ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The dark ocean [KrisYeol]

    ลำดับตอนที่ #23 : ตอนที่ 20...ทาทาร์รัส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.8K
      21
      30 ส.ค. 56

    ปี้ป่อ ปี้ป่อ
     
     
    เสียงไซเรนของรถพยาบาลแผดเสียงลั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนที่บุรุษพยาบาลจะพาร่างของไคขึ้นรถ แล้วตามมาด้วยคยองซูและชานยอลที่ตามขึ้นรถไปติดๆ ทุกประสาทสัมผัสของเขาถูกตรึงไว้ด้วยการสูญเสียไคไปมากเสียจนพวกเขาลืมไปว่า คริสไม่ได้มาด้วย...
     
     
     
     ร่างสูงเปรยตามองรถที่ขับออกไป ก่อนจะหันกลับมามองสองผู้คุมที่มาจากนรกที่มีใบหน้าสยดสยองเหมือนมนุษย์ถูกถลกหนังจนเหลือแต่กล้ามเนื้อสีแดงด้วยแววตาเรียบเฉยไม่ยี่หระ เขาไม่คิดจะหนีไปไหน หรือคิดหาจะหาเล่ห์กลบ่ายเบี่ยงความผิด เพราะเขารู้ดีว่าต่อให้เขาคิดหากลวิธีที่ดีที่สุด เลิศเลอและแยบยลที่สุด ก็ไม่มีอะไรหนีการตามล่าของผู้คุมจากทาทารัสไปได้..
     
     
    “ตามบัญชาของท่านฮาเดส มีบัญชาให้จับกุมท่านเพื่อไปลงโทษยังนรกทาทารัส เพราะความผิดที่ท่านได้ละเมิดข้อห้ามยื่นมือไปช่วยชะตากรรมของมนุษย์!!!”
     
     
     
         คริสแสยะยิ้มทันทีที่ฟังจบ ก่อนจะยื่นข้อมือให้สองผู้คุมจัดการพันธนาการและนำตัวกลับไปยังนรกทาทารัส ที่ซึ่งเป็นบ้านเกิดและกำลังจะเป็นที่คุมขังของเขาในไม่ช้าด้วยท่าทางยินยอมแต่โดยดี ไม่มีแม้แต่ท่าทางจะตุกติก
     
     
     
    “ท่านโง่มากที่คิดละเมิดกฎข้อนี้เพียงเพราะแค่มนุษย์ผู้นั้น!!!” ผู้คุมส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันก่อนที่มันจะล่ามโซ่ที่มีลักษณะเหมือนเหล็กพึ่งหลอมออกมาจากเตาเข้ากับข้อมือของร่างสูง
     
     
    “ไปรับการลงทัณฑ์จากท่านพ่อของท่านกันเถอะ ท่านคริส!!!”
     
     
    พรึบ!
     
     
     
    เฉียบพลันนั้นประตูเหล็กสีดำที่มีโครงกระดูกขนาดยักษ์เป็นนายทวารก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่มือโครงกระดูกจะคว้าเอาร่างของเขาเข้าไปในประตู
     
     
     
        หลังบานประตูคือนรกส่วนที่คริสไม่อยากจะมามากที่สุด เพราะมันเป็นนรกส่วนที่ลึกที่สุด ชั่วร้ายและทารุณที่สุดที่เอาไว้ใช้ขุมขังคนที่ทำผิดร้ายแรงมากจนไม่อาจให้อยู่รวมกับคนอื่นๆได้  
     
     
     
        ถ้ำสีดำขนาดใหญ่มีปราสาทโครงกระดูกมนุษย์อยู่ใจกลางรอบผนังและทั่วพื้นถ้ำโฉกไปด้วยเลือดสีแดงฉานของนักโทษที่ถูกลงทัณฑ์ กลิ่นคราวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณจนแทบอาเจียนทันทีที่ได้กลิ่น เสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดดังระงมฟังดูน่าสยดสยอง     นักโทษที่ถูกขุมขังลงทัณฑ์บางคนเหลือบตามามองคริส ก่อนจะถูกผู้คุมกระชากกลับไปลงทัณฑ์ต่อ
     
     
        คริสเหลือบมองภาพที่เห็นด้วยสายตาเรียบเฉย เขาเลยจุดที่จะหวาดกลัวและหวั่นเกรงกับบทลงโทษเหล่านั้นเสียแล้ว เพราะตั้งแต่วินาทีที่เขาตัดสินใจว่าจะช่วยชานยอลและละเมิดกฎของนรกที่พ่อของเขาเป็นคนตั้งขึ้นมา เขาก็รู้ดีแล้วว่าสิ่งที่เขาจะมันจะหนักหนาสาหัสกว่าทุกโทษทัณฑ์ที่อยู่ ณ ที่นี่มาก
     
     
     
    โทษที่ละเมิดข้อห้ามของฮาเดส
     
    โทษที่ไม่มีใครเคยโดนลงทัณฑ์
     
    โทษที่แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้ว่าจะทนได้มั้ย..
     
