ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสนาคริสต์ ,, (- Catholic -)

    ลำดับตอนที่ #39 : • ประวัติอัครสาวก (1) •

    • อัปเดตล่าสุด 31 ธ.ค. 49



    นักบุญเปโตร ,, พระสันตะปาปาองค์แรกของพระศาสนจักร

    นักบุญเปโตร ซีมอน เป็นชาวประมงคนหนึ่งของตำบลเบทไซดา (ลก. 5:3 ;ยน.1:44 ) ต่อมาได้ย้ายมาตั้งหลักแหล่งที่เมืองคาร์เปอร์นาอุม ( มก. 1: 21,29 ) นักบุญอันดรูว์ น้องชายของท่านได้เป็นคนแนะนำให้ท่านติดตามพระเยซูเจ้า ( ยน. 1:42 ) และอาจเป็นนักบุญยอห์น แบปติสต์ที่ได้เป็นผู้ตระเตรียมจิตใจของท่าน สำหรับการพบปะครั้งสำคัญของท่านกับองค์พระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าได้ทรงเปลี่ยนชื่อท่านและทรงเรียกท่านด้วยชื่อใหม่ว่า "เปโตร" (มธ. 16: 17-19) เพื่อทำหน้าที่เป็นศิลาพื้นฐานในตัวบุคคลของท่านเองที่พระองค์จะทรงสร้างคริสตจักรไว้นักบุญเปโตร เป็นพยานบุคคลแรกๆผู้หนึ่งที่ได้แลเห็นพระคูหาว่างเปล่าของพระอาจารย์ ( ยน. 20:6 ) และได้รับการประจักษ์มาขององค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพ ( ยน. 21:1-2 ) หลังจากที่พระเยซูเจ้าได้เสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว ท่านก็ทำหน้าที่เป็นผู้นำบรรดาคริสตชน ( กจ. 1: 15 ; 15:7 ) ได้กล่าวสรุปข่าวดี (พระวรสาร) ( กจ. 2:14-41 ) และท่านเองเป็นคนแรกที่ได้แลเห็นความจำเป็นที่จะต้องเปิดพระศาสนจักรไปสู่คนต่างชาติ ( กจ.10-11 )ภารกิจด้านวิญญาณที่ได้รับมอบหมายมิใช่ว่าจะช่วยให้ท่านหมดจากสภาพของความเป็นคน หรือจากข้อบกพร่องต่างๆ ทางอารมณ์ก็หาไม่ (มธ.10: 41 ; 14:26,66-72; ยน. 13: 6;18:10; มธ. 14: 29-31 ) นักบุญเปาโลเองก็มิได้ลังเลใจแต่อย่างใด ที่จะพูดจาต่อว่าท่านเวลาที่พบกันที่เมืองอันติโอก ( กจ.15; กท. 2:11-14 ) เพื่อเชิญชวนท่านว่าไม่ต้องปฏิบัติตามแบบชาวยิว ในเรื่องนี้รู้สึกว่านักบุญเปโตร ยังตัดสินใจช้า และยังถือว่ากลุ่มคริสตชนซึ่งเดิมทีเป็นคนต่างศาสนา ก็ยังด้อยกว่าหรือเป็นรองกลุ่มคริสตชนที่เดิมทีเป็นชาวยิว ( กจ. 6: 1-2 ) ต่อเมื่อนักบุญ เปโตรได้มาที่กรุงโรม เมื่อนั้นแหละท่านจึงจะได้กลายเป็นอัครธรรมทูตของทุกๆคน และได้ทำหน้าที่ของท่านอย่างครบถ้วนคือเป็น "ศิลาหัวมุม" ของพระศาสนจักรของพระเยซูเจ้า โดยรวมชาวยิวและคนต่างศาสนาให้เข้ามาอยู่ภายในอาคารเดียวกัน

