ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้ามเข้า ปิดรับแล้ว | OFF LINE

    ลำดับตอนที่ #3 : เ ค า ะ ป ร ะ ตู ค รั้ ง ที่ ๒ : ขอความช่วยเหลือ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 49
      0
      10 มิ.ย. 58

    +




    NEIGHBOR{lism❤}


    เ ค า ะ ป ร ะ ตู ค รั้ ง ที่ ๒
    { ตอน : ขอความช่วยเหลือ }





    " แม่ ผมไปละนะ "

    ปองตะโกนบอกแม่ที่ยังคงวุ่นวายอยู่กับตะกล้าผ้าบนชั้นสอง และสองมือของเขาก็รูดไปตามราวบันใดพร้อมๆกับสองเท้าที่วิ่งจ้ำอ้าวลงมาเขาพลิกดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองก็ยิ่งเร่งฝีเท้าด้วยความรีบร้อนเพราะว่ามันสายเอามากๆแล้ว ถ้าหากว่าเขาไปสายอีกคงไม่วายต้องมีเรื่องกับหัวเห็ด ครูฝ่ายปกครองที่โรงเรียนของเขาอีกแน่ๆ

    ขณะที่เท้าของพาเอาร่างกายผอมสูงนั้นวิ่งลงมาถึงชั้นล่างเขาก็เอื้อมมือคว้าเอาขนมปังปิ้งที่คุณแม่ทำเอาไว้ให้มาคาบเอาไว้ในปาก และสองเท้าของเขาก็วิ่งจ้ำอ้าวออกไปโดยที่ปากยังคงคาบขนมปังเอาไว้ ...

    บรรยากาสเช้าๆ มันคงคู่กับความเร่งรีบเสมอเลยใช่มั้ยเนี่ยยยยยยย


    หนุ่มปองใช้ปลายเท้าดันประตูบ้านให้เปิดออกเพราะว่ามือของเขาถือกระเป๋าเป้และมืออีกข้างก็ประคองขนมปังปิ้งที่คอยจะหลุดออกจากปาก เขาพยายามที่จะกระเดือกมันลงคอ แต่ว่าแผ่นมันใหญ่มากแล้วมันก็แห้งจนติดคอ มือของเขามักจะไม่ว่างและต้องใช้เท้าเปิดประตูแทบจะทุกวัน เป็นแบบนี้มานานหลายปี ตั้งแต่บ้านหลังเก่า จนกระทั่งวันที่เขาย้ายบ้านใหม่ เขาก็ยังคงทำเช่นเดิม

    ร่างผอมสูงนั้นลอดผ่านประตูบ้านออกมาและสายตาก็ชำเลืองมองว่าแม่ของเขามองเขาอยู่รึเปล่า เพราะถ้าแม่เห็นว่าเขาใช้เท้าถีบประตูออกมาคงไม่วายโดนบ่นจนหูชาแน่ๆ เมื่อทางสะดวก แม่ไม่ได้ยืนมองอยู่หนุ่มปองก็ทิ่มปลายเท้าลงในรองเท้าผ้าใบเก่าๆของเขาในทันที

    แต่ว่า เหมือนมันมีอะไรติดอยู่ที่ข้างรองเท้าแฮะ ... สีน้ำตาลๆ เล็กๆ .....

     

    " ไอ้เหี๊ยยย !!!  "

    ปองตะโกนลั่นเมื่อเพ่งมองก็เห็นว่าเป็นจิ้งจกตัวเป้งที่เกาะอยู่บนรองเท้าของเขา เขาสะบัดเหวี่ยงรองเท้าออกไปด้วยความตกใจ ... เสี้ยววินาทีนั้น ...

    รองเท้าก็ลอยไปทางหนึ่ง ส่วนจิ้งจกน้อยตัวยักก็ตกแป้กอยู่บนพื้น .... ปองยืนสงบสติอยู่ประมาณห้าวินาทีเขาก็ค่อยๆกระดิ๊บๆเข้าไปดูเจ้าจิ้งจกที่นอนนิ่ง ปกติแล้ว เขาก็ไม่ได้กลัวมันหรอก แต่ว่าพอมาเห็นในระยะประชิดและเห็นอย่างไม่ทันได้เตรียมใจแบบนี้แล้วมันก็ช็อคนิดหน่อย ... เขาใช้ปลายเท้าเขี่ยๆไปที่ตัวของจิ้งจกน้อยนั้น เพื่อเช็คดูว่ามันตายรึยัง เพราะว่า เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่ามันเลยสักนิด ที่เหวี่ยงรองเท้าทิ้งไปก็เพราะว่าตกใจหรอกน่าาา เมือปลายเท้าของเขาสัมผัสถูกตัวของจิ้งจกน้อยนั้น มันก็วิ่งพรวดเหมือนติดในตัสที่ตูด

     

    " เหี้ยๆๆ ! .... แม่ง .. วิ่งเจ๊าเลยนะมึง.. "

    .... มันก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะตกใจล่ะนะ ....

