ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สถานีบำบัดคนบ้า [KRISYEOL]

    ลำดับตอนที่ #2 : สถานีบำบัดคนบ้า ตอนที่ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 957
      9
      2 พ.ค. 56

           ผมทำตัวเยี่ยงหัวขบวนรถไฟฉึกฉัก แล่นเข้ามาในตัวตึกผู้ป่วย  เหล่าพยาบาล เจ้าหน้าที่ที่กำลังทำงานอยู่ถึงกับหันมามองที่ผมกันเป็นตาเดียว  บางคนก็หลุดยิ้ม บางคนก็อ้าปากค้าง.....
          
     
     
     
     
               ไม่แปลกที่เขาจะทำอย่างนั้น  ก็ปกติผมทำอะไรแบบนี้ที่ไหนกันเล่าครับ  พระเจ้าเถอะ!!!  ภาพพจน์ที่มี!!!  จบๆ  หมดกัน!!!  แล้วนั่นคุณจองครับ  จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปทำไม  เก็บไปสิครับ  เก็บ!  ผมใช้สายตาสั่งให้เธอคนนั้นหยุดถ่ายรูป  และผลที่ได้คือ.......
     
     
    “คุณหมอคริสคะ  ยิ้มหน่อยค่ะ  ชีสสสสสสสส”
     
     
    “ไม่”
     
     
    “วันนี้คุณหมอน่ารักมากๆเลยนะคะ  คุณคิมดูคุณหมอสิคะ  วันนี้คุณหมอน่ารักมั้ย”  ยังจะแชร์!  เรียกคนไข้ของผมอีกคนเงยหน้าขึ้นมาดูอีกเนอะ  หญิงชราค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองผม  ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างแบบที่เธอไม่เคยทำมาก่อน.......อื้ม ยอมรับว่าเป็นเรื่องดี  แต่ไม่ดีตรงที่ชอบสิ่งที่ผมทำนี่ล่ะครับ 
     
     
    “วันนี้คุณหมอหล่อนะคะ”เธอพูดน้ำเสียงอารมณ์ดี  ผมกำลังจะอ้าปากตอบไปแต่ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
     
     
    “คุณหมอไม่หล่อ!!!”
     
     
    “หนูเป็นใคร”
     
     
    “เป็นเบนเท็นตอนโตมากๆ”
     
     
    “หา”  ผมหันไปมองชานยอลที่เกาะไหล่ผมอยู่
     
     
    “ถ้าคุณยายชมอีกนะ  ผมจะแปลงเป็นโฟอาร์มมาจัดการ”  ชานยอลเบ้ปากไม่สบอารมณ์ ก่อนจะดันหลังให้ผมออกเดินต่อ  อะไรของเขานะ  ไอ้บอกเป็นเบนเท็นนี่พอเข้าใจนะว่าบ้า  แต่ไอ้ท่าทางหาเรื่องคุณยายนี่...........น้องครับ  กระดูกมันคนล่ะเบอร์กันเลยนะครับ
     
     
    “พี่หมอ เดินสิ! คุโร เมื่อยแล้ว  อยากไปห้องนอน”  ออกคำสั่งพร้อมกับทำหน้าดุ  ถ้าไม่ได้บ้า บอกเลยว่าผมไม่กลัวหรอกครับ  แต่บังเอิญว่านี่บ้า เกิfคึกเอามีดมาปาดคอผม  จะว่าไง  อู๋อี้ฟานคนนี้ยังอยากมีชีวิตอยู่ดูโลกกว้างนี้อีกนะครับ  คิดได้ดังนั้น จะช้าอยู่ใย รีบออกจรลี พาเด็กแสบนี่ไปห้องนอนจะดีกว่า
     
     
     
              ผมค่อยๆออกเดินพาชานยอลไปอีกฟากหนึ่งของตึก ที่ซึ่งเป็นบริเวณของพวก ”VIPเข้าอยู่กัน”  ทีนี่ก็ไม่ต่างอะไรจากบริเวณอื่นเท่าไรหรอกครับ  ก็แค่..........หรูกว่า  สบายกว่า  สะดวกกว่า  เผลอๆอาจดีเท่าหรือดีกว่าอยู่ที่บ้านด้วยซ้ำ พูดตรงๆเลยนะครับ  ถ้าเกิดอนาคตผมบ้าเนี่ย  ผมจะบอกม๊ากับป๊าให้จับผมมาอยู่คลินิคVIPที่นี่เลย  ไม่ได้โฆษณานะครับ แต่แค่บอกว่ามันดี....
     
