คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : เมียรับจ้าง :: VII (rewrite)
“โธ่เว้ย!!! ไม่น่าเผลอเลย” ร่างสูงสบถออกมาเสียงดังขณะยืนกดเงินอยู่หน้าตู้เอทีเอ็ม เขาเผลอหลงใหลในแผ่นหลังขาวบางนั้น เขาเผลอสัมผัส เขาเผลอจูบ และเผลอจินตนาการไปไกลถึงตอนที่กำลังร่วมรักกับร่างบางนี้ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆเลย
“นั่นมันอี้ชิง นั่นมันผู้ชายนะเว้ยอี้ฟาน มีอันนั้นเหมือนแกนะเว้ย” พร่ำบ่นกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก คล้ายหลอกความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ในห้วงลึกของหัวใจ
“สงสัยฉันต้องไปฝึกห้ามใจตัวเองซะหน่อย เข้าวัดนั่งสมาธิเลยดีมั้ย ไม่งั้นได้หมดตัวจริงๆแน่อี้ฟาน” ขายาวก้าวกลับเข้ามาในร้านอีกครั้ง แต่ดวงตาคมก็ต้องเบิกโพลงเมื่อพบกับแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ
“อ้าวพี่คริส! มาทำอะไรที่ร้านนี้คะเนี่ย” หญิงสาวเจ้าของเสียงหวานถลาเข้าไปกอดวงแขนแข็งแรงของร่างสูง แววตาคู่สวยทอประกายสดใส ริมฝีปากสีสดวาดยิ้มหวาน รอยยิ้มที่ไม่ว่าใครๆก็ต้องหลงใหล แต่ไม่ใช่สำหรับคริสในเวลานี้ เมื่อดวงตาสีเข้มสบกับนัยน์ตาสวยที่ฉายแววเฉยชาออกมาอย่างเห็นได้ชัดของบุคคลที่มาด้วยกันกับเขา
“เอ๊ะ! หรือว่ามาซื้อของขวัญวันเกิดให้ทิฟคะ?” เธอเอียงคอถามชายหนุ่มด้วยท่าทางที่ดูน่ารัก แต่เมื่อเห็นว่าดวงตาคู่นั้นยังคงทอดมองไปทางชายหนุ่มตัวบางที่นั่งอยู่บนโซฟา มือเรียวสวยจับที่คางมนของคริสให้หันหน้ามาสนใจเธอแทน
“พี่มาซื้อชุดให้ม๊าน่ะ แต่ก็มาซื้อของขวัญให้ทิฟด้วยเหมือนกัน”
“แล้วพี่จะซื้ออะไรให้ทิฟเหรอคะ?” เมื่อได้ยินคำตอบที่น่าพอใจเธอก็ยิ้มกว้างตาหยี
“ยังไม่รู้เหมือนกัน” คริสตอบเสียงเรียบ ความจริงเขาซื้อของเตรียมไว้ให้สำหรับทิฟฟานี่แล้ว แต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นของอี้ชิงอย่างไม่ได้ตั้งใจ ลิปสติกสีส้มนู้ดที่เขาบอกกับอี้ชิงว่าเป็นของขวัญสำหรับคู่นอนของเขา ก็คือของทิฟฟานี่นั่นเอง เธอเป็นคู่นอนอีกคนที่คริสยังคงติดต่อด้วย เพราะทิฟฟานี่น่ารัก ขี้อ้อน เอาใจเก่ง เขาจึงจัดเธอให้เป็นผู้หญิงในคอลเลคชั่นระดับดีเยี่ยม
“ถ้าพี่คริสยังไม่รู้จะซื้ออะไรให้ทิฟ งั้นทิฟขอของขวัญจากพี่คริสเลยแล้วกันนะคะ”
“เอาสิ อยากได้อะไรล่ะ?”
