คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : (รก) ระลึกความหลัง 11 อนิเมที่เคยฉายช่อง AXN ในใจผม
สวัสดีครับ...
ระหว่างที่กำลังถ่างตารอมวยชิงเหรียญทอง ผมก็นึกครึ้มอย่างไรก็ไม่ทราบ รู้สึกคิดถึงช่วงเวลาเก่า ๆ ที่เคยนั่งดูอนิเมช่อง AXN เมื่อหลายปีก่อนซะงั้น (ซึ่งตอนเขียนจบมวยก็แพ้ไปแล้ว สาดดดด)
ถ้าใครเคยติด UBC อาจจะจำได้ว่ามีช่วงแรกที่ AXN เปิดตัวนั้นเป็นช่องที่ค่อนข้างจับฉ่ายมาก มีทั้งกีฬา x-tream ทั้งซีรีย์ และที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผมก็คงจะหนีไม่พ้นอนิเมชั่นจากทางญี่ปุ่นที่มักฉายช่วงตอนเย็น แล้วจะมารีรันใหม่ช่วงเช้ากับช่วงสาย ช่วงปิดเทอมตอนไม่มีอะไรทำ ก็ได้อนิเมจากช่อง AXN นี่ล่ะคอยเป็นเพื่อนช่วยคลายเหงา ทั้งที่ดูซ้ำซากตั้งหลายรอบ แต่ก็ยังเปิดดูมันอยู่ได้ จนตอนหลัง AXN เลิกฉายอนิเมแล้วไปสร้างช่อง Animax แทน ทำให้ผมเลิกดูช่อง AXN ไปในที่สุด
กระนั้นช่อง AXN ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจุดหนึ่งที่ทำให้ผมชอบการ์ตูนญี่ปุ่นมาจนถึงทุกวันนี้เลยก็ว่าได้ อนิเมที่ฉายนั้นส่วนใหญ่เป็นอนิเมสำหรับเด็กวัยโต มีเนื้อหาเข้มข้น ผจญภัย มีผสมระหว่างอนิเมเก่า อนิเมใหม่บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ที่คัดมาแต่ละเรื่องค่อนข้างมีคุณภาพทั้งนั้น เป็นการเปิดโลกใหม่สำหรับผมในยุคนั้นเลยว่าอนิเมเองก็ไม่ใช่สำหรับเด็กดูอย่างเดียว (ซึ่งสมัยนั้นผมก็ยังเด็กอยู่ดีนั่นแล ฮา)
เอาเป็นว่า อยากเชิญชวนผู้ที่มีความหลังกับอนิเมที่เคยฉายทางช่อง AXN หรือผู้ที่สนใจมาร่วมแบ่งปันความเห็นกันได้นะครับ
1. Dual Parallel Trouble Adventure
ความจริงแล้วเรื่องนี้มันคือภาคคู่ขนานของซีรีย์ชื่อดัง เทนชิ มูโย ที่ผมเองก็ไม่เคยดูซีรีย์หลักหรอก และตอนนั้นก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นเป็นซีรีย์คู่ขนานของเรื่องอื่นด้วย ทราบแต่เพียงว่าเพลง op ของเรื่องนี้กวนประสาทมาก ฟังที่ไรรู้สึกคันเนื้อคันตัวทุกที
สิ่งที่น่าจดจำของเรื่องนี้ในสมัยเด็กคือ... เรื่องนี้มันลอกเลียนเรื่องอีวาเกเลี่ยนมาหรือเปล่าเนี่ย ? ทั้งชุดนักบินที่แสนจะแนบเนื้อโชว์ Animal ส่วนเอย ทั้งหุ่นยนตร์ในเรื่องที่ขี้ก้างเอย (และน่าเกลียด) ก็ดี ดูแล้วชวนให้นึกถึงอีวาตลอดเลย เพียงแต่เนื้อเรื่องนั้นออกจะสบายกว่ามาก ซึ่งตอนนี้ผมจำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้แล้วล่ะว่าเป็นอย่างไร จำได้ว่าหุ่นยนตร์ในเรื่องจะบังคับได้เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น แต่พระเอกของเราดันจับพลัดจับผลูไปบังคับหุ่นได้ซะงั้น (พล้อตคุ้น ๆ มะ)
เนื่องด้วยเพราะวัยยังเด็กไปหน่อย หรือเพราะไม่ปลื้มเพลง OP นัก หรืออาจเป็นเพราะผมไม่เคยดูตอนแรกทันเสียที ทำให้ผมไม่ค่อยประทับใจอะไรกับเรื่องนี้มาก แต่ก็ดูจนจบเลย โดยเฉพาะตอนจบที่จำได้แม่นว่าคนที่สร้างจักรวาลใหม่นั้นจริง ๆ แล้วคือ....
