คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : (Review Anime) Anime Summer 2012 จบแล้ว มาบ่นไปด้วยกันเถอะ !
สวัสดีครับทุกท่าน...
ช่วงนี้ก็ฝนตกทุกวี่ทุกวัน แถมยังชอบตกเวลาคนเขากลับบ้านกันอีก สงสัยว่าพระพิรุณเองก็มีเวลาตอกบัตรเข้าออกทำงานเหมือนกันแฮะ
ในที่สุดก็เข้าสู่ข่วงสุดท้ายของอนิเมซีซั่นนี้แล้ว หลายเรื่องก็ได้จบไปเป็นที่เรียบร้อย บางเรื่องเช่น Dog Days' ก็มีคิวจบภายในพรุ่งนี้ ส่วนอีกหลายเรื่องเช่น Sword Art Online (หรือ อบต )อนิเมขวัญใจคนไทย (ที่ผมไม่ค่อยอวย) ก็ลากยาวต่อไปอีกซีซั่นหนึ่ง
เพื่อความสนุกของกระทู้นี้ อยากให้ทุกท่านลองไปอ่านรีวิวอนิเมต้นซีซั่นนี้ก่อนได้ >>ที่นี่<< แล้วกลับมาอ่านกระทู้นี้อีกทีเพื่อเปรียบเทียบว่าความเห็นของผมตอนต้นซีซั่นกับตอนท้ายซีซั่นมันช่างต่างกันราวกับฟ้ากับเหวได้อย่างไม่น่าเชื่อ บางเรื่องที่ผมอวยไว้อย่างดิบดีในตอนแรกกลับผิดหวังอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่บางเรื่องที่ด่าไว้เสียยับเยินกลับกลายเป็นเรื่องทีผมเฝ้าดูมากที่สุด
สำหรับในช่วงแรกผมจะลิสต์รายอนิเมที่ผมดูไม่จบ หรือดร็อปไปกลางทาง ส่วนช่วงถัดไปจะเป็นรีวิวคร่าว ๆ และความรู้สึกหลังจากดูจบเป็นรายอนิเมไป ตามด้วยบทส่งท้ายที่ถ้ามีอารมณ์เขียน จะขอเพ้อเรื่องตัวการ์ตูนสาวแว่นสุดยอดในใจของผมที่ตกเป็นจำเลยของสังคมในเวลานี้หน่อย และมองข้ามช็อตถึงอนิเมน่าสนใจในซีซั่นหน้า
สำหรับซีซั่นนี้ก็เหมือนกับทุกซีซั่น คือผมไม่ได้ดูครบทุกเรื่องในซีซั่นนี้ บางเรื่องที่น่าสนใจแต่ผมไม่ได้ดูก็จะเขียนไว้ในความเห็นต่อไป
และข้อสุดท้ายคือผมยินดีเป็นอย่างยิ่งหากใครจะมาร่วมรีวิว หรือแสดงความเห็นในกระทู้นี้ ผมเองก็ไม่ได้ดูอนิเมเยอะ ดังนั้นถ้ามีคนมาร่วมรีวิวเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปจะเป็นเรื่องที่ดีมาก แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของกระทู้คือหาเพื่อนคุยนั่นล่ะ
เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราก็ไปเข้าสู่ช่วงแรกกันเถอะ !
1. Dakara Boku wa, H ga Dekinai - อนิเมที่คนแถวนี้บางคนอวยนักอวยหนาช่วงแรก ๆ (ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายังอวยอยู่หรือเปล่า) สำหรับผมดูตอนแรกก็เกินพอแล้วสำหรับอนิเมขายนมเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าผมแอนตี้อนิเมขายนมนะ เพียงแต่ผมคงรู้สึกเอียนกับพล็อตแนวนี้เสียมากกว่า เสียดายเพื่อนสนิทวัยเด็กแถมเป็นสาวแว่นอีกต่างหาก
2. Oda Nobuna no Yabou - เป็นอีกเรื่องที่ผมดร็อปตั้งแต่ตอนแรกเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ทำไม่ดีนะ โปรดักชั่นเจ๋ง แอ็คชั่นเคลื่อนไหวพลิ้ว ตัวละครสาว ๆ น่ารัก แต่สุดท้ายแล้วผมก็ขี้เกียจดูอยู่ดี สงสัยว่าผมคงไม่ค่อยถูกกับเรื่องแนวเอาบุคคลในประวัติศาสตร์มาแปลงเพศสักเท่าไหร่
3. Binbougami ga! - การ์ตูนปล่อยมุกของน้ำยาล้างจานประจำซีซั่นนี้ ผมดูไปแล้วตอนแรกก็สนุกดี แต่พอขึ้นตอนสองแล้วรู้สึกหมดอารมณ์ดูไปเสียอย่างนั้น สงสัยคานะไม่เหมาะกับการพากษ์คาแร็คเตอร์แนวนี้ล่ะมั้ง
4. Natsuyuki Rendezvous - ผมแปลกใจมากสำหรับเรื่องนี้ที่ผมยังค้างเติ่งอยู่ที่ตอนที่ 7 อยู่เลย ความจริงเรื่องนี้เป็นอนิเมที่ดีมากนะ มันมีความเป็นผู้ใหญ่และความเป็นธรรมชาติ คนพากษ์ก็พากษ์ได้เข้ากับอารมณ์ ฉากหลังที่เป็นร้านดอกไม้ก็สีสดใส มุมกล้องและลำดับการดำเนินเรื่องก็ทำได้เยี่ยม แล้วทำไมผมถึงยังดูค้างต่อไม่จบล่ะ ?
