ลำดับตอนที่ #74
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #74 : ตอน ศึกสายเลือดอำมหิต
อย่างน้อยก็มีีอยู่เรื่องหนึ่งที่กษัตริย์และราชินีทรงประสบเช่นเดียวกับสามัญชน คือเรื่อง |
ความขัดแย้งในครอบครัว แต่ที่ต่างกันที่สำคัญก็คือ ถ้าเป็นเรื่องขัดแย้งเล็กๆน้อยๆ |
พระองค์ท่านแค่เพียงระดมกำลังอัศวินออกไปทำศึกให้สักหน่อยก็สิ้นเรื่อง |
ดูเรื่องน่าเศร้าของพระเจ้าเฮ็นรีที่ 2 เป็นตัวอย่าง ความรู้สึกรักใคร่ผูกพันกันภายใน |
ครอบครัวของพระองค์นั้น เห็นได้ชัดจากภาพที่ทรงสั่งให้วาดประดับอยู่ในท้องพระโรง |
ของมหาวิหารเวสต์มินเตอร์ ซึ่งเป็นภาพลูกเหยี่ยวสี่ตัวที่จ้องจะขย้ำพ่อเหยี่ยว |
โดยลูกนกตัวที่สี่เล็งจ่อคอหอยของพ่อเหยี่ยว และเตรียมพร้อมที่จะจิกลูกตา |
ทั้งสองข้าง กล่าวกันว่า พระองค์ได้ตรัสว่า "ลูกเหยี่ยวทั้งสี่ คือโอรสทั้งสี่ของเรา |
ซึ่งไม่ยอมหยุดจองล้างจองผลาญเราจนกว่าเราจะตาย ตัวเล็กสุดที่เรากำลังกกกอด |
ด้วยความรัก จะลบหลู่เรา และในที่สุดจะนำทุกข์ภัยมหันต์มาสู่เรายิ่งกว่าตัวอื่นๆ" |
อนิจจา คำพยากรณ์ของพระองค์กลายเป็นความจริง ด้วยภายหลังจากที่ทรงประสบ |
ความสำเร็จในการแผ่ขยายอาณาเขตปกครองของอังกฤษออกไปถึงบางส่วนของยุโรป |
พระเจ้าเฮ็นรีที่ 2 ทรงเผชิญกับการก่อการกบฎของบรรดาโอรสครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่า |
พระองค์จะทรงแต่งตั้งเจ้าชายเฮ็นรี โอรสองค์ใหญ่เป็นรัชทายาท โดยเป็นเจ้าชาย |
องค์เดียวที่ดำรงตำแหน่งนี้ในขณะพระบิดายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ แต่ก็ไม่ได้ช่วย |
แก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ และแม้ว่าเจ้าชายเฮ็นรีและโอรสอีกสององค์ถัดไป |
ได้แก่เจ้าชายเจฟฟรี และเจ้าชายริชาร์ด จะได้รับยศศักดิ์พร้อมแบ่งปันที่ดินอาณาจักร |
อันกว้างใหญ่ไปแล้วก็ตาม บรรดาโอรสต่างก็ยังไม่พอใจ เนื่องจากประสงค์จะได้ |
ครอบครองทั้งยศศักดิ์และทรัพย์สิน ไม่ต้องการที่จะรอจนกว่าจะสิ้นพระบิดา |
ดังนั้น ตลอดระยะเวลาหลายปี โดยมีพระนางเอลานอร์แห่งอากิแตน พระมารดา |
คอยยุยงอยู่อีกแรงหนึ่ง เนื่องจากพระนางขมขื่นที่พระเจ้าเฮ็นรีที่2 ทรง |
เหินห่างหมางเมิน มิหนำซ้ำยังทรงสั่งคุมขังพระนางอยู่เนืองๆ บรรดาโอรสจึง |
รวมกลุ่มต่อต้านพระองค์อยู่เนืองๆ โดยมีพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ของฝรั่งเศสเป็นแนวร่วม |
ด้วยความเต็มใจ จวบแม้กระทั่งเจ้าชายเฮ็นรี่สิ้นชีวิตเมื่อปีค.ศ. 1183 และ |
เจ้าชายเจฟฟรีย์ปราชัยถูกสังหารจากการประลองยุทธ์ เมื่อปี ค.ศ. 1186 พระเจ้าเฮ็นรีที่ 2 |
ก็ยังทรงไม่มีความสงบสุขอยู่ดี เนื่องจากเจ้าชายริชาร์ดโกรธเคืองที่พระองค์โปรดปราน |
เจ้าชายจอห์นมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด จึงเข้าร่วมกับพระเจ้าฟิลลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศส |
เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1189 ทำให้พระเจ้าเฮ็นรีที่2 ทรงพ่ายแพ้ในการรบครั้งอัปยศนี้ |
ครั้นรายชื่อของแนวร่วมต่างๆที่ต่อต้านถูกเปิดเผย ทรงตกพระทัยยิ่งนักเมื่อพบว่า |
มีชื่อของเจ้าชายจอห์นรวมอยู่ด้วย พระโอรสองค์เล็กพระองค์นี้ ตระหนักถึงความปราชัย |