“ขอชุดสวยๆสำหรับปาร์ตี้คืนนี้สักชุดแล้วกันนะคะ” ทิฟฟานี่ทำเสียงออดอ้อน แถมยังซุกใบหน้าถูไปมากับท่อนแขนของร่างสูง คริสไม่ตอบอะไรกลับไปทำเพียงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ทำให้หญิงสาวรีบผละตัวออกและเดินไปยังราวแขวนเสื้อผ้าทันที
‘ลิปอันนั้นก็คงเป็นของสาวสวยคนนี้สินะ’ อี้ชิงเหม่อนึกถึงคำพูดของคริสเกี่ยวกับของขวัญชิ้นนั้น แต่ก็รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมีใครบางคนทิ้งตัวลงข้างๆเขา
“ลองชุดหมดแล้วใช่มั้ยอี้ชิง?” เขาถามเสียงเรียบ ตามองตรงไปข้างหน้าไม่แม้จะหันมาสบตากับอีกคนที่กำลังจ้องเขาอยู่เลย
“เสร็จแล้วครับ! คุณคริสเรื่องที่ห้องลองชุดผม...” เมื่อเห็นท่าทางไม่สนใจของร่างสูง อารมณ์ที่เคยดับมอดลงกลับคุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง อี้ชิงกระแทกเสียงตอบอย่างไม่พอใจ ก่อนจะพูดเกี่ยวกับเรื่องที่คริสจูบแผ่นหลังในห้องลองชุด เขาอยากให้คนข้างๆรู้ว่าเขาโกรธมากแค่ไหน แต่มันก็ทำเขาเขินมากด้วยเช่นกัน
“อ่ะ แสนวอน” ยังไม่ทันที่ร่างบางจะพูดจบ คริสก็แทรกขึ้นมาทันทีก่อนจะหยิบเงินสดจำนวนแสนวอนส่งให้อี้ชิง จำนวนนี้ไม่ได้มากมายเกินไปสำหรับคริส แต่ติดตรงที่เขาไม่เคยพกเงินสดมีแต่บัตรเครดิต จึงจำเป็นต้องไปกดออกมาให้
“ค่าอะไรครับ?”
“ก็ค่าที่ฉันเผลอจูบนายเมื่อกี้ไง!” ตวาดเสียงดังกลบเกลื่อนความอาย อยู่ดีๆก็รู้สึกอายที่ทำแบบนั้นกับอี้ชิง อีกความคิดก็อายที่ทำแบบนั้นกับผู้ชายด้วยกัน ความสับสนเริ่มตีกันในสมอง
“เผลอ!!” อี้ชิงทวนคำเสียงดัง ภายในใจรู้สึกวูบโหวงกับคำนี้อย่างน่าประหลาด เผลอก็หมายถึงไม่ได้ตั้งใจให้เกิดสินะ
“ใช่ ฉันแค่เผลอ เผลอไม่ได้หรือไง?! ก็หลังนายขาวซะขนาดนั้น” พึมพำเบาๆกับตัวเองในท้ายประโยคพลันภาพหลังขาวๆของอี้ชิงก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง จนคนตัวโตต้องกลืนน้ำลายระงับอารมณ์
“ผมไม่ใช่ผู้หญิงอย่างคุณคนสวยคนนั้น ไม่ต้องมาเผลอกับผมหรอกครับ แต่ถ้าคุณคริสเผลออีกผมเอาคุณตายแน่” พูดขู่เสียงดุ ทำหน้าคล้ายหาเรื่อง แต่กลับทำให้คนถูกขู่หลุดขำออกมาแทนที่จะกลัว
“ฮ่าๆๆ”
“พี่คริสเป็นเพื่อนกับคุณคนนี้เหรอคะ?” เสียงหัวเราะต้องหยุดลงเพราะร่างหญิงสาวที่เดินเข้ามาพร้อมกับชุดเดรสยาวที่เหมือนกับชุดที่คริสเลือกให้อี้ชิงเป๊ะแต่ต่างเพียงแค่สีที่เป็นสีส้มโอรสแทน เมื่อเห็นแบบนั้นชายทั้งสองที่นั่งอยู่ถึงกับเบิกตากว้าง
“อืม นี่อี้ชิงเพื่อนพี่เอง ว่าแต่ทิฟจะเอาชุดนี้เหรอ” คริสชี้ไปที่ชุดที่อยู่ในมือเรียว ชุดมีตั้งมากมายทำไมต้องเลือกชุดนี้
“ค่ะ พี่คริสว่าชุดนี้เหมาะกับทิฟมั้ยคะ?”
