ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #78 : Kiseiju สังคมที่หวาดระแวง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.38K
      6
      19 ก.ค. 53

    เออ....ตอนนี้คอมซ่อมเสร็จแล้วครับ หากแต่ว่าอินเตอร์เน็ตยังใช้ไม่ได้ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการ์ดจอไรเนี้ยแหละ คงอีกสักพักถึงจะกลับมาเหมือนเดิม(ไปร้านซ่อมอีกรอบ)

    ในช่วงนี้ก็ขออภัยที่ไม่ได้ลงตอนใหม่ๆ เนื่องจากเวลาผมเขียนการ์ตูนแต่ละครั้งผมจะดูข้อมูลจากหลายแหล่งด้วย อย่างวิกีพีเดีย หนือ เว็บโดจินทั่วๆ ไป ซึ่งเวลาผมเขียนบทความโดยไม่เปิดอินเตอร์เน็ตนี้ผมเขียนไม่ออกง่ะ ไอเดียมันดันไปหมด

    ในช่วงนี้มีเม้นเยอะพอสมควร แต่เม้นที่ทำให้ผมรู้สึกติดใจมากที่สุดคือเม้นของไม่ปรากฏเมนเบอร์สองเม้น  เม้นแรกเขียนทำให้ผมรู้สึกว่า “ไม่เข้าใจจุดประสงค์บทความนี้” ว่า ผมเป็นคนมีอคติเกี่ยวกับการ์ตูนที่ดังหรือเปล่า ทำไมไม่เปิดใจรับบ้าง ผมก็ตอบว่าผมไม่ได้อคติ หรือไม่เปิดใจใดๆ ทั้งสิน เพียงแต่ไม่ได้ดูการ์ตูนพวกนี้เท่านั้นเอง คำว่า “การ์ตูนดัง” นั้นมันก็ไม่มีมาตรฐานกำหนดแน่นอนว่าการ์ตูนไหน ดัง หรือ ไม่ดัง ตามความคิดผมแล้วการ์ตูนดัง นั้นหมายถึงการ์ตูนที่หลายคนรู้จักกัน และฮิตอย่างมากในอินเตอร์เน็ตหรือสื่อต่างๆ อย่าง บลิซ ดราก้อนบอล เนกิมะ รีบอร์น โคนัน ฮันเตอร์ฯ ปกติการ์ตูนดังแม้จะมีข้อคิดหรือเนื้อหาน่าติดตามก็ตาม แต่ในความรู้สึกผมแล้ว มันเป็นเรื่องที่คนอื่นรู้อยู่แล้ว ดังนั้นผมจะเขียนเพื่ออะไร?  ในเมื่อคุณรู้จักได้อ่านมาแล้ว ซึ่งตอนแรกๆ ผมก็ได้เขียนการ์ตูนที่หลายคนรู้จักเหมือนกันอย่าง โดเรมอน,ไลออนคิง แต่หลังๆ ผมคิดว่าอยากลองเขียนการ์ตูนที่หลายคนไม่รู้จักมากกว่า อยากให้รู้ว่ายังมีการ์ตูนแปลกๆ อีกมากที่น่าอ่าน และข้อคิดสนุกอร่อยเหาะไม่แพ้การ์ตูนทั้งหลายเหมือน ซึ่งผมรู้สึกดีใจมากในการอ่านเม้นคนที่เขียนมาว่าได้เปิดโลกทรรศน์การ์ตูนที่ไม่รู้จักมาก่อนและอ่านแล้วรู้สึกชอบมากๆ เพราะได้อ่านบทความของผม  และบางครั้งผมก็เอาบทความที่เกี่ยวกับการ์ตูนมาลงด้วย อย่าง ฮีโร่อเมริกา เป็นต้น

    ดังนั้นคนที่ขอการ์ตูนให้ผมเขียนนั้น ผมก็ขอโทษมาที่นี้ด้วยครับ หากผมไม่เขียนถึงการ์ตูนเรื่องที่ท่านขอ สาเหตุหลักๆ คือ การ์ตูนที่ว่ามันดังคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว อย่างน้อยคนขอมาก็รู้จัก ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะเขียนถึง ดีไม่ดีอาจเกิดการใช้อามรณ์หากความคิดของผมไม่เหมือนคนขอเข้า, เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยอ่านและไม่คิดจะอ่าน(หรือหาไม่เจอ)อย่างหงสาจอมราชันย์ , มีคนเขียนอยู่ก่อนแล้ว เขียนไปก็ซ้ำของเขาอย่างซัมมอนเวิร์ดเป็นต้น

    เม้นต่อมาเป็นเม้นตำหนิในบทความที่ผมเขียนใน(ภาค 2) ความคิดเห็นที่ 2743 (จากตอนที่ 73)ความจริงผมก็ทำใจไว้แล้วว่าต้องมีเม้นแนวนี้มาแน่ๆ เพราะตอนนี้ผมใส่ความรู้สึกส่วนตัวมากไปหน่อย แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบใจคือ เขาว่าผมไม่เขียนโดยไม่รู้จริง ที่จริงผมเขียนตอนนี้ผมก็ได้อ่านหนังสือหรือโดจินมาบ้าง และพยายามศึกษาเปิดหาความรู้ในการซ่อนการ์ตูนเรื่องนี้ด้วย ซึ่งหลักฐานคือจากภาคแรกที่ได้เห็นจุดที่ซ่อนของการ์ตูนเรื่องนี้มากพอสมควรไม่ว่าจะเป็นทฤษฏีต่างๆ นาๆ ที่ผมใส่ลงไปไม่ยั้งจนยาวอย่างที่เห็น ในภาค 2 นั้นผมเขียนถึงฉากจบภาคอมิเนชั่นเท่านั้นซึ่งไม่ได้เล่าถึงมังงะหรือโดจินแต่อย่างใด(หากคุณอ่านคุณก็รู้ว่าผมเขียนว่า เขียนแต่ภาคอมิเนชั่นเท่านั้น) แต่เม้นนี้ก็ด่าผมโดยยึดมังงะเป็นหลักโดยไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ผมเขียนถึงเลย เพราะจุดประสงค์หลักที่ผมเขียนตอนนี้คือฉากจบอมิเนชั่นที่คลุมเครือและผิดกฎนิยายสืบสวนอย่างรุนแรงเท่านั้น สิ่งที่ผมรู้เสียดายเม้นนี้ต่อมาคือ เขาเม้นโดยไม่ได้อ่านสิ่งที่ผมเขียนแทรกถึงเรื่องนั้นเลย นั่นก็คือความรู้ ผมอุตส่าห์ไปเจอบทความจากต่างประเทศที่เขียนถึงการ์ตูนเรื่องนี้และนำมาใส่เพิ่มลงไปจากตอนแรก คือ “การเล่าเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือ” หรือการเปรียบเทียบฆ่ายกเกาะ แต่คนเม้นไม่ได้ใส่ใจกับความรู้เหล่านี้เลย และเขียนตำหนิผมว่าไม่รู้จริง ซึ่งผมรู้สึกเสียดายคนเม้นนี้มาก

