[[SF-SNSD]] :+:why can't you love me:+: (Yuri)
ภายนอกที่ฉาบไว้ด้วยคำว่า "Real" จอมปลอม หากภายในหัวใจของเรากลับไม่เป็นเช่นนั้น (ภาคต่อของ SF ที่มีคนอ่านมากกว่า 1,900 คน!) (YulSic+YoonSica) ประกาศ!
ผู้เข้าชมรวม
7,576
ผู้เข้าชมเดือนนี้
12
ผู้เข้าชมรวม
หลังเกิดเหตุการหมั่นไส้คู่ยุนสิก้าจนได้เรื่อง
ส่งผลให้ฟิคสั้นดังพลุแตกอย่างไม่ได้ตั้งใจ
จึงสร้างภาคต่อมาให้ปวดตับอย่างต่อเนื่องค่ะ
ดังนั้น SF เรื่องนี้ก็ออกมาคั่นโปรเจ็คต์ซูซันตามเคย
(แล้วเมื่อไหร่โปรเจ็คต์บีลีฟจะเสร็จล่ะเนี่ย T[]T)
สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านเรื่อง "Why can't I love you" << (คลิกที่ชื่อเรื่องได้เลยค่ะ)
ถึงแม้ว่าถ้าไม่อ่านก็พอจะเข้าใจเรื่องได้ แต่ถ้าอยากปวดตับอย่างสุดซึ้ง
บุงขอแนะนำเลยนะคะ มันจะได้มาเป็นแพ็คเก็จคู่ค่ะ ><
เอาล่ะ พล่ามมานาน ขอให้ทุกท่านสนุกกับเนื้อเรื่องนะคะ
ยังไงก็ช่วยให้กำลังใจกันด้วยน้า ^^
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ควอน ยูริ
...ฉัน ผู้ซึ่งต้องทำไม่เป็นไม่รู้ ว่าคนสองคนทำเป็นไม่รัก...
จอง เจสสิก้า
...เธอ ผู้ซึ่งต้องทรมานกับการตัดสินใจของตนเอง...
อิม ยุนอา
...เขา ผู้ซึ่งไม่อาจฝืนเดินบนทางที่ต้องการได้...
- - - - - - - - - - - - - -
* บุงไม่ได้เรียงลำดับตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงก่อนหลังนะคะ
เพียงแต่ว่ายกขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อเป็นอรรถรถในการอ่านยิ่งขึ้น
เพราะฉะนั้นอย่าเอาไปเปรียบเทียบกับเรื่องจริงน้า ^^ *
- ถ้าคอมเมนต์ไม่ถึง 75 บุงไม่อัพต่อนะคะ >< -
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
[[SF-SNSD]] :+:why can't you love me:+: (Yuri)
ภายนอกที่ฉาบไว้ด้วยคำว่า ‘Real’ จอมปลอม
หากภายในหัวใจของเรานั้นไม่มีทางเลย
ที่ฉันจะเปลี่ยนมันเป็น ‘Real’ จริงๆ เสียที...
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“ดึกแล้ว ทำไมไม่นอน” เสียงของเธอที่ดังลอดมาจากห้องครัวทำให้ฉันควอน ยูริ ถึงกับชะงักลงเลยทันที ถ้อยคำอ่อนโยนที่ฉันไม่เคยได้รับจากเจสสิก้า บัดนี้กลับมอบให้ใครคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน...
ด้วยความอยากพิสูจน์เรื่องบางเรื่องที่ฉันไม่เคยตงิดหรือสงสัย จนไปเจอรูปมากมายระหว่างเธอซึ่งเป็นคนรักกับยุนอาน้องสาวที่ฉันไว้ใจ นี่ใช่มั้ยสิ่งที่ฉันเคยสงสัย ว่าเหตุใดเธอจึงไม่เคยทำเหมือนว่ารักฉันจริงๆ มากไปกว่าการโมเม้นให้แฟนคลับ เหตุผลที่ว่าคงไม่ใช่เรื่องอื่นนอกจาก ‘เธอไม่ได้รักฉัน’ ก็แค่คำพูดสั้นๆ ที่ทำให้หัวใจฉันแทบขาดวิ่น
ฉันแอบมองเธออยู่หลังบานประตู แม้จะแค่ด้านหลัง ทว่าฉันกลับจำได้ขึ้นใจ... ไม่สิ ฉันจำได้ทุกอย่างที่เป็นเธอคนนี้...เจสสิก้า!
เสียงพวกเธอคุยกันค่อนข้างเบา และฉันก็ได้ยินไม่ผิด คนที่กำลังคุยกับคนรักของฉันในยามดึกดื่นจนเกือบตีหนึ่งอย่างนี้ก็คือยุนอาน้องสาวแสนดีของฉัน ยิ่งฟังประโยคหรือถ้อยคำต่างๆ ฉันก็แทบจะทรงตัวไว้ไม่อยู่ คำบอกรักแสนหวานที่ฉันไม่เคยได้ยินจากปากของเธอ หากคนที่ได้มันไปกลับเป็นเขา ฉันมองดูคนทั้งสองพร่ำพรรณนาความรักต่อกันมานานแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ แล้วฉันก็ต้องใจสลายเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าเต็มสองตา...
ผู้หญิงที่ฉันรัก ผู้หญิงที่เป็นแฟนฉัน กำลังจูบกับยุนอา!!
