ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Going Crazy : เฮ้ย! นี่ผมชอบผู้ชาย : HaeEun (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #36 : ตอนที่ 33

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.6K
      6
      13 ต.ค. 53

    ตอนที่ 33

     

    “คีย์พูดไม่เข้าหูฉันว่ะ...เอ่อ... ไม่รู้ดิ... ฉันคงพูดไม่ดีกับเขาด้วยมั้ง...คีย์มันเลยแรงมา ฉันโมโห...เลย... ฉันมันเลวเองแหละ”

                “เลว? เลวอะไร ยังไง?”

                “ฉันมันเลว ดงแฮไม่เกี่ยว” ชีวอนยังย้ำอยู่นั่น ว่ามันเลว มันเลว...

                “ขอร้องชีวอน เล่าแบบละเอียด” ผมชิงพูดดักไว้ เมื่อชีวอนทำท่าจะหยุดเรื่องเล่าไว้เพียงเท่านั้น มันจะรวบรัดเกินไปแล้ว

                “ก็จะให้ละเอียดยังไงวะ เท่านี้แหละ.... ดงแฮมาตอนฉันหลับ...มันมาบอกฉันทีหลังว่า เข้ามาเห็นฉันกับคีย์นอนด้วยกันในห้องนอน มันก็บอกว่าตกใจนิดหน่อย แต่มันนั่งรออยู่ข้างนอก จนคีย์ลุกออกไป...เจอดงแฮล่ะมั้ง พอฉันตามคีย์ออกมาก็เห็นคีย์ร้องไห้แล้ว แล้วพอคีย์มันหันมาเจอฉัน มันก็วิ่งออกจากห้องไปเลย ดงแฮมันเลยวิ่งตามไป ตอนนั้นฉันสับสนมากว่ะ ปวดหัวมากๆ...เลยนั่งรออยู่ในห้องนั่นแหละ จนดึก ดงแฮก็กลับมา...มาซัดฉันหมัดหนึ่งเลยพอพูดรู้เรื่อง ฉันรับปากมันว่าจะรับผิดชอบคีย์เท่าที่จะทำได้ แต่เด็กมันโคตรกวนตีน เอาใจยากสุดๆ อย่างที่นายเห็น...”

     

     

    “จริงเหรอ”

    “จริงเหรอวะ”

    “จริงๆ ใช่มั๊ย”

    ผมเฝ้าถามตัวเองตั้งแต่เดินแยกออกมาจากชีวอนและคีย์ บอกไม่ได้เต็มปากว่าดีใจ ที่ดงแฮไม่ได้ทำอย่างที่ผมเข้าใจ เพราะในความดีใจนั้นยังมีความรู้สึกผิดและโกรธตัวเองที่งี่เง่าคิดเองเออเองหมด ไม่ยอมฟังอะไรให้ดีก่อน ความหวังที่จะได้กลับมาคืนดีกันที่ดูเหมือนจะสุกสว่างในตอนแรก จึงค่อยๆ ริบรี่ลงทีละน้อย เพราะผมเกิดความรู้สึกละอายใจที่จะเดินเข้าไปหาดงแฮ ที่ผ่านมาผมต่างหากที่ไม่มั่นคง หวั่นไหวง่ายๆ กับใครๆ รอบตัว ในขณะที่ดงแฮไว้ใจผมมาตลอด ผมอยากขอโทษ...แต่รู้เลยครับ ว่าตอนนี้ผมไม่กล้า...แล้วผมจะทำยังไงดี

    “ฮยอกแจ!!” ผมนั่งกำพวงมาลัยรถแน่น ได้ยินแว่วๆ เหมือนมีใครเรียกอยู่ใกล้ๆ

    “ฮยอกแจ! ลงมาสิลูก” เสียงนั้นดังชัดขึ้น ผมเลยสะดุ้งเล็กน้อย แล้วจึงหันไปตามทางที่มาของเสียง

    “ลงมาสิจ๊ะ นั่งทำอะไรอยู่บนนั้น” ผมเพ่งมองเจ้าของเสียงอีกครั้ง...เฮ้ย นี่มันคุณแม่ของดงแฮนี่นา... เหลือเชื่อจริงๆ ผมขับรถมาบ้านดงแฮ... นึกดังนั้นเลยกวาดสายตามองไปรอบๆ พอแน่ใจในคำตอบว่าผมมาถึงที่นี่แล้วจริงๆ เลยถอนหายใจให้กับตัวเองไปทีนึง

    ผมลงจากรถ มาทักทายคุณแม่ และออกจะงงๆ นิดๆ เมื่อคุณแม่มีท่าทางตื่นเต้นดีใจ เหมือนจะโล่งใจ มันออกจะผิดปกตินิดๆ