“เอิ่ม...พี่ว่ามีชุดอื่นสวยกว่านี้อีกนะ” คริสมองหน้าทิฟฟานี่ทีแล้วก็หันกลับไปมองหน้าอี้ชิงที โดยที่คนร่างบางกำลังทำหน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“แต่ทิฟว่าลองดูก่อนก็คงไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?” ไม่ต้องรอคำตอบเธอก็เดินตรงไปยังห้องลองชุดทันที ใช้เวลาไม่ถึง15นาทีหญิงสาวก็เดินออกมาพร้อมกับชุดเดรสผ้าชีฟองสีส้มโอรส ชุดนี้กับผิวขาวของเธอช่างเข้ากันได้ดียิ่งหนัก ถ้าเธอใส่ชุดนี้ออกไปเดินเฉิดฉายอยู่ข้างนอก หนุ่มๆอาจจะต้องเหลียวหลังมองตาม แต่ความคิดเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคริสในตอนนี้ เขากลับคิดว่าชุดนี้จะสวยที่สุดถ้าได้อยู่บนเรือนร่างของอี้ชิงเท่านั้น
“พี่คริสรูดซิปให้ทิฟหน่อยสิคะ” ทิฟฟานี่หันแผ่นหลังบางให้ร่างสูง เหมือนหนังที่ถูกฉายซ้ำขึ้นสำหรับคริสและอี้ชิง คริสกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่พลางหันไปมองหน้าอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่แล้วเขาก็ลุกขึ้นเต็มความสูงเดินไปรูดซิปให้ ทิฟฟานี่อย่างเร็ว ก่อนจะเดินตรงไปยังราวแขวนเสื้อผ้าบริเวณหน้าร้าน แล้วเลือกหยิบชุดเกาะอกสีแดง ชายกระโปรงฟูฟ่องคล้ายช่อดอกกุหลาบติดมือมาด้วย
“พี่ว่าแบบทิฟโชว์เนินอกขาวๆ ไหล่สวยๆ กับหลังเนียนๆดีกว่านะ พี่อยากเห็นทิฟใส่ชุดนี้มากกว่า” คริสกระซิบด้วยเสียงนุ่มนวลคล้ายยั่วยวน ทำให้คนฟังอมยิ้มอย่างเขินอายแล้วรับชุดเดินตรงไปยังห้องลองอีกครั้ง
“ทิฟลองไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่จ่ายเงินให้ แล้วค่อยเจอกันปาร์ตี้เย็นนี้ คุณคิมชุดของผมช่วยจัดส่งไปให้ด้วยนะครับ ไปก่อนนะครับ” เขาตะโกนบอกคนในห้องลองชุดเสียงดังและหันมากล่าวลากับผู้จัดการร้าน ก่อนจะดึงแขนลากร่างบางที่นั่งทำหน้าเอ๋อให้เดินตามออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว อี้ชิงไม่ได้เอ่ยลาผู้จัดการเขาทำได้เพียงก้มหัวให้อย่างสุภาพแทนเท่านั้น
หลังจากออกจากร้านเสื้อผ้าทั้งสองก็ตรงไปยังแผนกเครื่องสำอาง คริสให้อี้ชิงรีบเลือกซื้อแล้วก็รีบจ่ายเงินเพราะเขากลัวว่าจะเจอกับทิฟฟานี่อีก เขาไม่ได้รังเกียจที่จะเจอเธอแต่เป็นเพราะตอนนี้มีอี้ชิงอยู่ด้วย คริสไม่อยากให้อี้ชิงเป็นที่รู้จักของคนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเขาโดยเฉพาะผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ทางกายกับเขาด้วย
เมื่อเสร็จจากการซื้อเครื่องสำอาง ร่างสูงก็ถูกอี้ชิงลากไปแผนกขายชุดเครื่องนอน เขาสั่งให้คริสซื้อผ้าห่มให้ใหม่อีกหนึ่งผืน เผื่อเวลาที่เขาลงมานอนข้างล่าง คริสจะได้ไม่นอนหนาวบนเตียงและตามลงมานอนกับเขาเหมือนเมื่อคืนอีก
“ทำไมต้องลงไปนอนข้างล่างด้วยล่ะอี้ชิง เตียงนุ่มๆใหญ่ๆนายไม่ชอบเหรอ?” คริสถามขึ้นระหว่างรออี้ชิงเลือกดูผ้าห่ม
“ผมเป็นคนขี้ร้อนครับ นอนบนพื้นแล้วเย็นดี แถมยังได้ฝันอะไรใหม่ๆด้วย” ตอบพลางจับตะเข็บของผ้าห่มพลิกดูไปมา
“ร้อนนักก็เปิดแอร์สิ”
“เปิดแรงก็หนาวตายสิครับ”
“เอ๊ะ! นายนี่มันยังไง ร้อนก็บ่น หนาวก็บ่น”
“มันก็เรื่องของผมไม่เห็นเกี่ยวกับคุณคริสเลยครับ”
“เกี่ยวสิ ก็ฉันเป็นคนจ่ายเงิน”
“งั้นผมซื้อเองก็ได้ เงินที่ได้จากคุณคริสเมื่อกี้ก็พอซื้อ”
“แต่นายซื้อไปก็ไปใช้ที่ห้องฉันอยู่ดี”
“งั้นผมย้ายกลับไปอยู่บ้านผมก็ได้”
“งั้นฉันไปขอเงินคืนจากเจ้าของห้องก็ได้เหมือนกัน” คริสหัวเราะในลำคออย่างสะใจ เพราะดูเหมือนศึกครั้งนี้เขาจะเป็นผู้ชนะเมื่อเห็นอีกคนที่ตั้งท่าเถียงเขาคอเป็นเอ็นในตอนแรกอย่างไม่ยอมต้องหน้าง้ำหน้างอลงเพราะคำขู่ของเขา
“ล้อเล่นน่าอี้ชิง แค่นี้ต้องทำหน้างอเป็นเด็กไปได้ เลือกได้หรือยังฉันจะได้ไปจ่ายเงินให้” คริสพูดขึ้นพลางลูบหัวคนร่างบางอย่างอ่อนโยน ทำเอาหัวใจของอี้ชิงรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาทันที ท่าทางแสนอบอุ่นของคริส กำลังทำให้อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติอีกครั้ง
“แล้วนายจะนอนที่พื้นทุกคืนเลยหรือไงอี้ชิง?” ร่างสูงถามขึ้นโดยที่มือยังวางบนหัวทุยๆของอีกคน
“ทำไมครับ?” ถึงแม้จะรู้ตัวว่าใบหน้าของตนกำลังจะเปลี่ยนสีแต่อี้ชิงรู้สึกชอบที่คนตรงหน้าเป็นแบบนี้จึงยอมพูดคุยด้วยอย่างไม่หันหน้าหนีเหมือนทุกที
“ก็...”
