Unlucky Bank ความซวยเลี่ยงได้2 - Unlucky Bank ความซวยเลี่ยงได้2 นิยาย Unlucky Bank ความซวยเลี่ยงได้2 : Dek-D.com - Writer

    Unlucky Bank ความซวยเลี่ยงได้2

    ในชีวิตของคุณจะเชื่อหรือไม่ครับว่าจะสามารถใช้เงินไปแลกกับการไม่ต้องเจอกับเรื่องซวยๆได้...............

    ผู้เข้าชมรวม

    206

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    206

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  จิตวิทยา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 มี.ค. 54 / 08:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    แนะนำตัวละคร
    คุณวินัย พัฒนพงศ์พันธ์  เจ้าของธุรกิจไส้ดินสอ  อายุ 45 ปี (ในตอนนี้ชายผู้นี้จะเป็นตัวเดินเรื่องครับ)
    มีลูกสาวชื่อเอม ชื่อจริงยังไม่เปิดเผย
    Unlucky Bank ความซวยเลี่ยงได้2
    Unlucky Bank ความซวยเลี่ยงได้2
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ****-----****

      ผมเดินเข้ามาภายในอาคาร ชั้นที่ผมอยู่นั้นมองไปรอบๆเห็นห้องอาหารตั้งเรียงรายกันมากมายรวมถึงร้านค้าขายของจุกจิกต่างๆเรียงกันเป็นตับแต่คนซื้อไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ก็ 9.00 น.แล้วเป็นเวลาทำงานของพนักงาน

                   ลิฟต์เปิดออกพอดีกับที่ผมกำลังจะเอื่อมมือไปกด ประตูลิฟต์เปิดอย่างช้าๆเผยให้เห็นคนที่อยู่ข้างในผมแทบหัวใจวาย คนอะไรสวยมากๆ หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีผิวขาวละมุนละไม ผมบรอนสีน้ำตาลสะท้อนแสง รายกายได้สัดสวนหญิงสวยในอุดมคติ สวมชุดกระโปรงยาวใบซากุระสีชมพู แต่ที่สะดุดตายิ่งกว่าอื่นใดในหล้า ในมือของเธอถือสมุดบัญชี Unlucky Bank อยู่ด้วย เธอก้มหัวแล้วยิ้มให้ผมเล็กน้อย ทำตาหยีๆให้กับผม ผมก็ผงกหัวแล้วยิ้มให้กับเธอแล้วเดินสวนเข้าไปในลิฟต์กลิ่นน้ำหอมกลิ่นมะลิของเธอหอมมากเลยละ

      Unlucky Bank มันเป็นอย่างไรกันนะ” ผมพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะมองหาปุ่มกดลิฟต์ไปยังชั้นที่ 29

      “เอ้าเฮ้ยชั้นที่ 29 ไม่มี เฮ้ยก็ในใบบอกว่าอยู่ชั้นที่ 29 นี่ แล้วทำไมลิฟต์มีแค่ชั้น 25 วะ”ผมงงกับตัวเองและในขณะที่กำลังงงเป็นไก่ตาแตกนั่นเอง

      “รอด้วยๆ”เสียงแข็งๆตะโกนอย่างกระหืดกระหอบบอกให้ลิฟต์ช่วยรอเขาด้วย แต่ว่าลิฟต์กำลังจะปิดแล้วด้วยความที่ผมเป็นคนมีน้ำใจเลยยื่นเท้าออกไปขวางประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิด (หากใครที่เคยขึ้นลิฟต์จะรู้ว่าหากอะไรไปกั้นไว้ลิฟต์ก็จะเปิดเองอัตโนมัติ)

      “อย่า...............” เสียงตะโกนจากผู้ชายคนนั้นตะโกนเข้ามา  อะโด่ทำเวอร์ไปได้เดี๋ยวลิฟต์ก็เปิดแล้ว ผมนึกด่าเขาอยู่ในใจ