    เมื่อเจ้าจิ้งจกน้อยตัวยักวิ่งหายไปจากสายตา เขาก็โล่งใจไปเปาะหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ฆ่ามันตายแหละน้าาา แต่ว่า ... รองเท้าของเขาน่ะสิ่ .. เหมือนว่าตอนที่เขาสะบัดมันทิ้งไป มันจะลอยข้ามไปรั้วบ้านข้างๆใช่มั้ยเนี่ย เห็นแว๊บๆอ่ะตอนนั้นไม่ทันได้มอง

    ปองเสียบปลายเท้าเข้าไปในรองเท้าแตะเก่าๆก่อนจะเดินไปยังกำแพงที่ติดกับบ้านข้างๆ กำแพงสีขาวที่มีคราบน้ำติดบ้างเล็กน้อย เพราะว่ามันไม่ได้สูงมากแค่ชะเง้อนิดหน่อยก็พอจะมองเห็นแล้วว่าอีกฝั่งหนึ่งเป็นอย่างไร และด้วยความสูงของปองแล้วมันก็แทบจะกลายเป็นแค่รั้วเตี้ยๆที่มองหน้าคนบ้านข้างๆได้อย่างสบายๆเลยล่ะ

     ... แต่ติดตรงที่ว่า ... ไอ้บ้านข้างๆนี่ต้นไม้มันเต็มไปหมดเลยนี่สิ่ !

    นี่บ้านคนหรือว่าสวยพฤษาฟะเนี่ยบอกที !


    เขาพยายามเดินเลี่ยงไปในจุดที่ไม่มีต้นไม้บัง เพื่อมองหารองเท้าของเขาที่อาจจะตกอยู่บนพื้นตรงไหนสักแห่ง ... เมื่อมองลอดผ่านดงต้นไม้รกๆนั้นไป ...

    ชายคนนึงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ บนโต๊ะมีโน๊ตบุค และในมือชายคนนั้นก็ถือรองเท้าผ้าใบของเขาเอาไว้ด้วย ... ดูท่าผู้ชายคชคนนั้นคงจะงงๆอยู่นะ ว่ารองเท้าของเขามันลอยมาจากไหน .... 

    ตายห่าแล้ว ! นี่อย่าบอกนะว่าเขาเตะรองเท้าอัดกระบานผู้ชายคนนั้น !?

    …..

    " เอ่อ.... อะแฮ่ม!  "

    เขาคิดวิธีเรียกไม่ออกแล้วจริงๆ ... เอานะแต่มันก็ดูจะได้ผลดีแหละเพราะว่าผู้ชายที่ถือรองเท้าของเขาก็หันมามองที่เขาจริงๆ


    " เอ่อออ คือว่า พี่ ลุง เอ้ย .. น้าครับ...เห้ย .. เออน้าแหละเนอะ....."

    " น้าๆรองเท้าน่ะครับของผม "

    ปองพยายามจะหาศัพนามมาเทียบเคียงกับใบหน้าของชายที่ถือรองเท้าของเขาอยู่นาน ที่จริงเขาขุดขึ้นมาทั้งโคตรตะกูลเลยด้วยซ้ำไม่รู้ว่าควรจะเรียกผู้ชายคนนั้นว่าอะไรดี

    สุดท้ายก็เรียกน้าแล้วกัน เซฟสุดละ ....

     

    "..."

