คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : m a b o y 1 ϟ บทนำ
And when brotherhood come first Then the line will never be crossed
บทนำ
‘ไอ้บ้า!’
‘ไอ้โรคจิต!’
‘ไอ้ไม่มีเพื่อน!’
‘ไอ้ลูกคนเลว!’
ผมกับโจวมี่หรือไอ้โจกำลังเดินเล่นไปทำไมก็ไม่รู้ โรงเรียนนี้มันน่าเดินเล่นตรงไหน...ไม่เห็นจะมีอะไรดี ในระหว่างที่กำลังใช้ความคิดหาว่าโรงเรียนนี้มันดียังไงผมกับไอ้โจก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
เหมือน...เสียงมันอยู่ใกล้ๆนะ
กูขอล่ะ อย่าเป็นเสียงร้องของผีเลย TT นี่มันกลางวันแดดร้อนยิ่งกว่าไฟนะเฮ้ย!
...แม้จะไม่อยากเจอผี แต่ ส.ใส่เกือก ก็ไม่เกรงใจใคร ผมกับไอ้โจจึงเดินเข้าไปหาต้นเสียงทันที
“ไอ้เวรพวกนี้!!! ออกไปให้หมดเลย!!”
พอเห็นว่ามันไม่ใช่ผีและคือคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกผม ผมก็ไม่กลัวและตะโกนออกไปจนลั่นห้องบวกกับท่าทางที่กำลังจะฆ่าคนแล้วใครไม่หนีมีตาย
ผู้คนวิ่งหนีออกไปจนเห็นเด็กผู้ชายคนนึงนั่งอยู่ที่พื้นตัวระบมไปด้วยรอย ผมยืนมองมันอยู่ห่างๆส่วนไอ้โจก็ทำหน้าที่ไปประคองขึ้นมา
“นี่นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ไอ้โจถามขึ้น
“ไอ้บ้าพวกนั้นคิดว่าตัวเองเป็นใคร ห๊ะ!!”
ผมสบถออกมาอย่างหัวเสีย พลางมองไปที่ไอ้โจ ทำไมมันเหมือนจะพากันล้มแบบนั้นน่ะ แน่ใจนะว่าช่วยพยุงขึ้นมา เฮ้อ...ช่วยอีกแรงก็ได้วะ
...นี่ตัวคนแน่นะ(?) นึกว่าซากคน
“พวกนายเป็นใคร?...”
พอยืนขึ้นมาได้ผมกับไอ้โจวก็ปล่อยให้คนที่โดนทำร้ายมายืนเองบ้าง ดูๆแล้วหน้ามันก็ใช้ได้นะเพียงแต่ผมหล่อกว่านิดนึง ฮ่าๆๆๆ
“อ๋อ! พวกเราก็เป็นเพื่อนนายไง” โจตอบและยิ้มอย่างสดใสโลกไร้มลพิษ(?)
เพื่อนหรอ? อืมๆ เพื่อนก็เพื่อน...ผมไม่ได้รังเกียจอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะ เพียงแต่เป็นคนที่แสดงออกไม่ค่อยเก่งในเรื่องพวกนี้ ผู้คนที่ไม่ค่อยสนิทด้วยจึงจะบอกว่าผมมันนิสัยไม่ดี เอาแต่ใจตัวเองตั้งแต่เด็กๆ ทำไมไม่ลองหลับตาดูบ้างล่ะ ผมก็อยากทำอาหาร พาไปเดินเล่น ยิ้มให้ทุกวันเหมือนคนอื่นบ้างนะ ผมแค่อาย...และคนอื่นทำให้ผมไม่กล้าที่จะแสดงออกมา
เพียงเพราะพวกเขาบอกว่า...’ไอ้บ้านั่นไม่มีอะไรดีสักอย่างหรอก นิสัยเสียไปวันๆ’
