ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF.PROJECT] Evil's Story. : WONKYU

    ลำดับตอนที่ #32 : [SF] Zombie Mayby In Love #HBD Choi Siwon :)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      1
      18 เม.ย. 56

    Zombie Maybe In Love

     

    บอกผมที ว่านี่มันคือความฝัน... ผมอาจกำลังฝันไปน่ะนะ ฝันว่าที่ๆ ผมยืนอยู่ตรงนี้ เหลือผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่...จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกไปซะทีเดียวหรอก... เพราะร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงข้ามผมด้วยใบหน้าซีดเซียวราวกับไร้โลหิตหล่อเลี้ยง เขาไม่พูดจา ซ้ำยังจ้องมาที่ผมราวกับ...หิวกระหาย ดวงตาของเขามันไม่ฉายแววใดๆ ใช่...เขาน่ะอาจตายไปแล้ว ทำไมผมถึงบอกว่าเขาตายน่ะหรอ ก็คนตรงหน้าผมน่ะ เขาเป็น...ซอมบี้หนิ!

                ผมไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าตัวผมจะยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของหมู่บ้านห่างไกลแห่งหนึ่ง ผมผลัดหลงกับคณะเดินทางทัศนศึกษาของมหาลัยฯ มันเป็นเรื่องโชคร้ายที่สุดในชีวิตที่ผมหาทางออกจากหมู่บ้านร้างผู้คนนี่ไม่ได้ สิ่งที่ผม...โจ คยูฮยอน ได้สัมผัสไม่ได้ต่างไปจากภาพยนตร์สยองขวัญไปแต่อย่างใด ผิดก็แต่ไม่มีผีสางนางไม้ลุกจากหลุมศพขึ้นมาวิ่งไล่บีบคอ แต่หากมีตัวประหลาดยืนจ้องหน้ากันอยู่...ร่างกายของผมมันมีอุณหภูมิที่ต่ำลงทุกที นั่นเพราะความกลัวที่เกาะคลุมไปทั้งจิตใจ อากาศที่นี่มันหนาวมากแต่น่าแปลกที่ผมกลับมีเหงื่อโทรมกาย เจ้าของร่างโงนเงนเหมือนไร้ชีวิตอยู่ห่างจากผมเพียงไม่กี่ก้าว รอบข้างเต็มไปด้วยดินทราย ฝุ่นขวัญที่เกิดจากแรงลม และกลิ่นของความกลัว ซึ่งแน่นอนมันอาจโชยมาจากตัวผมเอง...

                “ออกไปห่างๆ ฉันนะ ไอ้ตัวประหลาด” ผมพยายามกลั่นกรองคำพูดให้ฟังดูมีอำนาจที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนมือก็คว้าเอาท่อนไม้ที่ตกอยู่ข้างๆ ขึ้นมาถือไว้ป้องกันตัว ไอ้ซอมบี้(?)ตรงหน้าเขาเหมือนจะเข้าใจผมนะ กระนั้นก็เถอะมันกลับไม่มีท่าทีใดที่จะทำตามคำสั่งของผมที่บอกว่า ให้ออกไปห่างๆ ร่างสูงตัวซีดมีรอยบาดแผลและคราบเลือดกรังๆ สาวเท้าเข้ามาหาผมช้าๆ พระเจ้า...มันเหมือนในหนังมากเกินไปรึเปล่า ไอ้หมอนี่มันคือซอมบี้อย่างไม่ต้องสงสัย มันส่งเสียงครางฮือๆ ใส่ผม ฝ่ามือของมันราวกับจะไขว้คว้าผม...ไปเป็นเหยื่อของมันเสียให้ได้!

                “หนี....ไป.......” ผมนึกฉงนกับคำพูดของมัน...ร่างสูงใหญ่ภายใต้เสื้อผ้าเปรอะฝุ่นก้าวมาหยุดตรงหน้าผม เขาหายใจแรงมากเสียจนผมตกใจ ลมหายใจของไอ้หมอนี่ยังมีความอุ่นอยู่แม้มันอาจจะอุ่นน้อยกว่ามนุษย์ปกติ ผมปั้นหน้าหงิกใส่ซอมบี้ตรงหน้า และไม่เข้าใจในสิ่งที่มันต้องการจะสื่อ ฉะนั้นท่อนไม้ในมือผมถึงได้ยังคงชี้หน้าซีดๆ นั่นไว้อยู่

                “นายหมายความว่ายังไง?”

                “หนะ หนี....”

                “?”

                “ไม่....ปละ ปลอดภัย สำหรับ.....คุณ....”

                “ไม่ปลอดภัยก็เพราะนายไม่ใช่หรือไง?”

                “ไม่....ทะ ทัน ละแล้ว...!

                “เฮ้ย!!!!!!!!!!!!

    โจ คยูฮยอน.... นายนี่มันโง่ชะมัดเลยว่ะ!!!  ไอ้ซอมบี้มันพยายามเตือนผมสินะ เตือนว่าผมไม่ควรอยู่ที่นี่เพราะที่แห่งนี้มันยังมีซอมบี้อีกเป็นโขยงที่พร้อมจะเขมือบสมองของผมน่ะ!!! ฝูงซอมบี้พุ่งตรงมายังพวกเราที่ยืนเคว้งไม่มีจุดหมาย จนตอนนี้ผมก็ชักไม่แน่ใจแล้วล่ะว่าจุดหมายของความปลอดภัยของผมมันอาจริบหรี่ลงทุกที! ฝ่ามือเย็นๆ เอื้อมมารั้งข้อมือของผมในทันที ก่อนเขาจะดึงผมให้เข้าไปอยู่ในอ้อมอกเปื้อนๆ กรังๆ ของเขาแถมกลิ่นยังไม่พึงประสงค์อีกตะหาก ไอ้ซอมบี้ที่ผมเพิ่งจะสังเกตว่าหน้าตาก็หล่อเหลาใช้ได้ถ้าไม่นับรอยแผลบากบนใบหน้าหันไปขู่ด้วยเสียงครางดังๆ ของมัน ฝูงซอมบี้ตรงหน้าน่าเกลียดกว่าหมอนี่ล้านเท่าเถอะให้ตาย! อย่างน้อยความโชคดีบนความโชคร้ายก็คือการที่ผมได้เจอไอ้ซอมบี้ตัวนี้ดีกว่าไปเจอซอมบี้หน้าตาน่าเกลียดตัวอื่น ผมไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าการครางฮือๆ หรือการขู่ด้วยเสียงไม่ได้ศัพท์ ไอ้พวกซอมบี้มันจะสื่อสารกันยังไง...สุดท้ายแล้วการที่จู่ๆ ไอ้ซอมบี้หน้าหล่อก็เลื่อนใบหน้าลงมาใกล้ๆ คอของผม มันทำตานิ่งใส่ผม(จะว่าไปตาของพวกมันก็ไม่มีแววหนินะ) มันทำท่าจะกัดผม แต่มืออีกข้างของมันที่เหมือนกับเปื้อนเลือดสีคล้ำๆ ก็ยกขึ้นป้ายเลือดที่ว่าลงบนลำคอลามไปถึงแก้มของผม...

    ผมหลับตาแน่นเมื่อรู้สึกถึงเขี้ยวหรืออะไรก็ตามแต่ที่จ่ออยู่บริเวณลำคอ...โอเค ผมรู้เป็นแน่แท้ว่าอีกไม่กี่ชั่วอึกใจ ผมอาจกลายเป็นเหมือนไอ้หมอนี่! หูของผมได้ยินเสียงของการจากไปของฝูงซอมบี้ เหลือเพียงแต่ผมกับเขาอีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ผมลืมตาและพบว่าเขาไม่ได้ใช้ฟันคมๆ กัดที่ส่วนใดของผมเลยแต่อย่างใด ดวงตาไร้แววนั้นจ้องมองผมนิ่งๆ ผมพบว่าตัวเองกำลังอยู่ใกล้กับซอมบี้ที่ดูเหมือน...จะแตกต่างไปจากซอมบี้ตัวอื่นอย่างเห็นได้ชัด...

    แปลกจริง...หมอนี่ตัวอุ่นขึ้นเรื่อยๆ

    ผมได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นตุ้บๆ ตุ้บๆ และตุ้บๆ...

    เขายังไม่ตายงั้นสิ!!!

     

     

    “ฉันชื่อ คยูฮยอน โจ คยูฮยอน แล้ว...นายชื่ออะไร...”

    “....”

    “แล้วเป็นซอมบี้ได้ยังไง”

    “....”

    “พูดไม่ได้หรอ...”

    “....”

    “ช่วยฉันไว้ทำไม”

    “....”

    “ไม่อยากกินสมองฉันหรอ?”

    “.....”

    “รู้ทางออกจากหมู่บ้านนี่ไหม?”

    “....”

    “ตอบสิ!

