ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมบทความเกี่ยวกับการ์ตูนที่เคยเขียน

    ลำดับตอนที่ #27 : (รก) ระลึกความหลัง 11 อนิเมที่เคยฉายช่อง AXN ในใจผม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 559
      0
      13 ส.ค. 55

    สวัสดีครับ...

    ระหว่างที่กำลังถ่างตารอมวยชิงเหรียญทอง  ผมก็นึกครึ้มอย่างไรก็ไม่ทราบ  รู้สึกคิดถึงช่วงเวลาเก่า ๆ ที่เคยนั่งดูอนิเมช่อง AXN เมื่อหลายปีก่อนซะงั้น (ซึ่งตอนเขียนจบมวยก็แพ้ไปแล้ว  สาดดดด)

    ถ้าใครเคยติด UBC อาจจะจำได้ว่ามีช่วงแรกที่ AXN เปิดตัวนั้นเป็นช่องที่ค่อนข้างจับฉ่ายมาก  มีทั้งกีฬา x-tream ทั้งซีรีย์  และที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผมก็คงจะหนีไม่พ้นอนิเมชั่นจากทางญี่ปุ่นที่มักฉายช่วงตอนเย็น  แล้วจะมารีรันใหม่ช่วงเช้ากับช่วงสาย  ช่วงปิดเทอมตอนไม่มีอะไรทำ  ก็ได้อนิเมจากช่อง AXN นี่ล่ะคอยเป็นเพื่อนช่วยคลายเหงา  ทั้งที่ดูซ้ำซากตั้งหลายรอบ  แต่ก็ยังเปิดดูมันอยู่ได้  จนตอนหลัง AXN เลิกฉายอนิเมแล้วไปสร้างช่อง Animax แทน  ทำให้ผมเลิกดูช่อง AXN ไปในที่สุด

    กระนั้นช่อง AXN ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจุดหนึ่งที่ทำให้ผมชอบการ์ตูนญี่ปุ่นมาจนถึงทุกวันนี้เลยก็ว่าได้  อนิเมที่ฉายนั้นส่วนใหญ่เป็นอนิเมสำหรับเด็กวัยโต  มีเนื้อหาเข้มข้น  ผจญภัย  มีผสมระหว่างอนิเมเก่า อนิเมใหม่บ้าง  ซึ่งส่วนใหญ่ที่คัดมาแต่ละเรื่องค่อนข้างมีคุณภาพทั้งนั้น  เป็นการเปิดโลกใหม่สำหรับผมในยุคนั้นเลยว่าอนิเมเองก็ไม่ใช่สำหรับเด็กดูอย่างเดียว (ซึ่งสมัยนั้นผมก็ยังเด็กอยู่ดีนั่นแล ฮา)  

    เอาเป็นว่า  อยากเชิญชวนผู้ที่มีความหลังกับอนิเมที่เคยฉายทางช่อง AXN หรือผู้ที่สนใจมาร่วมแบ่งปันความเห็นกันได้นะครับ

     



     

    1. Dual Parallel Trouble Adventure


     

     




    ความจริงแล้วเรื่องนี้มันคือภาคคู่ขนานของซีรีย์ชื่อดัง เทนชิ มูโย ที่ผมเองก็ไม่เคยดูซีรีย์หลักหรอก  และตอนนั้นก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นเป็นซีรีย์คู่ขนานของเรื่องอื่นด้วย  ทราบแต่เพียงว่าเพลง op ของเรื่องนี้กวนประสาทมาก  ฟังที่ไรรู้สึกคันเนื้อคันตัวทุกที

    สิ่งที่น่าจดจำของเรื่องนี้ในสมัยเด็กคือ... เรื่องนี้มันลอกเลียนเรื่องอีวาเกเลี่ยนมาหรือเปล่าเนี่ย ?  ทั้งชุดนักบินที่แสนจะแนบเนื้อโชว์ Animal ส่วนเอย  ทั้งหุ่นยนตร์ในเรื่องที่ขี้ก้างเอย (และน่าเกลียด) ก็ดี  ดูแล้วชวนให้นึกถึงอีวาตลอดเลย  เพียงแต่เนื้อเรื่องนั้นออกจะสบายกว่ามาก  ซึ่งตอนนี้ผมจำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้แล้วล่ะว่าเป็นอย่างไร  จำได้ว่าหุ่นยนตร์ในเรื่องจะบังคับได้เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น  แต่พระเอกของเราดันจับพลัดจับผลูไปบังคับหุ่นได้ซะงั้น (พล้อตคุ้น ๆ มะ)

    เนื่องด้วยเพราะวัยยังเด็กไปหน่อย หรือเพราะไม่ปลื้มเพลง OP นัก  หรืออาจเป็นเพราะผมไม่เคยดูตอนแรกทันเสียที  ทำให้ผมไม่ค่อยประทับใจอะไรกับเรื่องนี้มาก   แต่ก็ดูจนจบเลย  โดยเฉพาะตอนจบที่จำได้แม่นว่าคนที่สร้างจักรวาลใหม่นั้นจริง ๆ แล้วคือ....



