ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สถานีบำบัดคนบ้า [KRISYEOL]

    ลำดับตอนที่ #1 : สถานีบำบัดคนบ้า ตอนที่ 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.41K
      8
      2 พ.ค. 56

     
                 เช้า วันจันทร์ที่แสนจะเร่งรีบ ท้องถนน ทางเดิน สถานีรถไฟฟ้า เส้นทางการคมนาคมต่างๆล้วนคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมาก และแน่นอน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เบียดเสียดร่างตัวเองเข้าไปกับฝูงชน สาเหตุที่ผมยอมทำอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า..... เพื่อให้เข้าขบวนรถไฟฟ้าขบวนนี้ทัน เพราะถ้าผมไปทำงานสาย......
     
     
     
     
     
    นั่นหมายถึงการโดนหักเงินเดือน
     
     
     
     
             ผมพาร่างของตัวเองเบียดกับคุณป้าอายุสัก..... เอ่อ ถ้าหน้าเธอไม่โกงอายุจนเกินไปก็น่าจะราวๆสัก 50กว่าๆ ได้ เพื่อให้ตัวเองได้ยืนทำตัวเป็นลิงจอมห้อยโหนที่ใช้บาร์ต่างกิ่งไม้ ยึดตัวเองไม่ให้โงนเงนล้มไปตามแรงเหวี่ยงของรถไฟฟ้า ผมยืนในท่าทางอย่างนั้นสักพักจนในที่สุดก็ถึงสถานีที่ผมต้องการจะลง....
     
     
     
     
    Next station …… KyungHee Medical Center
     
     
           
             จะเรียกให้สวยหรูไปทำไมกัน ผมก็ไม่เข้าใจนักหรอก ความจริงทุกคนที่อยู่แถวนี้ก็รู้กันดีว่าที่นั่นคือ “สถานีบำบัดคนบ้า” ใช่ ได้ยินถูกแล้วแหละครับ สถานีบำบัดคนบ้า ที่ที่รับคนบ้าจากทั่วทุกสารทิศมารักษา ซึ่งผมทำงานอยู่ที่นั่นเองแหละ หน้าที่ของผมก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ตรวจ จ่ายยา ฉีดยาเวลาคนคลุ้มคลั่ง และอีกเยอะแยะที่ผมพูดไม่หมด (หรือถ้าคุณอยากฟังต่อ ขอแนะนำให้เอากระดาษมาให้ผมสักแผ่น แล้วผมจะบรรยายให้คุณฟังแบบละเอียดยิบเลยล่ะ) ผมเดินเข้าโรงพยาบาลมาด้วยท่าทางสบายๆ มองต้นไม้ใบหญ้า สัตว์ตัวน้อยออกหากิน ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่สงบที่สุดแล้วสำหรับผม เพราะหลังจากนี้.........
     
     
     
     
     
    มันจะไม่สงบแล้วน่ะสิ
     
     
     
     
     
    “คุณหมอคริสคะ คุณหมอคริส อีก15นาที คนไข้VIPจะมาแล้วนะคะ!!! ” นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ มันก็มาเลย
     
     
     
     
    “เฮ้อ ทำไมหมอไม่เคยมีเวลาสงบบ้างนะ”
     
     
    “แหม คุณหมอ ยังไม่ชินอีกหรอคะ”
     
     
    “เมื่อไรผมก็ไม่ชิน คนไข้VIPใช่มั้ย งั้นเดี๋ยวผม ไปรับด้วยตัวเองเลยแล้วกัน”
     
     
    “ค่ะ!! ฝากด้วยนะคะ”
     
     
    “ครับๆๆๆ คุณหัวหน้าพยาบาลลลลลล ”   ผมแกล้งหยอกพยาบาลที่ทำงานด้วยกันมานาน ก่อนจะเดินย้อนกลับไปที่หน้าประตูทางเข้า เพื่อรอรับ คนไข้VIP แล้วไอ้VIPที่ว่านี่…...VIPทางการเงิน หรือว่าทางอาการกันละวะเนี่ย
     
     
     
     
     