      ปึก....~

      “โอ้ยยยยยย...” ผมร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ลิฟต์หนีบขาครับพระเจ้า ไอ้บ้าเอ้ยนี้มันลิฟต์ประเทศไหนกันวะ

      “คุณรีบกดปุ่มลูกศรแยกออกเร็ว” ชายร่างอ้วนสวมชุดสูทประกอบไทต์สีฟ้าน้ำทะเลตะโกนบอก ผมกดอย่างไม่รีรอแล้วประตูลิฟต์ก็เปิดออก ผมกระโด่ดขาเดียวด้วยความเสียวขา

      “เป็นไงมั่งครับคุณ” ชายคนเดิมถาม

      “เจ็บดิครับ” ผมสวนกลับไปด้วยความฉุนใช่ซี้.....กรูคงตลกมั้งเห็นขาตัวเองโดนหนีบติดลิฟต์เนี่ย

      “ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับนี่เป็นลิฟต์ที่สั่งตรงจากเมืองไทยนะครับระบบบางอย่างมันเลยไม่สมบูรณ์”

      “เหอๆ”ผมไม่มีอะไรจะพูดครับ

      “ไปโรงพยาบาลไหมครับ”

      “ไม่เป็นไรครับ ช่วยบอกได้ไหมครับผมจะไป Unlucky Bank ไปยังไงครับ”

      “ฮาๆ มาใหม่ใช่ไหมครับเนี่ย ตึกนี้มีลิฟต์ถึงชั้นที่ 25 ครับ ชั้นที่เหลือต้องเดินขึ้นเอาครับ”

      โอ้ เท่ากับเราต้องเดินขึ้นไปอีก 4 ชั้นเนี่ยนะ

      “รู้มั้ยครับทำไมเค้าไม่ทำลิฟต์ให้ครบไปเลยครับ” ผมถามด้วยความสงสัย

      “อ่อก็เป็นเพราะ......เอ่อไม่มีอะไรครับ” เขากระอักกระอ่วนเล็กน้อย “เราขึ้นกันเถอะครับ ผมสายแล้วละ” ชายผู้นั้นพูดแล้วก็เอื้อมมือกดไปยังชั้น  16  “ของคุณชั้น 25 สินะครับ” แล้วเขาก็กดชั้นที่ 25 อีก

      เรา 2 คนยืนนิ่งอยู่ในความเงียบสักพักจนถึงชั้นที่  16  ชายสวมสูทก็เดินออกไป   ในลิฟต์เหลือเพียงแค่ผมคนเดียว  งามไส้ละครับทีนี้บรรยากาศวังเวงอย่างบอกไม่ถูก  เหงื่อผมเริ่มออกมามากขึ้น ใจเริ่มสั่นรัว ลิฟต์เลื่อนขึ้นไปสักระยะก็เกิดอาการกระตุกๆ  ใจผมตกไปที่ตาตุ่มแล้วครับตอนนี้ แต่พอลิฟต์เริ่มเลื่อนขึ้นผมก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย  แต่มันเริ่มไม่ดีก็ตรงที่ มันมีเสียงร้องโหยหวน เกิดขึ้นมานี่สิ

      โอ้ยยยยยยยยยยยย..........โอ้ยยยยยยยยยยย

      เป็นเหมือนเสียงร้องของผู้หญิง ครางอย่างโหยหวนน่ากลัวมากผมทนไม่ไหวจึงกดปุ่มขอความช่วยเหลือ

      “ช่วยด้วยคร้าบ ช่วยด้วย”ผมตะโกนผ่านช่องเสียงไป

      “ขอโทษนะคะขณะนี้เจ้าหน้าที่ไปขี้กรุณาติดต่อภายหลังคะ”  เอ้าเฮ้ย อีเตี้ยไปขี้ไรตอนนี้มาช่วยกรูก่อนเซ่  เหงือของผมเริ่มแตกพลัก