    ความจริงผมค่อนข้างอคติการ์ตูนเรื่องนี้พอสมควรในแง่ตัวละครเยอะเกินไป(ความจริงอีกคือผมอคติการ์ตูนของริวกิชิ 07 น่ะ ตั้งแต่แว่วเสียงเรไรแล้วล่ะ ยกเว้นการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่ผมชอบมากในเรื่อง  Ookami kakushi)

    พูดเรื่องตัดฉากนี้ผมคิดถึงเรื่องภาพยนตร์จากการ์ตูนยังไงชอบกลอย่างแฮรี่ พอตเตอร์มีหลายคนบ่นว่าตัดฉากโน้นตัดฉากนี้ แต่คุณอย่างลืมสิว่าทุนการสร้างเวลามันจำกัด ขื่นนำฉากใส่ครบถ้วนนับลองยาวสุดๆ และทุนการสร้างสูงแน่นอน ที่นี้มาดูอมิเนชั่นการ์ตูนเรื่องนี้บ้างหากคนที่ไม่ได้ดูมังงะมาดูการ์ตูนนี้จะมีความรู้สึกอย่างไร แน่นอนคนนั้นก็ไม่รู้ว่าฉากไหนตัดหรือไม่ตัดบ้าง

    ปกติผมไม่ชอบเม้นที่อีโกสูง ที่เหมือนพิทักษ์การ์ตูนเรื่องนั้นๆ มากนัก ผมรู้สึกไม่ดีเลยในบทความ “จำผิดโคนัน” ที่มีคนหนึ่งเขียนเนื้อหาจับผิดหลักฐานที่โคนันเฉลยมาว่าไม่สามารถเอาผิดฆาตกรคนนั้นได้ ผลคือมีพวกเกรียม พวกอีโก เขียนด่ายกใหญ่ โดยเขียนว่า “ไม่ชอบก็อย่าอ่าน” อันนี้ผมว่าไม่ถูก ในเมื่อเราเป็นผู้บริโภค เป็นแฟนผลงาน เราก็สามารถเสนอความคิดเห็นอื่นๆ ได้ แม้ว่าความคิดเห็นนั้นจะเป็นด้านลบก็ตาม แต่เราควรเปิดใจบ้าง ขนาดเขามาด่าการ์ตูนที่ผมชอบ ผมยังอ่าน รับฟังเลยครับ ก็มันเป็นผลงานสาธารณะนี้น่า

     

      

    Kiseiju

    สยองขวัญ, ไซไฟ, ดราม่า, เหนือธรรมชาติ

    ดูได้ที่ http://www.onemanga.com/Parasyte/
    โหลดที่ http://www.bang-pun.com/forums/index.php?topic=2887.0


    การ์ตูน ปรสิตมีชื่อภาษาอังกฤษ ว่า Parasyte หรือ Kiseiju มีชื่อไทยว่า ปรสิตเดรัจฉาน จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สยามฯ สมัยก่อน ที่เก่ามากในสมัยการ์ตูนเล่มละ 30 บาท ตีพิมพ์ทั้งหมด 10 เล่ม ตั้งแต่ ปี 1990-1995 เป็นผลงานของ ฮิโตชิ อิวากิ ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Afternoon 1990-1995  ที่ไทยเรารู้จักกันดีในชื่อ ปรสิตเดรัจฉานตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สยาม 10 เล่มจบ ในราคา 30 บาท

    Kiseiju เป็นการ์ตูนไซไฟสยองดิบเถื่อน เรื่องราวของสิ่งมีชีวิตปรสิตลึกลับชนิดหนึ่งจากนอกโลกที่ตกลงมายังโลก แต่การที่มันจะอยู่อาศัยในโลกได้มันต้องเข้าไปอาศัยร่างสิ่งมีชีวิต และถ้ามันไปถึงสมองมันจะควบคุมยึดครองร่างเจ้าของร่างให้ทำตามนึกคิดของมันเอง และสิ่งที่น่ากลัวของสิ่งมีชีวิตนี้คือ ถ้ามันสิงอาศัยในร่างสิ่งมีชีวิตใดๆ ละก็ มันจะกินสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับตัวที่สิ่งนั้นๆ เช่น สิงหมากินหมา แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ มันสิงมนุษย์!!

     

    ชินอิจิ อิซุมิ(Shinichi Izumi)  พระเอกของเรื่อง ที่หน้าตาละมายคล้ายกับอำพล ลำพูนดาราไทยไม่มีผิด หน้าแก่แต่ความจริงเรียนอยู่มัธยมปลาย หากตัดหน้าแก่ออก ก็ถือว่าเป็นเด็กมัธยมปลายธรรดาคนหนึ่ง หากชีวิตของเขาได้เปลี่ยนไปเมื่อมีสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ถูกเรียกว่า “ปรสิต” สิ่งเขา หากแต่สามารยับยั่งมันไม่ให้เข้าสู่สมองได้สำเร็จ แต่กระนั้นมันก็ได้สิงที่แขนขาขวาจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของเขา ทำให้ชินอิจิต้องอยู่ร่วมกับปรสิตนั้นโดยบริยาย ต่อมาเขาก็ได้รู้ความลับว่ายังมีปรสิตที่สิ่งคนนอกจากเขาอีกจำนวนมาก และพวกมันก็กินคนเป็นอาหาร โดยที่สังคมทั่วไปไม่รู้ แต่ชินอิจิเลือกที่จะหลีกหนีและอยู่อย่างสงบมากกว่า(และเลือกปิดความลับไม่ให้คนรอบข้างรู้ด้วย) หากแต่กระนั้นพวกปรสิตมีความสามารถตรวจจับสัญญาณพวกเดียวกันได้ และพวกมันมองว่าชินอิจิคือศัตรูที่พวกมันต้องกำจัด ทำให้ชินอิจิต้องต่อสู้กับพวกมันอย่างดุเดือด  สิ่งที่เป็นแรงผลักดันที่ทำให้ชินอิจิเปลี่ยนไปเป็นคนละคนคือการสูญเสียแม่ที่โดนปรสิตฆ่า ส่งผลทำให้เขาได้รับเซลล์ของปรสิตบางส่วน จนเขามีพละกำลังและความสามารถเหนือมนุษย์ และจิตใจของเขาเริ่มเย็นชาและเลือดเย็นจนเขาเริ่มจะไม่ใช้มนุษย์