ของพระองค์ จึงแปรเปลี่ยนไปเป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์ เมื่อทรงทราบว่าถูกพระโอรส |
องค์เล็กทรยศหักหลัง พระองค์จึงทรงท้อแท้ทอดอาลัย ตามจดหมายเหตุได้บันทึก |
ถ้อยคำที่พระองค์ตรัสไว้ว่า "พอกันที อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เราจะไม่ใส่ใจอีกต่อไป |
ไม่ว่าจะเป็นตัวเรา หรือใครๆ .น่าละอายนัก กษัตริย์ผู้ปราชัย" จากนั้นไม่นาน |
พระเจ้าเฮ็นรีที่ 2 ผู้สิ้นหวังทรงสิ้นพระชนม์ในที่บรรทม และเจ้าชายริชาร์ดขึ้นครองราชย์ |
เจ้าชายจอห์นก็เจริญรอยตามขัติยประเพณีด้วยการพยายามล้มล้างพระเชษฐาหลายครั้ง |
แต่ก็ได้รับการอภัยโทษทุกครั้ง จวบจนเจ้าชายริชาร์ดสิ้นพระชนม์ในสมรภูมิเมื่อปี ค.ศ. 1199 |
เจ้าชายจอห์นจึงได้ขึ้นครองบัลลังก์สมความปรารถนา |
ย้อนกลับมาเรื่องของพระเจ้าเฮ็นรีที่ 4 หลังจากที่ทรงถูกพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ผู้เป็นพระญาติ |
ิเนรเทศไป สบโอกาสที่พระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ไปพำนักอยู่ที่ไอร์แลนด์ จึงทรงย้อนกลับมา |
ช่วงชิงบัลลังก์ แล้วสั่งสังหารพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 จึงนับได้ว่าพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ทรงเป็น |
เหยื่อรายแรกของสงครามดอกกุหลาบ ซึ่งเป็นสงครามนองเลือดล้างราชวงค์ระหว่าง |
ราชวงศ์แลงคาสเตอร์ และราชวงศ์ยอร์ค ที่ต่อสู้กันยืดเยื้อเป็นระยะเวลายาวนาน |
พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 4 ก็ทรงดำเนินกลยุทธเช่นเดียวกันนี้กับพระเจ้าเฮ็นรี่ที่ 6 ผู้เป็นพระญาติ |
แล้วขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระองค์แรกของราชวงศ์ยอร์ค ส่วนพระเจ้าเฮ็นรีที่ 8 |
ทรงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ชิงบัลลังก์ดังที่เคยเป็นมา จึงทรงสั่งประหารพระญาติ |
ทุกพระองค์ที่มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์อย่างไร้คุณธรรม ไม่เว้นแม้แต่มากาเร็ตผู้เป็น |
เคานเตสส์แห่งซาลิสเบอรีซึ่งมีวัยใกล้ 70 ปี นางต่อสู้ขัดขืนบนตะแลงแกง วิ่งวนรอบๆ |
แท่นประหารหนีเพชรฆาตผู้ไล่ตัดศีรษะของนาง แต่ในที่สุดก็ถูกฟันจนถึงแก่ความตาย |
พระนางแมรีและพระนางอลิซาเบธ ธิดาทั้งสองพระองค์ของพระเจ้าเฮ็นรีที่ 8 ก็ทรง |
เจริญรอยตามประเพณีนิยมเช่นกัน กล่าวคือ พระนางแมรี ธิดาในพระนางแคเธอรีนแห่ง |
อารากอน มเหสีองค์แรกของพระเจ้าเฮ็นรีที่ 8 ทรงเกลียดชังที่พระนางอลิซาเบธผู้เป็น |
ขนิษฐาต่างพระมารดาในพระนางแอน โบลีน ที่ได้ครองตำแหน่งมเหสีแทนที่พระมารดา |
ของตน นอกจากทรงเคียดแค้นแทนพระมารดาแล้ว พระนางแมรีผู้ทรงเป็นคาธอลิก |
ยังทรงหวั่นเกรงว่าพระนางอลิซาเบธผู้ทรงเป็นโปรแตสแตนท์ จะคิดล้มล้างบัลลังก์ |
ของพระนาง และยังเกรงว่าจะซ่องสุมพวกโปรแตสแตนท์ก่อการกบฏ จึงทรงกักบริเวณ |
พระนางอลิซาเบธให้อยู่เฉพาะในราชฐาน และในเวลาต่อมาได้ส่งไปคุมขังที่ |
ป้อมปราสาทแห่งกรุงลอนดอนอันน่าสะพรึงกลัว พร้อมทั้งให้รัฐสภาประกาศว่า |
พระนางอลิซาเบธเป็นลูกนอกสมรส อีกทั้งขู่ว่าจะสำเร็จโทษ หรือเนรเทศออก |
นอกราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม พระนางอลิซาเบธทรงมีพระชนม์ยืนนานกว่าพระนางแมรี |
และทรงได้สืบทอดมงกุฏในเวลาต่อมา ทั้งยังได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็น |
"ราชินีเบสส์ผู้ครองใจประชาชน" |
ศตวรรษต่อมา พระนางแมรีที่ 2 และพระนางแอน สองราชินีพี่น้อง ทรงวิวาทกันอย่างรุนแรง |
เกี่ยวกับการเลือกพระสหายของพระนางแอน ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น ทรงเป็นพี่น้องที่ |
กลมเกลียวปรองดองเพื่อผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยร่วมมือกันล้มล้างบัลลังก์ของ |
พระบิดา พระเจ้าเจมส์ที่ 2 |
ในบรรดาเรื่องน่ารังเกียจภายในราชวงศ์ต่างๆ ไม่มีราชวงศ์ไหนเกินกว่าราชวงศ์แฮนโอเวอร์ |
ในช่วงศตวรรษที่18 และ 19 ความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับโอรสมีแต่ความเลวร้ายและขมขื่น |
อาจเนื่องจากว่า กษัตริย์ทั้งหลายทรงเห็นว่าบรรดาโอรสเหมือนหอกข้างแคร่ที่คอยจะ |
สืบทอดบัลลังก์ หรืออาจเพราะว่าต่างฝ่ายต่างก็จ้องที่จะโค่นล้มซึ่งกันและกัน นับตั้งแต่ |
พระเจ้าจอร์จที่ 1 พระองค์ไม่อาจทนพบหน้าของพระเจ้าจอร์จที่ 2 ในอนาคตไม่ได้ |
ที่จริงแล้ว ทั้งสองพ่อลูกไม่ค่อยจะได้พบปะกันสักเท่าใด ยกเว้นในราชพิธีสำคัญๆเท่านั้น |
แต่ทุกครั้งที่พบกันก็มักจะปะทะกันอย่างดุเดือด จนกระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่งที่องค์กษัตริย์ |
ทรงบัญชาให้จับกุมเจ้าชายจอร์จ ส่วนเจ้าชายจอร์จถึงกับแยกออกไปตั้งราชวังแข่งกับ |
พระบิดา และกิจกรรมบันเทิงหลักของราชวังแห่งนี้คือการแสดงล้อเลียนกษัตริย์ |
โดยเฉพาะเรื่องที่พระองค์โปรดปรานเหล่าสนมนางกำนัลที่อ้วนอัปลักษณ์เป็นพิเศษ |
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าจอร์จที่2 กับเจ้าชายเฟรเดอริคพระโอรสนั้น |
หยาบกระด้างยิ่งนัก พระองค์เคยตรัสว่า "บุตรชายคนโตของเราโง่เง่าที่สุด |
ขี้ปดมดเท็จ ต่ำทราม และป่าเถื่อนที่สุดในโลก เราอยากให้เขาหายไปจากโลกนี้จริงๆ" |
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าจอร์จที่2 ได้ทรงล้มเลิกการเจรจาสู่ขออภิเษกระหว่างเจ้าชายเฟรเดอริค |
กับเจ้าหญิงแห่งปรัสเซียพระนางหนึ่ง โดยทรงตั้งข้อสังเกตว่า "เราไม่คิดว่า |
การต่อกิ่งเจ้าทึ่มของเราเข้ากับผู้หญิงบ้าคนหนึ่ง จะช่วยให้ได้พันธุ์ที่ดีขึ้นมาได้" |
ในขณะที่ เจ้าชายเฟรเดอริคก็ให้นิยามพระบิดาว่าทรงเป็น "คนเอาแต่ใจตัว หัวดื้อ |
เจ้าระเบียบ จอมงก หมกมุ่นในกามคุณไม่รู้จักอิ่ม" |
เรื่องบาดหมางกันระหว่างพระบิดากับโอรส ยังดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงรัชสมัยของพระเจ้า |
จอร์จที่ 3 ไม่เพียงแค่ทรงสูญเสียอาณานิคมในอเมริกาไปจนหมดสิ้นเท่านั้น พระองค์ |
ยังทรงได้รับความอัปยศจากการกระทำของเจ้าชายจอร์จ พระโอรสผู้สำเร็จราชการ |
แทนพระองค์อีกด้วย เนื่องจากเจ้าชายได้เที่ยวไปตามแหล่งบันเทิงสโมสรต่างๆ |
ทั่วกรุงลอนดอน และแสดงกิริยาล้อเลียนพระอาการบ้าคลั่งเสียสติของพระบิดา |
ที่พูดเพ้อเจ้อ น้ำลายยืด จนเป็นที่ชอบใจของผู้พบเห็น |
นับว่าพระเจ้ายังทรงเมตตา พระเจ้าจอร์จที่ 4 ทรงไม่มีโอรสเลย |
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น