             ผม ยืนรอได้สักพักรถตู้คันหรูก็ขับเข้ามาจอดอยู่ข้างหน้าผม คนขับรถวิ่งลงมาเปิดประตู รองเท้าส้นสูงเหยียบลงพื้นดังแก๊ก ก่อนจะตามมาด้วยอีกแก๊ก ผู้หญิงหัวฟูฟ่องที่ยีมาไม่เท่ากัน ยืนอยู่ข้างหน้าผม นี่คนไข้หรอ.......เอ่อ ก็เหมือน จัดเต็มมาแบบล้นๆขนาดนี้
     
     
     
     
     
    “สวัสดีครับ ผมหมอคริส จะทำหน้าที่ดูแลคุณตลอดเวลาที่อยู่ที่นี้นะครับ”    ผมฉีกยิ้ม ก็รู้แหละนะ ว่ายิ้มไม่ได้สวย ละมุนหัวใจ แต่เอาเหอะ เจอคนไข้ครั้งแรก มันก็ต้องยิ้มบ้างไรบ้าง
     
           
     
               คน ไข้คนนั้นมองเหยียดมาที่ผม ก่อนจะสะบัดตามองไปทางอื่น ถ้าไม่ติดว่าใส่เสื้อกราวน์อยู่คงต่อยคนไข้ตัวเองไปแล้วล่ะครับ สัมมาคารวะหนะมีบ้างมั้ยยยย มีบ้างมั้ย นี่หมอ รักษาคุณนะครับ สงสัยต้องเตือนกันซะบ้างแล้ว
     
     
    “คุณคนไข้ มีอะไรรึเปล่าครับ” ยิ้ม ละไม ด่าในใจไปงั้นล่ะครับ ความจริงผมป๊อดมาก จะไม่ให้ป๊อดได้ไง ดู คนไข้ที่ผมดูแลธรรมดาที่ไหน เกิดคลั่งขึ้นมา ผมนี่ล่ะครับ จะซวย
     
     
    “ดิฉันไม่ใช่คนไข้ค่ะ”
     
     
    “อ่าว คุณผู้หญิงครับ ถ้าจะเข้าร้านทำผม นี่ผิดที่แล้วนะครับ ที่นี่โรงพยาบาลคนบ้า”
     
     
    “ฉันไม่ได้จะมาทำผม!!!”
     
     
    “แล้วคุณมาทำอะไร”
     
     
    “อา ม๊า!!! ผมไม่อยู่นี่ ผมไม่ได้บ้านะม๊า!!!”    ผม หันไปทางต้นเสียงที่ดังมาจากในรถ เด็กผู้ชายที่ส่วนสูงไร่เรี่ยกับผมโผล่หน้าออกมา แต่ยังไม่ทันจะพ้น หัวเขาก็โขกกับขอบประตูรถซะก่อน
     
     
    “อืมมมม ไม่บ้าเลย” ผมกอดอกพูดเบาๆกับตัวเอง
     
     
    “ผม ไม่บ้านะม๊า ผมปกติ!!!” เด็ก ผู้ชายคนนั้นค่อยๆตะเกียกตะกายออกมาจากรถ ที่ผมใช้คำนี้มันไม่เว่อร์เกินไปหรอกครับ ก็น้องแกเล่นปีนเก้าอี้ออกมา ทั้งๆที่ที่ข้างๆเขาก็ลดเก้าอี้ให้สะดวกต่อการลงอยู่แล้ว.......
     
     
     
     
    นายไม่บ้าเลยครับ ไม่บ้า จิตแพทย์อันดับ 1 อย่างผมการันตีเลย
     
     
     
     
     
              เด็ก ผู้ชายตัวโย่งค่อยๆยื่นขาข้างหนึ่งออกมาจากประตูรถก่อนจะตามมาด้วยอีก ข้าง จากนั้นก็ยืนประชันหน้ากับผม เมื่อดูหน้าใกล้ๆแล้วผมก็สรุปได้ว่า......
     
     
    “อย่างนี้ล่ะ บ้าชัวร์” เด็ก ตัวโย่ง ตาเหลือก หูกาง ฟันเยอะ ใส่แว่นสีม่วงแป๊ด มือซ้ายถือตุ๊กตากบ(ซึ่งตาก็เหลือกพอๆกับเจ้าของ) รองเท้าใส่คนละข้าง ข้างหนึ่งสีส้มข้างหนึ่งสีชมพู ไปโรงพยาบาลไหน เขาก็ว่าน้องบ้า เชื่อพี่หมอเถอะ!!!
     