เสียงครางที่ดังแผ่วมาจากจูบอันเร่าร้อนของพวกเธอ คงตอกย้ำความสุขที่มีมากมายสินะ แล้วฉันคนนี้ล่ะ ฉันเป็นตัวอะไรกันแน่... คนโง่ที่กำลังโดนสวมเขาได้อย่างไม่น่าให้อภัย หรือว่าฉันจะโง่ตั้งแต่ไม่เคยเอะใจเลยว่าหัวใจดวงนั้นของเธอไม่ได้มีไว้สำหรับฉัน
“แต่พี่ไม่ได้รักยูล พี่รักยุนได้ยินมั้ย” อึ๊ก!!... เหมือนเข็มแหลมนับร้อยพันทิ่มแทงเข้ากลางใจ เลือดของความเจ็บปวดถ้ามองเห็นได้ ป่านนี้มันคงไหลเอ่อ ท่วมท้นไปทั้งหัวใจแล้ว ฉันกำมือแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่ เรียวปากถูกขบเม้มเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นในใจดังลอดผ่านออกมาจากลำคอ ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่ามัวเพราะหยาดน้ำใสที่คลอเอ่ออยู่
“ได้ยินชัดเจนเลยล่ะจอง เจสสิก้า...” เมื่อความอดทนของฉันมีขีดจำกัด ร่างกายจึงขัดคำสั่งหัวใจเสียหมดสิ้น ชั่วเวลาพริบตาเดียว ฉันก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าคนทั้งสองที่ ‘ร่วมกระทำความผิด’ เสียแล้ว!
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตา แล้วฉันล่ะ...ฉันเองก็อยากจะร้องไห้เหมือนกัน เธอรู้บ้างมั้ยว่าความเจ็บปวดที่เธอยัดเยียดลงมาในใจฉัน มันสร้างความทรมานให้มากเพียงใด
ฉันหันไปหายุนอา คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชู้ของเธอ... ใบหน้าที่ละหม้ายกับฉันซีดเผือด เหงื่อผุดขึ้นเต็มทั้งที่อากาศรอบด้านหนาวจับจิต หรือจะเป็นเพราะหัวใจที่เหน็บหนาวของฉันรู้สึกไปเองก็ไม่อาจรู้ได้ ฉันมองหน้าเธออย่างพยายามค้นหาคำตอบ ทว่าดวงตาสีเข้มนั้นกลับปิดซ่อนความจริงไว้จนหมดสิ้น
“พวกเธอทำมันลงไปได้ยังไง ใครจะตอบฉันได้บ้าง” ฉันพูดอย่างเจ็บช้ำ ไม่รู้ว่าเป็นการดีตรงไหนที่เอาตัวเองและหัวใจผุพังมาพิสูจน์ความจริงระหว่างเราสามคน ฉันจะยอมเป็นคนโง่งมต่อไป อย่างที่พวกเธออยากให้เป็นดีมั้ย ถ้ามันจะทำให้ฉันทรมานเหมือนตายทั้งเป็นขนาดนี้
“ยุนผิดเองค่ะที่ไม่ยอมห้ามใจตัวเอง เลยเผลอทำอย่างนั้นลงไป ถ้าพี่ยูลจะโกรธ โกรธยุนคนเดียวนะคะ อย่าโกรธพี่เจส” ยุนอาแก้ตัวแทนเธอที่เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด
“จะหลอกให้พี่โง่ต่อไปถึงเมื่อไหร่ พี่ได้ยินตั้งแต่ที่เจสถามว่า ‘ดึกแล้วทำไมไม่นอน’ ยังจะหลอกพี่กันได้อีกหรอ” ฉันตวาดกลับอย่างเหลืออด ก็คำพูดทุกประโยคที่ฉันได้ยินอย่างชัดเจน มันทิ่มแทงคั่งค้างอยู่ในใจอย่างนี้ ฉันคงเชื่อพวกเธอได้ลงหรอกนะ อิม ยุนอา!
“ยุนไม่ได้หลอกพี่ค่ะ ยุนพูดจริง พี่เจสรักพี่ยูล... พี่เจสแค่อยากให้พี่ยูลหึงเท่านั้น คนที่ผิดน่ะคือยุน ที่ดันเผลอใจรักพี่เจสไปแล้ว” ข้ออ้างห่วยแตกที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน หลุดมาจากปากของน้องสาวที่ฉันไว้ใจ ยุนอาพยายามอย่างมากที่จะให้ฉันโกรธเธอ มากกว่าจะเป็นเจสสิก้า ทุกความผิดเธอโยนมันให้ตัวเองจนหมดสิ้น รวมถึงคำอวยพรที่ฉันไม่อยากได้ยิน และไม่ปรารถนาที่สุดด้วย
“ไม่ว่ายังไง YulSic ก็ real อยู่แล้วล่ะค่ะ ยุนขอให้พี่ทั้งสองรักกันไปนานๆ นะคะ ส่วนยุนเองจะพยายามตัดใจให้มากกว่านี้ค่ะ จะไม่เข้าไปวุ่นวายกับพวกพี่ๆ อีก ขอโทษถ้าทำให้พี่ยูลต้องเข้าใจพี่เจสผิดนะคะ” มันเรียลหรอ... เธอใช้ตรงไหนมองว่ามันเรียล อาจจะเรียลในสายตาแม่ยกพ่อยก แต่ไม่ใช่เรียลในชีวิตจริงของพวกเราสามคนในตอนนี้นี่!