    ทันทีที่ผมตบมือลงบนโต๊ะเก่าๆ ภายในบ้านร้างที่หมอนี่พาผมมาหลบซ่อนตัวจากซอมบี้ตัวอื่นๆ เขาก็สะดุ้งสุดตัว...ซอมบี้อะไรกัน ตกใจง่ายชะมัด! เขากระพริบตาเลิกลั่กทำตัวไม่ถูกที่ผมขึ้นเสียงใส่เขาเมื่อครู่ เขาอาจรู้สึกน่ะนะว่าผมกำลังหงุดหงิดเต็มทนที่ไม่ได้คำของจากปากหมอนี่สักที และเมื่อผมทำท่าจะเดินหนีเขาไป ไอ้ซอมบี้หน้าหล่อก็รั้งมือของผมไว้ พร้อมกับทำหน้าตาน่าสงสาร(อย่าบอกนะว่าอ้อนเขาอยู่ ขนลุก!)

    “อยะ อย่าไป...” การที่หมอนี่จะพูดออกมาได้สักคำ ดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องยากลำบาก...ลิ้นของเขาอาจตายหรือไร้ประสาทรับรู้ไปแล้วงั้นหรอ การเป็นซอมบี้น่ะมันทำให้ร่างกายของคนเราตายไปอย่างช้าๆ งั้นสิ...ผมเลิกคิ้วมองหน้าซอมบี้ตัวโตที่นั่งงอตัวจนเสียบุคลิก สุดท้ายโจ คยูฮยอนคนนี้ก็ต้องนั่งลงที่เดิม ดวงตาของผมก็ทำหน้าที่จ้องหน้าไอ้ซอมบี้ตัวนี้กลับมั้ง

    “ก็พูดได้หนิ...ทำไมไม่ตอบฉันล่ะ”

    “อะอือ....” ไอ้ซอมบี้พยักหน้ารับช้าๆ บางทีเขาอาจจนใจในความดื้อดึงของผม ผมกระตุกรอยยิ้มนิดหน่อยก่อนจะนั่งชันขากอดเข่า มองใบหน้าซื่อๆ ของซอมบี้ไหล่ตกตรงหน้า

    “นายชื่ออะไร”

    “จะ จำ....ไม่ได้...”

    “จำไม่ได้เลยสักนิด? เลยหรอ?” ซอมบี้หน้าซื่อทำสีหน้าเหมือนครุ่นคิดอยู่สักครู่ ก่อนจะเงยหน้ามองตาผม

    “ซ....ซะ” เสียง ซ ที่ถูกครางออกมาจากริมฝีปากซีดๆ อดไม่ได้ที่จะทำให้ผมเดาคราวๆ ว่าชื่อของผมนี้อาจขึ้นต้นด้วยตัว ซ โธ่...ชื่อขึ้นตัวด้วยตัว ซ มีเป็นล้าน...ผมคงเดาออกน่ะนะ!

    “ซูฮยอน โซยัง เซโร ซึงกี ซึงฮยอน ซึงโฮ ซูมาน ?”

    “ไม่....ใช่”

    โอเค...ผมยอมแพ้เรื่องชื่อของหมอนี่...รอเขาจำได้เองล่ะกัน -____-

    “แล้ว...ช่วยฉันไว้ทำไม?” นี่คงเป็นคำถามที่ค้างคาใจผมที่สุดในตอนนี้ ผมกอดอกมองหน้าเอ๋อๆ ของเขา อ่า...จะบอกเลยนะ ว่าตอนนี้ผมไม่กลัวหมอนี่แล้วล่ะ(อื้ม ก็อาจจะน่ะครับ = =) เจ้านี่ก็แค่ซอมบี้ขี้หงอเท่านั้นนั่นแหละ! ดวงตาคมๆ สีชากระพริบปริบ หมอนี่กำลังนึกคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตาย...ถ้าผมเดาไม่ผิด เขาอาจกำลังพยายามกลั่นกรองคำพูดที่เอื้อต่อการพูดแบบติดๆ ขัดๆ ล่ะมั้ง และเมื่อผมจ้องเขาหนักเข้า ซอมบี้ตัวโตก็ทำได้เพียงหลบสายตาของผม เขาก้มหน้างุดจนเกือบจะชิดอก

    “ชะ....ชอบ คุณ.... ผม ชอบ....คุณ”

    “ก็แค่เนี้ย! คิดอยู่ได้ตั้งนาน...” เมื่อกี้ไอ้ซอมบี้มันบอกว่าอะไรนะ... ชอบ ชอบผม?

    “....” ...เขินทำไมล่ะวะไอ้ซอมบี้!

    “งั้นก็ ขอบคุณ...” ถ้าผมมองไม่ผิด...ใบหน้าซีดๆ นั่นกำลังเผยยิ้มจางๆ รูปหน้ามีรอยบากตรงแก้มกำลังส่งยิ้มมาให้ผม พร้อมด้วยลักยิ้มน่ามอง(ถ้าไม่นับรวมความน่ากลัวในแบบซอมบี้ ผมก็คิดว่าหมอนี่หน้าตาดีใช่ได้!)

    เดี๋ยวสิ!!!

    ไม่นะ!! นี่ไม่ตลกเลย...ที่ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวๆ เพราะซอมบี้หน้าหล่อตรงหน้าน่ะ!!!

     

    --------------

     

    ขอบคุณคุณเหมือนกัน...ที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอีกครั้ง

    ผมน่ะเป็นซอมบี้...คุณคนน่ารักคนนั้นเข้าใจถูกแล้วล่ะ แต่สิ่งเดียวที่เขาอาจยังไม่รู้แน่ชัดเกี่ยวกับตัวผม และผมเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่าบางที ซอมบี้อย่างผม...อาจกำลังจะฟื้นคืนชีพ! อ่า...ผมอาจเพ้อเจ้อก็ได้นะ แต่มาลองคิดๆ ดูอีกที...ผมคิดว่าร่างกายของผมมันกำลังเปลี่ยนไป แถมมัน...ยังเปลี่ยนไปในทางที่ดีเสียด้วย ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองมันกลับมาเต้นอีกครั้ง ผมรู้สึกว่าตัวเองสามารถพูดได้มากกว่าเมื่อก่อน อ้อ หมายความว่า...มากกว่าการครางฮือๆ ในลำคอน่ะครับ...มันเป็นการสื่อสารเฉพาะซอมบี้ นานๆ ครั้งเราถึงจะสามารถเอ่ยคำพูดสักพยางค์ได้...

    ผมต้องขอบคุณ...โจ คยูฮยอนนะ... เพราะอะไรน่ะหรอ?

    บางทีผมก็คิดว่าตัวเองเป็นซอมบี้ที่โง่เง่าชะมัด ผมเกือบจะฆ่าเขาเพื่อเอาสมองของคนๆ นั้นมากินเพราะความกระหายหิวอยู่แล้วเชียว ผมพยายามติดตามเขาอยู่ห่างๆ ตั้งแต่เจ้าของร่างโปร่งหลงทางเข้ามาในหมู่บ้านร้างแห้งนี้ จวบจนเมื่อผมคิดว่า ความหิวมันกำลังจะครอบคลุมทุกการกระทำ ร่างของผมถึงได้กระโจนไปยังเขาแต่เพราะดวงตาคู่กลมโตที่มองยังผมด้วยความตื่นตระหนก ความกลัว ความสับสน มันฉายผ่านแววตาคู่นั้น...มันแปลกที่ผมรู้สึกได้ ทั้งที่เมื่อก่อนผมแทบจะไม่มีความรู้สึกและ...ตุ้บๆ ตุ้บๆ

    หัวใจของผมมันขยับเต้นเป็นจังหวะช้าๆ ช้าๆ และมันก็เร็วขึ้นๆ และเร็วขึ้น!

    หัวใจของผมมันเต้นถี่ เพราะ โจ คยูฮยอน...

    อะไรบางอย่างมันดังในหัวของผม...

    ผมชอบเขา...ผมชอบเขา ผมชอบเขา!!!!

    ฉะนั้นแล้ว...การที่ผมช่วยเขาเอาไว้จากฝูงเพื่อนซอมบี้ของผม และ...ไม่อยากให้เขาออกจากหมู่บ้านซอมบี้ไปในตอนนี้ก็เพราะ...สิ่งที่ผมบอกไปในตอนแรกนั่นแหละ

    หัวใจมันเรียกร้องล่ะมั้งครับ แหม่...............

    มนุษย์เพียงคนเดียวและเป็นคนแรกที่ผมไม่คิดจะทุบสมองของเขามาเขมือบกำลังนอนหลับอยู่มุมหนึ่งของบ้านร้างแห่งนี้ ผมนั่งมองเขาหลับอยู่แบบนี้มาได้สักพักแล้วล่ะครับ...ซอมบี้น่ะ หลับไม่เป็น ฝันไม่ได้ ไม่มีชีวิตและจิตใจ ร่างกายของผมมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากศพเดินได้หรอก ซีดขาว เส้นประสาทชักกระตุกเป็นบางครั้ง การเดินเหินก็แสนจะเชื่องช้า น่าเกลียด...น่ากลัว... ผมลุกขึ้นยืนช้าๆ และเดินตรงไปยังบานกระจกที่แตกเป็นรอยร้าว เฝ้ามองตัวเองที่กำลังทำหน้ายิ้มเจื่อนๆ อยู่ในนั้น...ผมมันตัวประหลาดดีๆ นี่เองสินะ... ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง...จำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อของตัวเอง เสียง ซ คือสิ่งที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากทุกครั้งที่พยายามนึกถึงชื่อของตัวเอง ผมสวมเสื้อยืดสีดำสนิท แต่มันก็เลอะฝุ่นจนอาจกลายเป็นสีเทา กางเกงยีนส์ก็มีรอยขาดนิดหน่อย ผมมันดูไม่จืด...