    2. Edens Bowy





    เรื่องนี้มีฉบับมังหงะตีพิมพ์ในไทยลิขสิทธิ์โดยสยามที่มีชื่อไทยว่า เทพพิฆาตเอเดนบอย (ซึ่งผมคาดว่าคนแปลคงเบลอ  อ่านคำว่า Bowy เป็น Boy)  ซึ่งเล่มจบก็เพิ่งออมาไม่นานนี้เอง

    เรื่องนี้ผมมีโอกาสได้ดุแค่ไม่กี่หนเท่านั้น  ซึ่งรู้สึกเสียดายเหมือนกันเพราะว่าบางทีก็ดูข้ามไปบางช่วงเพราะกลับมาบ้านไม่ทัน  แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ค่อนข้างน่าสนใจ  ทั้งประเด็นตัวตนของพระเอก (ยอร์น)  ที่เป็นนักล่าพระเจ้า  เอลิเซ่  เด้กสาวปริศนาที่โผล่มาช่วยยอร์นในตอนแรก (น่ารักมากกกก)  เรื่องราวโศกนาฏกรรมของตัวร้ายสามใบเถาช่วงแรก  เกาะเอเดนที่ลอยไปมาสองเกาะที่ก่อสงครามเย็นใส่กัน  ฝั่งหนึ่งเป็นฝ่ายที่เน้นเวทมนตร์  ส่วนอีกฝ่ายเน้นเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์  ซึ่งเป็นส่วนที่ผมชอบมากที่สุดในเรื่องแล้วล่ะ (หัวหน้าเกาะฝั่งวิทย์เป็นสาวหุแมวซะด้วย)

    เรื่องราวเป็นอย่างไรผมก็ค่อนข้างจะลืมไปหมดแล้วล่ะ  จำได้ว่าค่อนข้างผิดหวังที่บทของฝั่งวิทย์ไม่ค่อยมีเลย (เชียร์เกาะฝั่งวิทย์อ่ะ)  แต่พอลองไปอ่านในแบบมังหงะคร่าว ๆ แล้วพบว่าแบบอนิเมเปลี่ยนเรื่องไปเยอะเหมือนกัน  โดยทำให้เนื้อเรื่องเบาลง  ลดฉากนู้ดและความโหดไปบ้าง  (ความจริงเกาะเอเดนฝั่งวิทย์โหดมาก หุ่นยนตร์หน้าโคตรสยอง  แต่ในภาคอนิเมทำให้กลายเป็นหุ่นยนตร์เทราดอนซะงั้น)  และดุเหมือนจะลดประเด้นซิสคอนบราคอนของตัวร้ายที่โผล่มาตอนแรกไปมากเหมือนกัน

    สรุปคืออยากหาแบบมังหงะมาอ่านแฮะ  แต่ด้วยที่มันเป้นการ์ตูนที่ค่อนข้างเก่า  อาจจะหาเก้บเล่มแรก ๆ ยากเสียหน่อย  ความจริงแล้วผมอยากหาเก็บการ์ตูนของคนแต่งคนนี้มากเลย  ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Orfina (ที่ผมเก็บภาคสองครบ  แต่ดันไม่มีภาคหนึ่ง) หรือเรื่อง Upotte ที่หวังว่าจะตีพิมพืในไทยในเร็ววัน 

    ปล. อีกอย่างที่ผมชอบคือเพลง OP ของเรื่องนี้ด้วยล่ะนะ  ฟังแล้วติดหูเป็นบ้าเลย


    3. Sakura Wars







    เป็นหนึ่งในเรื่องแรก ๆ เลยมั้งที่ดึงผมเข้าสู่วิถีแห่งความโมเอะ  ความจริงสมัยนั้นผมไม่รู้หรอกว่าคำว่า โมเอะ มันแปลว่าอะไร (ตอนนี้ะองก็ยังอธิบายไม่ถูกเลย)  แต่พอได้สัมผัสกับเสน่ห์ของสาว ๆ แห่งหน่วยบุพผา กองกำลังพิทักษ์นครหลวงของจักรวรรดิแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง...

    สาว ๆ ในเรื่องนี้น่ารักทุกคนเลยอ่า...

    เพื่อน ๆ ในห้องไม่มีใครดูเรื่องนี้สักคน  ผมเองก็ไม่กล้าบอกว่าดูเรื่องนี้เพราะมันมีแต่ตัวละครหญิงให้เพียบ  แถมดูแล้วก็ไม่ใช่แนวที่เด็ก ๆ สมัยนั้นจะดูสักเท่าไหร่ (ตอนนั้นอ่านเรื่องเลิฟฮินะยังคิดว่าเป็นการ์ตูนโป๊เลย ฮา)  แต่ผมก็ยังดูอยู่นั่นล่ะ  ดูอยู่คนเดียวทั้งที่ไม่มีเพื่อนคุย  ดูความน่ารักแบบกุลสตรีญี่ปุ่นของซากุระ  หมั่นไส้ความสวยหยิ่งเชิดแบบคุณหนูของสุมิเระที่มักจะมีหลุดบ้างเป็นบางครั้ง  ปลื้มความสวยเงียบแบบหนาวเหน็บของแดนรัสเซียของมาเรีย  เฮฮาไปกับสาวห้าวจอมบู้จากโอกินาว่า  คันนะ  เอ็นดูความโลลิสไตล์ฝรั่งเศสของไอริส  ลั่นล้าไปกับความสติเฟื้องของสาวแว่นจากจีนแผ่นดินใหญ่ของโครัน 