หากจะบอกสาเหตุมันคงเป็นการสปอยล์เนื้อหาพอสมควรเลย แต่สำหรับท่านที่ตัดสินใจเข้ามาอ่านกระทู้นี้ก็ต้องยอมรับการโดนสปอยล์ได้ในระดับหนึ่งล่ะนะ ดังนั้นผมจะพูดออกมาเลยก็แล้วกัน ถ้าใครบ่นก็กรุณากลับไปอ่านตรงต้นกระทู้ด้วย
คือผมรู้สึกเอียนช่วงเนื้อหาตอนที่พระเอกโดนอดีตสามีนางเอกชิงร่างไปน่ะ ดูแล้วทั้งอึดอัดและหงุดหงิด จนสงสัยว่าอนิเมทำดีไปมั้ง ผมเลยไม่ดูต่อแม่มเลย แต่สำหรับใครที่เรื่องที่ออกแนวรักของผู้ใหญ่ เนื้อหาลุ่มลึกแล้ว ผมก็แนะนำเรื่องนี้เลย ผมได้แต่หวังว่าจะทำใจมาดูต่อเรื่องนี้จนจบได้สักวันนะ
5. Hagure Yuusha no Estetica - ผมดูเรื่องนี้จนถึงตอนที่ 10 ครับ แล้วผมว่าเสน่ห์ของเรื่องนี้ที่ผมรู้สึกในตอนแรกมันจางหายไปหมดแล้วล่ะ คือเนื้อหาก็น่าสนใจดีอยู่หรอก แต่การนำเสนอของสตูดิโอที่ทำนี่ไม่ได้เรื่องเลย ดีไซน์ตัวละครก็ไม่ถูกใจ แถมทั้งที่เป็นการ์ตูนขายนม แต่วาดนมกับรูปร่างสาว ๆ ไม่ค่อยสวยเลย สรุปคือผมแปลกใจเหลือเกินที่ยังอุตส่าห์ดูได้จนถึงตอนที่ 10 เนี่ย ไปอ่านแบบมังหงะยังถึงใจกว่าเลย
ส่วนเรื่องที่ผมไม่ได้ดูก็บอกไปในกระทู้ก่อนหน้านี้แล้ว ทั้ง Kokoro Connect, Horizon II, Rinne no Lagrange
แต่ฮันเบย์อย่างแจ่ม... เอ๊ะ เราเลิกดูไปก่อนที่เธอจะเปิดตัวนี่นา
1. Dog Days'
ความจริงผมอวยเรื่องนี้นะ เป็นผลพวงมาจากเรื่องที่ว่าเป็นสตูดิโอเดียวกับที่ผลิตนาโนฮะออกมา ทำให้ผมพยายามจะดูเรื่องนี้ให้สนุกให้ได้ ซึ่งว่ากันตามตรงแล้วซีซั่นแรกมันก็ไม่ได้สนุกอะไรขนาดนั้น แต่ด้วยแรงอวยทำให้ผมดูแล้วสนุกมากกว่าที่มันควรจะเป็น... (แต่ซีซั่นแรกมันก็สนุกนะ)
กระนั้น เรื่องราวมันก็เหมือนกับราคาหุ้นของเฟสบุ๊คที่ประเมินไว้สูงเกินจริง หลังจากผมพยายามกัดฟันเค้นพลังอวยอย่างสุดความสามารถ ในที่สุดผมก็ไม่อาจต่อต้านความรู้สึกที่สะสมในก้นบึ้งหัวใจได้...
คือมันน่าเบื่ออ่ะ... ปัญหาร้ายแรงที่สุดของภาคนี้ในความเห็นของผมคือมันไม่มีทิศทางเอาเสียเลย แทบไม่มีเนื้อหาหลักเหมือนภาคแรก กลับเป็นเพียงเล่นสนุกไปวัน ๆ ราวกับว่าต้องการใส่ทุกอย่างที่ภาคที่แล้วไม่มีโอกาสได้ใส่มาในภาคนี้ ไม่มีทิศทางให้รู้สึกว่าอยากจะติดตามเรื่องนี้นอกจากดูตัวละครน่ารัก ๆ ทำอะไรที่น่ารัก ๆ อย่างสบายอกสบายใจ ทุกคนเป็นคนดี ไม่ต้องกังวลว่าจะมีการทรยศหักหลัง ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี แต่มันไม่มีอะไรให้รู้สึกว่าอยากจะดูตอนต่อไปนะสิ นี่ยังไม่รวมไปถึงฉากแปลงร่างอันแสนสยองขวัญของเบ็คกี้ในตอนต้นเรื่อง ยังดีที่ฉากคอนเสิร์ตขององค์หญิงทำได้ดีกว่าภาคแรก แต่กระนั้นมันก็ไม่อาจทำให้ความมั่นใจของผมที่มีต่อซีซั่นนี้มันเพิ่มขึ้นได้แม้แต่น้อย
สรุปคือผิดหวัง ดูข้าม ๆ ไม่ได้คิดอะไรมากนัก คงจะดูตอนสุดท้ายพรุ่งนี้ ซึ่งก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากนี้ไปหรอก
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ดูข้าม ๆ สองตอนแรกของเรื่องนี้ทำออกมาเรียกได้ว่าเยี่ยมยอดมาก มันดูทั้งสิ้นหวัง ทั้งสยดสยอง แสดงถึงความกดดันของเหล่ามนุษยชาติที่ต้องเผชิญหน้ากับการสูญพันธุ์ได้อย่างยอดเยี่ยม
กระนั้นหลังจากสองตอนแรก เรื่องนี้ก็ดิ่งลงเหวสู่ห้วงแห่งความหายนะในแง่ของตัวอนิเม ทั้งที่ตัววัตถุดิบของเรื่องเรียกได้ว่าแจ่มแจ้งแสนสาหัส (ซีรีย์ Muv-Luv ถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน Visual Novel ที่ดีที่สุดเกมหนึ่งเลย) ธีมของเรื่องที่เน้นถึงความขัดแย้งของเหล่ามนุษยชาติที่แม้ว่าภัยพิบัติกำลังเข้ามากลืนกินทั้งเผ่าพันธ์ เรื่องการเมือง การเหยียดผิว ความสิ้นหวัง แต่อนิเมกลับไม่อาจเค้นอารมณ์เหล่านั้นออกมาได้ หลังจากตออนที่ 2 เป็นต้นมาเนื้อเรื่องเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก เต็มไปด้วยความกลวงโบ๋ รายละเอียดก็ทำได้แย่มาก เห็นได้ชัดถึงการขาดความใส่ใจในด้านรายละเอียดเล็กน้อยที่ทำให้เนื้อเรื่องดูไม่สมเหตุสมผล (ชอบเล่นบทพ่อแง่แม่งอนในตอนที่ไม่สมควรจะเล่นบ้าง) บทสนทนาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นชาตินิยมจนชวนสำลัก และการที่พระเอกของเรื่อง (Beta ตัวที่หม่ำเพื่อนนางเอกตอนแรก ๆ นั่นล่ะ) หายไปเกือบครึ่งเรื่องทำให้เรื่องมันยืดยาวจนไม่น่าสนใจ