ฉันมองไปทางเจสสิก้า ก็เห็นใบหน้าลำบากใจของเธอ ดูท่าทางเธอคงเจ็บไม่น้อยที่ยุนอาพูดออกมาเช่นนั้น เธอคงอยากจะแย้ง อยากจะพูดความจริงใจจะขาด แต่เธอไม่อยากให้คนที่เธอรักเจ็บไปมากกว่านี้ล่ะมั้ง ยิ่งมองทั้งสองส่งสายตาที่โหยหาต่อกันมันทำให้ฉันยิ่งทรมานจนต้องเผลอหลุดพูดคำทำร้ายจิตใจตนเอง
“ยุนต้องการอย่างนี้ใช่มั้ย... ได้! พี่จะถือซะว่าเรื่องวันนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น ต่อจากนี้จะมีแค่คำว่า YulSic เท่านั้น” สิ้นคำร่างสูงของยุนอาก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงฉันและเจสสิก้าท่ามกลางความเงียบ ฉันหันมองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของเธอ เธอคบกับฉัน แกล้งทำเป็นรักฉัน เพราะอยากเอาใจแฟนคลับงั้นสินะ ถ้าเธออยากให้เป็นอย่างนั้น ฉันก็จะทำให้เพื่อเธอ!
“เรื่องคืนนี้ขอให้จบลงแค่นี้นะเจส ฉันจะไม่พูดถึงมันอีก” ฉันค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามเปลือกตาที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำ ทั้งที่อยากจะร้องไห้ใจจะขาด เนื่องจากมันคงปลดปล่อยความเจ็บปวดเจียนจะขาดใจออกมาได้เสียบ้าง หากเปล่าเลย ดวงตาฉันยังคงแห้งผาก ราวกับเมื่อไม่มีน้ำที่คอยหยดชโลมใจ ทั้งร่างฉันคงขาดแคลนน้ำไปพร้อมกันล่ะมั้ง
“เจสขอโทษนะยูล”
“นิ่งซะ ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตาของเธอ จอง เจสสิก้า....” น้ำเสียงที่ควรจะปลอบโยน หากสิ่งที่ออกไปนั้นกลับแข็งกระด้างอย่างไม่ใช่ตัวฉัน มันเต็มไปด้วยความสั่นเครือ ฉันกำลังสะอื้นทั้งๆ ที่ไม่มีน้ำตาซักหยด เพิ่งเข้าใจคำว่าเจ็บจนร้องไห้ไม่ออกก็วันนี้แหละ วันที่ฉันรู้ความจริงทุกอย่าง ว่าคนที่ฉันรักกับน้องที่ฉันไว้ใจนั้นรักกัน!
“นอนแล้วก็ห่มผ้าด้วย คืนนี้หนาว เดี๋ยวไม่สบาย” เตือนจาก ‘เพื่อน’ ผู้หวังดี ก่อนจะพาร่างสูงหนีความบอบช้ำมาจากตรงนั้น ฉันไม่อยากจะเข้าห้องนอนเวลานี้เลย เพราะฉันกลับยุนอาดันเป็นรูมเมทกัน หึ...ความรักที่น่าสมเพช ต้องนอนกับคนที่เป็นชู้กับคนรักของฉันเนี่ยนะ!
เมื่อคิดอย่างนั้น ฉันเลยเลือกจะมายังห้องนั่งเล่นแทน หากต้องแปลกใจยามได้ยินเสียงสะอื้นของใครบางคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ฉันเข้าไปใกล้เธอมากยิ่งขึ้น ร่างบางจึงโผเข้ากอดฉันเต็มแรง ทำให้ฉันรู้ได้ว่าคนๆ นี้เป็นใคร มือจึงลูบหลังเธอไปมาอย่างปลอบประโลม น้ำตาที่เปียกชุ่มบนเสื้อฉัน แสดงถึงความเสียใจของเธอได้เป็นอย่างดี ทั้งที่ปกติแล้วซอ จูฮยอน เป็นคนที่เก็บอาการเก่งที่สุดแท้ๆ
“ซอทนไม่ไหวแล้วนะคะพี่ยูล...” เธอบอกด้วยเสียงสั่นๆ จนแทบฟังไม่ออก เธอเองก็คงตกอยู่ในตำแหน่งเดียวกับฉันสินะ ใครว่า YulSic is Real ใครว่า YoonSeo is Real มันคงเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ถ้าเรียลจริงแล้วฉันกับซอฮยอนต้องมานั่งปลอบกันอยู่อย่างนี้หรอ ในเมื่อความเรียลของหัวใจจริงๆ มันดันเป็น YoonSica!
“พี่ก็เจ็บเหมือนซอน่ะแหละ”
“ทำไมพี่ยุนไม่มองคนใกล้ตัวบ้าง หรือซอใกล้เกินไปจนพี่ยุนไม่เคยเห็นซออยู่ในสายตาเลย” คำตัดพ้อของน้องเล็ก ทำเอาฉันถึงกับน้ำตาคลอ ซอฮยอนคงเจ็บไม่แพ้ฉัน หรืออาจจะมากกว่าฉันอีกล่ะมั้ง ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนบ้านสมัยเด็กของยุนอา โตมาด้วยกัน แถมยังต้องอยู่วงเดียวกันอีก ในขณะที่ซอฮยอนกำลังวิ่งตามหัวใจของยุนอา แต่ว่าร่างสูงกลับมอบมันให้พี่รองของวง
...ในนาทีนี้ไร้ซึ่งคำพูดใดระหว่างสองเรา คงมีเพียงหัวใจที่บอบช้ำเท่านั้นล่ะมั้ง ที่เข้าใจซึ่งกันและกัน ต่างก็โอบกอดกันด้วยหวังว่าคืนแห่งความทรมานนี้จะสิ้นสุดลงเสียที...