    แน่นอนว่าไม่ใช่สาว ๆ อย่างเดียวที่ทำให้ผมค่อนข้างจะชอบเรื่องนี้มาก  บรรยากาศของเรื่องเองก็ทำได้ค่อนข้างดี  ได้อารมณ์ยุคไทโชผสมผสานกับยุคเครื่องจักรไอน้ำ  ความเจริญก้าวหน้าที่ราวกับเป็นแสงสว่างแห่งความศิวิไลซ์และความมืดของความชั่วช้าในอดีตที่แฝงตัวมาเป็นเงาตรงข้าม 

    นอกจากนี้เรื่องนี้ยังเล่นขุดแนวเรื่องที่แสนจะโบราณ เช่นฉากหน้าของหน่วยบุพผาเป็นโรงละครอันดับหนึ่งของจักรวรรดิ  แต่เบื้องหลังเป็นหน่วยพิทักษ์นครหลวง  คอยขับหุ่นกลไอน้ำพลังวิญญาณขับไล่ปีศาจที่คอยรุกรานเมืองหลวง  พล็อตก็ธรรมดา  พระเอกเป็นนายทหารเรือมาเป็นหัวหน้าทีมของหน่วยบุพผาที่มีแต่ผู้หญิงหลากหลายรูปแบบ  คอยปักธงไล่เคลียร์ปมของตัวละครหญิงไปทีละคน  สร้างความยอมรับจากลูกทีมที่ต่อต้านในตอนแรก (พูดง่าย ๆ คือลากเข้าฮาเร็ม ฮา) เนื้อเรื่องก็ไปเรื่อย ๆ อวยตัวละครไปพลาง  ดำเนินเรื่องไปพลาง  ก็ไม่มีอะไร  ตัวร้ายพยายามจะปลุกวิญญาณปีศาจโบราณขึ้นมาเพื่อจะทำลายเมืองหลวง  ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเหล่าพระเอกที่จะต้องหยุดยั้งตัวร้ายให้ได้  พล็อตสุดยอดแห่งความตรงตัว

    แต่ดูแล้วก็สนุกดี  ดูซ้ำตั้งหลายรอบ  เพลง op ก็เพราะ  เด็ก ๆ ต้องแอบดูเพราะอายที่ชอบดูสาว ๆ  ออกมาเต้น

    สรุปคือผมค่อนข้างชอบเรื่องนี้มาก  และมันค่อนข้างมีอิทธิพลต่อรสนิยมในการดูอนิเม (และแต่งนิยาย) ด้วย 

    ปล. เรื่องนี้สร้างจากเกมของเซก้านะ  ถ้าภาคเกมจะมีไปปารีส กับนิวยอร์คด้วย
    ปล. 2 ดูเหมือนคนออกแบบจะรีไซเคิลเอาชุดรบของภาคฝรั่งเศสไปใส่ในเรื่อง โอ้ มายกอดเดสด้วยแฮะ 

    ปล. 3 Mad House เป็นคนสร้าง  มิน่าคุณภาพงานดีมาก 



    4. Curious Play






    ความจริงเรื่องนี้มีมังหงะแบบลิขสิทธิ์ในไทยแล้ว  แต่จำไม่ได้จริง ๆ ว่าชื่อไทยชื่ออะไร 

    เรื่องก็มีอยู่ว่า สาวน้อยสองคนหลุดเข้าไปในโลกหนังสือโบราณ  ในโลกจีนยุคโบราณ  และกลายเป็นร่างทรงของสัตว์เทพ  ซึ่งนางเอกเป็นร่างทรงของวิหกเพลิงฮิโนโทริ  เอ้ยซุซากุ  ส่วนเพื่อนรักอีกคนกลายมาเป็นร่างทรงของเซริว  ซึ่งทั้งสองเป็นเทพของอาณาจักรสองอาณาจักรที่กำลังตีกันอยู่พอดิบพอดี  เรื่องนี้เป็นการ์ตูนผู้หญิงที่รายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อหลากหลายสไตล์ ตรงกันข้ามกับแนวที่ปัจจุบันนี้ดูโดยสิ้นเชิง  ทั้งพระเอกที่ดูออกเถื่อน ๆ แต่เร้าใจ  พระรองที่เป็นฮ้องเต้  พระนักบวชที่ดูขี้เล่น ยิ้มตลอด  แต่แฝงความเศร้าเอาไว้เบื้องหลัง  และคนอื่น ๆ ที่ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว  (ตอนนั้นผมเชียร์ฮ้องเต้นะ  แมร่ม  พระรองนี่มีชะตากรรมต้องช้ำรักอีหรอบเดียวกับตัวละครหญิงหัวแดงเลย)