     
     
               ตลอดทางที่ผมพาชานยอลมา  เด็กคนนั้นก็เอาแต่ร้องเพลงกับไอ้เขียวนั่น  คือ......ถ้าเสียงสวรรค์เป็นนกไนติงเกลจะไม่ว่าเลย  นี่เล่น........ซาลาเมนเดอร์ร้องเพลงป่ะวะเนี่ย  แต่เอ่อ  ฟังไปฟังมา เสียงแอบดีกว่าผมแฮ่ะ.....ให้อภัยก็ได้วะ
     
     
     
    “พี่หมอ  ทำไมพี่หมอไม่ร้องเพลงกับคุโรรรรรร  บุตะล่ะ”  ร่างโปร่งขมวดคิ้ว
     
     
    “เอ่อ อย่าเลยครับ  ไม่ดีหรอกๆ”
     
     
    “ดีสิ  ร้องเพลงไง  เวลาเดินป่าอะต้องร้อง  รู้ป้าว  เนอะคุโรเนอะ”  หันหน้าไปพูดกับไอ้เขียวนั่นก่อนจะหันมาจ้องหน้าผม  ขอร้องตาใสๆ.........ไม่ให้ก็ใจร้าย
     
     
    เฮ้ออออออ..........ก็ได้วะ
     
     
    “มดตัวน้อยตัวนิด  มดมีฤทธิ์น่าดู  ยู้ฮู” อยากจะบ้าโว้ย อยากจะบ้า!!!  ตั้งแต่เป็นหมอมา ผมไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ
     
     
    “.........................”  ชานยอลไม่ตอบอะไรกลับมา  นั่น!  อย่าบอกนะว่าชอบ  สงสัยคงใช่เดี๋ยวร้องให้ฟังต่อก็ได้ๆ
     
     
    “มาเร็วๆกันหน่อย  มาไวๆกันหน่อย น่าดู ยู้ฮู”  เหลือบไปอีกทีชานยอลก็ยังคงเงียบ ตากลมที่เปล่งประกายเพราะน้ำตาเล็กน้อยจ้องหน้าผมนิ่ง  ก่อนจะหันไปพยักหน้า  กระซิบกระซาบกับคุโรบุตะที่ขี่หลังเขาอยู่  ถึงขั้นต้องบอกความประทับใจกับไอ้เขียวเลย?  ผมเพิ่งเคยเห็นคนที่ชอบเสียงผมร้องเพลงนี่ละ
     
     
    “เพลงต่อไป........เอ่อ  คม เซ มารี กา ฮันชิเบ อิทซอ  อาปา  กม  ออมมา  กม  อา.......”
     
     
    “พี่หมอ…....หยุดร้องเถอะ”
     
     
    “อะ อ่าว ทำไมล่ะ”
     
     
    “คุโร  ทนฟังไม่ไหวแล้ว.....  คุโรจะร้องไห้แล้ว”  ชานยอลอุ้มตุ๊กตากบขึ้นมาประชันหน้ากับผม  พร้อมกับเบะปาก เตรียมจะร้องไห้เต็มที่แล้ว   เอ่อ.......ไม่ชอบไมไม่บอกแต่แรก   ให้ร้องเพลงปัญญาอ่อนอยู่ตั้งนาน
     
     
    “พี่หมอ   พาผมไปห้องนอนกันเถอะ”  ชานยอลเลิกเกาะไหล่แล้วเป็นฝ่ายจูงมือเดินนำหน้าผมไป   เอ่อ  นี่ไม่ได้กำลังทำให้ผมเสียเซลฟ์อยู่ใช่มั้ย  เอ้อออ  ช่างเถ่อะๆ  ก็รู้  ว่าเสียงไม่เพราะ  เอ้อ  เข้าใจ!!!  ว่าแต่นี่จะเดินไปไหนครับคุณคนไข้  นั่นผิดทางแล้วครับ
     