     
     
     
    “เข้าไปข้างใน!!!"เสียงผู้คุมตวาดพร้อมกับผลักร่างของเขาเข้าไปในประตูปราสาทที่มีเลือดหยดลงมาจากซุ้มประตู คริสแสยะยิ้มก่อนจะเดินไปตามทางที่ร้อนฉ่าด้วยเปลวไฟจากนรก
     
     
     
                เขาถูกคุมตัวให้เดินไปตามทางเรื่อยๆ ตลอดสองข้างทางไม่มีทหารสักนายที่ทำความเคารพเขา ซึ่งนั่นก็คงไม่แปลกอะไรเพราะลูกเทพเจ้าเมื่อกลายเป็นนักโทษฐานะมันก็ต่ำต้อยลดลงเป็นธรรมดา จะให้ทาสมาจงรักภักดีซื่อสัตย์ต่อเขามันคงไม่มีทาง
     
     
     
                 เขาถูกพาตัวเข้ามาในโถงการตัดสินที่คลาคล่ำไปด้วยเทพทั้งหลาย โดยองค์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือเทพองค์อื่นๆคือฮาเดส พ่อของเขาเอง คริสเหลือบตามองเทพทุกองค์ที่นั่งอยู่บนยกเนินด้วยสายตาไม่ฉายแววใดๆ เทพทุกองค์ล้วนเป็นเทพที่เขาเคยเห็นแล้วทั้งนั้น แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมายืนมองเขาในฐานะนักโทษของนรก และพวกเขาจ้องมองเขากลับในฐานะของ....ผู้ตัดสิน
     
     
     
    “คริส...”ฮาเดสเรียกชื่อเขาด้วยเสียงเย็นเยียบ ความโกรธแค้น และผิดหวังอัดแน่นอยู่ในน้ำเสียงจนขนลุกไปทั่วร่างและหวั่นเกรงไปถึงขั้วหัวใจ  ฮาเดสเป็นเทพที่รักษาไว้ซึ่งความยุติธรรม และความยุติธรรมนั้นก็ไม่เคยเอียงเอนแม้กระทั่งผู้ที่ถูกตัดสินอยู่จะเป็นลูกของตัวเอง
     
     
    “ท่านจะลงโทษอะไรผมก็ลงโทษมาเถอะ”
     
     
    “เจ้ารู้มั้ยว่าสิ่งที่เจ้าทำมันร้ายแรงแค่ไหน”
     
     
    “ผมรู้ดี”
     
     
    “แต่เจ้าก็ยังฝ่าฝืนกฎ เปลี่ยนชะตามนุษย์อย่างนั้นหรอ!!!”ฮาเดสแผดเสียงสนั่นจนทั้งห้องโถงสั่นสะเทือน 
     
     
    “ผม ไม่ ได้ เปลี่ยน”
     
     
    “ถึงแม้เขาจะตาย แต่การที่เจ้าเข้าแทรกแซง บิดเบือนความตายของเขา มันถือเป็นการผิดกฎ เรื่องนี้เจ้าก็รู้ดีไม่ใช่หรอ!!!”ฮาเดสลุกขึ้นยืนอย่างเดือดดาล โทสะของเทพเจ้ามีมากเกินกว่าจะควบคุมได้แล้ว กฎของเขาตราไว้เพื่อรักษาระเบียบในนรกและรักษาความสมดุลของโลกมนุษย์ แต่ลูกแท้ๆของเขากลับเป็นคนละเมิดมันเสียเอง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พ่ออย่างเขาโมโหได้ยังไง!!!!
     
     
    “ข้าต้องการฟังคำตอบจากเจ้า อย่าเงียบ บุตรแห่งข้า!!!”
     
     
    “ใช่ ผมรู้ แต่ผมจะ...”
     
     
    ผัวะ!!!
     
     
    ฮาเดสฟาดคฑาสองง่ามของตนเข้ากับหน้าของคริส จนร่างสูงหน้าหัน เลือดไหลกลบปาก แต่เขาก็ยังคงทำท่าเฉยเมย เพียงแค่ปาดเลือดออกจากปากแล้วหันกลับมา
     
     
     
    “เจ้าลืมไปแล้วรึไงว่าความตายสำหรับเรามันสำคัญมากแค่ไหน  เราอยู่ เรารักษา เราผดุงซึ่งความตายมาตลอด แต่เจ้ากลับย่ำยีความตายทั้งหมดลงด้วยแค่การกระทำโง่ๆเพื่อช่วยบุตรแห่งโพไซดอนซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าเลย!!!”
     
     
    “หึ”คริสหัวเราะในลำคอ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะกวนอารมณ์พ่อเขา แต่เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งๆที่รู้ว่าต่อให้ช่วยไปยังไงก็ต้องตายอยู่ดี และทั้งๆที่รู้ว่ามันผิด แต่ก็ยังจะทำ...
     
