[[SF-SNSD]] :+:why can't I love you:+: (Yuri) - [[SF-SNSD]] :+:why can't I love you:+: (Yuri) นิยาย [[SF-SNSD]] :+:why can't I love you:+: (Yuri) : Dek-D.com - Writer

    [[SF-SNSD]] :+:why can't I love you:+: (Yuri)

    ทำไมต้องยูลสิก ทำไมคำว่า Real ฉันจึงไม่มีสิทธิ์ใช้กับเธอ หรือเพราะคนแอบรักอย่างฉัน... ทำได้เพียงแค่มองเธอและเขารักกันเท่านั้น (YoonSica+YulSic) [ฟิคที่รอคอย (?) ลงแล้วค่ะ ^^]

    ผู้เข้าชมรวม

    9,767

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    9.76K

    ความคิดเห็น


    87

    คนติดตาม


    21
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ส.ค. 52 / 17:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น



    ขอคั่นโปรเจ็คต์ซูซันด้วย SF เรื่องนี้ก่อนนะคะ
    อยากบอกเลยว่ามันเป็นเพียงการแต่งสนองตับไรท์เตอร์เองเท่านั้น
    เนื่องจากว่าบุงซึ่งเป็นแม่ยกยูลสิกยิ่งชีพ
    เกิดอาการหมั่นไส้กระแสยุนสิก้าที่กำลังมาแรงแซงโค้ง
    ให้หัวใจแทบพัง ตับแทบสลาย T___T

    คิดดังนั้นจึงคลอดฟิคสั้นเรื่องนี้ออกมา
    เพื่อเป็นการแต่งประชดตัวเอง
    และก็ไม่ได้คาดหวังว่าคอมเมนต์จะถล่มทลายอะไรนัก
    เพราะบุงรู้ดีว่าหลายท่านก็แม่ยกยูลสิกเหมือนบุง 
    เข้าใจค่ะว่ามันค่อนข้างเจ็บนิดหน่อย ถ้าอ่านยุนสิก้าน่ะนะ T^T

    แต่ถ้าใครอ่านแล้วก็อย่าลืมคอมเมนต์ให้บุงด้วยนะคะ
    รับฟังทุกคำแนะนำ และคำติชมค่ะ ^^

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -




    อิม ยุนอา

    ...ฉัน ผู้ซึ่งต้องซ่อนคำว่ารักไว้ลึกสุดของหัวใจ...



    จอง เจสสิก้า

    ...เธอ ผู้ซึ่งต้องเก็บความรู้สึกไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย...



    ควอน ยูริ

    ...เขา ผู้ซึ่งต้องทำเป็นไม่รู้ในเรื่องที่ไม่อาจยอมรับ...

    - - - - - - - - - - - - - -




    *ฟิคเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่แต่งสมมติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
    ทั้งเหตุการณ์และสถานที่ ไม่มีอยู่จริงแต่ประการใด*

    (ปล. เพราะบุงเองก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้จริงๆ ฮ่าๆ)

    http://www.charyen.com/result.php?id=5039fe70919b4bac1d01416c2927d22c
    เพลง ปล่อยตัวปล่อยใจ -รุจ-


    พบกับความปวดตับภาคต่อได้ใน
    [[SF-SNSD]] :+:why can't you love me:+: (Yuri) นะคะ ^^

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      [[SF-SNSD]] :+:why can't I love you:+: (Yuri)

       

      ทำไมต้องยูลสิก...

      ทำไมต้องเป็นยูริกับเจสสิก้า

      ทำไมคำว่า “Real” ฉันจึงไม่มีสิทธิ์ใช้กับเธอ...

      หรือเพราะฉันเป็นแค่คนมาทีหลัง...

       

      - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 

        

                      “พี่ยุน กินข้าวกัน” เสียงเรียกของซอฮยอน ทำเอาฉัน อิม ยุนอา ที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ถึงกับสะดุ้ง ได้แต่รีบซ่อนสิ่งที่อยู่ในมือลงในลิ้นชักอย่างลืมตัว ซอฮยอนมองการกระทำของฉันนั้นอย่างงุนงง ฉันจึงเสแสร้งทำหน้าเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก ทั้งที่ความจริงเจ็บปวดจนแทบตายอยู่แล้ว

                     

                      “อื้อๆ” ตอบรับน้องสาวคนสนิท ก่อนจะเดินนำหน้าออกจากห้องไป โดยไม่ได้เอะใจเลยว่าซอฮยอนกำลังจ้องมองลิ้นชักที่ฉันปิดไว้อย่างหมิ่นเหม่ด้วยความรีบร้อนอย่างสงสัย...

       

                     

       

       

       

       

                      “เจสจ๋า” ยูริเรียกเจสสิก้าอย่างออดอ้อน ก่อนจะโอบรอบคอของร่างบางที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อย่างใจจดจ่อ ถ้าเป็นคนอื่นคงโดนเจสสิก้าเอฟเฟคกันเป็นแถบไปแล้ว หากนี่ทำไมยูริจึงรอดพ้นรัศมีน้ำแข็งของ ‘เธอ’ คนนั้นไปได้ หรือเป็นเพราะว่านั่นคือคนที่เธอมีใจใช่มั้ย

                     

                      “ว่าไงยูล” เจสสิก้าเงยหน้าขึ้นมาตอบรับ ท่าทีสนิทสนมกันเกินขอบเขตคำว่าเพื่อน พี่ๆ ในวงก็ต่างไม่ใส่ใจอะไรนัก ด้วยใครๆ ก็ลงความเห็นกันว่า ‘YulSic is real’ การกระทำออดอ้อน หรือแม้กระทั่งกอดกัน... หอมแก้มกัน ...จูบกัน ใช่สิ ก็พี่ทั้งสองเค้ารักกันจริงๆ นี่ จะแสดงความรักต่อกันคงไม่แปลก

                     

                      คนที่แปลกน่ะมันฉัน...ที่เอาแต่นั่งมองอยู่มุมไกลๆ ไม่อาจเข้าไปใกล้ให้ต้องเจ็บปวด แต่ก็เกินจะห้ามใจตัวเองให้ถอยห่างออกมาจากเจสสิก้าได้