     
     
      ผมพลิกตัวหมุนชานยอลเดินไปอีกทางหนึ่งที่ถูกต้อง  ปากอิ่มหัวเราะคิกคักเมื่อตัวเองทำตัวเอ๋อเดินผิดทาง  ก่อนจะหันมาพูดกับไอ้เขียวนั่นอีก
     
     
    “เดินผิดทางล่ะคุโรรรรรร  บุตะ”  พูดพร้อมกับยิ้มเขินๆให้กับตุ๊กตา  ผมส่ายหัวระอานิดหน่อย ก่อนจะเดินจูงชานยอลไปที่ดูห้องนอน
     
     
     
          เราเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงห้องนอนของชานยอล  ชานยอลถลาวิ่งเข้าไปในห้องทันทีเมื่อมาถึง  ร่างโปร่งเดินสำรวจไปทั่วห้อง  เดินไปทางนู่นที  ทางนี่ที  เอาให้คนดูอย่างผมตาลายจนแทบเวียนหัว  กว่าจะหยุดนิ่งได้ก็เล่นเอานานอยู่  
     
     
     
    ร่างโปร่งที่นั่งกอดตุ๊กตากบมองหน้าผม  ฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับขยับแว่นตาสีจี๊ดนั่นหลายๆที  ทำให้ตอนนี้แว่นมันเด้งขึ้นเด้งลงอยู่บนหน้าเขา.......
     
     
     
     
    นึกว่าเป็นตลกคาเฟ่ต์?
     
     
     
     
    “เป็นอะไรครับชานยอล” ผมเลิกคิ้วถาม  แต่ชานยอลก็ยังคงไม่หยุดทำ  แว่นก็เด้งขึ้นเด้งลงอยู่อย่างนั้น  รอสักพักกว่าร่างโปร่งจะตอบ
     
     
    “วิธีขอบคุณของแก๊งคุโรรรรรรรร  บุตะ”
     
     
    “หื้ม?”
     
     
    “พี่หมอต้องขยับแว่นแบบนี้เป็นการตอบว่าไม่เป็นไรด้วย  ทำสิ”
     
     
    “พี่หมอไม่มีแว่น”  สายตาไม่สั้นๆ ไม่ใส่
     
     
    “งั้นนี่!”  พูดยังไม่ทันจบก็กระเด้งตัววิ่งเข้ามาหาผม  แล้วเอาแว่นตาสีแป๊ดใส่มาใส่ให้ผม
     
     
    “ทำสิ  ขยับ  ดึ๊กๆ”เฮ้ออออออ........  ภาพพจน์.......พังทลาย
     
     
     
             ผมค่อยๆขยับแว่นขึ้นลงตามแบบที่ชานยอลทำเมื่อกี้สักสองสามที  ร่างโปร่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  พร้อมกับเอาหน้าซุกตุ๊กตากบ
     
     
    “อ่าอัก…..”
     
     
    “ไรนะครับชานยอล”  ผมถามทั้งๆที่ตัวเองก็ยังคงใส่แว่นนั่นอยู่
     
     
    “อ่าอัก”
     
     
    “ห๊ะ…..อุ่บ!!”  จู่ๆชานยอลก็ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผม  เอ่อ....... โดนคนบ้า(ที่น่ารัก)จุ๊บ.....หรอ
     
     
    “โป๊ะโปะ......”  ชานยอลก้มหน้าพูด
     
     
    “ห๊ะ”
     
     
    “คุโร  คุโร  คุโร คุโรดีใจ  มีคนทำตาม  คุโร ชอบ  ชอบพี่หมอคนหล่อ......”  เด็กแสบคนนั้นก้มหน้ามองพื้น  พูดอย่างอายๆ
     
     
    “ห๊ะ?”
     