สรุปคือเรื่องนี้มีวัตถุดิบที่ดี แต่คนปรุงดันปรุงได้ไม่ถึงรส ยังดีที่สาว ๆ เรื่องนี้แจ่ม ๆ ทั้งนั้น
ปางนางนอนตอนติดเกาะ
3. Yuruyuri ♪♪
มุกบางมุกก็ขำดี แต่ส่วนใหญ่ผมดูแล้วหลับปุ๋ย เนื้อเรื่องเอ่ย ๆ ปล่อยมุกแป้ก ๆ ที่ผมไม่ขำ สรุปคือดูเพราะสาวแว่นจิโตเสะ กับคู่ฮิมาวาริ x ซากุราโกะ แค่นั้นล่ะ
4. Accel World
หากเทียบกันทั้งสองเรื่องแล้ว ผมคิดว่าทางซันไรส์ดัดแปลงไลท์โนเวลเรื่อง Accel World ได้ลงตัวกว่า SAO เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่า SAO จะมีราศีมากกว่าทั้งในแง่เนื้อเรื่อง โปรดักชั่น เพลงประกอบ และความอวย แต่หลังจากดู SAO ผ่านไปครึ่งซีซั่นแล้วเอามาเปรียบเทียบ ผมให้ Accel World มีแต้มเหนือกว่า
SAO นั้นมีปัญหาอย่างร้ายกาจที่ตัววัตถุดิบเอง เพราะถึงแม้ว่าเวลาอ่านเป็นไลท์โนเวลจะไม่รู้สึกอะไร แต่พอเอามาทำเป็นอนิเมแล้วถึงได้เห็นจุดบอดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะกับเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องตัดเพื่อให้เนื้อหากระชับ และเนื้อเรื่องเสริมที่ส่วนใหญ่มักจะแยกเป็นเอกเทศ พอแบบอนิเมมาเรียงตามลำดับเวลาแล้วทำให้เนื้อหาไม่ปะติดปะต่อกัน ผิดกับ Accel World ที่ทำเนื้อหาได้ต่อเนื่องกว่า และทำให้อารมณ์ร่วมได้มากกว่า
กระนั้น Accel World เองก็มีปัญหาที่ตัววัตถุดิบเช่นกัน ซึ่งข้อเสียของเรื่องนี้ผมโยนให้กับปัญหาที่เรื้อรังในไลท์โนเวล มากกว่าเป็นปัญหาที่การดัดแปลงแบบที่เช่นปรากฎอยู่ในเรื่อง SAO
พูดง่าย ๆ คือเนื้อหาช่วงครึ่งหลังที่ต้องสู้กับโนมิมันอีโมมาก... ดูแล้วทั้งหงุดหงิด และอึดอัด ตัวละครมัวแต่อีโมใส่กันจนผมข้ามไปเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ทั้งเจ้าหมูบินที่ยิ่งดูยิ่งหงุดหงิด (ถึงแม้จะน้อยกว่าสมัยก่อนหน่อย) บทของจิยุที่แทบจะเละเทะไปเลย กลายเป็นตัวร้ายยัยคนทรยศในสายตาคนดูที่ไม่ได้อ่านสปอยล์ไลท์โนเวลจนเกือบจะจบเรื่อง ตัวร้ายเกรียนแบบน่าเตะจริง ๆ จัง ทาคุที่อีโมตามเจ้าหมูไปด้วย เนื้อเรื่องเต็มไปด้วย Rage และ angst ของวัยรุ่น ยังไม่รวมถึงเรื่องที่เต็มไปด้วย Nerd Fulfillment หรือความเติมเต็มความฝันของเด็กเนิร์ดแทบจะทั้งเรื่อง ความรักของตัวละครอื่น (นอกจากจิยุ) ดูค่อนข้างฝืน ยัดเยียด และไม่เป็นธรรมชาติมากไปกว่าที่จับยัดตัวละครหญิงให้มาชอบพระเอกด้วยสาเหตุที่อ่อนยวบ (อย่างน้อยผมไม่อิน) บทพูดก็แสนเลี่ยนชวนคันยุบยับ
สรุปแล้วเรื่องนี้ผมไม่โทษซันไรส์ (ซึ่งเป็นคนละขั้วกับ Gundam Age ที่ทำเสียเอง) งานภาพก็โอเค เพลงก็เพราะ ตัวละครก็น่ารัก ปัญหาน่าจะมาจากวัตถุดิบส่วนไลท์โนเวลมากกว่า
แต่เหตุผลแมว ๆ ที่ผมไม่ค่อยชอบเรื่องนี้เท่าที่ควรเพราะบทจิยุ (เพื่อนวัยเด็ก) หายมากกว่านั่นล่ะ (ฮา)
เรเรื่องที่ดูต่อจนจบ
Sword Art Online
เรื่องนี้ยังไม่จบนะ ยังมีต่อไปอีกจนซีซั่นหน้า
Sword Art Online หรือชื่อเรียกไทย ๆ อย่างไม่เป็นทางการคือ อบต อนิเมขวัญใจประจำซีซั่นของหลาย ๆ คน แต่สำหรับผมแล้ว... ค่อนข้างผิดหวัง
ช้าก่อน... มันไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้เป็นอนิเมที่ไม่ดีนะ ทั้งคุณภาพของตัวอนิเม การลำดับภาพ ฉากต่อสู้ เพลงประกอบ รายละเอียดเล็กน้อยภายในเรื่องถือว่าทำได้อย่างดีเลยทีเดียว เป็นอนิเมที่ทุนค่อนข้างสูงมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลังจากตอนแรกที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม มันก็อาจกล่าวได้ว่า SAO ไม่อาจทำได้สมกับความคาดหมาย (อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งล่ะ)
ปัญหาของ SAO ผมได้เกริ่นไปก่อนหน้าตอนที่พูดถึงเรื่อง Accel World หรือหมูบินมาแล้ว เนื่องจากเนื้อหาในไลท์โนเวลมีมากมายเกินกว่าที่อนิเมจะใส่ได้ครบ (และถึงใส่ครบก็อาจจะน่าเบื่อ) ดังนั้นมันจึงต้องมีการดัดแปลงเนื้อหาบ้างเพื่อให้เหมาะสมกับระยะเวลาฉายที่จำกัด และเนื้อหาของภาคเสริมเองที่หากเดินเรื่องตามที่ไลท์โนเวลทำออกมาอาจไม่เหมาะสมนัก ดังนั้นเราจึงได้เห็นการดัดแปลงเนื้อหาอย่างมากมาย และทางสตูดิโอ A-1 เลือกที่จะเดินเรื่องตามช่วงเวลาก่อนหลัง (Chronological Order) แทนที่จะสอดแทรกเนื้อหาภาคเสริมระหว่างหรือหลังเนื้อเรื่องหลัก
แบบเดียวกับนิยาย