     
     
     
    “ผมไม่บ้า!!!” นั่นนนน ยังจะเถียง
     
     
     
     
    “อย่างที่เห็นคะ ลูกชายดิฉัน ปาร์คชานยอล เขาป่วย ดิฉันเห็นคุณเป็นจิตแพทย์อันดับ1เลยอยากให้ช่วยรักษาแกหน่อย”
     
     
     
     
    “อ้อ ครับ ผมจะดูแลเป็นอย่างดีเลยครับ”
     
     
     
     
    “แกจะรักษาหายมั้ยคะ”
     
     
     
     
    “เอ่อ........จากใบ Refer ก็มีแนวโน้มว่า.....”
     
     
    “พี่หมอ! อมยิ้มมั้ย ผมให้”
     
     
    “ห๊ะ”  จู่ๆเด็กคนนั้นก็โพล่งขึ้นมากลางวงสนทนาพร้อมกับแบมือโชว์ Lollipop เอ่อ........
     
     
    “ชานยอล อย่าพูดแทรกสิลูก แม่กำลังคุยกับคุณหมออยู่”
     
     
    “พี่หมอ อมยิ้มมั้ยยยย ผมให้ฟรี ไม่คิดตังค์นะ แต่พี่ต้องปล่อยผมไป” เออ เอากับมันสิ
     
     
    “ไม่ นะครับ ชานยอล ชานยอลต้องมาเข้าค่ายกับพี่ที่นี้นะครับ ที่นี้มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะเลยล่ะครับ ไม่เบื่อหรอก อยู่กับพี่หมอนะครับ”   ผมใช้ไม้ลูกอ้อน มองตากลมที่วิบ ๆ วับๆ อยู่ตลอดเวลาด้วยสายตาเว้าวอนเต็มที่
     
     
     
          เด็ก คนนั้นเหลือกตามองสูง ปากอิ่มเชิดรั้น เอียงคอน้อยๆ อย่างคนใช้ความคิด สักพักหนึ่งก็หันมามองหน้าผม พร้อมกับยื่นตุ๊กตากบมาข้างหน้า
     
     
    “พี่ หมอ มีแมลงให้คุโรรรรรรรร บุตะ ของผมมั้ยครับ” (ผมแนะนำให้คุณคนอ่านลากเสียงยาว ๆ ตามเจ้าเด็กเอ๋อนี่ด้วยนะครับ ) เยี่ยมเลยครับ บุตะแปลว่าหมู แต่มันเอามาตั้งชื่อกบ
     
     
     
     
    “มีครับ มี เต็มเลย”
     
     
     
     
    “แบบนี้นะครับ” พูดพร้อมชูกล่องใส่แมลงตัวเล็กตัวน้อยในมือ
     
     
     
     
    “เอ่อ........... มีครับ คุณนายปาร์คครับ เรื่องที่ผมพูดค้างไว้ บางทีอาจจะต้องขอตรวจอาการใหม่อีกรอบ อื้ม แบบนี้ตอบยากว่าจะหายมั้ย”
     
     
     
     
    “จริงหรอคะ!!! // จริงหรอครับ!!! มีแมลงให้ คุโรรรรรรร บุตะของผมด้วยหรอ”
     
     
     
     
    “เอ้อ เอ่ออ ครับๆ ทั้งสองคนเลย ครับๆ”
     
     
     
     
    “ม๊า ผมอยู่นี้ละ บ้านเรา ไม่มีแมลงให้น้องคุโรรรรรร บุตะผมละ ผมจะอยู่นี้ ม๊ากลับบ้านดีๆนะ ผมไม่ไปส่ง ชุ้บๆม๊า” พูดก่อนจะก้มลงไปจุ๊บแก้มม๊าตัวเองสองสามที ก่อนจะเดินเข้าโรงพยาบาลแบบไม่รอผมเลยสักนิด.....
     
