ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พาราเรล ออนไลน์ [ online ]

    ลำดับตอนที่ #27 : ตอนที่ 17 หัวหน้าสมาพันธ์​​ (ครึ่งแรก)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 705
      3
      13 ม.ค. 56

    ตอนที่ 17 หัวหน้าสมาพันธ์

        มิเชลรีบดึงฮู้ดขึ้นมาปิดหน้า แต่ทำไปก็เท่านั้นเพราะถูกเห็นแล้ว... เธอยังนึกแปลกใจอีกอย่าง พี่มิลเลอร์กำลังใส่เสื้อคลุม..? มิเชลจำได้ว่าพี่ไม่ใช่จอมเวทแน่นอน เพราะตอนเจอกันครั้งแรกเขาสวมชุดเกราะสีเงิน

        และแม้แต่งกายเหมือนจอมเวทที่ดึงหมวกลงมาปิดหน้าปิดตา ความหยิ่งผยองเดิมๆ นั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง พี่ยังมองเธอเหมือนก้มดูจากที่สูงกว่า ทว่า หางตาเขากระตุกเล็กน้อย

        “ผม... ทำไมผมเป็นแบบนั้น!?” ชายหนุ่มยกนิ้วชี้ไปที่ผมของมิเชล มันเป็นทรงสีดำตัดสั้น

        มิเชลเพิ่งสังเกตว่า ถึงจะตายไปด้วยฝีมือเมสโซ่แล้ว ผมเธอก็ยังสั้นเหมือนเดิม มันไม่ยาวขึ้นหลังจากเกิดใหม่เลย

        “หมดกัน... อุตส่าห์ลงโฆษณาตั้งแพง..” มิลเลอร์ยกมือขึ้นกุมขมับ

        “โฆษณา?... แมกกาซีนนั่นสินะ...” มิเชลจ้องเขา เมื่ออยู่ในร่างผู้ชายเหมือนกัน ส่วนสูงจึงเท่ากันตามไปด้วย

        “จั๊งค์บอกว่าเจอ ‘รองหัวหน้า’ ของสมาพันธ์ที่งานประลองรอบแรก ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมถึงไม่เกิดความวุ่นวายอะไรขึ้น รูปในแมกกาซีนแต่งแสงกับสีเยอะไป.. พอตัดผมแล้วหน้าก็ไม่เหมือนในรูปนี่เอง น่าเสียดายชะมัด!”

        “เดี๋ยวนะ พี่จงใจทำแบบนั้นเพื่อให้มิเชลมีเรื่องวุ่นวาย!?”

         “ไม่ใช่สิ ไม่ได้มาเพื่อพูดเรื่องนี้..!” เขารีบเปลี่ยนเรื่อง “ฉันมาเพื่อถามว่า เรื่องของเกราะแดงเธอรู้มากแค่ไหน?”

        “หมายถึงพวกคนแต่งแฟนซีสีแดงที่กำลังระรานเมืองอยู่?”

        “นั่นคือระดับที่เธอรู้ใช่ไหม”

        “มันยังมีมากกว่านี้อีกเหรอ? แล้วเรื่องแมกกาซีนล่ะ..” เธอคาดคั้นคำถามเดิม

        “ลืมเรื่องแมกกาซีนไปก่อนแล้วจะเล่าให้ฟัง” ผู้เป็นพี่ชายตอบตรงๆ “รู้อะไรเพิ่มไว้สักหน่อยก็ดี”

        มิลเลอร์เรียกให้มิเชลตามมา เธอจึงรีบก้าวตามเขาไป ผู้เป็นพี่ชายเดินนำเข้าในโซนร้างผู้เล่น... ซึ่งก็คือโซนบ้าน NPC

        ส่วนคึกคักสุดของเมืองคือตลาดกับลานกลางเมืองที่มีป้ายประกาศ แต่บริเวณเงียบเหงาสุดย่อมไม่พ้นบ้าน NPC เพราะมันไม่มีอะไรให้ทำ แถมยังอยู่ลึกเข้าไปด้านในสุด เรียกว่าไม่มีความจำเป็นต้องเดินผ่านสักนิดเดียว

        เหล่า NPC ใช้ชีวิตทุกอย่างตามบทที่โดนป้อนเอาไว้ ตั้งแต่จ่ายตลาด ซื้อของหรือเปิดร้าน พอถึงเวลากลางคืนจะกลับเข้าบ้านนอน และในตอนนี้พี่มิลเลอร์กำลังจะงัดบ้าน NPC ต่อหน้าต่อตามิเชล เธอทำตาวาวพร้อมกับร้องห้ามเขา

        “พี่กำลังจะทำเรื่องไม่ดีอีกแล้ว!” ด้วยประสบการณ์ส่วนตัว เธอจึงคาดโทษล่วงหน้าว่าพี่กำลังก่อปัญหาแน่นอน

        “นี่มันก็แค่บ้าน NPC และกุญแจก็อยู่ตรงนี้” มิลเลอร์รีบยื่นที่ไขลานรูปหัวใจให้ดู

        ทุกประตูในเมืองล้วนแต่ต้องใช้ลานไขเข้าไป และพี่มีลานของบ้านหลังนี้ มิเชลยิ่งทำหน้างงหนักกว่าเดิมว่าเขาจะทำอะไร

        “เข้าไปเถอะน่า ประตูเปิดแล้ว”

        เธอโดนดึงเข้าไปข้างในและได้พบกับครอบครัว NPC ขนาดเล็ก มีพ่อ แม่กับเด็กผู้ชายอีกสองคนนั่งบนโซฟา เหล่าสมาชิกในบ้านกำลังถือจานอาหารพลางหันมาจ้องมิเชลพร้อมกัน พลัน เด็กทั้งคู่่กระโดดลงจากเก้าอี้ แล้ววิ่งไปเกาะมือเธอคนละข้าง

        “พี่นักผจญภัยคนใหม่!”