“ใช่! ต่อไปนี้เราสองคนจะเป็นเพื่อนนายเอง”
ผมตอบบ้างและเอื้อมมือไปตบไหล่มันเบาๆ อืม..นี่มันมากกว่าทุกครั้งที่ผมจะทำได้เลยนะ ตอนเป็นเพื่อนกับไอ้โจผมแค่ยืนอยู่เฉยๆมีแต่มันนั่นแหละที่เข้ามาทักผม แต่เราก็เป็นเพื่อนกันได้จนวันนี้ผมก็จะมีเพื่อนเพิ่มมาอีกคนแล้ว
“เพื่อน...งั้นหรอ?” คนที่ผมตบไหล่ไปเมื่อกี้ทวนประโยคขึ้นมาเบาๆแล้วก็เงียบไป ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมมันถึงเงียบ ผมไม่ได้มองหน้ามันเลยด้วยซ้ำ แค่กำลังคิดว่าต่อไปผมจะทำอะไรต่างหาก
“ก็ใช่นะสิ! เราเป็นเพื่อนกันแล้วตอนนี้ อ่อ!ฉันชื่อโจวมี่นะ”
ไอ้โจพูดขึ้นทำลายบรรยากาศที่เงียบได้ดีจริงๆ ผมเลยไม่รอช้าแนะนำตัวบ้าง
“ส่วนฉันโรเลอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ผมกับไอ้โจมองไปที่ไอหน้าหล่อแล้วยิ้มให้
“…ฉันชื่อเทสโก้”
เทสโก้ตอบและนิ่งไปอีก ฮะ? มีต่อป่ะ หรือว่าจบแล้ว...ยังไงๆจบตอนไหนกูไม่รู้เรื่องว่ามันจบตอนไหน
“นายต้องพูดให้มันเข้มแข็งสิ! ต้องพูดแบบนี้ ฉันชื่อ เทสโก้ผู้หล่อเลิศที่สุดในปฐพี ฮ่าาๆ” ผมพูดออกมาและตบไหล่เทสโก้เพื่อจะบอกมันว่าการแนะนำตัวมันต้องเป็นแบบนี้
“ฮ่าๆๆ หล่อเลิศที่สุดในปฐพี นี่แกคิดได้ไงว่ะฮะ ฮ่าๆๆๆ” ไอ้โจระเบิดหัวเราะออกมา
“ฮ่าาาๆๆ” ส่วนเทสโก้ก็ใช่ว่าจะน้อยหน้า
อะไรวะ คนยกตำแหน่งนี้ให้แล้วยังมาหัวเราะอีกเดี๋ยวยึดคืนซะเลย นั่นไอ้โจตัวดีเลยถ้ามันไม่หัวเราะไอ้เทสโก้ก็ไม่ตามหรอก -//- พอยัง...พวกแกจะพอได้รึไง กูรู้สึกหน้าไม่หนาพอนะเว้ย
แต่อย่างน้อยคนที่โดนซ้อมและหน้านิ่งอย่างไอ้เทสโก้ก็หัวเราะได้ล่ะวะ
“…พอเหอะๆ ออกไปจากนี่กัน ฉันจะบ้าตาย”
เลิกสนใจพวกนั้นผมก็เพิ่งรู้ว่าตอนนี้เราอยู่ในห้องที่แคบมากและฝุ่นเยอะมากด้วย
“เออว่ะๆ ไปเหอะ” ไอ้โจพอระลึกชาติได้ก็เดินไปที่ประตูเพื่อจะเปิดมันออก ผมมองตามมันที่พยายามจะเปิดประตูที่ปิดอยู่ด้วยท่าทางแปลกๆ
แกร๊ก !
“เฮ้ยย!!”
เริ่มจะรู้สึกไม่ดีแล้วสิ แค่เปิดประตูเหมือนตอนเข้ามามันจะยากอะไร ไม่มีคนมาล็อกไว้นี่หว่า ไอ้โจมันเว่อร์รับเพื่อนใหม่หรือไง
ถึงความคิดจะพยายามคิดในทางที่ดี แต่ความจริงก็ขัดไม่ได้อยู่ดีถ้าจะบอกว่าเราถูกขังไว้ในนี้น่ะ -_-;;
“ไอ้พวกนั้น!! กล้าขังเราไว้ในนี้งั้นหรอ!!”