                   

    Kazuyuki Izumi พ่อของชินอิจิที่ได้เห็นภรรยาโดยปรสิตฆ่าตาย ทำให้เขาได้คลางแคลงใจกับพวกปรสิต รวมไปถึงสงสัยลูกชายที่โดนปรสิตสิงด้วย

     

    Nobuko Izumi แม่ของชินอิจิที่โดนปรสิตฆ่า และถูกสิง เธอได้แทงชินอิจิเข้าที่หัวใจ ก่อนที่จะตามไปฆ่าพ่อของชินอิจิที่รู้ความลับของมัน หากต่าสุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ และถูกฆ่าโดยปรสิตที่เป็นเพื่อของชินอิจิ

                   

    มิกกี้(Migi)  ปรสิตที่สิงอยู่ในมือซ้ายของชินอิจิ ไม่มีความปรารถนาที่จะเข่นฆ่ามนุษย์เหมือนปรสิตตัวอื่นๆ และต้องการที่จะอยู่อย่างสงบและอยู่ร่วมกับชินอิจิมากกว่า มีความฉลาดและชอบเรียนรู้ และพูดตรงไปตรงมา และจะสู้หากมันพบว่ามีอันตราย

                   

    ซาโตมิ มุราโนะ (Satomi Murano) เพื่อนของชินอิจิและแฟนของชินอิจิ ที่มีความสัมพันธ์กับชินอิจิแบบรักใคร่ รวมไปถึงความเคลือแคลงสงสัยการเปลี่ยนแปลงในตัวของชินอิจิ จนบางครั้งก็หวาดกลัวเขาเหมือนกัน หากแต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็กลับมาอีกครั้งจากเหตุสังหารหมู่

                   

    ทามิยะ (Reiko Tamura) หนึ่งในพวกที่โดนปรสิตสิง เป็นอาจารย์ประจำชั้นในโรงเรียนชินอิจิ แต่ไม่ได้ตั้งตนเป็นศัตรูกับชินอิจิ เพราะเธอเลือกที่จะอยู่อย่างสงบมากกว่า เป็นคนฉลาดและเป็นคนชอบค้นคว้าในหัวข้อ “เราเกิดมาเพื่ออะไร?” ซึ่งบางครั้งความคิดของเธอก็ดันไปทำให้พวกเดียวกันเหม็นขี้หน้าซะงั้น เธออยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในรอบตัวชินอิจิ(ทางอ้อม) ภายหลังเธอได้ตายจากห่ากระสุนจากพวกตำรวจเพราะต้องการปกป้องลูกของตนเอง

     

    คานา (Kana) เด็กผู้หญิงนักเลงที่อยู่ต่างโรงเรียนกับชินอิจิ แอบหลงรักชินอิจิ และมีพลังพิเศษในการระบุหาปรสิตได้(แต่เธอไม่เข้าใจพลังพิเศษอันนี้) ต่อมาเธอก็เสียชีวิตเพราะโดนปรสิตตัวหนึ่งฆ่าในขณะที่รอพบชินอิจิในสถานที่รกร้าง

    ผมรู้จักการ์ตูนเรื่องนี้ในสมัยที่ประเทศไทยไม่รู้จักลิขสิทธิ์(ก็คือพิมพ์-แปล-ขายการ์ตูนญี่ปุ่นโดยไม่สนลิขลิทธิ์นั่นแหละ)และญี่ปุ่นไม่รู้จักคำว่าโมเอะ ผมอ่านการ์ตูนเรื่องนี้จากในสมัยที่เป็นเล่มหนาๆ (หากจำไม่ผิดประมาณ 6 เล่มจบ) ความรู้สึกที่ผมครั้งแรกคือการลายเส้นไม่สวยงามเสียเลย ดิบเถื่อน อีกทั้งตัวละครที่แสดงออกจะแข็งๆ และบางช่องก็ซึ้งไร้สีหน้า ที่สำคัญพระเอกและนางเอกไม่น่ารักเสียเลย(จะโดนแฟนการ์ตูนเรื่องนี้ตบไหมนี้) จนไม่น่าเชื่อว่ามันขึ้นทำเนียบการ์ตูนญี่ปุ่นดีตลอดกาล และได้รับรางวัล Kodansha Manga Award ในปี 1993

    ถ้าถามว่าเป็นเพราะอะไร การ์ตูนเรื่องนี้ถึงติดอันดับ อาจเป็นเพราะว่าพล็อตของการ์ตูนเรื่องนี้ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ตื่นเต้น, การดำเนินเรื่องหักมุมตื่นเต้นตลอดเวลา แต่ที่สำคัญที่สุดคือการมีฉากโหด ดิบเถื่อน เลือดสาด ที่ถูกใส่จนเรียกว่าจะให้อ้วกไปข้างแต่แฝงไปด้วยปรัชญาในความรุนแรง(การ์ตูนสมัยนั้นก็อารมณ์แบบนี้แหละ) ฉากที่ปรสิตกินเนื้อคนเสมือนเผ่าคนกินคนในปากัวนิกีนี ฉากปรสิตที่แม่ของพระเอกถูกฆ่า ฉากปรสิตที่เป็นแม่ปกป้องลูกน้อยจากการระดมยิงของตำรวจ  ฉากสังหารหมู่ในโรงเรียนที่ปรสิตบ้าคลั่งฆ่าคนไม่เลือกหน้า หรือฉากนักการเมืองในคราบปรสิตที่พูดเรื่องอาณาเขตล่ามนุษย์อย่างหน้าตาเฉย จึงไม่น่าแปลกแต่อย่างใดที่ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้กลายเป็นบรรทัดฐานให้แก่การ์ตูนอีกหลายเรื่องที่ดำเนินแนวนี้ในเวลาต่อมา

     

                    อย่างที่บอกเอาไว้ในตอนต้นเรื่องที่ว่าการ์ตูนปรสิตกลายเป็นการ์ตูนบรรทัดฐานที่เนื้อหาถูกนำไปใช้เป็นฐานการ์ตูนเรื่องอื่นๆ เสมอ โดยเนื้อหาที่ว่า พระเอกเป็นคนธรรมดาแต่แล้วด้วยเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน พระเอกโดนอะไรสักอย่างเข้าสิ่ง เข้าไปพวกพันกับเรื่องเหนือธรรมชาติ, ศัตรูที่ไม่ใช่มนุษย์