        “จะมีเรื่องเล่าอะไรมาเล่าอีกใช่ไหมครับ!”

        มิเชลผงะ เด็กทั้งคู่หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบ สงสัยจะฝาแฝด.. และเมื่อดูจากส่วนสูงก็น่าจะประมาณสิบขวบ อายุพอๆ กับบรรดาน้องจอมซนของโทนี่  ทว่า หนูน้อยสองคนค่อนข้างเรียบร้อยกว่ามาก พวกเขาแค่จับมือเธอแล้วจ้องมองด้วยสายตาอ้อนวอนเท่านั้น

        “เล่าอะไรไปก็ได้” มิลเลอร์เดินตามเข้ามาแล้วปิดประตูบ้าน

        “อะไรก็ได้เหรอ..” เธอพยายามนึก เอาสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้คงจะได้ล่ะมั้ง “วันนี้มีงานประลองของเทศกาลคริสมาสต์..”

        “พี่ชายจะเล่าเรื่องแล้ว!” หนึ่งในสองลากแขนเธอไปนั่งบนโซฟาที่ยังว่างอยู่ และมิเชลก็ไม่ได้ขัดขืน

        “พี่ชายกำลังจะเล่า!” อีกคนยื่นถาดคุกกี้ยื่นให้

        “กินสิ!”

        “กินคุกกี้นำโชคแล้วจะได้มีแรงเล่าต่อ!”

        มิเชลคว้าไปหนึ่งชิ้น เด็กที่ส่งคุกกี้ก็รีบเก็บถาดออก มิลเลอร์ตามมาทำท่าเหมือนจะขำกับหน้างงๆ ของเธอ

        “ลุกขึ้น ไปชั้นสอง อย่าลืมคุกกี้นำโชคด้วย”

        “อ้าว ไม่ต้องเล่าอะไรก่อนเหรอ” มิเชลเห็นเด็กน้อยทั้งสองยืนเกาะโซฟา สายตาพวกเขาบอกว่ากำลังรอคอยเรื่องเล่าจากปากเธอ

        “ไม่ต้อง ได้ไอเทมมาก็พอแล้ว เด็กพวกนั้นเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เขาจะรบเร้าให้เล่าไปเรื่อยๆ จนข้ามวันเลยด้วยซ้ำ”

        “หา..” เธอทำสีหน้าสยอง เด็กแฝดพวกนี้ชักจะเหมือนปีศาจมากกว่าเทวดาตัวน้อย

        พอขึ้นบันได ตัวละครพ่อกับแม่ในบ้านตะโกนไล่หลังพวกมิเชลว่าห้องนอนแขกอยู่ด้านซ้าย เธอหันไปตอบแต่โดนพี่เร่งให้รีบเข้าห้อง

        ทุกห้องในบ้านหลังนี้มีบานประตูลายเดียวกันหมด มิลเลอร์จึงเอาลานตัวเองไขเข้าได้สบาย และมิเชลต้องตกใจเมื่อเจอคนอัดกันอยู่ในห้องแคบๆ สิบกว่าคน โดยเฉพาะเหล่าเพื่อนเก่าที่เพิ่งจากกันไปไม่นาน

        “จั๊งค์ เรวิน เรเชล!” เธอร้องอย่างดีใจ อย่างน้อย ห้องที่มีแต่คนแปลกหน้าก็ยังมีเพื่อนเก่าอีกสามคนให้อุ่นใจ เพราะมิเชลไม่รู้สึกไว้ใจพี่ชายตัวเองสักเท่าไหร่

        สองในสามหันมายิ้มตามคำเรียก แน่นอนว่าคนที่ตอบด้วยหน้าบึ้งตึงก็ยังเป็นเรวิน นักบวชไร้มนุษย์สัมพันธ์เจ้าเก่า และเธอชักจะชินกับบุคลิกแบบนี้แล้ว

        “มาช้ามากเลยฟ่ะ...” โจรหนุ่มหาวฟอดใหญ่ “ไม่ยักรู้ว่านายต้องเข้าร่วมประชุมด้วย ฉันนึกว่า..”