ช่างเป็นเช้าที่หม่นหมองที่สุดในชีวิตที่ฉันเคยเจอ โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุด ซอฮยอนเลยเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ดวงตาที่บวมแดงก่ำนั้นคงให้คำตอบได้เป็นอย่างดี พี่ๆ คนอื่นรู้กันทั้งนั้นแหละว่าใครทำให้น้องเล็กเป็นได้ขนาดนั้น หากดูท่าทางเจ้าตัวจะไม่รับรู้อยู่คนเดียว ถึงได้เอาแต่ถามคนอื่นว่าเกิดอะไรขึ้นกับซอฮยอน ซึ่งไม่มีใครให้คำตอบยุนอาได้ซักคน และเธอคงไม่คิดจะมาถามฉันด้วย
“พี่แทแท ตกลงว่าไม่มีใครรู้เลยใช่มั้ยว่าซอเป็นอะไร” ถ้าฉันดูไม่ผิด ยุนอาคงเป็นห่วงซอฮยอนไม่น้อย อยากให้ร่างบางมาเห็นภาพเช่นนี้จัง คงบรรเทาอาการปวดใจได้มากพอสมควรเลยล่ะมั้ง
“พี่จะรู้ได้ไง ยุนอ่ะสนิทกับซอที่สุดยังไม่รู้เลย” แทยอนแอบแขวะเล็กน้อย เธอค่อนข้างไม่พอใจ แม้จะไม่รู้สาเหตุแน่ชัดที่ทำให้น้องเล็กเศร้าอย่างนั้น ทว่าแทยอนก็พอจะเดาได้อยู่หรอก เนื่องจากวันนี้ฉันไม่ได้เฮฮาอะไรอย่างที่ควรจะเป็น แถมเจสสิก้าก็ไม่พูดกับใครเลยแม้แต่คนเดียว ส่วนยุนอานั้นใบหน้าที่เหมือนคนอดนอนคงให้คำตอบได้เป็นอย่างดี
“ยูล เล่นเกมกันมั้ย” ซูยองถามขณะที่ต่อเครื่องเกมกับโทรทัศน์ ฉันจึงได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ แล้วดึงหมอนมากอดไว้แน่นแทน ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะว่าอ้อมกอดมันว่างเปล่าจนรู้สึกว้าเหว่ในใจน่ะสิ เนื่องจากปกติแล้วฉันยังมีเธออยู่เสมอ แต่ตอนนี้เธอคงกำลังจะเป็นของคนอื่นใช่มั้ย!
“อ้าว แล้วเจสจะไปไหนอ่ะ ไม่มาเล่นเกมด้วยกันหรอ” ทิฟฟานี่ถามเจสสิก้าที่กำลังลุกออกไป เพราะทนสถานการณ์กดดันจากฉันไม่ไหว หรือเพราะว่ายุนอากำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัวกันแน่...
ฉันไม่คิดว่าฉันจะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเธอนักหรอก เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไงก็คงเป็นเขา ที่ทำให้เธอใส่ใจทุกอย่างสินะ
เจสสิก้ามองคนที่หันหลังให้ตนด้วยความเจ็บปวดหลากหลาย ยุนอากำลังทำอาหารอะไรซักอย่าง หรืออาจแค่อยากหลบมาจากยูริก็เป็นได้ มันจะเกิดอะไรขึ้นกัน ถ้าเธอจะดึงคนตรงหน้ามากอดแน่น ให้สมกับความทรมานที่มี ทว่าเธอรู้ดี เธอคงทำตามใจอย่างนั้นไม่ได้อีกแล้ว
“ยุน...ทำอะไรอยู่หรอ”
“หาของกินนิดหน่อยค่ะ พี่เจสหิวมั้ย” ยุนอาถามอย่างเป็นห่วง เมื่อรู้ว่าเจสสิก้ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า เธอเองก็พยายามจะห้ามใจไม่ให้เกินเลยไปกว่าคำว่าพี่น้องของวง แต่เรื่องของหัวใจมันก็เกินต้านทานจริงๆ
“ไม่ล่ะ...” เจสสิก้าพูดเสียงเศร้า เธอเดินเข้ามายืนซ้อนด้านหลัง คนที่เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่คิดจะรัก... หัวใจเจ้ากรรมเอย อย่าหวั่นไหวมากไปกว่านี้อีกได้มั้ย เธอไม่อยากเป็นคนเลวอีกแล้ว ในเมื่อเธอเลือกจะเดินทางนี้เอง เธอคงหมดสิทธิ์จะหวนกลับมาทางเดิมที่เธอเคยเลือกจะละทิ้งมัน
“พี่ยูลจะเข้าใจผิดเอานะคะพี่เจส”
“เลิกไล่พี่ซักทีได้มั้ยยุน” คำตัดพ้อทำให้ทั้งสองมีแต่ความเงียบ ความจริงมันเป็นยังไงก็รู้อยู่ ถูกผิดเป็นเช่นไรใจก็ควรยอมรับ แต่ทำไมยิ่งนานวันไป รสชาติของการลักลอบมันช่างหอบหวานจนพวกเธอถอนตัวไม่ขึ้นทุกที
ยุนอาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความเจ็บปวดที่มีถูกลบเลือนไปจนหมดสิ้น ร่างสูงฝืนยิ้มฝืดๆ เธอจะทรยศยูริพี่ที่เธอเคารพไม่ได้ และเธอก็ไม่คู่ควรกับเจ้าหญิงอย่างเจสสิก้า เพราะฉะนั้นเธอเองควรหักห้ามใจ แล้วถอยห่างมาจากจุดปลายเหวนี่เสียที ใจหนึ่งอยากโดดลงไป เพื่อปลดปล่อยทุกอย่างที่มี ให้ได้เผชิญกับสิ่งที่เธอไม่อาจรู้ได้ว่าหนทางเบื้องหน้าจะเป็นอย่างไร แต่อีกใจกลับกลัวเหลือเกินจนอยากถอยหลังคืนมา... และความคิดอย่างหลังก็ชนะ!