    “กินอะไรมารึยัง?” คุณแม่ยิ้มกว้าง ลูบหัวลูบแก้มผม “ไปๆๆ เข้าไปในบ้านก่อนนะ แม่ดีใจจริงๆ ที่ฮยอกแจมา” แล้วผมก็ถูกจูงมือเข้าบ้านทันที คุณแม่ก็พูดนั่นพูดนี่ตลอด จนเข้ามานั่งลงโซฟาในห้องรับแขก คุณแม่นั่งลงข้างๆ และทำให้ผมรู้สึกอึดอัดขึ้นมา เพราะคุณแม่นั่งมองผมอยู่อย่างนั้น แถมนัยย์ตาท่าน ที่ผมเห็นเหมือนมีน้ำตาคลออยู่ และก็เหมือนมันมากขึ้นทุกทีๆ

    ผมได้แต่นั่งนิ่งๆ ทำตัวไม่ถูก ส่งยิ้มแห้งๆ ให้ท่าน

    “เดี๋ยวแม่ไปเอาขนมมาให้นะ” คุณแม่พูดขึ้น หลังจากมองผมแบบซึ้งๆ อยู่นาน อดไม่ได้ที่จะมองตามท่านไป จนท่านเดินหายไปตรงทางเลี้ยวที่จะเข้าห้องครัว และตอนนั้นพี่สาวดงแฮก็เดินสวนออกมา

    นี่ก็อีกคนครับ พอเห็นผมเท่านั้นแหละ ก็ตาโต ยังดีที่พยายามเก็บความตื่นเต้นไว้บ้าง แต่ผมก็ยังรู้อยู่ดีว่าเธอดีใจ.... ตื่นเต้นอะไรนักหนาไม่รู้สิครับ

    “ฮยอกแจ.... โอยยย พี่นึกว่านายจะไม่มาซะแล้ว”

    “ครับ ผมมาเยี่ยม” ผมบอกไป แล้วมองผู้ชายอีกคนที่เดินตามมายืนข้างๆ พี่สาว คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นพี่เขยของดงแฮครับ พี่เขาสะกิดไหล่แฟนตัวเองแล้วมองด้วยสีหน้าที่มีคำถาม... และผมก็เห็นพี่สาวพยักหน้าให้ แล้วถึงหันมายิ้มให้ผมต่อ

    คุณแม่ออกมาพร้อมคุกกี้และน้ำ ผมหยิบมากินสองสามชิ้น ในใจนึกถึงจุดประสงค์ที่ทำให้ผมมาที่นี่อยู่ตลอด

    “เอ่อ.. ดงแฮอยู่มั๊ยครับ” ผมถามทั้งที่ยังก้มหน้าวางคุกกี้ชิ้นที่สี่ไว้ตามเดิม ที่จริงผมยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ อยู่

    “อยู่บนห้องจ๊ะ/อยู่บนห้องน่ะ/บนห้องครับ” ทั้งสามคนประสานเสียงตามพร้อมกัน ผมก็รู้สึกนะครับว่ามันแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากมาย

    “งั้น ผมขึ้นไปหาดงแฮนะครับ” ผมบอกแล้วมองสบตาทุกคน และทั้งสามคนก็พยักหน้าให้ผมพร้อมกัน เอาเข้าไปสิครับ

    ผมยืนทำใจอยู่หน้าห้องดงแฮประมาณ 5 นาทีได้ครับ จะเคาะก็ไม่กล้า จะเรียกก็ยิ่งไม่กล้า...เอาไงดีวะ

    “จะยืนอยู่อีกนานมั๊ย”

    ผมรีบหันไปมองข้างๆ ทันที

    “คุณพ่อ” ผมครางเรียก

    “จะเข้าไปไหม” คุณพ่อถามครับ

    “เอ่อ.....” จะบอกยังดีล่ะครับ

    “ถ้ายัง ฉันขอคุยด้วยหน่อย”

    “....ครับ” ผมจำต้องเดินตามคุณพ่อไป เราเข้าไปในห้องทำงานของท่าน รู้สึกเกร็งๆ เพราะท่านมีสีหน้านิ่งตลอด

    “นั่งสิ”

    “ครับ”

    “..............”

    “.............” ในห้องเงียบไป และผมก็ชักจะอึดอัด คุณพ่อบอกจะคุยกับผม แต่กลับเงียบซะงั้น จะให้ผมชวนคุย...มันก็ไม่ใช่ เผลอๆ พูดอะไรผิดไปอาจโดนด่าก็ได้ จำได้มั๊ยครับว่าดงแฮแต่ก่อน เวลาผมพูดอะไรไม่เข้าหู มันจะด่าผมจนอึ้งไปเลย และที่ผมกำลังจะบอกคือ พ่อลูกไม่ต่างกันครับ