2. Edens Bowy
เรื่องนี้มีฉบับมังหงะตีพิมพ์ในไทยลิขสิทธิ์โดยสยามที่มีชื่อไทยว่า เทพพิฆาตเอเดนบอย (ซึ่งผมคาดว่าคนแปลคงเบลอ อ่านคำว่า Bowy เป็น Boy) ซึ่งเล่มจบก็เพิ่งออมาไม่นานนี้เอง
เรื่องนี้ผมมีโอกาสได้ดุแค่ไม่กี่หนเท่านั้น ซึ่งรู้สึกเสียดายเหมือนกันเพราะว่าบางทีก็ดูข้ามไปบางช่วงเพราะกลับมาบ้านไม่ทัน แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ค่อนข้างน่าสนใจ ทั้งประเด็นตัวตนของพระเอก (ยอร์น) ที่เป็นนักล่าพระเจ้า เอลิเซ่ เด้กสาวปริศนาที่โผล่มาช่วยยอร์นในตอนแรก (น่ารักมากกกก) เรื่องราวโศกนาฏกรรมของตัวร้ายสามใบเถาช่วงแรก เกาะเอเดนที่ลอยไปมาสองเกาะที่ก่อสงครามเย็นใส่กัน ฝั่งหนึ่งเป็นฝ่ายที่เน้นเวทมนตร์ ส่วนอีกฝ่ายเน้นเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นส่วนที่ผมชอบมากที่สุดในเรื่องแล้วล่ะ (หัวหน้าเกาะฝั่งวิทย์เป็นสาวหุแมวซะด้วย)
เรื่องราวเป็นอย่างไรผมก็ค่อนข้างจะลืมไปหมดแล้วล่ะ จำได้ว่าค่อนข้างผิดหวังที่บทของฝั่งวิทย์ไม่ค่อยมีเลย (เชียร์เกาะฝั่งวิทย์อ่ะ) แต่พอลองไปอ่านในแบบมังหงะคร่าว ๆ แล้วพบว่าแบบอนิเมเปลี่ยนเรื่องไปเยอะเหมือนกัน โดยทำให้เนื้อเรื่องเบาลง ลดฉากนู้ดและความโหดไปบ้าง (ความจริงเกาะเอเดนฝั่งวิทย์โหดมาก หุ่นยนตร์หน้าโคตรสยอง แต่ในภาคอนิเมทำให้กลายเป็นหุ่นยนตร์เทราดอนซะงั้น) และดุเหมือนจะลดประเด้นซิสคอนบราคอนของตัวร้ายที่โผล่มาตอนแรกไปมากเหมือนกัน
สรุปคืออยากหาแบบมังหงะมาอ่านแฮะ แต่ด้วยที่มันเป้นการ์ตูนที่ค่อนข้างเก่า อาจจะหาเก้บเล่มแรก ๆ ยากเสียหน่อย ความจริงแล้วผมอยากหาเก็บการ์ตูนของคนแต่งคนนี้มากเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Orfina (ที่ผมเก็บภาคสองครบ แต่ดันไม่มีภาคหนึ่ง) หรือเรื่อง Upotte ที่หวังว่าจะตีพิมพืในไทยในเร็ววัน
ปล. อีกอย่างที่ผมชอบคือเพลง OP ของเรื่องนี้ด้วยล่ะนะ ฟังแล้วติดหูเป็นบ้าเลย
3. Sakura Wars
เป็นหนึ่งในเรื่องแรก ๆ เลยมั้งที่ดึงผมเข้าสู่วิถีแห่งความโมเอะ ความจริงสมัยนั้นผมไม่รู้หรอกว่าคำว่า โมเอะ มันแปลว่าอะไร (ตอนนี้ะองก็ยังอธิบายไม่ถูกเลย) แต่พอได้สัมผัสกับเสน่ห์ของสาว ๆ แห่งหน่วยบุพผา กองกำลังพิทักษ์นครหลวงของจักรวรรดิแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง...
สาว ๆ ในเรื่องนี้น่ารักทุกคนเลยอ่า...