    แต่ก็ต้องยอมรับละว่าสมัยก่อนชอบเรื่องนี้มากเลยล่ะ  เนื้อเรื่องเองก็แฝงเรื่องเพศไว้พอสมควร  เช่นคนทรงของสัตว์เทพต้องเป็นสาวบริสุทธิ์บ้าง  นางเอกจะโดนลากไปปล้ำก็บ่อย (ตามสไตล์การ์ตูนตาหวาน)  เพื่อนนางเอกที่อยู่ฝ่ายตัวร้ายก็นึกว่าตัวเองโดนข่มขืนไปแล้วเลยเกลียดนางเอก (แต่จริง ๆ ตัวร้ายช่วยไว้ก่อน)  และอื่น ๆ อีกมากมาย  เพราะอย่างนี้ล่ะมั้งถึงได้ชอบ (ฮา)

    ปล. สปอยล์  เรื่องนี้พระเอก - นางเอกเข้าวินนะจ๊ะ



    5. Vandread






    Vandread เริ่มเรื่องจากมุมมองของพระเอกที่เป็นประชากรลำดับล่างสุดของดาวทาราก... ประเทศลัทธิทหารเต็มรูปแบบที่มีแต่ผู้ชาย  พระเอกของเราก็ดันจับพลัดจับผลูขึ้นไปบนยานลำใหม่ล่าสุดของกองทัพที่จะเป็นยานแม่ไว้สำหรับต่อต้านศัตรูตัวฉกาจเช่นสัตว์ประหลาดจากดาวเมเจลที่เรียกว่า "ผู้หญิง"   ระหว่างที่พระเอกโดนจับได้อยู่นั้น  ยานแม่ลำใหม่ก็โดนโจรสลัดจากดาวเมเจลเข้าจู่โจมเพื่อยึดส่วนหลักยานแม่ลำใหม่ของฝ่ายทารากที่เป็นยานอพยพโบราณ  และในระหว่างการต่อสู้อยู่นั่นเอง  จู่ ๆ ส่วนแกนหลักของยานก็เกิดคลุ้มคลั่ง  หลอมเอายานแม่ของโจรสลัดเข้าไป  และดูดเอาพระเอกและโจรสลัดอีกสามคนที่หนีไปไม่ทันออกมา  แถมเรื่องยังไม่จบอยู่แค่นั้น  แกนกลางของยานยังได้วาร์ฟเอาโจรสลัดของเมเจลและลูกเรือที่ตกค้างของฝ่ายทารากไปยังห้วงอวกาศที่ไกลออกไมจากดาวบ้านเกิด

    ระหว่างที่หลงทางอยู่ในห้วงอวกาศพวกเขาก็พบกับศัตรูพวกใหม่ที่เข้าจู่โจมพวกพระเอกและโจรสลัด  ระหว่างที่จนตรอกอยู่นั้นพระเอกก็ค้นพบว่าเขาสามารถรวมร่างหุ่นยนตร์ของฝ่ายทารากเข้ากับยานของโจรสลัดหญิงกลายเป็นหุ่นยนต์ยักษ์ทรงประสิทธิภาพ  และเรื่องราวการผจญภัยระหว่างกลุ่มชายหญิงกับห้วงอวกาศอันเวิ้งว้างก็ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยประการเช่นนี้   

    เรื่องแวนเดรดเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากสำหรับผมในยุคนั้น  อนิเมบ้าพลัง CG ของกอนโซ ถ้าเทียบกับมาตรฐานปัจจุบันอาจจะธรรมดาไปแล้ว แต่ในยุคนั้นถือว่าเป็นอะไรที่ตื่นตามากสำหรับฉาก CG ของเรื่องนี้  ทั้งหุ่นยนตร์  ทั้งยานรบ  ทั้งมิสไซล์ที่พุ่งกระจาย  ทั้งระเบิด ผมรู้สึกขอบคุณ AXN มากที่เอาเรื่องนี้มาฉาย... ไม่ใช่ภาคเดียว แต่เป็นสองภาค !

    นอกจากนี้เนื้อเรื่องก็ยังน่าสนใจมาก  ประเด็นหลักที่อยากพูดถึงคือดาวสองดวงถูกปกครองโดยเพศเดียว  และแถมยังมองเพศตรงข้ามเป็นศัตรูที่น่าหวาดหวั่น  ในตอนแรกเราจะได้เห็นโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายทาราก (ผู้ชาย) ที่วาดภาพผู้หญิงราวกับปีศาจร้ายคอยไล่กินตับผู้ชาย  ผู้ชายเป็นเหยื่อเบี้ยล่างให้ผู้หญิงกดขี่  ส่วนในเรื่องไม่ค่อยพูดถึงว่าฝ่ายหญิงวาดภาพฝ่ายชายเป็นอย่างไร  แต่เท่าที่เห็นก็เป็นในเชิงรังเกียจ  เห็นผู้ชายเป็นตัวเชื้อโรค  หรือแม้แต่นางเอกเห็นผู้ชายเป็นเอเลี่ยน (แต่นางเอกดันคลั่งเอเลี่ยนว่ะ)  ซึ่งการที่ทั้งสองฝ่ายที่เคยเป็นศัตรูต้องมาทำงานร่วมกันเป็นแนวพล็อตที่ผมค่อนข้างชอบมาก  ถึงขนาดแทบจะก็อปเอาไปแต่งนิยายเรื่องแรกเลยทีเดียว (เรื่องนี้ก็ได้แรงบันดาลใจจากนิยายฝรั่งมาอีกทีล่ะนะ)  ซึ่งประเด็นเรื่องที่ทำไมดาวสองดาวถึงมีแต่เพศเดียวจะถูกอธิบายในเรื่องในภายหลัง 