    แล้วอย่างนี้...จะเอาอะไรไปทำให้คุณคยูฮยอนเขาคิดจะสนใจผมล่ะ...

    ผมมันคง...หวังมากไปสินะครับ...

    “เป็นอะไรน่ะ...นายทำหน้าน่าสงสารเชียวนะ” เสียงที่เอ่ยเรียกจากด้านหลังทำให้สะดุ้งตัว คนน่ารักยิ้มขำก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ผม เขาดูดีแถมยังน่ารักมากๆ แม้ภาพที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานร้าวจะทำให้เห็นถึงความมอมแมมของเจ้าของรอยยิ้มสดใสนั่นก็ตาม...

    “ไม่....นะ นอน หระ.......หรอ” ให้ตายสิ...กว่าผมจะพูดออกมาได้แต่ละคำก็ทำเอาคยูฮยอนถึงกับหาวนอนอีกรอบ... เหมือนเขารู้ว่าผมคิดอะไร คุณคนน่ารักถึงได้ส่ายหน้านิดๆ

    “หาวไปงั้นแหละ อันที่จริงก็ไม่ค่อยง่วงแล้วล่ะ...นอนไม่หลับด้วย คิดถึงบ้านมากไปหน่อย... นี่! นายไม่รู้ทางที่ออกจากที่นี่เลยหรอ?” ไม่นะ...ผมยังไม่อยากให้คุณไปไหน! เสียงของผมมันกู่ร้องอยู่ในหัว

    “ไม่....ระ รู้” ผมโกหกคำโตเลยล่ะ อันที่จริง...ว่าผมรู้ว่าทางออกของหมู่บ้านอยู่ที่ไหน มันห่างจากที่นี่ไปราวๆ 1 กิโมเมตร...ทางออกจากหมู่บ้านจะเชื่อมต่อไปยังหมู่บ้านหนึ่ง....ซึ่งนั่นคือที่ของมนุษย์ธรรมดา ถ้าคยูฮยอนออกจากที่นี่ด้วยเส้นทางนั้น เขาก็จะสามารถหลุดออกจากหมู่บ้านซอมบี้อันแสนอันตราย แต่กระนั้นก็เถอะ...การที่คยูฮยอนกลับเข้าหมู่บ้านของมนุษย์ไป เขาอาจถูกสงสัยว่าเป็นซอมบี้ แน่นอนว่าอาจถูกคนพวกนั้นทำร้ายเพราะถูกเข้าใจผิดเช่นกัน...

    ผมเป็นห่วงเขามากนะครับ ถึงแม้อีกใจจะอยากให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไป แต่อีกใจนึง ผมก็สงสารเขาที่ต้องทนอยู่กับซอมบี้น่าเกลียดอย่างผม คยูฮยอนควรได้อยู่ที่โลกของเขา...ผมก็ควรอยู่โลกของผม...

    พระเอกใช่ไหมล่ะ!

    บอกเลยนะครับว่าตอนนี้ผมยังไม่พร้อมเป็นพระเอก..........!!!

    ขอผมอยู่กับคนน่ารักอีกสักหน่อยนะ!

    “นี่...ฉันหิว” ผมเลิกคิ้วมองเขานิดๆ คยูฮยอนเอามือลูบท้องของตัวเองสักครู่ผมก็ได้ยินเสียงข้างในท้องของเขาประท้วงหนักเข้า และเมื่อเจ้าของใบหน้าน่ารักเหลือบมองหน้าเอ๋อๆ ของผม เขาก็ถึงกับถอนหายใจพรูใหญ่ และกล่าวประโยคเมื่อกี้ซ้ำ “ฉันหิว...นายเข้าใจที่ฉันพูดไหม?”

                “อือ...” ผมพยักหน้ารับน้อยๆ และพยายามนึกถึงแหล่งอาหารของมนุษย์ธรรมดา...

                “นายจะให้ฉันกินสมองหรือเครื่องในสัตว์สดๆ แบบนายไม่ได้หรอกนะ...อื้ม...แค่บอกไว้น่ะ เผื่อนายอาจไม่รู้”

                “มะ มา...กับ ผม...” ผมคว้ามือของคยูฮยอน และเดินจูงมือเขาออกจากบ้านหลังเล็กตรงนี้...ผมใช้ความสามารถบวกกับความพยายามเป็นอย่างมากในการก้าวฝีเท้าในแต่ละก้าวให้เร็วกว่าปกติ...มันเป็นเรื่องยากสำหรับซอมบี้เชียวล่ะกับการใช้ชีวิตรวดเร็วและมีชีวิตชีวา ผมสูดหายใจลึกและก้าวเดินไปตามทางร้างผู้คนในช่วงใกล้สว่าง...คยูฮยอนกำลังหัวเราะผมน่ะครับ ผมได้ยินเสียงเขากลั้นหัวเราะไว้เสียเต็มประดา เหมือนคนน่ารักคนนี้จะใช้ความอดทนมากทีเดียวกับการรักษามารยาทต่อซอมบี้อย่างผม ผมชะงักขาที่เดินนิดหน่อยพลางหันไปเหลือบสายตามองเขา...คยูฮยอนหยุดหัวเราะในทันทีแถมยังเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ...

                ผมพลาดอีกแล้วสินะครับ... -___-

                ลืมไปเสียสนิทว่าหน้าตาซอมบี้ๆ อย่างผม ไม่ได้ดูน่ามองสักเท่าไหร่

                “ฉันทำให้นายไม่พอใจรึเปล่า?”

                “ปะ เปล่า......เลย” ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธ มุมปากยกยิ้มให้เขาเล็กน้อย ซึ่งแน่นอน...มันอาจเป็นยิ้มที่น่ากลัวไปสักนิด

                “ค่อยโล่งอก...ฉันก็นึกว่านายจะหันมาทุบสมองฉันซะอีกโทษฐานที่แอบหัวเราะนายน่ะ”

                ผมจะทุบสมองคุณมากินได้ยังไง...ผมชอบคุณนะครับ ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก นี่มันคือประโยคที่ผมอยากพูด มันมีใจความที่ยาวเกินไปหน่อยผมถึงได้แต่ตอบเขาอยู่ในใจ ส่วนความเป็นจริง ผมกลับตอบเขาด้วยประโยคสั้นๆ ที่การออกเสียงกินแรงผมไปเสียมาก!

                “ไม่...ทะ ทำ หรอก....”

                “ดูนั่นสิ!” เสียงร้องของคยูฮยอนบวกกับท่าทางกระตือรือร้นของเขาทำให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเองที่พยายามจะเอ่ยคำพูดกับเขาต่อ...ร่างโปร่งจูงมือผมให้ก้าวตรงไปยังร้านขายของชำปลอดผู้คนที่อยู่ห่างจากพวกเราไม่มาก เขาหัวเราะกับภาพที่เห็น...ร้านขายของชำที่ของยังอยู่ในสภาพดี มันอาจมีฝุ่นเปรอะไปบ้าง แต่ก็นับว่ายังโอเค...คยูฮยอนทิ้งผมให้ยืนเคว้งอยู่หน้าร้าน ในขณะที่เจ้าตัวเดินสำรวจและอาจกำลังหาอาหารที่จะสามารถรับประทานได้ “ฉันคิดว่าที่นี่อาจร้างมาไม่ถึงปีนะ...นายคิดว่าไง ทุกอย่างในนี้ยังอยู่ในสภาพดีเลยด้วยซ้ำ อาหารกระป๋องก็ยังไม่หมดอายุ!

                “อื้อ...ชะ ใช่ มะมั้ง...”