    “ดงแฮสัญญากับฉัน....” นั่นไง ท่านเริ่มพูดแล้วครับ เข้าประเด็นเลยด้วย

    “....ว่าถ้าฉันยอมให้มันคบกับเธอ มันจะรับช่วงต่อจากฉัน....” อะไรนะ คบ! คบอะไรครับ

    “ทั้งๆ ที่ลูกชายฉันมันปฏิเสธมาตลอด ดงแฮมันไม่อยากเข้ามาทำงานในบริษัทพ่อตัวเอง ฉันเดาว่าเธอก็รู้ข้อนี้ใช่ไหม...” ยอมรับครับ ว่าผม...ไม่รู้เลย

    “นั่นก็เพราะ ดงแฮอยากประสบความสำเร็จ โดยการเริ่มจากศูนย์ ไม่ใช่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังไม่เริ่ม อย่างที่ฉันจะหยิบยื่นให้มัน ฉันเป็นพ่อมันฉันรู้ดี แต่พอมันรู้ว่าฉันจะขัดขวางเรื่องความรักของมัน ดงแฮกลับยอม จำใจยอม เพราะมันคิดว่าสิ่งที่กำลังปกป้องไว้สำคัญกว่า” ลึกซึ้งจัง

    เข้าใจที่พูดหรือเปล่า

    “คือ บอกตามตรงนะครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจครับ”

    “ไม่น่าเชื่อนะ ว่าลูกชายฉัน จะมาจนมุมเพราะคนซื่ออย่างเธอได้”

    “......................”

    “ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอรักลูกชายฉันหรือเปล่า”

    “...................”

    “เอ่อ ... คือ...”  ผมอ้ำอึ้ง กำลังคิดอยู่ว่าจะตอบออกไปดีหรือเปล่า แต่คุณพ่อก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ซะก่อน ผมเลยสลดลง...น่าสงสารตัวเองชะมัดเลยครับ

    “เธอ ไปคุยกับดงแฮเถอะ”

    “....ครับ” ผมลุกขึ้นเดินมึนๆ ออกมาจากห้อง นึกสงสัยครับว่าคุณพ่อเรียกผมไปคุยด้วยไม่กี่ประโยคแค่นี้เนี่ยนะ... แค่อยากรู้ว่าผมรักดงแอหรือเปล่า... ผมไม่รักผมไม่ตามมาง้อแบบนี้หรอกครับ

    ผมเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องดงแฮ มุ่งมั่นเคาะประตูเลยครับคราวนี้ ไม่ลังเลเลยซักนิด

    อ้าว...ดงแฮไม่เปิดประตูครับ ไม่มีเสียงตอบรับด้วย

    เอาวะ เคาะอีกครั้ง.................. แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ...................... เคาะอีกดิครับ..............

    ใครครับ”  ในที่สุด ก็มีเสียงดังออกมาครับ...เสียงดงแฮ...

    เดี๋ยวผมออกไป เมื่อผมมัวแต่ยืนตื่นเต้น ไม่ตอบดงแฮ มันเลยร้องบอกออกมา แต่เสียงดูเหนื่อยๆ ครับ

    ผมตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป ไม่สนล่ะครับ โชคดีที่มันไม่ล็อคประตู พอเดินเข้าไปดงแฮมันยืนหันหลังอยู่หน้ากระจก กำลังตั้งหน้าตั้งตาผูกไทด์อยู่ เราสบตากันในกระจก เข้าใจอารมณ์นี้มั๊ยครับ...เมื่อก่อนผมคิดว่ามันเป็นฉากงี่เง่าปัญญาอ่อนในหนัง พอมาเจอกันก็ไม่พูดกัน เอาแต่มองกันน้ำตาคลอ...มันไร้สาระสิ้นดี แต่พอเจอเข้ากับตัวเองวันนี้ ผมก็ทำปัญญาอ่อนแบบนั้นแหละครับ

    ยืนมองดงแฮ มันก็มองผมผ่านกระจก ทั้งที่มันยังยืนหันหลังให้ผม เมื่อดงแฮเอาแต่ยืนมองผม ผมเลยเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหามัน รู้สึกว่าขอบตาร้อนๆ แต่ไม่ถอยครับ

    มีธุระอะไรรึเปล่า” ดงแฮพูดขึ้นในขณะที่ผมจะก้าวไปถึงมันอยู่แล้ว เสียงไร้ความรู้สึกนั้นสิครับทำให้ผมชะงัก

    “... ห๊ะผมมึนๆ งง เหมือนเพิ่งรู้สึกตัว มันถามแบบนี้หมายความว่าไงวะ ดงแฮขยับเนคไทด์ครั้งสุดท้ายแล้วหันหน้ามาหาผม... ผมรู้สึกเหมือนปลายนิ้วชาๆ ไปแวบนึง แล้วความชานั้นมันก็วิ่งลุกลามไปตามแนวแขน จนหยุดที่หัวใจ... เหมือนหัวใจถูกบีบ จนจะทนไม่ไหวแล้วครับ อาการแบบนี้ บอกผมทีมันคืออะไร.... ดงแฮสีหน้าเฉยเมย ในชุดเสื้อเชิร์ตผูกไทด์ ผมเดาว่ามันกำลังไปทำงาน ขอบตามันคล้ำเล็กน้อยเหมือนคนไม่ได้นอน และก็ยอมรับครับว่ามันโทรมไปนิดนึง แต่ไม่รู้สิถึงจะดูหม่นหมองแต่การแต่งตัวในลุคนี้มันก็ยังดูดี หรือว่าผมคิดถึงมันจนไม่ลืมหูลืมตากันนะ