                      ฉันก็แค่คนมาทีหลัง ที่เธอไม่เห็นค่า... กี่ครั้งที่ฉันต้องคอยหลอกตัวเองว่าเธอกำลังมองฉัน ทั้งที่ความจริงแล้วสายตาของเธอกลับมองเลยไปยังยูริที่ยืนอยู่ใกล้กับฉันต่างหาก กี่ครั้งที่ฉันนั่งดูรูปของเธอแล้วเพ้อว่าซักวันเธอจะมาเป็นเจ้าหญิงในใจของฉันได้มั้ย กี่ครั้งที่ฉันต้องเจ็บเมื่อเห็นเธอเสียน้ำตาเพราะยูริ แล้วอยากจะเข้าไปรักษาแผลใจของเธอ และกี่ครั้งที่ฉันต้องฝืนยิ้มอย่างยินดี เมื่อเห็นพวกเธอ...กลับมา ‘Real’ กันเหมือนเดิม

                      ฉันเกลียดคำๆ นี้มากเลย เกลียดๆๆๆ ทำไมล่ะ ฉันมันผิดตรงไหน ยุนสิก้ามันเรียลไม่เท่ายูลสิกใช่มั้ย มันเรียลไม่เท่าแทนี่ ไม่เหมือนคู่อื่นๆ ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าแม่ยกยูลสิกแบนคู่ฉันกับเจสสิก้ามากแค่ไหน พอมีโมเม้นยูลสิกออกมา เหล่าโซวอนก็ต่างยิ้มอย่างดีใจ ลองให้โมเม้นยุนสิก้าบ้างสิ แม่ยกยูลสิกแทบจะคลั่งตายกันเป็นแถบ

                     

                      “ยุนเป็นอะไร วันนี้เหม่อๆ นะ ถ่ายละครเหนื่อยหรอ” แทยอนทักฉันที่กำลังนั่งเหม่ออยู่บนโต๊ะกินข้าว แล้วเอาแต่มองคู่รักที่นั่งซบแอบอิงกันอยู่บนโซฟา จะมองทำไมให้เจ็บล่ะเนี่ย!

                     

                      “นิดหน่อยค่ะพี่ มันเหนื่อยๆ น่ะ” เหนื่อยอะไรก็ไม่เหนื่อยเท่าเหนื่อยใจ เหนื่อยที่ต้องวิ่งไล่ตามหลังคนที่ไม่เคยมองฉันอย่างเจสสิก้า

                     

                      “พักบ้างแล้วกัน ไปนอนเหอะ มันดึกแล้ว” แทยอนบอกฉัน แล้วเดินเลยไปหาทิฟฟานี่ที่กำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่ ฉันละสายตาจากคู่แทนี่ ก่อนจะไปเจอช็อตเด็ด... ซูยองกำลังหอมแก้มซันนี่อย่างหยอกล้อ เอาเข้าไปนี่ก็ซูซัน

                     

                      “พี่ยุนดูแปลกๆ นะคะ” เสียงของซอฮยอนที่คุยกับฮโยยอนดังลอดผ่านเข้าหูฉันที่ทำเป็นไม่สนใจ แต่ได้ยินทุกคำพูด

                     

                      “นั่นสิ” ฮโยตอบรับซอฮยอนสั้นๆ ทั้งสองซุบซิบอะไรกันอยู่เล็กน้อย ทว่ามันเกินกว่าที่ฉันจะได้ยิน หากอยู่ๆ สิ่งที่ไม่อยากได้ยินมันกลับชัดเจนซะนี่

                     

                      “ยูลรักเจสนะ...” เสียงหนึ่งดังลอดแทรกขึ้นมาทำให้ฉันหัวใจกระตุก ทำไมยูริถึงมีสิทธิ์พูดคำรักกับเธอ ขณะที่ฉันเอาแต่เก็บซ่อนมันไว้ลึกสุดใจ ทำไมๆ ฉันได้แต่ถามคำถามนี้อยู่ซ้ำๆ

                     

                      หยาดน้ำตาที่คลอเอ่อขึ้นมา ทำให้ฉันเกินกว่าจะนั่งประจานความอ่อนแอของตนเองต่อไปได้ สองเท้าพาร่างอ่อนแอเดินเข้าไปในห้องของฉันกับยูริ รูมเมทคนใหม่ ประตูที่เผลอปิดเสียงดังตามอารมณ์หึงหวงที่เริ่มประทุโดยไม่รู้ตัว ทำให้พวกพี่ๆ ที่อยู่ข้างนอกคงสะดุ้งกันอย่างตกใจ

                      ทว่าฉันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง ก่อนจะปล่อยให้น้ำตามันไหลรินออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำไมฉันถึงอ่อนแออย่างนี้ แกเป็นอะไรไป อิม ยุนอา คนที่เคยเข้มแข็งหายไปไหน หรือหัวใจของฉันมันอ่อนแอลง เพียงเพราะความรักที่ฉันมีต่อคนๆ หนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ

                      มือเรียวหยิบรูปคู่ของฉันและเธอขึ้นมามองด้วยดวงตาที่พร่าเลือน รูปที่ฉันซ่อนมันไว้ลึกสุดของลิ้นชัก ซึ่งเป็นฉากที่เจสสิก้ากำลังโน้มตัวมากระซิบข้างๆ หูฉันอย่างใกล้ชิด ฉันยังคงจำความรู้สึกตอนนั้นได้เป็นอย่างดี...


                  

                  เสียงอื้ออึงดังขึ้นรอบด้าน เธอที่ดูเหมือนจะมีบางสิ่งบางอย่างบอกแก่ฉันได้แต่ทำหน้าหงุดหงิดใจ ฉันจึงเลื่อนกายเข้าไปใกล้เธอ เป็นเชิงให้เธอพูดมันออกมาเสียที ก่อนที่จะเกิดปรากฏการณ์เจสสิก้าเอฟเฟค

                 

                  มีอะไรหรอจะพี่เจสฉันถามเธอ

                 

                  เปล่า แค่จะบอกว่าเรื่องวันนั้นน่ะ ขอบคุณนะฟังคำตอบแล้วฉันก็ต้องนึกย้อนไปไกล... วันนั้นวันไหนนะ ถ้าให้เดาไม่ผิดคงเป็นวันที่เจสสิก้าทะเลาะกับยูริคู่เรียลของเธอล่ะมั้ง แล้วเธอก็มาร้องไห้ให้ฉันปลอบ สุดท้ายคนคนนี้ก็เป็นเพียงแค่คนฆ่าเวลาลบเลือนความเหงาใจให้เธอเท่านั้น ฉันคิดอย่างอดรู้สึกเจ็บไม่ได้ หากก็ยิ้มตอบเธอแต่โดยดี

                 

                  ไม่เป็นไรค่ะพี่เจส ยุนยินดีเสมอยินดีที่แม้ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง ขอเพียงแค่เธอรู้ไว้ว่าเธอยังคงมีฉันอยู่เคียงข้าง