        จั๊งค์หยุดพูดกะทันหัน มิเชลมองเห็นสายตาห้ามของเรวิน มันกระตุ้นต่อมชวนให้อยากรู้แล้วว่าเขากำลังจะพูดอะไรชะมัด

        “แล้ว... ทุกคนมาทำอะไรกันในนี้?” เธอตั้งคำถาม “ตอนแยกกันที่ลานประลอง พวกจั๊งค์บอกว่ามาประชุม แต่มันผ่านมาสิบกว่าชั่วโมงแล้ว อย่าบอกนะว่าประชุมมาราธอนจนถึงตอนนี้เลย”

        “มีปัญหานิดหน่อยเรื่องเวลา” โจรหนุ่มเล่า “ทุกคนดันเข้าร่วมงานประลองกันหมด ตอนนี้ก็รออีกคนอยู่ แต่ยังไม่มา”

        “พี่เขาส่งข้อความมาบอกว่าเจอคนใหม่ที่เก่งๆ เลยขอเวลาชวนเขาก่อน และจะพามาที่นี่ด้วย” เรเชลเสริม นักดาบหนุ่มน้อยร่างใหญ่ขยับตัวออกและเว้นที่ว่างให้มิเชลนั่งข้างๆ

        ห้องนี้เป็นแค่ห้องนอนแขก เฟอร์นิเจอร์จึงมีเพียงเตียงกับโต๊ะวางของอย่างละตัว ทุกคนก็เลือกนั่งบนพื้นตามแต่สะดวก ยกเว้นจั๊งค์เพราะโจรหัวฟ้ายึดเตียงเอาไว้คนเดียว เขาซุกตัวใต้ผ้าห่มและส่งเสียงงัวเงียใกล้หลับเต็มทีแล้ว

        “เดี๋ยว พาคนไว้ใจได้มาใช่ไหม” เรวินถามน้องชายตัวเอง

        “ผมไม่แน่ใจ แต่พี่เขาบอกว่าเป็นทั้งคนดีและคนเก่ง”

        เรวินคิ้วขมวดหนักกว่าเดิม

        หลังจากนั้น เรเชลเริ่มแนะนำตัวทุกคนให้เธอฟัง พวกเขาล้วนมาจากคนละสมาพันธ์กันหมด นักดาบหนุ่มเล่าต่อว่าการประชุมวันนี้เกี่ยวกับพวกเกราะแดงจึงนัดหารือกัน และตอนนี้ขาดแค่คนที่กำลังเดินทางมาพร้อมสมาชิกใหม่

        ทว่า มิเชลเกิดความสงสัยขึ้นอย่างหนึ่ง... ถึงเธอจะยังหน้าใหม่ขนาดไหน ก็ไม่น่าถูกจ้องซะเชือดเฉือนขนาดนี้ ทุกสายตามองกันแบบไม่มีกระพริบตา

        “คนนี้ใช่ไหม” หนึ่งในนั้นหยิบแมกกาซีนของเกมขึ้นมา หน้าปกมันมีรูปมิเชลตอนผมยาวขยายเต็มกระดาษ “ดูไม่ค่อยมีออร่าเหมือนในรูปเลย”

        มิเชลกำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่โดนมิลเลอร์เขม่นเลยจำใจต้องเงียบลง

        “เข้าเรื่องกันเถอะ ไม่ต้องรออีกคนแล้ว” มิลเลอร์ตบมือเรียกความสนใจกลับมาที่ตัวเอง “อย่างที่ทุกคนรู้ ตอนนี้กลุ่มเกราะแดงกำลังก่อกวนสังคมเกมจนวุ่นวาย..”

        ถัดมา เป็นเสียงตกเตียงของจั๊งค์ ดูเหมือนเรวินจะเป็นคนกระชากลงมาเพราะเขาไม่ยอมตั้งใจฟังดีๆ ส่วนเรเชลกำลังกลั้นขำอยู่ข้างๆ

        “เบามือหน่อยก็ได้เฟ้ย ไอ้เพื่อนบ้า” จั๊งค์ลุกขึ้นใหม่ เขาพยายามจัดทรงผมบนหัวหลังตื่นนอน “พูดต่อเลย ไม่ต้องสนฉัน”

        มิลเลอร์พยักหน้ารับ

        “คิดบ้างไหมว่าการกระทำของพวกเกราะแดงตอนนี้ออกแนวประหลาดมากกว่าพวกบ้าอำนาจ”

        “ประหลาด?” มิเชลพึมพำ

        “ตอนแรกคิดว่าพวกเกราะแดงเป็นพวกบ้าอำนาจธรรมดา แต่การกระทำตอนนี้มันมากเกินคนปกติ พวกเขาสร้างเครือข่ายใหญ่โต.. มีแผนและการทำงานเป็นระบบ”

        “ก็เพราะพวกบ้าอำนาจนั่นมันไม่ธรรมดา ถึงได้มาประชุมกันอยู่ตรงนี้นี่แหละ” หนึ่งในบรรดาตัวแทนสมาพันธ์พูดแทรก

        “แล้วสงสัยไหมว่า ทั้งที่เจ๋งขนาดนั้น ทำไมถึงคิดไม่ได้ว่าการไล่ฆ่าทุกคนที่อยู่นอกสมาพันธ์ตัวเองมีแต่ผลเสียสะท้อนกลับเข้าหาตัว พวกเขากำลังทำให้คนทยอยเลิกเล่น...”