    “.... ไปไหนเหรอผมถามออกไปในที่สุด

    ทำไม มีอะไรว่ามาดงแฮหน้านิ่งไร้ความรู้สึก ย้ำครับว่าไร้ความรู้สึกจริงๆ มันพูดแบบไม่มองหน้าผมสักนิด โอยยยย จะทำร้ายจิตใจกันไปถึงไหนวะ

    เปล่า ไม่มีอะไร

    เมื่อผมบอกไป มันก็เดินผ่านผมไปคว้าเอาเสื้อคลุมสีดำบนเตียงนอน ทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง ดูมันทำสิครับ...เกินไปแล้วนะเว้ยยยย

    เดี๋ยวไปส่งนะ แต่ผมหน้าด้านครับ เสนอตัวเอง ดงแฮไปไหน ฮยอกแจไปด้วย รถคู่ชีวิตเก่าๆ เทียบไม่ได้กับรถใหม่แกะกล่องของมัน แต่ทำไมล่ะ...ก็ผมจะไปส่งอ่ะ

    ผมเห็นนะครับว่าดงแฮมันชะงัก แต่ครู่เดียวเท่านั้น มันก็เดินออกห้องไป ผมจะทำอะไรได้นอกจากเดินตามออกไป ให้ตายซิครับ ต้องมาง้อผู้ชาย ไม่คิดไม่ฝันเลย

    เดินลงมาผ่านห้องรับแขก คุณแม่ พี่สาว พี่เขย ยังนั่งอยู่พร้อมหน้า แต่ดงแฮสิครับมันเดินผ่านไม่สนใจใครเลย ด้วยความมารยาทดีของผม เลยหันไปยิ้มลาพวกท่านแล้วรีบเดินตามดงแฮออกมา ผมเริ่มเอะใจแล้วครับ..ว่าทำไมพวกท่านถึงมองตามลุ้นตามนัก  หรือว่ารู้เรื่องผมกับดงแฮหมดแล้ว จะว่าไปคุณพ่อยังรู้เลยนี่นา อย่างนี้ก็หมายความว่าทุกคนยอมรับได้งั้นเหรอ ผมกำลังคิดต่อว่าแล้วครอบครัวผมล่ะ ถ้ารู้เรื่องนี้เข้าแล้วจะเป็นยังไง... แต่ผมคงจะคิดไกลไป เพราะคู่กรณีของผมเดินขึ้นรถของมันไปแล้ว... ถ้าง้อมันมันสำเร็จ พ่อแม่ผมจะรู้หรือว่าไม่รู้ก็คงไม่สำคัญแล้ว

    ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูอีกฝั่งได้ทัน พอเอาตัวเข้าไปนั่งในรถได้ผมก็หันมองมันแบบเคืองๆ ครับ ก็ผมบอกอยู่ว่าจะไปส่ง มันดันทำแบบนี้ แต่ผมลืมไปครับว่าผมง้อมันอยู่ ผมจะตาเขียวตาขวางใส่มันยังไง ดงแฮมันก็ไม่แคร์ เลยสำนึกครับ ก้มหน้าเก็บความน้อยใจไว้ต่อไป

    จะบ่ายแล้ว ไปทำงานเหรอผมถามออกไป เมื่อมันขับรถออกมาจากบ้านแล้ว นึกสงสัยเหมือนกันครับ มันฝึกงานเสร็จแล้วเหรอ งั้นก็แสดงว่าดงแฮกับซีวอนมันเรียนจบอัตโนมัติแล้วเหมือนที่พี่เยซองว่างั้นสิ

    คำตอบจากคำถามของผมคือความเงียบจากดงแฮครับ ทำไงได้ล่ะครับ ผมคิดว่ายังไงผมก็คงต้องทนไปก่อน ยังไงซะวันนี้ผมต้องง้อดงแฮให้สำเร็จให้ได้ แต่พอเห็นหน้านิ่งๆ ของมันทีไร ขอบตามันร้อนฟ้องอาการน้อยใจทุกที ทั้งผมและมันต่างเงียบมองแต่ถนนกันอยู่พักใหญ่ จนเสียงดงแฮดังทะลุความเงียบขึ้น

