกจากตึกกิจกรรม ผมกำลังจะเดินอ้อมไปด้านหลัง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพี่กานต์เรียกเอาไว้
“พี่เห็นนัทกลับไปแล้ว วาล่ะ มีเพื่อนกลับหรือเปล่า กลับด้วยกันมั้ย?”พี่กานต์ถามยิ้มๆด้วยท่าทีเป็นห่วงตามปกติรุ่นพี่ที่ดี(เออ ผมปลื้มพี่เขาตรงนี้แหละ)
ถ้าตามปกติก็คงตกลงล่ะครับ แต่วันนี้คงไม่ได้
“นัดคนไว้แล้วครับ”ผมตอบพี่กานต์ นึกถึงไอ้เพื่อนบ้าทีไร กระดาษโพยคณิตก็ลอยหวืออยู่ในหัวแทนการบ่งบอกว่าถ้าผมพยักหน้าตอบตกลงพี่กานต์แล้วทิ้งไอ้ซีไว้โรงเรียนคนเดียว พรุ่งนี้ผมคงเป็นศพลอยอืดอยู่ในสระบัวหน้าตึกอำนวยการแน่
“ก็ดี งั้นกลับดีๆนะ”รุ่นพี่ผู้แสนใจดีโบกมือลา ยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ผมได้แต่เอียงคอ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมายังไงชอบกล (มีคนลูบหัวแซ่กๆ นั่นแหละใช่เลย ไอ้ซีก็ชอบลูบหัวผมแล้วบอกว่าเหมือนอัลเซเชียนที่บ้านมัน ไอ้ห่าเอ๊ย)
ห้องชมรมของโรงเรียนผมจะอยู่ที่ตึกกิจกรรมเกือบทั้งหมด และห้องวงโยฯก็อยู่ชั้นบนสุดด้วยเหตุผลทางเสียงรบกวน ด้านหน้าตึกกิจกรรมจะเป็นสนามฟุตบอล+อัฒจันทร์ ส่วนข้างหลังเป็นสนามบาส เทนนิส สระว่ายน้ำ แล้วก็สนามวอลเล่ย์เรียงต่อกันไป
ผมมองไปที่สนามบาสซึ่งเปิดไฟทิ้งเอาไว้ เสียงลูกบาสกระทบพื้นดังกังวาน มีคนอยู่ในสนามสามสี่คน คนหนึ่งเป็นรุ่นพี่ม.ปลาย อีกคนคือไอ้จัมป์ที่อยู่ชั้นเดียวกัน และอีกคนก็...ไอ้ซี
พอผมเดินเข้าไปใกล้ๆข้างสนามก็เหมือนซีมันจะเห็น เลยส่งลูกให้จัมป์เพื่อนมันพร้อมกับตะโกนบอกจัมป์กับรุ่นพี่อีกคนว่าจะกลับแล้ว
ผมเดินไปที่กระเป๋ากีฬาที่ซีมันโยนทิ้งไว้ใต้แป้นบาส หยิบกระเป๋าให้ มันบอกขอบคุณเบาๆแล้วคุ้ยหาผ้าขนหนูขึ้นมาซับเหงื่อ ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ผมเองก็เช่นกัน ได้แต่มองมันเช็ดเหงื่อเงียบๆ
“จะอาบน้ำก่อนไปมะ”ผมถาม เพราะสนามบาสมันไม่ได้ติดแอร์เหมือนห้องวง ตัวไอ้ซีมีแต่เหงื่อกับเหงื่อ เปียกไปหมดทั้งตัวยังกับเพิ่งไปเล่นสงกรานต์มา
“ดึกแล้ว จะรอเรอะ?”มันถามกลับกวนๆ และผมก็ยักไหล่
“ป่านนี้ป๊ากับม้ากินข้าวไปแล้วล่ะ ยังไงก็ได้”
ซีไม่ได้ว่าอะไร ทำเพียงเดินนำไปที่ห้องอาบน้ำของตึกกิจกรรมซึ่งอยู่ด้านหลังตึกไม่ห่างจากสนามกีฬานัก ที่นี่ทำเป็นฝักบัวเรียงต่อกันยาวโดยมีฉากกั้นที่สูงแค่หัวไหล่กำบังแยกเป็นห้องๆ ผมมองไอ้ซีโยนเสื้อทีมของมันกองบนเก้าอี้แบบซกมกจนเหลือแค่กางเกงทีมตัวเดียวแล้วเดินเข้าฉากกั้นไป ได้ยินเสียงน้ำไหลซู่ซ่าดังมาเป็นสิ่งเดียวที่คั่นกลางความเงียบ
“นี่”ผมเรียกคนที่อาบน้ำอยู่เบาๆ “ทำไมตอนที่ชวน มึงถึงไม่เข้าวงกับกูล่ะ?”
บางทีอาจจะเพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน ผมก็เลยรู้สึกเสียศูนย์นิดๆ แล้วยิ่งมันเพิ่งมาพูดจา ‘แบบนั้น’ กับผม ผมก็ยิ่งไม่เข้าใจในตัวซี
(อันที่จริงอยากจะถามว่าไม่อยากอยู่กับกูขนาดนั้นเชียวเหรอ แต่ไม่กล้าครับ - -“)
ซียังไม่ตอบ มีเพียงเสียงน้ำไหลเป็นระยะๆเท่านั้น
ผมถอนหายใจยาว มองผนังว่างเปล่าตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย
“ทำไม...ถึงต้องจงใจแยกตัวออกไปด้วยวะ?”
ตอนที่ผมชวนซีเข้าวงโยฯด้วยกัน มันปฏิเสธผมแล้วกระโดดเข้าชมรมบาสไปดื้อๆ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังกลับบ้านด้วยกันทุกวันเหมือนเก่าเพราะชมรมบาสกับวงโยฯเลิกเย็นพอกัน
ผมยอมรับ...ผมอยากอยู่กับมัน...แต่ก็แค่ในฐานะเพื่อนที่สนิทกันมาก...ไม่ใช่...แบบนั้น...
“ซี...กูน่ะ...”
ผมหยุดพูดไปเพราะคนฟังมายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ซีในชุดนักเรียนที่ชื้นนิดๆ(เพราะไม่ได้เช็ดตัว)และหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อยจ้องมองผมนิ่ง ผมเพิ่งสังเกต ไอ้ซีสูงกว่าผมอยู่นิดหน่อย มันมองนิ่งเสียจนผมรู้สึกแปลกๆ แล้วอยู่ๆซีก็ยื่นมือมากดไหล่ผมเอาไว้
“แต่ตอนนี้กูอยู่กับมึงนะ...วา”
คำพูดนั้นลบเลือนทุกคำถามในใจไปจนหมดสิ้น ซีอยู่ใกล้จนผมได้กลิ่นจากตัวมัน กลิ่นเย็นๆที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซี...และทันใดนั้น...
ตึก...
ผมเบิกตากว้าง
ตึก...ตึก...ตึก...
“อะ...”แต่ไหนแต่ไรผมอยู่กับไอ้บ้าซีมาตลอด ไม่เคยรู้สึกแปลกๆ ไม่เคย...ใจเต้นแรงเท่าวันนี้เลย เสียงหัวใจดังชัดเสียจนผมรู้สึกอายตัวเอง ได้แต่เงยหน้ามองซีแบบพูดอะไรไม่ออก
มือที่กดอยู่บนไหล่ผมเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น และใบหน้าของซีก็โน้มเข้าใกล้ขึ้นอีกนิด
“วา...มึงจำคำพูดของตัวเองได้รึเปล่า...”ไอ้ซีพูดเสียงเครียดจนผมพลอยเหงื่อตกไปด้วย ให้ตายสิ ผมน่าจะอาบน้ำด้วยอีกคน อยู่ๆอากาศรอบข้างก็อบอ้าวขึ้นอย่างกะทันหันจนรู้สึกร้อนซู่ไปหมด “มึงจะทำทุกอย่างที่กูต้องการสินะ...”
“เอ่อ...ก็ถ้ามันไม่แย่มากหรือเกินกำลังอ่ะนะ...”ผมเสมองไปทางอื่น พยายามคิดหาทางรอดสุดชีวิต ไอ้ห่าซี...มาไม้ไหนวะเนี่ย!
หัวใจกูจะระเบิดอยู่แล้วนะ! เอาหน้ามึงออกไปไกลๆหน่อยเซ่!! -o-
ซียิ้มด้วยตาชั้นเดียวที่รัศมีโคตรแคบของมัน เลยยิ่งทำให้ดูเจ้าเล่ห์เหมือนมาเฟียฮ่องกง
“มึงทำได้อยู่แล้วล่ะ...”
ผมเบิกตากว้าง สองมือของมันกอดรัดรอบตัวผม รั้งตัวผมให้ยืนขึ้น ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวผมเลยเซไปพิงอกมันเต็มแรง และในตอนนั้นเองไอ้มาเฟียซีก็กระซิบข้างหู
“กูขอแค่ให้มึงลองมองกูในฐานะอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนบ้าง...แค่นั้นมึงทำให้กูได้ไหม? วา”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ต่อช้าไป(ไม่)หน่อย ขออภัยเป็นอย่างสูง ช่วงนี้มีงานโรงเรียนครับผม ยุ่งมากมาย = =
มาต่อให้แล้วกับ "คำขอ" ของตาซี แต่แหม....ขออะไรให้ยากจังเนอะ - -"
ขอให้เพลิดเพลินกับการอ่าน มีข้อติประการใดบอกกันได้ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ฮะ ^^
ความคิดเห็น