คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 : เพื่อนห้องโครงการ
เพื่อนห้องโครงการ
“เธออยู่ห้องเดียวกับฉัน!” เสียงกรีดร้องแหลมปี๊ด หอแทบแตกดังมาจากเด็กหญิงคนข้างๆจูเลีย ผมสีส้ม ดวงตาสีทอง ...
คนเดียวกับที่เข้ามาประกาศลั่นห้อง แล้วเชิดหน้าสะบัดออกไป
“ฉันชื่อแพมมิล่า คาร์โพร์ มาจากเบิร์น” เธอพูดเสียงสูงจนจูเลียต้องยกมือมาอุดหูไว้ พลางสังเกตว่าหลายคนก็มีท่าทีไม่ต่างกัน แต่ดูท่าเจ้าตัวไม่ทันได้สังเกต
“เบิร์น ... นครแห่งความแห้งแล้งที่อุดมสมบูรณ์” เสียงเปรยเบาๆจากอีกฟากเรียกแววตาสงสัยให้หันไปมอง
เธอมีผมสีบลอนด์แซมด้วยปอยชมพูๆ นัยน์ตาสีเงินพราวระยับบ่งบอกถึงความมั่นใจและกล้าแสดงออก เพียงมองเข้าไปก็รู้ได้ทันทีว่าสามารถมอบความไว้วางใจที่คนคนนี้ได้อย่างสนิทใจ
“เอ๊ะ! ขอโทษที ... ฉันชื่อไอริส ซีเวทต์ มาจากเอเร” เธอแย้มยิ้ม
“ทุ่งหญ้าน้ำแข็งนั่นน่ะเหรอ ... หึๆๆ” เสียงหัวเราะสยองขวัญดังมาจากมุมที่มืดที่สุดของห้องรวม เธอค่อยๆก้าวเดินออกมาช้าๆ ปล่อยให้แสงสว่างอาบไปทั่วกาย
เด็กสาวผมตรงสีดำตัดไล่ลงมาเป็นขั้นบันได นัยน์ตาสีม่วงเข้มกวาดมองชวนให้เพื่อนร่วมห้องพากันสะดุ้งโหยงกระโดหลบไปทันที
“มิเดียรา เภวย์ จากเฮเดส” เธอพูดเสียงเบา แต่มันกลับดังก้องไปทั้งห้องรวม
“เฮเดสเหรอ ? ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อเลย” แพมมิล่าถามเสียงสูงหลายออกเตป พลางทำตาเหลือกอย่างงงๆ พร้อมกับแบมือออกมาทั้งสองข้างมาข้างลำตัว
“นั่นสิ ... ที่ไหนเหรอ”
“หึๆ อย่างพวกเธอไม่รู้จักหรอก” เธอพูดอย่างเป็นปริศนา ก่อนจะถอยกลับเข้ามุมเดิม
จูเลียมองมิเดียราสลับกับลูน่า สองคนนี่ดูจะสยองขวัญพอกันเลยแฮะ
จูเลียเดินหลบไปนั่งทิ้งตัวนั่งบนโซฟาสีครีมเงียบๆ พลางคิดถึงวิธีดีๆในการซ่อนห้องพัก
“หวัดดี” เสียงหนึ่งร้องทักเธอ นัยน์ตาสีเทาเข้มมองมาที่เข็มกลัดที่อกเสื้อเด็กสาวชั่วแวบหนึ่ง
“จูเลียสินะ ฉันชื่อเกรซ บีทา จากเจเวนิส” เธอนั่งลงช้าๆข้างจูเลีย เส้นผมสีแดงเพลิงเงาวาวภายใต้แสงจากเปลวไฟ เธอมีผิวสัน้ำผึ้งเนียนเรียบรับกับดวงหน้ารูปไข่
เพื่อนร่วมห้องสินะ
เธอคิดพร้อมกับเบือนหน้าหลบนัยน์ตาที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
เฮ้อ ... ดูท่า 3 ปีข้างหน้าคงไม่แคล้วคลาดจากนรกบ้านเก่า
“ดีใจที่หาเธอเจอ” จุเลียตอบ พยายามทำเสียงให้ร่าเริงกว่าที่รู้สึก “ฉันก็มาจากเจเวนิส”
เกรซยิ้มอย่างดีใจ
“เหรอ ว่าแต่คนไหนลูน่าล่ะ” เธอเริ่มยุกยิกขยับตัวไปมาสอดส่ายหาบุคคลอันตราย
“นี่ๆจะเอายังไงเรื่องห้องพัก” คนสยองรีบเปลี่ยนเรื่องคุยที่ดูจะได้ผลชะงักเมื่อเกรซหันหน้ากลับมาที่เธอเหมือนเดิม
“อ๋อ ... ฉันยังไม่ได้คิดเลย” เธอขยับตัวเขินๆ “แต่โรงเรียนนี้สุดยอดเลยเนอะ ... ไม่คิดเลยว่าเวทมนตร์มีอยู่จริง” เกรซหัวเราะเสียงแห้ง
จูเลียยิ้มรับ พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
แน่สิ ... ใครคิดก็บ้าพอดูแหละ
โครม!