และนั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่หลวงสำหรับอนิเมเรื่องนี้
ตั้งแต่ตอนที่หนึ่งเป็นต้นไป เราจะได้เห็นเนื้อหาที่จบในตอนไล่เรียงตั้งแต่ตอนเจออาสึนะครั้งแรก ตอนเจอซาจิแอนด์เดอะกิลด์ ไปปักธงซิลิกา ไปตีดาบกับลิสเบ็ธ กว่าจะเข้าเนื้อหาหลักก็ปาไปตอนที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ ซึ่งเนื้อหาที่กล่าวมานั้นเป็นเนื้อหาเสริมที่ถึงแม้จะมีส่วนเชื่อมโยงกับเนื้อหาหลัก แต่มันก็ไม่ปะติดปะต่อกัน จึงทำให้กลายเป็นเรื่องราวของคิริโตะไปปักธงสาว ๆ หลากหน้าหลายตาในแต่ละตอนแทน ความรู้สึกไม่ต่อเนื่องจนทำให้คนที่ไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนอย่างผมต้องดูด้วยความเซ็งเป็ด แถมตัวร้ายเองก็มีแต่ตัวร้ายแบน ๆ โผล่มาให้คิริโตะโชว์เทพ (เรื่องจอมเวทบราค่อนก็ชอบใช้ทริคแนวนี้เหมือนกัน ส่งตัวร้ายจ๊าดหง่าวออกมาให้พระเอกตบเกรียนเล่น ๆ)
อีกข้อที่เป็นปัญหาร้ายแรงที่สุดคือการที่เนื้อหาบางอย่างดูไม่สมเหตุสมผล ดูค่อนข้างฝืน ห้วน ไม่รู้สึกอินไปกับอารมณ์ของตัวละคร ซึ่งเรื่องนี้ส่วนใหญ๋แล้วอาจโทษกับสตูดิโอ A-1 ได้ว่าไม่อาจดัดแปลงเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อหาหลายอย่างไม่ได้รับการอธิบาย ซึ่งถ้าใครไม่เคยอ่านนิยายมาก็คงต้องกุมขมับกันอีกรอบ ซึ่งแน่นอนว่าการไล่ให้ไปอ่านนิยายเพื่อเติมรายละเอียดที่หายไปอาจเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ผมกลับคิดว่าหากมองแต่ในแง่ของอนิเมเพียงอย่างเดียวแล้ว เรื่อง SAO ไม่อาจที่จะดึงอารมณ์ร่วมออกมาได้เลย ดังนั้นผมจึงได้แต่ดูความน่ารักของสาว ๆ ที่ผมก็ไม่ค่อยอวยสักเท่าไหร่ ซิลิก้าก็น่ารักดี ลิสเบ็ธช้ำรักได้อย่างน่าสงสาร อาสึนะก็หวานได้ดี แต่ยุยนี่สิ... ผมไม่ได้แอนตี้ยุยนะ แต่เท่าที่ผมดูผมรู้สึกรำคาญเธอมากกว่ารู้สึกว่าเธอน่ารักน่ะ มันทั้งฝืน ทั้งห้วน ทั้งยัดเยียดอารมณ์ ไม่รู้ว่าเป็นปัญหาที่การดัดแปลงหรือเป็นปัญหาที่ตัวบทดั้งเดิมกันแน่
สรุปแล้วหากดูเรื่องนี้ในฐานะอนิเมโปรโมตนิยายอาจจะสบายใจกว่าดูในฐานะอนิเมโดยตรงมากกว่านะ อย่างที่บอก เรื่องนี้มันก็ไม่เลวร้ายอะไรขนาดนั้น แต่มันไม่ใช่อนิเมยอดเยี่ยมที่สุดประจำซีซั่นอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็สำหรับผมล่ะนะ
แน่นอนว่าผมไม่ได้อ่านนิยาย แต่เป็นการวิจารณ์เฉพาะอนิเม ดังนั้นใครไม่พอใจจงอย่าได้ไล่ให้ผมไปอ่านนิยายเชียว
ปล. การทำน้ำเต้าหู้เป็นอะไรที่สูบวิญญาณมาก - -"
ความจริงอนิเมโปรดประจำซีซั่นนี้ควรจะมี 4 เรื่อง แต่อนิจจาที่สองตอนสุดท้ายของเรื่อง ความรัก การเลือกตั้ง และช็อคโกแล็ต ได้ทำลายความรักที่ผมเคยมีให้กับซีรีย์นี้จนหมดสิ้น
หากใครเคยอ่านรีวิวต้นซีซั่นจะเห็นว่าผมด่าเรื่องนี้ไว้อย่างเสีย ๆ หาย ๆ แบบไม่เผาผีกันเลย แต่เชื่อไหมว่าหลังจากนั้นอีกไม่กี่สัปดาห์ เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ผมเฝ้ารอคอยซับเป็นอันดับหนึ่งประจำวันศุกร์เลยก็ว่าได้ !
มุกชนทิ่มนม ล้มจิ้มเป้าก็ไม่มีอีกแล้ว
มุกเชย ๆ เช่นเพื่อนสาววัยเด็กมาปลุกที่ห้อง หรือมุกฝืด ๆ ที่สามเพื่อนซี้ชอบเล่นนะเหรอ ? ตอนหลังมันจะมีความหมายมากอย่างไม่น่าเชื่อ
ภาพคุณภาพต่ำเหรอ... จงเจอน้องเมล่อนเสียก่อน !
เนื่องจากผมไม่เคยเล่นเกมมาก่อน ดังนั้นผมจึงไม่รู้สึกหงุดหงิดหรืองุ่นง่านประการใดยามเมื่ออนิเมหั่นบทหรือดัดแปลงเนื้อเรื่องของสาว ๆ จากเกมจนเกลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรื่องของมี่จังหรือน้องแมวที่โดนยัยสาวทวินเทลกับเมล่อนจังกลบเสียจนมิด (บทส่วนใหญ่ของน้องแมวตลอดทั้งเรื่องคือทำหน้าแมวหงอยท้ายตอนช่วงเครดิต ed ขึ้น ส่วนมี่จังนี่โดนบทพระเอกกลบเสียอย่างน่าสงสารไปเลย)
ในช่วงแรกเรื่องนี้ถือได้ว่าสอบผ่านในแง่การดัดแปลงเนื้อหาจากเกม Eroge อย่างงดงาม คือมันดูแล้วสนุก ทั้งการสอดแทรกลูกเล่นของการเลือกตั้งได้อย่างแยบยล การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของพระเอกที่ทำแล้วรู้สึกได้จริง ๆ ว่าพระเอกมันก็เก่ง ดราม่าของตัวละครที่คืบคลานแฝงเข้ามาได้อย่างแนบเนียน มันอาจมีเว่อร์บ้าง แต่อยู่ในระดับที่พอรับได้ของเนื้อเรื่องที่ปูมาตั้งแต่แรก
กระนั้นทุกอย่างก็พังทลายเมื่อเข้าสู่เนื้อเรื่องของน้องแมว !