     
    “ห๊ะ  อยู่นั่นแหละ  ไปๆ  ผมจะอยู่กับคุโรรรรรรร  บุตะแล้ว!!”  ไม่ตอบคำถาม แต่ดันดันตัวผมออกจากห้องซะอย่างนั้น
     
     
    “เฮ้ๆ เดี๋ยวสิครับ ชานยอล  เอ้อ แล้วเมื่อกี้  ทำไมเรียกคนหล่อ ตอนแรกยังว่าไม่หล่ออยู่เลย” ชานยอลนิ่งไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยตอบ
     
     
    “ห้ามคนอื่นชม  เพราะผมจะชมคนเดียว”
     
     
     
    ปัง!
     
    ปิดประตูใส่หน้าทันที   
     
     
    ห้ามคนอื่นให้ชม  เพราะผมจะชมคนเดียว  งั้นหรอ  นี่เราโดนคนบ้าแอบชอบป่ะเนี่ย!!!!!!!!!!!!!!!!.
       
     
     
                หลังจากนั้นผมก็เดินกลับไปทำงานต่อด้วยความรู้สึกมึนๆงงๆกับอาการของคนไข้ VIPคนนี้  การตรวจคนไข้คนอื่นของผมวันนี้มันก็เหมือนๆเดิมครับ  ไม่มีอะไรมากมายเท่าไร  แค่ดูอาการ  ชวนคุยให้ผ่อนคลาย คนไหนที่สนิทกัน(มาถึงตรงนี้  คุณอย่าเพิ่งคิดว่าผมบ้าเลยสนิทได้  ผมแค่ทำหน้าที่ของจิตแพทย์ที่ดีเท่านั้นครับ)ก็คุยกันยาวหน่อย  รวมๆแล้วครึ่งเช้านี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี   แต่กว่าจะหมดคิวตรวจคนไข้รอบเช้าก็ปาไปเกือบเที่ยงกว่า  ท้องไส้ผมนี่ร้องกระจองงอแงประสานเสียงกันจนตัวผมรำคาญเลยต้องรีบเดินไปหาอะไรใส่ท้องที่โรงอาหารของโรงพยาบาล
           
     
     
              เมนูวันนี้ก็เป็นเมนูที่......เดิมๆ  สามัญธรรมดาเหมือนวันก่อนๆ  แต่ผมไม่ค่อยจะใส่ใจอะไรเท่าไร  สนแค่เร็ว  ถูก และอิ่มก็พอแล้ว  ระหว่างที่กินไปผมก็นั่งดูไอโฟนตัวเองไปสลับกับมองวิวนอกหน้าต่าง  ผมชอบนั่งมองวิวมุมนี้ครับ  มันตรงกับสวนของโรงพยาบาลพอดี  เห็นแล้วก็อดคิดถึงภาพตอนเช้าที่เด็กแสบนั่นวิ่งไล่จับแมลงไม่ได้  มองๆไปมันก็น่ารักดีเหมือนกันนะ  ว่าแต่นี่ผมจะต้องยิ้มทำไม  อืมๆ  ก็คงแค่เอ็นดูล่ะมั้ง  คงงั้นล่ะ  ใช่ๆ มันเป็นแบบนั้น  
     
     
     
     
     ตี๊ดตี๊ด
     
     
     
     
              เสียงไอโฟนดังเรียกสติผมให้กลับสู่ปัจจุบันกาล  ผมก้มลงดูไอโฟนนิดๆหน่อยๆก่อนจะเงยหน้ามองวิวต่อ  แต่  เอ๊อะ!.....วิวดูแปลกไป  ทำไมมีไอ้เด็กนั้นโผล่มาด้วย  สงสัยเราจะคิดถึงมากไป  ห๊ะ  คิดถึงมากไป  เอ้อ  นึกซะว่าผมไม่ได้พูดอะไรละกันนะครับ   ผมก้มลงดูไอโฟนต่อ  จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง.....
     
