ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Crescendo ดนตรีรัก จังหวะร้าย (YaOi)

    ลำดับตอนที่ #2 : Rhythm 1 : First Meeting

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.55K
      17
      29 ธ.ค. 52

     Rhythm 1 : First Meeting

     

     

                จากตอนที่แล้วดูเหมือนผมจะช็อค+งงอยู่(ไม่)หน่อย จึงยังไม่ได้บอกกล่าวอะไรเป็นทางการนัก ขออำภัยด้วยครับผม (โค้งแล้วยิ้มกว้างๆหนึ่งที)

                ผมกลับไปนอนตีลังกาคิดที่บ้านรอบหนึ่งว่าทำไมมันถึงออกมาในรูปนี้

                และก็ได้ความมาประมาณนี้ครับ มา จะเล่าให้ฟัง...

                ก่อนที่เรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ผมกับไอ้ซีก็เป็นเพื่อนสนิทกันมาตลอด...เอ่อ...ก็มีบ้างแหละที่เรามักจะโดนแซวโดนล้อเพราะอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา ไม่รู้เหมือนกันว่ามันส่อหรืออะไร แต่ผมไม่เห็นจะคิดอะไรแบบนั้นเลยนี่หว่า

    ชั้นม.ต้นโรงเรียนผมเพิ่งจะเปิดรับผู้หญิงปีนี้ แต่ก่อนเราเป็นโรงเรียนชายล้วนจนถึงระดับม.ต้น จะมีผู้หญิงก็แค่ม.ปลาย แต่ปีนี้ต่างออกไปที่รับผู้หญิงเข้าประถมกับม.ต้นแล้ว แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เหอะ ใช่ว่าจะมีผู้หญิงอยู่ทุกห้อง เพราะห้องผมนี่แหละ...หนึ่งในห้องไร้สีสัน

    แต่ผมก็ไม่ได้เสียดายอะไรมากหรอกนะ ไม่รู้สิ ผมอาจจะเจริญเติบโตด้านนี้ช้ากว่าเพื่อน แล้วผมก็สนุกกับกิจกรรมชมรมดี จึงยังไม่มีความคิดที่จะชอบหรือสนใจเพศตรงข้ามมากนัก

    ...เฮ้ย ไม่ได้แปลว่าไม่ชอบผู้หญิงนะเว้ยครับ...ผมก็มีคนที่ชอบอยู่ แต่...แบบ...อย่าเพิ่งเลยๆ ยังไม่อยากพูดถึง

                อ่ะ จะเล่าตั้งแต่เริ่มแรกเลยนะ ผมรู้จักกับไอ้บ้าซีตอนม.2 ดูจากในห้องแล้วตอนม.1 มันเป็นเด็กที่เรียนอ่อนแบบสุดๆ และเราก็เพิ่งเคยอยู่ห้องเดียวกันตอน ม.2 ครั้งแรก ไอ้ผมก็ด้วยความที่สงสาร(หรือสมเพชในเกรดมันก็ไม่แน่...เห็นอย่างนี้ก็เหอะ แต่ผมเก่งพอตัวนะ) เลยช่วยติวช่วยสอนโน่นนี่ให้มันเพราะเรานั่งใกล้กัน(มันนั่งหน้าผมนั่งหลัง)จนไปๆมาๆก็ดันสนิท

                ผมเป็นพวกตีซี้ชาวบ้านเร็วครับ!

                ไอ้ซีเป็นคนเงียบๆแต่ไม่เย็นชา มันไม่ได้ตีหน้าตายทั้งวันก็จริง แต่ก็เป็นคนที่ค่อนข้างไร้อารมณ์ ตรงข้ามกับผมที่เจ้าอารมณ์โดยสิ้นเชิง เราชอบอะไรเหมือนๆกันเยอะ นี่จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สนิทกันง่าย ผมกับมันชอบอ่านการ์ตูน ชอบดูหนัง แล้วผมก็เป็นพวกชวนคุยยาวได้เรื่อยๆในขณะที่ซีมันเป็นผู้ฟังที่โคตรดี...ดีจนผมเหมือนคนบ้าพูดพล่ามคนเดียว...     