“ถ้าพี่เจสไม่ออกไป ยุนให้พี่กินแตงกวานะ” พูดอย่างขำๆ ทั้งที่ต้องกลั้นความเจ็บแทบตาย เธอหยิบแตงกวาสีเขียวที่วางอยู่ขึ้นมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาร่างบางที่กำลังยืนงุนงงด้วยปรับอารมณ์ตามไม่ทันอยู่ หากเมื่อเห็นสิ่งที่ตนเกลียดแสนเกลีย เจสสิก้าจึงถอยหนีฉับพลัน คนขี้แกล้งจึงยิ่งสนุกเอาแตงกวาไปใกล้ใครอีกคนมากขึ้น
“ยุน! เอามันออกไป พี่เหม็น!!” เธอตวาดเสียงดัง ก่อนจะดันร่างสูงให้เอาแตงกวากลับไปใส่ไว้ในจานตามเดิม ภาพจึงดูเหมือนว่าเธอกำลังโอบเอวของยุนอาอยู่อย่างไรอย่างนั้น (คลิปเพิ่มความจิ้นค่ะ กด Shift แล้วคลิกที่ลิ๊งค์นะคะ หน้านิยายจะได้ไม่เปลี่ยน ^^ >> http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=531023&chapter=153)
“เพล้ง!”
เสียงจานที่ตกกระทบลงบนพื้น ทำให้พวกเธอหันกลับมามองอย่างตกใจ แต่ฉันนี่สิไม่เจ็บยิ่งกว่าหรอ ทั้งที่คิดว่าถ้าลืมเรื่องเมื่อคืนไป ทุกอย่างมันคงดีขึ้นเอง ทว่าสุดท้ายแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เมื่อฉันก็ยังคงต้องกลับมายืนจุดเดิมที่เคยเจ็บ จุดเดิมที่คนสองคนเห็นฉันเป็นคนโง่!
“เอ่อ...ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะ พอดีฉันจะเอาจานมาเก็บเฉยๆ” ฉันละลักละล่ำบอก ก่อนจะทรุดลงกับพื้น ใบหน้าก้มต่ำลงอย่างปิดกลั้นหยาดน้ำตาที่ใกล้ไหลรินเต็มที มือจับเศษแก้วที่แตกกระจายเป็นวงกว้าง มันช่างไม่ต่างจากหัวใจของฉันเลย ที่แตกสลายไปตั้งแต่ได้รับรู้เรื่องเมื่อคืนแล้ว
“พี่ยูลอย่าเข้าใจผิดนะ ยุนกับพี่เจสแค่เล่นกับตามประสาพี่น้องเฉยๆ ไม่มีอะไรเกินเลยจริงๆ” กี่ครั่งแล้วที่ฉันต้องฟังยุนอาแก้ตัวอะไรอย่างนี้ เธอเห็นว่าฉันคงโง่งมงายมากมายสินะ จะหลอกอะไรก็ได้ ฉันคงปิดหูปิดตา เชื่อเธอหมดว่าแฟนฉันคนรักของฉันอย่างเจสสิก้า กับยุนอาน้องที่ฉันรักไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันจริงๆ
...ไม่มีอะไรเลย แค่พวกเขาบอกรักกันอย่างที่ฉันไม่เคยมีโอกาสแค่นั้นเอง...
“อืม...ยังไม่ได้ว่าอะไรซักคำเลย” ฉันกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือเกินระงับ ไม่ได้ขึ้นมามองหรอกว่าทั้งสองคนทำหน้ายังไง คงจะสงสารหรือสมเพชคนๆ นี้ล่ะมั้ง ไม่แปลกอะไรหรอก แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ฉันยังสมเพชตัวเองมากพอดูเลย! ควอน ยูริ...ความรักที่แกทุ่มเทมาตลอดเวลากว่าสองปีนั้นน่ะ มันไม่มีค่าอะไรต่อสายตาคนอื่น มันเป็นเพียงแค่ขยะที่ใครหลายคนพยายามจะกำจัดมันทิ้ง รู้เอาไว้ซะด้วย จะได้เจียมตัวเจียมใจมากกว่านี้ ไม่ไปเผลอหลงรักคนที่เห็นฉันเป็นแค่แฟนเซอร์วิส โมเม้นแฟนคลับไปวันๆ อย่างเจสสิก้า
“ยุนไม่อยากให้พี่ยูลต้องเข้าใจพี่เจสผิด” เธอบอกเศร้าๆ คนที่เศร้ามากกว่ามันสมควรเป็นฉันไม่ใช่หรอ ทำไมพวกเธอสองคนยังต้องมาทำให้ฉันรู้สึกแย่และรู้สึกผิดมากอย่างนี้ด้วย ฉันไม่เคยเข้าใจพวกเธอผิด พอๆ กับที่ไม่เคยเข้าใจถูกนั่นแหละ เพราะฉันไม่เคยเข้าใจพวกเธอเลย!
“อย่าร้อนตัว ถ้าเธอทั้งสองคนไม่ได้คิดอะไรต่อกันจริงๆ” ประโยคจากฉันคงทำให้ทั้งคู่จุกไปไม่น้อย ดูเหมือนยุนอาจะตอกย้ำ ‘ความเข้าใจผิด’ ของฉัน ด้วยการเดินออกไปจากบริเวณนี้ เพื่ออยากให้ฉันปรับความเข้าใจกับเจสสิก้า ฉันทำใจแข็งเงยหน้าขึ้นมองเธอ แต่แล้วก็ต้องเจ็บแปลบ เมื่อดวงตาสวยคู่นั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำคลอ!