    ปรสิตเปิดฉากด้วยภาพที่ดูคุ้นๆ ชินตา หากเราเคยดูการ์ตูนเรื่องอื่นๆ แนวที่ผมว่าไว้นั้นคือฉากโลก ที่แสดงให้เห็นว่าการดำเนินเรื่องยึดหลักโลกแห่งความจริงเป็นหลัก ไม่ใช้โลกแห่งเทพนิยายหรือแฟนตาซีใดๆ ทั้งสิ้น หากเการปิดเรื่องแนวๆ นี้ผมทำให้ผมคิดถึงภาพยนตร์เรื่อง “War of The Word” ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวที่มาบุกโลกเรา และการต่อสู้ของมนุษย์เพื่อปกป้องโลก  หากแต่การ์ตูนเรื่องปรสิตนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเกี่ยวกับศึกวันอวสานโลกใดๆ ทั้งสิ้น แม้เรื่องนี้จะมีมนุษย์ต่างดาวก็ตาม หากแต่การดำเนินเรื่องจุดโพกัสมาเพียงการต่อสู้ของตัวละครตัวหนึ่งที่ชื่อ “ชินอิจิ” เท่านั้น

    จากนั้นฉากก็ปรากฏสปอร์ของปรสิตที่คล้ายกับดอกหญ้าปลิวตามลมอะไรสักอย่าง ซึ่งสปอร์เหล่านั้นกระจายตัวไปอยู่ทั่วโลก ในตอนค่ำเงียบๆ  ตอนที่มนุษย์กำลังหลับใหล และเมื่อถึงพื้นโลกสปอร์ก็แตกออกเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายกับทากและมันก็เข้าไปสิงร่างคนอย่างเงียบๆ

    ณ ประเทศญี่ปุ่น ปรสิตลึกลับตัวหนึ่งได้เข้าไปสิงอาศัยร่างของเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ธรรมดาคนหนึ่งชื่อ อิคุมิ ชินอิจิ แต่ปรสิตตัวนั้นไม่สามารถเข้าไปในร่างสมองของเจ้าของร่างได้ เนื่องจากชินอิจิรู้ตัวเสียก่อนและเขาได้ใช้เชิอกรัดมันในขณะที่มันวิ่งเข้าสู่ร่างกายเข้าไปในแขนข้างซ้าย ทำให้มันหยุดฟักตัวอยู่ที่แขนของชินอิจิแทน ทำให้ชินอิจิยังดำรงชีวิตเป็นมนุษย์ได้

        

    แต่มนุษย์คนอื่นไม่ได้โชคดีเหมือนชินอิจิ เพราะมนุษย์เกือบทั้งหมดที่ถูกปรสิตสิง ก็กลายเป็นคนไม่ใช่คนโดยสมบูรณ์ จากนั้นเราก็ได้เห็นฉากโหดคลาสลิกแรกของการ์ตูนเรื่องนี้นั้นก็คือ ณ ที่ไม่ไกลจากบ้านชินอิจิ ที่บ้านของผู้ชายคนหนึ่งถูกปรสิตสิง ชายคนนี้ถูกปรสิตเข้าควบคุมสมองโดยสมบูรณ์ มันได้เปลี่ยนร่างกาย(เฉพาะที่หัว) เพื่อจู่โจมภรรยาของชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว และกืนอย่างเลือดเย็น(และในเวลาต่อมามันก็กินลูกสาวเข้าไปอีกคน) และฉากกินคนลักษณะนี้ได้กลายเป็นฉากปกติของการ์ตูนเรื่องนี้ในเวลาต่อมา

    ปรสิตเป็นหนึ่งในเจ้าของคอล์ม “การ์ตูนที่รัก” ในนิตยสารมติชนรายสัปดาห์ถูกนำไปเขียนหลายตอนมากอีกเรื่องหนึ่ง ในหัวข้อ “ความรุนแรงในการ์ตูน” ซึ่งภาพที่ปรากฏในการ์ตูนเล่มนี้เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม, กินเนื้อคน หากแต่ความโหดเหี้ยมนี้ไม่มีเรื่องเซ็กต์เกี่ยวข้อง และความโหดนี้เกี่ยวข้องกับ กฎธรรมชาติ, การเอาตัวรอด มากกว่าจะฆ่าเพื่อความสนุกสนาน หรือความสะใจ

                    ในขณะที่เรามาดูการ์ตูนเรื่องอื่นๆ แนวโหดและรุนแรง ที่มีลิขสิทธิ์บ้านเราในปัจจุบันบ้าง เราจะพบว่านอกเหนือจากฉากโหดแล้ว มันยังมีเรื่องเซ็กต์เกี่ยวข้องด้วยเข้าไปด้วย อย่างเช่น กันซึ, เบอร์เซิรส์(ช่วงแรก), ที่มีฉากเซ็กต์ใส่เข้าไปไม่ยั่ง  จนเหมือนกับว่าเรื่องเซ็กต์กลายเป็นส่วนหนึ่งของความโหดในการ์ตูนญี่ปุ่นไปเสียแล้ว(ใช่ว่าการ์ตูนปรสิตจะไม่มีฉากเซ็กต์ ฉากที่ว่าก็มีเหมือนกันในช่วงตอนท้ายๆ หากแต่เป็นแกที่ค่อนข้างแข็งทื่อ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสวยงามหรืออะไรทั้งสิ้น หากแต่เป็นเพียงการแสดงออกของพระเอกที่กลัวตายและต้องการทำอะไรสักอย่างเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจผจญกับการเอาตัวรอดครั้งสุดท้ายที่อาจถึงชีวิตของเขา)

                    ทางด้านชินอิจิ เมื่อเขาตื่นขึ้นก็ตกใจเมื่อพบว่าแขนกลายเป็นที่สิงสถิตของปรสิตประหลาดและมีความนึกคิดเป็นของตัวเอง ชินอิจิตั้งชื่อมันว่ามิกกี้ และพยายามใช้ชีวิตร่วมกับมัน หากแต่ว่านั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความสยอง เมื่อเขาพบว่าทั่วทุกที่ที่เขาไป มีปรสิตที่ยึดร่างมนุษย์หลายสิบตัว พวกมันปะปมกับคนเหล่านั้นในสังคมญี่ปุ่น เพื่อหาทางกินคนเป็นอาหาร อีกทั้งมันก็เห็นชินอิจิเป็นศัตรูเพราะมันแตกต่างจากพวกมัน และแล้วการต่อสู้เหนือมนุษย์จึงเกิดขึ้น ชินอิจิและปรสิตที่เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายจำเป็นต้องร่วมมือกันต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง, คนรัก, ครอบครัว