    ในไม่ช้า หลังจากนี้ กษัตริย์เฮรอดได้จำคุกนักบุญเปโตร พระองค์ได้ประหารชีวิตนักบุญยากอบ(องค์ใหญ่) และตั้งพระทัยไว้ว่าพระองค์จะทำกับนักบุญเปโตรเช่นเดียวกัน แต่พระเป็นเจ้าได้ทรงปลดปล่อยท่านอย่างมหัศจรรย์ โดยส่งเทวดาองค์หนึ่งมาช่วยท่านหนีออกจากคุก เพื่อนักบุญเปโตรจะได้ดำเนินงานแพร่ธรรมต่อไปอย่างร้อนรน ด้วยการเทศนาและทำให้คนกลับใจ หลังจากงานแพร่ธรรมได้ผลิดอกออกผลเป็นเวลา 6 ปี หัวหน้าอัครสาวกได้เดินทางไปกรุงโรม เมืองหลวงของอาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่ ท่านได้เดินทางบนบกข้ามน้ำข้ามทะเล และมาถึงปอร์ต้า ปอร์ติส ใจกลางของโลกที่ไม่เชื่อถือพระเจ้า มีสัตบุรุษกลับใจจำนวนหนึ่ง ตั้งรกรากอยู่บนฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ ในการเบียดเบียนศาสนาครั้งแรก เขาทั้งหลายถูกขับไล่ออกจากกรุงเยรูซาเล็ม คริสตชนเหล่านี้ได้มาต้อนรับท่าน และนักบุญพริสซีเลียได้พาท่านไปอยู่กับครอบครัวของเธอ ซึ่งมีสมาชิกทุกคนเป็นนักบุญ ต่อมาจักรพรรดิเนโร แห่งโรม ได้สั่งทหารให้จับนักบุญเปโตรขังคุก ท่านได้ดำเนินการเทศนาต่อไปถึงแม้ว่าท่านติดอยู่ในคุก และได้ทำให้ผู้คุมกลับใจ พระเป็นเจ้าได้ทรงจัดหาน้ำให้ท่าน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการประกอบพิธีรับศีลล้างบาป โดยให้น้ำพุเป็นฟองผุดขึ้นมาจากพื้นดินในห้องขัง คริสตชนชาวโรมได้อ้อนวอนหัวหน้าอัครสาวกให้หนีออกจากคุก ในที่สุดแผนการของเขาทั้งหลายได้ประสบความสำเร็จ คนได้หย่อนท่านลงจากกำแพงคุกและท่านก็รีบเดินทางไปยังปอร์ตาคาปิน่า ขณะหลบหนี ท่านได้พบพระเยซูเจ้ากำลังแบกไม้กางเขนของพระองค์ จึงเอ่ยถามว่า "พระเจ้าข้า พระองค์เสด็จไปที่ไหน?"
    "เราไปโรม ถูกตรึงกางเขน อีกครั้งหนึ่ง เพื่อท่าน"
    นักบุญเปโตรได้เข้าใจน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า ท่านต้องกลับไปโรมทนทุกข์ทรมานเพื่อฝูงแกะของท่าน ณ จุดนั้นได้มีการสร้างวัดเล็กๆหลังหนึ่ง ชื่อว่า "โควาดิส" เพื่อระลึกถึงการประจักษ์ของพระเยซูเจ้าครั้งนั้น

    เมื่อกลับถึงโรม ท่านถูกขังคุกและโบยตี ในที่สุดนักบุญเปโตรได้ให้พรอำลาฝูงแกะของท่าน โดยเฉพาะนักบุญเปาโล ผู้ซึ่งกำลังจะโดนตัดศีรษะในวันเดียวกันนอกกรุงโรม แล้วทหารพาท่านขึ้นไปบนยอดเขาวาติกัน สถานที่สำหรับประหารชีวิต ท่านจะต้องตายถูกตรึงบนไม้กางเขน ท่านคิดว่าตัวท่านไม่สมควรตายแบบเดียวกับพระอาจารย์ ท่านได้ขอร้องนายทหาร ตรึงกางเขนท่านเอาศีรษะลงและเท้าชี้ฟ้า คำขอร้องของท่านได้รับอนุมัติ พระสันตะปาปาองค์แรกและผู้แทนพระคริสตเจ้าบนแผ่นดินนี้ ได้รับรางวัลชั่วนิรันดรในสวรรค์ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ในปี 67 รวมทั้งพระสันตะปาปา 31 องค์แรกต้องหลั่งโลหิตเพื่อพิทักษ์รักษาพระศาสนจักร ซึ่งเป็นหนึ่งเดียว ศักดิ์สิทธิ์ สากล และสืบต่อจากอัครสาวก

    .
    .