เสียงประตูกระแทกปิดอย่างรุนแรงจนหอแทบสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง สายตาหลายสิบคู่ตวัดขวับมามองเด็กหนุ่มผมม่วงต้นเสียง ซึ่งบัดนี้กำลังตีสีหน้าเฉยเมยต่อสิ่งแวดล้อมและแทบไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“มองอะไร” บิลเอ่ยถามเสียงเรียบ พลางก้าวเดินเข้ามาในห้องรวมและทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเซ็งๆ
เหล่าไพร่ฟ้าหน้าสลอนก็รีบกลับไปคุยเรื่องห้องพักต่ออย่างไม่คิดหาเรื่อง
“เฮ้ย! ฉันอยู่ห้องเดียวกับนายรึเปล่า?” เด็กหนุ่มผมสีทรายตะเบ็งเสียงพร้อมกับผลักไหล่เด็กผู้ชายอีกคนที่ตัวเล็กกว่า
“ไม่มั้งครับ หน้าอย่างคุณคงไม่บังอาจเสนอหน้ามาอยู่ห้องผมหรอก”
คำพูดสุภาพแต่แสนจะหยาบคายเรียกให้นัยน์ตาสีเงินเหลือบทองของบิลหันไปมองคนที่พูดด้วยความสนใจ
เด็กหนุ่มร่างเล็ก ผิวขาวซีดเหมือนกระดาษ เช่นเดียวกับสีผมที่เกือบจะดูเหมือนเปล่งแสงสีขาวออกมา สิ่งที่ดูน่ากลัวที่สุดบนใบหน้าหล่อเหลานั้นคงจะเป็นนัยน์ตาสีแดงสดราวกับเลือด
ทันทีที่นัยน์ตาคู่นั้นหันมามอง เด็กหนุ่มผมสีทรายผู้หาเรื่องก็ถึงกับผงะด้วยดวงตาปีศาจ พร้อมกับถอยหลังหนีไปอย่างไม่คิดจะกล่าวลา
บิลขยับยิ้มอย่างถูกใจกับท่าทีของคนตัวเล็ก นิ้วมือยาวดันแว่นตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนสง่าแล้วก้าวขายาวๆตรงไปหาเด็กหนุ่มหัวขาว
“มีอะไรครับ” นัยน์ตาสีแดงตวัดขึ้นสบมองเขา พร้อมเริ่มคำถามอย่างสุภาพ
“ฉันชื่อบิล ไลท์ จากเนเวอร์มอร์เหนือ คิดว่านายคงจะเป็นเพื่อนร่วมห้อง
ของฉัน ...” เขาแนะนำตัวเสียงขรึมพลางมองป้ายชื่อคนตรงหน้า
หมอนี่น่าสนใจชะมัด
นับเป็นไม่กี่ครั้งในชีวิตที่เขายอมแพ้ให้กับความอดทนและทลายกำแพงศักดิ์ศรีมาเริ่มบทสนทนา
“ครับ ... ผมชื่อไกอา ซีเซตท์”
“นายมาจากไหน” บิลถามต่อ สีผมสีตาประหลาดแบบนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
“ไม่ครับ คุณไม่รู้จักหรอก”
“ฉันรู้จักทุกที่บนแผ่นดินเทเลนต์” เด็กหนุ่มตอบอย่างไว้ตัว
เรื่องอะไรนายจะมาทำรู้ดี
ไกอาส่ายหัว “คุณไม่รู้จักจริงๆครับ” เขาโค้งศีรษะลง “หากคำพูดผมทำให้คุณไม่พอใจก็โปรดอภัย”
บิลเลิกคิ้วงงๆ ขณะมองแผ่นหลังของไกอาที่เดินจากไป
มันแปลกจริงๆ เขาถอนหายใจ ถ้าจะสนิทกับมันได้ คงต้องตายแล้วเกิดใหม่
นัยน์ตาสีเงินเหลือบทองก้มลงมองเศษกระดาษในมือที่เพิร์ตเพิ่งส่งให้พวกเขาก่อนเข้าห้องรวม
นิโคลัส แอล เทอร์โร
ฮิวจ์ พอล เอลเฟริซ์
ไกอา บิล อาราธอร์น
โตเรท เบอร์นาร์ด มาร์ติน
บิลเม้มริมฝีปาก ก่อนกวาดมองรอบห้องรวม พยายามหาจุดที่ดีที่สุดในการซ่อนห้องพัก
ถ้าหลังรูปภาพก็ธรรมดาชะมัด
แล้วเด็กหนุ่มก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาต้องแย้มยิ้มถูกใจ ก่อนก้าวขายาวๆไปดูที่ข้างหน้าต่าง พลางสำรวจมันด้วยความสนใจ
ถ้าเอาไอ้นี่เป็นประตูห้องจะเป็นยังไงนะ ...