                 

                  ยุนน่ารักที่สุดเจสสิก้าพูดด้วยรอยยิ้ม เธอคงกลัวฉันไม่ได้ยินมั้ง เลยยิ่งโน้มกายต่ำลงมายิ่งขึ้น กลิ่นกายหอมอ่อนๆ จนทำให้ฉันแทบคลั่ง ดูเหมือนการกระทำของเธอจะเกินเลยคำว่ากระซิบไปเล็กน้อย เมื่อปลายจมูกก้มลงมาจนเกือบแนบชิดแก้มฉันแล้ว ฉันไม่แม้แต่จะขัดขืน ถ้าเธอจะทำอย่างที่เธอต้องการ เพียงแต่สายตาของฉันเหลือบไปเห็นยูริกำลังมองมาทางนี้ด้วยแววตาตัดพ้อให้ฉันต้องใจหาย เธอเพิ่งคืนดีกับเขาได้ ฉันไม่อยากให้เธอและเขาต้องมามีปัญหาเพราะฉัน!

                 

                  ฉันตัดใจ ตัดความต้องการของตนเอง ด้วยการเบนหน้าหลบเธอ ทำให้จมูกคนที่กำลังจะฉวยโอกาสหอมแก้มฉัน กลับพลาดเป้าหมายเป็นบริเวณต้นคอแทนให้ต้องขนลุกซู่ เธอกำลังทำบ้าอะไรของเธออยู่กันแน่ จอง เจสสิก้า เมื่อเธอไม่คิดอะไรกับฉัน เธอคงไม่เห็นร่องรอยความหวั่นไหวในแววตาคู่นี้

                 

                  พี่เจสทำอะไร ยุนบ้าจี้น้าฉันแสร้งกลบเกลื่อนอาการไหวหวั่นด้วยเสียงหัวเราะและใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม ขณะที่มองผ่านเลยไปทางยูริ พี่ที่ฉันเคารพ... เพราะอย่างนี้ไง ฉันจึงไม่อาจแย่งเจสสิก้ามาจากเขาได้

                 

                  ยิ่งเห็นยิ่งน่าแกล้งเธอพูดเสียงพร่า ก่อนจะเป่าลมรดต้นคอฉัน ให้หัวใจเต้นรัวจนเกินควบคุม...  

                     

                      ฉันดึงตัวเองกลับมายังปัจจุบัน ปัจจุบันที่เธอคงไม่มีโอกาสทำอย่างนั้นกับฉัน ตั้งแต่ที่เธอตอบตกลงเป็นแฟนของยูริ ฉันอยากจะร่วมยินดีกับทั้งสองนะ ถ้าเพียงแต่คนหนึ่งไม่ใช่พี่สาว และอีกคนไม่ใช่คนที่ฉันแอบรักอยู่ ยิ่งนึกถึงที่มาของภาพ ความทรมานในหัวใจก็กลั่นหยาดน้ำตาให้ไหลรินอาบใบหน้า

                      เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ ฉันสอดรูปเข้าไปในลิ้นชักตามเดิม ก่อนจะรีบปาดน้ำตาทิ้ง แล้วเดินไปเปิดประตูให้ หากแต่เมื่อเห็นคนภายนอกแล้วหัวใจก็แทบหยุดเต้น...

                     

                      “พี่เจส...” ฉันครางออกมาแผ่วเบา ขณะที่เธอดันร่างซึ่งกำลังยืนค้างอยู่ของฉันให้เข้าไปในห้อง แล้วกดล็อคประตูอย่างต้องการความเป็นส่วนตัว ให้ฉันได้แต่มองการกระทำนั้นด้วยความไม่เข้าใจ แทนข้อสงสัย มือเรียวอุ่นของเธอยกขึ้นมาทาบลงบนแก้มใสจนฉันต้องสะดุ้ง

                     

                      “ร้องไห้ทำไม” เสียงใสที่ฉันชอบฟังถามเสียงห้วน แต่ท่าทางสวนคำพูดสิ้นดี เมื่อนิ้วของเธอกำลังค่อยๆ เกลี่ยซับน้ำตาให้ฉันอย่างอ่อนโยน รู้บ้างมั้ยว่าสัมผัสอย่างนี้มันทำให้ใครคนหนึ่งคิดไปไกลเกินย้อนกลับเสียแล้ว

                     

                      “เปล่าค่ะ ไม่ได้ร้อง” ฉันโกหกหน้าตาย ทว่าหารู้ไม่ นั่นทำให้เธอโกรธขึ้นมาทันที มือตีลงบนไหล่ของฉันเบาๆ

                     

                      “อย่ามาโกหก ก็เห็นอยู่ว่าร้อง หัดส่องกระจกซะบ้าง รู้มั้ยว่าหน้ามีแต่รอยคราบน้ำตา อย่างนี้ยังจะให้เชื่อว่าไม่ได้ร้องอีกหรอ” หลักฐานมัดตัวแน่นหนาขนาดนี้ ฉันจึงได้แต่ก้มหน้ามองมือตนเองอย่างไม่อาจแก้ต่างได้

                     

                      “บอกพี่มาไม่ได้หรอ ว่าคนดีของพี่ร้องเพราะอะไร” เสียงเธอเริ่มอ่อนลงให้ฉันต้องใจอ่อนยวบ กับคำว่า คนดีของพี่ที่เธอใช้เรียก

                     

                      “ยุนไม่คิดว่าพี่เจสจะไม่รู้นะคะ” ย้อนถามเธอดูอย่างกวนในอารมณ์ เดิมทีฉันคิดว่าคงได้สายตาเย็นชามาแทนคำตอบ แล้วเธอก็จะเดินจากไปทิ้งให้ฉันจมอยู่กับความรู้สึกที่ร้าวรานของตนเอง หากฉันกำลังคิดผิด... เธอเดินเข้ามาใกล้ขึ้นมากกว่าเดิมจนกายของเราแนบชิดกัน มือโอบรอบลำคอของฉันขณะที่ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นเพื่อประสานกับนัยน์ตาสีเข้ม ถ้อยคำนับล้านราวกับถูกถ่ายทอดออกมาทางดวงตาเสียจนหมดสิ้น

                     

                      “พี่ก็ไม่คิดว่าพี่จะรู้เหมือนกัน...” เธอยิ้มออกมาบางเบา ฉันอยากจะลืมเรื่องราวรอบกายไปเสียหมดสิ้น เมื่อภายในห้องนี้มีเพียงฉันและเธอเท่านั้น มือตอบสนองร่างกายอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันค่อยๆ วางบนเอวบางของเธอก่อนจะรั้งร่างที่กำลังตกอยู่ในอ้อมกอดให้แนบชิดอย่างเธอไม่คิดขัดขืน มือซุกซนเลื่อนผ่านต่ำลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะหยุดชะงักบนสะโพกกลมมนของเธอ