เพื่อน ๆ ในห้องไม่มีใครดูเรื่องนี้สักคน ผมเองก็ไม่กล้าบอกว่าดูเรื่องนี้เพราะมันมีแต่ตัวละครหญิงให้เพียบ แถมดูแล้วก็ไม่ใช่แนวที่เด็ก ๆ สมัยนั้นจะดูสักเท่าไหร่ (ตอนนั้นอ่านเรื่องเลิฟฮินะยังคิดว่าเป็นการ์ตูนโป๊เลย ฮา) แต่ผมก็ยังดูอยู่นั่นล่ะ ดูอยู่คนเดียวทั้งที่ไม่มีเพื่อนคุย ดูความน่ารักแบบกุลสตรีญี่ปุ่นของซากุระ หมั่นไส้ความสวยหยิ่งเชิดแบบคุณหนูของสุมิเระที่มักจะมีหลุดบ้างเป็นบางครั้ง ปลื้มความสวยเงียบแบบหนาวเหน็บของแดนรัสเซียของมาเรีย เฮฮาไปกับสาวห้าวจอมบู้จากโอกินาว่า คันนะ เอ็นดูความโลลิสไตล์ฝรั่งเศสของไอริส ลั่นล้าไปกับความสติเฟื้องของสาวแว่นจากจีนแผ่นดินใหญ่ของโครัน
แน่นอนว่าไม่ใช่สาว ๆ อย่างเดียวที่ทำให้ผมค่อนข้างจะชอบเรื่องนี้มาก บรรยากาศของเรื่องเองก็ทำได้ค่อนข้างดี ได้อารมณ์ยุคไทโชผสมผสานกับยุคเครื่องจักรไอน้ำ ความเจริญก้าวหน้าที่ราวกับเป็นแสงสว่างแห่งความศิวิไลซ์และความมืดของความชั่วช้าในอดีตที่แฝงตัวมาเป็นเงาตรงข้าม
นอกจากนี้เรื่องนี้ยังเล่นขุดแนวเรื่องที่แสนจะโบราณ เช่นฉากหน้าของหน่วยบุพผาเป็นโรงละครอันดับหนึ่งของจักรวรรดิ แต่เบื้องหลังเป็นหน่วยพิทักษ์นครหลวง คอยขับหุ่นกลไอน้ำพลังวิญญาณขับไล่ปีศาจที่คอยรุกรานเมืองหลวง พล็อตก็ธรรมดา พระเอกเป็นนายทหารเรือมาเป็นหัวหน้าทีมของหน่วยบุพผาที่มีแต่ผู้หญิงหลากหลายรูปแบบ คอยปักธงไล่เคลียร์ปมของตัวละครหญิงไปทีละคน สร้างความยอมรับจากลูกทีมที่ต่อต้านในตอนแรก (พูดง่าย ๆ คือลากเข้าฮาเร็ม ฮา) เนื้อเรื่องก็ไปเรื่อย ๆ อวยตัวละครไปพลาง ดำเนินเรื่องไปพลาง ก็ไม่มีอะไร ตัวร้ายพยายามจะปลุกวิญญาณปีศาจโบราณขึ้นมาเพื่อจะทำลายเมืองหลวง ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเหล่าพระเอกที่จะต้องหยุดยั้งตัวร้ายให้ได้ พล็อตสุดยอดแห่งความตรงตัว
แต่ดูแล้วก็สนุกดี ดูซ้ำตั้งหลายรอบ เพลง op ก็เพราะ เด็ก ๆ ต้องแอบดูเพราะอายที่ชอบดูสาว ๆ ออกมาเต้น
สรุปคือผมค่อนข้างชอบเรื่องนี้มาก และมันค่อนข้างมีอิทธิพลต่อรสนิยมในการดูอนิเม (และแต่งนิยาย) ด้วย
ปล. เรื่องนี้สร้างจากเกมของเซก้านะ ถ้าภาคเกมจะมีไปปารีส กับนิวยอร์คด้วย
ปล. 2 ดูเหมือนคนออกแบบจะรีไซเคิลเอาชุดรบของภาคฝรั่งเศสไปใส่ในเรื่อง โอ้ มายกอดเดสด้วยแฮะ
ปล. 3 Mad House เป็นคนสร้าง มิน่าคุณภาพงานดีมาก
4. Curious Play
ความจริงเรื่องนี้มีมังหงะแบบลิขสิทธิ์ในไทยแล้ว แต่จำไม่ได้จริง ๆ ว่าชื่อไทยชื่ออะไร
เรื่องก็มีอยู่ว่า สาวน้อยสองคนหลุดเข้าไปในโลกหนังสือโบราณ ในโลกจีนยุคโบราณ และกลายเป็นร่างทรงของสัตว์เทพ ซึ่งนางเอกเป็นร่างทรงของวิหกเพลิงฮิโนโทริ เอ้ยซุซากุ ส่วนเพื่อนรักอีกคนกลายมาเป็นร่างทรงของเซริว ซึ่งทั้งสองเป็นเทพของอาณาจักรสองอาณาจักรที่กำลังตีกันอยู่พอดิบพอดี เรื่องนี้เป็นการ์ตูนผู้หญิงที่รายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อหลากหลายสไตล์ ตรงกันข้ามกับแนวที่ปัจจุบันนี้ดูโดยสิ้นเชิง ทั้งพระเอกที่ดูออกเถื่อน ๆ แต่เร้าใจ พระรองที่เป็นฮ้องเต้ พระนักบวชที่ดูขี้เล่น ยิ้มตลอด แต่แฝงความเศร้าเอาไว้เบื้องหลัง และคนอื่น ๆ ที่ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว (ตอนนั้นผมเชียร์ฮ้องเต้นะ แมร่ม พระรองนี่มีชะตากรรมต้องช้ำรักอีหรอบเดียวกับตัวละครหญิงหัวแดงเลย)