ตอนที่ 11 เป็นต้นมา เนื้อหาทรุดลงราวกับไม่ใช่คนกำกับคนเดียวกันเสียอย่างนั้น ประเด็นหลายอย่างเคลียร์กันง่ายมาก ทั้งเรื่องอาการป่วยของคานะ หรือประเด็นดราม่าของยัยทวินเทลที่สร้างมาราวกับเธอเป็นบอสใหญ่ที่คอยเป็นมารผจญสาว ๆ คนอื่น (ทำได้หลอนมาก เช่นตอนคะยั้นคะยอพระเอกให้กินช็อคโกแล็ต เป็นต้น) แต่กลับเข้าวินในตอนท้ายซะงั้น คือเรื่องที่ผ่านมาผมไม่รู้สึกว่าพระเอกมันชอบนางเอกเลย แถมบรรยากาศก็ไม่ให้ด้วย ปมดราม่าเองก็สื่อได้ไม่ค่อยดีจนผมไม่ค่อยรู้สึกมีอารมณ์ร่วม แถมยังยัดดราม่าของมี่จังที่เหลือมาใส่อย่างไร้ที่มาที่ไป คนดูมันคงจะอินล่ะนะ เนื้อหาของอิซาระก็โดนหั่นกระจุย และการตัดสินใจที่ไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิงนอกจากว่ามันดูเท่
สรุปแล้วผมเสียดายเรื่องนี้มาก ทั้งที่ผมเรียนรู้ที่จะชื่นชอบเรื่องนี้มาได้แล้วทั้งที แต่ตอนช่วงโค้งสุดท้ายกลับพังทลายอย่างไม่มีชิ้นดี น่าเสียดายเหลือเกิน
ปล. นาน ๆ ทีผมจะไม่อวยคาแร็คเตอร์เพื่อนสาววัยเด็กนะเออ จิซาโตะเอ๋ย เธอช่างเก่งมากจริง ๆ ที่ทำให้กลายเป็นกองแช่งได้น่ะ (ฮา)
เชื่อมะว่าพวกเขาแค่จูบกัน
Campione! เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างมาจากไลท์โนเวล แต่กระนั้นคุณภาพของเรื่องเรียกได้ว่าด้อยกว่าแทบทุกเรื่องในซีซั่นนี้ก็ว่าได้ ภาพก็ไม่ค่อยสวย การเคลื่อนไหวก็ซ้ำ ๆ แถมตัดเนื้อหาจนแทบดูไม่รู้เรื่อง ตัวละครแบนแต๊ดแต๋จนแทบไม่น่าอวยสักคน ไร้การพัฒนาและความลุ่มลึกที่ตัวละครในอนิเมดี ๆ ควรจะมี ถ้าพูดตามภาษาท่านแคมมี่ ก็คงกล่าวได้ว่า "ฮาเร็มมันไม่ซาบซ่าน" นอกจากนี้พระเอกพล่ามฮาเฮวอะไรก็ไม่รู้ อยากเอาไปพล่ามแข่งกับโทวมะ ณ อินเด็กซ์จริง ๆ
กระนั้นเรื่องนี้กลับมีจุดแข็งอยู่สามประการที่ทำให้ผมยังตามเรื่องนี้จนจบ (กะว่าจะดูตอนจบคืนนี้) เรื่องแรกคือเพลงประกอบฉาก แต่งได้เข้ากับฉากมาก โดยเฉพาะเพลงตอนสู้กันทำได้อลังการงานสร้างมาก ฟังแล้วรู้สึกว่าฉากต่อสู้มันยิ่งใหญ่มากกว่าที่มันควรจะเป็น ข้อที่สองคือฉากต่อสู้ ซึ่งฉากที่ผมชอบเป็นพิเศษคือตอนที่พระเอกสู้กับอาเธน่า เวลาพระเอกใช้ดาบสีทองสร้างโลกแห่งดาบขึ้นมามันโคตรเท่เลย และสิ่งสุดท้ายที่เรียกได้ว่าเป็นจุดขายของเรื่องนี้คือฉากจูบ... ถึงแม้คุณภาพโดยรวมของงานภาพจะต่ำเรี่ยดิน แต่พอถึงฉากจูบกลับทำได้อย่างดูดดื่ม จู่ ๆ คุณภาพของอนิเมชั่นดีขึ้นสามเท่าตัว รายละเอียดของการขบกัด การแลกลิ้น เส้นน้ำลายจาง ๆ ทำได้โคตรละเอียด
เรื่องนี้ผมไม่อวยตัวละครในฮาเร็มพระเอกสักคน แต่ดันมาถูกใจอาเธน่าซึ่งเป็นบอสกลางของเรื่อง ทั้งวิธีการพูดออกโบราณนิด ๆ (โดยเฉพาะเสียง โอ้ นี่ใจแทบละลาย) คาแร็คเตอร์ดีไซน์ออกแนวโลลิโดนใจ รวมไปถึงบทบาทที่ชอบโผล่มาแย่งซีนทำให้อาเธน่าขโมยหัวใจของผมไปอย่างง่ายดาย
สรุปคือเรื่องนี้เป็นอนิเมสร้างมาโปรโมทนิยายอีกเรื่อง คุณภาพไม่ค่อยดี แต่ฉลาดตรงที่เลือกที่จะโฟกัสจุดขายได้อย่างสม่ำเสมอ ส่วนนิยายก็คงสนุกบ้างล่ะนะ
สำหรับเรื่องเฮียวกะสมัยก่อนผมก็ชอบกระแนะกระแหนว่าเป็นผลงานทำเอาโล่ของเกียวอานินั่นล่ะ แต่พอดูไปดูมาดันติดซะงั้น คือเรื่องภาพนี่เจ๋งจริงคงไม่ต้องพูดมากกว่านี้ แต่ที่เจ๋งไปอีกขั้นคือเรื่องรายละเอียดนั่นล่ะ
มันเป็นคำถามเดียวกันว่าทำไมนางาโต้ ยูกิ ทั้งที่แทบจะไม่ขยับตัวหรือพูดเลยกลับทำขีดมาตรวัดความโมเอะระเบิดได้ คือถึงยูกิจะไม่ค่อยขยับก็จริง แต่ในอนิเมจะค่อนข้างใส่ใจรายละเอียดมาก จนแม้แต่การขยับเล็กน้อยมันก็มีความหมายสำหรับคนดู การเคลื่อนไหวทุกอย่างทำให้เรารู้สึกคล้อยตามไปกับตัวละคร ซึ่งเรื่องเฮียวกะเองก็มีเสน่ห์ในจุดนี้ซึ่งเป็นการตกผลึกจากประสบการในเรื่องก่อน ๆ ที่เคยทำผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพมานักต่อนัก
นอกจากนี้เกียวอานิยังค่อนข้างเก็บรายละเอียดแทบครบ แม้แต่แสตมป์ที่เห็นในเรื่อง ถ้าผมอ่านมาไม่ผิด เกียวอานิถึงขนาดวาดแสตมป์ของมาเลเซียที่ใช้ในยุคนั้นแบบถูกต้องเป๊ะ ๆ อีกด้วย ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ละเอียดยิบเลย ไม่คิดจะทำผลงานเอาโล่ทำไม่ได้หรอกกนะเนี่ย