    สรุปคือถ้ามีเวลาก็หาเรื่องนี้มาดูเถอะ  มีภาคละ 12 ตอน  ถือว่าเป็นอนิเมกอนโซที่ไม่อาร์ตจัดจนตอนหลังดูไม่รู้เรื่องอย่าง last exile (ที่ตอนหลังผมต้องไปหาอ่านสรุปจาก wikia เอา) หรือ Shangri-la  หรือ Final Fantasy: Unlimited ที่ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง 

    ปล. เรื่องนี้ผมอวยสาวแว่นที่เป็นหัวหน้าช่างอ่ะ  เสป็กเลย... ใส่แว่นอันโต  ผูกเปียสองข้าง  เป็นสาวช่างที่ขลุกอยู่กับเครื่องจักรตลอดเวลา  ยอดมากเลยจ้อด...

    ปล. 2 Op ตอนต้นของเรื่องแอบสปอยนะ


    6. Now and Then, Here and There





    เรื่องย่อ

    ระหว่างที่เด็กหนุ่มนามว่า ชู เดินทางกลับบ้านตามปรกติ  เขาได้สังเกตว่าบนปล่องไฟมีเด็กผู้หญิงอยู่  เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงปืนขึ้นไปพยายามที่จะพูดคุยกับเด็กผู้หญิง  หลังจากพยายามจะพูดคุยกับเด็กสาวที่ดูไร้อารมณ์  ในที่สุดเขาก็ได้ทราบชื่อจากการอ่านริมฝีปากของหล่อน  เธอชื่อ ลาล่า รู และดูเหมือนเธอจะชอบนั่งดูอาทิตย์อัสดงจากปล่องไฟ  ระหว่างนั้นเองจู่ ๆ ก็เกิดระเบิดพร้อมกับเวลาก็หยุดลงพร้อมกับการปรากฏตัวของหุ่นยนต์ยักษ์ที่เข้ามาลักพาตัวหล่อน  ชูพยายามปกป้อง ลาล่า รู แต่สุดท้ายเขาก็จับพลัดจับผลูติดไปกับหุ่นยนต์ยักษ์นั่น  ก่อนจะพบว่าเขาได้หลงเข้ามาอยู่โลกต่างมิติเสียแล้ว

    ความเห็น

    ดูตอนแรก ๆ อาจคิดว่าเรื่องนี้ออกแนวมิตรภาพและการผจญภัยเด็กชายและเด็กหญิง  แต่คุณคิดผิดแล้ว  เนื้อหาในเรื่องนี้แรงมาก  เล่นตั้งแต่ประเด็นสงคราม  ผู้ปกครองทรราช ลักพาตัวเด็กมาเพื่อเป็นทหารเด็ก  จับเด็กสาวมาข่มขืนเพื่อผลิตทายาทเป็นทหารต่อ ๆ ไป  ผู้ใหญ่กดขี่เด็ก

    เซ้ตติ้งของเรื่องอยู่ในโลกอนาคต (เราจะพอเดาออกหลังจากดูไปได้สักพัก) ที่สงครามโลกแทบจะทำให้แผ่นดินเหลือแต่ทะเลทราย  น้ำเป็นของหายาก  เป็นโลกของผู้แข็งแรงปกครอง  ถ้าซวยเหมือนพระเอกก็จะอยู่ใต้การปกครองของราชาที่แสนจะเยกสุด ๆ (ใครไม่อยากถีบหน้าราชาฮัมโดก็ให้มันรู้ไป  เป็นประเภทตัวร้ายเกรียนเมพ)  แม้แต่ฝ่ายตรงข้ามที่เหมือนดูเป็นคนดีก็ไม่ได้ดีเด่ไปกว่าฝ่ายตัวร้ายสักเท่าไหร่ 

    ถ้าพูดกันตามตรงแล้วเรื่องนี้อยู่คนล่ะขั้วกับเรื่อง So - Ra - No - Wo - To เลยก็ว่าได้  ชีวิตทหารเด็กไม่ได้ราบรื่นเหมือนในหน่วย 1121st แถมโลกที่อยู่ยังโหดร้ายและแร้นแค้นแสนสาหัส  ดูแล้วปวดตับสุด ๆ (แต่ตอนพระเอกโชว์เมพมันเท่มากเลยนะ  เพลงเงี้ยสุด ๆ )


    ปล. ความเห็นนี้รีไซเคิลที่ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ล่ะนะ