    มีอะไรก็พูดมา

    แล้วจะให้ผมพูดอะไรล่ะครับ จริงๆ แล้วที่ตามดงแฮมานี่ ยังไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไร ผมเลยหันไปมองหน้ามันอีก คราวนี้ดงแฮหันมามองผมครับ... แต่เจอสายตาเฉยชาของมันเข้าไป ทำให้ผมยิ่งพูดไม่ออก

    ฉันต้องเข้าบริษัท ไม่มีเวลาให้นายทั้งวันหรอกนะดงแฮบอกต่อ เข้าบริษัทบ้าบออะไรบ่ายโมงแล้วนี่นะ ยอมรับครับว่าแอบด่ามันในใจ แต่ที่ผมแสดงออกก็เพียงพยักหน้าเข้าใจ แล้วนั่งเงียบต่อไป

    จนเมื่อรถวิ่งเข้าภายในบริษัท.... รถจอด... ดงแฮเดินเข้าลิฟต์... ออกจากลิฟต์ เดินเข้าห้องทำงาน ผมเดินตามตลอด นึกสงสารตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก พอเข้าไปในห้องทำงาน มีคนนั่งรออยู่สองสามคน ผมเลยทำตัวไม่ถูกแล้วครับ พวกเขามองมาที่ผม เหมือนกับกำลังสงสัยว่าผมเป็นใคร ผมมาทำอะไรที่นี่ ความรู้สึกของคนที่ไม่มีใคร ไม่มีที่พึ่งมันโดดเดี่ยวแบบนี้เอง ถ้าจะเดินเข้าไปหาดงแฮอยู่อีก ก็คงไร้ประโยชน์แล้วมั้งครับตอนนี้ ผมกำลังหันตัวกลับเพื่อจะเดินออกมา แต่ผมแทบไม่เชื่อตัวเอง...ว่ากำลังถูกดงแฮดึงให้เดินไปด้วย ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่พอดงแฮมันหันมาสนใจผมจริงๆ ถึงแม้จะแค่นิดเดียวก็เถอะ ผมกลับอ่อนแอขึ้นไปอีก กลั้นน้ำตาอย่างพยายามสุดๆ เลยครับ

    ดงแฮจูงมือผมพามานั่งลงโซฟารับแขกที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้องทำงาน

    “นั่งรออยู่นี่นะ อาจจะนานหน่อย รอได้รึเปล่า” มันถามผมด้วยเสียงเรียบๆ ไม่แสดงออกถึงความห่วงใย ไม่มีความใยดีในน้ำเสียง แต่ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกอุ่นใจได้อย่างประหลาด

    “ได้...” ผมตอบ และมองตามดงแฮเดินไปหาคนพวกนั้นที่โต๊ะประชุมเล็กๆ ตรงกลางห้อง

    เวลาผ่านไปนานเหมือนกัน ถึงแม้ผมจะหันไปมองดงแฮเป็นพักๆ แต่มองไปกี่ครั้งก็ยังเห็นดงแฮเครียด ทำท่าครุ่นคิดอยู่ทุกครั้ง มีบางเวลาที่พวกเขาลุกขึ้นเพื่อมองดูกระดาษแผ่นใหญ่บนโต๊ะและถกเถียงเกี่ยวกับสิ่งนั้นอยู่นาน บางช่วงที่ทั้งดงแฮและพี่ๆ สามคนนั้นเอาแต่ก้มอ่านเอกสารในแฟ้มของตัวเอง และบางช่วงที่พวกเขาเอาแต่พูด... บรรยาย... ให้กับดงแฮ ซึ่งเป็นคนเดียวที่นั่งฟังเงียบๆ

    ผมพลิกนิตยสารเล่มหนาๆ เล่มเดิมจนถึงหน้าสุดท้ายเป็นรอบที่สอง เลยรู้ว่าผมรอมานานมากแล้วจริงๆ และถึงจะนานอย่างที่ผมว่า แต่ดงแฮก็ยังไม่เสร็จงาน แล้วผมก็นั่งรอต่อไป เสียงกุกกักดังติดกันถี่ๆ เสียงร้องเท้ากระทบพื้นเหมือนมีคนเดินตามกันออกจากประตูไป.... ผมรู้มั๊ยครับ ใช่ ผมรู้ว่าการรอคอยของผมกำลังสิ้นสุดลง รู้ว่าดงแฮกำลังเดินเข้ามาหา... แต่จากประสบการณ์ในวันนี้ ที่ต้องเดินตามดงแฮต้อยๆ นั้น ผมคิดย้อนไปเห็นภาพที่ไม่น่าภูมิใจของตัวเองเท่าไหร่ ผมเลยบอกกับตัวเอง... ว่าผมต้องมีมาดบ้าง

    ดงแฮหยุดยืนอยู่หน้าผม ผมอาศัยความสามารถพิเศษมองแบบไม่ต้องเงยหน้า! เห็นว่าดงแฮยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ ผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดว่ายังไง...