“ไม่อยากนอนเหงาบนเตียงคนเดียวเหรอครับ?” ร่างบางเอ่ยปากถามหน้านิ่ง พยายามกลั้นยิ้มทั้งทีใบหน้าระเรื่อไปด้วยสีแดงจนทั่ว
“ใครบอก?!! ฉันกลัวนายไม่มีหมอนข้างให้กอดต่างหาก”
“งั้นไปซื้อหมอนข้างเพิ่มอีกอันดีกว่า” อี้ชิงทำท่าจะเดินหนีแต่ก็ต้องหยุดชะงักเท้าเพราะเสียงคนเอาแต่ใจที่เกิดอาการขี้เหนียวเงินขึ้นมา
“พอเลย! มันเปลือง!”
“ชิส์! หมอนข้างอันเดียวทำเป็นบ่นเปลือง ทีผู้หญิงอ้อนให้ซื้อชุดให้ไม่เห็นบ่นสักคำ”
“ว่าไงนะอี้ชิง?!!”
“ผมรู้ว่าคุณได้ยิน ไม่ต้องมาถามซ้ำเลยครับ” คริสต้องได้ยินอยู่แล้ว เพราะอี้ชิงตั้งใจพูดเสียงดังให้คริสได้ยิน
“ก็นายกับทิฟมันอยู่คนละสถานะกันนี่” ที่เขาห้ามไม่ใช่ว่าเปลืองหรอก แค่หมอนข้างอันเดียวขนขาคริสอู๋ไม่มีร่วง แต่เขาไม่อยากให้อี้ชิงไปซื้อหมอนข้างมานอนกอด อยากให้คนที่ถึงแม้จะถูกจ้างด้วยเงินแต่ก็อยู่ในสถานะ ’เมีย’ กอดเขาเหมือนเมื่อคืนอีกเท่านั้นเอง แต่ใครจะไปกล้าพูดแบบนั้นเสียฟอร์ม ’คาสโนวาตัวร้าย’ หมด
“ผมเลือกได้แล้ว กลับกันดีกว่าครับ” ร่างบางเอ่ยเสียงอ่อนลง รอยยิ้มเขินอายหายไปจากใบหน้า ก่อนจะเดินนำร่างสูงไปยังที่เคาน์เตอร์คิดเงิน ถึงแม้คริสจะคิดแบบนั้น แต่ดูเหมือนความคิดของอี้ชิงจะสวนทางกัน สถานะเมียรับจ้างอย่างเขา แค่หมอนข้างยังไม่มีสิทธิ์ได้รับเลยสินะ
“อืม” คริสตอบรับอย่างงงๆกลับท่าทีที่เปลี่ยนไปของอี้ชิง
ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีทั้งสองก็กลับมาถึงคอนโด ระหว่างทางบนรถมีแต่ความเงียบเข้ามาปกคลุม อี้ชิงไม่พูดอะไรสักคำ ถึงแม้คริสจะพยายามชวนคุยแค่ไหน จนร่างสูงเกือบจะหมดความอดทนเตรียมจะต่อว่าแต่พอหันมาก็เห็นคนร่างบางนอนหลับตาอยู่จึงต้องเก็บคำด่ากลืนลงคอไปเหมือนเดิม
เมื่อขึ้นมาบนห้องอี้ชิงรีบจัดการเก็บข้าวของเข้าที่ เสร็จแล้วก็ตรงไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำทันที พออาบเสร็จคริสก็เข้าไปอาบต่อเช่นกัน
“เฮ้อ~” ร่างสูงที่เดินออกจากห้องน้ำก็ต้องถอนหายใจเบาๆเพราะหมอนอีกใบที่เคยอยู่บนเตียงหายไปอีกแล้ว แบบนี้ก็ไม่ต้องคิดไปอย่างอื่นนอกจากอี้ชิงลงไปนอนบนพื้นเหมือนเดิม