                “จะยังไงก็ช่าง...ฉันคิดว่าฉันหาของกินกันตายได้ก็พอแล้วล่ะ” คยูฮยอนนั่งลงกับพื้นก่อนจะพยายามเปิดฝาอาหารกระป๋อง แต่ก็ดูเหมือนจะเปิดยากเสียจนเจ้าตัวทำหน้าหยิก ผมยื่นมือไปขอกระเป๋านั่นและเมื่อมือขาวๆ ยื่นส่งมาให้ผม การเปิดฝากระป๋องเพียงบีบมันและแงะด้วยพละกำลังนิดหน่อย กลิ่นอาหารในกระป๋องที่ยังไม่เน่าบูดแถมยังน่ากินเอามากๆ ก็ถูกส่งกลับไปยังมนุษย์น่ารักตรงหน้า

                เขาดูน่ารักทุกอิริยาบถเลยนะครับ ไม่ว่าจะตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารกระป๋องเพราะความหิวจนเรียวปากเปรอะนิดหน่อย หัวใจของผมมันเต้นแรงขึ้นพลางเอื้อมมือไปใช้นิ้วเกลี่ยคราบซอสออกจากกลีบปากสีระเรื่อ ดวงตาคู่โตเบิกมองผมก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่น

                “ตอนนี้นายไม่หิวหรอกใช่ไหม? เออ หมายความว่า คงไม่นึกอยากจะกินสมองฉันแล้วใช่ไหม?” จู่ๆ คยูฮยอนก็เอ่ยถามผมพลางช้อนสายตามองกันนิดๆ เขากลืนอาหารที่เพิ่งจะตักเข้าปากอย่างช้าๆ ผมรู้สึกได้ว่าคยูฮยอนยังเหลือความกลัวที่มีต่อผมอยู่มากเชียวล่ะ ถึงแม้บางทีเขาจะแกล้งทำเป็นไม่กลัวผมก็ตาม...ผมส่งยิ้มไปให้เขา...(ผมคิดว่าครั้งนี้ผมอาจยิ้มได้ดูดีขึ้นมาหน่อยเพราะมันไม่ได้รู้สึกฝืนที่ริมฝีปากเท่าไหร่น่ะครับ) ถ้าถามว่าหิวไหม...คงต้องตอบเลยครับ ว่าตอนนี้ไม่หิวเลย...อันที่จริงต้องบอกว่าเมื่อวันก่อนที่ผมจะเจอคยูฮยอน ผมเขมือบลูกแกะที่วิ่งหลงเข้ามาในหมู่บ้านไปทั้งตัวแล้ว(ผมไม่อยากฆ่ามันนะแต่ความหิวมันห้ามไม่ได้) อีกอย่างผมก็ต้องขอบคุณไอ้ลูกแกะที่อย่างน้อยในวินาทีต่อมามันก็ไม่ได้สร้างความหิวอีกต่อไปตั้งแต่ผมได้สบตากับคนน่ารักคนนี้...

                มั่นใจเถอะครับว่ายังไงผมก็จะไม่ทำร้ายคุณแน่ใจ ความในใจผมบอกแบบนั้น...

                “ผม....ไม่ทำร้ายคุณ”

                “เฮ่! นี่นายพูดชัดขึ้นนะ เก่งจังเลยน๊านายเนี่ย...” เขาดูตกใจมากเมื่อได้ยินผมพูดด้วยประโยคที่ไม่ค่อยติดขัดแล้ว... คนตรงหน้าผมเผยยิ้มกว้าง วินาทีนั้น...ร่างกายของผมราวกับมีเลือดสูบฉีดฉับพลัน... ผมใจเต้นแรงพลางมองดวงตาคู่โตคล้ายแมวคู่นั้นอย่างไม่วางตาแม้คยูฮยอนจะก้มหน้าก้มตากลับไปตั้งใจทานอาหารกระป๋องต่อแล้วก็ตาม... ไม่อยากจะเชื่อ... ผมคิดว่าผม กำลังจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งจริงๆ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั่นก็เพราะ...โจ คยูฮยอน

               

    --------------

     

                มนุษย์ตัวขาวรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวสักเท่าไหร่...นั่นเพราะเขาไม่ได้อาบน้ำมาสองวันแล้วน่ะสิ! โจ คยูฮยอนติดอยู่ในหมู่บ้านร้างโดนมีซอมบี้ตัวโตตามติดเป็นเงา เขาอยู่ในสายตาของเจ้าซอมบี้ที่ออกเสียงชื่อของตัวเองด้วยตัว ซ เกือบจะตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ มันไม่ได้น่าอึดอัดหรอกนะ...แต่การที่ถูกใครสักคนจ้องการกระทำของเราทุกฝีก้าว...คยูฮยอนคิดว่า...มันไม่ค่อยจะเข้าท่าน่ะ

                “นายไปทำอย่างอื่นบ้างก็ได้นะ...คือ ไปเดินเล่น หรืออ่านหนังสือ นอนพักสายตา อะไรแบบนี้...” เด็กหนุ่มพูดกับซอมบี้ตัวซีดที่จ้องหน้าเขากลับด้วยท่าทีเหรอๆ หราๆ มันอาจดูน่าตลกแถมไม่ต่างอะไรไปจากการพูดจากับเด็กแปดขวบ โจ คยูฮยอนรู้สึกจนใจที่จะพูดอะไรต่อ...หมอนี่เข้าใจที่เขาพูด แต่ไม่ค่อยคิดที่จะทำ...อันนี้น่ะเขารู้สึกว่าเป็นอย่างนั้นตั้งแต่เจอหน้าไอ้ซอมบี้หน้าหล่อครั้งแรกแล้วล่ะ

                “ผมแค่อยากมองคุณ” ดูเหมือนซอมบี้ตัวโตนี่จะสามารถพูดได้เยอะขึ้นกว่าเก่า...และแน่นอนว่าแต่ละประโยคที่เอ่ยมามักจะเกี่ยวกับตัวเขา ถ้าไม่ติดว่าเป็นซอมบี้เขาจะคิดว่าหมอนี่เป็นนักรักเลยนะ คำพูดคำจาคมคายอาจเลี่ยนไปหน่อยแต่ก็ฟังดูจริงใจ บางทีอาจเพราะหน้าซื่อๆ ของคน(?)ตัวโตด้วยล่ะมั้งที่ทำให้เขาคิดว่าหมอนี่คอยดูแลเขาด้วยใจจริง

                “นี่...ฉันอยากอาบน้ำน่ะ ที่มีที่ไหนที่ฉันพอจะอาบน้ำได้ไหม ห้องน้ำในบ้านร้างนี่ไม่มีน้ำไหลออกจากก๊อกสักหยด”

                “ที่นี่มีลำธาร...”

                “ดีเลย! งั้นนายก็พากันไปหน่อยสิ!!” ซอมบี้หนุ่มทำสีหน้าฉงน ด้านหนึ่งในจิตใจของเขามันรู้สึกแปลกๆ ต้องบอกว่าเขารู้สึกร้อนผ่าวๆ ตรงหน้าขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เขานึกหงุดหงิดตัวเองเป็นบ้าที่บังอาจจินตนาการเกี่ยวกับคนตรงหน้าเสียจนเกินเลย...ลามกชะมัดเลย! เขาเพียรด่าตัวเองอยู่เช่นนั้น จนเมื่อร่างของมนุษย์ตัวอุ่นเจ้าของผิวขาวน้ำนมก็เดินมาหยุดตรงหน้าเขาพลางยกยิ้มตาหยิบหยี

                “คะคือ...คือ” เขาพูดติดอ่างอีกรอบ!

                “พาฉันไปอาบน้ำทีนะ...นายซอมบี้ซื่อบื้อ!

               

                ซอมบี้ตัวโตนั่งหันหลังให้ใครอีกคนที่กำลังสนุกสนานกับน้ำในลำธาร... มันเป็นครั้งแรกที่เขาละสายตาจากคนๆ นั้น แต่ด้วยความจำเป็น...(ถึงไม่จำเป็นเขาก็ต้องทำ) ซอมบี้ที่ถูกหาว่ามีหน้าตาซื่อบื้อถึงได้ทำนั่งเขี่ยเศษหินบนพื้นข้างลำธารท้ายหมู่บ้านอยู่แบบนี้ เขาได้ยินเสียงคยูฮยอนเรียกเขาอยู่ประมาณสักครั้งสองครั้ง แถมยังถามติดตลกอีกว่า...ซอมบี้ไม่อาบน้ำใช่ไหม...นี่นายตัวเหม็นแล้วนะ... ซอมบี้หนุ่มนึกขำ บางทีก็ประหลาดใจตัวเองว่าทำไมถึงไม่อยากอาบน้ำ...เพราะซอมบี้ไม่เคยคิดเรื่องอื่นนอกจากความหิวน่ะสิ... ไอ้เรื่องอาบน้ำถึงได้ถูกพับเก็บโครงการไปโดยปริยาย

                ซอมบี้หนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้าที่วันนี้ดูจะสดใสกว่าทุกๆ วัน...เมื่อก่อนเขาคิดเสมอว่าการจำอดีตก่อนเขาจะเป็นซอมบี้มันเป็นเรื่องเหลวไหล แต่ในเวลานี้...ชายหนุ่มในร่างซอมบี้กลับรู้สึกโหยหาตัวตนของตัวเอง เขาหลับตาและพยายามใช้ความคิด สมองของเขามันคงไม่ค่อยได้ใช้งาน อะไรๆ มันถึงได้ดูเชื่องช้าไปนิด การหลับตาลงทำให้ทุกอย่างค่อยๆ มืดลง และแปลกที่เขาดำดิ่งสู่ห้วงความฝัน...ภาพที่เห็นค่อยๆ สว่างจ้า... ชายหนุ่มมองเห็นตัวเองยืนอยู่ในบ้านขนาดกลาง เขาถือกล้องถ่ายภาพไว้ในมือ มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ เขา และเธอกำลังคลี่ยิ้มบางๆ

     

                “ออกไปถ่ายภาพนอกเมืองอีกแล้วหรอลูก ระวังตัวด้วยนะ แม่เป็นห่วงเรานะจ้ะ” หญิงที่เรียกแทนตัวเองว่าแม่กอดชายหนุ่มไว้หลวมๆ ก่อนเธอจะคลายกอดแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มของเขา เธอดูจะเป็นห่วงลูกชายมากเป็นพิเศษในวันนี้ แม้ริมฝีปากจะเผยยิ้มแต่ดวงตากลับไม่สดใสเช่นทุกวัน

              “ครับแม่ ผมทราบดี” เพราะการที่คนตรงหน้าแสดงความเป็นห่วงมากขนาดนั้น เขาจึงจำต้องกอดเธอไว้อีกครั้ง ข้างในใจมันมีความรู้สึกโหวงเหวงแต่เขาก็ไม่อยากให้คนเป็นแม่เป็นห่วงเสียจนมากเกินไป ฉะนั้นรอยยิ้มกว้างๆ จึงเป็นสิ่งเดียวที่ใช้ได้ในเวลานี้

              “อ้อ...ซีวอน เย็นนี้คุณพ่อจะกลับมาจากอิสตันบูลแล้วนะ อย่าลืมมื้อเย็นนะ ครอบครัวเรานานๆ จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา...”