    “น่าสนใจมากรึไง” ในที่สุดดงแฮก็ถามผมก่อน ผมเลยเงยหน้าขึ้นมองมันจนได้

    “อะไรนะ” ถ้าฟังไม่ผิดมันถามว่าอะไรน่าสนใจนะ

    “เห็นเอาแต่ดูอยู่นั่น” มันยักไหล่ ก่อนจะมองมาที่หนังสือในมือผม

    “ก็ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ” ผมยักไหล่ตอบบ้าง แล้วมันก็ยิ้มเหมือนกำลังพิจารณาผม บรรยากาศมันอึมครึม ขมุกขมัวครับ ผมเองก็ไม่คุ้นเคยเท่าไหร่

    “...............” ดงแฮไม่ต่อปากต่อคำ เดินผ่านหน้าผมไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งอยู่ถัดไปสามสี่ก้าว.... ช่างทรมานใจผมจริงๆ เดินเฉียดไปเฉียดมาแต่ยังไม่ได้พูดกันจริงๆ จังๆ ซักที

    ผมหลับตาทำใจก่อนจะลุกตามไป พอเข้าไปใกล้ ผมเห็นมันชายตาขึ้นมอง แล้วหันกลับไปเปิดแฟ้มบนโต๊ะ...เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย มันชักจะมากเกินไปแล้วนะเว้ยยย ชักจะไม่อยากทนแล้วนะ

    “ดงแฮ!” ผมเรียก เสียงคงห้วนๆ แหละครับ ดงแฮเงยหน้ามองผมเหมือนไม่ค่อยพอใจ ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ของมันด้วยครับ ผมเลยถอนหายใจบ้าง... มันจะลีลาไปถึงไหนกัน ผมรู้นะว่ามันก็อยากคุยกับผม ไม่งั้นไปดึงผมไว้หรอก

    “มีอะไรว่ามา” มันถามเหมือนที่ถามแล้วก่อนหน้านี้ ในสมองผมตอนนี้ไม่มีคำพูดใดอยู่เลย ผมจึงนั่งลงเก้าอี้อีกตัวตรงหน้าโต๊ะตัวนั้น เราจ้องหน้ากัน... ให้ตายเถอะ ผมอยากง้อมันจะตายอยู่แล้ว แต่เพราะท่าทางถือดี เฉยชาของมัน ทำให้ผมไม่อยากจะเริ่มพูดก่อน... นายจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่นะดงแฮ... ผมคิดในใจแล้วเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้

    “นายกำลังกวนโมโหฉันอยู่ใช่มั๊ย” ดงแฮถามเสียงเรียบๆ หน้าไร้ความรู้สึกได้แทงใจผมมาก...คงเส้นคงวาจริงๆ แล้วที่ยอมมาทำงานกับพ่อ...ไม่ใช่เพราะว่ามันแคร์ผมเหรอ ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้เรื่องระหว่างเราจบลงด้วยการจากลารึไง.... จากที่ผมได้นั่งคิดอะไรหลายอย่าง...และนึกถึงคำพูดคุณพ่อของดงแฮ... ผมถึงเข้าใจว่าคำพูดท่านหมายความว่ายังไง

    “นายคิดว่าอย่างนั้น?” ผมพูดเสียงสูง... ใช่ กวนพอมั๊ยล่ะ ขอผมเอาบ้างเถอะ...มันกวนตี---นผมมาทั้งวันแล้ว

    “พูดธุระของนายมาซะที” ดงแฮโน้มหน้ามาจ้องผมอีก พร้อมกับวางสองแขนไว้บนโต๊ะ

    “..................”

    “......................”

    “ฉัน.... ว่า... นายเข้าใจฉันผิดอยู่” เฮ้อออ ในที่สุด ผมก็ทำสำเร็จ ถึงจะแค่ประโยคเดียว...แต่มันคือการเริ่มต้นอันยิ่งใหญ่!!

    “เรื่อง?”

    “ฉัน...ไม่ได้ชอบคิบอม”

    “ฉันรู้” ดงแฮบอก... ผมถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อดงแฮยังมีท่าทางไม่ต่างจากเดิม...เพราะผมยังไม่พูดสิ่งที่ควรจะพูดใช่มั๊ย

    “แล้วทำไมวันนั้นนายไม่ฟังฉันก่อน!” ผมพูดออกแนวหาเรื่อง... เมื่อไม่รู้จะพูดถึงเรื่องที่เข้าใจผิดดงแฮว่ายังไง...ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นด้วยคำว่าขอโทษดีรึเปล่า... ไม่รู้ว่าพูดไปแล้วดงแฮยังจะเฉยชาอยู่อีกมั๊ย...เมื่อมีแต่ความไม่รู้ ผมเลยหงุดหงิด และพาลใส่ดงแฮในที่สุด

    “ฟัง! ฟังอะไร นายจะพูดอะไรมั๊ยวันนั้น... นี่เหรอที่นายอยากจะพูดกับฉัน” ดงแฮเริ่มใส่อารมณ์เหมือนกัน