     
    พรึ่บ
     
     
    ฮาเดสจิกผมลูกชายแท้ๆของตนจนคริสเงยหน้าขึ้นสบตากับพ่อตามแรงดึง
     
    “ชะตาชีวิตของมนุษย์เมื่อลิขิตมาแล้วก็เปลี่ยนไม่ได้  และถ้าเจ้าไม่เห็นค่าของมัน ข้าก็จะทำให้เจ้าได้สำนึก!!!”ฮาเดสกระแทกคฑาสองง่ามลงกับพื้นจนเกิดรอยร้าว ก่อนจะชี้หัวคฑามาที่ลูกชายของเขา
     
     
    “จงไปรับโทษฐานที่ผิดคำสัตย์ และฝ่าฝืนข้อห้ามสูงสุดของดินแดนนรกเสีย บุตรแห่งข้า!!!”เฉียบพลันนั้นเหล่าเทพมากมายต่างตื่นตระหนกระส่ำระส่าย ความกังวลและเคร่งเครียดฉายชัดอยู่ในใบหน้าของเทพเจ้า พวกเขารู้ดีว่าโทษของการผิดคำสัตย์ปฏิญาณและฝ่าฝืนข้อห้ามสูงสุดของนรกคืออะไร มันเป็นโทษที่น่าสะพรึงกลัว ที่แม้แต่เทพด้วยกันเองยังไม่กล้าฝ่าฝืน 
     
     
    “นำตัวไปยังคุกแห่งทาทาร์รัส!!!”ผู้คุมเข้ามาคุมตัวเขาออกไป ยังสถานที่ที่ในประวัติศาสตร์ไม่มีมนุษย์คนไหนถูกลงทัณฑ์ในทาทาร์รัส และไม่มีแม้แต่วิญญาณดวงไหนที่โดนบทลงโทษอันแสนโหดร้ายทารุณเท่านี้มาก่อน เขาจะเป็นคนแรกที่ได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัสของบทลงโทษนี้…
     
     
     
                ผู้คุมพาตัวคริสออกจากปราสาทลงไปทางใต้มากขึ้นเรื่อยๆ ที่เห็นอยู่ลิบๆกลางแม่น้ำแห่งไฟคือคุกแห่งทาทาร์รัส ที่ตั้งตระหง่านท้ากระแสน้ำที่เชี่ยวกราด ตัวอาคารทำมาจากหินสีดำมีรูปทรงคดเคี้ยวบิดเบี้ยว ด้านบนและโดยรอบมีอสูรกายและผู้คุมมากมายคอยตรวจตรารักษาความปลอดภัยอยู่อย่างแน่นหนา  ฝูงอสูรกายมีปีกกำลังบินโฉบโยนบางสิ่งลงไปในแม่น้ำ จนก่อให้เกิดท่วงทำนองที่ฟังดูน่าขนลุกและวิเวกวังเวงแปลกๆ 
     
     
     
               พวกเขาออกเดินต่อไปเรื่อยๆ และยิ่งใกล้สถานที่แห่งนั้นมากเท่าไร สองข้างทางก็รกร้างไร้วี่แววของดวงวิญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับสถานที่แห่งนี้อันตรายและน่าหวาดกลัวมากจนแม้แต่วิญญาณที่ทำความชั่วทั้งหลายยังไม่กล้าเข้าใกล้  และทันทีที่คริสเดินมาจนถึงสุดอาณาเขตของพื้นดิน เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมพวกวิญญาณถึงไม่กล้าเข้าใกล้
     
     
     
    หวืดดด หวิวว 
     
     
     
               เสียงวิญญาณที่ถูกฝังอยู่ในผนังคุกคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด มือของพวกมันที่ไขว่คว้าหาอะไรบางอย่างราวกับต้องการหาคนมาอยู่ด้วยทำให้สภาพตัวอาคารไม่สมมาตร บิดเบี้ยว ผิดรูปทรงได้อยู่ตลอดเวลา และเสียงจ๋อมที่ดังขึ้นเกิดจากพวกอสูรกายโยนศีรษะมนุษย์ลงน้ำ  บ้างเผาไหม้ไปทันที บ้างลอยค้างเติ่งอยู่ที่ผิวน้ำ
     
     
    “พร้อมจะไปรับโทษของท่านรึยังล่ะ ท่านคริส”ผู้คุมแสยะยิ้มจนกล้ามนัดและเส้นเอ็นตึง ก่อนที่เขาจะสยายปีกอย่างค้างคาวออกมาแล้วกระชากร่างของคริสขึ้นไปยังยอดของคุกที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม
     
     
     
            ทันทีที่มาถึง  ผู้คุมก็ตรึงคริสไว้ที่เสาหินสีดำ ก่อนจะจุดไฟที่ใต้เท้าจนควันสุมไปทั่วร่างของร่างสูง บดบังความสามารถในการมองเห็น คริสพยายามหลับตาและประครองสติของเขาเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  แต่ดูเหมือนว่าทาทาร์รัสจะไม่ต้องการอย่างนั้น เมื่อร่างสูงได้กลิ่นเหม็นเน่าอย่างซากศพที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณเข้ารบกวนสมาธิ จนต้องปรือตาขึ้นมามอง และแม้จะมองไม่เห็นผ่านม่านหมอกควัน เขาก็รู้ได้ทันทีจากกลิ่นว่าเขากำลังจะเจอกับอะไร
     