                     

                      “ยุนร้องไห้เพราะยุนแค่เสียใจในบางเรื่องน่ะค่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก”

                     

                      “ไม่มากแต่ร้องจนตาแดงเชียวหรอคะคนดี”

                     

                      “ก็จะให้ยุนทำอะไรได้มากกว่าร้องไห้ล่ะ” ฉันพูดอย่างสมเพชกับความรักของตนเอง จะรักใครไม่รัก ดันมาแอบหลงรักเจ้าหญิงน้ำแข็งของวง ที่มีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว และฉันก็น่าจะรู้ดีว่ายูริกับเจสสิก้ารักกันมากแค่ไหน ฉันไม่อาจจะเข้าไปแทรกที่ว่างตรงนั้นได้เลย

                     

                      “ก็ทำสิ่งที่ใจของยุนต้องการสิ” เธอกล่าวอย่างไม่รู้อะไร แต่ฉันที่รู้อยู่เต็มอก จะไปทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน เมื่อฉันถูกวางตัวให้เป็นแค่คนที่ไม่มีสิทธิ์จะรักเธอ

                     

                      “ถ้าพี่เจสไม่รู้ว่ายุนต้องการอะไร อย่าพูดมันออกมาค่ะ”

                     

                      “พี่ว่าพี่รู้นะ...เพราะมันเหมือนกับพี่” เจสสิก้ายิ้มกริ่ม ก่อนจะโน้มใบหน้าของฉันให้ต่ำลง ทั้งที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ หากหัวใจไม่รักดีกลับยอมรับทุกการกระทำนั้นจากเธอ ทันทีที่เรียวปากของเธอกับฉันสัมผัสกัน ฉันรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มที่แฝงไปด้วยความร้อนผ่าวให้อย่างค้นหา อยากเรียนรู้มากไปกว่านั้น

                     

                      มือหนึ่งค่อยๆ ดันต้นคอของเธอขึ้นเพื่อตอบรับสัมผัสร้อนจากริมฝีปากของฉัน ลิ้นเรียวซอดแทรกผ่านความอบอุ่นที่ชุ่มชื้นลงไปอย่างซุกซน สำรวจไปทั่วโพลงปากของเธอด้วยความใคร่รู้ ขณะที่เธอกลับจูบตอบฉันด้วยความเต็มใจของเราทั้งสอง รสจูบที่มันหอมหวานอย่างที่ฉันไม่เคยสัมผัส หรือลิ้มรสมาก่อนในชีวิต

                      ฉันไม่รู้เลยว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ ท่าทีของเธอถ้าฉันไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป มันเหมือนว่าเธอกำลังต้องทนกับความทรมานอะไรบางอย่างมาเนิ่นนาน จนกว่าจะทนต่อไปได้อีกแล้ว เธอเป็นฝ่ายเข้ามากอดฉันก่อน เธอเป็นฝ่ายจูบฉัน... นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้น

                      สมองมึนเบลออย่างปรับรับสภาพในสิ่งที่เธอทำแทบไม่ทัน ที่รับรู้ก็มีเพียงความหอมหวานแผ่ซ่านยังปลายลิ้นให้รู้สึกเคลิ้มฝันจนความสับสนแทบจะเลือนหายไปจากห้วงความรู้สึก

                      เรากำลังทำอะไรกันอยู่... มันคือเรื่องที่ผิดมหันต์มากใช่มั้ย ถ้าเราจะเกินเลยกันไปมากกว่านี้ แต่การลักลอบช่างน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน หัวใจที่เคยทนกักเก็บคำว่ารักเอาไว้จนมันบอบช้ำ บัดนี้ได้แสดงความรู้สึกของตนออกมาได้อย่างเต็มที่ ฉันรักเธอมาก รักมากเกินไปจนแทบไม่อยากเสียเธอให้ใคร หรือต้องมาเจอความจริงที่ว่าสุดท้ายแล้วเธอเป็นของใคร! ทั้งที่เรากำลังทำอะไรอยู่ เราเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เมื่อต่างก็ยังมีสติครบถ้วนดี เราต่างเต็มใจอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน มอบรอบจูบแสนหวานที่เคลือบด้วยยาพิษให้ต่อกันอย่างนั้นหรือ

                      เรื่องเหล่านี้ไม่เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้นไม่ใช่รึไง เธอเองมีคนของเธอ! ถึงฉันจะไม่ปฏิเสธว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่มันเป็นสิ่งที่ฉันโหยหามาโดยตลอด หากมันคือเรื่องเลวร้ายที่สุด! ฉันกำลังทรยศต่อยูริพี่ที่ฉันเคารพ เธอกำลังทรยศหักหลังคนที่เธอบอกว่ารัก โดยที่ยูริคงไม่รู้เลยว่าเรากำลังทำอะไรเกินเลยล้ำเส้นมากเกินไป...

                     

                      “อื้อ...พ...พอเถอะพี่เจส” เมื่อได้สติฉันจึงรีบดันร่างของเธอออก ขณะที่ดวงตาคู่สวยกำลังมองใบหน้าฉันด้วยหยาดน้ำตาที่กำลังคลอเอ่อ

                     

                      “พี่รู้นะว่ายุนรักพี่ ทำไมยุนไม่พูดมันออกมาซักที” สุ้มเสียงสั่นเครือที่เอ่ยออกมาทำเอาฉันได้แต่ตกใจอย่างคาดไม่ถึง เธอผู้ที่ฉันคิดมาโดยตลอดว่าไม่รับรู้ในความรักที่ฉันพยายามซ่อนมันเอาไว้ กลับเดามันออกได้อย่างง่ายดาย

                     

                      “ยุนพูดแล้วมันได้อะไรขึ้นมา พี่เจสมีพี่ยูลอยู่แล้ว” ฉันตอกย้ำความจริงให้เธอต้องสะอื้น มือเรียวปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ

                     

                      “พี่ไม่ได้รักยูล...”

                     

                      “คนไม่รักเค้าคงไม่เป็นแฟนกันหรอกค่ะ” อารมณ์ประชด ฉันจึงหันหลังให้เธออย่างไม่อยากเห็นคนที่ฉันรักร้องไห้ และที่สำคัญมันเป็นเพราะฉันเอง...