    นักบุญแอนดรูว์ ,, องค์อุปถัมภ์ของชาวประมง ประเทศรัสเซียและสกอตแลนด์

    อันเดรอัส เป็นชื่อกรีกที่ไพเราะมาก ซึ่งมีความหมายว่า "สมเป็นชายชาติบุรุษ" ดูเหมือนว่าท่านจะเป็นคน ใจกว้าง มีความพร้อมเสมอ เปิดเผยมีความกระตือรือร้น นักบุญ แอนดรูว์ เป็นบุตรของผู้เฒ่าโยนา แห่งเบ็ธไซดา (มธ 6:17) เป็นน้องชายของนักบุญเปโตร และได้เป็นลูกศิษย์ของนักบุญยอห์น แบปติสต์ มาก่อน ซึ่งได้ทำให้ท่านรู้จักนักบุญยอห์นอัครธรรมทูตด้วย และพร้อมๆกับนักบุญยอห์นนี่เองที่ท่านได้เป็นสานุศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้าเป็นพวกแรก และเป็นท่านเองที่ได้นำพี่ชายคือ นักบุญเปโตรให้มารู้จักพระเยซูเจ้าอีกด้วย (ยน 1:35-42)

    การมีปากมีเสียงของท่านในกลุ่มของพวกอัครธรรมทูตรู้สึกว่ามีน้อยครั้งมาก ทว่าแต่ละครั้งก็มีความหมาย และมีความสำคัญมาก ๆ เช่น ต่อหน้าประชาชนที่กำลังหิวโหย โดยท่านได้กล่าวกับพระอาจารย์ว่า มีเด็กคนหนึ่งมีขนมปัง 5 ก้อนและปลา 2 ตัว (ยน 6:9) ซึ่งคล้ายกับว่าจะเป็นการเชื้อเชิญพระองค์ให้ทรงทำอัศจรรย์ และเวลาที่อยู่กับท่านยอห์น แบปติสต์ ท่านคงได้รู้จักกับพวกแอสเซนิสท์เป็นอย่างดี และคงจะรอคอยพระแมสซีอาห์ด้วยความหวังเหมือนกับชนกลุ่มนี้ ดังนั้นจึงเป็นท่านเองที่ได้ตั้งคำถามพระเยซูเจ้า และพระองค์ก็ได้ตอบคำถามนี้ด้วยบทเทศน์ เกี่ยวกับวันสุดท้าย (มก 13:3-37) ที่สุดท่านได้แสดงให้เห็นถึงการมีใจกว้าง เป็นต้น สำหรับปัญหาการแพร่ธรรม คือ พร้อมกับนักบุญฟิลิป ท่านได้รับรองชนต่างศาสนาว่าพวกนี้มีน้ำใจดีและต้องการเข้าหาพระเยซูคริสตเจ้า (ยน 12:20-22)

    ตามคำบอกเล่าซึ่งไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างแน่ชัดกล่าวว่า นักบุญแอนดรูว์ได้ไปประกาศพระวรสารในประ เทศกรีกและในแถบเอเชียไมเนอร์ และตามคำบอกเล่านี้ ท่านได้สิ้นใจเป็นมรณสักขีที่เมืองปาตราสโซ โดยถูกผูกติดที่ไม้กางเขนที่ทำเป็นตัวอักษร X ดังนั้นกางเขนแบบนี้จึงเรียกกันติดปากว่า "กางเขนของนักบุญแอนดรูว์" ท่านมีชีวิตอยู่ในสภาพทรมานแบบนั้นแค่ 2 วัน แต่ยังเทศน์ให้คนที่อยู่รอบๆตัวฟังได้ ประเทศรัสเซียและสก๊อตแลนด์ได้เลือกนักบุญแอนดรูว์เป็นองค์อุปถัมภ์ พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ได้คืนพระธาตุของนักบุญแอนดรูว์ให้กับพระศาสนจักรตะวันออก พระธาตุนี้ได้รับการเก็บรักษาไว้ในพระวิหารนักบุญเปโตร และได้ถูกนำกลับไปสู่เมืองปาตราสโซ

