ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    .....LOVE.....CHANCE.....

    ลำดับตอนที่ #2 : LOVE.....CHANCE 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 341
      0
      5 พ.ค. 56

                      
                        


                          เช้าวันต่อมาเวลาเจ็ดนาฬิกา



    ร่างสูงเดินเข้ามาในบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นกิจการของตระกูลพร้อมกับเพื่อนชายที่มีฐานะเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญ ทั้งสองมุ่งตรงไปยังห้องขนาดใหญ่เพื่อเตรียมตัวสำหรับประชุมตอนเช้าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้ย่างเท้าก้าวเข้าห้องก็มีเสียงของคนที่กำลังคุยกันภายในห้องที่ดังเล็ดลอดผ่านประตูกระจกออกมาให้ทั้งสองได้ยิน





    ’’งานครั้งนี้พ่ออยากจะให้แกจัดการเองทุกอย่าง แล้วที่สำคัญ...อย่าให้พี่ของแกรู้เป็นอันขาด เข้าใจมั้ย’’เสียงเข้มๆที่ได้ยิน ร่างสูงสามารถรับรู้ได้เลยทันทีว่าเป็นเสียงของผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าที่พึ่งตบหน้าเขาไปหมาดๆเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วและไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่ท่านสนทนาด้วยคือใคร….น้องชายต่างมารดาของเขานั่นเอง น้องชายที่เป็นที่รักของผู้เป็นพ่อ ท่านรัก ให้ความใส่ใจ และให้ความไว้วางใจให้ทำงานแทนทุกๆอย่างมากกว่าผู้เป็นพี่อย่างเขาเสียอีก ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ใครบอกว่าคนที่มาก่อนมักจะมีความสุข มันไม่ใช่เลย ไม่เลยซักนิด… ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาไม่ค่อยชอบและพบปะกับน้องชายต่างมารดาของเขาเท่าใดนัก  ความไม่พอใจเริ่มปรากฏอีกครั้ง ไม่รอช้าผลักประบานประตูใหญ่เข้าไปอย่างแรงจนคนที่พึ่งจบบทสนทนาทั้งสองที่นั่งอยู่หันมามอง ร่างสูง เขาจ้องมองตอบด้วยสายตาผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มที่ได้เห็นแววตาของเพื่อนจึงเอื้อมมือจับไหล่ร่างสูงเอาไว้เชิงห้ามปรามแต่ร่างสูงกลับไม่ใส่ใจสะบัดออกอย่างแรงก่อนจะเดินไปประจันหน้ากับร่างสองร่างอย่างไม่หวาดหวั่น




    ’’กำลังสุมหัววางแผนทำเรื่องเลวๆกันอยู่หรือไง ทำไมถึงต้องแอบมานั่งคุยกันอยู่สองคน ’’





    ’’ไอ้แก้ว!!! ’’เสียงของท่านประธานเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งพลางทุบโต๊ะกระจกราคาแพงเฉียดแสนเสียงดังจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ชายหนุ่มที่เห็นท่าจะไม่ดีจึงเข้ามาฉุดร่างสูงให้เดินถอยหลังกลับไปเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยของเขาเอง




    ’’คุณยังจำชื่อฉันได้ด้วยหรอ!  คุณเคยรู้ด้วยหรอว่าฉันเป็นลูกของคุณน่ะฮ๊ะ!!! ’’ร่างสูงเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่อยู่พยายามผละตัวเองเข้าไปหาคนตรงหน้าผู้เป็นพ่อโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่รั้งตัวเองไว้และดูเหมือนว่าชายหนุ่มเองก็คงจะรั้งเขาไว้ไม่ไหวเหมือนกัน… ทางด้านชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาร่างสูงโปร่งน้องชายที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์ก็ทนดูไม่ได้ที่เห็นพี่ของตัวเองระรานผู้เป็นพ่อ จึงตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามผู้เป็นพ่อ ก่อนจะผลักร่างสูงออกอย่างแรงหวังจะให้ร่างสูงใจเย็นและเตือนสติไปในตัว




    ’’อย่ามาลามปามพ่อเด็ดขาด! ’’ ชายหนุ่มชี้หน้าร่างสูงพร้อมพูดอย่างเดือดดาล ร่างสูงจ้องมองน้องชายต่างมารดาตาเขม็งด้วยความโกรธไม่แพ้กัน… แต่ก่อนที่จะมีเรื่องราวบานปลายไปมากกว่านี้เลขาสาวสวยของผู้เป็นประธานบริษัทก็เข้ามาขัดจังหวะเข้าเสียก่อน