                แรกๆผมก็ว่าซีมันเป็นคนเข้าหาคนง่าย ไม่นานมันก็สนิทกับเพื่อนผมทั้งกลุ่ม(มันเป็นคนไม่กี่คนที่มาจากห้องธรรมดาในขณะที่พวกผมเป็นเด็กห้องคิง) แต่ไม่ว่าจะคุยจะเล่นกับใคร คนที่สนิทกับมันที่สุดก็เป็นผมอยู่ดี

                (แต่ผมไม่เคยคิดอะไรเกินเลยนะ...สาบานได้...)

                ซีเป็นพวกเข้าใจยาก คิดอะไรอยู่ไม่ค่อยมีใครรู้ มันเป็นคนดื้อเงียบ พูดอะไรก็ไม่ค่อยจะฟัง ที่สำคัญยังมีนิสัยเสียร้ายกาจอีกอย่างที่ผมเพิ่งจะรู้ซึ้งตอนที่สนิทกันเข้าไปแล้ว หึๆๆ...เดาออกหรือเปล่า? ผมว่าเดากันไม่ออกหรอก ก็ขนาดผมน่ะ...แรกๆยังไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นคนแบบนี้...

               

                ไอ้ซีน่ะ...เป็นคนเอาแต่ใจเชี่ยๆเลยครับ!!         

     

                บ้านซีมันรวย เป็นตระกูลคนจีนที่คนโคตรเยอะ อยู่กันเป็นบ้านใหญ่ๆแบบที่หาได้ยากในไทย ผมเคยเห็นตอนอยู่บ้าน ไอ้ซีมันจะเรียบร้อยยังกับผ้ารีดอัดกลีบเลยครับ แต่ไหงมาโรงเรียนถึงได้กลายเป็นไอ้คุณชายจอมสั่งไปได้ก็ไม่รู้ จนผมแอบคิด...ว่ามันเก็บกดจากที่บ้านหรือไง...

                และแน่นอน...เหยื่อระบายความเอาแต่ใจชั้นเยี่ยมของมันก็คือผม!

                แรกๆผมก็ไม่รู้ครับ...แต่แววมันก็เริ่มออกหลังจากที่เราสนิทกันในระดับหนึ่ง

                ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วง ม.2 อ่ะแหละ จำได้ว่าเป็นช่วงที่ผมเพิ่งจะเข้าโยธวาทิตของโรงเรียนใหม่ๆ มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่สอนผม ผมโคตรจะปลื้มพี่เขา แล้วก็อยากขอบคุณที่พี่เขาสอนผมเล่นเครื่องเป่าก็เลยจะซื้อน้ำไปให้(ตอนนั้นตอนเที่ยง) แต่ไอ้เชี่ยซีกลับฉกไปกินรวดเดียวหมดหน้าตาเฉย

                เฮ้ย!! มึงทำห่าอะไรเนี่ย!!”ผมโวยวาย น้ำที่ซื้อมาหายวับไปต่อหน้า

                ไอ้เวรซีดันตีหน้าทองไม่รู้ร้อน แถมมีการหัวเราะคิกคักเหมือนไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก เอาน่า...ก็กูหิวน้ำ

                แต่นี่กูจะเอาไปให้พี่กานต์นะเว้ย!”

                เรื่องของมึงสิ...ไอ้ซียิ้มเหี้ย(ม) วา...จะบอกอะไรให้อย่างนะ...

     

                ของของมึงคือของของกู    

     

                ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังอ้าปากค้าง คิ้วกระตุกยิกๆ เลยถามมันกลับไปว่า แล้วของของมึงล่ะ?

                ไอ้เชี่ยซียังยิ้มแบบเดิม(ยิ้มเหี้ย(ม)ๆนั่นแหละครับ)

                แน่นอน...ของของกูก็ย่อมเป็นของของกูสิวะ

                เออ!! เอากับมันสิ!! ไอ้คุณชายเทวดา!!

                ผมหงุดหงิดจัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ลงท้ายวันนั้นเลยเลิกคุยกับมันในบัดดล

     

     

     

                กลับมาที่ปัจจุบันตอน ม.3           

    ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ผมกับซีก็ยังสนิทกัน เราคุยกันทุกเรื่อง ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ผมยอมรับว่าอาจจะสนิทกันเกินธรรมดา แต่มันก็ไม่น่าให้พลาดไปถึงคำว่า ชอบ

                ผมไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจอะไรเลย...