    นักบุญแอนดูรว์ได้เป็น "ธรรมทูต" องค์แรกในบรรดาพวกอัครธรรมทูต นักบุญยอห์นสามารถเป็นพยานถึงเรื่องนี้ได้ เพราะขณะที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกท่าน (ประมาณเวลา 4 โมงเย็น) นักบุญยอห์นก็อยู่ด้วย และทันทีหลังจากที่ได้พบกับพระเยซูเจ้าและนักบุญแอนดรูว์ก็ได้ไปบอกกับซีมอนพี่ชายว่า "เราได้พบพระแมสซียาห์แล้ว" และท่านก็ได้พาพี่ชายไปพบกับพระเยซูเจ้า (ยน 1:41)

    การร่วมถวายบูชามิสซาของเราคงจะไม่เกิดผลแต่อย่างใด ถ้าหากว่าเราไม่ได้เริ่มด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเป็นพยานถึงการที่ "ตัวเราได้พบพระคริสตเจ้าแล้ว" และเราก็คงจะไม่มีจิตสำนึกว่าเป็นสิ่งที่เร่งด่วนเพียงใดที่จะพาพี่น้องของเราคนอื่น ๆไปพบกับพระคริสตเจ้า เพื่อให้พระองค์ทรงต้อนรับพวกเขาพร้อม ๆ กับพวกเราด้วยที่โต๊ะเสวยของพระบิดาเจ้า

    .
    .

    นักบุญยากอบ องค์ใหญ่ ,, นักบุญองค์อุปถัมภ์ช่างทำหมวก ผู้ป่วยโรคไขข้อ ผู้ใช้แรงกาย ผู้แสวงบุญ

    นักบุญยากอบเป็นบุตรของเศเบดีและนางสะโลเม ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์ชุดแรกสี่คน ที่พระเยซูทรงเรียก

    " ขณะที่ทรงดำเนินไปตามชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องสองคน คือซีโมน ที่เรียกว่าเปโตรกับอันดรูว์น้องชายกำลังทอดแห เขาเป็นชาวประมง พระองค์ตรัสสั่งว่า "จงตามเรามาเถิด เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์" เปโตรกับอันดรูว์ก็ทิ้งแหไว้ แล้วตามพระองค์ไปทันที
    เมื่อทรงดำเนินไปจากที่นั่น พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องอีกสองคนคือ ยากอบบุตรของเศเบดีและยอห์นน้องชาย กำลังซ่อมแหอยู่ในเรือกับเศเบดีผู้บิดา พระองค์ทรงเรียกเขา ทันใดนั้น เขาก็ทิ้งเรือและบิดา แล้วตามพระองค์ไป" (มธ 4:18-22)

    ที่เรียกว่า "องค์ใหญ่" เพราะท่านเป็นอัครสาวกก่อนนักบุญยากอบ อัครสาวกอีกองค์ ซึ่งเป็นบุตรของนางมารีย์

    ในหมู่อัครสาวกด้วยกัน ท่านก็เป็นคนที่มีความสำคัญคนหนึ่ง ชื่อท่านจะปรากฏในพระวรสารหลายแห่ง ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงทำอัศจรรย์ เช่น เมื่อพระเยซูเจ้าได้ทำให้บุตรสาวของไยรัสกลับเป็นขึ้นมา พระองค์ทรงอนุญาต เปโตร, ยอห์น และยากอบ เท่านั้น ที่อยู่ในเหตุการณ์มหัศจรรย์นั้น (ลก 8 :49-50) หรือขณะที่พระองค์ทรงรักษาคนถูกปิศาจสิง ท่านก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย (มธ 17:14-21 , ลก 9: 37-43) เป็นต้น

    มีเหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นบนภูเขาเพื่อสวดภาวนา พระองค์ทรงตั้งพระทัยให้เปโตร, ยอห์น และยากอบ ไปกับพระองค์ด้วย และบนภูเขาลูกนี้พวกเขาได้รับพระพรพิเศษ เป็นสักขีพยาน แลเห็นสิ่งที่ไม่มีใครได้เห็น พระเยซูเจ้าได้จำแลงพระกาย ทรงสนทนากับโมเสส และเอลียาห์ ในขณะที่พระสุรเสียงของพระเป็นเจ้าดังก้องกังวาลจากก้อนเมฆในท้องฟ้า (มธ17:1-8,ลก9:28-36),

    ยากอบต้องเป็นพระสหายใกล้ชิดสนิทกับองค์พระเยซูเจ้าเป็นพิเศษ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งท่านและน้องชาย (จอห์น) ได้รู้สึกว่าตนมีสิทธิที่จะไปหาพระเยซูเจ้า และขอพระองค์ประทานอะไรก็ได้ที่เขาทั้งสองต้องการ โดยความรักอันไม่มีขอบเขตของพระองค์ เพราะท่านทั้งสองได้เข้ามาทูลพระองค์ว่า "พระอาจารย์ ข้าพเจ้าทั้งสองปรารถนาให้พระองค์ทรงกระทำตามที่ข้าพเจ้าจะขอนี้" พระองค์ตรัสถามว่า "ท่านปรารถนาให้เราทำสิ่งใด" ทั้งสองทูลตอบว่า "ขอโปรดให้ข้าพเจ้าคนหนึ่งนั่งข้างขวา อีกคนหนึ่งนั่งข้างซ้ายของพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์เถิด" พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า "ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้ไหม หรือรับการล้างที่เราจะรับได้หรือไม่" ทั้งสองทูลว่า "ได้ พระเจ้าข้า" พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า "ถ้วยที่เราจะดื่มนั้น ท่านจะได้ดื่ม และการล้างที่เราจะรับนั้น ท่านก็จะได้รับ แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้ แต่สงวนไว้สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้" (มก 10:35-40 บุตรของเศเบดีขออภิสิทธิ์ )

    เมื่อได้ยินคำขอเช่นนั้น อัครสาวกอื่นๆอีกสิบคนรู้สึกโกรธยากอบและยอห์น แต่พระเยซูเจ้าทรงใช้โอกาสนั้น ประทานคำสั่งสอนแก่เขาทั้งหลายว่า "ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่า คนต่างชาติที่คิดว่าตนเป็นหัวหน้าย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้เป็นใหญ่ย่อมใช้อำนาจบังคับ แต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น
    และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในหมู่ท่าน ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ทุกคน เพราะบุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์" ( มก 10:41-45 ผู้นำต้องรับใช้ผู้อื่น )

    ถึงแม้พวกเขามีข้อผิดพลาดเหล่านี้ พระเยซูเจ้ายังทรงเลือก เปโตร จอห์น และ ยากอบ เป็นเพื่อนของพระองค์ ขณะสวดภาวนาในสวนเกธเซมานีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะถูกจับกุม พระเยซูเจ้าคงจะต้องเสียพระทัยอย่างยิ่ง ที่อัครสาวกทั้งสามคนนอนหลับ ในขณะ ที่พระองค์เข้าตรีทูตในเย็นวันนั้น

    ยากอบได้ดื่มจากถ้วยซึ่งพระเยซูเจ้าได้ทรงดื่ม ไม่นานหลังจากพระองค์ได้กลับคืนชีพ กิจการอัครสาวก 12:1 บอกเราว่า ท่านเป็นหนึ่งในมรณะสักขีองค์แรกของพระศาสนจักร เสียชีวิตขณะอายุ 44 ปี โดยพระเจ้าเฮรอด อะกริปปาที่หนึ่ง ได้ประหารชีวิตท่านด้วยดาบ ในสมัยแรกเริ่มเบียดเบียนพระ ศาสนจักร มีคนเล่าว่าชายที่จับกุมท่านได้กลับใจหลังจากฟังคำเทศนาของเขาในระหว่างการดำเนินคดี และถูกประหารชีวิตพร้อมกับเขา

    ท่านเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ช่างทำหมวก ผู้ป่วยโรคไขข้อ ผู้ใช้แรงกาย ผู้แสวงบุญ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×