                    ที่น่าแปลกคือการ์ตูนสู้ของชินอิจิส่วนใหญ่ไม่ได้ต่อสู้เพื่อมวลมนุษย์ชาติเหมือนในการ์ตูนหลายเรื่องๆ เราได้อ่านกันมา(อย่างเช็นต์เซย่า, ดราก้อนบอล, ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ) อีกทั้งชินอิจิก็ไม่ได้ทำเพื่อสังคมด้วย ศึกของเขาส่วนใหญ่จะเป็นการฆ่าปรสิตเพื่อปิดปากไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเขาโดนปรสิตเข้าสิงเท่านั้น พูดง่ายๆ ชินอิจิต่อสู้เพื่อตนเองและคนใกล้ชิดนั้นเราเรียกพระเอกเหล่านี้ว่าพระเอกแบบคนธรรมดา ที่มีชีวิตจิตใจเหมือนมนุษย์โดยทั่วๆ ไป มีโกรธ เศร้า หลง ริษยา ไม่ได้เป็นพระเอกที่มีจิตใจบริสุทธิ์ รักความยุติธรรมเสมอไป บ่อยครั้งเราได้เห็นชินอิจิหมดสิ้นสภาพความเป็นพระเอก กลายเป็นด้านมืด(เลือดเย็น, ไม่เห็นหัวคนอื่น) หรือด้านอ่อนแอของมนุษย์(กลัวตาย, เก็บความลับ) นี้จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมการ์ตูนเรื่องนี้ได้รับเสียงวิจารณ์(ชม) อย่างมากในแง่การสร้างบุคลิกพระเอกที่หายากในยุคนั้น จนกลายเป็นอีกบรรทัดฐานพระเอกในการ์ตูนอีกเรื่องในเวลาต่อมา (ขอเป็นชื่อไทยนะครับ เช่นเรื่อง สลับร่างล้างอธรรม, ผู้มาเยือนพันธุ์สยอง, และอีกหลายๆ เรื่องที่ส่วนมากมักจะแป๊กจบในสองเล่มเท่านั้น)

                    แต่สิ่งที่เรียกเสียงอือฮ่าที่สุดในเรื่องการ์ตูนไม่ใช้ฉากโหดหรือฉากแหวะใดๆ ทั้งสิ้น มันคือการดำเนินเรื่องที่สอดแทรกประเด็นปรัชญาของธรรมชาติของสังคมอย่างครบถ้วนกระบวนความ ในแง่มุมต่างๆ ที่คนอ่านก็ไม่คิดว่ามันปรัชญาเหล่านี้จะใช้กับการ์ตูนเรื่องโหดนี้ได้

                    ประเด็นแรกที่ชัดเจนที่สุดคือการที่ชินอิจิได้ปิดบังตนเองไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเขาถูกปรสิตสิงที่มือซ้าย แสดงให้เห็นว่ามนุษย์เราจำเป็นต้องเก็บซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตนเองเอาไว้เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ เพราะจะทำให้เราไม่เหมือนคนอื่น และเมื่อไม่เหมือนคนอื่น สังคมก็แสดงอาการรังเกียจ และแสดงปฏิกิริยาต่างๆ ทั้งๆ ที่ความไม่เหมือนคนเรานั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนใดๆ ทั้งสิ้น


                   ชินอิจิพระเอกด้านมืด
    เนื้อหาของการ์ตูนจะเน้นเนื้อหาการเปลี่ยนแปลงจิตใจของชินอิจิตลอด ว่าเขาจะพัฒนาด้านจิตใจในด้านลบหรือด้านบวก หลังจากที่เขารู้ว่าบัดนี้เขาไม่ได้เป็นคนธรรมดาอีกแล้วนับจากที่ปรสิตของเขา ในตอนแรกชินอิจิเป็นเด็กธรรมดา ที่ดีไม่ดีเป็นคนขี้ขลาดเสียด้วยซ้ำ หากแต่เขาได้เห็นอยากปรสิตสู้กันเอง ฉากฆ่ากันตาย ฉากเลือด ฉากหัวขาดมากเข้า จิตใจเขาก็เริ่มแปลเปลี่ยนไปก่อนที่เขาจะได้รับชิ้นส่วนมิกกี้ที่หัวใจเสียด้วยซ้ำ ยิ่งฉากที่เขาฆ่าปรสิตตัวแรก(นายA ประสิตศัตรูที่บุกโรงเรียนหมายฆ่าชินอิจิ)จิตใจของชินอิจิก็เปลี่ยนเป็นด้านลบ

                    หลังฐานที่ชินอิจิถูกเปลี่ยนเป็นด้านลบคือคำพูดที่เขาพูดกับมิกกี้ในห้องหลังจากจัดการกับนาย A ได้

                    “เราต้องฆ่าเจ้าทามิยะ”

                    มิกกี้เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะตอบปฏิเสธ “เราว่าไม่ควร เพราะมันฉลาดกว่าพวกเรา อีกทั้งเรื่องเด็กในท้องของมันอีก” ฉากนี้จะเห็นได้ว่าชินอิจิเป็นคนไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง และค่องข้างที่จะหวาดระแวง เขาตั้งใจจะฆ่าทามิยะไม่ใช่เพราะมันเป็นศัตรูของโลก หากแต่เป็นแค่เขาเห็นว่าเป็นอันตรายต่อเขาและคนรอบตัวเขาเท่านั้น(โดยเฉพาะแผน) ความคิดของชินอิจิไม่แตกต่างอะไรเลยกับนาย A เลย

                    สุดท้ายเรื่องจบลงโดยทามิยะลาออกจากการเป็นอาจารย์ในโรงเรียน และจากลาชินอิจิโดยไม่ทำให้อันตรายเขาทั้งสิ้น ฉากนี้แสดงให้เห็นว่า “ใครกันแน่ที่มีจิตใจด้านลบ” ชินอิจิอย่างรักษาความลับ(บวกกับไม่อยากให้แฟนสาวตาย)เลยตัดสินใจฆ่าทามิยะ(แต่มักกี้ปฏิเสธ)  ส่วนทามิยะตัดสินใจรักษาความลับด้วยการจากลาพร้อมกับพูดทิ้งปริศนาว่า “ฮ้าว.......แกก็มีปะปนเหมือนกันนี่” แสดงให้เห็นว่าทามิยะรู้เลยว่าจิตใจของชินอิจินั้นเริ่มแปลงเปลี่ยนเหมือนพวกตนแล้ว