     
     
     
    “ฝากลูกดิฉันด้วยนะคะ คุณหมอคริส”
     
     
     
     
    “เอ่อ ครับ แล้วเราจะดูแลเป็นอย่างดี ขอตัวก่อนนะครับ” ผมรีบลา เมื่อเห็นว่าตอนนี้ไอ้ตัวแสบนั่น(ที่เรียกเพราะลางสังหรณ์มันบอกว่าเขาจะ ป่วนชีวิตผม)กำลังเดินหลงในโรงพยาบาล ผมรีบวิ่งตามเด็กคนนั้นไป ไอ้เจ้าตัวแสบนั่นก็เล่นเดินซะเร็วเลย ไม่รู้จะอยากสำรวจโรงพยาบาลอะไรนักหนา อยู่นี่ก็อีกตั้งนานเวลาสำรวจยังมีอีกเยอะ
     
     
     
     
    “ชานยอล” ผมเรียกเด็กคนคนนั้น และผลที่ได้คือ.......หันมามอง ฉีกยิ้มแฉ่ง หันกลับไป แล้วออกวิ่ง กระโดดเหยงๆรอบตัวผม
     
     
     
     
    “ทำอะไรหนะครับ ชานยอล” ถึงจะชินกับอาการของคนบ้า แต่งานนี้เล่นเอาอึ้งครับ
     
     
     
     
    “พี่ หมอตามผมทันแล้วๆ น้องคุโรรรรร บุตะ พี่หมอตามเราทันด้วยแหละ”   ไอ้เอ๋อนี่หันไปพูดกับตุ๊กตากบนั่นพร้อมกับจับมัน ส่ายตัวดุ๊กดิ๊กๆกลางอากาศ…....คุณนายปาร์คครับ ผมว่าลูกคุณ......คงหายยาก
     
     
     
     
    “ชานยอลครับ เข้าตึกกันเถอะครับ ไม่อยากไปดูห้องนอนตัวเองหรอ มันสวยมาก ๆ เลยนะ ”    ชานยอลเอาตุ๊กตามากอด พร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด จากนั้นก็ขยับแว่นเล็กน้อยก่อนจะตอบผมมาด้วยสีหน้าจริงจัง
     
     
     
     
    “ไม่ได้! ต้องหาข้าวให้น้องคุโรรรรร บุตะกินก่อน น้องหิวแล้ว” บอกทีเมื่อไรจะเลิกเรียกคุโรๆนั่นสักที ฟังแล้วมันน่ารำคาญ แต่เอ่อ เมื่อกี้ว่าไงนะครับ หาข้าวให้ตุ๊กตากบ? ไอ้เขียวนี่กินอะไร หวังว่าคงไม่ใช่อาหารสุดหรูนะครับคุณคนไข้ พี่หมอคนนี้หาให้ไม่ได้จริงๆ
     
     
     
     
    “น้องคุโรนี่กินอะไรละครับ พี่หมอจะได้หาให้”
     
     
     
     
    “อะไร! คุโรอะไร! เรียกเต็มๆ แบบนี้ๆ คุโรรรรรร บุตะ ไหนเรียกสิ นึงงง ซ่องงงง ซ้ามมมมม พูดพร้อมกันนะ” ไม่ พูดเปล่า ทำท่านับหนึ่ง สอง สาม ตามด้วย เฮ้อ แล้วนี้ คนอย่างหมออู๋ อี้ฟาน ต้องมาทำตัวเยี่ยงคนบ้าอย่างงี้ด้วยเรอะ ภาพพจน์ๆ หมดกัน! แต่จะไม่ทำ ก็ไม่ได้ด้วย ก็เล่นทำท่ารอฟังซะขนาดนั้น เฮ้ออออออออออ......
     
     
     
     
    “เรียกว่าไงนะครับ ขออีกที”
     
     
     
     
    “ปลาทอง! พี่หมอความจำสั้นเป็นปลาทอง บุ๋ง บุ๋ง” ทำท่าปลาทองหายใจด้วย! เอ่อออๆ ชานยอลครับ อย่าทำนาน มัน...........มันน่ารัก
     
     
     
     
    “ชานยอลครับ พอๆ พอได้แล้ว”
     
     
     
     
    “เรียกคุโรรรรรรร บุตะใหม่สิ่ เร็ว! น้องคุโรรรร บุตะจะงอนแล้วนะ”
     
     
     