“หลับไปแล้วจริงๆสินะ สงสัยเหนื่อยจัด” คริสเดินไปดูให้แน่ใจแต่ก็เห็นอี้ชิงคุลมโปงเงียบ เขาจึงกลับมาแต่งตัวอีกครั้ง ถึงแม้ตัวเองจะอยากนอนแค่ไหนแต่ก็ผิดนัดฉลองวันเกิดของทิฟฟานี่ไม่ได้ เขาหยิบเสื้อกล้ามสีขาวมาใส่แล้วสวมทับด้วยสูทสีกรมท่าคอปกตั้งสูง แขนเสื้อพับถึงข้อศอกทั้งสองข้าง กางเกงสแล็คสีดำถูกสวมขึ้น หยิบน้ำหอมมาฉีดทั่วเรือนร่างเน้นหนักช่วงคอใต้ติ่งหู เซ็ตผมให้เข้าทรงสักเล็กน้อยแล้วก็คว้ากุญแจรถกับกระเป๋าสตางค์เดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมปิดไฟในห้องให้ร่างบาง เขารู้ดีว่าหลังงานปาร์ตี้เลิก เขากับทิฟฟานี่จะไปจบลงที่ไหน แต่คริสก็หวังว่าจะกลับมาทันข้าวเช้าฝีมืออี้ชิง เมียรับจ้างของเขาด้วยเหมือนกัน
“อี้ชิง...อี้ชิง...อี้ชิง!”
“ห๊ะ?!! มีอะไรเหรอจงอิน”
“เป็นอะไรทำไมเหม่อจัง ฉันเรียกตั้งหลายครั้ง”
“เปล่า แค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ”
“แล้วทำไมวันนี้หน้าดูโทรมจัง เหมือนคนไม่ได้นอนเลย”
“คิดถึงมะม๊าเลยนอนไม่หลับอ่ะ” ไม่ใช่ม๊าหรอกที่อี้ชิงนอนคิดถึงทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้าแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่เป็นสามีจำเป็นของเขาต่างหาก เมื่อคืนเขารู้ว่า คริสทำอะไรบ้าง แต่งตัวแบบไหนออกไป และออกไปตอนกี่โมง เขารู้สึกตัวตลอดไม่ได้หลับอย่างที่คริสเห็น และก็หลับๆตื่นๆตลอดคืน เผื่อคริสกลับมาเขาก็จะได้รับรู้มันอีก แต่เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเจ็ดโมงเช้าก็ยังไร้วี่แววของร่างสูง ทั้งๆที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างคริสกับทิฟฟานี่ แต่ไม่รู้ทำไมพอคิดแบบนั้นหัวใจอี้ชิงก็เจ็บแปลบขึ้นมา ร่างบางรอคริสจนเกือบสายแต่ในเมื่อยังไม่เห็นอีกคนกลับมาเขาจึงตัดสินใจทำข้าวเช้าทิ้งไว้แทน
“คิดถึงก็บินกลับไปหาซะบ้างสิ” จงอินพูดเสียงดังคล้ายดุแต่ก็แฝงไปด้วยความห่วงใย เขาเข้าใจว่าอี้ชิงต้องอยู่ที่นี่คนเดียวคงเหงาถึงเขากับอี้ชิงจะมีเพื่อนอยู่เยอะแต่คนที่คบกันอย่างสนิทใจที่สุดก็คือเขาคนเดียว เพราะฉะนั้นเขาถึงเอาเวลาว่างทั้งหมดที่เขามีให้กับอี้ชิงเท่านั้น วันนี้ก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน
“อืม ไว้ช่วงหยุดยาวแล้วค่อยกลับแล้วกัน” ตอบพลางจัดข้าวของเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดร้าน แต่เพราะวันนี้จงอินมาช่วยแต่เช้า งานที่ควรจะทำอย่างเร่งรีบเพียงคนเดียวก็เบาลง
“ช่วงนี้ปิดร้านเร็วจังอี้ชิง” จงอินถามพลางทำความสะอาดโต๊ะกับเก้าอี้ไปด้วย
“พอดีมีธุระต้องทำนิดหน่อยอ่ะ”
“ธุระที่ว่าเนี่ยเกี่ยวกับคุณคริสด้วยป่ะ?”