                    จิตใจของชินอิจิเปลี่ยนแปลงสู่ด้านมืดอีกครั้งจากฉากที่แม่ของชินอิจิตาย และฉากที่เขาจะต้องฆ่าปรสิตในร่างแม่ของเขา(ในตอนนี้ร่างกายของชินอิจิได้เปลี่ยนเป็นเหมือนพวกปรสิตแล้ว) ฉากนี้ไม่ได้อยู่ที่ความประทับใจ (หรือผมอาจใจแข็งก็ไม่รู้ เพราะผมอ่านแล้วไม่มีน้ำตาสักหยด) อันเนื่องจากภาพที่สื่อออกมานั้นหยาบกระด้างและไร้สีหน้า

                    หลังการตายของแม่ ชินอิจิก็ได้กลายเป็นชินอิจิคนใหม่ ทรงผมใหม่ หน้าตาก็เปลี่ยนไปจากเติมที่และจิตใจผสมสานระหว่างเมตตากับเลือดเย็น ผมค่อนข้างชอบฉากที่ชินอิจิอุ้มลูกหมาที่โดนรถชนและใกล้จะตายไว้ที่อก และเมื่อลูกหมาตัวนั้นสิ้นลมชินอิจินั้นก็ตัดสินใจที่จะทิ้งลูกหมาตัวนั้นไว้ที่ถังขยะ พ่อของชินอิจิถึงกับตะลึงความเปลี่ยนแปลงของลูกชายถึงกับอุทานว่า “อย่างกับหัวใจแก เสริมใยเหล็กยังไงอย่างงั้นแหละ”

                    แต่นั้นก็แค่ภายนอก เพราะมีหลายฉากที่แสดงให้เห็นว่าชินอิจิก็แค่มนุษย์ธรรมดาเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงของชินอิจิถูกเปิดเผยและเขามีความคิดจะทอดทิ้งมิกี้ทั้งๆ ที่ทั้งสองร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาและมิกกี้เป็นผู้มีพระคุณต่อชินอิจิแท้ๆ หรือจะเป็นฉากชินอิจิกลัวตายและทอดทิ้งมิกกี้ เป็นต้น

                    ในตอนท้ายเล่ม 10 ซึ่งเป็นบทอวสานของการ์ตูนปรสิต คนเขียนได้เขียนว่าพล็อตปรสิตนี้ว่า ตอนแรกเขาตั้งใจจะออกมาแนวตลกโรแมนติกคอมมาดี้ที่พระเอกเป็นคนที่ชอบทำอะไรตามใจตนเองจนยุ่งเหยิงไปหมด ซึ่งสิ่งที่คนเขียนว่าไว้ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะะสิ่งที่ชินอิจิทำในเรื่องทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่ตามใจและใจอารมณ์เป็นที่ตั้งเท่านั้น

                    จะเห็นได้ว่าศึกส่วนใหญ่ในเรื่องที่ชินอิจิสู้นั้นส่วนใหญ่ทำเพื่อตนเองไม่ก็คนรอบข้างมากกว่าจะทำเพื่อส่วนรวม หากแต่มีศึกเดียวเท่านั้นที่ชินอิจิตัดสินใจสู้เพื่อสังคม คือฉากที่ชินอิจิต้องต่อสู้กับปรสิตที่ชื่อ “โกโต”ศัตรูที่เก่งกาจและอ่อนแอที่สุดในเรื่อง(ที่ร่างกายไม่เหมือนก่อน) ในตอนท้ายเรื่องของเล่ม 10 ความจริงศึกนี้ชินอิจิแค่หนีไปไกลๆ ก็ได้เพราะปรสิตตัวนั้นไม่มีปัญญาตามตัวเขาได้แล้ว หากแต่สาเหตุที่ชินอิจิจะไปสู้โกโตเพราะคนในหมู่บ้านที่ชินอิจิไปอาศัยอยู่ด้วยนั้นถูกปรสิตฆ่าหลายราย ชินอิจิต้องไปหยุดมันก่อนที่คนอื่นจะรับเคราะห์แทนตน และนี้คือภารกิจสุดท้ายที่ชินอิจิทำเพื่อส่วนรวมโดยแท้จริง

                   
                   
    ทามิยะตัวร้ายมากปรัชญา นอกเหนือชินอิจิ ตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องที่เด่นไม่แพ้กันคือผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกปรสิตสิงชื่อ ทามิยะ ที่เธอมีความรู้และความรู้สึกนึกคิดที่ไม่เหมือนปรสิตตัวอื่นๆ เธอมักถามตัวเธอเองและคนอื่นว่า
    เราเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร ทามิยะพยายามหาคำตอบทุกอย่าง ไม่ว่าจะฆ่าพวกเดียวกัน ไปตามมหาลัยต่างๆ เพื่อไปดูอาจารย์สอนทฤษฏียากๆ หรือไปมีเพศสัมพันธ์จนกระทั้งมีเด็ก ไปจนถึงการรับบทเป็นพระเจ้าเสียเอง นั่นก็คือการสร้างปรสิตพันธุ์ใหม่อย่าง “โกโต้”

                    ทามิยะเป็นอีกตัวละครหนึ่งที่เราได้ปรัชญาจากเธอมากที่สุด มีอยู่ฉากหนึ่งที่ชินอิจิพูดคุยกับทามิยะว่าทำไมเธอต้องฆ่าคนด้วย กินหมู หมา กา ไก่ แทน ก็ได้นี้ แต่ทามิยะปฏิเสธพร้อมกับบอกเหตุผลที่ชินอิจิเข้าใจยากว่า “สิ่งมีชีวิตทีงหมดบนโลกนั้นล้วนได้รับคำสั่งบางอย่างตั้งแต่เกิด เช่น แมงมุมชักใยโดยไม่จำเป็นต้องมีใครสอน แมลงวันเกิดมาก็บินได้โดยไม่ต้องเรียน ปรสิตอย่างเราก็เหมือนกันที่ได้รับคำสั่งบางอย่างที่ต้องปฏิบัติตามนั้นก็คือการกินมนุษย์”

                    มาๆ คิดดูแล้ว มนุษย์อย่างเราก็ถือได้ว่าได้รับคำสั่งเหมือนกัน คำสั่งที่ว่านั้นนำมาซึ่งความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เช่น กิน, ขี้, บี้, นอน ถือได้ว่าเป็นคำสั่งพื้นฐานที่จะต้องปฏิบัติตามทั้งหมด

                   

                    เพราะการศึกษากฎธรรมชาติของเธอจนบาดหมางปรสิตตัวอื่นเข้า ส่งผลให้ทามูระโดดเดี่ยวในที่สุด

                    ในฉากสุดท้ายของทามูระที่หลายคนคิดว่าเธอจะเป็นศัตรูสุดท้ายของเรื่องนี้ หากแต่ไม่ใช้เลย ในเล่มที่ 8 เธออุ้มลูกและเผชิญหน้ากับชินอิจิโดยสถานการณ์ของเธอตอนนี้เหมือนหนูติดจั่น ง

                    “ตอนนี้ฉันฆ่าคนมา 38 คนแล้ว” ทามูระเปิดปากพูด

                    !!

