ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นักเรียนหมอขอเมาท์

    ลำดับตอนที่ #33 : เมาท์ : กว่าจะมาเป็นอาจารย์ใหญ่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.29K
      7
      4 ก.ค. 53

    อาจารย์ ใหญ่



                 
       อาจารย์ใหญ่ ในความหมายของใครหลายคน  อาจเป็นเพียงบุคคลเดินดินธรรมดา  มีชีวิต  มีลมหายใจ  ไม่ต่างอะไรไปจากพวกเรา  และเป็นบุคคลที่มีหน้าที่เน้นหนักไปในด้านการบริหารสถานศึกษามากกว่าการทำ หน้าที่สอน  อันเป็นหน้าที่หลักของบุคคลที่ได้ขึ้นชื่อว่าครู  ดังนั้นหากจะกล่าวว่า  อาจารย์ใหญ่ของบุคคลเหล่านั้นเป็นนักบริหารมากกว่าครูผู้สอนก็คงจะไม่ผิด นัก  หาก “อาจารย์ใหญ่” ในความหมายของนักศึกษาแพทย์กลับมิได้เป็นเช่นนั้น

                   มนุษย์เราในยามแก่ชรา  สังขารที่เริ่มโรยรา และโรคภัยที่คอยรุมเร้าทำให้เริ่มตระหนักถึงบาปบุญคุณโทษ และสิ่งที่เคยกระทำไว้ในอดีต  บ่อยครั้งที่มักจะนึกสงสัยว่า  ตายแล้วไปไหน  ตายแล้วจะรู้สึกอย่างไร  เราอยากรู้พร้อมกับหวาดกลัว  เราใฝ่หาคำตอบ  แต่กลับไม่คิดจะลองหาคำตอบด้วยตัวเอง  ด้วยเหตุนี้เราจึงทำได้เพียงหมั่นทำบุญทำทานสร้างกุศล  เพื่อที่ว่าผลบุญนั้นจะเป็นเสมือนแสงไฟนำทางดวงวิญญาณไปสู่ภพภูมิที่ดีได้ หลังจากที่หมดลมหายใจไปแล้ว  และการทำบุญอย่างหนึ่งที่เชื่อกันว่าเป็นการให้ทานอันยิ่งใหญ่นั้น  ก็คือการบริจาคร่างเป็นอาจารย์ใหญ่ให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษาเล่าเรียน  คุณป้าคนหนึ่งที่เคยมาบริจาคร่างกายกล่าวไว้ว่า  เราตายไปแล้ว  เวลาเขาเอาเข้าเตาเผายังไม่รู้ร้อนเลย  จะกลัวอะไรกับเพียงแค่คมมีดที่กรีดลงมาบนร่างเรา  สู้บริจาคร่างให้พวกหมอเขาเรียนดีกว่า  อย่างน้อยก่อนตายก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น  อาจารย์หมอ  เผื่อว่าผลบุญจากการเป็นอาจารย์ครั้งนี้จะส่งผลให้ชาติหน้ามีชีวิตที่สุข สบาย


                    แม้ พระพุทธเจ้าจะเคยตรัสไว้ว่า  ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา  เพราะเมื่อตายไปแล้วก็ไม่สามารถนำติดตัวไปด้วยได้  แต่เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยการปรุงแต่งและการถือครอง  เราก็ต้องเคารพกฎที่เขายึดถือกันมา  ในเมื่อตลอดชีวิตที่ผ่านมา  เราเป็นผู้บังคับร่างๆ นี้ให้คอยทำสิ่งนั้นสิ่งนี้  ดังนั้นกรรมสิทธิ์ในร่างนี้จึงตกเป็นของเราโดยชอบธรรม  และถือเป็นหนึ่งในมรดกที่จะตกทอดไปสู่ลูกหลานหากเราถึงแก่กรรม  ดังนั้นหากปรารถนาจะเป็นอาจารย์ใหญ่  สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือเขียนพินัยกรรมมอบร่างให้กับโรงเรียนแพทย์ที่ต้องการ บริจาคเสียก่อน  เพื่อที่ว่าหลังจากที่เราตายไปแล้วนั้น  เจ้าหน้าที่จากโรงเรียนแพทย์ที่เราทำเรื่องไว้จะได้มีสิทธิ์มารับร่างของเรา ไปฉีดน้ำยา  ก่อนส่งกลับมาให้ญาติประกอบพิธีกรรมทางศาสนาซึ่งจำกัดเวลาไว้ไม่เกินห้าวัน  แล้วจึงมารับกลับไปอีกครั้งเพื่อฉีดน้ำยาเพิ่มและนำไปแช่ในถังดองขนาดใหญ่ รวมกับอาจารย์ใหญ่ท่านอื่นๆต่อไป