“ซอ...เป็นอะไรหรอ” ยุนอาถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นคนที่เก็บตัวเองมาครึ่งวันเดินออกมาจากห้องได้ซักที ใบหน้าที่เคยเนียนใสบัดนี้หม่นหมองจนสังเกตได้ ดวงตาแดงก่ำอย่างที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เธอไม่เคยเห็นซอฮยอนเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย ทั้งที่เมื่อก่อน หญิงสาวก็ออกจะเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงแท้ๆ หากพอมาเวลานี้ ยุนอาจึงรู้สึกได้ว่าซอฮยอนโตขึ้นมากจริงๆ และหัวใจก็คงเริ่มเผชิญกับความโหดร้ายของโลกแห่งความเป็นจริงบ้างแล้ว!
“ซอคงแค่เสียใจน่ะ ไม่มีอะไรหรอกยุน” ทิฟฟานี่บอกปัดไม่อยากให้ยุนอาไปคาดคั้นน้องเล็ก ที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกรอบอยู่รอมร่อ
“น้องซอมาดูเคโระโระกับพวกพี่ดีกว่า” แทยอนเอ่ยชวน เธออยากจะลุกขึ้นไปเปิดการ์ตูนเรื่องโปรโของซอฮยอนให้อีกฝ่ายดูอยู่หรอกนะ ถ้าเพียงแต่ว่าร่างบางของทิฟฟานี่กำลังจะไม่ได้นั่งบนตักเธอ แถมคนผมสั้นยังเอาแต่ซบร่างเล็กของเธออย่างไม่อายใครอีกด้วย สงสัยจะเก็บกดเนื่องจากเธอเอาแต่แคร์สื่อมากไปล่ะมั้ง เลยไม่ค่อยได้แสดงออกเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ พออยู่หลังกล้องทิฟฟานี่เลยขอเอาคืนให้คุ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกพี่เล่นเกมกันไปเถอะ” ซอฮยอนส่ายหน้า ก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้นเอาดื้อๆ ให้ซูยองและซันนี่ที่นั่งหยอกล้อกันอยู่เบี่ยงกายหลบแทบไม่ทัน
“ซอมาคุยกับพี่หน่อยได้มั้ย” คนสงสัยทนไม่ไหวอีกต่อไป ซอฮยอนไม่เคยเก็บความรู้สึกไม่อยู่ขนาดนี้ ทั้งที่ปกติแล้วน้องเล็กจะไม่เคยเผยความเจ็บปวดที่ซ่อนไว้อยู่ให้ใครได้เห็นเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ ยุนอาที่สนิทกับซอฮยอนที่สุดก็แทบทนไม่ได้ เธอยอมรับตามตรงว่าเป็นห่วงร่างบาง อาจเพราะความสนิทและผูกพันกันมานาน เลยทำให้เธอไม่อยากเห็นซอฮยอนต้องเสียน้ำตาหรือทรมานมากอย่างนี้
“ยุน! ปล่อยให้ซอได้พักบ้างเถอะ” ฮโยยอนที่นั่งเงียบอยู่ถึงกับอดรนทนไม่ไหว แค่นี้น้องเล็กก็จะขาดใจตายอยู่แล้ว ยุนอายังมาคาดคั้น มาทำเป็นห่วงให้ความหวังอีกทำไม ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งสงสารซอฮยอนมากขึ้นทุกที
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ฮโย” ซอฮยอนห้าม เธอเดินตรงเข้ามาก่อนจะจับมือยุนอาแล้วพาไปยังห้องนอนของเธอแทน ขณะที่พี่ที่เหลืออีกห้าคนได้แต่มองน้องทั้งสองด้วยความหนักใจ
“ฉันสงสารซออ่ะ ยุนมันไม่เคยรู้ตัวเลยว่าซอรักมันแค่ไหน ทั้งที่เวลายุนมีอะไรคนแรกที่ยุนนึกถึงก็คือซอ” ทิฟฟานี่เปรยเบาๆ พลางมือม้วนผมของคนรักที่ให้เธอนั่งตักอยู่เล่น
“เวลายุนรักใครหรือเจ็บมาจากใคร ซอก็เป็นคนที่ฟังยุนระบายทั้งนั้นแหละ เจ็บนะ...ที่ต้องฟังว่าคนที่เรารัก ไปรักคนนู้นคนนี้น่ะ” แทยอนออกความเห็นบ้างทุกคนจึงได้แต่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ซอล่ะสิ” ซันนี่พูดแทรกขึ้น ให้คนที่เหลือมองหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“ซันหมายถึงยูลสิกอ่ะหรอ” เป็นซูยองที่รู้ใจคนรักมากที่สุดเลยพอเดาได้ในสิ่งที่เธอคิด อยู่วงเดียวกัน ทำไมพวกเธอจะไม่รู้ว่าทุกวันนี้ยูริและเจสสิก้ามีปัญหากันมากแค่ไหน เอาง่ายๆ อย่างวันหยุดเช่นนี้ ปกติแล้วคู่รักติดเรทที่แม่ยกทั้งหลายเรียกกันก็มักจะมานั่งออดอ้อนให้มดแทบขึ้นหอ หากนี่อะไร! ไม่มีแม้แต่ท่าทีสนิทสนม แถมยูริยังทำตัวเย็นชาจนผิดสังเกตอีกต่างหาก
“นี่มันรักกี่เส้ากันเนี่ย” ฮโยยอนกล่าวอย่างเป็นห่วง เธออาจจะโชคดีที่ไม่ได้รักคนในวง แม้บางเวลาอาจเหงาบ้างเมื่อเห็นคู่อื่นเค้ารักกัน ทว่าเธอคิดว่ามันยังดีกว่าถ้าต้องมานั่งเจ็บแบบทั้งสี่อย่างนี้ เธอมองไปยังห้องที่ปิดประตูแน่น หวังว่ายุนอาคงไม่ทำให้น้องเล็กต้องเจ็บมากกว่าเดิมหรอกนะ
“ยูล...เดี๋ยวเจสช่วยเก็บดีกว่า” เธอพูดขณะก้มลงจะช่วยฉันเก็บเศษจาน ซึ่งฉันไม่แม้แต่จะตอบรับหรือปฏิเสธคำพูดนั้นทั้งสิ้น
“เสียดายเนอะ จานใหม่ด้วย” เจสสิก้าเปรยเหมือนพยายามจะชวนฉันคุยเต็มที่ หากเจ้าหญิงน้ำแข็งอย่างเธอคงไม่สันทัดที่จะคุยหรือพูดกับใครก่อน ดังนั้นยามนี้ห้องครัวจึงเต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงของเศษจานที่ถูกโยนลงในถังขยะเท่านั้น
“ช่างมันเถอะ ยังไงซะของที่แตกไปแล้ว มันก็กลับคืนมาไม่ได้อยู่ดี” ฉันว่ากระทบ เธอเองคงพอรู้ความนัยที่ฉันพูด หยาดน้ำใสที่เจ้าตัวเก็บกลั้นมานานถึงไหลรินออกมาจนได้ เธอไม่ชอบร้องไห้ เนื่องจากไม่อยากให้ใครคิดว่าเธออ่อนแอ แต่มีเพียงฉันคนเดียวที่ได้เห็นความอ่อนแอของเธอ ได้ซับน้ำตาหรือปลอบโยนเธอ ทว่าตอนนี้ฉันกลับทำได้เพียงมองดูคนที่ฉันรักร้องไห้เท่านั้น ฉันไม่กล้าจะเช็ดน้ำตาให้เธอ เพราะกลัวจะไปซ้ำรอยของเขาเมื่อคืน!!