    7. Gate Keepers






    ถ้าให้เทียบแล้วเรื่องนี้มีพล็อตที่คล้ายคลึงกับเรื่อง Sakura Wars เลยทีเดียว  ทั้งการที่เป็นองค์กรลับคอยปกป้องการเติบโตอย่างรวดเร็วของญี่ปุ่น  ทั้งเต็มไปด้วยสาวน้อยมากหน้าหลายตา  ที่ต่างกันคงจะเป็นยุคสมัยเท่านั้น  ซึ่งเรื่อง Gate Keepers เดินเรื่องในสมัยยุคหลังสงครามโลก  ในช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวและเติบโตอย่างก้าวกระโดด  ซึ่งความเจริญนั้นก็หาได้นำมาแต่ความมั่งคั่ง  หากแต่ยังมีผู้รุกรานปริศนาที่แฝงอยู่ตามประชากร  ซึ่งวันดีคืนดีก็จะกลายเป็นชายในชุดดำสวมแว่นดำที่เป็นผู้รุกราน (Invader) จากต่างมิติ  และมีเพียงผู้มีพลังพิเศษที่สามารถเปิดประตูต่างมิติยืมพลังเหนือธรรมชาติเข้าต่อกรกับเหล่าผู้รุกรานปริศนาเหล่านั้นได้

    โทนของเรื่องจะออกดูเชย ๆ นิดหน่อยเข้ากับยุคสมัยของเรื่อง  ทั้งแฟชั่น  ทั้งอุปกรณ์ที่ดีไซน์ดูเชยระเบิด  แต่ก็เท่ในเวลาเดียวกัน  ดูออกอารมณ์รีโทรแนวการ์ตูนสมัยก่อน  แต่เอฟเฟ็คในเรื่องนี่เท่ระเบิด  อย่างตอนเปิดประตูมิติแล้วตัวละครต้องพูดว่า Gate Open เนี่ย เท่เป็นบ้าเลย  เท่จริง ๆ  ตอนเด็ก ๆ ดูแล้วชอบแอบไปจินตนาการเล่นอยู่คนเดียวเป็นประจำ

    ตัวละครเองก็ไม่มีอะไรโดดเด่น  แต่ก็ทำพอดูแล้วไม่ขัด  อย่างพระเอกเป็นผู้ใช้ลม  มีนิสัยอารมณ์พระเอกการ์ตูนโชเน็งจ๋า มีอดีตไม่ถูกกับพ่อที่หายสาปสูญ หรือนางเอกรูริเป้  ที่เป็นเพื่อนในสมัยเด็กของพระเอก  เป็นผู้ใช้พลังแห่งชีวิต (แต่ดันใช้ยิงธนูเป็นหลัก) ก็ออกแนวสาวสมบูรณ์แบบ  แต่แพ้ทางพระเอกที่เคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก  นอกจากนี้ยังมีคุณหนูสาวเปิ่นที่ใช้เสียงเพลงจากเปียโนเป็นอาวุธ (จะไปสู้ก็ต้องลากเปียโนไปด้วย)  รุ่นน้องสาวที่แอบชอบพระเอกมีพลังช้างสาร  อาหมวยจากจีนใช้พลังเพลิง  สาวแว่นมืดมนเจ้าของพลังปิดกั้น  สามารถสร้างสนามพลังได้  และสาวหิมะโลลิที่สวมกิโมโนอยู่ตลอด  แถมดูท่าจะมีอายุหลายร้อยปี  นอกจากนี้ยังมีเพื่อนชายอีกคนที่ดูไม่ออกว่ามีพลังเปิดประตูมิติได้หรือไม่

    เรื่องนี้ถึงจะตัวละครหญิงเยอะ  แต่ก็ไม่ฮาเร็มนะ  มีคนชอบพระเอกแค่สองคนเอง (สาวหิมะถูกใจน้องสาวพระเอกมากกว่า)  ส่วนเรื่องในช่วงแรกจะจบเป็นตอนไป  เป็นช่วงแนะนำตัวละคร  ตอนแรกองค์กรพระเอกมีแค่รูริเป้เป็น Gate Keeper อยู่แค่คนเดียว  ก่อนจะมีพระเอกและคนอื่น ๆ มาเพิ่ม  หลังจากแนะนำตัวละครและปมครบแล้วก็นำไปสู่เรื่องราวที่ดูจะซับซ้อนมากกว่าการแค่มีผู้รุกรานคอยปั่นป่วนญี่ปุ่น  มีผู้ชักใยเบื้องหลัง  การปรากฏตัวของ Gate Keepers จากอเมริกา  บลา ๆ

    เรื่องนี้ดูแล้วเพลินดี  ภาพและคาแร็คเตอร์ก็ค่อนข้างร่วมสมัย  สีสันในเรื่องสุดใส เน้นบู๊เน้นปมของตัวละครเป็นหลัก  (ตอนที่พระเอกสู้กับนายพลของผู้รุกรานที่เข้าไปรวมร่างกับซากเรือรบโคตรเท่เลย)  มีทั้งดราม่า  ตลกขบขัน  และเรื่องความรักเข้ามาแทรกเป็นระยะ ๆ  ถือว่าทำได้ค่อนข้างสมดุลเลยทีเดียว  (ส่วนใหญ่ออกแนวสดใสมากกว่า)  เป็นเรื่องแรก ๆ ที่กอนโซทำเลยละมั้ง   

    ปล. เรื่องนี้มีภาคสองที่ชื่อ Gate Keepers 21 ที่ผมไม่เคยดู  รู้สึกว่าโทนเรื่องจะซีเรียสกว่าภาคแรกมาก