     
    “โอเคๆ คุ คุโรรรรรร บุตะ” ทันทีที่พูดจบก็ตบมือหัวเราะ พยักหน้าหงึกหงัก ชอบใจใหญ่
     
     
     
     
    “ฮ่าๆ ใช่ๆ แบบนี้ๆ คุโรรรร ดีใจมั้ย พี่หมอเรียกชื่อนายด้วยนะ” พูดพร้อมกับเอาหูแนบปากไอ้เขียวนั้น ถ้าตอบได้นี่ฮาเลยนะ
     
     
     
     
    “คุโรบอกว่า ชอบมากๆ เรียกอีกนะ แต่ว่าตอนนี้ คุโรหิวแล้ว ผมไปหาข้าวให้คุโรก่อนนะ” พูด จบก็ออกวิ่งร่าทันที เล่นเอาผมเกือบวิ่งตามไม่ทัน เด็กอะไร วิ่งเร็วเป็นบ้า เฮ้ย แล้วนั่นจะไปไหน พระเจ้า! หยุดวิ่งทีเถอะ สงสารสังขารพี่หมอบ้าง!
     
     
     
     
    “ชานยอลๆ หยุด!!!”
     
     
     
     
    “พี่หมอ ชู้ว์ เงียบๆ เดี๋ยวมันบินหนี”
     
     
     
     
    “ห๊ะ?!” ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะหยุดวิ่ง แล้วมองตามสิ่งที่เด็กแสบนั่นกำลังจดจ้องอยู่
     
     
     
     
     
    แมลง? จะทำอะไรอีกละเนี่ย
     
     
     
     
     
              เด็ก คนนั้นค่อยๆหย่องเข้าไปหาแมลงตัวนั้นเงียบๆ ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไร ฝ่ามือเรียวที่จับตุ๊กตากบก็จะออกแรงบีบเกร็ง ตากลมจ้องเขม็งไปที่เป้าหมาย เหมือนกำลังลุ้นว่าแมลงจะบินหนีไปรึเปล่า ....
     
     
     
     
     
              นี่ อย่าบอกว่าจะจับมันนะ แล้วก็ใช่! สองมือเรียวตะครุบแมลงกลางอากาศ ก่อนจะค่อยๆจับมันยัดใส่กล่องพลาสติกใสที่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วผมยังเห็น ว่ามีแมลงอยู่ในนั้น ปากอิ่มคลี่ยิ้มออกจนกว้าง ตากลมจ้องมองแมลงในกล่อง จากนั้นก็อุ้มตุ๊กตากบ จัดระดับให้สายตาของมันอยู่ระดับเดียวกับตัวเอง
     
     
     
     
    “คุ โรรรร บุตะ ได้มาแล้วตั้งตัวนึงแหนะ ไปหากันอีกเนอะ” ผม หลุดยิ้มในความเอ่อ.........ยอมรับก็ได้ว่าน่ารักๆ น่ารักเพราะเป็นคนบ้าหรอกครับ ไม่ได้น่ารักเพราะหน้าตาและการกระทำหรอก อืม ไม่ใช่เพราะหน้าตาๆ
     
     
     
     
    “คุโรรรรร! แมลงๆ !!! คุโรรรร บุตะ บุตะ บุตะ” ผม สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆเป้าสายตาของผมก็เกิดอาการกระเด้งตัวอย่างรุนแรง ขึ้นมา สองขาเรียววิ่งไล่จับแมลงตัวหนึ่งที่บินโฉบไปโฉบมาอยู่แถวๆหน้าผม ผมค่อยๆเขยิบถอยหลังออกมา ไม่อยากจะให้ตัวเองเป็นอุปสรรคในการไล่จับแมลงของชานยอล แต่ดูเหมือนว่ายิ่งหนีมันจะยิ่งแย่ เจ้าแมลงตัวนั้นดันบินไปบินมารอบๆตัวผม ทำให้ชานยอลต้องไล่วิ่งตามมันไปโดยปริยาย จากที่วิ่งห่างผมไปนิดหน่อย ตอนนี้ดันกลายเป็นว่า.........กำลังวิ่งวนรอบตัวผมอยู่
     
     
     
     
    “คุณแมลงๆ ขอจับหน่อย คุณแมลงหยุดสิ คุโรแลบลิ้นจับคุณแมลงหน่อยสิ่” พูดไป วิ่งวนไป ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเจอหมาคึกๆสักตัววิ่งวนรอบตัวเองอยู่ เลย.....
     