                     

                      “พี่ไม่ได้เต็มใจเป็นแฟนกับยูล มันเกิดขึ้นเพราะแค่อาการจิ้นของแฟนคลับเท่านั้น” แฟนคลับ... ข้ออ้างของคนเห็นแก่ตัวอย่างพวกเรางั้นหรือ ถ้าไม่ทำตัวโมเม้นยูลสิก แล้วแฟนคลับเค้าจะจิ้นกันมั้ยล่ะ!

                     

                      “พี่อย่ามาพูดอย่างนี้เลย พี่เจสก็รู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง แฟนพี่ คนที่ได้ชื่อว่าคนรักของพี่อยู่นอกบานประตูนั่น แต่พี่กลับ...พี่กลับมาจูบยุน มาทำให้ยุนหวั่นไหวทำไม” ฉันพูดอย่างไม่มองหน้าเธอ นิ้วสั่นเทาชี้ไปทางประตูที่ปิดสนิทอยู่ เหมือนปิดกั้นโลกนี้ให้มีเพียงเรา หากถ้าเพียงแต่เราเปิดมันออก ความจริงก็คงจะถาโถมเข้ามาเกินจะต้านทานได้ไหว

                     

                      “แล้วคิดว่ายุนหวั่นไหวเป็นคนเดียวรึไงล่ะ” น้ำเสียงสะบัด ก่อนที่เจ้าตัวจะกระแทกเท้าเดินออกไปจากห้อง ฉันไม่เคยเข้าใจเธอเลย ในทุกการกระทำของเธอนั้น...

                     

                  จากนี้ไปฉันควรจะทำยังไงดี เมื่อรู้ดีว่าเรื่องทุกอย่างมันดำเนินมาเกินจะถอยหลังกลับได้แล้ว 

       

                 

       

       

       

       

                      ซอฮยอนหลบสายตายุนอาและพี่ในวงคนอื่นๆ ก่อนจะลอบเข้าไปในห้องนอนของยุนอา ที่เธอยังคงสงสัยในการกระทำเมื่อเย็นไม่หาย ร่างบางปิดประตูแผ่วเบา มือเปิดลิ้นชักเจ้าปัญหาอย่างตื่นเต้น ก่อนจะตาโตเมื่อเห็นสิ่งของที่อยู่ในนั้นทั้งหมด รูปภาพระหว่างเจสสิก้าและยุนอานับสิบใบ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นรูปที่มีความนับแอบแฝงในภาพทุกรูป นั่นยังไม่รวมถึงแหวนกลมเกลี้ยงวงหนึ่ง ซึ่งซอฮยอนจำได้ดีว่ามันเหมือนของที่เจสสิก้าเคยมีอยู่...

                      และหลังจากที่ยูริเป็นแฟนกับเจสสิก้า เธอก็ไม่เคยเห็นพี่รองใส่แหวนวงนั้นอีกเลย ขณะที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ายุนอามีแหวนเหมือนเจสสิก้าอย่างนี้... ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บในหัวใจ หรือว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ยุนอาไม่เคยปรายตามองเธอเลยแม้แต่นิดเดียว คำตอบทั้งหมดมันเป็นอย่างนี้เองใช่มั้ย

                     

                      “ดูอะไรอยู่น่ะซอ...” เสียงดังมาจากเบื้องหลังทำเอาร่างบางสะดุ้งเฮือก เธอค่อยๆ หันไปเผชิญหน้าคนมาใหม่อย่างไม่ให้ผิดสังเกต ทว่ามีหรือที่ยูริจะไม่รับรู้

                     

                      “เข้ามาในห้องทำไม” ยูริยิงคำถามขณะที่ตากำลังจ้องจับผิด เธอสาวเท้าเข้ามาใกล้คนที่กำลังซุกซ่อนบางสิ่งไว้เบื้องหลัง มือเอื้อมไปหยิบของที่น้องเล็กกำไว้แน่นอย่างถือวิสาสะ ขณะที่ซอฮยอนได้แต่ก้มหน้ากลืนน้ำลาย อย่างคาดเดาไม่ถึงว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นมาหลังจากนี้

                     

                      “เจส...” ยูริครางเสียงแผ่ว เมื่อเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในลิ้นชักของยุนอาที่เธอไม่เคยคิดเปิด ถ้าเพียงแต่ไม่ใช่ฝีมือของซอฮยอนทำเอาไว้

                

                  แหวนสวยจัง เจสเอามาจากไหนน่ะ

                 

                  อ๋อ... ฉันซื้อมาเองน่ะไม่มีอะไรหรอก

                 

                      ประโยคชัดเจนดังก้องอยู่ในหัว ให้เธอแทบตั้งรับไม่ทัน ทุกอย่างมันฉุกความคิดที่เธอเคยปฏิเสธอยู่ตลอดมาให้ลอยเวียนอยู่ในหัว ราวกับเศษตะกอนที่ตกค้างอยู่ในใจกำลังโดนกวนให้ขุ่นอีกครั้ง

                 

                  ยูลวันนี้รีบกลับหอเถอะ ท่าทางยุนจะเหนื่อย ยังไม่ได้พักเลย

                 

                  ยูล...ซื้ออะไรไปฝากยุนดีมั้ย

                 

                      ไม่เคยเลยซักครั้ง...ที่ยูริจะระแวง หรือสงสัยในตัวของคนที่เธอเรียกว่าคนรัก เธอไว้ในเจสสิก้ามาโดยตลอด พยายามปัดเรื่องรอบข้างออกไปอย่างไม่สนใจ แม้ลึกลงไปแล้วจะสงสัยเพียงใดก็ตาม นี่หรือสิ่งตอบแทนความไว้ใจและเชื่อมั่นของเธอ เพราะเธอประมาทเกินไปใช่มั้ย เธอเหมือนคนโง่งมที่ใครจะหลอกลวงยังไงก็ได้

                     

                      น้องที่เธอไว้ใจ...