ปริศนานั้นอาจไม่หวือหวาหรือน่าตื่นเต้นเร้าใจเหมือนกับหลายเรื่อง แต่สิ่งที่ผมชอบคือการนำเสนอที่ทำให้เข้าใจง่าย ใช้ภาพที่ออกแนว abstract อธิบายขั้นตอนการใช้เหตุผลทีละขั้นตอนอย่างชัดเจน และยังเปิดโอกาสให้ตัวละครทุกตัวมีส่วนร่วมในการไขปริศนา ไม่ใช่หวังพึ่งแต่ตัวนักสืบเอกคนเดียวเหมือนกับเรื่องอื่น ๆ (ไอ แค่ก ๆ โคนัน เป็นต้น)
ใครที่หวังว่าจะได้ดูปริศนาซ่อนเงื่อนจากเรื่องนี้อาจจะผิดหวัง (แต่การนำเสนอปริศนาทำได้ดีนะ สามารถไขได้ก่อนที่พระเอกจะเฉลยด้วยซ้ำ) แต่ปมแท้จริงแล้วของเรื่องนี้คือแนว Coming of Age และการพัฒนาของตัวละครที่เติบโตไป ซึ่งปริศนาหรือคดีอะไรที่ต้องเผชิญทั้งหลายแหล่มีความหมายเชื่อมโยงกับโครงเรื่องหลักได้อย่างแยบยล และยังเป็นเหมือนจุดที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงพระเอกจากคนน่าเบื่อให้เปิดตัวออกมาสู่สังคมภายนอก มีทั้งสำเร็จ มีทั้งถูกหลอกใช้ มีทั้งเจ็บปวด รวดร้าว แต่สุดท้ายนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการเจริญเติบตัวของตัวละคร ทุกตัวมีปมหมด แม้แต่เพื่อนพระเอกที่ดูร่าเริง แต่จริง ๆ แล้วมีปมในเรื่องที่ไม่อาจหนีออกจากเงาของความสำเร็จของพระเอกได้ หรือแม้แต่ตัวนางเอกที่ดู Air Head แต่จริง ๆ แล้วก็มีความลึกซึ้งในความเป็นคนมากกว่าโมเอะแฟ็คเตอร์เดินได้ เธอเป็นคนที่อยู่คาบเกี่ยวระหว่างวิถีชีวิตเก่า ๆ ของญี่ปุ่นที่กำลังจะเลือนหายไป กับคนยุคใหม่ที่เรื่องวิถีเก่านั้นดูจะเลือนลาง กระนั้นเธอก็พยายามจะรักษาวิถีนั้นให้อยู่ให้นานที่สุด
สิ่งสุดท้ายที่อยากพูดถึงคือความธรรมดาที่เรื่องนี้เอามาต่อยอดให้มัน (ค่อนข้าง) น่าสนใจได้อย่างชาญฉลาด ไม่ต้องเว่อร์อะไรมากมายนัก ไม่ต้องเจอคดีฆาตกรรมทุกตอนเหมือนโคนันหรือคิดะอิจิ ไม่ต้องเป็นปริศนากู้โลกหรืออะไรเถือกนั้น เป็นปมปริศนาเล็ก ๆ ที่ถูกออกมาขยายความให้พวกตัวเอกได้แก้ไข สิ่งเหล่านี้มันก็มีความลุ่มลึกของมันอยู่ ซึ่งถ้าเป็นสตูดิโออื่นผมนึกไม่ออกเลยว่าจะทำได้ออกมาไม่น่าเบื่อเท่าเกียวอานินะ
สรุปคือผมไม่แปลกใจหรอกที่หลาย ๆ คนจะดร็อปเรื่องนี้ไปหลังจากดูได้สามสี่ตอน แต่ผมเองก็เห็นหลายคนที่กล่าวในตอนจบว่าพวกเขาดีใจเหลือเกินที่ยอมทนกัดฟันดูต่อ เพราะผลตอบแทนหลังจากนั้นคือประสบการณ์ของการดูอนิเมะที่มีคุณค่ามากเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ เหมือนกับได้เจริญเติบโตไปพร้อม ๆ กับตัวละครในเรื่อง ได้สัมผัสรสชาติของวัยรุ่นที่หลายคนอาจจะลืมเลือนไปแล้ว (โดยเฉพาะช่วงงานโรงเรียนที่เรียกได้ว่าเจ๋งที่สุดเลยก็ว่าได้ มันทำได้ดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าที่เคยเห็นในเรื่องไหน)
สรุปคือเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมาก และเกือบจะสิ้นศรัทธาในเกียวอานิที่เอาดีแต่ด้าน Slice of Life ขายโมเอะไปวัน ๆ แต่หลังจากเฝ้าดูไปสักพักผมก็บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าผมชอบเรื่องนี้ และรู้สึกดีที่ยอมดูต่อจนจบ
มันก็ประมาณนั้นล่ะครับ แต่มันก็ไม่แปลกอะไรที่คนจะไม่ชอบอนิเมเหมือนคนอื่น ๆ หรอกนะ
จี้จังก็น่ารัก รุ่นพี่จูมอนจิก็แว่นสุดยอด แต่ที่เฉิดฉายที่สุดก็คงเป็นรุ่นพี่อิริสุล่ะมั้ง ทั้งฉลาด ทั้งนางพญา เจ้าเล่ห์ คุมเกมได้อย่างอยู่หมัด ขนาดโฮทาโร่ยังโดนเธอปั่นหัวแน่ะ
เรื่องนี้เป็นหนึ่งในสามเรื่องที่ผมชอบมากที่สุดประจำซีซั่นนี้
ภาพโปรโมชั่นและเนื้อเรื่องย่อ ๆ ในตอนแรกไม่ทำให้ผมสนใจเรื่องนี้เลยสักนิด ดูจากภาพและเนื้อเรื่องแล้วเดาว่าคงเป็นเรื่องออกแนวเล่านิทานเกี่ยวกับความสัมพันธ์น่ารักระหว่างนางเอกกับคุณภูติแสนน่ารักที่คอยทั้งมาช่วยมนุษยชาติที่กำลังลำบาก และอาจมาสร้างความปั่นป่วนให้นางเอกต้องคอยมาแก้ปัญหาที่เกิดจากคุณภูติแสนซน เนื้อเรื่องน่าจะออกโทนสบาย ๆ แนว Healing ดูแล้วรู้สึกดีโลกสวย ประมาณนั้น
อ่า... ที่พูดมาในช่วงแรกมันก็ไม่ผิดอะไรนักหรอก แต่เจ้า "เนื้อเรื่องน่าจะออกโทนสบาย ๆ แนว Healing ดูแล้วรู้สึกดีโลกสวย" อะไรนั่นโยนทิ้งถังขยะแล้วเอาไปเผาทิ้งไม่ต้องรีไซเคิลได้เลย
ใช่แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แปลกเกินคาด
คอมเม้นท์หนึ่งของฝรั่งในเว็ปต่างประเทศกล่าวว่า "ตอนที่ดูครั้งแรกก็ไม่รู้ว่าจะคาดหวังอะไรกับเรื่องนี้ แต่พอดูจบก็ไม่รู้ว่าตูเพิ่งดูอะไรมา" ค่อนข้างสรุปความรู้สึกของผมหลังดูเรื่องนี้จบได้เป็นอย่างดีเลย กรุณาอย่าให้เนื้อเรื่องและภาพหลอกคุณได้ !