แต่ก็ต้องยอมรับละว่าสมัยก่อนชอบเรื่องนี้มากเลยล่ะ เนื้อเรื่องเองก็แฝงเรื่องเพศไว้พอสมควร เช่นคนทรงของสัตว์เทพต้องเป็นสาวบริสุทธิ์บ้าง นางเอกจะโดนลากไปปล้ำก็บ่อย (ตามสไตล์การ์ตูนตาหวาน) เพื่อนนางเอกที่อยู่ฝ่ายตัวร้ายก็นึกว่าตัวเองโดนข่มขืนไปแล้วเลยเกลียดนางเอก (แต่จริง ๆ ตัวร้ายช่วยไว้ก่อน) และอื่น ๆ อีกมากมาย เพราะอย่างนี้ล่ะมั้งถึงได้ชอบ (ฮา)
ปล. สปอยล์ เรื่องนี้พระเอก - นางเอกเข้าวินนะจ๊ะ
5. Vandread
Vandread เริ่มเรื่องจากมุมมองของพระเอกที่เป็นประชากรลำดับล่างสุดของดาวทาราก... ประเทศลัทธิทหารเต็มรูปแบบที่มีแต่ผู้ชาย พระเอกของเราก็ดันจับพลัดจับผลูขึ้นไปบนยานลำใหม่ล่าสุดของกองทัพที่จะเป็นยานแม่ไว้สำหรับต่อต้านศัตรูตัวฉกาจเช่นสัตว์ประหลาดจากดาวเมเจลที่เรียกว่า "ผู้หญิง" ระหว่างที่พระเอกโดนจับได้อยู่นั้น ยานแม่ลำใหม่ก็โดนโจรสลัดจากดาวเมเจลเข้าจู่โจมเพื่อยึดส่วนหลักยานแม่ลำใหม่ของฝ่ายทารากที่เป็นยานอพยพโบราณ และในระหว่างการต่อสู้อยู่นั่นเอง จู่ ๆ ส่วนแกนหลักของยานก็เกิดคลุ้มคลั่ง หลอมเอายานแม่ของโจรสลัดเข้าไป และดูดเอาพระเอกและโจรสลัดอีกสามคนที่หนีไปไม่ทันออกมา แถมเรื่องยังไม่จบอยู่แค่นั้น แกนกลางของยานยังได้วาร์ฟเอาโจรสลัดของเมเจลและลูกเรือที่ตกค้างของฝ่ายทารากไปยังห้วงอวกาศที่ไกลออกไมจากดาวบ้านเกิด
ระหว่างที่หลงทางอยู่ในห้วงอวกาศพวกเขาก็พบกับศัตรูพวกใหม่ที่เข้าจู่โจมพวกพระเอกและโจรสลัด ระหว่างที่จนตรอกอยู่นั้นพระเอกก็ค้นพบว่าเขาสามารถรวมร่างหุ่นยนตร์ของฝ่ายทารากเข้ากับยานของโจรสลัดหญิงกลายเป็นหุ่นยนต์ยักษ์ทรงประสิทธิภาพ และเรื่องราวการผจญภัยระหว่างกลุ่มชายหญิงกับห้วงอวกาศอันเวิ้งว้างก็ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยประการเช่นนี้
เรื่องแวนเดรดเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากสำหรับผมในยุคนั้น อนิเมบ้าพลัง CG ของกอนโซ ถ้าเทียบกับมาตรฐานปัจจุบันอาจจะธรรมดาไปแล้ว แต่ในยุคนั้นถือว่าเป็นอะไรที่ตื่นตามากสำหรับฉาก CG ของเรื่องนี้ ทั้งหุ่นยนตร์ ทั้งยานรบ ทั้งมิสไซล์ที่พุ่งกระจาย ทั้งระเบิด ผมรู้สึกขอบคุณ AXN มากที่เอาเรื่องนี้มาฉาย... ไม่ใช่ภาคเดียว แต่เป็นสองภาค !
นอกจากนี้เนื้อเรื่องก็ยังน่าสนใจมาก ประเด็นหลักที่อยากพูดถึงคือดาวสองดวงถูกปกครองโดยเพศเดียว และแถมยังมองเพศตรงข้ามเป็นศัตรูที่น่าหวาดหวั่น ในตอนแรกเราจะได้เห็นโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายทาราก (ผู้ชาย) ที่วาดภาพผู้หญิงราวกับปีศาจร้ายคอยไล่กินตับผู้ชาย ผู้ชายเป็นเหยื่อเบี้ยล่างให้ผู้หญิงกดขี่ ส่วนในเรื่องไม่ค่อยพูดถึงว่าฝ่ายหญิงวาดภาพฝ่ายชายเป็นอย่างไร แต่เท่าที่เห็นก็เป็นในเชิงรังเกียจ เห็นผู้ชายเป็นตัวเชื้อโรค หรือแม้แต่นางเอกเห็นผู้ชายเป็นเอเลี่ยน (แต่นางเอกดันคลั่งเอเลี่ยนว่ะ) ซึ่งการที่ทั้งสองฝ่ายที่เคยเป็นศัตรูต้องมาทำงานร่วมกันเป็นแนวพล็อตที่ผมค่อนข้างชอบมาก ถึงขนาดแทบจะก็อปเอาไปแต่งนิยายเรื่องแรกเลยทีเดียว (เรื่องนี้ก็ได้แรงบันดาลใจจากนิยายฝรั่งมาอีกทีล่ะนะ) ซึ่งประเด็นเรื่องที่ทำไมดาวสองดาวถึงมีแต่เพศเดียวจะถูกอธิบายในเรื่องในภายหลัง
สรุปคือถ้ามีเวลาก็หาเรื่องนี้มาดูเถอะ มีภาคละ 12 ตอน ถือว่าเป็นอนิเมกอนโซที่ไม่อาร์ตจัดจนตอนหลังดูไม่รู้เรื่องอย่าง last exile (ที่ตอนหลังผมต้องไปหาอ่านสรุปจาก wikia เอา) หรือ Shangri-la หรือ Final Fantasy: Unlimited ที่ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง
ปล. เรื่องนี้ผมอวยสาวแว่นที่เป็นหัวหน้าช่างอ่ะ เสป็กเลย... ใส่แว่นอันโต ผูกเปียสองข้าง เป็นสาวช่างที่ขลุกอยู่กับเครื่องจักรตลอดเวลา ยอดมากเลยจ้อด...