    8. Space Warship Yamamoto Yoko (Starship Girl Yamamoto Yohko)





    ดูจากคาแร็คเตอร์ดีไซน์แล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าเรื่องนี้จะผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว ! (ปี 1999 ประมาณเรื่องอูเทน่า กับ GTO น่ะ)  ถ้าพูดตามตรงแล้วเป็นคาแร็คเตอร์ดีไซน์ที่ตอนนี้ยังทันสมัยอยู่เลย (ดูจากแนวลายเส้นแล้วน่าจะเป็นคนออกแบบเดียวกับเรื่องบาเกะโมโนกาตาริ)

    เรื่องราวเกี่ยวกับนางเอก (โยโกะ) และผองเพื่อน จะถูกพาข้ามเวลาไปอนาคตเพื่อไปเป็นนักบินของยานรบอวกาศ TA-29 ของฝ่ายเทอร่า  เพื่อที่จะไปสู้ประลองกับอีกฝ่ายในการแข่งขันที่จัดขึ้นแทนการทำสงคราม (มั้ง)

    ผมจำไม่ค่อยได้แล้วว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร  ที่จำได้ก็โทนเรื่องค่อนข้างมืด  เพลงโอเพ่นที่ติดหู  ตอนแรกที่นางเอกสูญเสียความทรงจำ  ลืมเลือนช่วงเวลาที่เคยเป็นนักบินยานอวกาศ  ก่อนที่ตอนแรกจะฟื้นความจำได้ในที่สุด  แต่หลังจากนั้นความทรงจำของผมก็ค่อนข้างเลือนลาง  ยิ่งลองไปอ่านเรื่องย่อในวิกิยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่  ส่วนอื่นที่ผมพอจะจำได้คือนางเอกออกแนวทอมบอย  น่ารักเป็นบ้า  ส่วนสาวหัวเหน่งที่พยายามทำตัวเป็นคู่แข่งของโยโกะตอนโผล่มามักจะมีแสงสะท้อนนำมาแต่ไกลก่อนเพื่อนเลย

    สรุปคือจำไม่ค่อยได้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง  แถมตอนดูก็งง  แต่ก็ยังดูเพราะนางเอกน่ารัก (ฮา) กับชอบแนวยานอวกาศเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว


    9. Samurai X





    สำหรับเรื่องนี้คงไม่ต้องเกริ่นบรรยายอะไรให้มากนักกับเรื่อง Samurai X หรือชื่อภาษาไทยบ้านเราก็เรื่องซามูไรพเนจรนั่นเอง  ลิขสิทธิ์ในไทยโดยสยาม  อาจจะแปลผิด ๆ ถูก ๆ บ้าง  แต่โดยเนื้อแท้แล้วเป็นการ์ตูนแนวจั้มป์ที่สนุกมากเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว  แถมยังเป็น One hit Wonder ของคนแต่งด้วย  เพราะหลังจากเรื่องนี้อาจารย์แกแต่งเรื่องอะไรก็เข็นไม่ค่อยขึ้นเท่าเรื่องนี้อีกเลย (ความจริงเหล็กเทวะก็สนุกดีนะ  ชอบอาวุธนางเอกน่ะ) 

    แต่สำหรับใครที่ไม่รู้จัก  เรื่องย่อคร่าว ๆ ก็เกี่ยวกับฮิมูระ  เคนชิน  ซามูไรร่อนเร่ที่พกพาดาบสลับคม  ดูเผิน ๆ เขาอาจเป็นชายที่ดูไม่มีพิษมีภัย  แต่อดีตเขาเป็นถึงมือสังหารของคณะปฎิวัติเจ้าของฉายาบัตโตไซ  ผู้สืบทอดวิชาดาบล่องนรก (ใครเก็ทมุกบ้าง)  ที่ปัจจุบันวางมือจากการฆ่าคน  เคนชินได้พบพากับผู้คนมากมาย  รวมไปถึงคามิยะ  คาโอรุ  เจ้าของโดโจเก่าแก่ที่จะกลายมาเป็นที่พักพิงของเคนชินในที่สุด

    เรื่องนี้ก็การ์ตูนโชเน็งตามสูตรสำเร็จที่ดูแล้วสนุกดีครับ  พระเอกออกแนวคมในฝัก  นางเอกรักความยุติธรรม  บางครั้งสู้ชนะก็จะได้เพื่อนเพิ่ม  อย่างซาโนะสุเกะที่อดีตเคยอยู่ในกองกำลังที่ถูกตราหน้าว่าเป็นกองกำลังหลอกลวงบ้าง  หรือคนอื่น ๆ ที่เคยเป็นศัตรูแต่สุดท้ายก็กลายมาเป็นพวกเดียวกับเคนชิน  วิชาสู้ก็ออกแนวโม้เล็กน้อย  แต่ไม่ถึงกับโม้ขนาดปล่อยพลังยิงลำแสงได้อย่างบางเรื่องที่เป็นโรคตาแดงกันแทบทั้งเรื่อง  ที่ผมประทับใจเรื่องนี้มากทึ่สุดคือผมดูเรื่องนี้บ่อยมาก  มันฉายรีรันช่วงเช้ากับช่วงสาย  และฉายตอนใหม่ตอนเย็น  ผมก็ดูมันทุกเวลาตอนช่วงปิดเทอม  นับรวมกันได้ผมคงดูไป 4-5 รอบแล้วล่ะมั้ง

