ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ~มาม่า~
~มาม่า~
บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2515 ด้วยทุนจดทะเบียน 6 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัทเพรซิเดนท์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ของใต้หวัน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิตและบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด ซึ่งรับผิดชอบในด้านการตลาดและการจำหน่ายสินค้า มีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งเพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปภายใต้เครื่องหมายการค้า "มาม่า" โดยมีสำนักงานใหญ่แห่งแรกที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และเปิดทำการโรงงานแห่งแรกที่เขตหนองแขม กรุงเทพฯ ซึ่งหลังจากการดำเนินธุรกิจปีแรกผ่านไป หุ้นทั้งหมดได้ถูกโอนไปยังผู้ถือหุ้นคนไทยซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาจวบจนปัจจุบัน
: พ.ศ. 2515
ก่อตั้งเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 6 ล้านบาท โดยเป็นการรวมทุนระหว่าง บริษัท เพรซิเดนท์เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด แห่งไต้หวัน กับบริษัทสหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) มีสำนักงานแห่งแรกที่ถนนเพชรบุรี ตัดใหม่ และก่อสร้างโรงงานแห่งแรกที่หนองค้างพลู เขตหนองแขม ทำการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสซุปไก่ ภายใต้เครื่องหมายการค้าตรา “มาม่า” เป็นผลิตภัณฑ์แรกในปี 2516
:: พ.ศ. 2518
บริษัทฯ ได้เพิ่มเครื่องจักรรวมเป็น 3 เครื่อง และผลิตบะหมี่สำเร็จรูปให้บริษัทเพรซิเดนท์คอมเมอร์เชียล จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่าย
:: พ.ศ. 2519
เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 10 ล้านบาท และจัดตั้งโรงงานแห่งที่ 2 ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อทำการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
:: พ.ศ.2521
บริษัทฯ เพิ่มทุนเป็น 20 ล้านบาท และสร้างโรงงานผลิตขนมปังกรอบ ภายในโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบริษัท นิสชินคอนแฟคชันเนอรี จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้เครื่องหมายการค้าตรา “นิสชิน” และในวันที่ 7 ธันวาคม 2521 บริษัทฯ ได้รับการพิจารณาอนุญาตให้เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
:: พ.ศ. 2522
เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 32.5 ล้านบาท เพื่อทำการปรับปรุงเครื่องจักรและขยายกำลังการผลิต
:: พ.ศ. 2523
เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 37.5 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเครื่องจักรและขยายกำลังการผลิต
:: พ.ศ. 2524
เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 40 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการผลิตขนมปังกรอบ และขยายกำละงการผลิต
:: พ.ศ. 2525-2527
บริษัทฯ ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการพิจารณารางวัลผลิตภัณฑ์อาหารยอดเยี่ยมนานาชาติแห่งเอเชีย (International Asia Award Committee) มอบรางวัลผู้ผลิตอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (International Asia Award) สามปีซ้อน และได้ร่วมลงทุนในบริษัท เมียวโจ้ฟูดส์ จำกัด เพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคุณภาพสูงในปี 2526
:: พ.ศ. 2528
ร่วมลงทุนในบริษัท เพรซิเดนท์เบเกอรี่ จำกัด เพื่อผลิตขนมปังสด
:: พ.ศ. 2529
ปิดโรงงานหนองแขม เนื่องจากโรงงานศรีราชาผลิตได้เต็มที่แล้ว
:: พ.ศ. 2530
ปรับปรุงระบบการผลิตจากระบบ Direct Heat เป็น Indirect Heat ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 75% ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสม่ำเสมอดียิ่งขึ้น และได้รับรางวัลประหยัดพลังงานจากกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
:: พ.ศ. 2531
ร่วมลงทุนในบริษัท ซันโกแมชินเนอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อประกอบเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์ และร่วมลงทุนในบริษัทไทยมีผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพื่อการส่งออก
:: พ.ศ. 2532
เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 60 ล้านบาท ปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตและก่อสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่เพื่อการส่งออก ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
:: พ.ศ.2533
เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 80 ล้านบาท และได้ร่วมทุนกับบริษัท เดนิชแฟนซีฟูดส์ กรุ๊ป แห่งประเทศเดนมาร์ค ก่อตั้งบริษัท เพรซิเดนท์เดนิชฟูดส์ จำกัด เพื่อผลิตคุกกี้ “เคลด์เซ็น”
:: พ.ศ.2534
เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 120 ล้านบาท และจัดตั้งบริษัท T.F. Interfoods (USA) Inc. เพื่อดูแลธุรกิจและเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
:: พ.ศ.2535-2536