    ’’ท่านประธานคะ มีแขกมาขอพบค่ะ’’ร่างใหญ่วัยกลางคนพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจก่อนจะหันมามองหน้าลูกชายสลับกับร่างสูงแล้วเดินเลี่ยงออกไปเหลือไว้แต่สองพี่น้องต่างมารดาและชายหนุ่มเพื่อนสนิทที่ป่านนี้ยังคงจับตัวรั้งร่างสูงเอาไว้อย่างพยายามที่สุดถึงที่สุด




    ’’แกบอกฉันมาได้ไหม ว่าพ่อคิดจะทำอะไร’’ร่างสูงอ่อนเสียงลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่น้ำเสียงแต่รวมทั้งสายตาที่บ่งบอกถึงความอ้อนวอนความขอร้องของคนอ่อนแอที่นานๆทีเขาจะยอมเผยออกมาแต่เมื่อครั้งที่มันจำเป็นจริงๆ เพราะเขาไม่อยากที่จะสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอีกแม้แต่คนเดียว เพียงแค่แม่ของเขาก็มากเกินพอแล้วที่จะสูญเสียไป




    ’’ผมบอกพี่ไม่ได้ ผมขอโทษ’’ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีกล้ำกลืนฝืนทนร่างสูงรู้ดีว่าเขาไม่อยากที่จะเก็บความลับไว้เท่าใดนัก แต่ด้วยคำสั่งของผู้เป็นพ่อที่มีความสำคัญและยากที่คนรอบข้างจะกล้าขัดขืนและขัดคำสั่งมันจึงทำให้เขาต้องปิดปากเงียบ…แต่ถึงอย่างไรเขาเองก็ต้องรู้เรื่องราวในครั้งนี้ให้ได้ …เพราะมันคือหน้าที่ หน้าที่ที่ต้องรักษาคนที่รักเอาไว้เพื่อชดเชยในสิ่งที่ผิดพลาดไปในครั้งก่อนที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย




    ’’รณกร! แกต้องบอกฉัน ไอ้กร!!’’ส่งเสียงเรียกผู้เป็นน้องเสียงดังเมื่อเห็นเขาทำท่าจะเดินออกไป แต่ก็ไม่เลย เขาไม่ได้หันกลับมาสนใจเลยซักนิด มองตามประตูที่ถูกปิดลงพร้อมกับขาที่ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง ได้แต่คิดน้อยใจและผิดหวังในตัวเอง เขาผิดนักหรือที่อยากจะรู้ อยากจะรู้ความเป็นไปของคนในครอบครัวตัวเองเพื่อที่จะได้ปกป้องคนในครอบครัวให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ นานที่สุดเท่าที่จะได้ ชายหนุ่มที่รู้และเข้าใจถึงหัวอกของเพื่อนก็ได้แต่ถอนใจเพราะเขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เช่นกัน




    ’’ใจเย็นๆนะแก้ว กูเชื่อว่ามึงต้องผ่านมันไปได้ ’’ได้แต่ตบไหล่เพื่อนเบาๆเชิงปลอบ เพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้อะไรไปมากกว่าร่างสูงเลย ในตอนนี้จึงทำเพียงได้แค่นั้น ทำในหน้าที่ของเพื่อนที่ดี ที่ยามเพื่อนมีปัญหาก็คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจ…ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยสายตาเชิงขอบคุณก่อนที่ทั้งสองจะกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อจะทำความเข้าใจกับการประชุมครั้งใหญ่ของบริษัท

     






                                           เย็นวันนั้น



    ร่างสูงมุ่งหน้ากลับไปยังคฤหาสน์ของตัวเองหลังจากที่พึ่งแยกจากเพื่อนหนุ่ม ณ ที่ทำงาน แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถคันหรูหลายคันที่จอดรวมกันอยู่หน้าบ้านตัวเอง นึกสงสัยว่าใครกันที่มา แล้วทำไมต้องมากมายขนาดนี้ด้วย…รีบลงจากรถคันหรูของตัวเองก่อนจะเดินเข้าบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่




    ’’เอ่อ….คุณหนูครับ คุณท่านเรียกพบที่ห้องเลี้ยงใหญ่ครับ’’หัวหน้าพ่อบ้านคนเก่าแก่ของตระกูลเดินเข้ามาบอกด้วยท่าทีนอบน้อม ร่างสูงพยักหน้าให้น้อยๆก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ




    ’’ใครมากัน…ทำไมเยอะแยะขนาดนั้น’’




    ’’เอ่อ…เชิญคุณหนูไปพบเองดีกว่าครับ’’มองหน้าพ่อบ้านอย่างหน่ายๆที่ไม่สามารถให้คำตอบอะไรแก่เขาได้เลย รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก กับการที่เขาต้องการจะรู้แต่ไม่มีใครสามารถบอกอะไรเขาได้เลย…เดินมุ่งตรงไปยังห้องเลี้ยงแขกขนาดใหญ่ เปิดประตูเข้าไปก็พบกับผู้เป็นพ่อของตัวเองที่กำลังนั่งคุยกับสหายหลายคนโดยที่มีน้องชายของเขานั่งอยู่ข้างๆ คงจะขาดกันไม่ได้เลยสินะ เขาคิดในใจอย่างโกรธเคือง  ก่อนจะปัดสายตามองทุกคนที่อยู่ในห้อง…พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ทรงอิทธิพลกันทั้งนั้น ร่างสูงรู้จักคนพวกนั้นเป็นอย่างดี เพราะเคยเห็นหน้าพวกเขาหลายต่อหลายครั้งเมื่อสมัยยังเด็ก




    ’’อ้าว! หลานแก้วมาพอดีเลย’’เสียงหนึ่งจากบุคคลกลุ่มนั้นดังขึ้นมาก่อนจะตามมาด้วยสายตาของทุกคนที่มองมายังร่างสูงเป็นตาเดียว เขาเดินเข้าไปใกล้ๆบุคคลพวกนั้นก่อนจะหยุดยืนนิ่งมองพวกเขาทั้งหลายด้วยสายตานิ่งเฉยก่อนที่ผู้เป็นพ่อของเขาจะเอ่ยขึ้น




    ’’มานั่งนี่สิ…’’ท่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับตบเบาะโซฟาข้างๆตัวฝั่งตรงข้ามกับน้องชายเบาๆ หลังจากที่คนอื่นๆที่นั่งอยู่โดยรอบแหวกทางให้ร่างสูงก่อนหน้านั้นแล้ว เขาเดินเข้าไปอย่างว่าง่ายพร้อมกับใจที่นึกสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าทำไมวันนี้ท่านถึงได้ปฏิบัติต่อเขาผิดแปลกไปไม่เป็นอย่างก่อนหน้านี้




    ’’มีอะไร เรียกฉันมาทำไม’’น้ำเสียงสั้นๆห้วนๆเอ่ยถามคนเป็นพ่อที่นั่งข้างๆ ท่านยิ้มบางๆให้ร่างสูงก่อนจะหันไปพยักเพยิดหน้ากับสหายคนสนิทของท่านให้เป็นคนพูดแทน




    ’’คืออย่างนี้หลาน …พ่อเรามาพูดกับอาเอาไว้…ว่าอยากให้แก้วไปเรียนต่อเมืองนอก  แล้วบังเอิญอามีบริษัทอยู่ที่อังกฤษพอดี สาขาใหญ่พอสมควร พ่อเราเลยมาฝากฝังแก้วให้ไปทำงาที่บริษัทของอา ระหว่างนั้นแก้วก็เรียนไปด้วยทำงานให้อาไปด้วย ดีไหม’’ร่างสูงหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าแห่งความโกรธและน้อยใจเป็นที่สุดที่พ่อได้พยายามผลักพ้นเขาให้ออกไปจากชีวิต คงจะผลักเขาให้พ้นทางเพื่อจะยกอำนาจและทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ให้กับน้องชายของเขาล่ะสิ คิดแล้วก็ยิ่งโกรธก่อนจะลุกขึ้นยืนนิ่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง




    ’’ถ้าอยากจะผลักฉันให้ออกไปไกลๆขนาดนั้นล่ะก็ ไม่ต้องหาที่อยู่ดีๆให้ฉันหรอก แล้วไม่ต้องทำดีอะไรกับฉันทั้งนั้น…เพราะฉันไม่ต้องการ เพียงแค่คุณฆ่าฉันให้ตายซะ เรื่องทุกอย่างก็จะจบ’’เมื่อพูดเสร็จก็ผละเดินออกไปพร้อมกับน้ำตาแห่งความน้อยใจที่ไหลรินออกมาไม่ขาดสาย เดินออกจาบ้านหลังใหญ่ที่ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่นให้เขาได้ซึมซับก่อนจะสตาร์ทรถยนต์คันหรูของตัวเองออกไปด้วยความเร็วสูง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×