    ฉากที่ชอบที่สุดก็คงเป็นตอนเคนชินปะทะกับไซโต้เป็นครั้งแรก  ทำได้ทั้งดาร์ค และมันส์มาก 

    แต่ถ้าจะให้แนะนำแล้วไปหาแบบมังหงะมาอ่านดีกว่า  แบบอนิเมจะมีช่วงออริจิน่อลที่ทำขึ้นเองด้วย  ซึ่งถ้าพูดตามตรงแล้วผมว่ามันไม่สนุกง่ะ



    10. Ninku





    ผมจำได้เลยว่าสมัยเด็ก ๆ ผมมักจะกลับบ้านมาดูเรื่องนี้ไม่ทัน  ดังนั้นผมจึงฝากพี่ที่บ้านให้อัดวีดีโอเรื่อง Ninku กับแม่มดน้อยชาช่า (ถ้าจำไม่ผิดนะ  แล้วเอ็งบอกว่าจำได้แม่นได้ไง ฮา) 

    เรื่องนี้จะดูคล้ายนารุโตะนิดหน่อย  (แต่เรื่องนี้มาก่อนนารุโตะ)  เป็นเรื่องราวของเด็กหน้าตาประหลาดชื่อ ฟูสึเกะ  ที่ดูภายนอกก็เหมือนเป็นเด็กต๊อง ๆ ที่มักหิวข้าวจนเสียงท้องร้องดังโครกครากตลอดเวลา  แต่จริง ๆ แล้วเป็นอดีตผู้นำหน่วยชวดแห่งนินคู  เจ้าของวิชาพลังสายลม  ฟูสึเกะท่องเที่ยวไปกับพวกพ้องอีกสองคนที่เคยเป็นอดีตผู้นำหน่วยของนินคูเช่นเดียวกัน (และเพนกวิ้นอีกตัว)  ต่อสู้กับกองทัพจักรวรรดิเพื่อตามหาอะไรสักอย่างที่ผมเองก็ลืมไปแล้ว

    พล็อตแนวการ์ตูนโชเน็งทั่วไป  พระเอกคมในฝัก  ดูเผิน ๆ เหมือนจะไม่เก่งกาจอะไรนัก  แต่แท้จริงแล้วเก่งเมพ  รักความยุติธรรม  ใช้พลักเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์  ส่วนฝั่งตัวร้ายก็ทำหน้าที่เป็นตัวร้ายที่ดี  คอยข่มเหงรังแกประชาชนตาดำ ๆ สมัยเด็ก ๆ ดูแล้วก็รู้สึกสนุกดี  ตอนนี้ไม่รู้แล้วเหมือนกัน  รู้แต่ว่าหลายคนไม่ยอมดูเรื่องนี้เพราะหน้าตาของพระเอกนี่ล่ะ (หน้าประหลาดยิ่งกว่าเจ้าหมูเทพจาก Accel World ซะอีก)



    11. You're Under Arrest





    เป็นอีกเรื่องที่ฉายอย่างยาวนานเป็นอย่างมาก  (น่าเสียดายที่ไม่ได้ฉายภาค Full Throttle) 

    เรื่องนี้ก็จะเกี่ยวกับการทำงานของคู่หูตำรวจหญิงนัตสึมิ - มิยูกิ  ที่ต้องคอยรักษาความสงบสุขและความเรียบร้อยตามท้องถนนของเมือง  เนื้อเรื่องไปเรื่อย ๆ โดยแต่ละตอนจะคอยสำรวจตัวละครประจำสถานีแต่ละคน  อย่างตัวคู่สองสาวตัวเอกก็เป็นตัวละครที่เรียกได้ว่าต่างกันเป็นอย่างมาก  นัตสึมิออกจะเป็นสาวแนวลุย (ขี่มอเตอร์ไซที่เก็บไว้หลังรถสายตรวจไล่บู้)  มิยูกิก็เป็นสาวเรียบร้อย  ฉลาดหลักแหลม  และบ้ารถ (สนองนีตคนแต่ง) ทั้งตำรวจขี่มอเตอร์ไซที่แอบหลงรักมิยูกิ  (สาวเรียบร้อย)  สาวแว่นที่ประจำสถานี  สาวดุ้น  เป็นต้น

    สำหรับเรื่องนี้แล้วนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะเขียนอะไรดี  ส่วนใหญ่มักจะจบในตอน  หรือไม่ก็อาจจะมีเรื่องความรักของแต่ละคู่มาแจมเป็นระยะ ๆ  เรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบของตำรวจ (ไม่เห็นมีเรียกส่วยเลย ฮา)  และก็เรื่องของรถต่าง ๆ ที่คนเขียนชอบเหลือเกิน

    จบแค่นี้แล้วกัน (เหนื่อยแล้ว  ว่างั้นเหอะ) 




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×