    เจ้าของร่างสูงใหญ่ก้มลงมองรองเท้าผ้าใบเก่าๆในมือก่อนจะเงยหน้ามองไปยังเด็กเจ้าของรองเท้าที่ยืนเกาะกำแพงอยู่ เขาลุกขึ้นพรางใช้มือเช็ดเอาคราบกาแฟที่หกเลอะเสื้อผ้าของเขาออกไปด้วย และเดินมาหาเด็กผู้ชายเจ้าของรองเท้าพร้อมกับรองเท้าในมือ

    " อ่ะนี่ แล้ว ... เพิ่งย้ายเข้ามาหรอ ? "

    เขาถามพรางยื่นรองเท้าส่งให้กับปองด้วย

    " ครับ เพิ่งมาอยู่ได้แค่สองวันเอง แล้วน้า... อยู่คนเดียวหรอ ผมไม่รู้นะเนี่ยว่าบ้านนี้มีคนอยู่ด้วย "

    ปองพูดพรางชะเง้อคอมองไปยังบ้านที่ดูเงียบผิดปกติของคุณน้าคนนั้น ในขณะเดียวกันเขาก็รับเอารองเท้าผ้าใบที่เลอะคราบสีนำตาลมาด้วย ... เขาก็นึกแปลกใจอยู่นิดหน่อยว่ามันเลอะอะไร แต่ว่าด้วยกลิ่นกาแฟที่โชยมามันเลยทำให้เขาไม่กล้าถาม เพราะกลัวว่าตอนที่เขาเหวี่ยงรองเท้าข้ามรั้วบ้านมา อาจจะไปโดนอะไรแตกก็เป็นได้ 


    " อื้ม อยู่คนเดียวหน่ะ "

    เจ้าของบ้านผู้เงียบเหงาตอบกลับมา แต่คำตอบพร้อมรอยยิ้มนั้นดูจะไม่ค่อยจริงเท่าไหร่ ปองมองเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาในตอนที่รับเอารองเท้ากลับมา ผู้ชายคนนี้คงจะแต่งงานแล้ว

    มันไม่ใช่แหวนที่ใส่ตามแฟชั่นแน่ๆ เพราะว่ารอบๆแหวนมีรอยของสีผิวที่ต่างกันมากๆอยู่ด้วย มันบ่งบอกว่าชายคนนั้นไม่ได้ถอดแหวนนั่นเลย ... ปองมักจะช่างสังเกตุแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว..


    " แล้ว .. เธอชื่ออะไรล่ะ นี่อยู่กับพ่อแม่รึเปล่า ? "

    เขาถามขึ้นมาอีกครั้ง แถมยังมองไปในบ้านของปองอีกด้วย ... ปองก็แปลกใจนิดหน่อยที่บ้านของผู้ชายคนนั้นมันดูจะเงียบผิดปกติเกินไป แล้วก็... ถ้าเกิดว่าแต่งงานแล้ว ทำไมถึงบอกว่าอยู่คนเดียวล่ะ

    หย่าหรอ ? ไม่น่าาาาาา ถ้าหย่ากันแล้วก็ควรจะถอดแหวนออกสิ่ ... หรือว่าแยกกันอยู่ ?

     

    " ... ? ..."

    " อ้อ ผมชื่อปอง อยู่กับแม่แค่สองคนครับ "

    ปองตอบกลับไปเมื่อชายคนนั้นจ้องรอคำตอบจากเขา .. ที่จริงแล้ว เขาก็เคยมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแหละนะ มีพ่อ แม่ มีน้องสองสาวที่แสนน่ารัก แต่ว่า... วันนึงพ่อก็หอบข้าวของออกจากบ้านไป ... ตอนนั้นเขายังเด็กมาก แม่ร้องให้ทุกวัน เขายังจำมันได้ดี ...

    " ออ ถ้างั้นฝากสวัสดีคุณแม่ของนายด้วยนะ อีกหน่อยคงได้เป็นเพื่อนบ้านกัน "

    ชายคนนั้นตอบพร้อยรอยยิ้ม และเมื่อพูดจบประโยคเขาก็หันหลังให้กับปองเพื่อจะเดินกลับไปยังโต๊ะที่เขาเดินมา ปองซึ่งมองตามหลังไปนั้น

     

    " น้า ! แล้วน้าชื่อะไรอ่ะครับ ? "

    ปองตะโกนไล่หลังไป ชายคนนั้นหันกลับมาหัวเราะพรางยกมือขึ้นเกาหัวไปด้วย เขาคงจะเขินนิดๆที่ดันลืมแนะนำตัว ... มันก็ไม่แปลกเพราะว่าเขาก็อยู่คนเดียวมานาน และเขาก็ไม่ชินเลยที่จะมีเพื่อนบ้าน ...

    " อ้อ โทษที่ ฮ่าๆ ฉันชื่อชินนะ ฝากตัวด้วย ถ้ามีปัญหาอะไรก็เรียกได้ตลอดนะ "

    น้า 'ชิน' พูดออกมา และเมื่อเขาพูดจบก็หันหลังกลับไป ไม่รู้ว่าเขาจะรีบไปใหนขนาดนั้น

    " น้าชิน! "

    " ? "

    " ทำไมต้องโกหกล่ะครับ ? "

    " หะ ? .... โกหกอะไร ? "

    " ก็ที่บอกว่าอยู่คนเดียว คุณแต่งงานแล้วไม่ใช่หรอ ? "

     

    "..."