        ทุกคนเข้าใจสิ่งที่มิลเลอร์พูดยกเว้นมิเชล เธอหันไปมองจั๊งค์เพื่อขอให้เขาขยายความ

        “ถ้านายเคยเล่นเกมออนไลน์ที่ไม่มีคน จะรู้ว่าไม่สนุกเลย” โจรหนุ่มอธิบายเสียงเบา “ไม่มีทั้งคนให้ซื้อขาย และสู้กับราชาสัตว์อสูรก็ต้องลุยเดี่ยวนี่มันบ้าชัดๆ”

        “จุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเกราะแดงคืออะไร? ถ้ารู้ได้เราจะขัดขวางพวกเขาที่ตรงนั้นโดยตรง” มิลเลอร์สรุปเนื้อเรื่อง “ตอนนี้พวกเราเป็นคนส่วนน้อย สิ่งที่ทำได้คือหาข้อมูลและเพิ่มระดับให้ตัวเอง และจีบเอาผู้เล่นใหม่เข้าสมาพันธ์ให้ได้มากกว่า”

        “แค่นั้นเองเรอะที่จะทำ สืบหาสาเหตุที่กลุ่มเกราะแดงตั้งขึ้นมา? และทำตัวตามปกติ.. เป็นการประชุมที่ไร้สาระมาก!” หนึ่งในกลุ่มตัวแทนสมาพันธ์ขัดขึ้นมา “พวกเราโดนฆ่าตายทุกครั้งที่ออกนอกเมือง ถ้าสมาพันธ์จักรพรรดิไม่รีบทำอะไรสักอย่าง สมาพันธ์เราก็จะย้ายข้างไปร่วมจับมือกับพวกนั้นแทน”

        “พวกนั้นไม่รับพันธมิตร ต้องเข้าเป็นสมาชิกสมาพันธ์เท่านั้น” เรวินอธิบาย

        “ที่จริง สมาพันธ์จักรพรรดิก็แค่ดังจากเกมอื่น แต่ในเกมนี้ จำนวนสมาชิกยังไม่ถึงร้อยคนด้วยซ้ำ ส่วนพวกเกราะแดงมีอยู่สามพันคน ที่ไม่สู้เพราะรู้ว่าไม่ชนะแน่ๆ ต่างหากล่ะ” อีกเสียงแทรกขึ้น

        “ทั้งที่เคยคิดว่าจะหวังพึ่งสมาพันธ์จักรพรรดิได้ แต่ขาดความรับผิดชอบที่สุด!”

        เกิดเสียงเอะอะถกเถียงกันในระหว่างประชุม เรวินพยายามค้านแต่ทำไม่ได้ ทว่า พอมิลเลอร์กำลังจะอ้าปากพูด เขาก็ถูกขัดด้วยมิเชล

        “สมาพันธ์พวกคุณมีกี่คน” มิเชลโพล่งขึ้น คำถามเธอทำให้ทุกคนชะงักเพราะน้ำเสียงคล้ายจะข่ม

        “ห้าร้อย!”

        “สามร้อย”

        “สองร้อยสิบเอ็ด น้อยที่สุด แต่ก็มากกว่าสมาพันธ์จักรพรรดิ”

        “ถ้าน้อยที่สุด แล้วทำไมถึงเป็นความรับผิดชอบของสมาพันธ์จักรพรรดิที่ต้องคิดล่ะ” เธอถามอีกครั้ง

        “เพราะชื่อเสียงเก่า... แต่ความจริงเป็นแค่สมาพันธ์กระจอกต่างหาก หัวหน้าสมาพันธ์ที่เลเวลต่ำตอนนี้ก็เป็นแค่ไม้ประดับ” เขาพูดถึงมิลเลอร์โดยตรง

        “โอเค.. พอจะไล่ลำดับเนื้อเรื่องได้ล่ะ!” มิเชลโพล่งขึ้นอีกครั้งหลังจากทำท่าคิดอยู่นาน “เพราะชื่อเสียงเก่าเลยมาขอให้ช่วยคิด แต่พอคิดแล้วไม่ถูกใจก็เลยไม่ชอบ แล้วก็เลยโมโห แบบนี้มันไม่ถูกนะ”

        “นั่นมัน... ไม่ใช่! สมาพันธ์จักรพรรดิรวบรวมพวกเรามาที่นี่ ก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบที่พวกเราเสียเวลามาตามนัด!”

        “ที่ทุกคนมาก็เพราะเดือดร้อนเหมือนกัน แล้วทำไมไม่ช่วยกันคิด ในเมื่อพี่..” เธอรีบกลืนคำว่า ‘พี่มิลเลอร์’ ลงคอ “ในเมื่อจักรพรรดิเสนอความคิดตัวเองแล้ว สมาพันธ์อื่นก็ต้องช่วยออกความเห็นด้วย ไม่งั้นก็ไม่ใช่การประชุม”

        จั๊งค์ถึงกับผิวปากเชียร์ ทั้งจั๊งค์กับเรวินไม่เคยเจอการไล่ต้อนคู่เจรจาซื่อๆ แบบนี้ มิเชลในสายตาพวกเขาหลายครั้งก็ดูไม่รู้เรื่องอะไร แต่ด้วยตรรกะแบบเด็กน้อยกลับสื่อสารออกมาเป็นระเบียบและเข้าใจง่ายที่สุด

        โจรหนุ่มรู้จากมิลเลอร์ว่าเธออายุยี่สิบ แต่เขาชักไม่แน่ใจว่าจริงๆ สิบขวบหรือสามสิบแล้วแกล้งแอ๊บใสกันแน่

        “ถ้าแบบนั้นใครก็เป็นแกนนำได้สิ ในเมื่อสมาพันธ์จักรพรรดิยังต้องขอความเห็นจากพวกเรา!” คนที่ตัวใหญ่สุดในกลุ่มตะโกนเสียงดัง