“ยูลหมายความว่าไง”
“ฉันหมายความตามที่พูด” คำตอบไม่ได้ให้ความกระจ่างแก่เธอ เธอจึงเผลอเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้ แต่มันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฉันกำลังหยิบเศษจานอยู่ ดังนั้นปลายคมของมันจึงบาดเข้าเนื้อฉันอย่างไม่ได้ตั้งใจ เลือดที่ซึมมาจากบาดแผลจนดูเหมือนจะไม่มีวันหยุด บ่งบอกถึงความลึกได้เป็นอย่างดี
“ตายแล้วยูล เจสขอโทษจริงๆ” พร่ำบอกด้วยเสียงสั่นเครือ เธอใช้ปลายเสื้อยืดสีขาวกดลงแผลฉันเบาๆ อย่างห้ามเลือด หากฉันกลับปัดมือเธอออกเต็มแรง ส่งผลให้ร่างบางสะอื้นหนักขึ้น
“เธอขอโทษฉันหลายรอบแล้วล่ะเจส ช่างมันเถอะ”
“ฮึก...เจสรู้ว่าเจสผิด แต่ยูลเลิกเย็นชาใส่เจสอย่างนี้ซะทีได้มั้ย เจสเจ็บนะยูล”
“เจ็บหรอ! เธอมีสิทธิ์พูดคำนี้ด้วยรึไงจอง เจสสิก้า!!” ฉันตวาดใส่อย่างลืมตัว คนที่ถูกคนรักนอกใจย่อมเป็นคนเจ็บอยู่แล้ว ส่วนเธอถ้านอกใจฉันแล้วจะเจ็บเธอคงไม่ทำมันตั้งแต่ทีแรกหรอก
“เจสกับยุน เรา...”
“เรารักกันจริงๆ ส่วนฉันเป็นแค่แฟนเซอร์วิส คบเอาใจแฟนคลับเท่านั้น ไม่ต้องมาพูดย้ำหรอกเจสสิก้า ฉันฟังมาจนเบื่อแล้ว” แผลที่มือตอนนี้แทบไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง ทั้งที่ฉันรู้ตัวว่าเศษแก้วชิ้นเล็กมันฝังลึกอยู่ในนั้น หากจะให้ทำไงได้ ในเมื่อความเจ็บในหัวใจมันมากมายกว่าหลายเท่าจนเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย
“ฟังเจสบ้างได้มั้ย”
“จะให้ฉันฟังอะไรอีก จะมาบอกว่าพวกเธอเป็นแค่พี่น้องไม่ได้คิดอะไรต่อกันเลย ถ้าพูดแบบนั้นก็ไม่ต้องเหมือนกัน ฉันไม่ได้โง่ฟังคำเดิมๆ ซ้ำๆ ได้ตลอดหรอกนะ”
“เจสแค่อยากจะขอโทษเรื่องเมื่อคืน เจสรู้ว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น” สีหน้าสำนึกผิดของเธอยิ่งทำให้ฉันปวดใจ รู้อะไรมั้ย เธอขอโทษมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นเท่านั้นแหละ
“เห็นเศษจานนี้มั้ยเจสสิก้า” ฉันว่าพลางชี้ไปยังเศษจานที่กองอยู่ในถังขยะ “ของที่แตกไปแล้วมันกลับคืนมาไม่ได้ มันก็เหมือนความรู้สึกคนที่เสียไปแล้วนั่นแหละ ยังไงก็ไม่มีวันได้คืนเหมือนกัน”
“เจสเลว ยูลได้ยินมั้ยว่าเจสเลว แต่ขอร้องเถอะ ยูลทำกับเจสอย่างนี้ เจสเจ็บมากเลยนะรู้มั้ย”
“เธอจะไม่เจ็บ ถ้าเธอไม่ได้รักฉัน... คนที่มีอิทธิพลต่อหัวใจของเธอก็คือยุน คนที่ทำเธอเจ็บได้ก็คือยุน ไม่ใช่ฉัน”
“ถ้าฉันไม่แคร์ยูล ฉันก็คงไม่เจ็บอย่างนี้หรอก” เธอว่าพลางดึงมือฉันไปกุมไว้หลวมๆ ดวงตาที่ปริ่มด้วยหยดน้ำใสยากเกินจะอ่านได้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่คำพูดนั่นทำให้หัวใจฉันกำลังสั่นคลอนมากขึ้นไปทุกที ทำไมเจสสิก้าไม่เอามีดมาแทงฉันให้ตายคามือไปเลยนะ ในเมื่อที่เธอทำอยู่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าฉันทั้งเป็นเลย
