ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มารู้จักประวัติอย่อๆของแบรนด์ดังระดับโลกกันเถิดทุกท่าน!

    ลำดับตอนที่ #15 : ~ยาหม่องตราถ้วยทอง มิตรคู่เรือน เพื่อนคู่ตัว~

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.5K
      9
      27 ม.ค. 50

    ~ยาหม่องตราถ้วยทอง มิตรคู่เรือน เพื่อนคู่ตัว~

    "ยาหม่องตราถ้วยทอง มิตรคู่เรือน เพื่อนคู่ตัว" สโลแกนติดหูคนไทยกับการเดินทางผ่านยุคผ่านสมัยมานานกว่า 6 ทศวรรษ เป็นสินค้ายอดนิยมครองใจคนไทยมาทุกยุคทุกสมัย การผงาดขึ้นเป็นสินค้าเบอร์หนึ่งของ "ยาหม่องตราถ้วยทอง" จวบจนวันนี้ ย่อมต้องมีมากกว่าคำว่า "โชค" ช่วยอย่างแน่นอน ความสำเร็จของ "ถ้วยทอง" ในวันนี้ สิ่งที่สามารถสัมผัสและมองเห็นได้ด้วยตา นั่นคือ "คุณภาพ" ของสินค้าที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มผลิตจวบจนปัจจุบัน ทั้งยังคงความเข้มข้นและสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์จนสามารถยืนหยัดอยู่ในตลาดได้อย่างสง่างาม



    ดร.ยศพร ลีลารัศมี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ถ้วยทองโอสถ จำกัด เจเนอร์เรชัน 3 ของตระกูล เล่าย้อนกลับไปถึงเส้นทางที่มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของการสร้างแบรนด์ในยุคแรกๆให้ฟังว่า "ยาหม่องตราถ้วยทอง" ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยนายเว่งเซี้ยง แซ่ลี้ (คุณปู่) ซึ่งได้รับการถ่ายทอดสูตรและวิธีการปรุงยา "ควินนินน้ำ" จากมิชชันนารี โดยช่วงแรกปรุงเพื่อแจกจ่ายให้กับญาติพี่น้อง และคนรู้จักกันภายใต้ชื่อ "ควินินน้ำ ลีเปงเฮง"

    หลังจากนั้นคุณโยธิน ลีลารัศมี หลานชายจึงเข้ามารับช่วงต่อและได้รับการถ่ายทอดสูตรและวิธีการปรุงยาขี้ผึ้งซึ่งมีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก แก้พิษแมลงกัดต่อยจากแพทย์ชาวจีน หลังจากลองผิดลองถูกพัฒนาปรับปรุงสูตรและสีอยู่นาน จนได้มาเป็นต้นแบบของยาหม่องตราถ้วยทองในปัจจุบันที่มีสีเหลืองทองอำพันซึ่งเป็นสีจากสมุนไพรธรรมชาติ ในปีพ.ศ.2487 "ยาหม่องตราถ้วยทอง" จึงได้เริ่มวางตลาดและทำการสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง

    "การทำตลาดหรือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเมื่อหลายสิบปีก่อน คือ การส่งหน่วยรถขายยาวิ่งประชาสัมพันธ์กระจายไปตามต่างจังหวัด เพื่อสร้างการรับรู้และจดจำให้กับผู้บริโภคซึ่งปัจจุบันกลยุทธ์ดังกล่าวก็ยังคงอยู่ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ยาหม่องตราถ้วยทองประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน คือ คุณภาพของสินค้าที่สามารถ "ขายได้"ด้วยตัวเอง" ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกล่าว

    ด้วยคุณสมบัติของสินค้าที่ใช้บรรเทาอาการเคล็ดขัดยอกและปวดเมื่อย ผสานเข้ากับยุทธวิธีการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบเจาะลึกถึงกลุ่มเป้าหมายระดับรากหญ้า จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ฐานลูกค้าระดับล่างของ "ถ้วยทอง" ณ วันนี้ แข็งแกร่งมาก คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของยอดขายโดยรวมของถ้วยทองเป็นกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด

    ซึ่งความแข็งแกร่งของกลุ่มเป้าหมายในเขตนอกเมืองนั้นมิใช่คำตอบของการทำตลาดในยุคปัจจุบันที่หลากหลายแบรนด์ได้หันมาให้ความสนใจและเห็นความสำคัญกับกลุ่มคนเมืองซึ่งมีกำลังซื้อสูงมาก