     
     
    เด็กนั้นยังอยู่
     
     
     
           คนบ้าสติเฟื่องยืนเอาไอ้เขียวนั่น และหน้าตัวเองแนบกระจกหน้าต่าง  จนจมูกบู้บี้ดั้งหดไปเกือบครึ่ง  ตากลมจับจ้องมาที่ผมผ่านไอ้แว๊นสีม่วงแปร๊ดนั่น  ส่วนปากอิ่มสีแดงจัดก็คลี่ยิ้มหวานมาให้....
     
     
     
     
    ....เอ่ออออ....
     
     
     
    “ปี้ป่อ  ปี้ป่อ  ปี้ป่อ”และแล้วก็เริ่มบรรเลงเพลงไซเรนให้ผมฟังเสนาะหูระหว่างที่นั่งกินข้าวเที่ยงไป  โอ้ ให้ตาย!  ไม่ไปกินข้าวบ้างรึไงวะเนี่ย  มาป่วนอะไรแถวนี้
     
     
    “ปี้หมอ  ปี้หมอ  ปี้หมอ  ตายแน่ ตายแน่”   สาบานทีว่านั่นไม่ใช่การแช่ง   ผมทำหน้ายักษ์ใส่ไป  ดุให้เลิกทำเสียงประหลาดๆ รบกวนคนอื่นสักที  เพราะตอนนี้ไม่ใช่ผมคนเดียวแล้วครับที่เห็นหมอ
    นี่  ทั้งโรงอาหารเห็นเด็กนี่หมดแล้ว  แถมยังมานั่งฟังว่าเด็กแสบนี่พูดอะไรอีกต่างหาก!!!
     
     
    “อ่าว คุณหมอ  คนไข้คุณนี่  แหม  ติดกันแจ”
     
     
    “คุณจองครับ”ผมแยกเขี้ยวใส่
     
     
    “ม่ายยยยช่ายยยยย   ไม่ได้ติดกันแจนะ  แต่ผม เอ๊ย คุโรติดปี้หมอต่างหาก”
     
     
    “อุ๊ยตาย.......”นางพยาบาลที่สติเฟื่องไม่แพ้คนไข้หันมาแซวผม  ฮึ่ย! รีบกินแล้วรีบไปดีกว่าวุ๊ย  ไม่อยากจะอยู่  ผมตั้งท่าจะโกยข้าวเข้าปาก  แต่แล้วเสียงตะกุกตะกักบางอย่างก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน   ภาพตรงหน้าที่ปรากฎคือ.....
     
     
     
             สิ่งมีชีวิตที่เตี้ยกว่าผมแค่3เซ็น(ดูส่วนสูงในใบประวัติมาแล้ว)กำลังตะเกียกตะกาย ไสตัวเองรอดเข้ามาทางหน้าต่างอีกอันที่ถูกเปิดออกไว้  ก่อนจะกระโดดลงพื้น พร้อมกับเซล้มลงไปแล้วค่อยยัดตัวลุกขึ้นมายืนยิ้มแฉ่งให้สองสามวิ  แล้วเดินตรงมาที่ผม  เอ่อคือ......
     
     
     
    ประตูข้างๆก็มี  ไมไม่เข้าครับบบบ
     
     
     
    สองมือเรียวหยิบวัตถุสีส้มประหลาดมาวางแหมะไว้ที่หัวผม  ยังไม่ทันที่ผมจะหยิบออก  เจ้าวัตถุนั้นก็ร้องเสียงดังขึ้นซะก่อน
     
     
    “ปี้หมอ ปี้หมอ  ปี้หมอ  ตายแหน่ ตายแหน่ ตายแหน่”  จากนั้นเสียงหัวเราะฮาคืนก็ดังสนั่นโรงอาหาร  ณ  จุดนี้ ผมอยากจะหายตัวได้  หรือสลายตัวเป็นอะมีบาให้รู้แล้วรู้รอด  ภาพพจน์ของหมออู๋หมดสิ้น!!!!!
     