              “ครับผม รักแม่นะครับ แล้วผมจะรีบกลับมา...” เขาบอกลา...ก่อนจะก้าวเดินออกจากบ้าน จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ และภาพทุกอย่างก็กลับกลายเป็นสีดำ...

              ดูเหมือนเขาจะไม่ได้กลับไป...

     

                “นี่...”

                “!!!!!

                “ขี้ตกใจชะมัดเลย เป็นซอมบี้ภาษาอะไรกัน!” เจ้าของใบหน้าน่ารักยิ้มขำ เขาไม่รู้ว่าเจ้าตัวโผล่มาได้ยังไง...เมื่อครู่เขาฝัน!! ฝันคือสิ่งที่ซอมบี้จะไม่ได้สัมผัส มันเป็นไปได้ยาก...แต่กับเขา ทุกอย่างมันกำลังเปลี่ยนไป เขากระพริบตาปริบเมื่อรู้สึกถึงหยดน้ำจากเส้นผมของคยูฮยอนที่ตกลงมากระทบบนผิวแก้ม เรื่องความฝันเมื่อครู่โดนพับเก็บ... สิ่งเดียวที่เขาสนใจในตอนนี้คือคนตรงหน้า มนุษย์อย่างโจ คยูฮยอนก็ยังดูดีเสมอ การอาบน้ำทำให้คนเราน่ารักขึ้นจากเดิมอยู่แล้วเป็นล้านเท่าเลยสินะ! ใบหน้าตึงของซอมบี้แอบอมยิ้ม และนั่นก็ทำให้คนมองรู้สึกหน้าร้อนผ่าว

                “คุณลืมติดกระดุมเม็ดนั้น...” ถึงคราวซอมบี้หน้าแดงเสียบ้าง ผิวซีดๆ รู้สึกถึงความร้อนวูบๆ เขาชี้นิ้วไปยังกระดุมเสื้อเชิ้ตของคนตรงหน้าบริเวณกลางอกที่เจ้าตัวอาจลืมติดหรือมันอาจหลุดออกมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ฉับพลันคยูฮยอนยกมือขึ้นตะปบเสื้อก่อนจะรีบกลัดกระดุมให้เรียบร้อย คยูฮยอนเมินสายตาที่เริ่มฉายแววชัดเจนยิ่งขึ้นไปทางอื่น และก็ต้องขอบคุณพระเจ้าน่ะนะที่ทำให้การเขินของเขามันพอมีประโยชน์อยู่บ้าง!

                ก็เปล่าหรอก! แค่เขาเห็นฝูงซอมบี้มันเดินอาดๆ มาทางนี้อีกแล้วน่ะสิ!!!!

                “งานเข้าแล้วนายซอมบี้!!” เด็กหนุ่มร้องเสียงดังก่อนจะอาศัยแผ่นหลังกว้างๆ ของซอมบี้ตัวโตเป็นเกราะกำบัง ดูเหมือนพวกซอมบี้พวกนั้นมันคงหิวกระหายเป็นพิเศษถึงได้ตรงดิ่งมายังพวกเขาเร็วกว่าปกติ คยูฮยอนกำชายเสื้อยืดของคนตัวโตไว้แน่น เขารู้สึกได้ว่าหมอนี่กำลังขู่พวกนั้นกลับด้วยการครางเสียงฮือๆ แต่ครั้งนี้อาจเรียกว่าเป็น การคำราม เสียมากกว่า!

                “อย่ายุ่งกับเขา!” เสียงหนักเน้นจากปากของซอมบี้หนุ่มทำให้คยูฮยอนนึกขอบคุณและอึ้งไปพร้อมๆ กัน...เขาขอบคุณที่หมอนี่ช่วยชีวิตเขาและแปลกใจไปในเวลาเดียวกันว่าเขามีความสำคัญกับซอมบี้ตัวนี้ขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร...การที่เขาถูกปกป้อง และถูกดูแลอยู่แบบนี้...มันเกินความคาดหมาย มันเกินกว่าจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงสำหรับเขาซึ่งอยู่กับซอมบี้ตามลำพัง แปลกที่การอยู่กับซอมบี้ไร้ชื่อตัวนี้...ปลอดภัยกว่าการหนีรอดโดยไร้จุดหมาย...

                “นายสู้ไอ้ฝูงซอมบี้นั่นไม่ไหวหรอก พวกมันเยอะเกินไป” เด็กหนุ่มไม่ได้อยากตัดกำลังใจพ่อคุณซอมบี้ตัวโตนะ แต่เพราะไอ้ฝูงซอมบี้ตรงหน้ามันมีจำนวนที่มากเกินกว่าซอมบี้ซื่อบื้อตัวเดียวจะต่อกรได้น่ะสิ คยูฮยอนยังคงกระชับมือที่กำชายเสื้อยืดของคนที่เขาใช้เป็นเกราะกำบังไม่แน่น สังเกตเห็นหมอนี่กำลังขบกรามราวกับกำลังข่มความโมโห...ซอมบี้บางทีก็หงุดหงิดง่ายไปหน่อย

                “ห้ามยุ่งกับเขา ไม่งั้นฉันฆ่าพวกแกแน่!พอโมโหแล้วพูดชัดปร๋อเชียวนะ! เด็กหนุ่มนึกในใจ เขายังคงยืนหลบอยู่ภายใต้แผ่นหลังกว้าง วินาทีนี้เขาเลือกที่จะหลับตาเพื่อไม่มองภาพฝูงซอมบี้ที่หน้าตาน่าเกลียดกว่าหมอนี่หลายเท่าตัว แผ่นหลังนี้ช่างอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงหัวใจเต้นถี่รัวของซอมบี้หนุ่มยิ่งทำให้คยูฮยอนประหลาดใจ ซอมบี้ตัวนี้สร้างความเชื่อมั่นและสร้างความปลอดภัยให้แก่เขา ฝ่ามือซีดๆ นั่นเอื้อมมากอบกุมมือของเขา เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อรับรู้ถึงความอุ่นที่กำลังแผ่ซ่าน และอุ่นขึ้น...มือของหมอนี่อุ่นขึ้นเรื่อยๆ

                แปลก...คยูฮยอนแค่คิดว่า ซอมบี้ไม่มีทางตัวอุ่น แต่กับหมอนี่...

                เหมือนฟื้นคืนชีพ!

    ในวินาทีถัดมาโจ คยูฮยอน ถูกร่างสูงใหญ่คว้าข้อมือและวิ่งสู้ฟัดไปตามแนวป่าใกล้ลำธาร การเคลื่อนไหวของอิตาซอมบี้ตัวนี้ไหวกว่าเมื่อครั้งที่เจอตอนนั้นมหาศาลเชียวล่ะ พวกเขาหนีห่างจากฝูงซอมบี้มาไกลพอสมควร คยูฮยอนกระตุกมือเพียงนิดทุกอย่างก็หยุดนิ่ง ซอมบี้ตัวโตหยุดฝีเท้าในทันที เขารู้ว่าคยูฮยอนเหนื่อยกับการวิ่งด้วยความเร็วและระยะที่มันเรียกได้ว่า ไม่ใช่ใกล้ๆ

    หนึ่งซอมบี้หนึ่งมนุษย์หยุดอยู่ริมรั้วเก่าๆ ที่มีหญ้าขึ้นรกไปทั่ว คยูฮยอนสูดหายใจลึกเพื่อบรรเทาความเหนื่อยจากการวิ่งมาราธอนเมื่อครู่ และเมื่อเขาเงยหน้าและทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า เขาก็พบว่าที่ๆ เขายืนอยู่ตรงนี้สามารถมองเห็นหมู่บ้านอีกหมู่บ้านซึ่งแน่นอน ว่าคือหมู่บ้านของมนุษย์ ที่ตรงนี้คือทางออก!