        เขามีอาชีพนักรบคลั่ง และยังมีขนรกรุงรังทั้งร่าง มิเชลมองด้วยสายตาสุดขยะแขยงแล้วเขยิบก้นออกมาให้ห่าง เด็กหญิงกลัวน้ำลายจากปากกว้างๆ นั่นกระเด็นมาโดน เธอไม่แน่ใจว่านั่นคืออุบัติเหตุระหว่างการสร้างตัวละคร หรือรสนิยมส่วนบุคคล

        “ลุกขึ้น!” ชายนักรบคลั่งสั่งมิลเลอร์ “คนเลเวลต่ำอย่างนายก็แค่พวกขี้เกียจฝึกวิชา มัวแต่หลงระรื่นกับความรุ่งเรืองในอดีต ฉันจะแสดงให้ดูเอง!”

        “เอาจริงหรือ?” มิลเลอร์ถามย้ำ เขากำลังมองกรอบข้อความที่ขอให้ยืนยันการท้าสู้

        “เดี๋ยว! ไอ้บ้านี่เพิ่งจะ...” จั๊งค์รีบห้ามทัพ แต่ถูกขัด

        “ลูกน้องถอยไป!”

        “ใครลูกน้องใครฟะ!?” โจรหนุ่มสบถ “ถ้าจะสู้ฉันเองดีกว่า หรือไม่ก็.. รองหัวหน้าของเรา นายเป็นรองหัวหน้า เขาก็รองหัวหน้า สมศักศรีดิ์กันดี”

        “หึ.. ขี้ขลาดจนต้องให้คนอื่นออกรับแทน เนี่ยนะ จักรพรรดิหน้าตายที่คนเขาพูดถึงกัน”

        “จั๊งค์​ พอก่อน” เรวินยกมือปรามเพื่อน เขาเห็นสีหน้าสงบนิ่งของมิลเลอร์จึงคิดปล่อยให้เจ้าตัวจัดการตามที่คิดเอาไว้

        “ที่ถามว่าเอาจริงรึเปล่า ฉันหมายถึงท้าสู้กันจะไม่มีเงินพนันได้ยังไง” คำตอบของมิลเลอร์ทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง

        “ไอ้คนไม่รักษาภาพพจน์สมาพันธ์...” เรวินบ่นขึ้นอย่างเอือมๆ

        มิเชลเคยโดนพี่ชายตัวเองโกงเงิน แต่ไม่คิดว่าเขาจะหน้าเงินเข้าเส้นเลือดขนาดนี้

        “จั๊งค์ เขาจะชนะไหม?”

        “ชนะกับผีสิ.. เลเวลต๊อกต๋อยเอาอะไรไปสู้...”

        “สามหมื่นเหรียญ” ชายนักรบคลั่งพูดขึ้น “ฉันพนันสามหมื่นเหรียญ”

        “โอเค ถ้านายชนะ ฉันจ่ายสองเท่า” มิลเลอร์ข่มทับ

        “ไอ้บ้าเอ๊ย!” จั๊งค์เริ่มเก็บอาการไม่อยู่แล้ว “ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนฟะ”

        ส่วนมิเชลไม่ออกความเห็นใดๆ ต่อ ที่จริงเด็กหญิงยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าหากเขาแพ้แล้วจะมีผลเสียอะไรต่อสมาพันธ์ จะพี่ชายหรือมนุษย์ขนขึ้นเป็นแกนนำต่อต้านกลุ่มเกราะแดง เธอก็ไม่เห็นความแตกต่างอะไร ยกเว้นแค่เรวินกับจั๊งค์ เพราะทั้งคู่ออกอาการเดือดร้อนอย่างสุดๆ

        ขออย่าแพ้เลย เดี๋ยวพวกจั๊งค์จะมีปัญหา แต่แค่ให้ได้เห็นพี่ลงไปกลิ้งบนพื้นบ่อยๆ ก็ดีเกินพอแล้ว!

        มิลเลอร์ถอดเสื้อคลุมนักเวทที่สวมมาตลอดทางออก เขาหยิบเกราะสีเงินขึ้นใส่ ตามด้วยหมวกเหล็กพร้อมรบ ส่วนอีกฝ่ายดูจะเตรียมตัวมาอยู่แล้ว ชายนักรบคลั่งแกว่งกระบองและคอยตะโกนเร่ง

        “สำอางชะมัด ชักช้าอยู่นั่นแหละ ผู้ชายไม่แต่งตัวนานเหมือนผู้หญิงหรอกนะ”

        เมื่อเขาแปะมือกลางอากาศเพื่อตอบรับคำท้าสู้ ทุกคนก็รีบถอยไปติดมุมห้องพร้อมยกโต๊ะออกเพื่อเหลือพื้นที่ให้ทั้งคู่

        กระบองยักษ์ของนักรบคลั่งมีช่วงยาวกว่าดาบมิลเลอร์เกือบสองเท่า ชายร่างขนออกท่าซัดแต่แรกเริ่มเพราะรู้จักข้อได้เปรียบตัวเองดี ส่วนจักรพรรดิหน้าตายที่ยังทำหน้าตายก็แค่กระโดดถอยกลับแล้วล้วงเอาหนูไขลานออกจากกระเป๋าเพื่อปาลงพื้น

        ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน มิลเลอร์ปาหนูไขลานลงพื้นต่อเรื่อยๆ ไม่หยุดจนบนพื้นไม่มีที่จะเดิน ชายนักรบคลั่งเอากระบองโกยหนูของเล่นพวกนั้นออก แล้วเตรียมฟาดใส่คู่ต่อสู้ทันที

        ทว่า จู่ๆ ก็เกิดแสงวูบวาบขึ้นแทงตา ตามมาด้วยเสียงดังตูมใหญ่พร้อมควัน

        “หนูพวกนั้น...” มิเชลเอ่ยเสียงค่อย เธอเคยเห็นมันในร้านขายของเล่นที่เมืองตายาย พวกนี้เป็นแค่ตุ๊กตาไขลานเท่านั้น

        “นายรู้จัก?” โจรหัวฟ้าถาม

        เธออธิบายไปตามเท่าที่ตัวเองรู้ แต่เจ้าหนูไขลานของเล่นพวกนั้นกำลังทำสิ่งเหลือเชื่อ พวกมันกระโดดขึ้นเกาะร่างนักรบคลั่งและทยอยระเบิดทีละตัว

        แต่ระเบิดยังลูกเล็กเกินไป นักรบคลั่งแทบไม่ได้รับบาดเจ็บ ทว่า เขาถึงกับมึนตื้บเมื่อถูกโจมตีระลอกสองด้วยกระถางดอกไม้สุดแข็ง มิลเลอร์ไม่ปล่อยให้ศัตรูว่างนาน ถัดมาก็ฉีดสเปรย์เข้าตาทันที จากฉลากกระป๋อง มิเชลเห็นว่ามันเอาไว้สำหรับป้องกันสัตว์อสูรในป่า... นี่พี่เล่นเอามาประยุกต์ใช้กับคนเลยหรือ...

        กระเป๋าของมิลเลอร์มีทุกอย่างจนมิเชลต้องทึ่ง พี่ชายผู้ดูไม่มีอะไรนอกจากคำขู่ เขากลับพกสารพัดไอเทมที่ชาวบ้านไม่แล และนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกชิ้น กระทั่งหินจุดไฟยังหยิบออกมาขว้างใส่หน้า

        ชายอาชีพนักรบคลั่งตอนนี้จึงออกอาการคลั่งสมชื่อ เขาไม่เคยเจอวิธีต่อสู้พิสดารขนาดนี้ แล้วไอ้บ้าตรงหน้ามันจะพกดาบทำไมถ้าไม่คิดจะใช้! แถมมันยังมีระเบิดที่ทำจากขวดน้ำยาฟื้นพลังอีกด้วย!

        ระเบิดขวดเป็นประเภทที่ทำเองได้ง่ายสุดหากมีขวดแก้วและน้ำมัน... แต่ใครจะไปคิดทันว่าในเกมก็ทำแบบนี้ได้!

        มิลเลอร์ไม่ปล่อยให้ถูกประชิดตัวโดยเด็ดขาด เขารักษาระยะห่างไว้เพราะรู้ตัวดีในเรื่องความต่างของเลเวล แม้ห้องจะแคบ แต่ก็ต้องหาทางหลบและโจมตีด้วยการลอบกัดเท่านั้น การต่อสู้ครั้งนี้จึงยืดเยื้ออย่างสุดๆ และจบลงที่มิลเลอร์เป็นฝ่ายชนะด้วยลมหายใจเหนื่อยหอบ

        หากตายในการท้าสู้ตัวต่อตัว ผู้แพ้จะเกิดที่จุดเดิมทันที และชายนักรบคลั่งกำลังจะอาละวาดซ้ำเมื่อรู้ว่าตัวเองแพ้ด้วยวิธีที่รับไม่ได้อย่างที่สุด

        “ไอ้.. ขี้โกง! การต่อสู้แบบนี้มีที่ไหนกัน!”

        “สามหมื่น... ตามที่ตกลงกันไว้” มิลเลอร์ขึ้นเสียง “คนที่อยากเป็นผู้นำการต่อต้านเป็นพวกชอบผิดสัญญาหรือไง”

        “วิธีบ้าๆ แบบนั้น ฉันไม่ยอมรับ!”

        “บ้าไม่บ้า แต่ถ้าแพ้คนเพิ่งเริ่มเล่นเกมได้สิบวัน ก็ควรพิจารณาตัวเองได้แล้วเฟ้ย” จั๊งค์รีบฉวยโอกาสตอกกลับ ทั้งเขาทั้งเรวินไม่คิดว่ามิลเลอร์จะชนะ แต่เมื่อชนะแล้วก็ต้องข่ม!