จินรุยเป็นเรื่องที่ฉลาดมาก... ฉลาดจนรู้สึกตัวผมนั้นโง่ไปเลย
เวลาดูหนแรกคุณอาจจะขมวดคิ้วแล้วกลุ้มใจไปกับความแหวกแนวหรือ WTF ที่ไล่เดมซี่โรลใส่คนดูแทบทุกตอน แต่ถึงแม้ดูแค่คร่าว ๆ ก็ต้องรู้สึกตะหงิด ๆ ได้ว่าเจ้าความที่ดูเหมือนไร้สาระและหาคำอธิบายไม่ได้ที่เพิ่งผ่านตาไปนั้นมันต้องมีความหมายหรือข้อความอะไรแฝงอยู่แน่นอน ว่าแต่ว่า... แล้วความหมายที่เรื่องต้องการจะสื่อคืออะไรล่ะ ?
ตัวอย่างสิ่งที่นางเอกต้องเจอในเรื่องก็เช่น โดนกองทัพไก่นายทุนไร้หัววิ่งไล่ ติดอยู่ในลูปย้อนเวลา ติดอยู่ในโลกการ์ตูน กลายเป็นราชินี บางครั้งก็กลายเป็นพระเจ้า เป็นเรื่องที่จินตนาการได้บรรเจิดเกินบรรยายมาก จนบางทีอาจจะไม่รสชาติที่หลาย ๆ คนชื่นชอบนัก
การตีความสิ่งที่เรื่องจินรุยต้องการจะสื่อออกมาในแต่ละตอนถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ มันทำให้เราต้องกลับมาคิดถึงว่ามุกในเรื่องต้องการจะสื่อหรือจิกกัดเรื่องไหน ? ต้องตีความกี่ขั้น ? กี่แนว ? ซึ่งมุกในเรื่องนี้ไม่ใช่มุกเฉพาะทางแนวพาโรดี้ที่ต้องมีความรู้ของอนิเมเรื่องอื่นอย่างเช่นเรื่องเนียรุโกะหรือ Lucky Star ชอบเล่น หากแต่เป็นมุกจิกกัดและแดกดันเรื่องในสังคมที่จินรุยพยายามจะสะท้อนออกมาในโลกที่มนุษยชาติกำลังเสื่อมถอย ซึ่งการตีความเหล่านี้ทำให้เรื่องนี้ค่อนข้างพิเศษ
ผมลองเที่ยวไปอ่านความเห็นตามบล็อคต่าง ๆ ก็ต้องแปลกใจว่าแต่ละคนนั้นมีวิธีการตีความแต่ละตอนของเรื่องนี้ค่อนข้างต่างกันเหมือนกัน บางคนมองแค่มุกตลกผิวเผินที่สื่อมาอย่างโต้ง ๆ บางคนเจาะลึกไปถึงการตีความหมายเชิงสัญลักษณ์และมุกตลกจิกกัดต่าง ๆ ที่เรื่องนี้พยายามจะเสนอ (บางคนวิเคราะห์ซะซับซ้อนโยงไปถึงเรื่องการสลับขั้วระหว่างสังคมเมืองกับสังคมชนบทจนบางทีผมอดคิดไม่ได้ว่าคนเขียนมันนึกไปถึงขนาดนี้เลยเหรอ ?) แต่ไม่ว่าอย่างไร การที่เราต้องกลับมาคิดกับเรื่องนี้โดดเด่นไปจากเรื่องอื่น ๆ ในซีซั่นนี้หลายช่วงตัวเลย
นอกจากนี้คาแร็คเตอร์ของนางเอกก็โดดเด่น ลำดับการดำเนินเรื่องค่อนข้างชัดเจน ดูง่าย ภาพทำออกมาในโทนภาพนิทาน แต่ก็ทำได้สวยงาม ไม่มีเผาเลย สรุปแล้วโปรดักชั่นการทำค่อนข้างดี
ถ้าสนใจก็ลองดูสักสองตอนแรกก่อนก็ได้ เรื่องนี้มันไม่ได้เรียงตามลำดับเวลาก่อนหลัง เพราะฉะนั้นแรก ๆ อาจจะงงหน่อย ถ้าไม่ชอบสองตอนแรกก็อย่าดูต่อเลย เพราะมันออกมาแนวนี้ทั้งนั้นล่ะ
10. Kono Naka ni Hitori, Imouto ga Iru!
เป็นการ์ตูนที่ผมจำชื่อจริง ๆ ไม่ได้สักที แต่ปรกติมักเรียกชื่อเล่น ๆ ว่า "หนึ่งในนี้ค้ำคอร์แน่นอน"
คือจะว่ายังไงดีล่ะ ผมยังแปลกใจมากเลยว่าทำไมผมยังทนดูเรื่องนี้จนจบครบทุกตอนได้ล่ะเนี่ย ทั้งที่ไม่ชอบตัวเนื้อหา หรือไอเดีย หรือสาว ๆ ในเรื่องเลย (แอบอวยรุ่นพี่แว่นโลลินิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้อะไรมากมาย) แถมเซนเซอร์เยอะอีกต่างหาก แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรผมกลับคิดว่าช่วงหลัง ๆ มันเริ่มสนุกขึ้นหว่า สงสัยคงเริ่มด้านชาจากอนิเมแนวนี้จนสามารถทนทานกับมุกซ้ำ ๆ ได้มากขึ้นล่ะมั้ง แต่พูดตามตรงเลยว่า ตอนช่วงแรก ๆ ผมรู้สึกหลอนกับเรื่องนี้มากเลยอ่ะ ช่วงแรกทำน้องสาวออกมาได้ราวกับสตอร์กเกอร์ตามตื้อดาราเสียอย่างนั้น
ตอนจบจะเรียกว่าทั้งเข้าวินหรือ life goes on ไม่มีใครได้ชัยก็ได้ล่ะมั้ง คือตอนหลังก็เฉลยว่าใครเป็นน้องสาวที่แท้จริงหลังจากหักมุมไปมาเสียตั้งนาน แต่ตอนท้ายพระเอกก็ยังไม่ลงเอยกับสาวไหนอยู่ดี สรุปคือก็คงจบลงตัวสมกับที่ปูเนื้อหามาเสมอต้นเสมอปลาย แต่ก็ถือว่าเป็นอนิเมแนวฮาเร็มธรรมดาที่ไม่ได้หวือหวาอะไร เล่นกับประเด็นว่าพระเอกจะเหยียบบอมเผลอเลือกน้องสาวมาเป็นเมียหรือเปล่า
ปล. ประธานไม่มีบทเลยแฮะ อุตส่าห์ได้เป็นหนึ่งในสาว ๆ ยืนโชว์หราใน op แท้ ๆ แต่บทไม่มีเลย มิสเตอร์เอ็กซ์ยังมีบทมากกว่าเลย (คนนี้ผมก็ชอบนะ จับเข้าฮาเร็มซะเลยสิ !) สงสัยบทของประธานในไลท์โนเวลคงยังไม่ถึงล่ะมั้ง