    “นี่มันทางออกหนิ โชคดีชะมัดเลย! เราไปกันเถอะ” คยูฮยอนจำต้องหยุดชะงักเพราะฝ่ามือของซอมบี้ตัวโตที่กุมกันอยู่ในทีแรกกลับปล่อยมือของเขาไปเสียเฉยๆ ใบหน้าคมคายที่ในเวลานี้รอยบากดูเหมือนจะจางลง แถมผิวก็ไม่ได้ซีดอย่างเมื่อก่อน สีหน้ามีความกังวลปะปนไปด้วยความกลัวให้ได้เห็น

    “ผมไปไม่ได้...ผมไม่เหมือนคุณ”

    “ไม่...นายกำลังจะเหมือนฉัน...คือ ฉันรู้สึกได้ ว่านายกำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดี มันไม่น่าเชื่อ...แต่ฉันคิดว่า ซอมบี้อย่างนายสามารถกลับมาเป็นเหมือนฉันได้อีกครั้ง” เด็กหนุ่มว่ายิ้มๆ เขาอยากให้คนตรงหน้าเชื่อมั่นในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น และคยูฮยอนเชื่อว่าทุกอย่างย่อมเป็นไปได้ ดวงตากลมๆ มองซอมบี้ตัวโตที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้น เขาถอนหายใจนิดหน่อยแต่ถึงอย่างนั้นคยูฮยอนก็ยังยื่นมือไปกุมฝ่ามือใหญ่

    “แต่...พวกชาวบ้านจะกลัวผม”

    “ไม่ นายอย่าคิดในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงสิ เชื่อฉันเถอะ...ทุกอย่างมันเป็นไปได้ ต่อไปนายจะต้องฟื้นคืนชีพ นายจะกลับมาเป็นมนุษย์เหมือนกันอีกครั้ง เชื่อสิ...”

     

     

    “ก่อนอื่น...นายต้องทำตัวปกติ เดินหลังตรง อย่าครางฮือๆ หรือทำตาขวาง ตอนนี้นายกำลังจะเหมือนมนุษย์ นายพูดชัดขึ้นมากเพียงเวลาไม่กี่วัน บอกไว้เลยนะว่าถ้าฉันไม่รู้มาก่อนว่านายเป็นซอมบี้ ฉันจะคิดว่านายก็เหมือนคนปกติทั่วไป เข้าใจนะ...” ซอมบี้หนุ่มพยักหน้ารับน้อยๆ พลางฟังคำสั่งของโจ คยูฮยอนที่เอ่ยบอกเขาตลอดทางที่เดินผ่านรั้วเก่าๆ ที่กั้นระหว่างหมู่บ้านร้างกับหมู่บ้านที่มีมนุษย์ปกติอาศัยอยู่ อีกหน่อยก็ใกล้จะถึงเขตชุมชน ฉะนั้นคยูฮยอนถึงได้เอาแต่เตือนเขาเรื่องอย่าทำตัวให้เหมือนซอมบี้ เพราะถ้าไม่อย่างนั้น...พวกชาวบ้านคงได้แตกตื่นกันยกใหญ่ ร่างสูงยกยิ้มบางเมื่อมองใบหน้าขาวจัดที่เอาแต่จ้อไม่ยอมหยุด ก่อนเขาจะนึกขึ้นได้ว่ามีบางอย่างที่เขายังไม่ทันได้บอกคนน่ารัก

    “คยูฮยอน...คือผมจำชื่อของตัวเองได้แล้ว”

    “จริงหรอ เฮ่! บอกแล้วไงว่านายกำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดี! นายจำได้ตอนไหน แล้วตกลงนายชื่ออะไร?” คยูฮยอนกระโดดมายืนตรงหน้าพร้อมกับยื่นมือทั้งสองข้างมาเขย่าแขนของเขาด้วยความตื่นเต้น ชายหนุ่มเผลอยิ้มขบขันพลางก้มหน้าลงไปใกล้อีกฝ่าย เขาสบตาดวงตาคู่โตๆ ที่กำลังจ้องเขากลับแม้ในแววตาจะกระตุบวูบหวั่นไหวไปชั่วขณะ

    “ผมจำได้ตอนคุณกำลังอาบน้ำอยู่ ผมหลับไปแล้วก็ฝัน...ผมเห็นตัวเองในอดีตและ...ผมจำชื่อของตัวเองได้...”

    “...แล้วตกลงนายชื่ออะไรล่ะ?”

    “ซีวอน ชเว ซีวอน...”

    “ซีวอน...” ริมฝีปากอิ่มเอ่ยทวนชื่อของคนตรงหน้า ใบหน้าขาวจัดจู่ๆ กลับระเรื่อสีขึ้นมาเสียอย่างนั้นเมื่อคนตรงหน้าเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เสียจนจมูกแตะกันเบาๆ ช่องลมหายใจระหว่างกันสั้นลงเรื่อยๆ ตรงข้ามกับเสียงของหัวใจที่เต้นถี่ และก็ดังโครมครามได้อย่างน่ารำคาญเป็นบ้า

    “ครับ...ผมชื่อ ซีวอน” ดวงตาหรี่รับเมื่อรับรู้ได้ว่าเรียวปากของซอมบี้หนุ่มขยับใกล้เข้ามาเสียจนลมหายใจสะดุด...นี่เขากำลังจะจูบกับซอมบี้...อย่างนั้นสินะ...

     

    “นี่คิดจะจูบกันกลางแจ้งไม่อายผีสางเทวดาหรือไง เด็กสมัยนี้!!

                “!!!!!!!!!!!!!!!!!

               

                การอ้างกับคุณยายที่บังเอิญผ่านมาเจอพวกเขาที่ปากทางเขาหมู่บ้านว่าเป็นนักเดินทางหลงทางมาก็เกือบจะทำเอาหญิงชราไม่เชื่อนั่นเพราะซีวอนทำตัวพิลึกเสียจนน่าสงสัย เขาพยายามเข้าใจว่าซีวอนกำลังข้ามเส้นของคำว่าซอมบี้เพื่อกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง บางทีอาจยังไม่ชินกับการทำตัวปกติ คุณยายคนนี้มองพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ ทีแรกหล่อนถือไม้กวาดไว้ป้องกันตัวเองด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยเด็กหนุ่มก็สามารถแก้สถานการณ์ไปด้วยดีโดยการใช้ลูกอ้อนซึ่งมุขนี้ใช้ได้ผลกับคุณย่าที่บ้านอย่างงะงักงัน

                “ผมน่ะผลัดหลงกับคณะเดินทางทัศนศึกษามาหลายวันแล้วล่ะครับ...แล้วตอนนี้ผมก็คงทำให้พวกเขาเป็นห่วงมากแน่ๆ”

                “อย่างน้อยพวกเธอก็ไม่ได้หลงเข้าไปในหมู่บ้านร้างข้างๆ นี่หรอกนะ...ที่นั่นใครหลงเข้าไป ไม่มีใครรอดกลับมาได้สักคน...” เด็กหนุ่มสะอึกไปกับคำพูดของคุณยายไปเล็กน้อย กระนั้นเขาก็ยังสามารถปั้นหน้ายิ้มได้อย่างปกติ อันที่จริงหญิงชราคนนี้ก็พูดไม่ถูกเสียทีเดียว โจ คยูฮยอนคือมนุษย์คนแรกเลยล่ะมั้งที่สามารถหนีออกจากที่นั่นได้รวมถึงซอมบี้อย่างซีวอนด้วยอีกคน มันเหลือเชื่อเลยใช่ไหมล่ะ!

    คยูฮยอนแสร้งทำหน้าไม่รู้เรื่องพลางเอ่ยถามต่อ

                “มันมีหมู่บ้านแบบนั้นด้วยหรอครับ?”

                “มีสิ ที่นั่นมันมีแต่ผีดิบดุร้ายทั้งนั้น...” หญิงชราดูจริงจังเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คยูฮยอนเหลือบสายตามองซีวอนที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน ใบหน้าคมคายกำลังตีหน้านิ่งเฉย...โธ่ บอกแล้วไงว่าอย่าทำตาขวาง! เห็นอย่างนั้นคยูฮยอนจึงยื่นมือไปหยิกแก้มคนตัวโตพลางชี้ที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายเป็นเชิงบอกให้อีกคนยิ้มซะบ้าง เมื่อเห็นว่าซีวอนคลี่ยิ้มบางๆ แล้ว คยูฮยอนถึงได้หันไปพูดคุยกับคุณยายต่อ

                “เออ...คุณยายครับ ไม่ทราบว่าคุณยายพอจะมีโทรศัพท์ให้ผมติดต่อเพื่อนไหมครับ คือผมจะได้แจ้งกับพวกเขาว่าผมยังอยู่ดี...”

                “บ้านยายไม่มีโทรศัพท์หรอก เธอต้องออกไปที่ร้านขายของชำของคุณนายฮวัง อยู่ห่างจากบ้านยายไปนิดหน่อย...”