      ตุง ตุง ตุง ตุง ตุง ตุง

      ผมทุบลิฟต์ด้วยความกลัวตาย หวังว่าลิฟต์จะเปิดออก พระเจ้าช่วยลิฟต์เปิดออก โอ้สวรรค์กรูรอดตายแล้ว ก่อนออกผมเหลือบไปมองไปป้ายชั้น “นี่มันชั้น 25 แล้วนี่หว่า สาบานเลยขาลงกรูจะลงบันได”  ผมกระเผลกออกจากลิฟต์อย่างรวดเร็วมายืนสูดหายใจเข้าปอดอยู่หน้าลิฟต์

      “ฮึบ......อ่า  ฮึบ.......อ่า การได้หายใจมันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง”

      “เธอๆ ดูผู้ชายคนนั้นสิ”

      “อะไรหรอ” เสียงเงียบไปแปบหนึ่งประมาณว่ากำลังหันมา “ โอ้โห เค้าไปเล่นน้ำที่ไหนมาเนี่ยเปียกทั้งตัวเลย”

      “สงสัยเพิ่งจะมาครั้งแรกมั้ง 5555555555555”

      ดูแม่งนินทา-ผมไม่กล้าจะหันไปมองหลอกครับว่าใครกำลังพูดถึงผมอยู่ อายพระยาคะ  สงสัยจากที่ได้ยินคงเป็นเรื่องเคยชินของบริษัทนี้กระมัง ด้วยความแค้นฝังใจจึงเรียกลิฟต์ตัวที่กำลังไปขึ้นมาใหม่ เมื่อลิฟต์เปิดออกเขาหันหลังให้ลิฟต์

      ปู๊ดดดดดดดดดดดดด

      เขาตดใส่ลิฟต์ครับ รับไปเสียไอ้ลิฟต์บ้า  (เฮ้ยลิฟต์มันไม่มีจมูกนะเว้ย แต่คนที่เค้าจะขึ้นต่อไปนะ....)

      “พี่ๆ เค้าเป็นอะไรมากหรือเปล่านั่น”

      “นั่นสิ”

      วินัยนำร่างกายและจิตใจที่บอบช้ำมาถึงชั้น 29 จนได้  เขาพยายามแข็งใจเดินตรงมาที่ประชาสัมพันธ์

      “สวัสดีคะ ยินดีต้อนรับสู่ Unlucky Bank คะ” หญิงสาวไหว้ต้อนรับอย่างประทับใจ

      “สวัสดีคร้าบ”โรคเก่ากำเริบต้องรับไหว้อยู่เรื่อยไป

      “ลูกค้าใหม่หรือเปล่าครับ” โหประชาสัมพันธ์ที่นี่นอกจากสวยแล้วยังฉลาดอีก สุดยอด

      “ใช่ครับ ต้องทำอย่างไรครับ”

      “คะ สำหรับลูกค้าใหม่นะคะ เรามีบริการทดสอบสแกนซวยคะ เชิญโต๊ะหมายเลข 2 เลยคะ” พนักงานต้อนรับสาวผายมือไปยังโต๊ะสีขาวที่มีพนักงานสาวผมบ๊อบอีกคนนั่งทำงานอยู่

      “รบกวนกรอกประวัติลงเอกสารนี่นะคะ” สาวผมบ๊อบยื่นเอกสารพร้อมปากกาให้ ผมกรอกตามช่องที่มีให้จนเสร็จแล้วก็ส่งกระดาษคืนกลับไป

      “เชิญตรงเก้าอี้สีดำเลยคะ” หญิงสาวเดินนำไปยังเก้าอี้สีดำก่อนหยิบบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับหมวกกันน๊อคคลุมเต็มหัวพร้อมสายไฟระโยงระยางเต็มไปหมด “เชิญนั่งเลยคะ” เมื่อผมไปนั่งเรียบร้อยสาวนางก็บรรจงสวมหมวกกันน๊อคให้กับผมอย่างนิ่มนวลในขณะเดียวกันที่ผมสูดหายใจเข้าพอดีกลิ่นมือของเธอหอมโลชั่นชั้นดีอย่างมากจากที่สัมผัสกลิ่นน่าจะเป็นโลชั่นของ แอนวอยด์กลิ่นน้ำอบ หึหึ โรคหื่นกามของผมกำเริบ