     
    “ถือเป็นเกียรติจริงๆที่ได้ลงโทษท่าน ท่านคริส”เสียงหญิงคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและประชดประชัน ก่อนที่นางจะใช้มือปัดหมอกควันออกไปจนเผยให้เห็นร่างภายใต้ม่านหมอกนั้น
     
     
     
    ผู้หญิงสามคนมีผมเป็นงู ด้านหลังมีปีกค้างคาวขนาดใหญ่งอกออกมา  ใบหน้าตะปุ่มตะปั่ม ช้ำเลือดช้ำหนอง จมูกงองุ้มผิดรูป  ริมฝีปากฉีกกว้างไปเกือบถึงใบหู ภายในมีฟันแหลมคมที่เรียงสับไม่เท่ากัน ดวงตาสีแดงดั่งโลหิตที่ฉายแววคลุ้มคลั่งและหิวกระหายจับจ้องมายังร่างของคริสอย่างไม่วางตา จนร่างสูงต้องรีบหลบสายตา เพราะหากพลั้งเผลอสบตาเข้า บุตรแห่งฮาเดสอย่างเขาก็อาจถูกทำให้เสียสติและประสาทหลอนได้…
     
     
     
     
     พวกนางคือฟิวรี่ กลุ่มเทวีทัณฑกรทั้งสาม ที่โหดเหี้ยม อมหิต และไร้ความปราณี นายเพียงหนึ่งเดียวที่พวกนางเชื่อฟังมีเพียงฮาเดส เจ้าแห่งนรกโลกันต์เท่านั้น…
     
     
     
    “จะลงโทษอะไรก็ลงโทษมา”ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับไม่ยี่หระต่อโทษทัณฑ์ที่ตัวเองกำลังจะได้รับ
     
     
    พรึ่บ!
     
     
    ฟิวรี่ตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่ร่างสูง ก่อนที่มันจะบีบกรามของเขาแน่นจนเล็บจิกลงไปในเนื้อ เลือดสีสดไหลออกมาจากบาดแผลเป็นทางยาว
     
     
     
    “ปากดีนักนะ อยากจะรู้ว่าท่านจะทำเก่งอย่างนี้ได้ไปอีกนานแค่ไหนกัน ท่านคริส!!!!”เฉียบพลันนั้นนางก็ฟาดแซ่ที่เต็มไปด้วยหนามและลุกโชนด้วยเปลวเพลิงลงบนร่างของคริส ก่อนจะกระตุกแซ่อย่างแรง หนามกระชากเนื้อของคริสออกมาจนเลือดสีสดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น พร้อมกับประกายไฟที่ลามเลียไปตามร่างลึกของบาดแผลให้ปวดแสบปวดร้อนทุรนทุราย
     
     
    “อึก!”คริสกำมือตัวเองแน่นเพื่อสกัดกั้นความเจ็บปวดภายใน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้านบนที่เต็มไปด้วยความมืดสุดจะอนธการ
     
     
    “มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นท่านคริส ความทรมานมันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น!!!!”ฟิวรี่แผดเสียงดังกึกก้องไปทั่ว ก่อนที่มันจะสาดของเหลวสีแดงฉานใส่ร่างของคริส
     
     
    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”คริสกู่ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะหอบหายใจหนักหน่วงแล้วพยายามตั้งสติเอาไว้ และพร่ำบอกตัวเองซ้ำๆว่านี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ความเจ็บปวดมันเพิ่งจะเล็กน้อย จากนี้ต่างหากคือบทลงโทษที่แท้จริง
     
     
    บทลงโทษที่ไม่มีใครเคยได้รับ 
     
     
    บทลงโทษที่ทุกข์ทนแสนสาหัส 
     
     
    บทลงโทษที่ต้องทนรับไปชั่วกัปชั่วกัลป์ !!!
     
     
     
     
    ------------------------------------------------------------------------
     
     
     
     
     
    หลังจากเหตุการณ์วันที่สูญเสียไคไป ชานยอลก็ตกอยู่ห้วงแห่งความอาลัยอาวรณ์มาตลอด เขายังจำได้ดีถึงภาพของไคที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นถนน ทุกอย่างยังคงตอกย้ำถึงการจากไปของเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของเขา และแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้เศร้าเสียใจมากมายแล้ว แต่เขาก็ยังคงคิดถึงถึงเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา และเศร้าเป็นบางทีที่รู้ว่าเพื่อนคนนั้นได้จากเขาไปเสียแล้ว 
     
     
     
       แต่คนที่ดูจะทุกข์ทนและเศร้าโศกกว่าเขา เห็นจะเป็นคยองซู เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ร่างเล็กเอาแต่นั่งเหม่อลอย และร้องไห้คร่ำครวญถึงการจากไปของไคจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย และยิ่งนับวันก็ดูจะแย่ลงเรื่อยๆราวกับเป็นดอกไม้ที่รอวันโรยราลงสู่พื้นดิน จนเขาที่อยู่ด้วยต้องคอยปลอบโยน และดูแล หมั่นอยู่เป็นเพื่อนไม่ให้ดอกไม้ที่ใกล้เหี่ยวเฉาดอกนี้โรยราไปก่อนเวลาที่ควร
     