    คำถามของปองดูเหมือนจะไปจิ้มโดนอะไรของผู้ชายชื่อชินเข้าให้แล้วล่ะมั้ง ... เพราะชายคนนั้นถึงกับเงียบไปครู่หนึ่ง .. หรทอไม่แน่เขาก็อาจจะกำลังคิดว่าปองรู้เรื่องที่เขาแต่งงานแล้วได้ยังไง เขาจ้องกลับไปยังปอง มองอย่างพิจราณา สายตาที่เกือบจะเลื่อนลอยนั้นมันดูแปลกไปจากตอนแรกที่คุยกันเล็กน้อย

    " เธอใส่ชุดนักเรียนนิ่ "

    อยู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งเมื่อปองยิงคำถามเรื่องการแต่งงานของเขา .. ตอนปรกปองก็เหมือนลองชกลมพูดแบบเดาส่งไปมั่วๆแต่ดูจากสีหน้าของเขาแล้ว สงสัยว่า...

    ปองคงชกเข้าเป้าไปเต็มๆเลยล่ะนะ ว่าแต่ทำไมเขาถึงได้ถามเรื่องชุดนักเรียนล่ะ ก็เห็นๆอยุ่แล้วอ่ะว่าเป็นชุดนักเรียน ... ปองก้มลงมองชุดตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้แต่งตัวประหลาดจนคนอื่นดูไม่ออกว่ามันเป็นชุดนักเรียน

    " ก็ใช่ไง ทำไมอ่ะ "

    " ก็แปลว่าเธอเป็นนักเรียนไง  แล้ว.. นักเรียนไม่ไปโรงเรียนหรอ ? "

    พอจบประโยคของคุณน้าที่ชื่อชิน

     

    " ชิบหาย ! "

    ปองอุทานลั่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาสายมากๆแล้ว เขาแทบจะยัดเท้าเข้าไปในรองเท้าผ้าใบด้วยความเร็วสูงในขณะเดียวกันเท้าที่ยังยัดเข้าไปไม่ได้ที่ดีก็วิ่งแถดๆออกจากประตูรั้วไปอย่างรีบร้อน ชินมองตามหลังของเด็กนักเรียนอาชีวะที่ดูจะรีบร้อนผิดปกติอย่างขำๆ ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังคุยจ้ออยู่เลย แต่ตอนนี้วิ่งหน้าตั้งออกไปเสียแล้ว ...

    เขาเดินกลับไปยังโต๊ะไม้เก่าๆพร้อมกับรอยยิ้ม ... แต่เมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเดิมนั้น รอยยิ้มก็ค่อยๆจางลงไปด้วย.. คำถามจี้ใจของเด็กคนนั้นมันดังแว่วเข้ามาในหัว เบาๆ เหมือนกับเสียงลมพัด ที่พยายามจะพัดพาเอาความเศร้าและความหดหู่กลับเข้ามาในใจ.. ปลายนิ้วของเขาวนไปมาบนแหวนสีเงินที่ทำจากทองคำขาวราคาแพง วนจนมันเงาวับรับแกับแสงที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในยามเช้า ... แก้วกาแฟที่ล้มกลิ้งอยู่นั้นถูกจับหงายให้ตั้งตามเดิม ... 

             ....แก้วกาแฟที่ว่างเปล่า ...

     

     


    ...............

    ......................................

     

     

     

     

    ณ ห้องเรียนที่แสนวุ่นวาย ...

    ถึงแม้ว่าอาจารย์จะสอนอยู่ที่หน้าชั้นเรียน แต่เด็กๆก็ยังคงทำตัววุ่นวาย บางคนหลับ บ้างอ่านหนังสือการ์ตูน เล่นเกมบ้าง คุยโทรศัพท์ ฟังเพลง โอ้ยยย สารพัดจะทำได้ ก็แปลกดีที่เราสามารถเห็นทุกอิริยาบทใด้ในห้องเรียน แต่สิ่งที่จะหาแทบไม่ได้เลยคือ คนที่กำลังเรียน อยู่ในห้องเรียน ...