      “หลับตาสบายๆนะคะไม่ต้องไปเกร็ง” แล้วสาวนางก็กดเปิดสวิทเปิดเครื่อง บรรยากาศภายในหมวกสีดำใบนี้เย็นมากๆเลยครับคล้ายกับเอาหัวไปแช่ในห้องฟิสของตู้เย็น

      ปึก เสียงสวิทถูกกดอีกครั้ง หมวกกันน๊อคสีดำถูกดึงออกอย่างช้าๆ

      “คุณวินัย พัฒนพงศ์พันธ์นะคะ ความซวยที่หนักที่สุดที่คุณจะได้เจอในช่วง 69 วันนี้นะคะ จะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 6-7 คะหรือประมาณ 4-5 วันต่อจากนี้คะ คุณมีความประสงค์จะฝากซวยหรือไม่คะ”

      อะไรกันเพียงแค่ไม่กี่วิที่สวมหมวกนี้เนี่ยนะ สามารถรู้ได้ถึงขนาดนี้

      “ไม่ทราบว่าคุณมีความประสงค์จะฝากซวยหรือไม่คะ” เสียงพนักงานสาวกล่าวซ้ำขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อเห็นวินัยยืนนิ่งไป

      “ครับๆได้เลยครับ” ผมตกใจเล็กน้อยจึงตอบรับไป

      5 นาทีต่ามอ(ต่อมา)

      “เรียบร้อยแล้วคะ ค่าฝากซวย 100,000 บาท ค่าเปิดบัญชีใหม่ 2,000 บาท รวม 102,000 บาทคะ ไม่ทราบว่าสะดวกจ่ายเงินสดหรือบัตรเครดิตคะ”

      งามไส้ 1 แสน แพงเป็นบ้าเลย

      วินัยอึ้งอยู่พักใหญ่ อึ้ง...............อึ้ง

      “ว่าอย่างไรคะ”เสียงนุ่มๆหวานๆของเธอดึงสติกลับมา

      “อ่อ บัตรเครดิตครับ นี่ครับ” โห่แม่งดีนะพกบัตรเครดิตมา ไม่งั้นแย่แน่ ทั้งตัวมีอยู่ 200

           ไม่นานนักหญิงสาวก็เดินกลับมาพร้อมกับ บัตร 2 ใบและสมุดธนาคารที่เห็นเด่นมาแต่ไกล

      “นี่คะ” เธอยื่นของทั้งหมดให้กับผม “สำหรับบัตรของอันลัคกี้ แบงค์ สามารถสั่งฝากซวยผ่าน ATM ของธนาคารทั่วไปได้ทุกสาขาคะ พร้อมเชคซวยที่เกิดขึ้นได้ด้วยคะและสำหรับวันที่ซวยสิ้นสุด ทางเราจะส่ง sms บอกซวยไปทางโทรศัพท์ของคุณนะคะ”

      5 วันต่อมา

      หลังจากวันนั้นผมก็ยังเจอเรื่องซวยๆไม่เว้นแต่ละวันทั้งเหยียบขี้หมา ตกรถเมล์  มะพร้าวตกใส่หัวแล้วนานาซวยที่มันพร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อสงสัยไอ้เรื่องอันลัคกี้แบงค์ผมก็คงจะซวยไปให้พวกมันหลอกแล้วละมั้ง นี่ก็วันที่ 7 มีนาคมแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรมาบรรเทาความซวยของผมไปได้เลย ฮาๆๆๆ เรานี่มันโง่จริงๆ