                    “ส่วนใหญ่ฉันฆ่าเพื่อกินอาหาร แต่พวกฉันบอกว่ากินให้น้อยไว้ดีกว่า ถ้าไม่อิ่มก็กินอาหารที่มนุษย์ทั่วไปกินกัน แสดงว่าปรสิตอย่างพวกฉันสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องกินมนุษย์” ดูเหมือนทามูระจะพูดประเด็น “เราเกิดทำไม” ซึ่งทามูระเคยสนทนาเรื่องดั่งกล่าวนี้กับชินอิจิทุกครั้งที่เจอหน้ากัน และทุกครั้งปัญหาโลกแตกเหล่านี้ก็ไม่สามารถพูดเป็นภาษาดอกไม้ได้สักที

                    แต่ครั้งนี้ทามูระมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว...

                    “ฉันลองค้นคว้าเกี่ยวกับมนุษย์มาหลายเรื่อง ดูสิผลออกมาคือ ฉันมีลูก และลูกฉันเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนพวกเธอ....ปรสิตกับมนุษย์ก็คือพวกเดียวกันไงละ”

                    แต่คำตอบของทามูระนั้นชินอิจิไม่เห็นด้วย เขาเดือดดาน เป็นไปได้หรอกว่ามนุษย์กับปรสิตคือสิ่งมีชีวิตเดียวกัน แต่กระนั้นทามูระก็พูดต่ออย่างใจเย็น “พวกเรานั้นอ่อนแอ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ตนเอง”

                    จากนั้นก็มาถึงฉากสะเทือนใจที่สุดอีกฉากหนึ่งของการ์ตูนเรื่องนี้ และถือได้ว่าเป็นฉากคลาสสิกของหลายๆ คน นั่นคือฉากทามูระเอาตัวปกป้องลูกน้อยจากการระดมบิงของตำรวจ ทั้งๆ มันสามารถเอารอดจากสถานการณ์นี้ได้หากแต่มันไม่ทำ มันเลือกที่จะตาย นี้คือสัญชาตญาณของเป็นแม่ ไม่มีสัตว์เพศแม่ที่ไหนในโลกที่ไม่รักลูก(อาจจะบางตัวที่กินลูกอ่ะนะ) แม้แต่สุนัขสิงโต หรือแม้แต่แมงมุมทุกตัวต่างรักลูก ทามูระแม้เป็นปรสิตแต่เธอกลายเป็นผู้มีจิตใจเป็นมนุษย์รู้คำตอบของชีวิตมลพิษของโลก ซึ่งเขาไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ โดยตอนท้ายเล่ม 10 สุดท้ายคนเขียนบอกว่าโกโต้เปรียบเสมือนตัวแทรนของความสวยงามของธรรมชาติและความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ แต่ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่นี้กลับพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่ทำลายล้างธรรมชาติและก่อให้เกิดมลภาว เรื่องนี้มาคิดๆ ดู โลกเราทุกวันนี้สภาพแวดล้อมและระบบนิเวศเริ่มถดถอยลงไป ขนาดการ์ตูนเรื่องนี้เก่ามาก แต่ประเด็นที่ว่ามลพิษที่ว่าในการูนจนถึงปัจจุบันนี้ปัญหาเหล่านี้ก็ไม่ได้ลดลงเลย ซ้ำยังมากกว่านี้ด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่พวกปรสิตเลย ขนาดเรายังแทบอยู่ไม่ได้แล้ว

                   

                    ปรสิตสิ่งที่ชีวิตที่อ่อนแอ ปรสิตที่ทามูระพูดถึงนั้นอ่อนแอจริงหรือ? หลังจากที่เราดูการ์ตูนเรื่องนี้หลายเล่มเข้า เราพบว่าปรสิตเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบเสียเลย แม้มันจะเก่ง ร้ายกาจ แฉลาด สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว แต่มันกลับมีจุดอ่อนที่ใหญ่หลวง คือมันไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ มันไม่สามารถต่อกรมนุษย์จำนวนมากได้เลย แม้โกโต้ศัตรูตัวฉกาจที่สุดในหมู่ปรสิตที่สามารถฆ่ามนุษย์จำนวนมากๆ ได้แต่ มันกลับกลายเป็นว่ามันเผชิญกับปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อตัวมัน นั้นคือ

    ประเด็นต่อมาคือ จิตใจที่คับแคบของปรสิต ที่มันเอื้อประโยชน์ต่อเพื่อนพ้องเท่านั้น ส่วนพวกมนุษย์หรือปรสิตแบบชินอิจินั้นกลับเกลียดและฆ่าอย่างเลือดเย็น และมันรวมกลุ่มเพื่อไล่ล่า สิ่งเหล่านั้นไม่แตกต่างอะไรคือกับมนุษย์ที่ ทั้งๆ ก็เป็นคนเหมือนกันแท้ๆ แต่มันกลับคิดว่าตนแตกต่างจากคนอื่น คนว่าตนเก่งเลิศประเสริฐศรี และความแตกต่างก็กลายเป็นความแตกแยก คนฉลาดได้รับการยอมรับและรวมกลุ่มกัน ส่วนคนโง่สมองทึบ อ่อนแอถึงผลักออกจากกลุ่ม เพราะคิดว่าคนโง่และอ่อนแอเหล่านั้นคือภาระ ตัวถ่วงสมควรที่กำจัดออก  คนฉลาดก็รวมกลุ่มกับคนฉลาด ไม่ยอมรับความคิดเห็นของคนโง่ ยอมรับแต่ความคิดเห็นของพวกพ้องเท่านั้น สรุปคือคนเราจะคบกับคนประเภทเดียวกันเท่านั้น ต่างประเภทเราไม่ชอบ โลกทุกวันนี้เพราะพวกแบบนี้แหละ ที่สังคมไม่เจริญเสียที มีแต่ถดถอย อย่างตะวันออกกลาง คนต่างศาสนาหันมากัดกันเอง ต่างเชื้อชาติฆ่ากันให้ตาย ผิวดำเราไม่ชอบต้องผิวขาวเท่านั้น แม้แต่สังคมเล็กในโรงเรียนก็มีพวกแบบนี้