     
    “พี่หมอกินข้าวช้า  พี่หมอทิ้งผม  พี่หมอให้ผมอยู่ที่ห้องคนเดียว!  รู้มั้ยคุโรหิวมาก!!!  พี่หมอนิสัยไม่ดี  ตายแหน่  ตายแหน่ ตายแหน่”  แล้วเจ้าตัวคนพูดก็สั่นหัวไปมาเป็นเอฟเฟ็คประกอบเสียง ตายแหน่ ตายแหน่นั่น จนผมเผ้ายุ่งไปหมด
     
     
     
     
    What do you want my patient
     
     
     
    “เอ้า  คุณหมอคริส  อย่ามัวแต่ทำหน้าบึ้งสิคะ  น้องชานชานโกรธแล้วนะคะนั่น  ดูสิ ยืนทำหน้าบูดเลย”เจ้าเก่าครับ  ไม่ต้องถามว่าเสียงใคร  พยาบาลจองคนเดิม  ผมเหลือบหันไปมองตามคำพูดของเธอ  เอ่อ  จริงอย่างที่ว่า  เด็กแสบยืนหน้าบูดบึ้ง  ปากนี่เบ้จนแทบจะชนกับจมูกอยู่แล้ว  เอ่อ  ในตำราบอกว่าถ้าคนบ้าโกรธจะน่ากลัวมาก  จิตแพทย์อันดับสองอย่างผมจึงฉีกยิ้มกว้างไปให้  โอ่ย  เงิงแห้งเลย  ยิ้มละลายแบบนี้  ต่อให้เป็นคนบ้าก็ต้องลืมโกรธละว้า.....หึหึ
     
     
     
    “ผักติดฟันอะ”
     
     
     
    หวืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
     
     
     
    เศษหน้าแตกกระจายดังเพล้งๆ มีเอคโค่หน่อยๆพอให้รู้สึกได้อับอายกัน  โอ่ย  ไม่น่ายิ้มเลยเรา  เสียฟอร์มต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทุกคนนี่มัน....แย่มาก  แย่สุดๆ  เฮงซวยเลยดีกว่า  แต่ที่แน่ๆตอนนี้ผมรู้สึกอายมากจนอยากจนหนีออกจากที่นี่
     
     
    ผมรีบโกยข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก  ก่อนจะหอบเอาเศษหน้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นเดินออกจากโรงอาหารไป  โดยมีเสียงหัวเราะเป็นแบร็คกราวแซวน์ข้างหลัง   และแน่นอนครับหนึ่งในนั้นมันก็มีไอ้เจ้าเด็กแสบยืนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากในนั้นด้วย ขอบคุณครับ  ขอบคุณ  ขอบคุณที่ช่วยกันกระทืบผมให้จมดิน
     
     
     
    อ๊ากกกกกกกกกกก   อยากบ้าโว้ย
     
     
     
    ผมเดินหลบเข้ามายังปีกตึกขวา  โซนสำหรับพวกVIPเงินหนัก  อย่าเพิ่งคิดว่าเพราะเจ้าเด็กแสบพักอยู่นี้นะครับ  ที่นี่มันแค่เงียบ  และสบายเฉยๆ  แค่นั้นเองจริงๆ  ระหว่างที่เดินเล่นผมก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดู  อีกห้านาทีต้องไปตรวจคนไข้ต่อซะแล้ว ด้วยเวลาที่เหลือน้อยทำให้ผมต้องรีบวิ่งไปหยิบเอกสารต่างๆที่ห้องทำงานของผม  แต่ระหว่างทางดันไปเจอกับไอ้ตัวแสบซะได้
     
     
     
    “มาทำอะไรแถวนี้  ไม่ได้อยู่หัวเราะเยาะพี่หมอที่โรงอาหารหรอกหรอ”
     
     
    “แต่ช้าแต่  อย่าขี้งอนสิพี่หมอ  ผมเอานี้มาให้”ยิ้มแฉ่งก่อนจะยื่นเอกสารที่ผมต้องการมาให้
     
     
     
    รู้ได้ไงว่าต้องใช้
     
     
     
     
    “พี่พยาบาลคนสวยๆ บอกให้เอามาให้พี่หมออออ  อ๋อออ อ๋ออออ”ขอบคุณที่เอคโค่ให้  ผมรับเอกสารนั้นมาก่อนจะเดินต่อ
     
     
    “พี่หมอ....”
     