                    ความพิเศษของน้ำยาที่ใช้ฉีดเพื่อรักษาร่างของอาจารย์ใหญ่ก็คือ  หลังจากฉีดเข้าไปแล้วจะไม่ทำให้ร่างแข็งเหมือนกับน้ำยาที่ใช้ฉีดศพทั่วไป  แต่จะยังสามารถคงความอ่อนนุ่มไว้ได้เพื่อให้ง่ายต่อการผ่าศึกษาโดยนักศึกษา แพทย์  แต่หากเป็นการบริจาคร่างโดยใช้กระดูกแล้ว  เราจะหลีกเลี่ยงการฉีดน้ำยาโดยเด็ดขาด  เนื่องจากน้ำยาอาจไปมีผลต่อกระดูกได้  ดังนั้นร่างของอาจารย์ใหญ่ที่ประสงค์จะศึกษาส่วนที่เป็นโครงกระดูกจะถูกเลาะ เนื้อออกจนหมดแล้วนำไปกลบฝังในบ่อทราย  เพื่อให้ชิ้นเนื้อที่ยังคงติดกระดูกอยู่บ้างเน่าเปื่อยผุสลายจนเหลือแต่โครง กระดูกในที่สุด  จากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลจะนำกระดูกเหล่านั้นมาทำความสะอาดและเคลือบด้วย น้ำยาเพื่อยืดระยะเวลาการผุกร่อนออกไป  แล้วจึงนำมาร้อยเรียงกันเป็นโครงให้นักศึกษาแพทย์ได้เรียนกัน

                    ย้อนกลับไปยังร่างอาจารย์ใหญ่ที่จะต้องนำลงแช่ในถังดอง  หลังจากเจ้าหน้าที่รับร่างอาจารย์ใหญ่มาจากญาติหลังการประกอบพิธีกรรมทาง ศาสนาแล้ว  นอกเหนือไปจากการฉีดน้ำยาเพิ่มเติมตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น  อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องทำก่อนการนำร่างลงแช่ในถังดองก็คือ  การตัดผมให้สั้นกุดจนติดหนังศีรษะ  และการติดป้ายหมายเลขพร้อมทั้งปีที่บริจาคไว้ที่ข้อมือและข้อเท้าของอาจารย์ ใหญ่  ข้อมูลบนป้ายจะถูกจดลงบนกระดานเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและตรวจสอบ  หลังจากนั้นฝาถังก็จะถูกปิดจนครบตามกำหนดเวลาคือประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ซึ่งในระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลจะต้องหมั่นตรวจดูระดับน้ำยาในถังดองให้ เหมาะสมอยู่เสมอ

     

    ปลาย เดือนเมษายน  ใกล้ถึงกำหนดเวลาการพบกันระหว่างอาจารย์ใหญ่กับนักศึกษาแพทย์  เจ้า หน้าที่จะใช้รอกไฟฟ้าดึงร่างอาจารย์ใหญ่ขึ้นจากถังดองเพื่อนำมาล้างทำความ สะอาดให้เรียบร้อย    ก่อนนำมาห่อด้วยผ้าพลาสติกเนื้อหนาสีเขียว  ตามด้วยผ้าป่านเนื้อดิบสีขาวอีกชั้นหนึ่ง  แต่ก่อนการห่อนั้น  เจ้าหน้าที่จะต้องทาน้ำยาทั่วทั้งร่างอาจารย์ใหญ่เสียก่อน  เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างแห้งหรือเกิดเชื้อราขึ้น  ซึ่งภายหลังหน้าที่การทาน้ำยานั้นจะตกเป็นของนักศึกษาแพทย์แทน  โดยจะต้องทาทุกครั้งหลังจากศึกษาร่างอาจารย์ครบตามขอบเขตเนื้อหาในแต่ละวัน แล้ว

    กลาง เดือนพฤษภาคม  ถึงกำหนดเวลาการพบกันครั้งแรกระหว่างศิษย์และครู  ในวันนี้นักศึกษาแพทย์จะได้มีโอกาสเริ่มต้นทำความรู้จักกับอาจารย์ใหญ่ผ่าน การแนะนำโดยญาติของท่าน  ในตอนเช้าของวันนั้น  ทางคณะได้จัดให้มีพิธีมอบพวงมาลัยแด่ญาติของอาจารย์ใหญ่ขึ้น  เพื่อเป็นการฝากฝังตัวเป็นเสมือนลูกหลานคนหนึ่ง  และเพื่อเป็นการขอขมาลาโทษกับการกระทำในภายภาคหน้า  นั่นคือการผ่าร่างอาจารย์ใหญ่  ซึ่งอาจส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจของผู้เป็นญาติได้