     
     
    “คยองซู กินข้าวหน่อยมั้ย”ชานยอลเอ่ยถามขณะที่ทั้งสองนั่งกันอยู่ที่โรงอาหาร
     
     
    “ชานยอลกินเถอะ ผมไม่หิว”อีกครั้งที่รูปประโยคนี้ออกมาจากคยองซู ร่างโปร่งได้แต่ถอนหายใจออกมา  ตัวเขาเองก็ใช่ว่าจะเข้มแข็งหรือทำใจได้มากกว่าร่างเล็ก แต่เพราะการที่ได้มาเห็นคนที่อ่อนแอกว่ามันทำให้เขาต้องลุกขึ้นมาเป็นหลักยึดให้กับอีกคน
     
     
    “ร่างกายนายจะแย่เอานะ”คยองซูส่ายหน้าช้าๆก่อนจะเอ่ยตอบ
     
     
     
    “ผมไม่อยากกิน”ชานยอลถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะจัดการกับอาหารตัวเองช้าๆ แต่ทานไปได้สองสามคำ สุดท้ายก็ต้องหยุดเมื่อเผลอไปได้ยินบทสนทนาของกลุ่มนักเรียนที่เดินผ่านโต๊ะเขาพอดี
     
     
    “นี่รุ่นพี่คริสหยุดหรอ แล้วอย่างนี่เราก็ไม่ได้คุยเรื่องโครงการกับพี่เขาสักทีน่ะสิ”
     
     
    “อืมใช่ เห็นว่าหยุดไปตั้งหลายวันแล้ว ไม่รู้จะเป็นอะไรบ้างรึเปล่าแฮ่ะ”
     
     
    “นั่นสิ ปกติไม่เห็นจะหยุดเรียนเลย”เสียงพูดคุยดังออกไปไกลเรื่อยๆ ก่อนที่กลุ่มเด็กนักเรียนพวกนั้นจะเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่อยู่ไกลจากเขา หากแต่บทสนทนาที่พวกเขาพูดยังคงค้างเติ่งลอยเป็นปริศนาไว้ให้เขาขบคิด…
     
     
    คริสหายตัวไปหลายวันแล้ว
     
     
     
    หายไปตั้งแต่วันที่ไคจากไปโดยไม่ทิ้งร่องรอย หรือคำลาใดๆไว้เลย  ทีแรกเขาคิดว่าร่างสูงอาจจะกลับแคนนาดาไปแล้ว เลยไม่ได้สนใจอะไรอีก ถึงแม้จะแปลกใจอยู่ลึกๆแต่ก็ไม่คิดจะค้นหาคำตอบ เพราะตอนนั้นเขายังคงติดอยู่ความความโศกเศร้าที่สูญเสียไคไป แต่พอมาได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ มันทำให้เขาหวนกลับไปคิดถึงเรื่องของคริส  คริสคงไม่ได้กลับแคนนาดาไปแน่ เพราะเสื้อผ้า ของข้าวทุกอย่างยังคงอยู่ที่ห้องของเขา ไม่มีชิ้นไหนถูกแตะต้องหรือเปลี่ยนที่เลยสักนิด ราวกับว่าจู่ๆเจ้าของของพวกมันก็หายตัวไปเสียดื้อๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอย….
     
     
    “คยองซู….”ชานยอลเผลอหลุดปากเรียกชื่ออีกฝ่าย ร่างเล็กเหงยหน้าขึ้นสบตา ก่อนที่ร่างโปร่งจะถามต่อ
     
     
     
    “พี่ของนายหายไปไหน”เขาถามออกไปทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงถาม แต่ที่รู้คือเขากำลังสงสัย  
     
     
     
     
       คยองซูนิ่งเงียบไปชั่วครู่เหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่างก่อนจะส่ายหน้าช้าๆแล้วจึงเอ่ยตอบ
     
     
    “ท่านคริส ไม่เคยบอกว่าจะไปที่ไหน ผมไม่รู้”
     
     
    “แล้วปกติเวลานายจะไปหาเขา นายรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่ไหน”
     
     
    “ต้นไม้ พวกมันจะกระซิบบอกผม แต่ครั้งนี้…….ไม่มีต้นไหนที่กระซิบบอกเลย” ชานยอลนิ่งงันไป ความจริงที่รับรู้ทำให้เขารู้สึกวูบโหวงแปลกๆ…ที่ที่ไม่มีแม้แต่ต้นไม้งั้นหรอ….
     