    "สำหรับผลิตภัณฑ์ยาหม่องนั้นถือเป็นยาประจำบ้านที่ทุกบ้านต้องมีไว้ติดบ้าน เพื่อตอกย้ำแบรนด์และสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ให้เกิดขึ้นปีนี้จะเป็นอีกปีที่บริษัทมีแผนการทำตลาดที่เข้มข้นมากกว่าทุกปี โดยในปีนี้ได้ทุ่มงบการตลาดมากที่สุดถึง 100 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ใช้เม็ดเงินทางด้านการตลาดมากที่สุดโดยเพิ่มจากปีก่อนที่ใช้เพียง 10 ล้านบาท"

    ซึ่งกลยุทธ์การทำการตลาดในปีนี้ ถ้วยทองได้กำหนดและวางทิศทางการทำการตลาดที่ต้องการเพิ่มฐานลูกค้าในเมืองให้มากขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวสินค้า (value added) ให้กับสินค้าที่ต้องมีมากกว่าแต่ก่อน หมายรวมถึงการสร้างแบรนด์ใหม่ให้กับสินค้าใหม่ๆเพื่อจับตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้นด้วย

    ทั้งนี้ หากพูดถึงมูลค่าตลาดรวมของสินค้า(บาล์ม)แล้ว แม้จะไม่มากมายนักเมื่อเทียบกับสินค้าประเภทอื่น เนื่องจากยังมีข้อจำกัดของการใช้และการทำตลาดที่ทำได้ยากเพราะเป็นสินค้าในกลุ่มของเวชภัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตลาดโดยรวมอยู่เพียง 1,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเพียง 3-5 % ต่อปีเท่านั้น ด้วยคอนเซ็ปต์ของบริษัทที่ต้องการเป็นผู้ผลิตยาที่อยู่คู่กับสังคมไทยตลอดไป รวมถึงการเป็นผู้นำตลาดที่ต้องคิดค้นพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีอย่างต่อเนื่อง

    ดังนั้น จากเดิมที่มีเพียงรูปแบบบาล์มซึ่งวางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดมานานกว่า 60 ปีเพียงอย่างเดียว ในปีนี้บริษัทถ้วยทองฯมีแผนขยายธุรกิจสินค้า 4 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย ยาหม่อง , กลุ่มผลิตภัณฑ์ยา,เครื่องสำอางและอาหารเสริม ซึ่งในส่วนของยาหม่องนั้นจะมีการขยายไลน์สินค้าออกไปในรูปแบบอื่นๆ อาทิ ยาหม่องน้ำและยาดม เป็นต้น โดยสินค้าใหม่นี้จะให้ความสำคัญในเรื่องของการพัฒนาให้มีรูปแบบที่ทันสมัยเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นในเมืองเป็นหลัก

    ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญในการสร้างมาตรฐานของการผลิตให้ทัดเทียมกับนานาประเทศด้วย โดยในปีนี้ได้ทุ่มงบลงทุนไปกว่า 160 ล้านบาท(ไม่รวมกับค่าเครื่องจักรที่จะนำเข้ามาผลิตสินค้า) เพื่อก่อสร้างโรงงานและห้องคลีนรูมแห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดนนทบุรีบนพื้นที่ 25 ไร่ มีกำลังผลิตเพิ่มจากเดิมถึง 5 เท่า

    ปัจจุบันสินค้าภายใต้แบรนด์ "ถ้วยทอง" หรือ Golden Cup Balm ได้ส่งออกไปขายในหลายประเทศทั่วโลกที่มีคนไทยพำนักอาศัยอยู่ อาทิ อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ สวีเดน ฮ่องกง อินโดนีเซีย และสาธารณรัฐเชค โดยมียอดส่งออกกว่า 10 % ของยอดขายทั้งหมด โดยปัจจุบันบริษัทมียาที่จำหน่ายในท้องตลาดทั้งหมด 24 ตำรับ มีแบรนด์ 4 แบรนด์ อาทิ ดีเทมป์ ยาน้ำลดไข้สำหรับเด็ก, จี-พามอล ยาพาราเซตตามอล ซึ่งในปีนี้จะเพิ่มแบรนด์ผลิตภัณฑ์ยาอีกจำนวน 5 แบรนด์

    ขณะที่ระบบการบริหารงานภายในองค์กรนั้น ยศพรบอกว่า ถ้วยทองโอสถยังคงเน้นความเป็น family business 100% โดยผู้บริหารจะเป็นวงศาคณาญาติกัน ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องจ้าง ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาบริหารงานแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม ยศพรกล่าวเพิ่มเติมส่งท้ายว่า ความสำเร็จในวันนี้คงมิอาจเกิดขึ้นได้ หากบริษัทขาดแผนกพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์และคุณภาพสินค้า (R&D) ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่ออัตราการเติบโตของบริษัท ที่ถ้วยทองให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรภายในองค์กรที่เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญขององค์กรที่ได้กระทำมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา



    จาก..tp://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=M3021201&issue=2120
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×