     
    “ครับ”
     
     
    “ที่โรงอาหาร......”ผมหันไปมอง  โปรดอย่าย้ำ ๆ  เรื่องมันช้ำมาก!!
     
     
    “คือว่า.....ความจริงพี่หมอไม่ได้ผักติดฟัน”  ใบหน้าหวานก้มลงพูดกับพื้น  ท่าทางรู้สึกผิดมาก  ผมยืนนิ่งฟังต่อ  ผักก็ไม่ได้ติด แล้วจะแกล้งทำไมกัน
     
     
    “แล้วก็ขอโทษที่เอาไซเรนไปแปะหัว”
     
     
    “อ่าครับ  ไม่เป็นไรหรอก  พี่หมอไม่ได้โกรธเรา” ผมพูดก่อนจะเดินต่อไป  แต่แล้วก็ต้องชะงักกับประโยคต่อมาของชานยอล
     
     
    “ไม่อยากให้พี่หมอหล่อ  ไม่อยากให้น่ารัก  จะให้น่าเกลียด  คนอื่นจะได้ไม่รักพี่หมอ..........เพราะ  เอ่อ  เอ่อ  ผม  ไม่ๆ เพราะน้องคุโรจะรักพี่หมอคนเดียว” ผมเหลือบตาไปมอง  เห็นร่างโปร่งเอา
    คุโรบุตะมาปิดหน้า  แต่ใบหูที่กางเป็นจานเรดาห์นั่นก็ยังแดงเถือกโผล่พ้นตุ๊กตาออกมาอยู่ดี
     
     
    “งั้นเดี๋ยวพี่หมอตรวจเสร็จ.........จะมาหาน้องคุโรนะครับ”
     
     
    “มาหาผมหรอ!!!”ฉับพลันนั้นชานยอลเอาตุ๊กตาออก  ใบหน้าหวานยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี  แต่สักพักก็เก๊กหน้านิ่งหันไปพูดกับคุโรบูตะ
     
     
    “พี่หมอจะมาหานายล่ะ  คุโรบุตะ  ดีใจเนอะ”  ผมหัวเราะออกมาก่อนจะเดินไปทำงานต่อ
     
     
    “ฮิฮิ  ได้ยินมั้ยๆ  พี่หมอจะมาหาเราล่ะคุโร”ชานยอลยิ้มกว้าง  ยืนคุยงุงงิงกับตุ๊กตากบ  แต่สักพักหนึ่งก็นิ่งเงียบ
     
     
    “คุโรรรรรรรร  บูตะ.......เราไปเที่ยวกันเถอะ!!! คิกคิก”แล้วเด็กตัวโย่งก็วิ่งพาตุ๊กตากบตามใครบางคนไปเงียบๆ......
     
     
     
     
     
    --------------------------------------------
     
     
     
     
     
         ครึ่งบ่ายวันนี้ผมมีตรวจคนไข้อีกไม่กี่รายก็ได้เวลาพักแล้ว  ระหว่างที่เดินตรวจไปเรื่อยๆ  ผมกำลังเริ่มรู้สึกเหมือนถูกตาม  เหมือนชีวิตหม่นหมองมีเงาดำตามหลัง  ตอนแรกคิดว่าตาฟาดไปเอง  แต่ยิ่งนานเข้า  ชักไม่ใช่ละ  ตามติดซะขนาดนี้  ต้องเป็นคนบ้าสักคนในนี้แน่  ผมค่อยๆเดินช้าลง  ตาเหลือบไปมองดูเงาตะคุ่มๆข้างหลัง  รอจังหวะที่มันไม่ทั้งตั้งตัวก่อนจะหันขวับไป......
     