        เกิดเสียงฮือฮาตามมาชุดใหญ่ ตอนแรกพวกเขามองมิลเลอร์เป็นหัวหน้าที่กลวงโบ๋ ข้างนอกดูดีแต่ด้านในว่างเปล่า และตอนนี้ก็รู้แล้วว่าคิดผิด เพราะการต่อสู้เมื่อครู่ได้โชว์ไหวพริบให้เห็น อย่างดาบที่ถือก็แค่แกล้งกำเอาไว้ให้คู่ต่อสู้ระแวงเล่นเท่านั้น

        ชายนักรบคลั่งเขวี้ยงถุงเงินให้มิลเลอร์ แม้ไม่พอใจ แต่แพ้คือแพ้

        “ฉันเริ่มเล่นในวันแรกที่เปิด แต่กลับแพ้คนเพิ่งเล่นไปสิบวันก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” เสียงหยิ่งผยองนั้นแผ่วลง “สมาพันธ์ของฉันจะเชื่อใจนาย ตราบใดที่นายยังยืนอยู่ข้างกลุ่มต่อต้านเกราะแดง”

        ทุกคนปรบมือให้กับทั้งคู่ มิเชลยังยินดีกับชัยชนะนี้แม้จะอดเห็นพี่ลงไปนอนแอ้งแม้งหมดสภาพก็ตาม มันเป็นการต่อสู้ที่ทำให้ได้เรียนรู้มากจริงๆ

        เมื่อเรียกความไว้วางใจมาได้ การประชุมจึงดำเนินต่อไปในทางที่ดีขึ้น พี่มิลเลอร์เสนอเรื่องให้สมาชิกทุกสมาพันธ์แลกเปลี่ยนรายชื่อเพื่อพากันเกาะกลุ่มเวลาออกนอกเมือง และเมื่อก้าวพ้นประตูเมืองแล้ว ก็ขอให้วิ่งออกห่างโดยไวที่สุด กลุ่มเกราะแดงที่ประจำตามทางเข้าออกมีประมาณสิบกว่าคน ดังนั้นต้องเอาจำนวนเข้าช่วย

        จากนั้น มิเชลเริ่มฟังทุกคนพูดไม่เข้าใจแล้ว พวกเขาคุยกันเรื่องการจัดระเบียบ การค้าขายต่างๆ ในสมาพันธ์ โจรหนุ่มเองก็กำลังจะกระโดดกลับขึ้นเตียงแต่โดนเรวินล็อคตัวไว้ เธอได้ยินนักบวชขาวกระซิบใส่หูจั๊งค์ว่า ‘มารยาท!’

        ถ้าไม่เห็นฉากนั้น มิเชลคงโดดขึ้นเตียงตามจั๊งค์แล้วด้วยซ้ำ

        แต่ก่อนที่เหล่าตัวแทนจากทุกสมาพันธ์จะเริ่มทยอยกลับ ต่างคนต่างแวะเวียนเข้ามากุมมือเธอพร้อมกระชากขึ้นลง แล้วทิ้งคำพูดบอกว่าฝากด้วย

        “ฝาก..อะไร?”

        “จักรพรรดิบอกว่าคุณจะช่วยเตะก้นพวกเกราะแดงกลับจุดเกิดให้ระเบิดเถิดเทิงไปเลย”

        “เตะก้น?..” เธออ้าปากค้างแล้วหันไปมองพี่ชายตัวต้นเหตุ

        เขากำลังยิ้มเจ้าเล่ห์

        ************************



        ในห้องตอนนี้เหลือมิเชล เรวิน เรเชลและมิลเลอร์ ไม่มีใครรู้ว่าจั๊งค์แอบหนีกลับตอนไหน แต่คาดว่าเขาคงแอบดอดออกไปพร้อมกับกลุ่มตัวแทนสมาพันธ์ตอนเรวินเผลอ

        “อย่าเพิ่งไปสะกิดอะไรพี่ชายผมนะ... ตอนนี้เขาเหมือนลูกระเบิดแบบกดปุ่มเลย” เรเชลกระซิบข้างหูเธอ

        ทว่า เรเชลถูกเรวินไล่ออกจากเกมทันทีหลังจากนั้นเพราะมันดึกแล้ว สุดท้ายจึงเหลือเพียงสามคน มิลเลอร์ มิเชลและเรวิน และสาเหตุที่ยังอยู่ในเกมก็เพราะ...

        “ต้องรออีกสองคน” มิลเลอร์บอก

        “นานขนาดนี้ไม่มาแล้ว ฉันจะเลิก” เรวินทำท่าจะกลับด้วย

        “เดี๋ยวสิ หมอนั่นบอกมาถึงหน้าบ้านแล้ว!”

        ไม่นานนัก ประตูห้องนอนแขกกระแทกเปิดเอง ผู้มาใหม่สองคนกำลังงงๆ  และจ้องไปที่มิเชล มิเชลก็จ้องตอบด้วยความสงสัยไม่ต่างกัน

        เพราะสองคนนั้นคือ เมสโซ่ เอลฟ์หนุ่มผู้นิยมการสวมชุดรัดรูป ในมือของเขาถือลานไขรูปหัวใจ กับอีกคน แรนดัล ชายหนุ่มคิ้วม่วงอารมณ์ดีที่เธอเคยสู้กันบนเรือ... เขาเป็นนักสู้ของเกราะแดง ส่วนเมสโซ่มาจากกลุ่มต่อต้านเกราะแดง ทำไมทั้งคู่อยู่ด้วยกันได้?