     “ใช่! เพราะนายเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่มองคนอื่น ไม่รู้หรอกที่ผ่านมาฉันเป็นยังไง ฉันรู้สึกยังไง วันนั้นที่ฉันเห็นเป็นใคร ใครก็คิดทั้งนั้นแหละ” ผมหยุดหายใจ โล่งใจเล็กๆ เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มเข้าเรื่องแล้ว

    “ตกลงนายแค่จะมาบอกว่าเห็นฉันกอดคีย์ นายเลยเข้าใจผิด อยู่ในห้องกับคิบอมทั้งคืน แล้วบอกเลิกฉัน เท่านั้นใช่มั๊ย” ดงแฮพูดจบ มันก็ลุกขึ้นหันหลังให้ผม โน้นครับ...มองดูยอดตึกข้างๆ โน้น

    “ฟังดูนายก็รู้หมดแล้ว ฉันจะต้องพูดอะไรอีก” ชีวอนคงเล่าให้มันฟังแล้วแน่เลยครับ

    “แล้วนายต้องการอะไร” ดงแฮหันกลับมาถามผม... ผมน่าจะขอโทษไปซะ...ทำไมผมถึงไม่พูดนะ

    “.................” ผมไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นยืนเหมือนกัน... ผมต้องการจะมาขอโทษ แต่ผมทำมันพัง...แล้วผมต้องเดินกลับไป แบบนั้นสินะ

    “ท่าทางนายก็ไม่ได้ต้องการอะไรแล้ว...ฉันก็ไม่ต้องการเหมือนกัน” ผมเบือนหน้า หันหลังแล้วก้าวเดิน...หนึ่งก้าว...สองก้าว...สามก้าว... มันก็ยังไม่เดินตามผม...สี่ก้าว...ห้าก้าว...ก็ยังเงียบเหมือนเดิม ผมเลยก้าวต่อมุ่งหน้าไปยังประตู แต่ตอนนี้เองครับที่ผมได้ยินเสียงก้าวเท้าไวๆ ตามมา

    “นายก็เป็นแบบนี้แหละ...” ดงแฮคว้าเอวผมให้หันกลับไปหา สีหน้ามันมีรอยความโมโหบ้าง แต่น้ำเสียงฟังดูเหมือนตัดพ้อผมมากกว่า

    “ฉันขอโทษ” ผมบอกทันทีที่หันไป ดงแฮเงียบ ผมก็เงียบ และผมก็รออยู่ว่ามันจะพูดอะไร

                “...................”

                “..................”

    “อย่าเป็นแบบนี้อีก... มันเหนื่อย รู้รึเปล่า” มันพูด หน้ายังนิ่ง ไม่ยิ้มซักนิด

    “.................”

    “ว่าไง”

    “นายก็อย่าเป็นแบบนี้อีก” ผมบอก...ผมก็ช้ำเหมือนกันนะ ที่มันเฉยชากับผม

    “แบบไหน?” ดงแฮถาม และผมก็ได้เห็นรอยยิ้มบางๆ ของมัน

    “แบบนี้แหละ” ผมบอก จากที่ดงแฮยืนโอบเอวผมอยู่ มันก็ขยับตัวและแขน...พลิกตัวผม แล้วมันก็กอดผมจากด้านหลัง

    “ฉันยังไม่หายโกรธ เพราะฉะนั้นไม่มีข้อต่อรองทั้งนั้น” มันบอก แล้ววางคางลงบนไหล่ผม

    “จะให้ทำไง” นาทีนี้ ผมยอมครับ ไม่อยากจะโกรธกันอีกแล้ว

    “ตอนนี้ยังไม่รู้... แล้วจะบอกทีหลัง” ฟังน้ำเสียงดงแฮแล้ว รู้สึกว่าเริ่มจะปกติแล้ว

    “ฉันไม่ได้ชอบคิบอมจริงๆ นะ” ผมบอกอีกครั้ง เมื่ออดคิดไม่ได้ว่า ดงแฮอาจจะยังติดใจเรื่องนี้อยู่

    “............” เงียบอีก

    “ดงแฮ” ผมเรียก...ได้ยินเสียงตัวเองเบาๆ... ผมกำลังจะทำซึ้งใช่มั๊ยเนี่ย

    “หื๊มมม” มันขานรับเสียงเบาๆ เหมือนกัน... เข้าทางผมแล้ว ผมขยับตัว พยายามจะหันกลับไปมองหน้ามัน แต่ถูกมันกอดไว้อย่างเดิม... เฮ้อออ อยู่อย่างนี้ก็ได้วะ

    “ที่จริงเราไม่ได้เจอกัน คุยกันแบบนี้ตั้งแต่นายไปฮ่องกงใช่มั๊ย” ไม่ใช่คำถามครับ มันเป็นแค่ประโยคเล่าของผม