รุ่นพี่ที่ผมอวยเล่น ๆ
11. Tari Tari
ทาริทาริแม้จะไม่ใช่อะไรที่หวือหวาหรือแหวกแนวกว่าเรื่องอื่นที่เคยทำมา แต่สำหรับผมแล้วเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีเลยล่ะ ถือว่าเป็นหนึ่งในสามเรื่องสุดท้ายที่ผมชอบมากที่สุดประจำซีซั่นนี้
ทาริทารินั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งความวัยเยาว์ ภายใน 12 ตอนนั้นมีอารมณ์ครบถ้วน ทั้งความฝัน ความหวัง มิตรภาพ ความล้มเหลว ความขมขื่น ความสูญเสีย ความเหงา ต่างผสมผสานอย่างกลมกล่อมไปพร้อมกับเสียงเพลงที่ขับขานอย่างไม่มีรู้ลืม
ตัวละครหญิงสามหน่อของเรื่องค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พอจับมารวมกันทำให้เรื่องน่าสนใจ แต่ละคนก็มีปมของตน โดยเฉพาะวาคานะที่ถือเป็นกุญแจหลักของเรื่อง ในตอนแรกผมนึกว่าโคนัตสึ (สาวผมน้ำตาล) จะเป็นตัวหลักเพราะติดอิมเมจมาจากโอฮานะ แต่ที่ไหนได้ พอดูจบก็ต้องพบว่าแทบทั้งเรื่องถูกโยงเข้ากับปมของวาคานะ (สาวผมหางม้า) แทบจะทุกอย่าง จนถือได้ว่าเธอเป็นตัวเอกของเรื่องที่แท้จริง โดยเฉพาะตอนที่เธอหายอีโมแล้วเสน่ห์ของเธอทะยานทะลุเกจแซงน่าซาวะสุดยอดไปได้อย่างเฉียดฉิวเลย
กระนั้นใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่มีข้อเสีย ผมรู้สึกเสียดายมากที่ตัวละครชายสองหน่อในเรื่องไม่ค่อยได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร แทบทั้งเรื่องจะโฟกัสไปที่ตัวละครหญิงเป็นส่วนมาก ส่วนไทจิ วีน อาจจะได้บทบ้าง แต่สุดท้ายตัวละครที่ชูโรงจริง ๆ คือสามสาวหลักมากกว่า
นอกจากนี้บทของเรื่องก็ค่อนข้างขึ้นลง บางทีบทก็น่าสนใจ บางทีก็เลี่ยนซะชวนคันหลัง บางทีก็ดูยัดเยียด โดยเฉพาะเหล่าสาว ๆ เวลาอีโมทีไรน่าถีบใช่เล่น (โดยเฉพาะบทช่วงซาวะ แต่ยังดีที่ไม่ค่อยนานนัก) แต่กระนั้นความรู้สึกตอนที่ดูจบผมก็รู้สึกเต็มอิ่ม ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะที่จะบอกว่าเรื่องนี้เป็นอนิเมดี ๆ อีกเรื่องของซีซั่นนี้ ยิ่งเนื้อเพลงในตอนท้ายที่ทุกคนต่างผสานใจร้องออกมาสะท้อนถึงเนื้อหาของทั้งเรื่องได้อย่างงดงาม
สุดท้ายแล้วเรื่องนี้อาจจะไม่อาจโดดเด่นท่ามกลางหลายเรื่องที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว แต่อย่างน้อยผมก็คิดว่าเรื่องนี้ดูแล้วสนุก และทำได้ดีกว่าโอฮานะเยอะเลย
ตบท้ายด้วย The best of Tari Tari หน่อย
ในที่สุดก็หมดทุกเรื่องที่ผมดูในซีซั่นนี้แล้วล่ะครับ ต้องขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมบ่นกับผมในกระทู้นี้ด้วย และต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถจบกระทู้ได้ภายในวันเดียว ความจริงผมอยากบ่นเรื่องมานามิจากเรื่องน้องสาวไม่น่ารักเล่ม 11 แต่ก็ขี้เกียจแล้วล่ะนะ ผมอวยซะอย่าง คำด่าคำว่าต่อย่าแว่นหนูจืดของพวกนิยมค้ำคอร์ไม่อาจสั่นคลอนความอวยของผมได้หรอก เป็นบอสใหญ่แล้วทำไม แจ่มออก สามารถสยบทุกคนได้อย่างนั้นไม่ธรรมดาเลยนะ
ช่วงนี้แฟนอวยหนูจืดจะหัวรุนแรงเป็นพิเศษ ระวังกันด้วยนะ
ส่วนซีซั่นหน้าที่ผมสนใจก็เรื่อง Psycho Pass ที่เขียนบทโดยอสูรกายเก็น (แต่ไม่ถูกใจคาแร็คเตอร์ดีไซน์จากคนวาดรีบอร์นเลย), Robotics;Notes สานต่อความยิ่งใหญ่จากประตูหิน, Girl Panzer ผมชอบรถถังกับสาว ๆ อ่ะ, Bousou Shiki ชอบสาว ๆ ในชุดหุ่นยนต์, และอีกหนูผ้าคาดตาจอมเพ้อ ที่เหมือนกับผสมด้านภาพของแค้นอนาจ และภาพนุ่มนิ่มแบบเคอง มุกเว่อร์ ๆ แบบนิชิโจว และความเพ้อแบบเรื่องสาวพลิกฝัน วันฟ้าใส
ผมขอจบเพียงแค่นี้ล่ะครับ ใครอยากคอมเม้นท์อะไรเชิญได้ตามสบาย ไม่ว่าจะชอบเหมือนผม หรือไม่ชอบ มีความเห็นต่าง กระทู้นี้เปิดรับอย่างเสรี เพราะทุกคนมีรสนิยมในการดูไม่เหมือนกันอยู่แล้ว (ขอแค่อย่าด่ากราด เช่น คนดูเรื่องนี้มีแต่คนกาก ๆ ก็พอแล้วล่ะ)
แล้วพบกันวันใหม่นะครับ (ถ้าผมไม่ขี้เกียจเสียก่อน)
ปิดท้ายด้วยน้ำเต้าหู้เจ้าปัญหาที่ผมทำเมื่อวาน
ความคิดเห็น