        “มิเชลคนพี่..” เมสโซ่พึมพำ

        “อ้าว! นายน่ะเอง บังเอิญจัง” แรนดัลพุ่งตรงมาที่มิเชลนั่งอยู่ เขาทำท่าดีใจเพราะเจอคนรู้จัก

        นอกจากที่เมสโซ่เผลอหลุดปากชื่อมิเชลครั้งแรก เขาก็ทำเหมือนไม่รู้จักเธออีกเลย ส่วนแรนดัลกำลังตื่นเต้นเพราะเพิ่งเคยเข้าบ้าน NPC

        พี่มิลเลอร์ดึงแขนเมสโซ่เข้ามาแล้วเริ่มแนะนำตัวเขาว่าเป็นตัวแทนจากสมาพันธ์ไดซ์ และมีนิสัยที่ไม่เหมือนใครอยู่..นิดหน่อย มิเชลได้แต่หัวเราะตอบแห้งๆ

        “พวกเรารู้จักกันแล้ว”

        “งั้นก็ดี” มิลเลอร์ตอบ

        “ไม่รู้จัก.. สักหน่อย..” เอลฟ์ประหลาดเถียง “เราไม่รู้จักมิเชลคนพี่มาก่อน”

        เธอไม่เข้าใจความคิดของเมสโซ่เท่าไหร่... ชื่อก็เรียกถูกแต่บอกจำไม่ได้

        ทว่า คนที่มิเชลกำลังสงสัยมากกว่าคือมือหอกหนุ่ม ตอนนี้เป็นการประชุมของกลุ่มต่อต้านเกราะแดง แล้วทำไมแรนดัล.. นักสู้ของกลุ่มเกราะแดงถึงตามเมสโซ่มาด้วย หรือว่าเขามาเป็นสายลับ?

        พอแรนดัลรู้สึกตัวว่าถูกมองก็แค่หันมายิ้มตอบ เด็กหญิงจึงยิ่งมึนหนักกว่าเดิม เธอเคยสู้กับเขาที่ยืนอยู่ข้างพวกเกราะแดงมาก่อน แล้วทำไมถึงยังทำใจเย็น เหมือนไม่กลัวมิเชลเปิดเผยความจริงสักนิด หรือจริงๆ แล้ว แรนดัลอยู่กลุ่มต่อต้าน แต่แกล้งเข้าร่วมกลุ่มเกราะแดงเพื่อล้วงข้อมูล?

        ไม่ว่าทางไหน มิเชลก็เริ่มคิดจนภายในหัวเริ่มตีกันเอง และมันไม่ใช่นิสัยเธอที่จะเงียบ

        “เวห์นล่ะ” เธอพูดชื่อของหัวหน้านักสู้กลุ่มเกราะแดงออกมา

        “อ๋อ อยู่ด้วยกันตลอดจนถึงเมื่อวาน”

        “ที่นี่คือกลุ่มต่อต้านเกราะแดง แต่แรนดัลเป็นนักสู้ของเกราะแดง ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้?”

        เรวินเบิกตาโตอย่างที่สุด เขาหันมองเมสโซ่เหมือนเตรียมจะเอาเรื่อง

        “ก็เพราะวันนี้ฉันเจอหมอนี่ เขาดูน่าสนุกดี” มือหอกหนุ่มแบมือไปทางเอลฟ์ชุดรัดรูปประหลาด “เขาชวนให้มาเลยลองตามมาดู และก็สนุกจริงๆ ซะด้วย ไม่นึกว่าจะได้เจอนาย”

        “ถ้างั้นพรุ่งนี้ จะไปกับเวห์นสินะ”

        “ไม่รู้สิ ถ้าล็อคอินเข้ามาเจอนายก่อนก็คิดอยู่ว่าจะไปกับนาย”

        “ไม่เห็นเข้าใจเลย...”

        “เห ฉันเผลอพูดให้งงเหรอ ฉันออกจะเป็นคนเข้าใจง่ายนะ แค่ถ้าเจอเพื่อนคนไหนก่อนก็ไปกับคนนั้นเท่านั้นเอง”

        เธอแทบไม่รู้จะซักอะไรต่อ ถ้าเมสโซ่คือคนประหลาดหมายเลขหนึ่ง แรนดัลก็เป็นหมายเลขสอง แต่บางทีเขาอาจจะแค่แกล้งเป๋อเพื่อตามเมสโซ่มา?

        “แล้วอยู่ข้างเพื่อนคนไหน เพื่อนในกลุ่มเกราะแดงหรือกลุ่มต่อต้านเกราะแดง” มิลเลอร์แทรกคำถามกลางวง

        “ข้างเกราะแดง หมอนี่เพิ่งบอกไปไม่ใช่หรือว่าฉันคือนักสู้ของเกราะแดง”

        มิลเลอร์ล้วงเอาแว่นขยายออกจากกระเป๋าขึ้นมาส่องแรนดัลทันที ปรากฏว่าแว่นขยายแตกเสียงดังเพล้ง มันไม่สามารถอ่านข้อมูลฝ่ายตรงข้ามได้ ส่วนมิเชลนั้นลุกขึ้นอยู่ในท่าเตรียมพร้อมแล้ว เธอล้วงเอาดาบอสูรอัคคีขึ้นมาถือ

    *********************************************




    ระหว่างเขียนบรรยายไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเขียน ...อืม แดงเทียม แดงแท้ พวกไม่มีสี ในบทบรรยาย

    แต่แล้วก็เริ่มรู้สึกตัว ="= แว้กกกก สองแง่สองง่ามการเมืองสุดๆ ลบๆๆๆๆๆๆ

    อย่าเข้าใจผิดกันนะ สีแดงคือสัญลักษณ์ของ PK = player killer ตามหลักเกมส์ออนไลน์ TvT


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×