      “คุณติ๋ม ชงกาแฟให้ผมที ขอแบบเย็นๆนะครับ” ผมกดโทรศัพท์โอนสายไปหาแม่บ้านประจำบริษัทเราเธอชื่อติ๋มครับชงกาแฟอร่อยเป็นบ้าเลยแหละ

      ป๊อก ป๊อก ป๊อก

      สงสัยคุณติ๋มคงจะมาถึงแล้ว “เชิญครับคุณติ๋ม” ประตูไม้สักสีน้ำตาลเข้มถูกเปิดออกอย่างช้าๆคุณติ๋มแม่บ้านสูงวัยเดินประคองแก้วกาแฟมาอย่างช้าๆด้วยความระมัดระวังแต่แล้วก่อนที่เธอจะเดินมาถึงโต๊ะทำงานผมไม่กี่ก้าวขาเธอก็ไปขัดกันเองแก้วกาแฟหลุดออกมาจากมือของเธอมาลงตรงโน๊ตบุคของผมพอดิบพอดีจอดับไปเลย

      ผมนี่หน้าซีดไม่มีเลือดฝาดเลยครับ ธุรกิจ 10 ล้านในมือหายไปกับตาผมพยายามจะเปิดเครื่องอีกครั้งเผื่อจะเซฟข้อมูลที่สำคัญทันแต่ทว่าเครื่องกับไม่ติดอีกเลย

      “ขอโทษคะคุณวินัย ขอโทษคะ” คุณติ๋มหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัดเธอพูดเสียงสั่นๆยกมือไหว้ขอโทษผมน้ำตาเธอเริ่มคลอเบ้าก่อนที่ผมจะทำบาปไปมากกว่านี้ ผมหยิบหลอดที่ตกอยู่บนโต๊ะมาดูดน้ำกาแฟที่หกอยู่

      ซ๊อดดดดดดดดดด.......

      “กาแฟยังรสชาติอร่อยเหมือนเดิมเลยนะครับ” ผมยิ้มให้คุณติ๋มผมไม่อยากให้เธอร้องไห้นะครับ เธอคงไม่ได้ตั้งใจนั่นแหละ

      ขอโทษนะคะคุณวินัยอย่าไล่ติ๋มออกเลยนะคะ” เธอยกมือไหว้ผมอยู่ไม่วางเลย “จะให้ติ๋มชดใช้ยังไงก็ได้”

      “ไม่ต้องหรอกๆ แต่ถ้าคุณยังไม่ยอมไปเอาผ้ามาเช็ดเดี๋ยวนะครับ ผมคงจะต้องไล่คุณออกจริงๆแล้วละครับ ฮาๆ”คุณติ๋มเริ่มมีรอยยิ้มออกมาเธอรีบนำร่างตุ๊ยนุ้ยของเธออกไปตามคำสั่ง

              ตายละไงนัดคุณวีรพลเอาไว้จะคุยเรื่องร่วมทุนธุรกิจดินสอกับไส้ดินสอของเราอยู่ด้วย เอาวะยังไงก็ต้องโทรไปบอกเค้านี่มันจะเที่ยงแล้วด้วยยังไงก็คงไม่ทัน

      “อันยอง คุณวีรพลหรอครับ”ผมทำน้ำเสียงใสๆ

      “ว่าไงครับคุณวินัย”

      “คือว่า.........ผมคงไปไม่ทันนัดแน่ๆเลยครับขอเลื่อนไปวันหน้าได้ไหมครับ”

      “อะไรกัน นัดไว้ไม่เป็นนัดคุณเห็นผมว่างมากนักหรอครับ งั้นผมขอยกเลิกธุรกิจทั้งหมดที่เราจะร่วมหุ้นกันนะคุณวินัย”

      “โถ่.....คุณวีรพลครับ.....”ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อฝ่ายนั้นก็ตัดสายโทรศัพท์ไปแต่ผมว่าเค้าคงโกรธหนักรู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงปุ่มกดหลุดอย่างไรไม่รู้ลอดออกมาจากปลายสาย ฮาๆ