“มะ...ไม่เกี่ยวซะหน่อย”
“กำลังโกหกอยู่ใช่มั้ย?” ถามด้วยเสียงเรียบแต่ทำเอาคนฟังหายใจไม่ทั่วท้อง จงอินรู้ว่าอี้ชิงโกหกถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอี้ชิงมีธุระอะไรกับคริส แต่เมื่อวานเขาตัดสินใจจะมานอนด้วยแต่กลับพบว่าอี้ชิงไม่กลับมานอนที่บ้าน โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ เขาเป็นห่วงอี้ชิงจนแทบคลั่งเช้านี้จึงรีบมาแต่เช้า แล้วก็เห็นภาพอี้ชิงกำลังไขประตูร้านอย่างเร่งรีบ
“เดี่ยวนี้ไม่ค่อยไว้ใจกันเลยนะจงอิน” ทำหน้างอนเนียนหวังกลบเกลื่อน
“ก็อี้ชิงทำตัวไม่น่าไว้ใจ อ้อ!คืนนี้ฉันจะนอนกับอี้ชิงนะ”
“เอ่อ...” ร่างบางพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก สมองกำลังคิดหาคำตอบ ถ้าคืนนี้จงอินนอนที่นี่แล้วเขาจะทำอย่างไรดี เขาก็ต้องนอนที่บ้านใช่ไหม แต่ถ้าเขาไม่กลับไปคริสจะว่าอย่างไร แต่ถ้าไปจงอินก็สงสัย
“ทำไมคืนนี้มีธุระอีกหรือไง?” เมื่อเห็นท่าทางคิดหนักของอีกคนคนตัวสูงก็ถามขึ้น จงอินไม่ได้แปลกใจนักกับท่าทางแบบนั้น เขากำลังสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอี้ชิงกับคริสและต้องการจะพิสูจน์มัน
“อเมริกาโน่ 2 แก้วค่ะ” ดูเหมือนโชคจะช่วยอี้ชิงเพราะเสียงลูกค้าที่เข้ามาทำให้ทั้งสองคนเลิกสนใจหัวข้อสนทนานั้นและหันไปบริการลูกค้าแทน
ตลอดทั้งวันมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่ร้าน Xing Café เยอะเป็นพิเศษ จนเจ้าของร้านและผู้ช่วยอย่างจงอินแทบไม่ได้หยุดพัก บ่อยครั้งที่อี้ชิงเผลอวูบหลับไปกลางอากาศเพราะความเหนื่อยบวกกับความเพลียจัดที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อคืน เพราะมีลูกค้ามากของในร้านจึงหมดเร็วทำให้ร้านปิดตั้งแต่ยังไม่ทันห้าโมง จงอินและอี้ชิงช่วยกันเก็บข้าวของล้างเข้าที่ให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็กินข้าวไข่เจียวด้วยกันเป็นอาหารเย็นสำหรับวันนี้ เมื่อทานเสร็จก็แยกย้ายกันขึ้นห้อง อี้ชิงเดินขึ้นบันไดบ้านราวกับร่างไร้วิญญาณจนเกือบร่วงตกลงมาแต่ก็ยังมีคนที่เดินตามข้างหลังคอยช่วยประคองไว้
“รีบอาบน้ำแล้วรีบนอนนะอี้ชิง อย่าหลับคาห้องน้ำล่ะ” จงอินเดินตามมาส่งถึงห้องและไม่ลืมสั่งให้อี้ชิงไปอาบน้ำก่อนนอนแต่ก็ห่วงว่าคนตัวเล็กจะหลับในห้องน้ำซะก่อนจะมาถึงเตียง
“อืม~~ จงอินก็ไปนอนเถอะ” รับคำเสียงงัวเงียและก็เดินหันหลังกลับไปที่เตียงนอนเมื่อจงอินออกจากห้องไป พอเดินมาถึงที่หมายร่างบางก็ทิ้งตัวและปิดเปลือกตาเข้าสู่นิทราทันที
แอ๊ด~~
เสียงประตูเปิดขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงพร้อมกับร่างของชายหนุ่มผิวเข้ม จงอินแค่จะมาดูให้แน่ใจว่าอี้ชิงไม่ได้หลับในห้องน้ำ แต่ภาพที่เห็นทำให้เขายิ้มกว้างออกมา มั่นใจแล้วว่าอี้ชิงไม่ได้หลับในห้องน้ำแต่หลับบนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำต่างหาก
