ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชวนอ่าน

    ลำดับตอนที่ #3 : บ่วงรักกลางตะวัน โดยอรุสา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 349
      5
      1 ก.พ. 55


                                  
     

     บ่วงรักกลางตะวัน  
    โดยอรุสา

    พันดาวเหยี่ยวข่าวสาวผู้ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพยิ่งสิ่งใด ถูกต้นสังกัดส่งตัวไปทำข่าวปัญหาตามเเนวตะเข็บชายแดนภาคเหนือที่ปะทุขึ้น หญิงสาวอยู่ในความดูแลของผู้กองตะวันฉาย หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่ ของกองกำลังตำรวจตระเวนชายเเดน ที่นอกจากหน้าที่หลักคือปกป้องเอกราชเเละอธิปไตยมิให้ใครล่วงล้ำเข้าในเเผ่นดินสยามแล้ว ยังต้องเป็นทั้งพ่อพิมพ์ของชาติ เป็นหมอชาวบ้าน เป็นนักสังคมสงเคราะห์ตัวยง และที่สำคัญผู้กองตะวันฉายยังมีหน้าที่ต้องปกป้องนางในฝัน ผู้ซึ่งเชือกสีแดงผูกปลายก้อยของคนทั้งสองชักพามาให้ได้พบกันอีกครั้ง นักรบชายแดนผู้กล้าหาญบึกบึน แต่ซ่อนความนุ่มนวลอ่อนโยนโรเเมนติกเอาไว้ภายใต้รูปลักษณ์เหี้ยมห้าว จนนักข่าวสาวเริ่มหวั่นไหว

    แม้ว่าดวงตาของผู้กองหนุ่มจะฉายเเสงแห่งความรักเจิดจ้าเพียงตะวันสักแค่ไหน อดีตที่ขมวดเป็นปมฝังใจของเพียงดาวกลับกลายเป็นม่านหมอกบนขุนเขาที่กางกั้นเธอไว้ไม่ให้ผลีผลามเดินเข้าไปติดบ่วงรัก จวบจนกระทั่งไม่เหลือเวลาที่จะค้นหาคำตอบแล้วนั่นแหละ นักข่าวสาวจึงต้องตีแผ่เขียนข่าวหัวใจของตนเองก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป.

                     

                              

     

    ก่อนจะพูดถึงนิยายเรื่องนี้ ขอพูดถึงเเรงบันดาลใจของผู้เขียนสักนิดเพื่อว่าท่านผู้อ่านจะเข้าใจมากขึ้นว่าทำไม ถึงเรียกนิยายเรื่องนี้ว่าสีขาว เมื่ออ่านจนจบถ้วนถี่ถึงสองรอบจึงมั่นใจว่าเป็นนิยายเรื่องแรกในรอบหลายปีที่ผ่านตา บอกได้เต็มปากว่านิยายเรื่องนี้ไม่มีนางอิจฉา ...เริ่มอยากรู้แล้วใช่ไหม ว่าสิ่งใดคือเเรงบันดาลใจของอรุสา  เขาผู้นั้นคือวีรบุรุษในใจของตำรวจตระเวนชายแดนและคนไทยอีกหลายๆ คน ที่ได้รับรู้เรื่องราวความไม่สงบของชายเเดน จนกระทั่งรตอ.ธรณิค ศรีสุข ต้องทอดร่างให้แผ่นดินไทยกลบหน้าในความขัดเเย้งครั้งนั้น

    พอมองเห็นไหมคะว่าเป็นการเขียนกึ่งเล่าชีวิตที่ล่วงลับไปแล้ว โดยเติมสีสันของนิยายเข้าไป ซึ่งอรุสาสามารถถ่ายทอดชีวิตยากลำบากในหน้าที่ของตำรวจตระเวนชายเเดนได้อย่างดีเยี่ยมทีเดียว  นอกจากนั้นในความนุ่มนวลโรแมนติกที่อรุสามอบให้กับคนร่างยักษ์หนวดเคราครึ้มกอดปืนแทนสาว ๆ ทั้งหลายนั้น สื่อความผูกพันระหว่างบ้านกับรัฐผ่านบ่วงรักกลางตะวันได้ดี ...อาจจะเป็นบ่วงหนึ่งที่ ซ่อนอยู่ในท้องเรื่องที่จะต้องตีความ