     
    “อย่างนั้นหรอคยองซู”ชานยอลตอบ ร่างเล็กพยักหน้าช้าๆ ก่อนที่ทั้งสองจะนิ่งเงียบจมเข้าสู่ภวังค์ของตัวเอง
     
     
     
                      ร่างโปร่งได้แต่สงสัยว่าสถานที่ที่คริสไปคือที่ไหน ทำไมถึงได้ไม่มีต้นไม้อยู่เลย สถานที่แบบนั้นมันจะมีอยู่ในโลกด้วยหรอ เพราะแม้แต่ทะเลทรายยังมีต้นไม้เลย แล้วที่ที่คริสไปมันคือที่ไหนกัน เขาได้แต่สงสัยอยู่อย่างนั้น แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ สุดท้ายเลยปล่อยให้เลยผ่าน และฝังกลบความสงสัยลงในก้นบึ้งของจิตใจ โดยให้เหตุผลกับการกระทำของตัวเองว่า…
     
     
    ไม่ใช่เรื่องของเขา
     
     
    คริสไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับชีวิตของเขาอีกแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องไปสนใจ
     
     
                   แล้วหลังจากนั้นชานยอลก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีกเลย เขายังคงดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติ ในขณะที่คยองซูเองก็ไม่มีกะจิตกะใจมากพอจะมาสนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องของไค พวกเขาทั้งคู่ปล่อยให้ความผิดปกตินี้กลายเป็นเพียงเรื่องหยุมหยิมที่คิดเอาเองว่าไม่ช้าไม่นานทุกอย่างก็คงจะกลับมาเป็นปกติอย่างที่เคยเป็น…
     
     
     
    --------------------------------------------------------
     
     
     
     
            ภายในบ้านริมชายหาดหลังเล็กๆแห่งหนึ่ง หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังเก็บข้าวของและทำความสะอาดจานชามหลังจากที่ร้านเพิ่งปิด ท่าทางและสีหน้าของเธอขณะที่กำลังทำภารกิจต่างๆดูนุ่มนวลและสุขุมเกินกว่าที่จะเป็นเพียงแม่บ้านเจ้าของร้านอาหารเล็กๆแห่งนี้ได้    เธอวางถ้วยชามลงบนที่พักจานอย่างเบามือ ก่อนจะหยิบใบใหม่ขึ้นมาทำความสะอาด โดยระหว่างที่ล้างไปเธอก็นึกถึงเรื่องราวของใครบางคนไปด้วย
     
     
     
            เป็นเวลากว่าหลายวันแล้วที่เธอไม่ได้ยินข่าวคราวของลูกชายเพียงคนเดียวของเธอจากพวกข้ารับใช้ของโพไซดอนที่มักจะมารายงานเธอเป็นระยะๆถึงความเป็นไปของลูกชาย และถึงแม้ว่าเนื้อความอาจไม่ได้ละเอียดหรือครบถ้วนมากนัก เพราะขีดจำกัดทางความสามารถของพวกเขา แต่การได้ยินข่าวคราวบ้างก็ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจ เหมือนอย่างน้อยเธอได้รู้ว่าลูกชายของเธอเป็นยังไง ยังสบายดีอยู่หรือเปล่า  
     
     
     
          เธอเลือกที่จะไม่ไปถามความเป็นไปของลูกชายของเธอจากชานยอล เพราะเธอไม่ต้องการให้เด็กคนนั้นรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่าตัวเองกำลังจะถูกแทนที่ หรือมีใครที่ถูกให้ความสำคัญมากกว่าตัวเองอยู่ เธอไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนั้น เธอรักชานยอลและคริสเท่าๆกัน และไม่ต้องการให้สองคนนี้แตกคอกัน แต่ครั้งนี้ระยะเวลาของข่าวคราวของคริสมันทิ้งช่วงยาวนานเกินไป นานจนเธอเริ่มกังวล…
     
     
     
    เพล้ง!
     
     
     
    จู่ๆจานที่ล้างก็ลื่นไหลตกลงไปบนพื้นจนแตกกระจาย เศษกระเบื้องบางส่วนบาดมือของเธอจนเลือดไหลซึมออกมา 
     
     
     
    “แย่จริง”เธอบ่นพึมพำออกมาเสียงเบา ก่อนจะค่อยๆก้มลงเก็บเศษกระเบื้อง แล้วทำความสะอาดพื้นบริเวณนั้น ก่อนจะเดินออกไปทำแผล 
     
     
     
      อุปกรณ์ทำแผลถูกเปิดออกมาใช้ ก่อนที่ยาต่างๆจะถูกทาใส่แผล แม้ความเจ็บปวดจะมากมาย แต่สิ่งเดียวที่ยึดครองสติของเธอได้คือเรื่องของลูกชาย ลางสังหรณ์อะไรบางอย่างกำลังร้องเตือนอยู่ในสมองว่ากำลังเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น แต่ถึงกระนั้นเธอก็พยายามที่จะไม่คิดมากอะไร แล้วปัดความกังวลทั้งหมดออกไป ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นตั้งท่าจะไปจัดการกับในครัวต่อ แต่ขณะนั้นเองที่เธอลุกขึ้นยืน จู่ๆหน้าเธอก็มืดจนเกือบจะวูบไป ดีที่เธอคว้าพนักเก้าอี้ไว้ได้เสียก่อน เธอหยุดพักไปชั่วครู่ ก่อนจะตั้งท่าออกเดินใหม่ แต่พอจะเดินไปเธอก็หน้ามืดอีกครั้ง สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจว่าจะนอนพักสักพักแล้วค่อยกลับไปทำงานต่อ
     
     
     
          ร่างของหญิงวัยกลางคนเอนตัวนอนลงกับโซฟา  ก่อนที่เธอจะค่อยๆหลับตาจมดิ่งสติลงสู่ห้วงนิทรา ให้การหลับใหลเยียวยาอาการผิดปกติทางร่างกาย
     