ย้ายสำนักงานใหญ่ โดยได้เปิดดำเนินการ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการบริเวณถนนศรีนครินทร์ในเดือนมิถุนายน 2535 และในปีนี้ได้ร่วมลงทุนในบริษัท ไทซันฟูดส์ จำกัด เพื่อผลิตน้ำผลไม้และร่วมจัดตั้งบริษัท Kunming Tai Tongyi Foods Co., Ltd. ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจำหน่ายในประเทศจีน นอกจากนี้ยังได้ร่วมทุนตั้งบริษัท ไดอิชิแพคเกจจิ้ง จำกัด เพื่อผลิตบรรจุพัณฑ์ป้อนบริษัทในกลุ่ม ส่วนในปี 2536 ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่โรงงานศรีราชาในเดือนมีนาคม 2536
:: พ.ศ.2537
ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนกิจการเป็น “บริษัทมหาชน” ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2537 และได้ร่วมลงทุนในอีก 2 บริษัท ได้แก่บริษัท ซีพีเอนเตอร์ไพรส์ฟูดส์ จำกัด ที่ฮ่องกง และบริษัท นิสชินฟูดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
:: พ.ศ.2538
ออกแบบผลิตภัณฑ์ขนมปังกรอบชนิดใหม่ ภายใต้เครื่องหมายการค้าตรา “บัตเตอร์เวิร์ท” และก่อสร้างโรงงานผลิตบะหมี่ กึ่งสำเร็จรูปแห่งใหม่ที่จังหวัดลำพูน บนเนื้อที่ 37 ไร่ เงินลงทุน 350 ล้านบาท มีกำลังการผลิตบะหมี่ซองปีละ 14,256 ตัน และบะหมี่ถ้วยปีละ 260 ตัน โดยได้รับสิทธิ์ BOI
:: พ.ศ.2540
ได้รับรางวัลผู้ส่งออกดีเด่น (Prime Minister’s Export Award) ประจำปี 2539 และได้รับประกาศนียบัตรระบบ ISO 9002 จากบริษัท RWTUV
:: พ.ศ.2541
ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นประจำปี 2542 ประเภทการบริหารงานคุณภาพจากกระทรวงอุตสหกรรม เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2541 และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพโดยเสริมสารวิตามินเอ ธาตุเหล็กและไอโอดีนในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ี
:: พ.ศ.2542
เปลี่ยน การผลิตขนมปังกรอบภายใต้ชื่อ “นิสชิน” เป็น “บิสชิน” ในเดือนสิงหาคม 2542 ได้รับประกาศนียบัตรระบบ ISO 14001 ของโรงงานศรีราชาและสำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ จาก SGS Yarsley พัฒนาระบบการผลิตซองเครื่องปรุงจากแยกซองมาติดกันเป็น Twin Pack พร้อมเปลี่ยนแปลงระบบการวางเครื่องปรุงลงบนก้อนบะหมี่โดยใช้เครื่องป้อน อัตโนมัติแทนแรงงานคน
:: พ.ศ.2543
เพิ่ม ทุนจดทะเบียนเป็น 180 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และเพิ่มสินค้าใหม่ รสชาติ “หมูน้ำตก” ติดตั้งเครื่องป้อนเครื่องปรุงอัตโนมัติในผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรส ต้มยำกุ้ง และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท เพรซิเดนท์เดนิชฟูดส์ จำกัด จากร้อยละ 74 เป็น ร้อยละ 99.99
:: พ.ศ.2544
ขยายกำลังการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่โรงงานลำพูนจาก 40 ตัน เป็น 80 ตัน/วัน ในเดือนกรกฎาคม 2544 โดยได้รับสิทธิ์ BOI มีการออกแบบผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติใหม่
ได้แก่ หมูต้มยำ และโป๊ะแตก และออกแบบผลิตภัณฑ์ขนมปังรสชาติใหม่ได้แก่ บลูเบอรี่ แบล็คเคอเร๊นท์ และเลมอนเชอร์เบท รวมทั้งได้รับรองมาตรฐาน HACCP จาก SGS (Thailand) Limited เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2544 และ EFSIS Standard ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2544 สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทได้ลงทุนใน บจก. เพรซิเดนท์ฟูดส์ (คัมโบเดีย) ประเทศกัมพูชา 30% เพื่อผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศกัมภูชา
:: พ.ศ.2545
เพิ่มผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ “บะหมี่หยกแห้งรสเป็ดย่าง” และ “ต้มยำน้ำข้น” สำหรับการลงทุน บริษัทฯ เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท ลี่ฟุ (ชิงเต่า) ฟูดส์ จำกัด เป็นจำนวนเงิน 26.22 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีสัดส่วนการลงทุนในบริษัท ลี่ฟุ (ชิงเต่า) ฟูดส์ จำกัด จากอัตราร้อยละ 19 เป็นร้อยละ 49 นอกจากนี้บริษัทยังได้ร่วมลงทุนในบริษัท 4 พีเพิลฟูดส์ จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 13
:: พ.ศ.2546
เริ่มนำระบบการจัดการสำเร็จรูป SAP เข้ามาใช้แทนระบบเก่า พัฒนาเว็ปไซต์ของบริษัทฯ ให้ทันสมัยและน่าติดตาม และเพื่อประโยชน์ในการเผยแพราข้อมูลข่าวสารต่อบุคคลภายนอก และบริษัทฯ
:: พ.ศ.2547
บริษัทฯ ได้รับรางวัล Prime Minister’s Export Award 2004 ทั้งหมด 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลเกียรติคุณผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น และ รางวัลผู้ส่งออกดีเด่นประเภทใช้ตราสินค้าของตัวเอง และได้ออกผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ “มาม่าต้มยำเส้นชาเขียว” รวมถึงผลิตภัณฑ์ขบเคี้ยว “มาม่าสแนก” รสบาบีคิว, รสโนริสาหร่าย และรสซาวครีมและหัวหอม
ยังไม่พอนะคะ เราอาจจะคิดว่า ทาง มาม่า เขาจะผลิตแต่ บะหมี่กึ่งสำร็จรูปอย่างเดียว
แต่จริงๆแล้วในเครือบริษัทของมาม่านั้นยังผลิต ผลิตภัณฑ์มากมาย เพียงแต่เราไม่รู้เท่านั้นเอง
ลองมาดูกันนะคะว่ามีอะไรบ้าง และใครพอจะคุ้นชื่อบ้างไหมเอ่ย
ธุรกิจอาหาร | |||
| |||
ธุรกิจวัตถุดิบ | |||
| |||
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ | |||
| |||
ธุรกิจลงทุน เพื่อลงทุนในธุรกิจผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในต่างประเทศ ได้แก่ | |||
| |||
|
ที่มา www.mama.co.th
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น