                 

                  ยุนพี่ฝากเจสด้วยนะ เดี๋ยวพี่ไปซื้อของแป๊บนึง

                 

                  ค่ะ พี่ยูล ยุนจะดูแลพี่เจสอย่างดีเลยยุนอายิ้มรับ เธอจึงเดินข้ามถนนเพื่อไปซื้อของยังร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้าม แต่ขากลับทำให้ยูริต้องชะงัก ถุงในมือแทบล่วงลงพื้นเมื่อเห็นภาพของยุนอาและเจสสิก้ายืนแนบชิดกัน มองจากเบื้องหลังอย่างนี้ เหมือนทั้งคู่กำลังจูบกันไม่มีผิด ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้คนรักและน้อง... ทั้งสองทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คำตอบที่ได้รับจากเจสสิก้าในเวลานั้นคือ

                 

                  ฝุ่นเข้าตาฉันน่ะ ยุนเลยเขี่ยให้ ไม่มีอะไรหรอก

                 

                      ถ้าเพียงแต่เธอจะเฉลียวใจซักนิด ถ้าเพียงแต่เธอจะไม่มองข้ามสิ่งรอบกายไป เธอคงไม่ตกอยู่ในสภาพเหมือนกำลังโดนคนที่เธอไว้ใจสวมเขาอย่างนี้

                     

                      “พี่ยูล ใจเย็นนะคะ เรื่องอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิดก็ได้” ซอฮยอนพยายามปลอบใจเมื่อเห็นร่างสูงนิ่งเงียบไป เธอนึกโทษตัวเอง มันเป็นเพราะเธอรักยุนอามากเกินไปใช่มั้ย เธอจึงใส่ใจในทุกรายละเอียด อย่างรู้ความเป็นไป จนถึงขนาดเสียมารยาทเข้ามาถงในห้องของอีกฝ่ายอย่างนี้ ซ้ำยังเป็นต้นเหตุให้ยูริกำลังจะผิดใจกับเจสสิก้าอีกต่างหาก

                     

                      “พี่อยากจะไว้ใจคนที่พี่รักนะ แต่พี่ไม่รู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่พี่คิดไปเองรึเปล่า ความจริงอาจเป็นพี่คนเดียวก็ได้...ที่รักเจสสิก้า” เสียงเศร้าๆ ของยูริ ทำให้น้องเล็กยิ่งจิตตกลงไปมากยิ่งขึ้น

                     

                      “ไม่หรอกค่ะ พี่อย่าคิดมากสิคะ”

                     

                      “พี่จะพิสูจน์ให้ซอเห็นเอง ว่าพี่คิดมาก หรือพี่คิดถูกกันแน่!

       

                     

       

       

       

       

                      ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน ฉันที่นอนไม่หลับ จึงเดินออกมาหาอะไรทำ แทนการนอนเฉยๆ และเพ้อละเมอถึงใบหน้าของเธอ ฉันเปิดหาขวดนมในตู้เย็น ก่อนจะรินนมสีขาวใส่แก้ว รสจืดๆ ไหลผ่านลำคออย่างเย็นเฉียบ มันไม่ได้ทำให้จิตใจที่กำลังร้อนรุ่มเย็นลงเลยแม้แต่น้อย

                      ยูริไม่พูดกับฉันเลยแม้แต่ประโยคเดียว หลังจากที่เธอเข้าไปในห้อง ส่งผลให้ฉันต้องอึดอัดจนไม่อาจทนอยู่เฉยได้อย่างนี้ไง แถมยังมีการกระทำที่ฉันยังคงไม่เข้าใจของเธออีก ขณะที่ฉันตกอยู่ในภวังค์ ลิ้มรสความจืดของเครื่องดื่มใสแก้วใส ก็รู้สึกถึงความอบอุ่นเมื่อมีมือเรียวของคนคุ้นเคยโอบกอดจากทางด้านหลัง

                     

                      “ดึกแล้ว ทำไมไม่นอน” เธอพูดอย่างเป็นห่วง

                     

                      “พี่นั่นแหละทำไมไม่นอน และมันก็ไม่มีเหตุผลที่พี่ต้องมากอดยุนอย่างนี้ด้วย” ฉันว่าพลางดึงแขนที่รัดแน่นของเธออยู่ออก มันไม่ดีเลย... บรรยากาศรอบข้างที่เต็มใจเกินไป กำลังทำให้หัวใจของฉันสั่นไหวไปกับสิ่งรอบด้านอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

                     

                      “กอดคนที่ตัวเองรักมันผิดตรงไหน” เธอพูดกระเง้ากระงอด คงดูน่ารักอยู่หรอก ถ้าเพียงแต่ความจริงของเราทั้งคู่ มันไม่หล่นทับจนฉันอึดอัดแทบหายใจไม่ออก

                     

                      “แน่ใจแล้วหรอ ถึงพูดมันออกมาน่ะ” แม้จะรู้สึกดีจนบอกไม่ถูก กับคำๆ นั้นที่ฉันเคยคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ยินจากปากของเธอ หากฉันไม่อาจตอบรับในสิ่งที่หัวใจต้องการได้เลย

                     

                      “แน่สิ... พี่รักยุนนะรู้มั้ย”

                     

                      “ถ้าพี่ยูลมาได้ยินคงเสียใจนะคะ” ฉันเสทำเป็นไม่ได้ยินประโยคบอกรักจากปากของเธอ เจสสิก้าต้องการอะไรจากฉันกันแน่ ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าฉันคิดยังไงกับเธอ เธอยังจะมาทำให้ฉันหวั่นไหวทำไม มาทำให้ฉันยิ่งรักเธอจนเกินตัดใจทำไมกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

                     

                      “เราใจตรงกันไม่ใช่หรอ ทำไมยุนต้องผลักไสพี่ด้วยล่ะ” เธอพูดอย่างตัดพ้อ... บ้าน่า! คนที่ควรจะเจ็บมันคือฉันไม่ใช่หรอ คนเจ็บคือฉันคนนี้ที่กำลังโดนเธอทำให้หัวใจสับสน คนที่เธอไม่เคยมอง แต่กลับมาพร่ำเพ้อว่ารักมากมาย คนที่พยายามตัดใจจากเธอ เพราะเธอมีคนของเธออยู่แล้ว!

                     

                      “พี่เจส...ทำไมพี่พูดเห็นแก่ตัวอย่างนี้”

                     

                      “ถ้าการที่พี่รักยุนแล้วมันเป็นการเห็นแก่ตัว งั้นพี่คงเห็นแก่ตัวมาตั้งนานแล้ว” หมายความว่ายังไง! เธอกำลังจะพูดว่าเธอรักฉันมาตั้งนานแล้วงั้นหรอ แล้วควอน ยูริล่ะ... เธอเอาไปไว้ที่ไหน

                     

                      “พี่เจสกำลังนอกใจพี่ยูลอยู่นะคะ ซื่อสัตย์ต่อคนที่พี่รักเถอะค่ะ”

                     

                      “ก็ที่พี่ทำอยู่ไม่ใช่ซื่อสัตย์ต่อหัวใจตัวเองรึไง ทำไม...พี่รักยุนไม่ได้ ทำไมเราจะรักกันไม่ได้” เสียงใสเริ่มสั่นเครือ เธอคงพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเต็มที่ มือเรียวโอบรอบเอวฉันแน่น ใบหน้าที่ซุกอยู่ยังแผ่นหลัง ทำให้ฉันรู้สึกถึงความชื้นที่ซึมผ่านเสื้อยืดผืนบาง กี่ครั้งที่เธอต้องเสียน้ำตาเพราะฉัน...