ถ้าจะโลกสวยแล้วไม่ทำให้ออกจากที่นี่ได้งั้นก็ไม่ต้องโลกซงโลกสวยมันแล้วล่ะตอนนี้ ทำไงดี พังประตูออกไปดีมั้ยวะ หรือว่าจะขุดดินลอดออกไปดี -_-
“อ่าจริงๆเลย! ฉันน่าจะขอม้าซื้อโทรศัพท์ก่อนที่จะซื้อโมเดลรถนั่นนะ!! ให้ตายดิแล้วนี่จะทำยังไงเนี่ย!” ไอ้โจสบถออกมาทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะมองมันทำปากขมุบขมิบกับตัวเอง
ไม่นานมันก็หยุดและหันมามองผมบ้าง ซึ่งมองทำไมผมก็รู้ดีในสิ่งที่มันมองมา ก็อยากบอกว่าถึงตัวข้าจะเป็นลูกมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่แต่ข้าก็ไม่มีโทรศัพท์ใช้นะ อินดี้เหลือหลาย
ใจป่ะ...กูอินดี้มากมาย
“ไม่ต้องมอง ไม่มีเว้ย!! อินดี้ไง -___-;;” ไม่ต้องรอคำตอบนานผมก็รีบตอบออกไป
“ฉันรู้มาว่าพ่อนายเป็นนักธุรกิจ นายคือความหวังสุดท้าย เทสโก้…” หลังจากที่ไอ้โมเดลรถกับไอ้อินดี้มันไม่มีประโยชน์ ลูกนักธุรกิจก็ควรจะเป็นความหวังสุดท้ายนะ
“ไม่มีหรอก ฉันใช้แต่โทรศัพท์บ้าน” เทสโก้ตอบเสียงเรียบ
มีเถอะ กูขอ TT
“สาบานว่านี่ลูกนักธุรกิจกันทั้ง 3 คน -__-” ไอ้โจพูดออกมา
“เราคงได้ตายกันอยู่ที่นี่แน่ๆเลย - -” ขอไม่ให้ผมเลยหมดหวังแล้วนั่งลงกับพื้นที่มีฝุ่นหนาเตอะ แล้ววาดรูปเล่นระบายความอึกอัด
“แต่ฉันมีวิธีที่จะออกไปจากที่นี่นะ”
เทสโก้พูดออกมาทำให้ผมละความสนใจการวาดรูปบนพื้นฝุ่นทันที
ภาพที่เห็นคือไอ้เทสโก้ก้มลงหยิบไม้บรรทัดเล็กๆที่อยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วยิ้มให้พวกเราเหมือนจะมาเชือด เฮ้ยๆ
มันโรคจิตโคตรเลย...
“นายจะทำอะไร?” ไอ้โจถามขึ้น
“ฉันจะเอาไม้บรรทัดนี้ไขน็อตที่ประตูออก”
“นายเอาจริง?” ผมถามขึ้นมา
“อื้อ!” แสดงว่ามันจะทำจริงๆสินะ -_-;
ในเวลาแค่ 20 นาที ก็สามารถออกมามองท้องฟ้าที่สดใสได้ เราได้ออกมาจากห้องที่สกปรกโสโครกแล้ว โอ๊ย...เริ่มหายใจสะดวกสบายเต็มปอดแล้ว
ดีใจได้ไม่นานผมก็นึกไปถึงพวกที่ขังเราไว้ในห้องนี้ ฮึ่ย! คิดถึงแล้วอยากไปหาจังเลย
“ไอเวรพวกนั้นตายแน่! ที่กล้ามาขังท่านโรลเลอร์คนนี้!!!”
สามวันต่อมา...