ปล. 2 Op ตอนต้นของเรื่องแอบสปอยนะ
6. Now and Then, Here and There
เรื่องย่อ
ระหว่างที่เด็กหนุ่มนามว่า ชู เดินทางกลับบ้านตามปรกติ เขาได้สังเกตว่าบนปล่องไฟมีเด็กผู้หญิงอยู่ เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงปืนขึ้นไปพยายามที่จะพูดคุยกับเด็กผู้หญิง หลังจากพยายามจะพูดคุยกับเด็กสาวที่ดูไร้อารมณ์ ในที่สุดเขาก็ได้ทราบชื่อจากการอ่านริมฝีปากของหล่อน เธอชื่อ ลาล่า รู และดูเหมือนเธอจะชอบนั่งดูอาทิตย์อัสดงจากปล่องไฟ ระหว่างนั้นเองจู่ ๆ ก็เกิดระเบิดพร้อมกับเวลาก็หยุดลงพร้อมกับการปรากฏตัวของหุ่นยนต์ยักษ์ที่เข้ามาลักพาตัวหล่อน ชูพยายามปกป้อง ลาล่า รู แต่สุดท้ายเขาก็จับพลัดจับผลูติดไปกับหุ่นยนต์ยักษ์นั่น ก่อนจะพบว่าเขาได้หลงเข้ามาอยู่โลกต่างมิติเสียแล้ว
ความเห็น
ดูตอนแรก ๆ อาจคิดว่าเรื่องนี้ออกแนวมิตรภาพและการผจญภัยเด็กชายและเด็กหญิง แต่คุณคิดผิดแล้ว เนื้อหาในเรื่องนี้แรงมาก เล่นตั้งแต่ประเด็นสงคราม ผู้ปกครองทรราช ลักพาตัวเด็กมาเพื่อเป็นทหารเด็ก จับเด็กสาวมาข่มขืนเพื่อผลิตทายาทเป็นทหารต่อ ๆ ไป ผู้ใหญ่กดขี่เด็ก
เซ้ตติ้งของเรื่องอยู่ในโลกอนาคต (เราจะพอเดาออกหลังจากดูไปได้สักพัก) ที่สงครามโลกแทบจะทำให้แผ่นดินเหลือแต่ทะเลทราย น้ำเป็นของหายาก เป็นโลกของผู้แข็งแรงปกครอง ถ้าซวยเหมือนพระเอกก็จะอยู่ใต้การปกครองของราชาที่แสนจะเยกสุด ๆ (ใครไม่อยากถีบหน้าราชาฮัมโดก็ให้มันรู้ไป เป็นประเภทตัวร้ายเกรียนเมพ) แม้แต่ฝ่ายตรงข้ามที่เหมือนดูเป็นคนดีก็ไม่ได้ดีเด่ไปกว่าฝ่ายตัวร้ายสักเท่าไหร่
ถ้าพูดกันตามตรงแล้วเรื่องนี้อยู่คนล่ะขั้วกับเรื่อง So - Ra - No - Wo - To เลยก็ว่าได้ ชีวิตทหารเด็กไม่ได้ราบรื่นเหมือนในหน่วย 1121st แถมโลกที่อยู่ยังโหดร้ายและแร้นแค้นแสนสาหัส ดูแล้วปวดตับสุด ๆ (แต่ตอนพระเอกโชว์เมพมันเท่มากเลยนะ เพลงเงี้ยสุด ๆ )
ปล. ความเห็นนี้รีไซเคิลที่ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ล่ะนะ
7. Gate Keepers
ถ้าให้เทียบแล้วเรื่องนี้มีพล็อตที่คล้ายคลึงกับเรื่อง Sakura Wars เลยทีเดียว ทั้งการที่เป็นองค์กรลับคอยปกป้องการเติบโตอย่างรวดเร็วของญี่ปุ่น ทั้งเต็มไปด้วยสาวน้อยมากหน้าหลายตา ที่ต่างกันคงจะเป็นยุคสมัยเท่านั้น ซึ่งเรื่อง Gate Keepers เดินเรื่องในสมัยยุคหลังสงครามโลก ในช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวและเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งความเจริญนั้นก็หาได้นำมาแต่ความมั่งคั่ง หากแต่ยังมีผู้รุกรานปริศนาที่แฝงอยู่ตามประชากร ซึ่งวันดีคืนดีก็จะกลายเป็นชายในชุดดำสวมแว่นดำที่เป็นผู้รุกราน (Invader) จากต่างมิติ และมีเพียงผู้มีพลังพิเศษที่สามารถเปิดประตูต่างมิติยืมพลังเหนือธรรมชาติเข้าต่อกรกับเหล่าผู้รุกรานปริศนาเหล่านั้นได้
