ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คนขายผัก

    ลำดับตอนที่ #1 : สวัสดี

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 51


       ชายขายผักคนหนึ่ง ทุกวันเขาจะถอนผักในไร่ล้างแล้วจัดใสตระกร้าหาบไปเร่ขายตามบ้าน โดยเขาจะหาบไปตามเส้นทางเดิม คนที่ซื้อล้วนเป็นขาประจำ ในจำนวนขาประจำมีบ้านเศรษฐีรวมอยู่ด้วย ทุกวันคนในบ้านเศรษฐีมักจะซื้อผักกับเขา เศรษฐีและภริยาแอบสังเกตเห็นว่าคนขายผักลักษณะท่าทางเป็นคนซื่อ จึงคิดจะยกลูกสาวให้
          วันหนึ่งคุณนายได้ถามคนขายผักว่า “ที่บ้านนอกจากเธอแล้วยังมีใครอีกบ้าง? ” “ผมกำพร้าพ่อแม่ ไม่มีพี่น้องอยู่กับคุณอาตงแต่เด็กจนโตครับ” “เธอยินดีที่จะเป็นลูกเขยบ้านฉันมั๊ย?” คุณนายถามตรงๆ คนขายผักถูกคุณนายถามอย่างกะทันหันถึงกับนิ่งอึ้ง ในใจคิดว่าตนเป็นลูกกำพร้ายากจน หาบผักขายไปวันๆ ไหนเลยเศรษฐีจะเอาตนเป็นลูกเขยหรือว่าฟังผิดไป ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบคำถามของคุณนาย ฝ่ายคุณนายคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในชีวิต เขาคงต้องกลับไปคิดไตร่ตรองอีกที การไม่ตอบถือเป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นจึงไม่ได้ถามซ้ำอีก แต่คนขายผักยังคงคิดถึงคำถามของคุณนายตลอดเวลา เมื่อกลับถึงบ้าน จึงบอกอาเขาถึงคำถามของคุณนาย อาเขยกล่าวว่า “หลานเอ๋ย เขาเป็นคนรวย แกเป็นคนจนไม่คู่ควรกัน ใครเขาจะเอาแกเป็นลูกเขย เขาคงพูดเล่นกับแกมากกว่า อย่าไปคิดมากเลย” คนขายผักรู้สึกคำพูดของคุณอามีเหตุผล จึงไม่กล้าเพ้อฝัน ทุกวันยังคงหาบผักไปเร่ขายตามปกติ
          วันหนึ่ง เขาหาบผักมาถึงหน้าบ้านเศรษฐี คุณนายถามอย่างจริงจังว่า “วันก่อนฉันถามเธอว่าเธอยินดีจะเป็นลูกเขยบ้านฉันไหม คิดไตร่ตรองแล้วเป็นยังไง ทำไมไม่เห็นมาบอก” คนขายผักได้ฟังรู้ว่าคุณนายพูดจริงไม่ได้พูดเล่นจึงบอกคุณนายถึงคำพูดของอาเขา คุณนายกล่าวว่า “เรื่องแต่งงานจะพูดเล่นได้อย่างไร เมื่อกลับไปบ้านปรึกษากับอาแล้วอย่าลืมมาให้คำตอบด้วยนะ”
          วันต่อมา สองอาหลานได้มาบ้านเศรษฐี อาเขาถามว่า “หลานผมว่าคุณนายจะให้เขาเป็นลูกเขย เป็นความจริงหรือเปล่าครับ” “เป็นความจริง เราทั้งสองอายุมากแล้วมีแต่ลูกสาวสามคนไม่มีลูกชาย หลานคุณเป็นคนซื่อ เราจึงคิดจะยกลูกสาวคนโตให้เขา” เศรษฐีกล่าวอย่างจริงใจ “แต่บ้านเรายากจนไม่มีสินสอดจะให้ทำยังไง” “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล เราต้องการลูกเขยไม่ใช่สินสอด” แล้วพิธีแต่งงาน
          ก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย คนขายผักได้ทั้งภรรยาแสนสวยและทรัพย์สินก้อนโตที่ติดมากับเจ้าสาว ทำให้เจ้าหนุ่มดีใจมาก
          หลังจากแต่งงาน เนื่องจากความเป็นอยู่ไม่ขาดแคลนและมีพ่อตาแม่ยายคอยให้ความช่วยเหลือแนะนำ คนขายผักจึงไม่ต้องหาบผักเร่ขายอีก สามีภรรยาต่างรักใคร่กันมาก วันเวลาแห่งความสุขผ่านไปได้เพียง 3 ปีก็เกิดเหตุไม่คาดฝันภรรยาเกิดล้มป่วยและเสียชีวิตลง คนขายผักเศร้าโศกเสียใจมาก เศรษฐีก็เสียใจมากเช่นกัน เจ้าลูกเขยตั้งแต่เมียตายก็เอาแต่ร้องไห้โศกเศร้า เศรษฐีเห็นก็รู้สึกลูกเขยรักลูกสาวจริง
          วันหนึ่งเศรษฐีกล่าวกับภรรยาว่า ถ้าเขาแต่งงานใหม่กับคนอื่น เราทั้งสองก็จะขาดที่พึ่ง บัดนี้ลูกสาวคนที่สองก็โตเป็นสาวแล้ว ให้แต่งกับเขาเลยดีไหม ฝ่ายภรรยาเห็นด้วยเช่นกัน แต่ยังเกรงลูกสาวจะไม่ตกลงจึงเรียกลูกสาวมาถาม ซึ่งเธอก็ยินดี แล้วเรียกลูกเขยมาถาม ลูกเขยไม่อาจขัดความหวังดีของพ่อตาแม่ยายก็ตกลงคนขายผักแต่งกับลูกสาวคนที่สองของเศรษฐีได้เพียง 3 ปี ภรรยาคนใหม่ก็ป่วยตายอย่างกะทันหัน ทุกคนในบ้านต่างเศร้าโศกเสียใจ ที่โศกเศร้าที่สุดก็คือลูกเขย บุตรสาวคนโตและคนที่สองต่างแต่งงานได้เพียง 3 ปี ก็ตายเหมือนๆ กันอะไรเช่นนี้ หรือว่าชะตาชีวิตลิขิต เศรษฐี
          เห็นลูกเขยเศร้าโศกมากรู้สึกเห็นใจ จึงปรึกษาภรรยาว่าลูกคนเล็กโตเป็นสาวแล้วให้แต่งกับลูกเขยแล้วกัน ภรรยาก็เห็นด้วย เศรษฐีจึงเรียกลูกสาวและลูกเขยมาถาม ซึ่งทั้งคู่ต่างยินดีที่จะแต่งงานกัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×