     
    “ล่องหน!”  ไอ้เด็กแสบยืนเอาไอ้เขียวปิดหน้า  เอ่อ.....บังมิดมากๆ
     
     
    “คุโรรรรร  บูตะ  พี่หมอไม่เห็นแน่เลย คิกคิก”  ผมเตรียมจะอ้าปากบอกว่า  พี่หมอเห็นเต็มๆเลยครับ  แต่คิดอีกที  ไม่ดีกว่า  อยากรู้ว่าเด็กแสบนี่จะทำยังไงต่อไป  ผมหันหลังเดินกลับ  เจ้าเด็กนั่น
    ตามผมมาติดๆ   ดูๆไปก็น่ารักดีแฮ่ะ
     
     
     
        หลังจากนั้นผมก็ตรวจคนไข้ต่อไปเรื่อยๆ  โดยมีเด็กแสบเดินตามไปด้วยทุกที  แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือ   เวลาเด็กแสบจะเดินผ่านหน้าผม  หรือมานั่งมายืนด้วยข้างๆก็จะเอาไอ้เขียวปิดหน้า  แล้วบอก  ล่องหน  ล่องหน  ล่องหนแล้ว!!! เหมือนอย่างตอนนี้เป็นต้น.....
     
     
    “ล่องหน!”   เด็กแสบเขยิบมานั่งข้างๆผมซะจนตัวแทบจะติดกัน  อย่างนี้ไม่รู้เล้ยว่าแอบตามมาด้วย  ผมแกล้งไม่สนใจหันไปคุยกับคนไข้ต่อ
     
     
     
    “เป็นไงบ้างครับ  คุณคิม  ช่วงนี้เจอปีศาจอีกมั้ย  ไม่แล้วเนอะ  เพราะหมอฆ่ามันให้แล้ว”  ผมพูดยิ้มๆ  ที่ยิ้มไม่ใช่ไรหรอกนะครับ  ก็ดูหน้าคนข้างๆสิ  เริ่มหงิกแล้ว  คงจะไม่ชอบที่ผมคุยกับคนอื่น
    มากล่ะมั้ง...
     
     
    “ค่ะ  คุณหมอเก่งมากเลย   คุณหมอคะ  วันนี้คุณหมอพาตัวอะไรมาด้วย”
     
     
    “ก็....ห๊ะ  ครับ  ไม่มีนะครับ”
     
     
    “นี่  หนู!”คุณคิมหันไปสะกิดคนข้างๆผมแทน  ดูดิ่  ว่าจะแก้ยังไง
     
     
    “ฮึ่บ!!! ล่องหนนนนนนนนนนนนนนน”ชานยอลพูดเสียงดัง จนผมเกือบหลุดขำ  เลยต้องรีบลุกเดินออกไป 
     
     
    “เฮ้ออออ…...ตรวจคนไข้ครบสักที  เดี๋ยวจะต้องไปหาคุโรรรรรร  บูตะซะละ” ผมแกล้งพูดลอยๆ จงใจให้อีกคนได้ยิน  แล้วมันก็ได้ผล
     
     
    “พี่หมอจะไปหาแล้ว!  พี่หมอน่ารักที่สุดเลยยยย”  
     
     
     
    จุ๊บบบ....
     
     
     
    สัมผัสอุ่นๆตรงข้างแก้มผมทำผมนิ่งอึ้ง    นี่ผมโดนหอมแก้มหรอเนี่ย....
     
     
    ยังไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรต่อ  เสียงเด็กแสบก็ดังขัดขึ้นซะก่อน
     
     
     
    “ฮิ   เราล่องหนอยู่ พี่หมอไม่รู้หรอกว่าเราแอบหอม  เฮ้ย! พี่หมอจะไปหา  ต้องรีบกลับห้องแล้ว  คุโรรรรรรร  บูตะพาเหาะที”พูดจบเด็กตัวโย่งก็ทำท่าเหาะ  วิ่งกลับไปรอที่ห้องของตัวเอง  ทิ้งให้ผมยืนอึ้งกับเหตุการณ์เมื่อกี้ต่อ.....
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     “ชานยอล.....”ผมลูบแก้มตัวเองเบาๆ  ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนตั้งสติได้แล้วเดินไปหาตัวต้นเหตุที่ห้องVIPด้วยความรู้สึกที่....
     
     
     
     
     
    สุขออย่างบอกไม่ถูก




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×