     
     
    “คุณแมลง หยุด!!! คุโรรรรร เรามาโชว์สเต็ปลิ้นตะปรบให้คุณแมลงดูกันเถอะ หนึ่ง สอง สาม!!!”
     
     
     
     
     
    ฟึ่บ!
     
       
     
           อืม....... สเต็ปลิ้นตะปรบจริงๆ แต่ควรจะเปลี่ยนคำว่าลิ้นเป็นแขนและมือมากกว่า ก็เล่นใช้แขนตัวเองคว้าเอาแมลงด้วยความเร็วสูง ทำท่าทางให้เหมือนกับกบตวัดลิ้นมากที่สุด สุดยอดจริงๆ....
     
     
     
     
            เสียง หัวเราะชอบใจดังไปทั่วบริเวณ มือเรียวที่กำแมลงเอาไว้เขย่าไปมา อาการอย่างคนดีใจสุดขีด ชานยอลค่อยๆจับแมลงตัวนั้นใส่กล่องพลาสติกเหมือนกับที่ทำกับตัวแรก ก่อนจะชูมันให้ผมดู
     
     
    “ผมเก่งมั้ย”
     
     
    “หื้ม”
     
     
    “จับแมลงได้ตั้ง2ตัว เนี้ยะ มื้อเช้าน้องคุโรรรรร บุตะผมเลยนะ”
     
     
    “ไหน ดูหน่อยสิ่”
     
     
     
     
    “ได้ ดูดีๆนะ ของดี ให้ดูแค่2วิ” บอกด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะยื่นกล่องมาตรงหน้าแล้วก็รีบชักมือกลับไป
     
     
     
     
    “เฮ้ ดูไม่ทัน”
     
     
     
     
    “ฮ่าๆ บอกแล้วของดีมี2วิ ไปดีกว่า คุโรรรร” ชานยอลวิ่งร่าผ่านผมไป เอ่อ อยากจะถามนะ ว่าจะไปไหน
     
     
     
     
    “พี่หมอ......”
     
     
     
     
    “ครับ?”  ผมหันไปตามเสียงเรียก
     
     
     
     
    “จะเข้าตึก ตึกไปทางไหน…..”  อยากจะขำให้ลั่นโลก ไม่รู้ทางทำมาเป็นวิ่งร่า โถะ!
     
     
     
     
    “ฮ่าๆ เดี๋ยวพี่หมอพาไป” ผมพูดก่อนจะเดินนำหน้าชานยอลไป แต่เดินได้สักพักก็รู้สึกว่าเด็กแสบไม่ได้เดินตามมาด้วย.......จะจับแมลงต่อ เรอะ
     
     
     
     
    “ไม่ตามมาละครับ ชานยอล”
     
     
     
     
    “เวลาเดิน เราต้องเดินเป็นรถไฟ”
     
     
     
     
    “หา!!!!”
     
     
     
     
    “พี่ หมอเป็น เป็น รถไฟตัวโตผมเป็นรถไฟตัวน้อยเกาะไหล่พี่หมอ แล้วเดินปู๊นๆ ฉึกกะฉัก ฉึกกะฉัก” เอ่อ.....เยี่ยม ภาพพจน์ หายเกลี้ยง!!!
     
     
     
     
    “ต้อง.....”
     
     
     
     
    “ต้องทำ น้องคุโรรรรร บุตะอยากทำ เร็วๆ” ไม่พูดเปล่า แต่เอาแขนมาจับไหล่ผมเลย เฮ้ออออ…..ช่วยไม่ได้
     
     
     
     
    สุดท้ายผมเลยต้องเป็นหัวขบวนรถไฟเดินพารถไฟตัวน้อยๆ อย่างชานยอลเข้าตึก......
     
     
     
     
     
    ....เฮ้อออ....ชีวิตอู๋อี้ฟาน จบกันๆ....
     
     
     
    ....จากนี้จะเป็นไงต่อวะเนี่ยชีวิตคุณหมออู๋อี้ฟาน.....
     
     
     
     
     
     
    !!! โปรดติดตามตอนต่อไป !!!
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×