                เฮ้ย เป็นอะไรวะ ไอ้วา?

                ผมเงยหน้ามองคนที่มาสะกิดเรียก ก่อนจะถีบเก้าอี้ที่มันนั่งอยู่คืนเพราะมันเสือกเอาตีนมาสะกิดขาผม(ไอ้นี่ก็สันดานเสียเกิน...)

                เรื่องของกู...สาดผมตอบงึมงำ ไม่อยากสนไอ้บ้านี่นัก

                เห...ไอ้เพื่อนนี่เป็นหนึ่งในซี้ของผม มันชื่อมนัส หรือไอ้นัทนั่นเอง ไอ้ซีไปไหนซะล่ะ? แปลกดีที่พวกมึงไม่อยู่ด้วยกัน

                ผมเกือบสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อได้ยินชื่อเพื่อนผู้มีซัมธิงลับๆกัน(เฮ้ย ไม่ใช่ ซัมธิงแบบนั้นนะครับ)

                แล้วทำไมกูต้องอยู่กับมันด้วยวะ? 

                เอ๊า ก็เห็นพวกมึงออกจะเป็นผัวเมียที่รักกันดี~”

                ไอ้นัท มึงไม่เคยตายก็น่าจะบอก

                นี่ก็ไอ้ประสาทกลับ ทำไมต้องผัวเมียด้วยวะ โรงเรียนนี้จิตวิปริตหรือไง ผมเป็นเพื่อนมันนะ แค่เพื่อนอ่ะ ฮือ!~

                ไอ้นัทผมเรียกคนข้างๆ มันตอบงึมงำแต่สายตาจ้อง PSP สีดำที่จิ๊กมาจากไอ้แว่นที่นั่งข้างหน้าอีกต่อ มึงเคยมีแฟนใช่ปะวะ?

                เออไอ้นัทตอบ แล้วก็หันมามองผมพร้อมทั้งยิ้มกริ่ม เลิกสนใจ PSP ของมันชั่วคราว

                ผมเห็นยิ้มเจ้าเล่ห์ของมันแล้วก็อดสะดุ้งไม่ได้...ไอ้เชี่ยนี่จะมาไม้ไหนวะ...

                มึงอยากถามหาขั้นตอนกับกูเผื่อเอาไปใช้ยั่วไอ้ซีมันเรอะ?

                ผัวะ!! ผมแพ่นกบาลมันจน PSP ไอ้แว่นตกพื้น ได้ยินเสียงไอ้แว่นแหกปากโหยหวนปนกับเสียงแหกปาก(เว่อร์ๆ)ของไอ้นัท

                โอ๊ย! สาดนี่! ตบมาได้! มือมึงนี่หนักยังกะควายลากคันไถ!!”

                บ้านพ่อมึงเรอะ! มึงนั่นแหละที่ลากคันไถให้กู!!”

                ไอ้ห่า ด่ากูเป็นควาย!”

                ก็เออสิ! ไอ้ควายเขาโง้งจิตอกุศล!”

                ผมทำท่าจะตบกบาลมันอีกที แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ตัดสินใจเลิกคุยแล้วนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนโต๊ะตามเดิม ได้ยินเสียงออดเข้าเรียนดัง ให้ตายสิโว้ย...ผมแหกปากร้องในใจ...จะเข้าเรียนอีกแล้ว...

     

     

               

                ผมเริ่มมีอาการวิตกจริต กลัวการเข้าเรียนตั้งแต่วันนั้น

                อย่าถามนะว่าวันไหน...ก็วันที่ได้ยินไอ้ซีมันบอกให้ผมคบกับมันไง

                ทั้งที่เมื่อวานก็ผ่านมานานโขแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนยังได้ยินเสียงมันเซอร์ราวด์อยู่ในหัว หลอนชิบ...หลอนโคตรๆเลยครับ...พับผ่าสิ

                ซีนั่งข้างหน้าผม ด้านขวาผมเป็นไอ้นัท โต๊ะเรียนของเราเป็นแบบโต๊ะพับที่ไม่มีลิ้นชัก เหมือนโต๊ะตามห้องติวเตอร์ นั่งแยกกันเป็นตัวๆไม่ติดกันเป็นกลุ่ม ปกติเวลานี้ผมต้องกำลังสัปหงกฟังเลคเชอร์อยู่ แต่ไม่รู้ทำไมถึงต้องเอาแต่จ้องแผ่นหลังของไอ้เชี่ยที่ทำเอาผมเสียศูนย์อยู่ได้

                แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ แถมเสียงบรรยายของมิสก็ยังเนิบๆ ถ้าเป็นปกติผมคงงีบหลับกลับบ้านเก่าเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้ว แต่...แต่...ให้ตายสิ! ผมนี่แหละที่เป็นเชี่ยอะไรหนักกว่าชาวบ้าน!