“อี้ชิงๆ” ชายหนุ่มเขย่าตัวพร้อมส่งเสียงเรียกที่ไม่ดังนักแต่ก็ไม่เบาจนเกินไป
“…” เงียบไม่มีเสียงตอบรับ
“อี้ชิงตื่นไปอาบน้ำก่อนสิ จะได้นอนหลับสบายๆไง” ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เขย่าแต่เริ่มดึงรั้งแขนบางให้ลุกขึ้น อี้ชิงถ้าได้หลับแล้วจะหลับลึกแค่สะกิดเรียกคงไม่ตื่นต้องออกแรงนิดหน่อยทำให้รู้สึกตัวถึงจะได้ผล
“อืมมม~~ ง่วงมาก อยากนอนอ่ะจงอิน” ร่างบางส่งเสียงครางออดอ้อนคล้ายลูกแมวทั้งยังออกแรงดึงตัวเองให้กลับมานอนบนเตียงอีก
“ไม่ได้!! เหม็นเหงื่อจะตาย ลุกไปเดี๋ยวนี้” ดุเสียงดังอีกครั้งและออกแรงดึงแขนสุดแรง จนทำให้คนถูกดึงลุกขึ้นมานั่งตัวตรงอย่างไม่รู้ตัว
“โธ่เอ้ย!! ก็ได้ๆ” อี้ชิงสบถออกมาก่อนจะลุกขึ้นถอดเสื้อและหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำตึงตังอย่างไม่พอใจ เห็นเรือนร่างอี้ชิงเป็นเรื่องปกติแต่สิ่งที่ผิดปกติไปสำหรับวันนี้คือแผ่นหลังบางที่เคยขาวสะอาดตาทุกครั้งที่เห็นกลับมีรอยแดงหลายจุดบนนั้น ทำให้จงอินที่เคยยิ้มให้กับท่าทางเหมือนเด็กของอี้ชิงต้องหุบยิ้มลง
“ยังอยู่อีกเหรอจงอิน ไม่นอนหรือไง?” อี้ชิงเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูที่พันอยู่รอบเอว เขาไม่ต้องเอาเสื้อผ้าเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำเหมือนตอนอยู่กับคริส เพราะเขามักจะทำแบบนี้เสมอเมื่ออยู่ที่บ้านและกับจงอินเขาก็ไม่รู้สึกเขินอายเพราะเราก็เห็นกันและกันถอดเสื้อแบบนี้เป็นประจำ
“ฉันกลัวอี้ชิงหลับในห้องน้ำน่ะ” เปล่าเลย จงอินแค่อยากดูรอยแดงบนหลังนั้นให้แน่ใจ
“นี่ไงไม่ได้หลับซะหน่อย เพราะฉะนั้นกลับไปนอนเถอะ แต่งตัวเสร็จก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”
“ก็รีบแต่งตัวซะสิ ฉันกลัวอี้ชิงหลับกลางอากาศเหมือนตอนกลางวันอีก จะไปก็ต่อเมื่ออี้ชิงแต่งตัวเสร็จแล้วเท่านั้น” จงอินยังคงยืนยันอย่างหนักแน่น และจ้องไปที่ร่างบางแต่เป้าหมายไม่ใช่ที่ใบหน้าหวานแต่เป็นแผ่นหลังบาง จ้องอยู่นานจนอี้ชิงสวมเสื้อผ้าเสร็จเขาก็ลุกออกจากห้องไปแต่ก็ไม่ลืมจะกล่าวลากับอีกคนด้วยเสียงเย็น
“ราตรีสวัสดิ์อี้ชิง”
แอ๊ด~~
เสียงประตูเปิดขึ้นอีกครั้งอย่างเบามือ จงอินก้าวเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ เขามายืนมองร่างบางของอี้ชิงที่กำลังนอนหลับอย่างสบายด้วยสายตาว่างเปล่า
“รอยพวกนั้นคือรอยจูบของไอ้คริสใช่มั้ยอี้ชิง?” พึมพำถามเบาๆ ทั้งที่รู้ว่าจะไม่ได้คำตอบ เขารู้ว่ารอยบนแผ่นหลังบางนั้นคือรอยจูบที่มีใครคนหนึ่งฝากไว้บนร่างกายของคนที่เขารักที่สุด และคนๆนั้นก็คงเป็นใครไม่ได้นอกจากคริส ที่เข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตอี้ชิงตอนนี้ ยิ่งพอคิดว่าใครเป็นคนทำจงอินก็ยิ่งโกรธ อี้ชิงที่เขาทะนุถนอมมานานแสนนานจะถูก
คริสแย่งไปเขาจะไม่ยอม ไม่มีวันยอมเด็ดขาด
แสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์และเสียงสั่นที่ดังขึ้นเรียกสายตาของจงอินไป เขาหยิบมันขึ้นจากโต๊ะบนหัวนอนแล้วสายตาโกรธแค้นก็ฉายแววขึ้นมาเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามา เขาปล่อยให้มันสั่นจนสายตัดไปเอง แล้วก็พบว่าเกือบ5สายที่โทรมาจากคนชื่อคริส เป็นเพราะอี้ชิงเหนื่อยมากจนลืมเรื่องโทรหาคริสไปเสียสนิทแถมยังตั้งระบบสั่นไว้ทำให้ไม่ได้รับสายที่พยายามติดต่อเขาสักสาย
จงอินกดเข้าไปลบสายที่ไม่ได้รับของคริสอย่างถือวิสาสะก่อนจะแสยะยิ้มร้ายเมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ ในเมื่อคนที่รักจะถูกคนอื่นแย่งไป จงอินที่แสนดีก็จะหายไปเหมือนกัน เขาจะทำทุกทางให้ได้อี้ชิงกลับมาครอบครองเพียงคนเดียวอีกครั้ง ร่างสูงค่อยๆล้มตัวลงนอนข้างๆอี้ชิงในมือก็กำโทรศัพท์ของเจ้าของไว้ด้วย เขาเปิดไปที่แอพกล้องถ่ายรูป แล้วค่อยๆเลื่อนริมฝีปากไปใกล้ๆซอกคอขาวที่เคยยั่วยวนเขาเสมอ แล้วก็กดริมฝีปากกับคอขาวหนักๆก่อนจะเริ่มดูดเม้มและใช้ลิ้นดุน คนที่อยู่ในห้วงลึกของนิทราเริ่มขยับตัวทำให้จงอินต้องรีบผละริมฝีปากออกมา แต่จงอินก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อร่างบางกลับมาหายใจอย่างสม่ำเสมออีกครั้ง รออยู่สักพักก็เริ่มขยับตัวเข้าใกล้อี้ชิงอีกครั้ง คราวนี้จงอินค่อยๆประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากสวยอย่างแผ่วเบาและจัดการกดชัตเตอร์ถ่ายฉากนี้ไว้ ถึงเขาจะอยากครอบครองกายของร่างบางแค่ไหนแต่เขาจำเป็นที่จะต้องได้ครอบครองใจด้วย ถึงแม้จะมีรอยจูบที่หลังของอี้ชิงแต่เขาก็พอจะรู้ว่าสองคนนี้ยังไม่ถึงขั้นมีเซ็กซ์กัน เพราะถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงอี้ชิงจะไม่ปิดบังเขาแน่นอน เขาเชื่อแบบนั้น
จงอินรีบผละริมฝีปากออกมาเพราะสัมผัสนุ่มของปากอี้ชิงอาจจะทำให้เขาห้ามใจไม่อยู่และทำอะไรเกินเลยไปได้ มือหนากดโทรศัพท์ของร่างบางไปที่เมนูข้อความเขาเลือกรูปที่กำลังจูบกับอี้ชิงขึ้นมาพร้อมกับพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไปสั้นๆแล้วกดส่งไปยังเบอร์ของคริส เมื่อข้อความถูกส่งแล้วจงอินก็ลบทั้งข้อความและรูปเพื่อทำร้ายหลักฐานแต่ก็ไม่ลืมจะส่งรูปไปยังเครื่องของตัวเองเพื่อเก็บไว้ดูเองเช่นกัน
ตือดือดึง~~
เสียงข้อความโทรศัพท์ในมือดังขึ้น ร่างสูงของคริสที่กำมันเดินไปมาอย่างกระวนกระวายด้วยก็ยกขึ้นมาดู แล้วตาก็เบิกโพลงเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของคนที่เขาเฝ้าโทรตั้งแต่เลิกงานจนถึงเมื่อกี้นี้เกือบชั่วโมงแต่อีกคนก็ไม่รับหรือโทรกลับหาเขาเลย เมื่อเปิดข้อความเข้าไปดูมือที่กำโทรศัพท์อยู่ก็กำแน่นขึ้นอีกจนแทบจะแหลกคามือ ยิ่งสายตาตวัดมาเห็นข้อความใต้รูปภาพก็ทำให้เส้นอารมณ์ขาดผึง ดวงตาคมลุกโชนไปด้วยความโกรธ
‘ทายสิ ตอนนี้ฉันกับอี้ชิงเรากำลังมีความสุขกันขนาดไหน?’
ความคิดเห็น