                     

                      “เราจะรักกันได้ไง ในเมื่อพี่มีพี่ยูลอยู่แล้ว ตัดใจเถอะค่ะ พี่เป็นคนเลือกทางเดินนี้เองไม่ใช่หรอ”

                     

                      “พี่ก็แค่อยากเอาใจแม่ยกยูลสิกเท่านั้น พี่คบกับยูลเพื่อแฟนคลับ ไม่ใช่เพื่อตัวพี่เอง” ยิ่งเธอพูด ราวกับมันเป็นมีดคมกรีดเฉือนหัวใจฉันจนขาดวิ่น

                     

                      “คนที่พี่ควรจะแคร์คือพี่ยูลนะคะ” ฉันพยายามตอกย้ำความจริง นั่นทำให้ร่างบางของเธอสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม

                     

                      “แต่คนที่พี่แคร์จริงๆ คืออิม ยุนอา” เท่านั้นความอดทนที่มีมาโดยตลอด หัวใจเริ่มไม่ฟังตามสมองสั่น เมื่อร่างกายตอบรับการกระทำที่ฉันเรียกว่า เห็นแก่ตัวของเธอ ด้วยการดึงคนที่อยู่ด้านหลังมากอดไว้แน่น ใบหน้าของเธอซุกอยู่ยังหน้าอกด้านซ้าย ถ้าเพียงแต่เธอจะรู้สึก เธอคงสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นรัวเร็วอย่างเช่นทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอ หากลึกลงไปแล้วมันกลับเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน

                     

                      ทั้งที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรากอดกัน ทั้งที่รู้ว่าจะเกิดอะไร ถ้าเราต่างทำตามความต้องการของตัวเอง แต่หัวใจกลับไม่ทำตามคำสั่งจากสมองอีกแล้ว

                     

                      “ยุนรักพี่นะคะ” ถ้อยคำรำพันกระซิบเสียงพร่า เนื่องจากกลั้นเสียงสะอื้นไว้ให้ลึกสุดใจ หยาดน้ำตาที่มากันคลอเอ่อรอบดวงตาจนร้อนผ่าว ทำให้ฉันต้องกระพริบถี่ๆ เพื่อขับไล่ม่านน้ำใสออกไป ใบหน้าโน้มต่ำลงจนปลายจมูกของเราอยู่ห่างกันเพียงไม่ถึงเซนต์

                     

                      “ถึงความเป็นจริงเราจะรักกันไม่ได้ แต่แค่ตอนนี้... แค่คืนนี้เท่านั้น ขอให้เราทำตามหัวใจของเราได้มั้ยยุน” แทนคำร้องขอของเธอ ริมฝีปากอุ่นก็ทาบทับลงบนเรียวปากกลีบกุหลาบของเธอ ดวงตาหลับลงเพื่อรับรู้ในสัมผัสอันหอมหวานที่ฉันติดใจมันอย่างไม่อาจขาดได้ให้เต็มที่

                     

                      ฉันขบเม้มลงบนตำแหน่งอันคุ้นเคยของเธอแผ่วเบา ปลายลิ้นร้อนทำเอาเธอสั่นสะท้านจนทบเกินจะยืนไหว นั่นมันไม่ใช่ปัญหา ฉันดันร่างของเธอให้ติดกับกำแพงเพื่อใช้ยันกาย ขณะมือที่โอบกอดอยู่ยังเอวเลื่อนต่ำลง กระชับสะโพกกลมตึงของเธอเอาไว้แน่น ร่างของเราแนบชิดติดกัน จนเรียกได้ว่าไม่มีที่ว่างได้อีก

                      ลิ้นเรียวของเราหยอกล้อกระหวัดเกี่ยวกันอย่างหาความหอมหวานให้ไม่หยุดยั้ง ความชุ่มชื่นภายในยิ่งเร่งเร้าจังหวะเราให้ร้อนแรงมากยิ่งขึ้น จนฉันได้ยินเสียงครางแผ่วๆ ของเธอดังลอดออกมา และเมื่อเราแทบจะขาดอากาศหายใจ ฉันจึงคลายเรียวปากออกจากเธออย่างอ้อยอิ่ง

                     

                      “เรื่องระหว่างเราไม่ควรเกิดขึ้นนะคะพี่เจส” เมื่อความเป็นจริงที่ถูกหลงลืมกลับคืนมาในห้วงความคิด ฉันจึงได้แต่ก้มหน้าอย่างสำนึกผิด

                     

                      “มันเป็นความต้องการของเราไม่ใช่หรอยุน เราเองก็รักกันไม่ใช่หรอ”

                     

                      “มันคือข้ออ้างของคนเห็นแก่ตัวเท่านั้นล่ะค่ะพี่เจส ก่อนเรื่องมันจะแย่ไปมากกว่านี้ ยุนว่าเราควรจะตัดใจกันซะทีนะคะ รับผิดชอบความจริงของเราเถอะค่ะพี่เจส”

                     

                      “แต่พี่ไม่ได้รักยูล พี่รักยุนได้ยินมั้ย” หยาดน้ำใสไหลรินไม่ขาดสาย ใบหน้าสวยซึ้งของเธอเต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตา นิ้วเรียวของฉันก็ช่างตอบสนองคำสั่งของหัวใจเสียเหลือเกิน เมื่อมันบรรจงเช็ดน้ำตาให้เธอด้วยความอ่อนโยน

                     

                  “ได้ยินชัดเจนเลยล่ะจอง เจสสิก้า...” เสียงของยูริที่ดังขึ้นจากเบื้องหลังทำให้เราต้องสะดุ้ง ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ ขณะที่มือเรียวกำแน่นจนขาวซีด ฉันไม่รู้เลยว่ายูริมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ท่าทางของเธอ ฉันจึงเดาได้ไม่ยากเลยว่าเธอมาเห็นการกระทำของเราสองคนเสียแล้ว

                     

                      “ยูล...” เจสสิก้าครางออกมาอย่างตกใจ ขณะที่ฉันได้แต่ถอยห่างจากเธอจนไกลลิบเมื่อความรู้สึกผิดกอบกุมหัวใจ

                     