โทนของเรื่องจะออกดูเชย ๆ นิดหน่อยเข้ากับยุคสมัยของเรื่อง ทั้งแฟชั่น ทั้งอุปกรณ์ที่ดีไซน์ดูเชยระเบิด แต่ก็เท่ในเวลาเดียวกัน ดูออกอารมณ์รีโทรแนวการ์ตูนสมัยก่อน แต่เอฟเฟ็คในเรื่องนี่เท่ระเบิด อย่างตอนเปิดประตูมิติแล้วตัวละครต้องพูดว่า Gate Open เนี่ย เท่เป็นบ้าเลย เท่จริง ๆ ตอนเด็ก ๆ ดูแล้วชอบแอบไปจินตนาการเล่นอยู่คนเดียวเป็นประจำ
ตัวละครเองก็ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ก็ทำพอดูแล้วไม่ขัด อย่างพระเอกเป็นผู้ใช้ลม มีนิสัยอารมณ์พระเอกการ์ตูนโชเน็งจ๋า มีอดีตไม่ถูกกับพ่อที่หายสาปสูญ หรือนางเอกรูริเป้ ที่เป็นเพื่อนในสมัยเด็กของพระเอก เป็นผู้ใช้พลังแห่งชีวิต (แต่ดันใช้ยิงธนูเป็นหลัก) ก็ออกแนวสาวสมบูรณ์แบบ แต่แพ้ทางพระเอกที่เคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้ยังมีคุณหนูสาวเปิ่นที่ใช้เสียงเพลงจากเปียโนเป็นอาวุธ (จะไปสู้ก็ต้องลากเปียโนไปด้วย) รุ่นน้องสาวที่แอบชอบพระเอกมีพลังช้างสาร อาหมวยจากจีนใช้พลังเพลิง สาวแว่นมืดมนเจ้าของพลังปิดกั้น สามารถสร้างสนามพลังได้ และสาวหิมะโลลิที่สวมกิโมโนอยู่ตลอด แถมดูท่าจะมีอายุหลายร้อยปี นอกจากนี้ยังมีเพื่อนชายอีกคนที่ดูไม่ออกว่ามีพลังเปิดประตูมิติได้หรือไม่
เรื่องนี้ถึงจะตัวละครหญิงเยอะ แต่ก็ไม่ฮาเร็มนะ มีคนชอบพระเอกแค่สองคนเอง (สาวหิมะถูกใจน้องสาวพระเอกมากกว่า) ส่วนเรื่องในช่วงแรกจะจบเป็นตอนไป เป็นช่วงแนะนำตัวละคร ตอนแรกองค์กรพระเอกมีแค่รูริเป้เป็น Gate Keeper อยู่แค่คนเดียว ก่อนจะมีพระเอกและคนอื่น ๆ มาเพิ่ม หลังจากแนะนำตัวละครและปมครบแล้วก็นำไปสู่เรื่องราวที่ดูจะซับซ้อนมากกว่าการแค่มีผู้รุกรานคอยปั่นป่วนญี่ปุ่น มีผู้ชักใยเบื้องหลัง การปรากฏตัวของ Gate Keepers จากอเมริกา บลา ๆ
เรื่องนี้ดูแล้วเพลินดี ภาพและคาแร็คเตอร์ก็ค่อนข้างร่วมสมัย สีสันในเรื่องสุดใส เน้นบู๊เน้นปมของตัวละครเป็นหลัก (ตอนที่พระเอกสู้กับนายพลของผู้รุกรานที่เข้าไปรวมร่างกับซากเรือรบโคตรเท่เลย) มีทั้งดราม่า ตลกขบขัน และเรื่องความรักเข้ามาแทรกเป็นระยะ ๆ ถือว่าทำได้ค่อนข้างสมดุลเลยทีเดียว (ส่วนใหญ่ออกแนวสดใสมากกว่า) เป็นเรื่องแรก ๆ ที่กอนโซทำเลยละมั้ง
ปล. เรื่องนี้มีภาคสองที่ชื่อ Gate Keepers 21 ที่ผมไม่เคยดู รู้สึกว่าโทนเรื่องจะซีเรียสกว่าภาคแรกมาก
8. Space Warship Yamamoto Yoko (Starship Girl Yamamoto Yohko)
ดูจากคาแร็คเตอร์ดีไซน์แล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าเรื่องนี้จะผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว ! (ปี 1999 ประมาณเรื่องอูเทน่า กับ GTO น่ะ) ถ้าพูดตามตรงแล้วเป็นคาแร็คเตอร์ดีไซน์ที่ตอนนี้ยังทันสมัยอยู่เลย (ดูจากแนวลายเส้นแล้วน่าจะเป็นคนออกแบบเดียวกับเรื่องบาเกะโมโนกาตาริ)