                วา

                ผมสะดุ้ง ไม่เคยสปาร์กกับเสียงของไอ้ซีมาก่อน และพอเงยหน้ามองมันงงๆมันก็ขำพรืดออกมา

                ทำหน้าเป็นหมางงนะมึงมันกัดเบาๆแบบกระซิบ แล้วส่งกระดาษให้ปึกหนึ่ง เอาไป มิสบอกให้สอบตรีโกณ มึงฟังอะไรบ้างมั้ยเนี่ย

                เฮ้ย สอบเหรอ ซี ช่วยกูด้วย!“ผมวิงวอนแบบอับจนหนทาง ลืมที่มันพูดเมื่อวานไปชั่วขณะจิต ผมก็เรียนเก่งนะครับ...เอ่อ...เอาเป็นว่าเคยเรียนเก่ง...ผมเคยเก่งกว่าซี แต่คงเพราะตอนนั้นเกิดใจบุญสอนมันดีเกินไป ไปๆมาๆมันเลยแหกโค้งแซงหน้าผมไปหลายล้านปีแสง โดยเฉพาะคณิต ผมไม่เคยเอาไหนเรื่องคณิตเลยครับ!(ลอกไอ้ซีประจำ)

    ซีมันหันกลับมายิ้มให้ แล้วก็เสือกทำหูทวนลมหันกลับไป แต่สาบานได้ว่าผมได้ยินมันฮัมเพลง!

                ไอ้ห่านี่! ต้องการอะไรจากผมกันแน่วะ!      

                ได้โปรดเถอะครับ คุณชายซี ต้องการอะไรบอกมาได้หมด เดี๋ยวเลิกเรียนกระผมทำให้ ผมกระซิบ จนตรอกเต็มทน วิชาอะไรไม่ว่า แต่ยกคณิตไว้ตัวเหอะ ยอมแพ้...

                นายทิวา!! หยุดพูดมากแล้วก้มหน้าทำข้อสอบซะ!!”เสียงมิสชุดาแว้ดๆมาจากหน้าห้องทำเอาผมหัวหด เงยหน้าหัวเราะแหะๆให้มิสแล้วก้มหน้ารับชะตากรรมกับรูปสามเหลี่ยมมรณะที่มีอยู่เต็มพรืดในกระดาษ(ผมเคยจำสูตรอะไรกับเขาได้ที่ไหนล่ะคร้าบบบ)

                แต่แล้วอยู่ๆซีมันก็หันมานิดหนึ่งเพื่อยิ้มให้ พร้อมทั้งกระซิบ

                มึงพูดเองนะ...ว่าจะทำอะไรก็ได้น่ะ

                สิบนาทีต่อมาโพยสูตร+คำตอบก็ถูกส่งมาให้แบบเนียนๆ ผมมองเวลาสอบ เหลืออีกยี่สิบนาทีซึ่งเหลือเฟือกับการนั่งลอก และพอลอกถึงข้อสุดท้าย ผมก็ขมวดคิ้วยุ่งกับประโยคที่เขียนเหมือนจะหลบไว้ที่ข้างใต้สุด

     

                เย็นนี้เจอกันหลังชมรมเลิก แล้วกูจะบอกมึงเองว่าอยากได้อะไร  

     

                ไอ้จอมลึกลับ...

                ผมเริ่มรู้สึกวิตกจริตอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาลอกโพยต่อไป

                สังหรณ์ชิบ...ไม่รู้ไอ้บ้านี่คิดจะทำอะไรแผลงๆอีก

     

     +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    เข็นตอนแรกออกมาให้ยลโฉมกันอีกต่อ ฮูเร่ๆ <<<มันบ้า...
    ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากมายครับผม! 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×