                    ปรสิตนั้นไม่แตกต่างจากมนุษย์เลย พวกมนุษย์ก็เหมือนปรสิต คือนิสัยทั่วไปของมนุษย์นั้น อ่อนแอ มองโ,กในแง่ร้าย ขี้อาย และใจแคบ ชอบรวมกลุ่มกันเป็นสัตว์สังคม และเกลียดสุดคือพวกเปลี่ยนอุดมการณ์(หรือหักหลัง) เหมือนในฉากปรสิตในคราบนักการเมือง ที่ปรสิตตัวหนึ่งมีความฉลาด มันจัดการระบบสังคมของโลกปรสิตเสียใหม่ โดยเรียกว่า ระบบสังคมอุปถัมภ์ให้พวกมันกินคนสะดวกสบายไร้กังวลขึ้น มันใช้อำนาจ อิทธิพล และเงินตรา เล่นพรรคเล่นพวก ให้ผลประโยชน์แก่พรรคพวกเท่านั้น โดยไม่สนใจคนธรรมดาที่ช่วยออกเสียงให้ และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นใดๆ ก็ตาม ปรสิตในคราบนักการเมืองเหล่านั้นก็หาทางเอาตัวรอดเพียงฝ่ายเดียว สิ่งเหล่านี้ไม่แตกต่างอะไรเลยกับสังคมในโลกแห่งความจริง ที่มีนักการเมืองที่ทำตัวเป็นปรสิตอยู่มากหลายคน

                    ใช่ว่าปรสิตในเรื่องจะไม่เกลียดมนุษย์ซะทีเดียว มีบางตัวเหมือนกันที่มันพยายามอยู่ร่วมกับมนุษย์ แต่กลับเป็นมนุษย์เสียเองที่หวาดระแวงปรสิต หาว่าเป็นพวกประหลาด และมีมนุษย์พยายามที่จะท้าทาย สุดท้ายปรสิตก็เผยสันดานดิบด้วยการฆ่ามนุษย์จนเหี้ยน

    สรุปคือปรสิตในเรื่องเป็นตัวสะท้อนสังคมยุคปัจจุบัน ในเรื่องการเอาตัวรอด ทุกวันนี้สังคมต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างเอาตัวรอด โดยกอบโกยผลประโยชน์ให้มากที่สุดเข่นฆ่า เป็นศัตรูกัน แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราก็พบว่าการอยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่างนั้นแหละคือความจีรัง ไม่จำเป็นต้องทำลายซึ่งกันและกันเลย        

                   

                    มิกกี้ ผมเกือบลืมมิกกี้ไปเสียได้ ในการ์ตูนเรื่องนี้ตัวละครตัวหนึ่ง หลายคนชอบที่สุดคือปรสิตในตัวปรสิตที่ชินอิจิตั้งชื่อมันว่า “มิกกี้” นี้แหละ สาเหตุคือปรสิตตัวนี้ใจกว้างและมีจิตใจที่ดีกว่ากว่าชินอิจิเยอะ เป็นปรสิตมีเหตุมีผลไม่ได้ใช้อารมณ์เหมือนชินอิจิ อีกทั้งมันก็พร้อมที่จะเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ เลย

    มีหลายฉากที่มิกกี้แสดงให้เห็นว่าจิตใจดีงามดีแท้ ไม่ว่าจะเป็นฉากมิกกี้เสียสละร่างกายของตนเองเพื่อชินอิจิรอดทั้งๆ ที่ชินอิจินั้นเกือบฆ่ามิกกี้แท้ๆ หรือจะเป็นฉากที่มิกกี้แยกตัวเองเพื่อสู้กับโกโต้และบอกให้ชินอิจิหนีไปโดยไม่ห่วงชีวิตตนเอง ยิ่งอยากมิกกี้บอกลาพระเอกเพื่อให้ชินอิจิมีชีวิตปกติแล้วก็ยิ่งซึ้งเข้าไปใหญ่ เพราะสิ่งที่มิกกี้ทำทั้งหมดนั้นไม่ได้ผลตอบแทนใดๆ เลย

    มิกี้เป็นอีกตัวละครหนึ่งที่แสดงถึงจิตใจบริสุทธิ์ด้านสว่างอย่างแท้จริง ในขณะที่ชินอิจิพระเอกในเรื่องกลับกลายเป็นพระเอกด้านมืด

     

                    สุดท้ายการ์ตูนปรสิตเป็นอีกสื่อหนึ่งที่ยังคงยึดหลักการกฎหนังสัตว์ประหลาด(ซอมบี้) อย่างเหนียวแน่น ในเรื่อง “สุดท้ายมนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุด” ในฉากจบของเรื่องศัตรูคนสุดท้ายที่พระเอกต้องเผชิญนั้นไม่ใช้พวกปรสิตเดรัจฉานไม่ใช่มนุษย์ดัดแปลง หรือสัตว์ประหลาดแต่อย่างใด หากแต่เป็นมนุษย์ธรรมดาเดินดินคนหนึ่งที่เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่มีนิสัยโหดร้าย ฆ่าคนผักปลา และเหตุผลการฆ่าก็เพื่อระบายสันดานดิบและต้องการความสนุกสนาน ผิดกับพวกปรสิตที่ฆ่าคนเพราะต้องการอาหารหรือกฎธรรมชาติเท่านั้น

                    ใครกันแน่ที่เป็นปรสิตสังคม??

                    ก็จบลงไปเสียทีกับการบ่นแบบเร่งรับสำหรับผม ปรสิตนี้เป็นอีกเรื่องผมที่เขียนไม่ค่อยออกเท่าไหร่ ไม่ได้ลื่นไหลเหมือนการ์ตูน Elfen Lied  สาเหตุหลักๆ ไม่มีอะไรมากหรอก คือตัวละครไม่โมเอะง่ะ ที่ผมเลือกมาเขียนก็เพราะว่าช่วงนั้นคอมผมเสีย(อ่ะ)การ์ตูนที่พอจะเขียนในช่วงคอมเสียโดยไม่ใช่เน็ต(เวลาผมจะเขียนการ์ตูนผมดูเน็ตดูข้อมูลทุกครั้ง) ก็มีการ์ตูนเรื่องนี้ล่ะมั้งที่พอมีอยู่ในความทรงจำ ดังนั้นผิดพลาดหรือไม่เติมเต็มอะไรก็ขออภัยด้วยครับ ใครที่อ่านการ์ตูนเรื่องนี้อาจไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะมันเป็นการ์ตูนสมัยก่อน ปัจจุบันคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้ก็เขียนการ์ตูนเรื่องใหม่แล้ว แถมการ์ตูนเรื่องใหม่นี้ได้รับคำชมไม่แพ้กับปรสิตเลย ไว้ว่างๆ ลองไปหาดูนะครับ นับลองไม่ผิดหวัง

     


    + +
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×