      “เห้อ...............”ผมถอนหายใจยาวๆออกมานี่ผมจะซวยไปถึงไหนกัน

      “เอ่อ..คุณวินัยคะมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” ติ้มเดินก้มหน้าเข้ามาในห้องพร้อมผ้าขาวๆ 3 ผืน

      “อ่อผมก็รอคุณนี่แหละมาช้าเหลือเกิน โต๊ะเหนียวไปหมดแล้วนะครับเนี่ย ฮาๆ” ผมพยายามไม่ทำให้เธอไม่สบายใจ เมื่อเธอเช็ดโต๊ะเสร็จเรียบร้อยเธอก็กำลังจะกล่าวอะไรกับผม

      “เอ่อ..ขอ....” แค่เอ่ยปากก็รู้แล้ว่าเธอจะพูดว่าอะไร

      “ดีนะครับคอมนี้มีแต่เกมที่ผมเล่นแก้เซ็ง ไม่งั้นละแย่เลย ฮาๆๆๆๆ นี่คุณติ๋มเดี๋ยวเอาข้าวกระเพราหมูกรอบกับกาแฟมาเป็นมื้อเที่ยงให้ผมด้วยนะ หิวจะแย่แย้ววววว”

      “คะ ขอบคุณมากนะคะ” สีหน้าเธอก็ยังไม่ดีขึ้นมา

      “คุณติ๋ม”

      “คะ”

      “เงินนะหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ความสัมพันธ์ที่ดีๆมันหายากน่ะครับ ไม่ต้องคิดมากนะครับ อิอิ” ผมคิดว่าเธอคงจะไม่เชื่อเรื่องเกมแน่จึงจัดความรู้สึกข้างในไป โฮะๆๆๆ แล้วทั้งวันนี้ผมก็อยู่แต่ในห้องดูทีวีเพลินๆไปเพราะยกเลิกนัดกับคุณวีรพลแล้วก็ไม่มีอะไรต้องทำแล้วในวันนี้

      ปี๊ดๆ ปี๊ดๆ เสียงข้อความโทรศัพท์ของผมดังขึ้นที่จริงก็ดังเป็นประจำนั่นแหละไอ้พวกดูดวง ผลบอล เลขเด็ดไรเนี่ยส่งมาจังเลยผมหยิบมันขึ้นมาดูก็คิดว่าจะกดลบทิ้งเหมือนทุกครั้งไป แต่ว่าคราวนี้มีบางอย่างทำให้ต้องหยุดดู ข้อความนี้มีที่มาจาก Unlucky Bank ผมจึงเปิดข้อความเข้าไปดู

      -สวัสดีคะคุณวินัย เวลานี้ 13.00น. จะต้องเป็นเวลาตายของคุณในตึก Classical hotel  ยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่นะคะ-

      Classical hotel ที่ที่เรานัดคุณวีรพลไว้นี่นา“ ผมรีบเปิดไล่ดูทีวีหาช่องข่าวเผื่อจะมีข่าวอะไรที่พอให้รู้ได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น

      “เมื่อเวลา 12.30 น ที่ผ่านมาเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ชั้น 40 ของโรงแรมคลาสสิคอล ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วไปยังชั้นล่างและชั้นบนที่อยู่ติดกันผู้คนต่างหนีตายออกจากตึกอย่างอลหม่าน  และในเวลา 12.53 น. ตึกก็รับความร้อนไม่ไหวถล่มลงมาคาดมีผู้เคราะห์ร้ายไม่ต่ำกว่า 100 คนที่ยังไม่สามารถออกมาจากตึกได้ครับ”

      “ตึกถล่ม เราๆๆๆๆๆ ยังไม่ตายหรอเนี่ย นี่นะหรอ ความสามารถของ Unlucky Bank สุดยอดไปเลยโว้ยเจ๋งเป็นบ้า”

      **** จบ *****

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×