“ทุกคน..ฉันมีอะไรจะบอก”
ผมถือกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีดำขึ้นมาให้โจวมี่กับเทสโก้ดู พวกนั้นดูจะสนใจมากกับสิ่งที่ผมกำลังจะทำในตอนนี้
“มันคืออะไร” เทสโก้ถามอย่างงๆ
“ยะ..อย่าบอกนะว่านิ้วมือคนน่ะ”
“นิ้วมือคนที่ไหน O.O”
“ฉันเคยดูละครพวกเขาชอบเอานิ้วมือคนใส่ในกล่องดำแบบนี้แล้วส่งมาให้คนที่เป็นศัตรู ในกล่องนั่นจะเขียนว่าแกคือคนต่อไป”
โจวมี่พูดอย่างจริงจังและแอคติ้งโอเวอร์จัดเต็มกับท่าทางนั่นมันอาจจะทำให้ใครหลายๆคนคิดและกลัวตาม แต่ผมมองแล้วมันฮามากกว่า
“ฮ่าๆๆๆ”
“นายขำอะไร -_-;”
“อุ๊บส์ OxO เปล่าไม่ได้ขำ...ฉันจะบอกอะไรให้นะนายฟังนะ เลิกดูละครพวกนั้นสักอาทิตย์แล้วดูบาร์บี้สิ เปิดกล่องมามีนางฟ้าตัวน้อยๆบินออกมาพร้อมออร่าวิ้งๆ”
“นายพูดอย่างกับเคยดูน่ะ” เทสโก้พูดขึ้นอย่างทึ่งๆ
“จริงด้วย นายดูหรอ” โจวมี่กองหนุน
“ก็...ก็ประมาณนั้น”
ผมตอบแบบไม่ใส่ใจนัก พยายามทำหน้าให้เป็นปกติด้วย แต่ให้ตาย...ไอ้พวกนั้นมันจะขำอะไรหนักหนาวะกะแค่ผมดูบาร์บี้เองนะ...แค่ตอนเดียว...เอง U.U//
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” โจวมี่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้วชี้มาที่ผม
“ฮ่าๆๆๆ บาร์บี้หรอ พูดเป็นเล่น” เทสโก้ก็มองหน้าโจวมี่แล้วเกิดติดเชื้อไวรัส(?)ด้วยกัน ไอ้พวกนี้นี่ถ้าอีกคนหัวเราะแล้วอีกคนจะหุบปากอยู่เฉยๆไม่เป็นรึไง -//-
“รึพวกนายไม่เคยดู”
“ไม่เว้ย เคยดูแต่มาสค์ไรเดอร์ ซีรีส์ รู้จักป่ะไอ้มดแดงน่ะ” โจวมี่พูดพร้อมกับท่าปล่อยพลังเหมือนซุปเปอร์ไซย่าในเรื่องดราก้อนบอล =_=;
“เข้าเรื่อง! ฉันเปิดแล้วนะ”
“เปิดเลยๆๆๆ”
“คิมุระ โคริภูมิใจนำเสนอ....ท้าดา~~”
จบประโยคผมก็เปิดกล่องนั่นขึ้นมา
“โทรศัพท์!!”
เทสโก้กับโจวมี่พูดขึ้นมาพร้อมกัน
“ใช่ไง ฉันขอป๊าได้เมื่อเช้านี้เองนะ ต่อไปนี้ไม่ว่าใครจะมาขังเราไว้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ฉันจะเป็นคนโทรไปบอกป๊าเอง เมื่อออกมาได้ฉันจะบอกป๊าให้ไปฆ่าพวกนั้นจนตำรวจหน้าไหนก็ไม่กล้ามาทำคดีให้มัน!”
“...”
“...”
โจวมี่กับเทสโก้ไม่พูดอะไรขึ้นมามองแต่หน้าผมนั่นแหละ
“มีอะไรงั้นรึ”
“กระผมแค่จะถามว่านายมีโทรศัพท์อย่างเดียวไม่ได้นะต้องเติมเงินด้วยไม่งั้นก็หมดประโยชน์ หรือแบตหมดก็ไม่ได้”
“สาบานว่ามันไม่เกิดขึ้นกับฉันแน่นอน -_-;”
พูดถึงเรื่องที่พวกเราถูกขังไว้มันก็น่าแก้แค้น แต่ถ้ามองให้ลึกไปอีกจะเห็นว่าได้เพื่อน ยิ่งนานพวกเรายิ่งสนิทกันเหมือนกับเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมา เหมือนกับเคยรู้จักมาแล้วสิบชาติ เอิ่ม...
แต่นี่แค่สามวันเองนะยังเหมือนอยู่มาสามปี แล้วถ้าเราเป็นเพื่อนแบบนี้ตลอดไปงั้นเวลาผมไม่มีบ้านอยู่จะไปอยู่กับพวกมันล่ะกัน ^^
“ฉันจะขอบ้าง พรุ่งนี้คอยดูนะ” ไอ้โจพูดขึ้น
ผมจึงยิ้มให้มันแบบว่า ‘ แกไม่ได้แน่นอน’ ซึ่งมันน่าจะรับรู้ได้ว่าผมสื่ออะไรไปถึงหน้าทำหน้ามั่นอกมั่นใจกลับมาซะขนาดนั้น ถ้ามันได้ก็ช่างมันผมก็แค่เล่นกับมันสนุกๆเฉยๆน่า :)
เราออกจะรักกัน...
ความคิดเห็น