     
     
    แต่เธอคิดผิด…
     
    การหลับใหลไม่ได้จะเยียวยาเธอ แต่กำลังจะบั่นทอนจิตใจของเธอต่างหาก
     
     
     
      การหลับใหลของเธอค่อยๆถูกความฝันเข้ารบกวนช้าๆ ภาพสีดำมืดมิดที่ดวงตาเห็นค่อยๆถูกแทรกซ้อนด้วยภาพสถานที่แห่งหนึ่ง มันเป็นลานกว้างทรงกลม ตรงกลางมีเสาต้นหนึ่งที่มีมนุษย์ถูกตรึงร่างเอาไว้ แต่เธอไม่สามารถเห็นหน้าเขาได้ เพราะเธอยืนอยู่ด้านหลังของเขา และไม่สามารถจะขยับตัวไปไหนได้ ราวกับมีใครมาฉุดรั้งเธอเอาไว้ 
     
     
     
     มนุษย์คนนั้นกำลังถูกสัตว์หน้าตาอัปลักษณ์ตัวหนึ่งที่เธอจำได้ลางๆว่ามันคือฟิวรี่โบยด้วยโซ่ที่มีหนามและลุกโชนด้วยเปลวไฟ ทุกครั้งที่ถูกฟาดฟันเนื้อก็จะหลุดออกมา และเลือดก็จะสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นจนอาบไล้ให้พื้นสีดำกลายเป็นพื้นสีเลือด จากนั้นฟิวรี่ก็จะสาดของเหลวสีแดงฉานใส่ตัวเขา  ซึ่งเธอรับรู้ได้ทันทีว่ามันคืออะไร…
     
     
     
    เลือดของไฮดรา
     
    เลือดที่มีพิษร้ายแรงเผาผลาญร่างกายให้แหลกลาน
     
     
     
    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”เฉียบพลันนั้นเธอก็หยุดนิ่งชะงักงัน ไม่ว่าจะในความฝันหรือความเป็นจริง เธอก็จำได้ว่าเสียงนั้นเป็นของใคร เธอพยายามจะขืนตัววิ่งไปดูหน้าของเขาให้แน่ใจ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะยิ่งเธอพยายามเท่าไรก็เหมือนว่าเธอจะยิ่งขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้มากเท่านั้น
     
     
    “ไหนดูสิ่ ว่าใกล้ตายรึยัง”เสียงฟิวรี่ตัวหนึ่งพูด ก่อนจะเดินเข้ามาจับใบหน้าของมนุษย์คนนั้น
     
     
    “หึ ยังไม่ใกล้ตายอีกหรอ ช่างน่าเบื่อเสียจริง”
     
     
    “เจ้าจะบ่นไปทำไม เป็นแบบนี้น่ะสนุกที่สุดแล้ว เพราะพอใกล้ตาย ร่างกายก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้เราได้ทรมานกันไม่รู้จักจบจักสิ้น แบบนี้สนุกกว่าให้มันตายเสียอีก”ฟิวรี่อีกตัวหนึ่งพูดก่อนจะส่งเสียงหัวเราะที่เล็กแหลมและบาดแก้วหูจนสั่นประสาท
     
     
    “งั้นข้าจะลงโทษยังไงอีกดี”
     
     
    “แบบนี้ดีมั้ยล่ะ อเล็กโต” ฟิวรี่ตัวหนึ่งแสยะยิ้ม ก่อนจะเงื้อมือขึ้นแล้วควักลูกตามนุษย์คนนั้นออกมา
     
     
     
    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!”เฉียบพลันนั้นจู่ๆเธอก็ขยับตัวได้ เธอรีบวิ่งไปดูเขาทันที ภาพที่เห็นเบื้องหน้ากระชากหัวใจของคนเป็นแม่ และขยี้มันให้แหลกสลายภายในชั่ววินาที
     
     
    “คริส!!!”เธอแผดเสียงร้องก่อนที่เธอจะผวาตกใจตื่นขึ้นมา ภาพสุดท้ายของความฝันยังคงติดตาอยู่ในห้วงคำนึงและไม่อาจเลือนหายไปได้…
    ภาพที่คริสถูกควักลูกตาออกมาจนเลือดไหลออกมาเป็นทางยาว ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลที่ถูกโบย  บางแห่งลึกจนเห็นกระดูก บางแห่งเนื้อขาดรุ่งริ่งออกมา พิษจากไฮดราแทรกซึมลงไปในร่างจนเนื้อกลายเป็นสีดำและส่งกลิ่นเน่าเหม็นไปทั่ว ที่ใต้เท้ามีกองไฟสุมร่างให้ร้อนระอุเร่งอาการบาดเจ็บให้หนักหนาสาหัสมากขึ้นไปอีก
     