    ปองชะเง้อหน้ามองไปยังโต๊ะของเขาและเพื่อนผ่านช่องกระจกจากประตูด้านหลังชั้นเรียน เขาพยักพะเยินหน้าให้ใครสักคนที่หันมาทางเขาเพื่อให้ดูต้นทางให้ ... นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าแปลก เพราะว่านักเรียนทุกคนมักจะร่วมด้วยช่วยกันปกปิดความผิดของนักเรียนคนอื่นถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สนิทกันเลยก็ตามที

    นักเรียนชายที่หันมาสบตากับปองซึ่งยืนรอจังหวะอยู่ที่นอกประตูนั้น เมื่อสบโอกาสที่อาจารญ์หันหลังไปที่กระดาน เขาก็ให้สัญญานในทันที ปองแง้มประตูและพุ่งพรวดเข้ามาในห้อง พร้อมๆกับก้มลงคลานไปตามพื้นเพื่อหลบไม่ให้อาจารย์เห็น เขาใช้เวลาแค่ช่วงอึดใจเดียวก็คลายไปยังโต๊ะของตัวเองและลุกขึ้นไปนั่งเนียนๆกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ....

    จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เขาทำ ...

    เพราะฉะนั้นมันก็เลยดูจะเป็นเรื่องง่ายๆเพราะว่าเขาทำจนเซียนแล้วล่ะ ...

     

    " แหม่.. มาซะจะหมดคาบเลยนะมึง "

    เพื่อนที่นั่งข้างๆเขาพูดว่า แต่เจ้าตัวก็ยังกดเกมส์มือถือไม่หยุดหย่อน ? ปองขมวดคิ้วนิดๆเมื่อมองไปยังเพื่อนเพราะเขาไม่รู้ว่าการที่เขามาสายกับการที่เพื่อนนั่งเล่นเกมแบบเอาตายในห้องเรียนมันต่างกันตรงใหน ????

    " เออน่ะ ... มึงๆแล้วการบ้านกูอ่ะ "

    ปองถามอย่างนึกขึ้นได้ เขามักจะถูดเพื่อนๆยืมการบ้านไปลอกอยู่บ่อยๆ ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้เก่งไม่ได้ฉลาดเลยสักนิด แต่เพราะว่าเขามักจะทำเสร็จก่อนในกลุ่มเพื่อน ก็เลยมักจะโดนยืมไปลองประจำ น้อยครั้งมากที่ปองจะเป็นฝ่ายลอกเสียเอง น้อยครั้ง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยนะ ...

    " อยู่ที่ไอ้วิทย์ "

    เพื่อนของเขาตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกมาจากจอโทรศัพท์เลย ปองชะเง้อคอมองหาวิทย์ที่ยืมการบ้านของเขา ต่อ จากไอ้เพื่อนอีกทีนึง เหมือนจะโชคดีหน่อยที่วิทย์นั่งอยู่ไม่ห่างเท่าไหร่ เขาหยิบไม้บรรมัดจากเพื่อนโต๊ะข้างๆเพื่อใช้เอื่้อมไปสะกิดวทิย์ที่นั่งห่างออกไปจากเขา


    " ไอ้วิทย์ การบ้านกูอ่ะ ? "

    วิทย์หันกลับมามอง แถมปัดเอาไม้บรรทัดออกไปจากไหล่ด้วย ... ดูมันทำเข้าดิ่ ไม่น่าให้แม่งลอกเลยจริงๆ

    " ไอ้ดิวเอาไป "

    ไอ้เพื่อนวิทย์มันตอบแค่สั้นๆแล้วมันก็หันกลับไปอ่านหนังสือการ์ตูนที่ซุกเอาไว้ใต้โต๊ะของมันต่อไป ... ปองถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เซ็งกับพฤติกรรมหยิ่งยโสของวิทย์ และการยืมการบ้านต่อแบบหลายชั่วโคตรจนไม่รู้ว่าตกลงแล้วการบ้านของเขามันจะไปสิ้นสุดอยู่ที่ใคร ... เขามองหาโต๊ะของดิว แต่คราวนี้ดิวนั่งห่างออกไปมาก ไอ้ครั้นจะเดินไปเรียกก็ใช่เรื่อง ปองคุ้ยๆขยะใต้โต๊ะของเขาก่อนจะหยิบกระดาษมาขยำและปาอัดกระบ้านดิวที่นั่งห่างออกไป ดิวก็หันกลับมา มันเป็นวิธีเรียกที่ได้ผลดีเลยที่เดียว


    " ดิว    ดิ้ว! การบ้านกูอ่ะ ? "

    " ไอ้เป้มันยืมต่อ "

    " ....เฮ้อออมมมม ... สัส! การบ้านกูไม่ใช่กะหรี่นะเนี่ย เล่มเดียวมึงจะลอกกันทั้งห้องเลยไงวะ !? "

    เขาบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด มันก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะพูดแบบนั้น เขาเบื่อมากๆกับการที่จะต้องมาคอยถามว่า การบ้านกูอยู่ไหน ? แล้วเขาก็ไม่เคยเลยสักครั้ง ที่จะถามแล้วได้สมุดการบ้านของเขาคืนในครั้งแรกที่ถาม ...