    “เกือบสองเดือน” ดงแฮพูด คางมันขยับอยู่บนไหล่ผม...โรแมนติกแบบแปลกๆ ครับ

    “ฉันคิดถึงนายมาก...” ผมพูดจากใจเลยครับ

    “...............” เงียบอีกแล้ว

    “...............” ผมยังรอฟัง ว่าดงแฮน่าจะพูดอะไรบ้าง

    “....ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะ” แล้วมันก็พูดประโยคนี้แหละครับ...ประโยคที่ทำให้ผมเริ่มคิด...จะเอายังไงดี ผมรู้ก่อนจะพูดดงแฮก็คิดทบทวนอยู่นานเหมือนกัน มันไม่ใช่คำชวนของเพื่อนที่ชวนเพื่อนมาอยู่ห้องด้วยกันเพื่อแชร์ค่าห้อง...แต่มันเป็นเหมือนคำขอ... จากผู้ชายที่ผมเรียกว่า...คนรัก

    ผมนึกถึงในห้องของคอนโดดงแฮ ผมชงกาแฟอยู่ตรงครัว...ดงแฮเดินจากห้องนอน มาเปิดตู้เย็น แล้วเราหันไปยิ้มให้กัน.... นั่นหมายความว่าถ้าผมตอบตกลง เราก็จะใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น มันคือการใช้ชีวิตร่วมกัน.... แล้วผมพร้อมหรือยัง ผมกับดงแฮพร้อมจะเป็น.. “คู่รัก” แล้วเหรอ

    “ตลก เราโกรธกันมาเป็นเดือน นายยังไม่หายโกรธฉัน เราเพิ่งจะทะเลาะกันไปหยกๆ นายเอาเวลาไหนไปตัดสินใจ...ว่าเราควรจะอยู่ด้วยกัน...” ให้ตายเถอะ หลังจากผมอึ้งไปชั่วขณะ ผมก็สบสัน และคิดไปไกล ผมพูดออกไปแบบเร็วๆ ผมสงสัยเหมือนกันว่าผมคิดอย่างที่พูดจริงๆ หรือว่าผมกำลังเลี่ยงที่จะตอบดงแฮกันแน่

    “......ฉันจริงจัง” ดงแฮเงียบไป ก่อนจะพูด...อืม...จริงจังจริงๆ ด้วยสิ ผมเลยหันมาจะมองหน้ามันอีกครัง และครั้งนี้มันยอม...

    “....พิสูจน์สิ” ผมแกล้งพูด หลังจากนิ่งคิดอยู่ครูหนึ่ง... คำว่าจริงจังของดงแฮ ทำให้ผมมีความมั่นใจขึ้น

    “ลืมอะไรรึเปล่า ฉันยังเป็นคนคุมเกมอยู่ไม่ใช่รึไง” ดงแฮบอก...ผมไม่ลืมหรอกครับ ที่มันบอกว่าผมไม่มีสิทธิจะมีข้อต่อรอง

    “งั้น ฉันจะมีทางเลือกอะไรอีกล่ะ” นี่แหละคำตอบของผม ก่อนจะพูดผมรู้สึกหวั่นใจ แต่พอตอนที่ผมบอกออกไปจริงๆ มันเหมือนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหันฟังดูเหมือนอยู่เหนือความคิด แต่ท้ายที่สุดมันก็เป็นคำตอบที่ผมพอใจและดีใจกับสิ่งที่พูดไป ส่วนดงแฮดีใจรึเปล่า...ไม่รู้สิครับ ดงแฮจ้องมองผม ไม่ยิ้ม ไม่มีคำพูด ไม่มีท่าทางที่แสดงออกถึงความรู้สึก สิ่งที่ผมรับรู้ได้มีเพียงแววตา...ที่จ้องมองผมเนินนาน

    ผมคิดดูแล้ว เหตุผลที่ผมตัดสินใจจะย้ายไปอยู่กับดงแฮ...ถ้าเหตุผลของผมคือคำว่า ”พร้อม” มันคงจะมีน้ำหนักเบาบางมาก แต่เหตุผลจริงๆ มันไม่ใช่คำนั้น.... เพราะผม “รัก” ดงแฮต่างหาก ดังนั้นมันก็คุ้มที่จะลองแล้วไม่ใช่เหรอ ผมยังไม่รู้...อีกเดือน สองเดือน หนึ่งปี หรือหลายปีจากนี้ เราจะเป็นยังไงบ้าง แต่ ณ วันนี้ ผมมีดงแฮอยู่ข้างๆ แค่นี้ผมก็พร้อมแล้วที่จะก้าวเดินไปกับมัน

     

     

     

     

     

    The End





    รวมเล่มแล้วนะจ๊ะ รายละเอียด >>
    http://writer.dek-d.com/bluesyndrome/story/viewlongc.php?id=544921&chapter=37

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×