                   ถัดจากพิธีมอบพวง มาลัย  คือการร่วมพูดคุยและสนทนาระหว่างนักศึกษาแพทย์กับญาติของอาจารย์ใหญ่  เพื่อสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยและความวางใจคล้ายเป็นครอบครัวเดียวกัน    จนกระทั่งในเวลาบ่าย  นักศึกษาแต่ละโต๊ะจะเดินนำทางญาติอาจารย์ใหญ่ประจำโต๊ะของตนไปยังห้องกาย วิภาคศาสตร์  ภายในห้องนี้จะมีโต๊ะเหล็กที่ใช้วางร่างของอาจารย์ใหญ่อยู่เต็มไปหมด  เมื่อไปถึงโต๊ะประจำกลุ่ม  ญาติจะเป็นผู้เปิดผ้าคลุมหน้าอาจารย์ใหญ่ด้วยตัวเอง  เพื่อกล่าวอำลาเป็นครั้งสุดท้าย

                   หนึ่งปีเต็ม หลังจากวันนั้น  คือการศึกษาเล่าเรียนวิชากายวิภาคศาสตร์จากร่างของอาจารย์ใหญ่อย่างจริงจัง  นักศึกษาแพทย์ทุกคนต่างมุ่งมั่นและตั้งใจต่อวิชานี้เป็นอย่างมาก  ทั้งนี้เพราะพวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า  ความรู้ที่พวกเราได้รับจากร่างของอาจารย์ใหญ่  จะทำให้การเสียสละของท่านเกิดประโยชน์สูงสุด  นอกเหนือไปจากความรู้ที่ได้รับ  คือความผูกพันที่มองไม่เห็น  คล้ายกับว่าอาจารย์ใหญ่เป็นญาติสนิทที่เราเคารพและศรัทธา    ท่านเป็นเสมือนกำลังใจสำคัญที่หล่อหลอมให้นักศึกษาแพทย์อย่างเราอดทนและมุ่ง มั่นต่อความยากลำบากในการเรียน  เพื่อที่จะก้าวไปสู่การเป็นแพทย์ที่ดีในอนาคตได้

                    เมื่อ การเล่าเรียนจบลง  ร่างของอาจารย์ใหญ่ทุกท่านจะถูกนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป  โดยผู้เป็นญาติจะต้องตัดสินใจระหว่างการนำร่างของท่านกลับไปประกอบพิธีเอง  หรือให้ทางคณะเป็นผู้ดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพให้  และญาติจะต้องแจ้งความจำนงด้วยว่าจะเก็บกระดูกข้อนิ้วของอาจารย์ใหญ่ไว้เป็น ที่ระลึกหรือไม่

                    พิธีพระราชทานเพลิงอาจารย์ใหญ่  เป็นอีกหนึ่งวาระที่นักศึกษาแพทย์และญาติของอาจารย์ใหญ่จะได้มีโอกาสพบปะและ ร่วมพูดคุยกันอีกครั้ง  หนังสือที่ระลึกที่พิมพ์แจกในงานเป็นเสมือนสื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้สึก ที่นักศึกษาแพทย์มีต่ออาจารย์ใหญ่ของพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนที่ร่างของท่านจะถูกนำเข้าเตาเผาและสูญสลายหายไปพร้อมกับเปลวเพลิง

                    นับถึงวันนี้ผ่านมา เกือบปีแล้ว  แต่ภาพของอาจารย์ใหญ่และบรรยากาศในการเรียนกับท่านก็ยังฝังแน่นอยู่ภายในใจ นักศึกษาแพทย์ทุกคนเสมอ  ความหวังในใจท่านที่ปรารถนาจะสร้าง แพทย์ที่ดีเพื่อปวงชน  คือจุดมุ่งหมายที่พวกเรานักศึกษาแพทย์ทุกคนยึดถือเป็นคติประจำใจตลอดมา  เราจะไม่เป็นเพียงแพทย์ที่เก่ง  แต่เราจะต้องเป็น “แพทย์ที่ดี”  ให้เสมอเหมือนความดีที่อาจารย์ใหญ่ทุกท่านพยายามถ่ายทอดปลูกฝังลงในตัวนัก ศึกษาแพทย์ทุกคนตลอดมา

     

     

     

    เปลือก ตาปิดสนิท หลับใหล

    ลมหายใจหลีกลี้หนีห่าง

    หัวใจไร้เสียงก้องกังวาน

    กระแสรักไหลผ่านสู่กลางใจ

    แม้กายท่านแน่นิ่งไม่ขยับ

    แม้หูไม่สดับตรับฟังเสียง

    แม้ไม่อาจเอ่ยเอื้อนถ้อย สำเนียง

    หวังแค่เพียงสอนศิษย์ด้วย ความดี

                                                                                                                   

                                                                                                                                                   

    โดย...นศพ. ธัญญกมล  ผู้ศรัทธาธรรม


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×