                “อ้อ งั้นก็ขอบคุณมากๆ ครับ ซีวอนไปกันเถอะ...” เด็กหนุ่มคว้าข้อมือของซอมบี้ตัวโตให้ลุกขึ้นจากพื้นบ้าน บรรยากาศแบบนี้เขาควรพาซีวอนออกไปคุยกันให้รู้เรื่องดีเสียก่อน...คยูฮยอนรับรู้ว่าซีวอนกำลังอึดอัดที่ต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์คนอื่น หมอนี่ถึงได้ไม่ยอมพูดจาเลยแม้แต่คำเดียว เขารู้สึกว่าขืนซีวอนทำตัวแบบนี้ต่อไป อีกหน่อยคงได้ถูกจับได้ว่าเป็นซอมบี้แน่ๆ พวกเขาก้าวออกมาจากบ้านพร้อมกับเสียงของคุณยายที่ตะโกนบอกว่า ถ้าคืนนี้ไม่ที่พักก็สามารถกลับมาพักกับหล่อนได้ ระหว่างทางที่เดินตามหาร้านขายของตามที่คุณยายบอก คยูฮยอนก็เอ่ยปากพูดคุยกับซอมบี้ที่ทำหน้าแบกโลกไว้ทั้งใบ

                “ซีวอน...ช่วยอย่าทำหน้าบึ้ง ตาขวางเวลาอยู่กับคนอื่นได้รึเปล่า...บางทีพวกเขาอาจสงสัยนายนะ”

                “ผมยังไม่ชินที่ต้องอยู่กับคนอื่น...ที่ไม่ใช่คุณ...” ซีวอนตอบกลับมาด้วยใบหน้าซื่อๆ แววตาของชายหนุ่มจริงจัง ร่างโปร่งหยุดชะงักฝีเท้าพลางช้อนสายตามองอีกคนที่จ้องเขาไม่วางตา

                “นายต้องชินกับความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะมีฉันอยู่ด้วยหรือไม่ก็ตาม”

                “แต่ผมแค่อยากอยู่กับคุณ แค่คนเดียว” เป็นคำตอบที่แสนซื่อ คยูฮยอนเชื่อว่าทุกอย่างมันออกมาจากความจริงของซีวอนล้วนๆ ซอมบี้ตัวนี้ก็เหมือนเด็กที่กำลังเติบโต กำลังเรียนรู้ทุกอย่างใหม่และในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่อยากให้ทุกอย่างในชีวิตซีวอนขึ้นอยู่ที่เขา มนุษย์ทุกคนจะต้องเรียนรู้ชีวิตด้วยตนเองและเติบโตไปกับมันอย่างเข้มแข็ง

                แน่นอนว่าเขาจะเป็นกำลังใจที่สำคัญให้กับคนๆ นี้

                “ซีวอน...ชีวิตของคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ใครสักคน นายมีพ่อมีแม่ และอาจมีเพื่อนคนอื่นนอกจากฉัน”

                “แต่ผมไม่รู้ว่าครอบครัวของผมอยู่ที่ไหน...ตอนนี้ผมมีแค่คุณนะ คยูฮยอน”

                “ฉันรู้...แต่ฉันจะช่วยนายตามหาครอบครัว และความทรงจำของนาย...เชื่อฉันนะ”

     

                “โจ คยูฮยอน ฉันเป็นห่วงนายแทบบ้า นายหายไปไหน พวกเราหัวปั่นกันไปหมด การทัศนศึกษาถูกยกเลิกพวกเราออกตามหาตัวนายกันไปทั่ว แต่ทำยังไงก็หานายไม่เจอถึงได้ต้องกลับโซลและแจ้งตำรวจ ฉันคิดว่าพวกเราจะหมดหวังแล้วซะอีก แล้วตอนนี้น่ะนายปลอดภัยใช่ไหม?”

                “ฉันปลอดภัยดี...ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ ตอนนี้ฉันพักอยู่กับชาวบ้านที่นี่น่ะ”

                “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้พวกเราจะเข้าไปรับนายทันที ฉันต้องรับแจ้งข่าวดีกับทุกคน ให้ตายสิ...ฉันจะร้องไห้แล้วว่ะคยูฮยอน”

                “ฉันปลอดภัยดีแล้วนะจงฮยอน เป็นอันว่า...เจอกันพรุ่งนี้นะ”

                คยูฮยอนวางสายจากเพื่อนสนิทอย่างอี จงฮยอน อย่างน้อยในวันรุ่งขึ้นเขาก็จะได้กลับโซลเสียที เขาคิดถึงพ่อแม่เต็มทน เด็กหนุ่มหันไปก้มหัวขอบคุณคุณนายฮวังเจ้าของร้านที่ให้เขายืมใช้โทรศัพท์พลางเหลือบสายตามองชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนรอเขาอยู่นอกร้าน ซีวอนยืนเก้ๆ กังๆ เมื่อยามที่มีใครสักคนเดินผ่าน และเมื่อเด็กหนุ่มเดินกลับไปหาพร้อมกับเอื้อมมือไปรั้งฝ่ามือหนามากุมไว้ สีหน้าของชเว ซีวอนก็มีรอยยิ้มบางๆ ประดับขึ้นมาอีกครั้ง

                “พรุ่งนี้เราจะกลับโซลกัน...เซ้นส์ของฉันมันบอกว่า ครอบครัวของนายก็น่าจะอยู่ที่โซล”

                “เซ้นส์หรอ..คุณมั่นใจขนาดนั้น”

                “ใช่เลย ฉันมั่นใจ...”

               

               

                “ตกลงจะบอกได้ยัง ว่าหมอนี่เป็นใคร?”

    อี จงฮยอนเหลือบสายตามองคนตัวโตที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา ตอนนี้พ่อกับแม่ยังไม่กลับจากการทำงาน ฉะนั้นในบ้านจึงมีเพียงคยูฮยอน ซีวอน และเพื่อนสนิทที่นั่งเคว้งควานหาเสียงในลำคอมานานสองนาน คยูฮยอนถอนหายใจเพียงนิดก่อนจะสรรค์หาคำตอบที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด

    “เขาเป็นคนช่วยชีวิตฉัน...เป็นเพื่อนใหม่น่ะ”

    “เพื่อนใหม่แล้วทำไมต้องจับมือกันแน่นขนาดนั้นวะ” เด็กหนุ่มก้มมองมือของตัวเองที่ถูก ชเว ซีวอนกุมไว้แน่น...ดวงตาคมดุจ้องตรงไปยังเพื่อนสนิทของเขา บางทีจงฮยอนก็จุกจิกจู้จี้เกินไปเสียจริงๆ เพราะการเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่มองตาก็รู้ใจเขาถึงได้ถูกหมอนี่อ่านใจออกเสมอ คยูฮยอนเดาว่าซีวอนคงไม่ชอบให้ใครมาถามจี้กันแบบนี้ ถึงแม้ตัวเขาเองจะชินแต่ก็ไม่วายจะแอบพรูลมหายใจหนักๆ ออกมาอีกครั้ง

    “เรื่องมันยาวน่ะ เอาเป็นว่า...เขาชื่อ ชเว ซีวอน ผู้ชายคนนี้ไม่เป็นอันตรายกับใครหรอก อย่าคิดมากเลย”

    “แล้วทำไมนายต้องพาเขามาบ้านนายด้วยล่ะ นี่คยูฮยอน...พวกนายอิ๊อ๊ะกันอยู่หรือไง?” ท่าทีตึงเครียดของจงฮยอนเปลี่ยนไปกะทันหันแทนที่ด้วยรอยยิ้มทะเล้นกวนประสาท หมอนี่เอื้อมมือมาขยี้ผมเขาก่อนจะหันไปเลิกคิ้วให้ซอมบี้ตัวโตที่ตอนนี้กลับทำหน้างงๆ เหมือนฟังคำพูดเมื่อครู่ไม่เข้าใจ

    “อิ๊อ๊ะบ้าอะไรเล่า! จงฮยอนกลับไปเลยไป ฉันชักจะหงุดหงิดแล้วนะเว้ย!

    “โอเคๆ กลับก็ได้...จะงุ้งงิ้กันสองคนอ่ะดิ เพื่อนสนิทอย่างฉันมันก็เลยกลายเป็นหมาหัวเน่า โธ่ๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

    โว้ยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้จงฮยอน!!!

    โจ คยูฮยอนคิดว่าตัวเองอาจกำลังหงุดหงิดที่ถูกไอ้เพื่อนตัวดีมันพูดจาอ้อล้อแบบนั้น แขนของเขาถูกสะกิดโดยผู้ชายร่างซอมบี้ข้างๆ ชเว ซีวอนสบตาเขาเหมือนต้องการจะถามอะไร และเมื่อเขาหันไปตวัดตามองนิดๆ หมอนั่นก็เอ่ยถามออกมาอย่างกับเด็กแปดขวบไม่มีผิด

    “คยูฮยอน อิ๊อ๊ะ นี่หมายความว่ายังไงหรอ?”