    จรดนิ้วบนเป้นพิมพ์ถึงจุดนี้ ...ต้องขอขอบคุณคนตั้งชื่อเรื่อง เดิมความว่าบ่วงนั้นให้ความหมายที่ไม่ค่อยดีนัก ฟังดูเหมือนลวงล่อ จะหมายถึงกับดัก แต่อ่านจากบ่วงรักกลางตะวันในรอบแรกแล้วนั่งมองว่ามีกับดักตรงไหนหรือ ...คำตอบคือไม่มี มองไม่เห็น ดั่งนั้นแล้วบ่วงในที่นี้คือะไรกันแแน่ ...คือความผูกพันอย่างไรเล่า...หัวใจตอบ  ลองแยกคำดูเล่น ๆ ผูก ...พัน ..มิใช่บ่วงหรอกรึ?

    ในส่วนของผู้กองตะวันฉายนั้นทำหน้าที่ของตำรวจตระเวนชายเเดนและนักสาวรักได้อย่างไม่มีที่ติ เขาค่อยๆดึงสายเชือกสีแดงที่ผูกเนื้อคู่สองคนเข้าหากันช้า ๆทีละน้อยและค่อยๆพันรอบพิงดาว จนเธอต้องหยุดนิ่ง แต่ในส่วนของนักข่าวสาว พิงดาวยังทำได้ไม่ดีนัก ดูเหมือนจะขาดข้อมูล ดีแต่ผู้กองตะวัน เป็นผู้จัดข้อมูลแทน แต่อาจจะเป็นกลยุทธการเล่า เพราะถ้ามองอีกแง่หนึ่งว่าพิงดาวรู้ข้อมูลอยู่แล้วโดยไม่ต้องมีใครเล่า ผลร้ายจะตกมาถึงผู้อ่าน คือไม่รู้อะไรเลย  ตรงนี้น่าจะมีวิธีดีที่บอกเล่าข้อมูลให้ถูกทางถูกคน    

    เรื่องบ่วงรักกลางตะวันนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่พลิกความคาดหมาย เมื่อเปิดอ่าน ...เริ่มจากชื่อเรื่อง สมองเริ่มเดาทางวางพลอตไปก่อน...รัก เล่ห์ ร้าย  แต่พอเปิดคำนำ พลอตที่ว่าเปลี่ยนไปอีกแบบ อ่านบทแรก รับรู้ปมปัญหาและบุคลิกของพันดาว พลอตเก่าในหัวเริ่มแลเห็นเกาะสีชังอยู่ลิบ ๆ แต่พออ่านครบถ้วนเเล้ว นอกจากนิยายเรื่องนี้จะมีสีขาวอมชมพู ห่างไกลทะเลและคลื่นลม แต่ยังไม่ถึงกับเป็นบึงน้ำนิ่งหนองใหญ่ หากแต่เป็นลำธารเย็นใสไหลเรื่อย  ถึงจะมีเสียงซู่ซ่าเหมือนน้ำตกกระทบโขดเขินบ้าง  แต่ให้ความรู้สึกเหมือนสายธารในอ่างน้ำพุเซน อ่านสบาย อมยิ้มกับความน่ารักของผู้กองตะวัน ...ลองวาดภาพทหารหาญชายแดนนอนกอดปืนในสนามเพลาะ แล้วมีตุ๊กตาหมีพูหนุนนอนจะได้อารมณ์ประมาณกัน

    ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเพียงแค่น้ำตกในอ่างน้ำเซนน่ะหรือ ...เค้นถามตัวเองอยู่หลายรอบ ว่าใช่อคติไหมที่คาดหวังว่าเรื่องของนักข่าวสาวกับตำรวจตระเวนชายเเดนมันควรจะต้องมีความผูกพันผสมผจญภัยมากกว่านี้อีกนิดเช่น นางเอกถูกชนกลุ่มน้อยจับไปเป็นตัวประกัน แล้วความสัมพันธ์จึงก่อตัวขึ้นจากความยากลำบาก ...คำตอบมีหลายแบบ แต่ที่แน่ๆ แม้ว่าจะดำเนินเรื่องในรูปแบบนี้ก็สามารถชี้ให้เห็นความลึกซึ้งของความรักที่ผู้กองมีต่อพิงดาวได้ ถ้ามีการปูทาง ความรู้สึกจึงเหมือนกับว่า งานพับกระดาษยาก ๆ ชิ้นหนึ่ง มีชิ้นงานสำเร็จวางให้ดู แล้วบอกให้พับตาม โดยการเเกะตัวอย่างออก มันพอจะได้อยู่แต่ชิ้นงานที่ถูกแกะแล้วพับใหม่ มันช้ำไปนิด ถ้ามีภาพ 1 มา 2 ไล่ไป3 ปล่อยให้คนอ่านเพาะความรู้สึกตามทีละนิดจนออกดอกผลงดงาม น่าจะได้ความลึกซึ้งมากกว่านี้ และที่น่าเสียดายอีกจุดหนึ่งคือปมของพิงดาวนั้นไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เป็นรูปธรรมมากนัก นอกจากการรีๆรอๆไม่กล้ารับไมตรีจากตะวันฉาย

    หากท่านผู้อ่านวางใจนุ่มนวล จะเห็นความจริงหลายๆ ข้อที่ผู้กองตะวันฉายชี้ให้พิงดาวได้เห็นพลอยให้เราได้รับรู้ไปด้วย  ว่าตะวันและดวงดาวนั้นไม่เคยอยู่ห่างแม้เราจะมองเห็นไม่พร้อมกัน อ่านแล้วนั่งอมยิ้ม นึกถึงคำของลูกสาววัย5ขวบ ที่ถามถึงข้อนี้ ...ท่าจะต้องขอยืมคำผู้กองไปตอบเสียหน่อย ...จริงแท้เเน่เชียวว่าไม่ใช่ความผิดของตะวันและดาวสักหน่อยหากเรา ...ขอเน้น เรา จะมองเขาทั้งสองไม่เห็น  เป็นข้อแก้ต่างที่ทำลายความกริ่งเกรงในการมีคู่ของพิงดาวได้อย่างชะงัด  กล่องดอกรักที่ตะวันฉายมอบให้พิงดาวนั้นดูแลง่ายๆด้วยใจ บ่วงรักกลางตะวันก็เช่นกัน

     

    เส้นด้ายสีแดงที่มองไม่เห็น ผูกปลายนิ้วก้อยของเนื้อคู่แท้สองคนเอาไว้ แม้จะห่างไกลกันเพียงใด สักวันด้ายแดงเส้นนั้นจะนำพาให้คนทั้งสองได้พบกัน และครองรักจนชั่วนิรันดร์

     

     เกือบจะลืมสิ่งสำคัญอันดับที่1 บ่วงรักกลางตะวันนั้นน่าจะเป็นการทดเเทนความสูญเสียที่ใจอย่างแท้จริงสำหรับวีรบุรุษท่านนั้น เรามักจะเสียดายร่ำไห้เสมอเมื่อมีฮีโร่เกิดขึ้น เพราะฮีโร่ส่วนใหญ่มักจะเหลือไว้เพียงในความทรงจำ ตะวันฉายเป็นตัวแทนของฮีโร่สถิตย์อยู่ในใจ ที่พิงดาวยังสัมผัสได้จริง ๆ   

    2สำหรับสาว ๆ  บุหลันขอเเนะนำให้หัดต้มไข่ เผื่อผลของการทำนายจะได้สมหวัง ...อยากรู้ว่าทำนายอะไร ต้องทำอย่างไร .. ขออนุญาตอุบไว้ ไปตามหากันเอง แต่อย่าติด...บ่วงรักกลางตะวัน เสียก่อนนะเจ้าคะ ... ด้วยรักและห่วงใย
    บุหลันบัณรสี
    1/02/2012

     

      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×