                      “พวกเธอทำมันลงไปได้ยังไง ใครจะตอบฉันได้บ้าง” ยูริพูดอย่างเจ็บช้ำ เธอคิดแล้วไม่มีผิด ว่าถ้าลองพิสูจน์ตามสิ่งที่เธอสงสัย มันจะต้องเจอกับเรื่องที่เธอไม่อยากรับรู้และปฏิเสธมาโดยตลอดอย่างนี้ สุดท้ายแล้วเธอจะเชื่อใจใครได้อีก เมื่อน้องที่เธอรักเอ็นดู กับผู้หญิงที่เธอมอบหัวใจให้ กลับมาพรอดรักกันลับๆ ล่อๆ อยู่อย่างนี้

                     

                      “ยุนผิดเองค่ะ ยุนผิดเองที่ไม่ควบคุมหัวใจให้ดี มันเลยเผลอทำอย่างนั้นลงไป ถ้าพี่ยูลจะโกรธก็โกรธยุนคนเดียวเถอะค่ะ เรื่องนี้พี่เจสไม่เกี่ยวเลย” ฉันยอมรับการกระทำของตนเอง ขอเพียงแค่เธอรอดพ้นความผิดที่เรากระทำร่วมกันเท่านั้นก็พอ แต่หารู้ไม่ว่านั่นยิ่งทำร้ายหัวใจของยูริมากขึ้นไปอีก

                     

                      “จะหลอกให้พี่โง่ต่อไปถึงเมื่อไหร่ พี่ได้ยินตั้งแต่ที่เจสถามว่า ดึกแล้วทำไมไม่นอนยังจะหลอกพี่กันได้อีกหรอ”

                     

                      “ยุนไม่ได้หลอกพี่ค่ะ ยุนพูดจริง พี่เจสรักพี่ยูล... พี่เจสแค่อยากให้พี่ยูลหึงเท่านั้น คนที่ผิดน่ะคือยุน ที่ดันเผลอใจรักพี่เจสไปแล้ว” ฉันรู้ว่ามันเป็นข้ออ้างที่ห่วยแตกที่สุด แต่ฉันก็มีปัญหาทำได้แค่นี้

                     

                      “ยุน!” เจสสิก้าหันมาสบสายตากับฉันอย่างตัดพ้อ หากฉันกลับมองเธออย่างเย็นชา พอกันที เรื่องราวของเรามันไม่ควรจะเกิดขึ้นแต่แรกอยู่แล้ว... ฉันควรจะจบมันก่อนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้

                     

                      “จะหลอกอะไรให้พี่เชื่ออีกหรอ”

                     

                      “ยุนไม่ได้หลอกค่ะ แต่พี่ควรจะเชื่อใจคนที่พี่รักนะคะ พี่ยูลกับพี่เจสรักกันไม่ใช่หรอ ยุนมันก็แค่คนที่เผลอใจอย่างไม่ควรอภัย พี่ไม่ควรจะมาผิดใจกันเพราะยุนหรอกค่ะ” ฉันพูดตอกย้ำตัวเองซ้ำๆ

                     

                      “ไม่ว่ายังไง YulSic ก็ real อยู่แล้วล่ะค่ะ ยุนขอให้พี่ทั้งสองรักกันไปนานๆ นะคะ ส่วนยุนเองจะพยายามตัดใจให้มากกว่านี้ค่ะ จะไม่เข้าไปวุ่นวายกับพวกพี่ๆ อีก ขอโทษถ้าทำให้พี่ยูลต้องเข้าใจพี่เจสผิดนะคะ” หัวใจที่เจ็บจนด้านชา มันจึงไม่ได้รับผลกระทบต่อคำพูดที่เจ็บปวดนั้นอีก เธอดูเหมือนอยากจะแย้งคำพูดของฉันใจจะขาด อยากอธิบาย เรื่องจริงให้ยูริฟัง แต่สายตาอ้อนวอนขอร้องของฉันคงหยุดการกระทำของเธอเอาไว้ได้ หวังว่าเธอคงจะเข้าใจฉันนะ ฉันยอมเจ็บเพื่อให้เรื่องมันจบลงด้วยดี เธอคงจะไม่ทำลายมันลง ให้ฉันต้องเจ็บฟรีๆ ใช่มั้ย...

                     

                      “ยุนต้องการอย่างนี้ใช่มั้ย... ได้! พี่จะถือซะว่าเรื่องวันนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น ต่อจากนี้จะมีแค่คำว่า YulSic เท่านั้น” เสียงของยูริดังมาจากเบื้องหลังให้ฉันได้แต่กลั้นน้ำตา มันเป็นอย่างนี้น่ะถูกต้องแล้ว ไม่ว่ายังไงคำว่า ‘YoonSica’ มันก็ไม่คู่ควรกันอยู่แล้ว

                     

                      ฉันพาร่างบอบช้ำของตนเองเข้ามาในห้อง ก่อนที่สองขาจะทรุดลงกับพื้นทันทีอย่างเกินทานไหวได้อีก มือยกขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นอย่างไม่อยากให้ใครได้ยิน แผ่นหลังพิงประตูเพื่อใช้ทรงตัวไม่ให้ลงไปนอนกับพื้นด้วยความทรมานเสียก่อน...

                     

                      ฉันจะเจ็บทำไมอีกล่ะ ในเมื่อเรื่องทั้งหมด ฉันเป็นคนทำมันเองทั้งนั้น ทางที่ฉันอยากจะเดินไปข้างๆ เธอในฐานะของคนรัก มันไม่มีวันเดินได้จริง ฉันก็ไม่ควรจะฝืนอะไรทั้งนั้น ต่อจากนี้ฉันจะกลับมาเดินตามทางที่เหมาะสมของตัวเองเสียที... ทางที่ไม่อาจมีเธออยู่ข้างๆ ไม่อาจได้ครอบครองเธอ...

                     

                      ยังไงซะ คำว่า ‘YulSic is real’ มันก็คือความจริงที่ฉันไม่อาจปฏิเสธได้...

                     

                      และคนอย่างฉันมันก็ไม่สมควรรักเจ้าหญิงอย่างเธอตั้งแต่ทีแรก

                     

                      ....ไม่ควรเลย...

       

       

       

       

      End.

       

       

       



      ถ้าคิดว่ามันค้าง อยากรู้ตอนต่อไป ขอแนะนำภาคต่อของ SF แห่งความปวดตับค่ะ
      [[SF-SNSD]] :+:why can't  you love me:+: (Yuri) แล้วตามไปอ่านด้วยนะคะ ^^

      ปล. แอบมาเปลี่ยนไอค่อนนิยายให้เข้ากับเซ็ทค่ะ ><

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×