    “ช่างเหอะน่า จงฮยอนมันก็พูดไปเรื่อย...” เด็กหนุ่มบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจทั้งที่ผิวต้องแก้มมันร้อนขึ้นทุกที

    “แต่...คุณหน้าแดงนะ”

    “อะไรกันเล่า! นายน่ะตัวเหม็นชะมัด ไปอาบน้ำเลยไป...ไปดิ! มองหน้าอยู่ได้ ห้องน้ำอยู่บนชั้นสอง เดินขึ้นไปเลี้ยวซ้าย อาบเสร็จเดี๋ยวเอาเสื้อผ้าไปให้เปลี่ยน อย่าเถียง อย่าพูดมาก เข้าใจนะ!

     

     

    พ่อแม่ของเขาร้องไห้กันจ้าละหวั่นที่เห็นเขากลับมาที่บ้าน และนั่นก็พาลทำให้คยูฮยอนน้ำตาไหลไปด้วย ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าเขาไม่ได้กลับมาที่บ้านจริงๆ พ่อแม่และเขาจะรู้ทรมานขนาดไหน...ช่วงอาหารมื้อเย็นไปเป็นด้วยความชื่นมื่น ถึงแม้จะมีอุปสรรคนิดหน่อยก็ตรงที่ต้องพยายามอธิบายกับท่านทั้งสองว่า ชเว ซีวอนคือใคร แถมยังต้องสอนหมอนั่นทานอาหารแบบมนุษย์ปกติทั่วไป โชคดีที่พ่อแม่ของเขาไม่สงสัยและไม่ติดใจอะไร ความเข้าใจของพวกท่านคือการที่เขามีเพื่อนใหม่ เพื่อนใหม่คนนี้ช่วยชีวิตเขาไว้ และเพื่อนใหม่คนนี้ต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการตามหาครอบครัว

    ชเว ซีวอนกำลังเดินสำรวจห้องนอนของเขา...คยูฮยอนไม่รู้ว่าอธิบายความรู้สึกในใจเขาออกมายังไง เด็กหนุ่มรู้สึกเพียงว่าบางทีเรื่องที่เกิดมันเกินความจริงไปหน่อย และมันก็ยากที่จะเป็นไปได้ แต่ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นแล้ว...เขามองเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวซีวอนที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงไม่นาน ต้องขอบคุณที่วันนี้เขาไล่ซีวอนไปอาบน้ำ ถึงแม้หมอนั่นจะอิดออด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าชายหนุ่มในร่างซอมบี้เพียงแค่อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเก่าๆ เปื้อนๆ จัดผมจัดผ้าให้ดูดีเสียหน่อย ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ...ชเว ซีวอน ที่เหมือนมนุษย์เกือบๆ จะร้อยเปอร์เซ็น ร่างโปร่งยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ดวงตาไล่มองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเสียจนลืมตัว พอรู้สึกตัวอีกที...คนที่เขามองอยู่ก็มานั่งอยู่ตรงหน้าซ้ำยังเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ให้ตกใจเล่น

    “คุณมองผมไม่วางตาเลยนะ” อิตาซอมบี้ถามเขายิ้มๆ ดูเหมือนซีวอนอาจจงใจแกล้งเขาน่ะถึงได้ยิ้มขำๆ กันแบบนั้น พอมีความรู้สึกนึกคิดมากๆ เข้าก็ชักจะทำตัวน่าหมั่นไส้ขึ้นทุกที

    “ทำเหมือนกับนายไม่เคยมองฉันแบบไม่วางตา” เด็กหนุ่มยอกย้อนคนตรงหน้ากลับ ทว่าเขาดันเป็นฝ่ายต้องหดคอหนีคนตรงหน้าเสียดื้อๆ เพราะจู่ๆ ซอมบี้หน้าหล่อก็ชักจะได้ใจเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เสียจนคยูฮยอนได้กลิ่นแชมพูจากเส้นผมสีเข้มนั้นเลยด้วยซ้ำ

    “นั่นเพราะผมมองเพราะผมชอบคุณไง แล้วคุณล่ะ...ชอบผมรึเปล่า”

    โจ คยูฮยอนก็เพิ่งจะรู้วันนี้น่ะนะว่าซอมบี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่จริงใจแถมยังพูดจาได้ตรงประเด็น และการพูดตรงๆ นี่แหละก็ทำเอาคนฟังอย่างเขาถึงกับใบ้รับประทานไปชั่วขณะ

    “....”

    “คุณสำคัญกับผมมากนะ เพราะคุณทำให้ผมอยากมีชีวิตอีกครั้ง...” เสียงทุ้มเอ่ยย้ำถึงความจริงใจ ดวงตาสีชากำลังมีแววประกายบางอย่าง สาบานได้ว่าเมื่อก่อนคยูฮยอนไม่อาจเห็นนัยน์ตาที่สื่ออารมณ์ใดๆ จากซอมบี้ตัวนี้ แต่กับวันนี้ดวงตาของซีวอนกำลังสื่อความหมายออกมาอย่างชัดเจน

    “.....”

    “คุณเอาแต่เงียบ” แล้วคิดว่าเวลานี้ในหัวสมองน้อยๆ ของโจ คยูฮยอนจะคิดอะไรออกหรือไง! โดนจ้องในระยะประชิดแบบนี้ ร่ำๆ จะถูกจูบ(?)หรือเปล่ายังไม่รู้!

    “ก็ไม่รู้จะพูดอะไรหนิ...”

    “จะว่าไป อิ๊อ๊ะ มันหมายถึงแบบนี้หรือเปล่าครับ?”

    อิแบบนี้คือการที่ริมฝีปากของเขาถูกซอมบี้ตัวโตแต้มด้วยรสจูบแผ่วเบาน่ะหรอ? คยูฮยอนเบิกตาเพียงนิดก่อนจะจำต้องหลับตารับความรู้สึกต่างๆ ที่ถูกโอนผ่านเรียวปากที่ทาบทับลงมาอย่างลึกซึ้ง กลีบปากสีระเรื่อถูกแตะสัมผัสรสละมุน จูบกับซอมบี้ก็ไม่เลวไปซะทีเดียว โดยที่เด็กหนุ่มไม่อาจทราบว่าภายในร่างกายของคนตัวโตทุกอย่างได้ข้ามสู่ความมีชีวิต...หัวใจเต้นแรง เลือดในกายสูดฉีด ความรู้สึกหวนคืนสู่ความเป็นมนุษย์ ฝ่ามือของซีวอนยกขึ้นประคองใบหน้าขาวจัดที่ค่อยๆ ซับสีได้อย่างน่าชังพลางป้อนจูบให้แก่คนตรงหน้า เขาผละใบหน้าออกจากอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อยเพื่อจ้องมองปฏิกิริยาจากคนที่ถูกจูบจนหน้าแดง ...ต่างฝ่ายต่างสบตา... คยูฮยอนมองชายหนุ่มที่สามารถกัดกินพื้นที่ในหัวใจภายในเวลาสั้นๆ อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองนัก เสียงหัวใจของคนสองคนมันดังชัดเจนซ้ำยังคล้องไปในจังหวะเดียวกัน รับรู้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือที่แนบอยู่ข้างแก้ม อดไม่ได้ที่จะหลับตาเพื่อรับความอุ่นซ่านจากฝ่ามือคู่นี้

    ไม่มีหรอกซอมบี้ที่ตัวอุ่นขนาดนี้

    และไม่มีหรอก ซอมบี้ที่มอบรสจูบนุ่มละมุนได้อย่างน่าทึ่ง

    นั่นเพราะ ชเว ซีวอน...ไม่ใช่ซอมบี้อีกต่อไป...

    “นายไม่ใช่ซอมบี้แล้ว”

    “ครับ...ผมก็รู้สึกอย่างนั้น...”

    “ดีใจด้วยนะ”

    “ไม่ว่าผมจะจำอดีตหรือครอบครัวของผมได้หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมดีใจที่สุดคือการ...ได้รักคุณนะ”

     

     

    - End -

    *Little Special*  จิ้มเถอะ อิ๊อ๊ะเบาๆ >.<

     

     

    Talk*

    เป็นฟิคแฮปพี่วอนที่ล่าช้าตัลหลอดดดดดดดดดดดดด จริงๆ ก็เป็นฟิคแฮปให้ตัวเองด้วยนะ ในเมื่อโชคดีเกิดวันเดียวกับพี่วอน *-* (คนละปีนะ!) กลับมาอัพเรื่องนี้เป็นการขัดดอก เกิดจากการติดหนังเรื่องวอร์มบอดี้ พระเอกแซ่บไง เลยชอบมาก 55555 เลยเกิดเป็นฟิคเรื่องนี้ เราอยากเห็นพี่วอนเป็นซอมบี้หล่อๆ มั้ง >///////< หวังว่าจะชอบกันนะคะ หลังจากนี้และก็ต้องลุยกับรวมเล่มต่อ งุงิ สนใจสั่งจองกันมาได้นะ สำหรับอีวิลเล่ม 2

    http://writer.dek-d.com/aoomly/writer/viewlongc.php?id=740906&chapter=31 ตามลิงค์ไปอ่านรายละเอียด และสามารถร่วมเล่นเกมส์แจกฟิคอีวิลเล่มสองได้ค่ะ *__*



    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×