    บางที่เขาควรจะทำการบ้านบนกระดานหน้าชั้นเรียนไปเลย จะได้ลอกกันทั่วหน้า ...

     

     

    ...........

    .............................


     

    เมื่อเวลาผ่านไป ผ่านวันอันแสนวุ่นวาย

    ติ๊งต่อง ! …..

    เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียน .. 

    กว่าจะหมดวันๆนึง สำหรับการเรียนที่แสนหนักหน่วงนี้มันช่างดูดพลังของพวกเขาจริงๆ ...

     

    ...........

    .............................


                ปองกระโดดลงจากรถเมย์และเดินเตร็ดเตร่เข้าไปในหมู่บ้าน การไปเรียนนี่มันช่างเหนื่อยจริงๆ ... แต่ว่าการเดินกลับบ้านนี้สิ่ เหนื่อยโคตรๆของจริง .. พระว่าจากป้ายรถเมย์มามัยงหมู่บ้านก็ไกลมากแล้ว บ้านของเขายังอยู่แทบจะในสุดของหมู่บ้านอีกต่างหาก เขานึกหงุดหงิดแม่ของเขานิดหน่อยที่ไม่ซื้อบ้านทีอยู่หน้าโครงการสักหน่อย เขาจะได้ไม่ต้องเดินไกลขนาดนี้ ...


                เมื่อมาถึงที่หน้าบ้าน ... เขาก็พบกับความซวยครั้งยิ่งใหญ่  อีกครั้ง ...  เมื่อเขาพบว่ากุญแจบ้านของเขาถูกวางเอาไว้บนโต๊ะอาหารเมื่อเช้า นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้หยิบกุญแจออกมาจากบ้าน และเขาก็ไม่สามารเข้าบ้านได้ มิหนำซ้ำ เขาไม่รู้ว่าแม่ของเขาจะกลับเข้าบ้านกี่โมงอีกด้วย ...

    ปองยืนทึ้งหัวตัวเองอยู่หน้าบ้านอย่างหงุดหงิดก่อนที่จะปิ๊งไอเดียวบรรเจิดขึ้นมากได้ ( ถ้ามีปัญหาอะไรก็เรียกได้ตลอดนะ ) ประโยคนี้แหละ ! แค่คิดขึ้นมาได้นิ้วของเขาก็ทิ่มพรวดเข้าไปในปุ่มออดของน้าบ้านข้างๆในทันที ไม่ได้มีการไตร่ตรองใดๆทั้งสิ้น...


    ปิ๊งป่อง ...

    เสียงออดแว่วออกมาจากข้างในบ้าน .... ผ่านไปหลายนาที ... ก็มีแต่ความเงียบ ...

    ปิ๊งป่อง ... ปิ๊งป่อง ...

    ก็ยังไม่มีใครออกมาเปิดประตูอยู่ดี ....

    ปิ๊งป่อง ... ปิ๊งปิ๊งปิ๊งปิ๊งปิ๊งป่อง ปิ๊ง ปิ๊งป่อง

    ปองรัวนิ้วกดไปที่ออดหลายครั้ง ไม่สิ่ต้องเรียกว่า กดรัวๆ เสียมากกว่า เพราะเขายืนรออยู่ที่หน้าประตูนานมากแล้ว แต่ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตูเสียที ในขณะที่นิ้วมือของเขารัวทิ่มออดไม่ยั้งอยู่นั้น ....

    ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านยืนถือถือถุงกับข้าวอยู่เงียบๆ มองเด็กอาชีวศึกษาที่กำลังรัวนิ้วกดออดบ้านของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ....







     


    NOPOXA'         

    " จะมีสักกี่คน ที่ไม่เคยลอกการบ้านเพื่อน ? "



     

     

     









     

        มีอะไรจะบอกอย่างนึงแหละ...
        { แอด , เม้น , โหวต ... เพื่อเป็นการ บอกรักกันเบาๆ นะครับ.. }

    +

      CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×