เรื่องราวเกี่ยวกับนางเอก (โยโกะ) และผองเพื่อน จะถูกพาข้ามเวลาไปอนาคตเพื่อไปเป็นนักบินของยานรบอวกาศ TA-29 ของฝ่ายเทอร่า เพื่อที่จะไปสู้ประลองกับอีกฝ่ายในการแข่งขันที่จัดขึ้นแทนการทำสงคราม (มั้ง)
ผมจำไม่ค่อยได้แล้วว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร ที่จำได้ก็โทนเรื่องค่อนข้างมืด เพลงโอเพ่นที่ติดหู ตอนแรกที่นางเอกสูญเสียความทรงจำ ลืมเลือนช่วงเวลาที่เคยเป็นนักบินยานอวกาศ ก่อนที่ตอนแรกจะฟื้นความจำได้ในที่สุด แต่หลังจากนั้นความทรงจำของผมก็ค่อนข้างเลือนลาง ยิ่งลองไปอ่านเรื่องย่อในวิกิยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ ส่วนอื่นที่ผมพอจะจำได้คือนางเอกออกแนวทอมบอย น่ารักเป็นบ้า ส่วนสาวหัวเหน่งที่พยายามทำตัวเป็นคู่แข่งของโยโกะตอนโผล่มามักจะมีแสงสะท้อนนำมาแต่ไกลก่อนเพื่อนเลย
สรุปคือจำไม่ค่อยได้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง แถมตอนดูก็งง แต่ก็ยังดูเพราะนางเอกน่ารัก (ฮา) กับชอบแนวยานอวกาศเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
9. Samurai X
สำหรับเรื่องนี้คงไม่ต้องเกริ่นบรรยายอะไรให้มากนักกับเรื่อง Samurai X หรือชื่อภาษาไทยบ้านเราก็เรื่องซามูไรพเนจรนั่นเอง ลิขสิทธิ์ในไทยโดยสยาม อาจจะแปลผิด ๆ ถูก ๆ บ้าง แต่โดยเนื้อแท้แล้วเป็นการ์ตูนแนวจั้มป์ที่สนุกมากเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว แถมยังเป็น One hit Wonder ของคนแต่งด้วย เพราะหลังจากเรื่องนี้อาจารย์แกแต่งเรื่องอะไรก็เข็นไม่ค่อยขึ้นเท่าเรื่องนี้อีกเลย (ความจริงเหล็กเทวะก็สนุกดีนะ ชอบอาวุธนางเอกน่ะ)
แต่สำหรับใครที่ไม่รู้จัก เรื่องย่อคร่าว ๆ ก็เกี่ยวกับฮิมูระ เคนชิน ซามูไรร่อนเร่ที่พกพาดาบสลับคม ดูเผิน ๆ เขาอาจเป็นชายที่ดูไม่มีพิษมีภัย แต่อดีตเขาเป็นถึงมือสังหารของคณะปฎิวัติเจ้าของฉายาบัตโตไซ ผู้สืบทอดวิชาดาบล่องนรก (ใครเก็ทมุกบ้าง) ที่ปัจจุบันวางมือจากการฆ่าคน เคนชินได้พบพากับผู้คนมากมาย รวมไปถึงคามิยะ คาโอรุ เจ้าของโดโจเก่าแก่ที่จะกลายมาเป็นที่พักพิงของเคนชินในที่สุด
เรื่องนี้ก็การ์ตูนโชเน็งตามสูตรสำเร็จที่ดูแล้วสนุกดีครับ พระเอกออกแนวคมในฝัก นางเอกรักความยุติธรรม บางครั้งสู้ชนะก็จะได้เพื่อนเพิ่ม อย่างซาโนะสุเกะที่อดีตเคยอยู่ในกองกำลังที่ถูกตราหน้าว่าเป็นกองกำลังหลอกลวงบ้าง หรือคนอื่น ๆ ที่เคยเป็นศัตรูแต่สุดท้ายก็กลายมาเป็นพวกเดียวกับเคนชิน วิชาสู้ก็ออกแนวโม้เล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับโม้ขนาดปล่อยพลังยิงลำแสงได้อย่างบางเรื่องที่เป็นโรคตาแดงกันแทบทั้งเรื่อง ที่ผมประทับใจเรื่องนี้มากทึ่สุดคือผมดูเรื่องนี้บ่อยมาก มันฉายรีรันช่วงเช้ากับช่วงสาย และฉายตอนใหม่ตอนเย็น ผมก็ดูมันทุกเวลาตอนช่วงปิดเทอม นับรวมกันได้ผมคงดูไป 4-5 รอบแล้วล่ะมั้ง