พลันความคิดก็สะดุดกึก เมื่อรู้สึกถึงนิ้วมือที่มาสะกิดยิกๆที่หัวไหล่
นัยน์ตาสีเงินเหลือบทองหันกลับมามองอย่างหงุดหงิดใจที่ถูกขัดจังหวะ
รอยยิ้มอย่างเป็นมิตรถูกส่งมาให้โดยไม่เกรงกลัวรัศมีความข่มขู่ของคนตรงหน้า เด็กหนุ่มผมสีทองบลอนด์อ่อนๆซอยสั้นประบ่า นัยน์ตาสีน้ำเงินพราวระยับบ่งบอกถึงนิสัยเจ้าตัวว่ากำลังหัวเราะเยาะกับท่าทีมากเกินพอดีของบิล
“ฉันว่านายน่ะ ต้องถามคนอื่นตอนเลือกห้องด้วยนะ” เขาฉีกยิ้มกว้าง อย่างที่บิลคิดว่าน่าเตะชะมัด
“ไม่ใช่เรื่องของนาย” พูดแล้วก็เกือบกัดลิ้นตัวเอง ความโกรธจะเอาชนะคนตรงหน้า ทำให้ลืมดูป้ายชื่อเด็กหนุ่มเจ้าปัญหา ‘อาราธอร์น’
ซวยล่ะ ... นี่ก็เรื่องของมันนี่หว่า
แต่ก่อนที่เขาจะคิดคำแก้ตัวได้ทัน เสียงหัวเราะลั่นหอก็ดังมาจากเพื่อนร่วมห้องจนเรียกให้สายตาของนักเรียนคนอื่นๆซึ่งกำลังจับกลุ่มคุยกันที่หน้าล็อกเกอร์หันมามอง
ดูท่าหน้ามันจะถูกฉาบด้วยปูนซีเมนต์ ถึงได้ยังหัวเราะต่อไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ขำบ้าอะไร” คนความอดทนต่ำต้องข่มใจนับหนึ่งถึงสิบ
“เอ่อ” เขายกมือเช็ดน้ำตา ก่อนกลืนเสียงหัวเราะลงคอ แม้รอยยิ้มยียวนยังคงประดับดวงหน้าคมคาย
“ไม่ใช่เรื่องของฉัน?” อาราธอร์นตั้งใจถามเสียงสูง ให้คนฟังที่กำลังเดือดปุดๆยิ่งต้องกำหมัดแน่น
“หึๆๆ” เด็กหนุ่มขยับเท้าเข้ามาใกล้ก่อนยกมือตบไหล่เขาป้าปๆด้วยความสนิทสนม “นายไม่ต้องคิดมากหรอกนะ เพราะว่าใครๆย่อมผิดพลาดกันได้”
นัยน์ตาสีเงินหดวูบกับประโยคที่เกลียดสุดๆแล้วหมัดหนักๆก็เหวี่ยงโครมตรงเข้าใบหน้าคนสั่งสอน
“ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะสะท้านโลกาจากเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์ทองอ่อน เรียกให้คนที่กำลังไม่สบอารมณ์อยู่อย่างบิลตีหน้าไม่ถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางเพื่อนใหม่หลายคนที่เมื่อครู่เพิ่งมาห้ามการตะลุมบอนด้วยท่าทีไม่เต็มใจที่บิลพอจะเดาออกว่าพวกนี้มันเสียดายกันอย่างสุดซึ้ง แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของวันแรกจึงต้องวางตัวเป็นนักบุญขวางทางปีศาจ
ภาพลักษณ์ ...
สิ่งที่แตกกระเจิงเป็นเสี่ยงๆตั้งแต่วันแรกที่พบหน้า
หลังจากเขาปล่อยหมัดแรกไปเต็มที่ เจ้าคนความรู้สึกไวก็กระโดหลบวูบพร้อมกับส่งยิ้มโผล่มาให้ แต่สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือ จะเหวี่ยงไปกี่หมัดหมอนี่ก็หลบพ้นหมดราวกับรู้ทาง
เจ็บใจชะมัด เขากัดฟันพยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลงโดยไม่ใส่ใจกับเสียงของอาราธอร์นที่คุยอยู่กับเพื่อนใหม่ด้วยท่าทีภาคภูมิ
“นาย
“นั่นสิ ถ้าโดนเข้าไป ฉันว่านายได้ไปเฝ้าพระพรหมที่สวรรค์ชั้นเจ็ดแน่ๆ” เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานดังสลับไปมา ก่อนเจ้าตัวเอ่ยขัด
“มันก็ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง” อาราธอร์นวางมาดอาจารย์ ขณะที่เพื่อนใหม่เริ่มชายตามองอย่างสนใจกับเคล็ดลับที่คนตรงหน้าจะเอ่ย “หนึ่ง ... คือการจู่โจมของคู่ต่อสู้ สอง ... คือการคาดเดา”
“คาดเดา?”
“ใช่ ... แต่วิธีนี้มันใช้ได้ผลเฉพาะคนมีความสารถอย่างฉันเท่านั้น” ประโยคต่อท้ายเรียกเสียงโหจากเพื่อนๆในหอ
บิลถอนใจเฮือก
บางทีการที่มันหลบเก่งอาจเป็นเพราะ มันต้องหลบหมัดอยู่บ่อยๆ
หมัด ... ที่สัตว์เลี้ยงน่ารักในปากหมอนั่นไปสรรหา
ความคิดเห็น