     
    “ไม่นะ คริส ไม่นะ”เธอพูดออกมาอย่างหวาดผวา หยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาเป็นสาย ก่อนจะรนรานรีบโทรศัพท์ไปหาชานยอล คนที่อยู่ใกล้กับคริสมากที่สุดทุกวินาทีที่รอให้ร่างโปร่งรับสายดูยาวนานและบีบหัวใจให้ทุรนทุราย ความกังวลและหวาดกลัวเขย่าขวัญให้แตกกระเจิงและสั่นประสาทให้หวาดผวา หัวใจของผู้เป็นแม่เต้นถี่ระรัว เหมือนโลกทั้งใบกำลังจะถล่มลงมาเพียงแค่ฝันว่าลูกตัวเองถูกทำร้าย
     
     
    “ฮัลโหล”ชานยอลรับสาย
     
     
    “ชานยอล ชานยอล คริสอยู่กับลูกรึเปล่า คริสยังอยู่กับลูกมั้ย”ชานยอลนิ่งเงียบไปก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงงุนงงที่เจือปนความเศร้าอยู่ในนั้นเล็กน้อย
     
     
    “เอ่อ….ไม่ครับ คือ ผมไม่เห็นเขามาหลายวันแล้ว”ทันทีที่ได้ฟังเหมือนหัวใจของเธอถูกคำพูดของชานยอลบดขยี้ให้มันแหลกสลายเป็นผุยผงลงเดี๋ยวนั้น
     
     
    “จะ จะ จริงหรอชานยอล ชานยอล แล้วคริสหายไปไหน ลูกรู้มั้ย”
     
     
    “มะ ไม่รู้ครับ จู่ๆเขาก็หายตัวไป คุณป้ามีอะไรหรือเปล่าครับ”เธอเว้นช่วงไปชั่วครู่ มือบางกุมหัวใจตัวเองเอาไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามของชานยอล
     
     
    “ชานยอล….ก่อนหน้าที่เขาจะหายตัวไป เขาได้ไปทำอะไรไว้รึเปล่า”
     
     
    “ก็…..คือ……ไค เพื่อนสนิทของผมกำลังจะตาย ผมเห็นในนิมิตของเดลฟีว่าเขาจะตายอย่างทรมาน ผมไม่อยากให้เพื่อนต้องเจ็บปวด ผมเลยขอร้องคริสให้เขาช่วยบิดเบือนการตายของไค ทะ ทะ ทำไมหรอครับ เกิดอะไรขึ้นหรอ”เฉียบพลันนั้นร่างของเธอก็ทรุดฮวบลงกับพื้น เธอรู้ได้โดยทันทีว่าสิ่งที่เธอเห็นไม่ใช่ความฝัน มันคือรางบอกเหตุถึงสิ่งที่คริสกำลังเจอ….
     
     
    “คริส กำลังถูกลงโทษ เขากำลังทรมานอยู่ในทาทาร์รัส บทลงโทษที่เขาเจอมันสาหัสมาก เขาถูกทารุณให้เจ็บปวดจนตายแล้วก็ฟื้นคืนกลับขึ้นมาใหม่วนเวียนอย่างนี้ไปไม่รู้จบ จะตายก็ตายไม่ได้ จะอยู่ก็อยู่ไม่ได้ ฮาเดสต้องการสอนให้เขารู้จักค่าของความตาย”
     
     
    “วะ ว่าไงนะครับ ”
     
     
    “ชานยอล ป้าจะไปช่วยคริส คริส คริส….เขาทรมานเกินไปแล้ว”
     
     
    “ทาทาร์รัส…..ผม…..ผม  เพราะผม…เพราะผมทำให้เขาต้องถูกลงโทษ”
     
     
    “มันไม่ใช่ความผิดของลูก ชานยอล”
     
     
    “คุณป้าครับ…..ให้ผม…..ลงไปช่วยกับคุณป้าด้วยเถอะนะครับ ทุกอย่างเป็นเพราะผมเอง”
     
     
    “แต่ที่นั่นอันตรายมากนะ ชานยอล”
     
     
    “ผมขอร้อง…”เธอชะงักไปชั่วครู่ด้วยความตกใจ เพราะโดยปกติชานยอลไม่เคยขอร้องใครถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญมากจริงๆ…
     
     
    “งั้นรีบมาหาป้านะ”
     
     
    “ครับ”ชานยอลตอบรับก่อนจะกดวางสายไป
     
     
     
              ร่างโปร่งนั่งนิ่งตกอยู่ในภวังค์หลังจากที่วางสายไป หลักตรรกะในสมองเชื่อมโยงถึงเหตุผลต่างๆเข้าด้วยกัน และยิ่งบทสรุปออกมาหัวใจของเขาก็ยิ่งปวดหนึบ…
     
     
     
    ที่คริสหายไป เพราะกำลังถูกลงโทษอยู่ในทาทาร์รัส และสาเหตุก็มาจากตัวเขาอย่างนั้นหรอ
     
     
     
     
    “ทำไม ทำไมถึงทำอย่างนั้น”ชานยอลพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเตรียมเดินทางไปหาป้าของเขาเพื่อลงไปยังนรกทาทาร์รัส สถานที่ที่อยู่ลึกที่สุดและอันตรายที่สุดในนรกที่ไม่เคยมีมนุษย์ผู้ใดเคยเข้าถึง…





     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×