“รู้อะไรมั้ยเจส ฉันเกลียดคนโลเลหลายใจที่สุด” ฉันเงยหน้าขึ้นเพื่อกลั้นหยาดน้ำตา “แล้วเธอก็เป็นคนๆ นั้นเสียด้วย ถ้าฉันเกลียดเธอลง ทุกอย่างมันคงง่ายดายกว่านี้เยอะเลยล่ะ” เธอสะอื้นฮัก ก่อนจะโผเข้ากอดฉันเต็มแรงจนแผ่นหลังฉันสัมผัสกับพื้นไม้เย็นเฉียบ ร่างที่สั่นสะอื้นอยู่บนตัว น้ำตาเปียกชุ่มยังแผงอกด้านซ้าย มีหรือฉันจะไม่รู้สึก มีหรือที่จะไม่ทรมาน ในเมื่อตอนนี้หัวใจที่เคยแค่แตกสลาย บัดนี้มันกลายเป็นผุยผงไปแล้ว
“เศษแก้วที่แตกไปแล้วกลับคืนมาไม่ได้ หัวใจที่แตกสลายของฉันในตอนนี้มันก็กลับคืนมาไม่ได้เหมือนกัน ถึงจะประกอบกลับไปได้ มันก็คงไม่มีวันเหมือนเดิม...” ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวไปหมด มือที่แนบอยู่ข้างลำตัวถูกยกขึ้นมากอดเจ้าของหัวใจ ขอเป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะ ถ้าเธอจะจากฉันไปจริงๆ ให้ฉันเก็บความทรงจำ ภาพฝันอันสวยงามอย่างนี้อีกซักพัก ให้ฉันขอใช้ลมหายใจร่วมกับเธออีกแค่เวลาสั้นๆ ก็ยังดี
“ยูล...เจสขอโทษ”
“พอได้แล้ว ไม่ต้องขอโทษอะไรทั้งนั้น ยูลผิดเอง” เสียงอ่อนลงเมื่อใจอ่อนแรง มันทั้งสั่นเครืออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บัดนี้ฉันรู้สึกได้ถึงหยาดน้ำอุ่นๆ อาบใบหน้า เป็นครั้งแรกที่ควอน ยูริร้องไห้ได้มากขนาดนี้ การสูญเสียมันช่างขมขื่นทรมานเพียงใด ฉันก็เพิ่งเข้าใจมันในวินาทีนี้นี่เอง
“ยูลขอโทษ ถ้าความรักที่ยูลมีต่อเจส มันทำให้เจสอึดอัดใจตลอดเวลาที่คบกัน ขอโทษที่หลงคิดไปว่าเจสรักยูลจริงๆ แล้วก็ขอโทษถ้ามันทำให้เจสกับยุนรักกันไม่ได้” ฉันกลั้นใจครั้งสุดท้าย หวังว่าคำพูดนี้มันคงทำให้เรื่องทุกอย่างดีขึ้น แม้มันจะทำร้ายฉันให้ต้องตายทั้งเป็นก็ตาม เมื่อเธอไม่รักฉัน ไม่ต้องการร่วมบนทางเดินกับฉัน ฉันก็ควรปล่อยเธอไปหาคนที่หัวใจเธอเรียกร้อง มากกว่าจะเห็นแก่ตัวรั้งเธอไว้ แล้วต้องเจ็บทั้งหลายฝ่ายใช่มั้ย
เมื่อคนหนึ่งก็คนรัก อีกคนก็น้อง ฉันรักพวกเธอทั้งคู่ ดังนั้นถ้ามีใครต้องเจ็บ ขอให้คนนั้นเป็นฉันแทนแล้วกัน หัวใจที่แหลกสลายมันล้าเกินกว่าจะยื้อทุกอย่างให้มันดำเนินต่อไปได้ และเมื่อคิดดังนั้น ประโยคที่ฉันไม่เคยคิดอยากจะพูดก็หลุดออกจากปากไปอย่างสั่นสะท้านเกินอดกลั้น...
“กลับไปเดินทางที่เจสต้องการซะ...เราเลิกกันเถอะ”
จบแล้วสินะความรักอันสวยงามของเรา แม้มันจะเป็นรักข้างเดียวก็ตาม แต่อย่างน้อยฉันก็เคยมีความสุขกับมัน หัวเราะไปกับมัน ฉันขอจดจำไว้ว่าครั้งหนึ่ง เรายังเคยได้ใช้คำว่า ‘real’ ร่วมกัน...แม้ความเป็นจริงจะไม่เป็นอย่างนั้น และจากวันนี้ฉันคงต้องกลับไปยืนจุดเดิม ที่ไม่มีเธอ มีสิทธิ์แค่มองดูเธอแล้วเขารักกัน
เมื่อหัวใจเธอไม่ได้เป็นของฉัน ฉันเองก็ไม่ควรจะรั้งเธอไว้ตั้งแต่ทีแรกสินะ
...ไม่ควรเลย...
The End.
ตามสัญญาค่ะ รู้ว่าค้างกันใช่มั้ย
งั้นไปอ่านภาคต่อกันเลย ^^
ผลงานอื่นๆ ของ Ma-Bung (มะบุง) ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Ma-Bung (มะบุง)
ความคิดเห็น