ฉากที่ชอบที่สุดก็คงเป็นตอนเคนชินปะทะกับไซโต้เป็นครั้งแรก ทำได้ทั้งดาร์ค และมันส์มาก
แต่ถ้าจะให้แนะนำแล้วไปหาแบบมังหงะมาอ่านดีกว่า แบบอนิเมจะมีช่วงออริจิน่อลที่ทำขึ้นเองด้วย ซึ่งถ้าพูดตามตรงแล้วผมว่ามันไม่สนุกง่ะ
10. Ninku
ผมจำได้เลยว่าสมัยเด็ก ๆ ผมมักจะกลับบ้านมาดูเรื่องนี้ไม่ทัน ดังนั้นผมจึงฝากพี่ที่บ้านให้อัดวีดีโอเรื่อง Ninku กับแม่มดน้อยชาช่า (ถ้าจำไม่ผิดนะ แล้วเอ็งบอกว่าจำได้แม่นได้ไง ฮา)
เรื่องนี้จะดูคล้ายนารุโตะนิดหน่อย (แต่เรื่องนี้มาก่อนนารุโตะ) เป็นเรื่องราวของเด็กหน้าตาประหลาดชื่อ ฟูสึเกะ ที่ดูภายนอกก็เหมือนเป็นเด็กต๊อง ๆ ที่มักหิวข้าวจนเสียงท้องร้องดังโครกครากตลอดเวลา แต่จริง ๆ แล้วเป็นอดีตผู้นำหน่วยชวดแห่งนินคู เจ้าของวิชาพลังสายลม ฟูสึเกะท่องเที่ยวไปกับพวกพ้องอีกสองคนที่เคยเป็นอดีตผู้นำหน่วยของนินคูเช่นเดียวกัน (และเพนกวิ้นอีกตัว) ต่อสู้กับกองทัพจักรวรรดิเพื่อตามหาอะไรสักอย่างที่ผมเองก็ลืมไปแล้ว
พล็อตแนวการ์ตูนโชเน็งทั่วไป พระเอกคมในฝัก ดูเผิน ๆ เหมือนจะไม่เก่งกาจอะไรนัก แต่แท้จริงแล้วเก่งเมพ รักความยุติธรรม ใช้พลักเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์ ส่วนฝั่งตัวร้ายก็ทำหน้าที่เป็นตัวร้ายที่ดี คอยข่มเหงรังแกประชาชนตาดำ ๆ สมัยเด็ก ๆ ดูแล้วก็รู้สึกสนุกดี ตอนนี้ไม่รู้แล้วเหมือนกัน รู้แต่ว่าหลายคนไม่ยอมดูเรื่องนี้เพราะหน้าตาของพระเอกนี่ล่ะ (หน้าประหลาดยิ่งกว่าเจ้าหมูเทพจาก Accel World ซะอีก)
11. You're Under Arrest
เป็นอีกเรื่องที่ฉายอย่างยาวนานเป็นอย่างมาก (น่าเสียดายที่ไม่ได้ฉายภาค Full Throttle)
เรื่องนี้ก็จะเกี่ยวกับการทำงานของคู่หูตำรวจหญิงนัตสึมิ - มิยูกิ ที่ต้องคอยรักษาความสงบสุขและความเรียบร้อยตามท้องถนนของเมือง เนื้อเรื่องไปเรื่อย ๆ โดยแต่ละตอนจะคอยสำรวจตัวละครประจำสถานีแต่ละคน อย่างตัวคู่สองสาวตัวเอกก็เป็นตัวละครที่เรียกได้ว่าต่างกันเป็นอย่างมาก นัตสึมิออกจะเป็นสาวแนวลุย (ขี่มอเตอร์ไซที่เก็บไว้หลังรถสายตรวจไล่บู้) มิยูกิก็เป็นสาวเรียบร้อย ฉลาดหลักแหลม และบ้ารถ (สนองนีตคนแต่ง) ทั้งตำรวจขี่มอเตอร์ไซที่แอบหลงรักมิยูกิ (สาวเรียบร้อย) สาวแว่นที่ประจำสถานี สาวดุ้น เป็นต้น
สำหรับเรื่องนี้แล้วนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะเขียนอะไรดี ส่วนใหญ่มักจะจบในตอน หรือไม่ก็อาจจะมีเรื่องความรักของแต่ละคู่มาแจมเป็นระยะ ๆ เรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบของตำรวจ (ไม่เห็นมีเรียกส่วยเลย ฮา) และก็เรื่องของรถต่าง ๆ ที่คนเขียนชอบเหลือเกิน
จบแค่นี้แล้วกัน (เหนื่อยแล้ว ว่างั้นเหอะ)
ความคิดเห็น